ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #15 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 15

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      45
      7 ก.พ. 63

    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: Song ji eun - Going Crazy Eng.Cover


    EPISODE15

    Alternative Universe 01Everything started from 'force'


    ต่อจากนั้นเพราะลินดิสหลับไปอีกรอบ กาลีเลยลุกขึ้นยืนแล้วหยิบกระเป๋าสีหวานมามองอีกครั้งด้วยสายตาพิศวง ชีวิตเธอไม่เคยคิดจะจับของเช่นนี้เลย แต่เธอก็ต้องจับมันเพราะนางจนได้

    เธอถือวิสาสะดูของภายในนั้นแล้วพบว่ามันคือเสื้อผ้า ใส่แล้วคงสวยน่ารักเหมาะกับตัวนางดี

    สายตาเธอเหลือบไปมองตู้เสื้อผ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่ ในนั้นมีเสื้อผ้าเธอก็จริง แต่ก็ไม่มากนักหรอก เธอเพิ่งมาใช้ชีวิตเหมือนเป็นมนุษย์ธรรมดาได้ไม่กี่วันเพื่อหลอกลินดิสช่วงแรกๆเท่านั้น

    เธอลุกขึ้นยืน เดินตรงไปยังหน้าตู้ กระชากให้เปิดออกแล้วหยิบเสื้อผ้านางใส่ไม้แขวนแขวนไว้ในตู้

    เมื่อก่อนนางเป็นสามี เธอก็ต้องทำอะไรแบบนี้

    ตอนนี้นางเป็นเมีย เธอก็ยังต้องทำอีก

    เวร...

    เธอสบถในใจโดยไร้เสียง เมื่อใส่เสื้อผ้านางไว้ในตู้แล้วหยิบขวดน้ำหอมเล็กๆ ไปวางที่โต๊ะเล็กข้างเตียง เธอก็หลุบสายตามองนาง เห็นผิวขาวๆ ที่โผล่ออกมานอกเสื้อ

    ตอนนอนก็ยั่วได้ เชื่อเลย เกิดมาเพื่ออะไรแบบนี้เหรอไง

    ตอนที่ลินดิสเป็นสามีเธอ หล่อนก็เป็นชายหนุ่มร่างสูง กำยำ สเป็กสาวทั้งหมู่บ้านเหมือนกัน แถมนิสัยเจ้าชู้ บางครั้งเมาสุราแต่หัววัน เธอไม่อยากจำเลยว่าเรามารักกันได้ยังไง

    แต่ไม่ปฏิเสธว่ามันก็ยังอยู่ในความทรงจำเธอ

    แต่...การนึกถึงเขาทำให้เธอเจ็บปวดมากกว่าการมองนางที่นอนอยู่ตรงหน้าเสียอีก

    กาลีโน้มใบหน้าลงไปจูบที่ขมับของลินดิสอย่างรักใคร่

    "ข้าเกลียดเจ้า รู้ไหม" เธอกระซิบ "แต่ก็..."

    ก่อนที่จะได้พูด เธอชะงัก

    มันไม่ใช่สิ่งที่พูดไม่ได้ แต่มันคือสิ่งที่เธอไม่ควรพูดเพื่อตอกย้ำตัวเองอีก

    เรื่องบางเรื่องมันทรมานใจเกินไป

    เธอกลับมายืนตรงเหมือนเดิม ผลไม้ลูกนั้นนางกินหมดแล้ว แถมยังบอกว่ามันหวาน...เธอเลยสามารถรู้ความรู้สึกในใจนางได้ ว่านางคิดยังไงกับเธอกันแน่ แต่เธอไม่ขอพูดถึงมันก็แล้วกัน

    ความจริงเป็นยังไงเธอไม่อยากรับรู้ เธอไม่ได้มีชีวิตอยู่กับความจริง

    กาลีในตอนนี้มีชีวิตอยู่เพราะความแค้นเท่านั้น

    แต่...เพราะความฟุ้งซ่าน เธอตัดสินใจเข้าไปสงบสติอารมณ์ในป่า


    สองวันแล้วที่ลินดิสอยู่กับกาลีแบบไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่มีความปวดหัวใดๆ จากบ้านให้เธอมาคิด นางดูแลเธอดีมาก เทคแคร์ในแบบที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับ

    เราทำหลายๆ สิ่งด้วยกัน นางถึงขนาดสอนให้เธอล่าสัตว์ และเธอก็ทำมันออกมาได้ดี

    ค่ำแล้ว หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอกับกาลีเลยมายืนดูดาวอยู่ริมระเบียง ท่ามกลางความหนาวเย็น นางโอบไหล่เธอไว้

    "กาลี ท่านคิดว่าที่บ้านจะคิดถึงข้าบ้างหรือเปล่า" เธอเอี้ยวใบหน้าไปมองนางระหว่างถามออกไป อยากทราบความคิดเห็นของนาง

    "ไม่มีครอบครัวไหนไม่คิดถึงกันและกันหรอก ขนาดเจ้ายังคิดถึงพวกนางเลย" กาลีเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสุขุม ยิ่งอยู่ด้วยกันเธอก็ได้สัมผัสว่านางเป็นผู้ใหญ่มากคนหนึ่ง และดูพึ่งพาได้อย่างน่าชื่นชม

    เธอไม่ตอบอะไร แค่อมยิ้มอยู่เงียบๆ แล้วนางก็หันมามอง

    "เจ้าอยากกลับไปหาพวกนางหรือ"

    สีหน้าน้อยใจของนางทำให้เธอจูบแก้มนางเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ

    "เปล่า ข้าก็อยู่กับท่านนี่แหละ ข้ายังไม่อยากกลับไปหาครอบครัว แต่ยังไงสักวันก็ต้องไปแน่" เธอกระซิบบอกเพื่อให้นางสบายใจ ช่วงนี้เราค่อนข้างหวงกันและกันจนเธออดคิดไปเองคนเดียวไม่ได้ว่านางต้องรักเธอแน่ๆ

    แต่ไม่มีใครสักคนพูดถึงความรู้สึกของตัวเองให้อีกคนฟัง

    "ก็ดีแล้ว เพราะข้าคิดว่ามันคงน่าน้อยใจมากหากเจ้ามาทำให้ข้าติดเจ้าเช่นนี้แล้วเจ้าก็ทิ้งข้าไป"

    "ไม่มีใครจะทิ้งใครไปทั้งนั้น ยกเว้นเสียว่าท่านจะทิ้งข้าก่อนจริงๆ" เธอหัวเราะกับสิ่งที่พูดออกไป ทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไรน่าหัวเราะเลยแม้แต่นิดเดียว

    นางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วจับมือเธอ เดินพาเธอกลับเข้าไปภายในแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง และเพราะนางฉุดรั้งให้เธอนอนลงมาด้วยกัน ตอนนี้เลยกลายเป็นเธอกำลังคร่อมอยู่บนร่างกายของนาง

    ตามที่ใจปรารถนา เธอกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากนางอย่างแผ่วเบา และแนบแน่นขึ้นตามลำดับ

    มือของเธอเลื่อนขึ้นไปยังชุดของนางและจะปลดมันออกระหว่างที่เรากำลังดูดดื่มกับริมฝีปากของกันและกัน เรียวลิ้นของนางให้รสชาติหวานของผลไม้ เธอโลมเลียมันจนแทบแห้งสนิท

    แต่มือของนางก็เลื่อนมากุมมือเธอไว้

    "อย่าถอด" นางกระซิบเมื่อเราผละออกจากกัน

    "ทำไม" เธอถามอย่างไม่เข้าใจ

    "ไม่มีอะไร" นางถอนหายใจ "นอนเถอะ"

    นางดันให้เธอออกไปจากบนร่างแล้วพลิกตัวหันไปทางอื่น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางแสดงท่าทางเช่นนี้ แต่มันเป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกคือเมื่อวาน ถึงมันจะแปลกจนน่าน้อยใจแต่ลินดิสก็เก็บซ่อนมันไว้

    แต่เก็บไว้ไม่แนบเนียนหรอก

    "อื้อ" เธอตอบรับแล้วก้มหน้าลง น้ำตาคลออยู่ที่เบ้าตา

    ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ก็ผลักไสเธอ

    แต่นางไม่ได้ลุกมาให้คำตอบกับเธอ เธอเลยล้มตัวลงนอนแล้วสวมกอดร่างกายบอบบางของนางจากด้านหลัง

    "หากท่านไม่อยากกอดข้าก็ไม่เป็นไร" เธอกระซิบกับนางจนนางชะงัก พลิกร่างหันมากอดเธอกลับแทบจะทันที ทำให้ลินดิสใจชื้นขึ้นมาบ้างว่านางคงไม่ได้เบื่อเธออย่างที่เธอคิด

    "ข้ากอดเจ้าได้ ลินดิส แต่เราจะไม่มีอะไรกัน" นางพูดออกมาตรงๆ

    "เหตุใดท่านถึงไม่อยาก" เธอถาม

    เป็นคำถามที่น่าอายสิ้นดี

    "ไม่ใช่ตอนนี้" แล้วนางก็ตอบกลับมาเพียงเท่านั้น ไม่ลงรายละเอียดใดๆ เลย

    ริมฝีปากอุ่นของนางประทับอยู่บนหน้าผากเธอ

    เป็นสัญญาณที่บอกว่าเธอต้องหลับได้แล้ว

    ลินดิสทำตามอย่างว่าง่ายเมื่ออยู่ในอ้อมกอดอันแสนปลอดภัยของนาง

    แต่...ประมาณสามสี่ชั่วโมงต่อมาเธอก็ต้องตื่นเพราะเสียงฟ้าร้อง

    เธอควานหากาลีโดยอัตโนมัติและพบว่านางไม่อยู่ เพราะแบบนั้นเลยลืมตาขึ้น

    อะไรสักอย่างบอกเธอว่าตอนนี้เวลาเที่ยงคืนครึ่ง...

    กึก...!

    เสียงคนขึ้นบันไดมาทำให้เธอหันไปมอง ต้องเป็นกาลีแน่ๆ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีใครอื่นแล้ว และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อนางเดินขึ้นมาจนถึงชั้นสอง

    "ท่าน..." เธอชะงักเมื่อเห็นว่านางถืออะไรอยู่ในมือ

    มีดเหรอ?

    "..." ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากกาลี เมื่อสายฟ้าผ่าลงมา...ก็มีแสงวาบขึ้น สาดส่องให้เห็นว่าใบหน้าของนางเย็นชามากขนาดไหน แววตาที่เกือบจะว่างเปล่าสบตากับเธอ นางสาวเท้าเข้ามาพร้อมกับมีดเล่มนั้น

    "ท่านคิดจะทำอะไรน่ะ" เธอสับสนและไม่เข้าใจ ร่างกายแข็งเป็นหิน ขยับไม่ได้เลย

    หมับ!

    นางคว้าลำคอเธอไว้แทนคำตอบเมื่อมาหยุดอยู่ใกล้ตัวเธอ

    "กาลี!!" เธอทำสีหน้าเหยเกเมื่อนางกดแรงลงมา ปลายมีดนั่นจ่ออยู่ที่ลำคอของเธอ ก่อนที่มันจะเลื่อนลงไปเบื้องล่าง

    "ข้าจะฆ่า..." นางกระซิบออกมาอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีความอำมหิตในนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

    "ทะ ท่านจะฆ่าข้าหรือ" ลินดิสเค้นเสียงออกไปจากลำคออย่างยากลำบาก น้ำตาเธอไหลเพราะความตื่นตกใจปะปนกับการทำตัวไม่ถูก เสียใจ...เสียใจมากๆ

    นางเงื้อมีดขึ้นโดยไม่พูดอะไรอีก เธอหลับตาปรี่เมื่อมีดนั้นจะพุ่งลงมา

    "ฮึก!" เธอรอรับชะตากรรมของตัวเอง...

    ผลัก!

    แต่มีบางสิ่งเกิดขึ้นก่อน ร่างของกาลีโดนกระแทกโดยอะไรบางอย่างก่อนลอยไปกระแทกผนังห้อง เธอไอค่อกแค่กเมื่อลำคอถูกปล่อยให้เป็นอิสระ หน้าดำหน้าแดงไปหมดจากการขาดอากาศหายใจ

    "ทะ ท่านแม่" เธอสะอื้นเมื่อเห็นว่าคนที่มาช่วยเป็นผู้ใด

    ท่านแม่วีร่ามองเธอด้วยสายตากังวลผสมกับความโมโห เล็บของท่านแม่ฉีกและหักจนเลือดไหลออกมา

    ร่างกายที่แท้จริงของท่านแม่ เป็นครั้งแรกที่ลินดิสเห็นมัน ปีกที่คล้ายคลึงกับปีกค้างคาวบนแผ่นหลัง เขาที่เหมือนเขาของบาโฟเมตบนหน้าผาก นัยน์เนตรสีอะเมทิสต์เรืองแสงน้อยๆ ผิวกายเป็นสีม่วงอ่อน

    "ท่านมาได้ยังไง..." เธอหลุดเสียงแผ่วเบาออกไป

    "ข้ามาช่วยลูกสาวของข้า" นางตอบราวกับทราบล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ นางเบนสายตาไปมองกาลี "และเจ้า...คงไม่คิดสินะว่าอาณาเขตของเจ้าจะถูกพังทลายง่ายดายเช่นนั้นโดยข้าตัวคนเดียว"

    "ข้าไม่ดูถูกเจ้าหรอก สตรีหนึ่งเดียวที่มีพลังทัดเทียมกับอิลูเมีย" กาลีกล่าวตอบ "แต่ก็คงไม่ง่ายดายขนาดนั้นไม่ใช่หรือ ดูสิ เล็บสวยๆ หักเกือบหมดเช่นนี้"

    ท่านแม่ทำท่าราวกับว่าจะโจมตีซ้ำ นางร่ายเวทบนฝ่ามือข้างหนึ่ง วงกลมขนาดเล็กปรากฏขึ้นอย่างเชื่องช้า

    ลินดิสกระเสือกกระสนลุกขึ้นไปบังการโจมตีนั้นไว้

    "ท่านแม่...อย่าทำกาลีเลย ได้โปรด" เธอร้องไห้ "นางไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายข้าหรอก"

    "ผิดแล้ว ลินดิส" ท่านแม่เอ่ย นัยน์ตาของนางดูสงสารเธอ "นางตั้งใจจะทำร้ายเจ้ากับลูกในท้องตั้งแต่แรกแล้ว"

    "..." เธอชาไปทั้งร่างกาย นางพูดอะไรนะ...

    "รับรู้ไว้เสียเถิดว่าตัวเจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่"

    "ข้า..." เธอพูดไม่ออก ได้แต่พึมพำออกมาแล้วเงียบไป ท่านแม่เลยใช้มือที่ว่างอยู่คว้าข้อมือเธอไว้แล้วดึงให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง

    ท้องเหรอ...

    มันเกิดขึ้นได้ยังไง

    ลินดิสมองหน้ากาลี นางเองก็กำลังมองเธอเหมือนกัน นัยน์ตาคมกริบสีเข้มยังคงทำให้ใบหน้านางดูโดดเด่นเหมือนเดิม ริมฝีปากอวบอิ่มปิดเรียบสนิท นางเลื่อนสายตาลงมองหน้าท้องของเธอ

    "กาลี" เธอเรียก ยกมือเช็ดน้ำตาแบบลวกๆ "ท่านทราบอยู่แล้วหรือว่าข้าท้อง"

    "..."

    "ท่าน... ระ รู้อยู่แล้วใช่ไหม"

    "ข้าให้โอกาสเจ้าพาลูกสาวของเจ้าหนีไป วีร่า" กาลีเอ่ยโดยไม่มองหน้าเธอ นางทิ้งมีดในมือลงกับพื้นเสียงดัง "พานางไปให้ไกลจากข้าซะ"

    "ท่านแม่ ข้าอยากคุยกับนางก่อน..." เธอพยายามแย้งอย่างลำบาก ยังเจ็บลำคอที่ถูกบีบอยู่

    "พานางออกไป วีร่า" นางเหลือบมามอง นัยน์ตาคมกริบหรี่ลงอย่างดุดัน เหมือนไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จัก กลายเป็นคนน่ากลัวเกินกว่าที่เธอจะเข้าใกล้ได้ ภาพลักษณ์ของนางเปลี่ยนไป ชุดที่ใส่แปรเปลี่ยนเป็นชุดที่ดูสูงศักดิ์ "เจ้าต้องพานางออกไปเดี๋ยวนี้!!"

    ท่านแม่ดึงเธอออกมาก่อนจะทันได้เห็นร่างที่แท้จริงของกาลี

    ร่างกายของลินดิสที่ไร้เรี่ยวแรงถูกพยุงโดยมือบางของท่านแม่ นางพาเธอออกมาทางระเบียงซึ่งเป็นทางเดียวกับที่นางเข้ามา เราฝ่าฝนออกมาด้วยกัน เธอยังจำคำพูดกาลีได้ เธอจำได้ว่าฝนนี่มีฤทธิ์ยังไง

    วินาทีแรกที่ออกมาจากอาณาเขตป่าได้ เธอเวียนหัวจนแทบร่วงลงไปกองกับพื้น ท่านแม่ปล่อยให้เธอหยุดพักเพื่อโก่งคออาเจียนออกมา

    เธอปวดหัวและตามร่างกายจนน้ำตาไหลลงมาอีกรอบ

    แต่ก็มีฝ่ามือของใครอีกคนมาช่วยพยุงเธอไว้ เธอเงยหน้ามองแล้วพบว่าเป็นสหายของท่านแม่ ท่านนาตาเลียช่วยให้เธอลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไรแล้ววาดสัญลักษณ์โบราณไว้ที่ต้นไม้ ช่องว่างของมิติถูกเปิดออก

    ท่านแม่พยุงเธอเดินผ่านเข้าไป พร้อมๆ กับที่เธอรู้สึกถึงสายตาที่มองตามหลังมา


    กาลีเห็นว่าลินดิสถูกเอาตัวไปแล้ว และราชินีแห่งเผ่าพันธุ์ปรสิตที่เดินเข้าไปคนสุดท้ายก็หันมาสบตาเธอเล็กน้อยแล้วจากไปอีกคน

    เธอกลับไปยังบ้านของตัวเองแล้วนอนลงบนเตียงที่ยังมีกลิ่นของลินดิสติดอยู่

    ทั้งที่จะฆ่าก็ได้แท้ๆ

    ผลไม้ที่ให้ลินดิสกินไป...มันเป็นผลไม้วิเศษของหิมพานต์ ตั้งอยู่ในจุดลึกลับที่สุดและเปรียบเสมือนเขตหวงห้ามของที่นี่ มีแหล่งน้ำล้อมรอบ มีพญานาคเป็นผู้เฝ้ารักษา

    แต่เธอไปขอมันมาเพราะทราบดีว่ามันมีไว้ทำอะไร ผลไม้วิเศษที่หากเพศชายกินเข้าไปจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลและเก่งกาจด้านการรบ หากเพศหญิงกินเข้าไปสามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ และเด็กที่เกิดมาจะมีพรอมตะที่ของมีคมไม่สามารถแทงทะลุร่างกายได้ ฆ่าไม่ตาย และเก่งกาจเกินใคร

    ผลไม้นั้นออกผลหนึ่งผลทุกๆ หนึ่งปี ทุกปีจะมีคนคอยคุ้มกันไว้และปล่อยให้มันแห้งเหี่ยวไปตามกาลเวลา เพราะแบบนั้นมันถึงเป็นผลไม้ที่ห้ามผู้ใดแตะต้อง

    แต่สุดท้ายเธอก็ได้มันมาได้ทัน เนื่องจากผู้คุ้มกันรักษาเกรงกลัวในบารมีของเธอ

    ถึงมันจะแลกมากับการที่ชนชั้นสูงของเหล่าพญานาคต้องนำเรื่องเข้าทูลต่อพระแม่อุมาเทวีที่เป็นอีกตัวตนหนึ่งของเธอก็ตาม

    ถึงจะเรียกว่าอีกตัวตนหนึ่ง แต่เมื่อแบ่งภาคร่างออกมาแล้ว เธอย่อมมีชีวิตจิตใจและความคิดที่อิสระ ไม่ขึ้นตรงต่อผู้ใดทั้งนั้น

    กาลีหวังว่าพระแม่อุมาเทวีจะเคารพความคิดและการตัดสินใจของเธอโดยไม่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวในเรื่องของเธอ

    หลังจากนั้นเธอพาผลไม้ลูกนั้นไปหาหมอผีอย่างจินนา และเธอก็กรีดเลือดตัวเอง ให้เขานำผลไม้ลูกนั้นไปชุบในเลือดของเธอ

    จากเนื้อในสีขาวกลับกลายเป็นสีแดงฉาน

    จินนาบอกสิ่งหนึ่งกับเธอ

    'หากนางกินแล้วบอกว่าหวาน แสดงว่านางรักท่าน องค์กาลี'

    ผลไม้นั้นใช้เวลาสามวันในการสร้างตัวอ่อนเล็กๆ ที่เรียกว่าทารกในร่างกายของลินดิส ที่กาลีจะฆ่าลินดิสตอนนี้ก็เพราะมันเลยเที่ยงคืนมาแล้ว ซึ่งเป็นวันที่สามพอดี

    แต่...เธอกลับปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึงครึ่งชั่วโมง

    ให้เวลามันเลยผ่านมา จนกระทั่งวีร่ามาช่วยลินดิสได้ทัน

    เธอรู้อยู่แล้วว่าอิลูเมียต้องทราบแน่หากลินดิสท้อง

    ตราบจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องกรีดเลือดตัวเองเพื่อให้ทารกที่เกิดมามีสายเลือดของเธอไหลรวมอยู่ด้วย

    หากมีเจตนาจะฆ่าเด็กที่อยู่ในครรภ์ลินดิส เธอต้องทำก่อนที่เด็กคนนั้นจะเกิดมา เพราะเธอจะฆ่าไม่ได้อีกเลย

    กลับกันหากว่าเด็กเกิดมาแล้วและทราบว่าเธอมีจุดประสงค์จะทำร้าย พลังรอบตัวเด็กอาจทำให้เธอไม่สามารถแตะต้องร่างกายเล็กจิ๋วนั้นได้เลยด้วยซ้ำ

    สุดท้ายกาลีก็หลับตาลง ปล่อยให้ความเครียดทั้งหมดจางไปสักพักแล้วจมอยู่กับอดีตอีกครั้ง


    [เนื้อเรื่องย้อนอดีต]

    เกือบร้อยปีก่อน กาลีเป็นเพียงเทวีสูงศักดิ์ที่มีร่างที่แท้จริงน่าหวาดกลัว เธอตัดสินใจไม่มีความรักกับผู้ใดเพราะกลัวว่าคนคนนั้นจะรังเกียจรูปร่างของเธอ เธอถวายชีวิตให้สงครามที่เกิดขึ้นเพื่อทำลายศัตรูให้หมดสิ้น

    แต่คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหลังจบสงครามที่กินเวลายาวนานครั้งล่าสุด เธอลงมาแช่น้ำที่หิมพานต์เพราะอยากคิดอะไรคนเดียวสักพัก

    วันนั้นเป็นวันที่เธอเจอชายผู้เป็นรักแรกของเธอ

    เขามีชื่อว่า 'ลาหาร์'

    ลาหาร์เจอเธอตอนกำลังอาบน้ำอยู่ เขาดูตกใจ แต่สายตาแพรวพราวมาก เขาหลบขวานที่เธอขว้างไปเพราะความตกใจได้

    กะล่อน เจ้าชู้ น่ารัก คล่องแคล่วว่องไว และมีร่างกายแข็งแกร่งเฉกเช่นบุรุษโตเต็มวัย เขาเป็นมนุษย์วัยสามสิบสามปีที่ยังไม่ลงหลักปักฐานกับใคร ตอนแรกกาลีไม่ได้มีใจให้เขาเลย

    กาลเวลาที่เรารู้จักกันทำให้เธอหลงรักเขาในที่สุด

    "เจ้าเป็นเทพ คงไม่เหมาะสมนักหากข้าจักขอเจ้าแต่งงาน" ลาหาร์ถอนหายใจตอนที่เขากำลังกอดเธออยู่บนเตียงในบ้านที่เธอเป็นผู้สร้างมันขึ้นมาในหิมพานต์ เป็นที่เดียวที่เราสามารถอยู่ด้วยกันได้

    เธอวางมือลงบนแผงอกเปลือยเปล่าของเขาแล้วเงยหน้ามองใบหน้าคมสันที่อยู่ใกล้ตัว

    "แต่ข้าอยากอยู่กับเจ้า" เธอกระซิบบอกเขาเบาๆ

    "ข้าก็อยากอยู่กับเจ้า" มือหนายกขึ้นลูบใบหน้าเธอ นัยน์ตาของเขาหม่นแสงลงเล็กน้อย "แต่สักวันหนึ่งเจ้าคงจากข้าไปในที่ที่ข้าเอื้อมไม่ถึงมัน"

    "..." เธอสบตากับเขาโดยไม่พูดอะไร

    "จะเป็นอันใดหรือไม่หากข้าอยากได้ของขวัญแทนใจระหว่างข้ากับเจ้า"

    "สิ่งใด ลาหาร์" เสียงเธอแข็งกร้าวเล็กน้อยและกังวล เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เทพเจ้ามักระแวงเวลามนุษย์ต้องการอะไรสักอย่าง เพราะบางครั้งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ประทานให้ได้

    "ลูก" เขาตอบ ทำให้หัวใจเธอพองโตขึ้น เธอไม่เคยคิดถึงการมีลูกกับใครสักคนเลย

    "ลูกหรือ เจ้าอยากให้ข้า..." เธอเอ่ยออกไปไม่จบเพราะเขาโน้มใบหน้าลงมาจูบริมฝีปากเธอเบาๆ

    "ใช่ ข้าทราบดีว่าข้าเป็นมนุษย์ และสักวันข้าจะต้องตายจากไปเป็นแน่แท้" ลาหาร์กระซิบ นิ้วโป้งของเขาลูบไล้แก้มเธอ "ข้าอยากเลี้ยงลูกที่เกิดระหว่างข้ากับเจ้าตลอดจนช่วงชีวิตของข้า และหลังจากนั้นเจ้าค่อยเลี้ยงดูเขาต่อ"

    เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่ลาหาร์ทราบถึงสิ่งที่อยู่ในใจเธอดี เธอตกลง...

    เขาจูบริมฝีปากเธอแล้วเริ่มความพิศวาสระหว่างเราขึ้นมาอีกรอบ และอีกรอบ

    ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้นเธอก็ทราบว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ลาหาร์ดูแลเธอดีมาก เขาไม่ยอมให้เธอขยับหรือทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตัวเอง

    ทุกอย่างราบรื่นมาก ราบรื่นจนเธอคิดว่ามันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ตอนที่ท้องแก่ใกล้คลอดนั้น...องค์ตรีมูรติลงจากสวรรค์มาหาเธอถึงที่

    องค์ตรีมูรติน่าเกรงขาม สง่างาม และสูงศักดิ์

    "กาลี" สุรเสียงของพระองค์ช่างอ่อนโยน แต่ประโยคที่กล่าวนั้น... "ทารกเพศชายที่กำลังเกิดมาองค์นี้...จักสร้างภัยพิบัติให้แก่เราเหล่าเทพ โปรดตัดสินใจใหม่เถิดว่าจะให้เขาเกิดมาหรือไม่"

    "พระองค์เอ๋ย" เธอก้มศีรษะลงเท่าที่สามารถทำได้ "ข้าสัญญาว่าจะเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด อย่างไรเขาก็เป็นลูกของข้า ข้าคงไม่อาจทำร้ายเขาได้ดอก"

    "หากเป็นเช่นนั้น เจ้าโปรดสัญญาว่าเจ้ารักรับผลการกระทำของลูกเจ้าได้ และในอนาคต...หากเขาต้องมรณาเพราะสิ่งที่เขากระทำ ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีผู้ใดแทรกแซงได้"

    "ทุกสิ่งแลล้วนแล้วแต่ยืนอยู่บนวงเวียนแห่งเวรกรรม" เธอตอบรับ

    วันที่กาลีคลอดนั้น ลาหาร์ดีใจมาก เขาเป็นคนตั้งชื่อให้ลูกชายของเรา และด้วยความเหน็ดเหนื่อย เธอก็หลับไปในวันนั้นโดยมีลูกชายที่ถูกห่อด้วยผ้าขาวนอนเคียงข้าง

    แต่วันถัดมา...ลูกชายของเธอไม่อยู่บนเตียงแล้ว

    กาลีกังวลและโกรธมาก มีเพียงลาหาร์ที่สามารถเข้ามาในนี้แล้วเอาตัวลูกชายของเธอไปได้โดยที่เธอไม่รู้ตัว หากเป็นเทพที่มีพลังแรงกล้าเธอต้องรู้สึกตัวแล้ว

    เธอออกตามหาลูกชาย แต่เขาไม่อยู่ในหิมพานต์ เธอเลยมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านของลาหาร์ แล้วเธอก็พบว่าเขากับสหายของเขากำลังกลบฝังอะไรบางอย่างอยู่ในป่าใกล้กับหมู่บ้านนั้น

    เมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกชายดังออกมาจากหลุมลึกแวบหนึ่ง

    หัวใจของผู้เป็นมารดาแตกสลายในครานั้น...

    ก่อนที่จะหยุดตัวเองไว้ได้ทัน ทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากลอง มนุษย์หลายร้อยเสียชีวิตให้แก่เพลิงพิโรธของกาลี

    เธอน้ำตาไหล สหายของลาหาร์ตายหมดแล้ว แต่ลาหาร์หายไป

    "ไอ้สารเลว" เธอสะอื้นขณะหย่อนตัวลงไปในหลุมนั่นแล้วอุ้มร่างเล็กๆ ของลูกชายมากอดไว้ ตามเนื้อตัวมีแต่ทรายเต็มไปหมด เขาไม่มีลมหายใจแล้ว ลูกที่มีชีวิตอยู่กับเธอแค่หนึ่งคืนตายจากไปแล้ว

    ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว...


    จงหลับใหลเสียเถิดดวงใจแม่

    ระกำแท้ลูกรักจำต้องจาก

    อยากลืมตาดูโลกกลับถูกพราก

    ดั่งน้ำหลากที่ไหลไปไม่หวนคืน

    หากชาติหน้ามีจริงคงได้พบ

    มาบรรจบกันอีกครั้งบนแผ่นผืน

    และครานี้ขอให้ลูกอยู่ยั่งยืน

    ให้สมกับที่ฟื้นจากความตาย


    เธอวางร่างของลูกไว้ในหลุมอีกครั้งพร้อมกับความแค้นที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจ

    นัยน์ตาของเธอแดงฉานดั่งเลือด

    "พวกมึงกล้าฝังลูกชายของกูทั้งเป็น พวกมึงต้องชดใช้!!" เสียงที่กราดเกรี้ยวของกาลีดังไปจนถึงสวรรค์ทั้งหกชั้น เพื่อให้เหล่าเทพเทวดาได้เป็นพยานว่าเกิดสิ่งใดขึ้น และผู้กระทำจะได้รับสิ่งใดจากเธอ

    เธอวางสร้อยประคำที่มีฤทธิ์แกร่งกล้าไว้บนร่างของลูกชายแล้วขึ้นมาจากหลุม

    "หากร่างของลูกกูยังไม่สลายหายไป อย่าหวังเลยว่าพวกมึงทั้งหลายจักได้ไปผุดไปเกิด" เธอแค่นเสียงออกมา "จงเป็นผีห่าอยู่เฝ้าร่างลูกกูที่นี่เถิด"

    กาลีตัดใจ เธอเป็นคนตักดินฝังร่างไร้วิญญาณของลูกชายให้เสร็จสิ้นด้วยตัวเธอเอง

    สร้อยที่เธอให้ไปจะคงสภาพร่างกายของลูกชายเธอไว้ และจะไม่มีไอ้อีตัวไหนได้ไปเกิดทั้งนั้น พวกมันต้องทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่นี่ ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ไม่ได้ตกนรกเพื่อชดใช้ให้แก่เธอ

    กาลีหันหลังให้หมู่บ้านที่กลายเป็นนรกบนดินแห่งนั้นเพื่อตามล่าหาตัวลาหาร์

    มันต้องชดใช้...ต้องชดใช้หนักกว่าคนอื่นหลายสิบเท่า

    เธอพลิกแผ่นดินหาตัวลาหาร์ รุกรานแผ่นดินนับสิบ ต่อสู้กับเทพมากมาย ไม่มีใครเอาชนะกาลีที่มีแต่ความเคียดแค้นและจิตสังหารที่มุ่งร้ายได้

    แต่เธอไม่เคยเจอตัวลาหาร์อีกเลย

    ตามความคิดกาลี น่าจะมีใครสักคนกล่อมเขาให้ฆ่าลูกของตัวเอง ใครสักคนที่มีอำนาจพอจะช่วยซ่อนลาหาร์จากเธอ

    เธอไม่สงสัยองค์ตรีมูรติ พระองค์ย่อมไม่มีทางทำเรื่องบัดซบเช่นนี้

    ลาหาร์อยู่ที่ไหน และผู้ที่ให้การช่วยเหลือลาหาร์คือใคร

    คำถามที่กาลีค้นหามันมาตลอดห้าสิบปี

    จนวันหนึ่งเมื่อเธอย้อนกลับไปยังบ้านที่หิมพานต์ เธอก็พบจินนานั่งรออยู่หน้าบ้าน ไม่ได้ย่างเท้าเข้าไปภายใน เขารอเธอมาเป็นสัปดาห์แล้ว

    "ลาหาร์ตายไปแล้ว" เขากล่าวกับเธอ "และสักวันหนึ่ง เขาจักกลับมาเกิดใหม่เป็นบุตรีแห่งเฮร่า"

    "..." เธอเงียบแล้วมองใบหน้าจินนาอยู่แบบนั้น

    "หากไฟแค้นในใจท่านมิสลายไป ก็ได้โปรดรอคอยเถิด มิมีอะไรดีขึ้นหากท่านยังเดินเข้าหาสงครามมิเว้นวัน มิยอมหลับยอมนอนนับปีเช่นนี้"

    "ได้" เธอกัดฟันกรอด บุตรีแห่งเฮร่าเหรอ "ข้าจักรอมัน"

    "..."

    "เมื่ออยู่กับข้า ข้าจักทำให้มันรู้ว่าการตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าดั่งอยู่ในนรกตลอดเวลาเป็นเช่นไร"

    เหมือนกับความรู้สึกสูญเสียลูกชาย ที่ยังแหลกเหลวในความรู้สึกเธอในทุกวันนี้

    [จบเนื้อเรื่องย้อนอดีต]


    ลินดิสกลับมาอยู่โอลิมปัสได้สองวันแล้ว เธอนอนอยู่ในห้องทั้งวันไม่ออกไปไหน เรื่องที่เธอกำลังตั้งครรภ์ถึงหูใครต่อใครไปแล้ว ท่านแม่อิลูเมียโกรธเธอ แค่มองปราดเดียวก็ทราบแล้ว แต่ท่านแม่วีร่าไม่ใช่ นางมาหาเธอที่ห้องทุกวัน

    ส่วนท่านพี่ลอเรียลยังไม่เห็นโผล่มาเลย ท่านอันนาเองก็มาแค่สองครั้ง รอบแรกมาแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น รอบสองตามท่านแม่อิลูเมียมา

    ส่วนอาธีน่าคงเป็นผู้ที่มาหาเธอบ่อยที่สุดรองจากท่านแม่วีร่าแล้วกระมัง

    ตอนนี้นางก็นั่งอยู่กับเธอ ข้างๆ เตียงเธอ

    "รู้สึกเช่นไรบ้าง" นางวางมือลงบนหน้าผากของเธอ "อาการป่วยของเจ้าดีขึ้นรึยัง"

    เธอป่วยมาได้สองวันแล้วเช่นกัน อาการหนักมากจนเธอคาดไม่ถึง เธอได้แต่มองใบหน้าของอาธีน่าโดยไม่ตอบอะไร สบตากับนัยน์ตาสีเทาพายุเพื่อสื่อความหมายว่าดีขึ้นแล้วออกไป

    เรี่ยวแรงที่จะพูดยังไม่มีเลย

    มีอีกคนที่มาหาบ่อยเธอพอๆ กัน ท่านมะกังก้าคอยมาตรวจดูอาการให้เธอตลอด ฝนจากหิมพานต์ร้ายเกินกว่ายาที่เขาทำจะรักษาได้ท่วงทีเช่นอาการป่วยธรรมดา

    เรื่องที่เธอคิดอยู่ในหัวตลอดเวลาคือเรื่องของกาลี

    เธอยังหาเหตุผลของนางไม่ได้เลย

    การนั่งฟังท่านแม่ทั้งสองพูดคุยกันเมื่อวาน เธอจับใจความได้ประมาณว่ากาลีไม่ล้มเลิกความพยายามในการฆ่าเธอและลูกของเธอแค่นี้แน่ ตลอดสามเดือนจะเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดในชีวิตเธอ

    แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่แค่ตรงนั้น มันอยู่ที่ว่าเธอโหยหากาลีมากขนาดไหน

    ถึงจะรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว แต่ก็อยากอยู่ใกล้...นี่ใช่ความรักหรือเปล่า

    เธอเคยทำใจกล้าเอ่ยปากถามท่านแม่อิลูเมียว่าลูกของเธอเพศอะไร แต่ท่านแม่ตอบไม่ได้

    "อย่าคิดมากเลย ลินดิส" อาธีน่ากระซิบ นางยืนขึ้นแล้วโน้มร่างกายลงมาจนริมฝีปากเราแตะกันอย่างแนบแน่น

    ระหว่างที่กำลังจูบกับอาธีน่าอย่างไร้ความรู้สึกนั้น เธอเหลือบไปเห็นร่างของใครคนหนึ่งยืนอย่างเงียบเชียบอยู่ตรงระเบียง

    ลินดิสเบิกตาโพลงเมื่อเห็นกาลีมองมาอย่างเฉยชา


    **ตรีมูรติ ภาคอวตารร่างรวมของพระพรหม(ผู้สร้าง) พระวิษณุ(ผู้รักษา) และพระศิวะ(ผู้ทำลาย) ซึ่งเป็นสามเทพสูงสุด





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×