ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #33 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 26

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.05K
      72
      2 เม.ย. 63

    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: Servant of Evil


    EPISODE26

    Alternative Universe 01Everything started from 'force'


    "ท่านแม่ ลิเลียน่าชวนเราไปท่องเที่ยวโลกมนุษย์ด้วยกัน ท่านแม่วีร่าก็ไป ท่านไม่ไปกับเราหรือ" ลอเรียลเอ่ยถามอย่างสุภาพ ส่วนคนถูกถามอย่างอิลูเมียนั้นปรายสายตาไปมองบรรดาลูกหลานของเธอที่นั่งจับกลุ่มสนทนากันอยู่อีกทางแล้วเผยยิ้ม

    "ข้าติดภารกิจสำคัญพอดี คงไม่สามารถไปกับพวกเจ้าได้จริงๆ" เธอสบตากับลูกคนโต ในขณะที่คู่ครองอย่างวีร่าก็แทบปิดความผิดหวังเอาไว้ไม่มิด

    ภายในสวนบนยอดเขาโอลิมปัสที่ปกติมักเงียบสงบมาวันนี้ดูสดใสกว่าทุกวัน จู่ๆ ลิเลียน่าก็เสนอให้พวกเราลองไปเยือนโลกมนุษย์ที่ไดอาน่ากับไวโอเล็ตนำนางไปเลี้ยงดูอยู่พักนึงสักครั้ง ลอเรียลกับอันนาเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว แม้แต่ลินดิสกับกาลีก็ตอบตกลงได้แบบไม่คิดอะไรมาก

    อิลูเมียกับวีร่าก็ถูกเชิญให้ไปด้วยเช่นกัน แต่วีร่ายังไม่ตอบตกลงเพราะนางยังรอให้เธอเปลี่ยนใจ

    "วีร่า มานี่สิ" เธอเรียกคนรัก ให้นางขยับมานั่งลงข้างกายแล้วลูบเส้นผมนุ่มสวยอย่างเบามือเมื่อนางอิงแอบลงมา "เจ้าไม่ได้ไปไหนมานานมาก ขลุกอยู่กับข้าทุกวันมาเป็นเวลานาน ครั้งนี้...ข้าคิดว่าเจ้าควรไปกับลูกนะ"

    "ข้าอยากให้เจ้าไปกับเรา" นางกระซิบเสียงเบา

    "ข้าติดภารกิจ เจ้าก็รู้ ข้าไปด้วยไม่ได้" อิลูเมียอธิบายแล้วเสริมต่อ "เวลาแค่สามวันที่เจ้าไป ข้าอยู่ได้"

    "เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าอยู่ได้" วีร่าเลิกคิ้ว ส่วนเธอเห็นประกายความจองหองเล็กๆ ที่น่ารักในแววตาคู่นั้นเลยเผยยิ้มแล้วส่ายหน้า การเป็นคนรักกันมันต้องแสดงออกเชิงรุกเชิงรับกันเสียบ้าง หากเธอขัดนางไปเสียทุกเรื่องคงทะเลาะกันทุกวันเป็นแน่

    "ที่จริงก็ไม่ได้ แต่จำเป็นต้องได้ ข้าอยากให้เจ้าไปเปิดหูเปิดตาจริงๆ"

    "..."

    "วีร่า" เธอกระซิบชื่อพลางลูบมือเล็กไปด้วย

    "เช่นนั้นก็ย่อมได้ ข้าจักไปบอกลอเรียลว่าข้าไปด้วย"

    วีร่าผละออกจากอ้อมกอดแล้วลุกขึ้นไปหาลูกสาวกับหลานสามคนที่นั่งรวมกันอยู่อีกทาง

    ลับหลังคนรัก อิลูเมียไล้ปลายนิ้วไปตามถ้วยชากระเบื้องเคลือบอย่างดีแล้วเผลอคิดไปถึงใครคนหนึ่งที่ไม่ได้คิดถึงมานานแสนนานขึ้นมา คนคนนั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงเธอ แต่บางมุมมองก็ไม่คล้ายเสียทีเดียว

    'ความลับ' ของข้า...ตอนนี้ท่านอยู่ที่แห่งใดกัน?


    "ฝากดูแลแม่พวกเจ้าด้วย ลอเรียล ลินดิส" อิลูเมียฝากฝังวีร่ากับลูกสาวทั้งสองคน เห็นสีหน้าเขินอายเล็กน้อยของคนรัก เธอเลยเดินเข้าไปใกล้แล้วเชยปลายคางขึ้นแล้วประทับจูบลงไปอย่างแผ่วเบา "ข้ารักเจ้า เจ้ายังไม่ไปข้าก็คิดถึงเสียแล้ว"

    เกิดอากัปกิริยาที่แตกต่างกัน ลอเรียลจ้องมาแล้วยืนยิ้มกริ่มอยู่เงียบๆ คนเดียว อันนาเบือนใบหน้าไปทางอื่นไม่กล้ามองเพราะเกรงว่าจะเสียมารยาท ลินดิสกึ่งเขินอายกึ่งชอบใจที่เห็นเช่นนี้ กาลีไม่ได้สนใจ ทูเลนก้มหน้ามองพื้น ส่วนอารัมโดนลิเลียน่ายกมือปิดตาไว้

    "อย่าพูดเช่นนั้นอิลูเมีย เจ้ารู้ดีว่าทำให้ข้าเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้ายได้"

    "ไปเถอะ ข้าไม่อยากขัดช่วงเวลาแสนสนุกของพวกเจ้าหรอก" อิลูเมียหันไปบอกลิเลียน่าแล้วเดินถอยออกมาจากตรงนั้น

    เธอยืนมองจนทางผ่านของมิติหายวับไปกับตา อากาศเย็นจนทำให้เย็นเฉียบไปทั้งร่างกาย สวนแห่งนี้ยามค่ำคืนสวยงามอย่างที่มันเป็นมาเสมอ เธอยืนนิ่งอยู่แบบนั้นโดยที่ทราบดีว่าตัวเองกำลังรอการมาถึงของใครอยู่

    "เจ้าไม่รักษาสุขภาพเอาเสียเลย องค์ราชินี" เสียงแหบแห้งร้ายกาจดังลอยมาตามสายลม อิลูเมียไม่ได้ขยับตัว ไม่ได้หันมองเจ้าของเสียง เพราะทราบดีว่านางคงกำลังแฝงเร้นกายอยู่ "ไปรอข้าในห้องนอนไม่ดีกว่าหรือ"

    "นานเกือบเจ็ดสิบปีแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน" อิลูเมียกล่าว เธอเลื่อนนัยน์ตาสีฟ้าใสของตัวเองให้หันไปสบตากับนัยน์ตาสีดำทมิฬ

    "..."

    "ท่านไปอยู่ที่ไหนมา ท่านพี่ของข้า"

    ร่างของมาร์จาเผยโฉมออกมาให้อิลูเมียได้ยล เธอสำรวจไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า หากไม่นับพลังความมืดมหาศาลรอบตัวนางกับสีผิวที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้ามองเพียงผิวเผินนางเหมือนเดิมแทบทุกอย่าง

    "ข้าอยู่ที่ใดก็ไม่สำคัญหรอก อิลูเมีย" มาร์จาตอบเสียงห้วนตามปกติ อิลูเมียเห็นดังนั้นก็นึกถึงผู้หญิงคนเก่าที่นางเคยเป็น "เจ้าทราบเพียงแค่ว่า ข้าอยู่ในที่ที่ดูแลเจ้าได้ก็พอ"

    "..." เธอไม่ได้ตอบอะไร ไม่ได้เดินหนีเมื่อมาร์จาวางมือลงบนไหล่แล้วรวบเส้นผมเธอไปไว้ข้างหลัง เรียวปากนางทาบลงบนหน้าผากเธอ

    "เนิ่นนานเหลือเกิน น้องพี่" กระซิบเสียงพร่าจนทำให้กายเริ่มสั่นไหวไปตามความหนาว

    มาร์จาจูบเธอ จากหน้าผากไล่ลงมา เธอยอมให้นางแตะริมฝีปากสีซีดของตนเองเข้ากับเรียวปากของเธอ ความชุ่มช่ำเล็กๆ เกิดขึ้น เรียวลิ้นของนางให้รสชาติฝาด พี่สาวนอกสายเลือดประคองใบหน้าเธอให้รองรับความดุดันนั้นให้ได้มากที่สุด

    เมื่อนางพอใจแล้วผละออก อิลูเมียยื่นมือไปสัมผัสใบหน้านางอย่างนุ่มนวล

    "ท่านสบายดีใช่หรือไม่"

    "เจ้าไม่จำเป็นจะต้องถามข้าเช่นนั้น"

    เราทั้งสองต่างกักเก็บอารมณ์ของตนเองได้เก่งยิ่ง เธอเลือกที่จะยินยอมให้มาร์จาทำสิ่งที่นางต้องการโดยไม่ทักท้วง และเลือกที่จะไม่กล่าวถึงมัน ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ส่วนมาร์จานั้นเลือกที่จะทำโดยที่ไม่รู้แน่ชัดว่าคิดสิ่งใดอยู่ในใจ

    "ข้าอยากไปที่ห้องนอนเจ้า" นางพึมพำระหว่างแนบกายแผ่ความอบอุ่น

    "แต่ข้าอยากไปในที่ที่ท่านอยู่" เธอกล่าว

    ไม่มีทางที่เธอจะยอมให้นางรุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตของเธอกับวีร่าแน่ ทุกอย่างที่เธอให้นางกระทำกับตัวเธอมันมากพอและชวนให้สำนึกผิดเกินไปแล้ว

    มาร์จานิ่งงัน ไร้เสียงตอบรับและปฏิเสธ

    "ท่านพี่ ได้โปรดให้ข้าได้รู้จักท่านด้วยเถิด" อิลูเมียน้อมศีรษะคำนับ พี่สาวเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เธอยอมก้มหัวให้และเคารพอย่างไม่มีเงื่อนไข

    "เจ้าคิดดีแล้วหรือ" เสียงของมาร์จานั้นจะใส่อารมณ์ในแต่ละประโยคที่พูดแตกต่างกัน เธอฟังดูและทราบว่านางกังวลและไม่สบายใจนักกับความต้องการของเธอ

    "ท่านพี่" อิลูเมียช้อนสายตาขึ้นมอง ทราบดีว่านางพ่ายแพ้แก่เธอในคราบน้องสาวผู้แสนน่ารักเสมอ "ข้าคิดถี่ถ้วนแล้ว ข้าอยากให้ท่านเห็นใจในความต้องการของข้าสักนิด"

    "การที่องค์ราชินีหายจากโอลิมปัสไปคงไม่ใช่เรื่องดีนัก"

    "ข้าเองก็เพิ่งทราบว่าท่านเป็นห่วงเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของตัวท่านเองเป็นด้วย" อิลูเมียกระซิบ เธอจูบซอกคอของมาร์จาอย่างแผ่วเบา "ที่แห่งนี้...มีเพียงตัวข้าที่ท่านต้องการ เช่นนั้นก็โปรดพาข้าไปเถิด"

    "เจ้าไม่มีความสุขแน่หากต้องไปที่แห่งนั้น แต่หากเป็นคำขอร้องของราชินีแล้ว จะให้ข้าเมินเฉยไปเลยก็กระไรอยู่" นางตอบรับอย่างไม่เต็มใจ อิลูเมียมองแผ่นหลังของพี่สาวที่หันหลังเดินไปยังริมขอบฟ้า เธอก้าวตามไปอย่างเชื่องช้า ถอดเครื่องหมายแห่งราชินีออกจากร่างกายจนหมดสิ้น เหลือเพียงชุดกระโปรงยาวเพียงเท่านั้น

    เธอปล่อยให้นางกอดรัดร่างกายเธอไว้ หลับตาลงเมื่อลมแรงกระแทกหน้า ปีกสีดำของนางกลืนไปกับความมืดรอบๆ เรา

    "เราไม่ได้เที่ยวเล่นกันนานแล้ว เจ้าว่าไหม" มาร์จากระซิบลอดเสียงลมมา

    "พี่ข้า เราไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ กันอีกแล้ว และจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ท่านยอมยกโทษให้ข้าแล้วหรือ" เป็นคำถามที่อิลูเมียอยากถามมานานแสนนาน

    "ไม่มีการยกโทษใดๆ ทั้งสิ้นจากสิ่งที่เจ้ากระทำ" เสียงเรียบเฉยจนเดาแทบไม่ออกว่านางคิดสิ่งใดอยู่ "เรื่องมันผ่านมานานมาก...เราก็แค่เดินหน้าต่อไป สิ่งที่ท่านแม่กล่าวกับเราตอนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกแล้วเช่นกัน"

    "ท่านพี่ทำให้ข้านึกถึงความหลังเสียอย่างนั้น" เธอถอนหายใจ อดีตที่ไม่น่าจดจำ แต่กลับจำได้ไม่เคยลืมเลือน

    ช่วงเวลานั้น อิลูเมียเหลือบมองพื้นดินจากบนท้องนภา ดินแดนมืดมนที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินเดียวกับมนุษย์ปรากฏให้เห็นในสายตา อาณาเขตของมันกว้างใหญ่ไพศาลนัก เป็นอาณาจักรแห่งความตายโดยแท้จริงที่เหล่าเทพบนฟากฟ้าและมารจากขุมนรกกลัวกันให้หัวหด เธอพอจะเดาออกนานแล้วว่ามาร์จาต้องอยู่ที่นี่ แต่เธอไม่สามารถข่มความหวาดผวาของตนเองเพื่อมาหานางก่อนได้เลย

    "ระหว่างเจ้ากับลิลิธนั้น เป็นความรักจากหัวใจจริงหรือไม่" มาร์จาถาม ผ่านเข้ามาในอาณาเขตที่แห่งนี้อย่างง่ายดาย

    พระราชวังสีดำปรากฏให้เห็นห่างออกไป นางพาเธอตรงไปยังที่แห่งนั้น ทหารที่รายล้อมอยู่รอบๆ เปิดทางให้เพียงแค่มองมาร์จา ไม่เอ่ยปากถามด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร

    อิลูเมียทราบและเกิดความกลัวอย่างลุ่มลึกในจิตใจเมื่อมองพี่สาวผู้นี้

    มาร์จาผ่านประสบการณ์ชีวิตและการต่อสู้อย่างโชกโชนเพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็นเจ้าของอาณาเขตแห่งความตายโดยสมบูรณ์แบบ

    หากจะยกทัพเหล่าอสูรกายเพื่อทำลายโอลิมปัสก็คงไม่คณามือนางนัก

    อิลูเมียถูกวางให้นั่งลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล

    "ข้ารักลิลิธ รักนางมากๆ" เธอกระซิบให้คำตอบโดยไม่สบตา

    "เจ้าเลือกคู่ครองได้ดี อิลูเมีย" มาร์จาเชยปลายคางเธอขึ้นสูง นัยน์ตาสีดำทมิฬให้ความรู้สึกสูงศักดิ์ "เจ้าได้สร้างครอบครัวที่แข็งแกร่งจนแม้แต่ข้ายังกังวลใจ"

    "..."

    "ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้ามีอยู่ตอนนี้ ข้าไม่จำเป็นจะต้องดูแลเจ้าต่ออีกแล้วด้วยซ้ำไป"

    "มาร์จา" เธอกังวลใจ ลุกขึ้นยืนจนส่วนสูงของเราทัดเทียมกัน "ข้าทราบดีว่าตัวข้าเองไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีท่านแล้ว"

    "เจ็ดสิบปีที่เราไม่ได้เจอกัน เจ้ามีความสุขดี" นางโต้กลับอย่างเย็นชา "เจ้าอยู่กับลิลิธมาห้าสิบปีกว่าแล้ว มีลูกสาวสองคน...และหลานอีกสามคน เจ้ามีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นคนเหล่านั้น ต่อให้พวกมันสร้างความขุ่นเคืองให้ตัวเจ้า เจ้าก็ยังมีความสุข อิลูเมีย"

    "แต่ความสุขนั้นต่างออกไปเมื่ออยู่กับท่าน" อิลูเมียร้องไห้ออกมาในตอนนั้น "ท่านหายจากข้าไปยี่สิบปีก่อนที่ข้าจะลงเอยกับลิลิธ ท่านทิ้งน้องสาวของท่านได้เย็นชาและใจร้ายที่สุด มาร์จา"

    "น้องพี่..." เสียงนางอ่อนลงกว่าเดิมเมื่อเห็นน้ำตา "มันจำเป็น"

    อากาศในสถานที่แห่งนี้ไม่ได้น่าหายใจนัก และมันยากยิ่งขึ้นไปอีกยามร้องไห้

    "ฮึก" เธอสะอื้นเมื่อนางดึงเธอไปกอด

    "อิลูเมีย ทั้งหมดที่ข้าทำก็เพื่อเจ้า" มาร์จากล่าว ไม่มีคำหวานหรือคำปลอบโยนแม้สักคำ แต่คำพูดพวกนั้นกลับทำให้จิตใจเธออุ่นวาบขึ้นมา "ข้าเฝ้ามองเจ้าจากที่นี่มาโดยตลอด เห็นทุกสงครามที่เกิดขึ้นรอบตัวเจ้า และข้าก็ตระหนักว่าหากไม่แกร่งขึ้นแล้ว ข้าคงไม่สามารถดูแลเจ้าได้อีกต่อไป"

    "..."

    "ทุกสงครามที่เจ้าได้เผชิญ ข้าคอยช่วยเหลือเจ้าอยู่ตลอด อีกทั้งลูกสาวและหลานสาวของเจ้า ข้าก็จำใจช่วยเหลือพวกนาง"

    "..."

    "รู้เช่นนี้แล้ว เจ้าสบายใจขึ้นมาได้หรือยังเล่า องค์ราชินี" นางจูบหลังมือเธอเบาๆ

    "เช่นนั้นแล้วเหตุใดท่านถึงไม่ไปหาข้าเลย ท่านพี่"

    "เจ้าทราบดีว่าทำไม เจ็ดสิบปีทำให้เจ้าลืมเลือนแล้วหรือ" มาร์จาเลิกคิ้วสูง ทำให้เธอถอนหายใจแล้วนั่งลงบนเตียง ยกแขนกอดกายแน่นเนื่องมาจากความหนาวเย็น

    จริงอย่างที่ท่านพี่พูดมา เธอทราบดี เพราะเธอเองที่เป็นชนวนทำให้มาร์จาต้องมาอยู่ที่นี่ ทำให้นางต้องหลบซ่อนตัวจากผู้อื่น ไม่อาจให้ใครเห็นได้

    เพราะเธออยู่กับวีร่าทุกวันเช่นนั้นหรือ

    แต่ถึงไม่มีวีร่า นางก็มาหาเธอแค่เดือนละหน บางปีก็ครึ่งปีมาเพียงครั้งเดียว

    "เรามีเวลาสามวัน" เธอบอกกับมาร์จา "หากพ้นสามวันไป...และครั้งต่อไปหากท่านประสงค์จะมาหาข้า มันคงไม่ง่ายนัก"

    "สามวันก็เพียงพอแล้วกับระยะเวลาที่ข้ารอคอยที่จะได้เจอกับเจ้า" เป็นครั้งแรกที่อิลูเมียหัวใจเต้นแรงอยู่ในอก รอยยิ้มอ่อนโยนที่คุ้นเคยปรากฏบนริมฝีปากนาง นัยน์เนตรที่ใช้มองเธออ่อนโยนราวกับมองของล้ำค่าที่สุดในชีวิต "น้องพี่ ข้าคิดถึงเจ้า"

    "ข้าคิดถึงท่านมากกว่า" อิลูเมียยอมให้ตัวเองกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง มาร์จานั่งลงเคียงข้างแล้วโอบกอดเธอไว้ เธอกอดตอบกลับไปด้วยหัวใจของเธอเอง

    ระหว่างเรามีแต่ความผูกพันธ์แน่นแฟ้น ยากที่จะตัดมันให้ขาดสะบั้นลง

    อิลูเมียเป็นฝ่ายเริ่มซุกซนก่อน มือเธอลูบเอวคอดกิ่วของพี่สาว ปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมพิลึกจากร่างใกล้ตัว

    เป็นความจริงที่อิลูเมียรักวีร่าด้วยชีวิตของเธอเอง แต่รูปแบบความรักและความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมาร์จานั้นก็ไม่อาจดูถูกได้เช่นเดียวกันว่าเป็นความรักไม่แท้จริง

    "ท่านพี่ ครั้งนี้...ปล่อยให้ข้าทำเหมือนเช่นตอนนั้นได้หรือไม่"

    มาร์จาแค่นหัวเราะ เอ่ยตอบกลับมาเป็นคำตอบประชดประชันเดียวกันกับในอดีต

    "ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปตามที่พระองค์ประสงค์ นายเหนือหัวของข้า"


    "เฮร่า มาหาแม่หน่อยสิลูก" เสียงเรียกของพระมารดาทำให้เด็กหญิงตัวน้อยวัยไม่ถึงสามขวบลุกขึ้นจากพื้นหญ้าแล้วตรงดิ่งไปหาเจ้าของเสียงแทบจะทันที

    ดวงตากลมโตสีฟ้าใสผงะเมื่อเห็นเด็กหญิงอีกคนหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้แสดงอาการบอกบุญไม่รับทำให้เธอรู้สึกสนอกสนใจ

    "นี่คือพี่สาวของเจ้า มาร์จา" พระมารดาเรอาแนะนำเด็กหญิงให้เธอรู้จัก ดวงตาสีดำทมิฬน่าหวาดผวามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ยังคงแสดงอาการบึ้งตึงให้เห็นอยู่ "ส่วนเฮร่า จากนี้ไปเจ้าคืออิลูเมียเวลาอยู่กับนาง"

    เด็กน้อยที่มีนามใหม่ว่าอิลูเมียพยักหน้างึกๆ เธอเดินเข้าไปจับมือพี่สาวเอาไว้ มือนั้นอบอุ่นมากเหลือเกิน เธอคิดจะพาพี่สาวคนใหม่ไปพาคนอื่นๆ

    "เจ้าห้ามพามาร์จาไปให้พี่น้องที่แท้จริงของเจ้ารู้จักเด็ดขาด" แต่พระมารดาก็เอ่ยห้ามเสียก่อน อิลูเมียแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน "มาร์จาสำคัญกับตัวเจ้ามากในกาลข้างหน้า ข้าอยากให้พวกเจ้าทั้งสองผูกไมตรีกันไว้ให้มากๆ"

    กล่าวจบพระมารดาก็จากไป ทิ้งให้เด็กหญิงสองคนยืนมองหน้ากันแน่นิ่ง กับมือที่ยังประสานกันไม่ห่าง

    อิลูเมียตื่นตกใจ เธอปล่อยมือออกจากมือของมาร์จาเพราะเกรงว่าจะเสียมารยาท ก่อนก้มหัวเล็กๆ ของตัวเองเป็นเชิงแสดงความเคารพให้แก่นาง นี่คือสิ่งที่เธอไม่เคยทำกับผู้ใดมาก่อนนอกเหนือจากท่านพ่อและท่านแม่

    "อิลูเมีย" เสียงมาร์จาแผ่วเบามาก นัยน์ตานางทอประกายอ่อนโยน "น้องพี่"

    จบคำนั้น ท่านพี่ดึงเธอไปกอดแน่นมากจนแทบหายใจไม่ออก ถึงไม่เข้าใจว่าทำไมแต่อิลูเมียก็ตอบรับโดยการกอดกลับไปอย่างแนบแน่นเช่นเดียวกัน

    ยี่สิบปีให้หลัง อำนาจของมาร์จาแผ่ขยายไปทั่วทุกสารทิศภายใต้ฐานะลูกสาวคนโตแห่งเรอา พี่สาวของอิลูเมียได้รับมงกุฎและฐานะองค์ราชินีจากวิหารแห่งแสง พี่น้องคนอื่นของอิลูเมียถูกสั่งห้ามไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับวิหารโบราณแห่งนี้ ท่านแม่กล่าวอ้างว่าพวกเขาไม่ได้มีความเกี่ยวผันกับที่นี่

    อิลูเมียรับใช้มาร์จา เธอยอมเป็นเงาที่หลบอยู่เบื้องหลังและมองดูพี่สาวที่เจิดจรัสขึ้นทุกวันอย่างภาคภูมิใจ

    ภายใต้สภาวะสงครามอย่างต่อเนื่องนั้น วิหารแห่งแสงกลายเป็นหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่ที่มีมาร์จาเป็นศูนย์รวมใจ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี จนวันหนึ่ง...เธอเผลอไปรู้ความลับบางอย่างของมาร์จาเข้า

    อิลูเมียยืนรออยู่หน้าห้องของพี่สาวอย่างสงบ แต่ภายใต้ความสงบ ยังมีพายุก่อตัวอยู่ในใจ

    "น้องพี่ ดึกดื่นเช่นนี้เจ้ายังไม่เข้านอนอีกหรือ" มาร์จาแปลกใจ รอยยิ้มอ่อนโยนที่คุ้นเคยทำให้เธอสะอิดสะเอียนเป็นครั้งแรก และอีกหนึ่งความรู้สึกคือความหึงหวง ที่พบว่านางมอบมันให้ใครอีกคนหนึ่งเช่นเดียวกัน "ให้ข้าเดินไปส่งเจ้าที่ห้องหรือไม่"

    "ท่านพี่ ข้ามีเรื่องสงสัยบางอย่าง" เธอปัดมือนางออกจากแขน

    "อิลูเมีย" มาร์จาขมวดคิ้ว แปลกใจกับท่าทีก้าวร้าวของเธอ

    "ท่านพี่คบหากับนักโทษชายที่อันตรายเป็นอันดับหนึ่งของวิหารแห่งแสงอยู่หรือ"

    "เจ้า...ทราบได้ยังไง" พี่สาวหน้าซีดเผือด

    "มาร์จา เลิกยุ่งกับมันซะ" อิลูเมียโกรธเคือง เธอจับแขนนางแล้วบีบจนเป็นรอยนิ้วตามผิวกายขาวสะอาด นางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ "ข้าจักไม่เตือนท่านซ้ำสองนะ"

    "อิลูเมีย เจ้าไม่ควรมายุ่งกับเรื่องของพี่" นางหน้าเสีย

    "ตอนนี้ข้าเป็นราชินีของท่าน ภายใต้คำสั่งของท่านแม่ ท่านพี่...ท่านต้องรับฟังคำสั่งของข้า เข้าใจหรือไม่"

    มาร์จานิ่งเงียบจนสัมผัสได้ถึงความกดดัน อิลูเมียเลิกคิ้วสูง เธอจะไม่ยอมถอยจนกว่านางจะเลิกยุ่งกับผู้ชายต้องห้ามคนนั้น

    "หรือท่านจำเป็นต้องให้ข้าตอกย้ำท่านว่าครานี้ข้าอยู่เหนือกว่า" เธอกัดฟันกรอด รวบแขนมาร์จาไปไว้ข้างหลังแล้วดันให้กายบางแนบติดไปกับผนัง

    พี่สาวยังดูเย่อหยิ่ง ไม่สำนึกเลยว่าควรกลัวเธอ

    "อิลู..." เมื่อเสียงหวานแหบกำลังกล่าวเรียกชื่อเธอ

    เธอจูบนางเพื่อปกปิดไม่ให้มันหลุดมา

    สงบจนน่าโมโหเลยทีเดียว...

    มาร์จาปล่อยให้เธอรุกรานนางอย่างเก้ๆ กังๆ อันเป็นเพราะว่าไม่เคยกระทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อน เป็นจูบที่จืดชืดบนริมฝีปาก แต่กลับสร้างความปั่นป่วนอย่างรุนแรงในช่องท้องและช่วงอก

    เมื่อผละออก อิลูเมียสติแทบไม่อยู่กับตัว เธอเผลอปล่อยสองแขนนางเป็นอิสระ เปิดโอกาสให้นางจับไหล่เธอไว้แล้วดันตัวเธอออกห่างได้

    "อิลูเมีย...เจ้าทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้" ตามืดมัวเสียจนไม่รู้ว่าน้ำเสียงของพี่สาวเป็นแบบใด นางกำลังห้ามหรือสมเพชเธอกันแน่ ไม่มันก็อาจเป็นความเห็นอกเห็นใจ

    "ข้าทำได้" ขอบตาเธอร้อนผ่าว สวนนางกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "ข้าทำได้ทุกอย่างที่ข้าต้องการ ท่านพี่!"

    "เจ้าไม่เข้าใจ..." นางพึมพำเสียงเบา

    เกิดความเงียบแทรกกลางระหว่างเรา ไม่มีใครขยับเคลื่อนไหว อิลูเมียยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสน จากที่คิดว่าจะเพียงแค่กดดันให้มาร์จายอมเลิกรากับนักโทษผู้นั้นโดยดี กลับกลายเป็นว่าความรู้สึกอยากเอาชนะมันเพิ่มพูนขึ้นในจิตใจ

    "ยามนี้...ท่านเป็นองค์ราชินี ท่านสามารถโต้แย้งข้าได้ทุกคำพูดก็จริงท่านพี่ แต่หากว่าข้าสามารถกดท่านให้จมลงไปได้ ก็เป็นข้าเองที่มีอำนาจมากกว่า" ประโยคนั้นอิลูเมียผู้ที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวที่ซื่อสัตย์ทิ้งท้ายไว้ให้พี่สาวที่มีสีหน้าอ่านไม่ออก

    ประโยคนั้นเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนที่ชีวิตองค์ราชินีของวิหารแห่งแสงจะแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล

    อิลูเมียใช้วิธีเข้าหาพระมารดาเรอาและขอให้ท่านแม่คุยกับมาร์จาเรื่องที่นางกำลังกระทำผิด แน่นอนว่าการให้ความเกินจริงไปเล็กน้อยของเธอสามารถสร้างความผิดหวังยิ่งใหญ่ได้จากท่านแม่

    "มาร์จา ต่อจากนี้ไปเบื้องหลังเจ้าไม่ใช่ราชินีของวิหารแห่งแสงอีกต่อไป" มันทำให้พี่สาวถูกถอดถอนออกจากบัลลังก์ของวิหารโบราณแห่งนี้ "และข้าจักแต่งตั้งให้อิลูเมียขึ้นมาเป็นราชินีองค์ใหม่"

    "เพคะ" พี่สาวรับคำอย่างเรียบง่าย

    ตลอดการสนทนานั้น อิลูเมียนั่งมองอยู่ตลอด สังเกตท่าทีของมาร์จาที่ไม่ได้แก้ตัวอันใดแก่ตนเองเลย นางเพียงแค่น้อมรับการตัดสินใจของท่านแม่โดยไม่ปริปากอันใด

    เธอลำพองใจว่าในที่สุดตนเองก็สามารถเอาชนะมาร์จาได้

    "หากท่านเชื่อฟังข้าตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน เรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นหรอก" อิลูเมียมาเพื่อเยาะเย้ย เธอยกมือขึ้นกอดอกระหว่างมองพี่สาวที่นั่งอยู่ปลายเตียง ลักษณะท่าทางเหมือนกำลังคิดบางอย่างอยู่ในหัว

    นัยน์ตาสีดำทมิฬค่อยๆ หันมามองเธอ คล้ายกับเป็นความรู้สึกว่างเปล่าชั่วขณะที่ฉายออกมา เธอหวั่นใจเมื่อได้มอง จนสุดท้ายนางก็ส่งยิ้มมาให้

    "เป็นเจ้าเอง" นางลุกมาหาแล้วดึงให้เธอเดินเข้าไปในห้อง "เจ้าไม่นอนหรือ"

    "เหมือนท่านอยากพูดเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านั้นนะ ท่านพี่" เธอขัดท่าทางแสนใจดีนั้นอย่างเย็นชา อาจเป็นทิฐิที่ยังคงปกคลุมจิตใจ

    "ข้าไม่มีสิ่งใดอยากจะกล่าวหรอก" มาร์จาดึงมือเธอให้สัมผัสใบหน้านาง "เพราะข้าคิดว่าเจ้าก็คงไม่ต้องการคำพูดใดๆ เช่นเดียวกัน ใช่หรือไม่ น้องพี่"

    มือของพี่สาวบังคับให้มือของเธอเลื่อนสัมผัสร่างกายของนางอย่างเชื่องช้า จากสะโพกไล้ขึ้นมายังแผ่นหลัง ความบางของเนื้อผ้าทำให้สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของผิวกายเนื้อใน อิลูเมียทำตัวไม่ถูก ดวงตาของนางเองก็ดูไม่มั่นใจนัก

    "ท่านพี่ ท่าน..." เธอชะงัก อึกอักพูดไม่ออก "ท่านกำลัง..."

    "เจ้าไม่ได้ต้องการสิ่งนี้หรอกหรืออิลูเมีย" มาร์จาลองเชิงเมื่อมือเธอถูกบังคับให้หยุดสัมผัสกับเนินอกของนาง

    "ข้าไม่ได้..." อิลูเมียหลุบสายตาลงต่ำ ไม่กล้ามองสิ่งที่ตัวเองหมิ่นเหม่ใกล้ได้สัมผัส "จินตนาการไว้...ถึงเพียงนี้"

    "เช่นนั้นหรือ" มาร์จาปล่อยเธอให้เป็นอิสระแล้วกลับไปนั่งที่ปลายเตียง อิลูเมียมองตามก่อนพบว่านางกำลังใช้ฝ่ามือปิดบังใบหน้า น้ำใสๆ ที่ไหลรินผ่านลงมาทางร่องนิ้วทำให้เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก "ขออภัยที่ข้าทำเสียมารยาทถึงเพียงนั้น"

    การกระทำและคำพูดของพี่สาวกำลังกรีดหัวใจเธอให้เป็นแผลทีละเล็กทีละน้อย

    "ข้าเพียงแค่คิดว่า...นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการ เพื่อเอาชนะข้า เพื่อให้ข้าเลิกยุ่งกับเขา" เสียงนางสั่นเครือระคนเจ็บปวด "ได้โปรดเถิดน้องพี่ ข้ายอมทำตามทุกอย่างที่เจ้าสั่งแต่โดยดี เพื่อรักษาเจ้าเอาไว้"

    อิลูเมียขยับได้ในที่สุด เธอสาวเท้าเข้าไปใกล้พี่สาวแล้วคุกเข่าลงกับพื้น เชยปลายคางนางให้เงยขึ้นแล้วดึงมือที่ปิดใบหน้านั้นออก

    "ท่านพี่ ข้าไม่ทราบว่าท่านกล่าวเรื่องอันใดอยู่ แต่ข้าทราบว่าท่านไม่ได้จะเสียข้าไป" เธอเช็ดน้ำตาให้นางอย่างเบามือ วินาทีนั้นเธอตระหนักถึงความเป็นเด็กไม่รู้เดียงสาของตัวเอง สิ่งที่มาร์จากังวลแทบจะเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดถึงมันเลย เธอไม่เคยสัมผัสถึงสิ่งที่มาร์จาได้เผชิญในฐานะองค์ราชินีมาก่อน

    แต่เวลาก็ไม่อาจหวนย้อนกลับคืนได้เช่นกัน ตอนนี้เธอได้ตำแหน่งราชินีมาแล้ว

    เธอ...ทำร้ายพี่สาวที่รักที่สุดไปแล้ว

    "..." มาร์จาไม่ได้ตอบอะไร นางเบือนใบหน้าไปทางอื่นอย่างไม่อยากอธิบาย คงเห็นอิลูเมียเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่กล่าวอะไรไปก็ไม่เคยฟัง พูดสิ่งใดก็ไม่เคยเข้าใจ

    "ข้าทำตัวแย่ใช่ไหม" เธอบีบมือพี่สาวแน่น

    "ใช่ เจ้าทำตัวแย่มาก น้องพี่" มาร์จากระซิบ "แต่ข้าผู้เป็นพี่คงแย่กว่าที่ไม่ได้คิดจะตำหนิติเตียนอันใดเจ้าเลย"

    "..."

    "สิ่งที่ข้าทำล้วนแล้วแต่จะทำร้ายเจ้า แต่...การทำร้ายเจ้าเยี่ยงนี้กลับเป็นวิธีที่ดูแลเจ้าได้ดีที่สุด" นางคงกำลังหมายถึงการเก็บเธอไว้ในที่ที่อันตรายและปัญหาเอื้อมไม่ถึง มันทำให้เธอไม่ทราบสิ่งใดเลย ไม่ทราบวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านั้น แต่เมื่อไม่ทราบ มันก็ดีกับตัวเธอเช่นกัน "และบัดนี้...เจ้าแย่งชิงในสิ่งที่ข้าไม่อยากให้เจ้าได้มันมากที่สุดไปแล้ว"

    "เพราะเหตุใด มาร์จา" อิลูเมียกระซิบถาม

    "สักวันหนึ่ง ข้าจะบอกเจ้า" พี่สาวตอบรับ นางเช็ดน้ำตาและทำให้ตัวเองสงบมากพอที่จะเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงใจดีดังเดิม "หากหมดธุระแล้วเจ้ากลับไปนอนเลยหรือไม่อิลูเมีย ดึกมากแล้ว ที่สำคัญข้าอยากพักผ่อนเสียหน่อย"

    มาร์จาพยุงให้อิลูเมียลุกขึ้นจากพื้น หารู้ไม่ว่าตัวน้องสาวนั้นใจเต้นแรงมากแค่ไหนตอนที่มือของพี่สาวแตะลงบนร่างกายอีกครั้ง

    เมื่อนัยน์ตาสีดำทมิฬช้อนขึ้นมองแก้มขาวซีดของเธอ นางต้องเห็นแน่ๆว่ามันแดงแค่ไหนถึงนิ่งไปแบบนั้น พวงแก้มของนางขึ้นสีระเรื่อก่อนที่สายตาจะหลุบลงต่ำ อาจเพราะสิ่งที่เราคิดเป็นสิ่งตรงกัน

    เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่...ยากเหลือเกินที่จะลืมมันไป

    "ท่านพี่..." เธอกำลังกล่าวขอโทษที่ตัวเองคิดเกินเลยกับนางไปมาก แต่ในตอนนั้นมาร์จาก็แสดงให้เห็นว่าคำขอโทษนั้นไม่จำเป็นเลย

    ฟุบ...

    พี่สาวจูบเธอ มือรั้งเอวของเธอให้ขึ้นไปคร่อมทับนางบนเตียง เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นท่ามกลางความนุ่มนวล กลิ่นหอม และความไม่เคยของเราทั้งคู่

    แต่มันมากพอจะทำให้วันถัดมา อิลูเมียอารมณ์ดีทั้งวัน ส่วนมาร์จาก็ขัดเขินไม่กล้าใกล้เธออย่างที่เคย

    ถึงอย่างนั้น อะไรที่ทำให้เธอหลงใหลมากมันก็ยิ่งไม่เคยพอมากเท่านั้น เธอร้องขอกับพี่สาวมากขึ้นในสิ่งที่เธอต้องการ และนางไม่เคยปฏิเสธที่จะให้มันแก่เธอ

    เมื่อมองย้อนกลับมา...มันคงบิดเบี้ยวตั้งแต่ตรงนี้ ความสัมพันธ์ของเรา

    และจุดสิ้นสุดก็มาถึง กลางดึกคืนหนึ่งที่เธออยู่กับมาร์จาในห้องนอนนั้น เป็นวันที่ชายหนุ่มนักโทษที่มาร์จาเคยมีปฏิสัมพันธ์ด้วยหายไปจากห้องขัง คนของวิหารกล่าวหามาร์จาว่าเป็นผู้ลักลอบให้นักโทษผู้นั้นหลบหนีไป แต่อิลูเมียทราบดีที่สุดว่าในคืนนั้นมีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง

    สิ่งที่ทำให้เจ็บปวดจนอยากทิ้งตัวกรีดร้องท่ามกลางคนมากมายคือ มาร์จาไม่พูดสักคำว่าสิ่งที่ถูกกล่าวหาไม่ใช่เรื่องจริง และอิลูเมียก็ถูกเชิญให้ขึ้นเป็นราชินีแถมเป็นผู้ตัดสินโทษของพี่สาวที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า

    จากสภาวะสงครามที่เรากำลังเผชิญ และการปล่อยให้นักโทษที่อันตรายอันดับหนึ่งหายไปนั้น แน่นอนว่าโทษที่ได้รับย่อมต้องไม่พ้นโทษประหารชีวิตเป็นแน่แท้

    ความโกรธเกรี้ยว ความโศกเศร้า แทบทำให้อิลูเมียสิ้นสติ อยากเอ่ยวาจาสาปแช่งใครก็ตามที่ทำให้เธอกับมาร์จาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่เธอทำไม่ได้

    ในที่สุดองค์ราชินีคนใหม่ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ กลืนความเสียใจแล้วกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

    "ปล่อยให้นางถูกขังอยู่ในคุกอย่างโดดเดี่ยวกับแมลงเพชรฆาตก็เพียงพอแล้ว"

    การตัดสินโทษจบลงไป อิลูเมียหันหลังเดินจากมาแล้วปล่อยให้พี่สาวถูกนำตัวไปคุมขัง เธอตึงไปทั้งหน้า สัมผัสเมื่อคืนอันแสนอ่อนโยนของมาร์จายังติดอยู่ตามร่างกาย เธอควรทำอะไรสักอย่าง...อะไรสักอย่างที่ทำให้พี่สาวรอด และทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

    หากไร้ซึ่งกันและกันแล้ว ชีวิตมันก็กลายเป็นสิ่งที่หมดความหมาย

    ตกดึกคืนนั้นอิลูเมียไปหาพี่สาวที่คุก เมื่อเจอกันความรู้สึกทั้งหมดที่เก็บมาทั้งวันก็พังทลายลงต่อหน้า

    "ข้าขอโทษ" อิลูเมียสะอึกสะอื้น เธอกอดมาร์จาไว้แน่น พร่ำกระซิบที่ปกป้องนางไว้ไม่ได้ "ข้าปกป้องท่านไว้ไม่ได้ ข้าช่างไร้ค่านัก ท่านพี่..."

    "อิลูเมีย" เสียงของพี่สาวอ่อนแรง น้ำตาไหลนองหน้าสวยหวานเช่นกัน "เจ้าจำได้ไหม...มันมีเรื่องที่ข้าอยากให้เจ้าทราบอยู่ วันนี้คงถึงเวลาที่ข้าต้องบอกมันแก่เจ้าแล้ว"

    "ไม่จำเป็นต้องบอกแล้ว ข้าทราบแล้วว่าข้าควรทำสิ่งใด" ประกายความเคียดแค้นเต็มเปี่ยมทั้งน้ำเสียง สีหน้า และแววตา พลอยให้พี่สาวใจหายวูบไปด้วย เมื่อโซ่ตรวนถูกปลดออกไป มาร์จาลูบไล้ใบหน้าเธอแล้วจุมพิตลงมาแผ่วเบา

    "ข้าทราบว่าเจ้าต้องทำสิ่งที่ถูกได้" นางกระซิบ นัยน์ตาเศร้าสร้อย "น้องพี่ แต่บัดนี้มันถึงเวลาที่เราจำต้องแยกจากกันแล้วเช่นกัน"

    "ท่านพี่" อิลูเมียกลื้นเสียงสะอื้นลงไปในลำคอ "ข้า..."

    รักท่านมาก

    "ไม่มีเวลากล่าวสิ่งใดแล้วอิลูเมีย" มาร์จาสอดสายตาไปโดยรอบ "เราคงไม่สามารถมาเจอกันได้อีก ในยามนี้ที่ข้าหนีไป ผู้อื่นคงคิดว่าข้าตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นข้าให้ใครเห็นตัวไม่ได้จริงๆ"

    "..." เธอมองพี่สาวที่ใช้เวทมนตร์เสกเสื้อผ้าชุดที่เหมือนกับที่นางใส่ขึ้นมาบนพื้นห้อง แล้วปล่อยให้แมลงกัดกินมัน

    "ลาก่อนน้องพี่ ข้าหวังว่าเราจะได้พบกันอีกเร็วๆ นี้"

    ครั้งนี้เป็นมาร์จาบ้างที่ลุกออกไปโดยไม่หันกลับมามองอิลูเมียที่นั่งร้องไห้ปานจะขาดใจ แต่ตัวคนเป็นน้องถึงแม้จะเห็นน้ำตาบนใบหน้าพี่ไม่มากนัก แต่ในใจนางก็คงแหลกเหลวไม่แพ้เธอ

    อิลูเมียสูดลมหายใจลึกและเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า ถึงเวลาที่ต้องร้ายบ้างแล้ว ในเมื่อเธอกับพี่สาวถูกทำร้ายจนแตกสลายเช่นนี้ พวกมันก็ต้องชดใช้เช่นเดียวกัน

    เธอหันหลังให้พระมารดาเรอาในการปกปักษ์รักษาวิหารโบราณแห่งนี้ และเป็นคนสั่งทำลายมันด้วยตัวของเธอเอง สายฟ้าคำรามกึกก้อง แผ่นดินสั่นหวั่นไหว น้ำทะเลบ้าคลั่งซัดกระเซ็น สถานที่แห่งนั้นกลายเป็นความทรงจำ

    อิลูเมียกลับคืนสู่พี่น้องที่แท้จริงของเธอ และเพื่อรักษาอำนาจของตนไว้ เธอตกลงยอมเป็นภรรยาของซุสและได้ขึ้นเป็นราชินีแห่งโอลิมปัส รวมถึงเป็นการตอบแทนที่สามเทพผู้ยิ่งใหญ่ทำลายวิหารแห่งแสงแทนเธอ

    ส่วนทางฝั่งของมาร์จา คืนเดียวกันที่วิหารแห่งแสงถูกทำลาย เธอมุ่งหน้าตรงไปยังอาณาเขตแห่งความตายเพราะทราบดีว่ามันเป็นที่แห่งเดียวที่ไม่มีเทพหรือมารตนไหนกล้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ระหว่างทางนั้น...บังเอิญเหลือเกินที่เธอได้เจอกับวอลคาร์ธ นักโทษผู้หลบหนี ชายที่เคยยุ่งเกี่ยวด้วย เขายืนรออยู่

    "มาร์จา มากับข้า" วอลคาร์ธกล่าวอย่างคนที่อยู่เหนือกว่า เขาคงทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

    "จองหองยิ่งนัก" มาร์จาปล่อยให้ความเคียดแค้นกัดกินร่างกาย ยิ่งนึกถึงอิลูเมีย ความเคียดแค้นในตัววอลคาร์ธก็เพิ่มมากขึ้น เธอพุ่งเข้าไปแล้วโจมตีใส่เขา ซึ่งผู้เป็นอดีตนักโทษที่อันตรายที่สุดก็โต้ตอบกลับมาได้อย่างยอดเยี่ยม

    การต่อสู้ในครั้งนั้นทำลายป่าไปครึ่งแถบ กินความยาวหลายกิโลเมตร มาร์จาที่เป็นฝ่ายชนะมีสภาพสะบักสะบอม แขนขาดไปข้างหนึ่ง

    เธอหอบหายใจถี่รัว ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นแล้วกลืนกินพลังความมืดของวอลคาร์ธเพื่อยื้อชีวิตของตัวเองไว้ พลังนั้นเปลี่ยนเธอและฟื้นฟูให้ร่างกายอย่างรวดเร็ว

    มาร์จาไม่เหมือนเดิม และไม่มีวันเป็นคนเดิมอีกต่อไป

    "อิลูเมีย...น้องพี่...น้อง..." เธอพึมพำอย่างเลื่อนลอยตอนที่บังคับให้ตัวเองลุกขึ้นยืน และก้าวต่อไป


    "ข้าคงต้องกลับแล้ว" อิลูเมียมองขอบฟ้าที่สว่างไสว เธอหลับตาลงเพื่อหลบแสงตะวันแล้วปล่อยให้ตัวเองซึมซาบไออุ่นจากร่างกายมาร์จา

    "ข้าอยากลองทำความรู้จักกับครอบครัวของเจ้า" พี่สาวกระซิบแผ่วข้างใบหู "แต่คงไม่ได้ใช่หรือไม่ ข้าทราบดี"

    "ถ้าท่านอยากทำความรู้จักกับลิลิธ เราต้องจบเรื่องนี้" เธอปรายตาไปมอง แม้ข้างในใจจะเจ็บแต่มันก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ เธอรักมาร์จาก็จริง แต่เธอรักวีร่ามากกว่าอยู่ดี "เราปล่อยให้เรื่องของเราเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ท่านพี่"

    ร่างกายของอิลูเมียไม่ได้มีรอยช้ำอะไรมากเท่าไหร่นัก ไม่มากพอให้วีร่าสังเกตได้ ตลอดเวลาที่อยู่กับมาร์จา เธอมีความสุขมากจริงๆ

    "ไม่อยากปล่อยให้มันเป็นความสัมพันธ์ที่...นางเผลอเมื่อไหร่ค่อยมาพบกันบ้างหรือ" พี่สาวหลุดขำ "ไปใส่เสื้อผ้าเถิดอิลูเมีย เดี๋ยวข้าไปส่งเจ้าที่โอลิมปัสเอง แล้วเราค่อยร่ำลากันที่นั่น"

    อิลูเมียเม้มริมฝีปาก เมื่อนึกถึงคำว่าลาก็พลอยทำให้น้ำตาไหลมาปริ่มที่ขอบตา

    "ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น" นางถอนหายใจแล้วผละออกไป

    เธอทำตามที่นางบอกโดยไม่อิดออด

    "ท่านพี่ ท่านทราบใช่ไหมว่าเรื่องทั้งหมดเป็นข้าที่ผิดมาตั้งแต่ต้น" เธอถามหลังจากสวมเสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อย "แต่ข้าคงต้องบอกท่านไว้ตรงนี้ว่าข้าไม่ได้สำนึกผิดเลย"

    "ข้าทราบตั้งแต่มองสีหน้าเจ้าแล้ว เด็กดื้อ" มาร์จาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี

    "..." เธอมองทะลุเข้าไปเพื่อมองความรู้สึกที่แท้จริงของนาง

    "หากความสัมพันธ์เช่นนี้ของเราต้องจบ มันก็แล้วแต่เจ้า หากอยากอนุญาตให้ข้าทำความรู้จักครอบครัวของเจ้า มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้า แต่ข้าจะไม่ไปไหน"

    "..."

    "ข้าหล่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอาณาเขตแห่งความตาย มันดีกว่ามากนักหากข้าจะอยู่ที่นี่และดูแลเจ้าจากตรงนี้ อิลูเมีย เพราะอย่างไรก็ตาม ข้าก็ไม่สามารถกลับไปเหยียบสถานที่สีขาวอันศักดิ์สิทธิ์ได้อีกต่อไป"

    "สักวันข้าจักให้ท่านรู้จักพวกนาง ข้าสาบาน" อิลูเมียยืนยัน

    "มานี่สิ" มาร์จาเรียก เธอเลยเดินไปหานางแล้วปล่อยให้นางโอบกอดเธอไว้เช่นเดิม "ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่กับข้าในระยะเวลาอันจำกัดของเรา"

    "ข้ามีความสุขที่สุด" เธอพึมพำอย่างสบายตัว

    "หลับตาสิอิลูเมีย ถึงโอลิมปัสเมื่อไหร่ข้าจักบอกเจ้าเอง" มาร์จากระซิบ เมื่อเห็นอิลูเมียหลับตาลงไปแล้วก็มุ่งตรงไปยังโอลิมปัส โดยถือวิสาสะบุกรุกเข้าไปถึงห้องนอนของน้องสาว

    เธอวางร่างของอิลูเมียไว้บนเตียง ก่อนมองสำรวจห้องนอนที่น้องสาวไม่อนุญาตให้เธอเข้ามาครั้งก่อนเล็กน้อย

    มีแต่กลิ่นอายของอิลูเมียกับลิลิธในห้องนี้

    หากไม่มีเธอมาก่อนแล้ว นางคงเป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์มากที่สุดคนนึง

    หากไม่มีน่ะนะ...

    มาร์จายิ้มอ่อนโยน เธอลูบศีรษะอิลูเมีย ตอนนี้นางคงตกอยู่ในภวังค์ที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่

    "น้องพี่ พี่รักเจ้ามากนะ" เธอกระซิบ "เจ้าเป็นน้องสาวที่น่ารักที่สุด"

    ต่อให้พูดกับอิลูเมียตอนนี้ไปว่าเธอไม่เคยรักนางเกินเลยขนาดนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกันนั้น...เธอถวายชีวิตให้องค์ราชินีผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จนหมดแล้ว เพราะความลับอีกอย่างหนึ่งก็คือ พระมารดาเรอาทราบตั้งแต่วันแรกแล้วว่าอิลูเมียจะเติบโตมาเป็นอะไร ทราบอยู่แล้วว่าเส้นทางของเราสองพี่น้องจะกลายเป็นแบบไหน เช่นนั้นการปล่อยให้เราเป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว

    เธอเกิดมาเพื่อเป็นอาวุธสังหารสำหรับใครก็ตามที่เข้ามาย่างกรายอิลูเมีย และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

    มาร์จายืนยิ้มอยู่ไม่นานนักก็สัมผัสได้ถึงพลังของใครสักคนอยู่เบื้องหลัง เธอหันเหสายตาไปมองก่อนพบว่ามันคือลูกสาวคนเล็กของอิลูเมีย ลินดิส

    ลินดิสมีใบหน้าที่ตื่นตกใจแล้วดูน่ารักเหมือนอิลูเมียไม่มีผิด

    มันจะน่ารักกว่านี้หากนางไม่ได้กำลังยกอาวุธเล็งมาที่เธอ

    มาร์จาเคลื่อนตัวไปใกล้อย่างเงียบเชียบ ลินดิสสะดุ้งเฮือกเมื่อเธอแตะมือลงบนใบหน้านางอย่างแผ่วเบา ตอนแรกกะว่าจะมาแกล้งเล่นเฉยๆ แต่...

    มีอีกขุมพลังหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาแทบจะทันทีที่เธอแตะร่างกายลินดิส นัยน์ตาสีดำถมึงทึงน่ากลัวของกาลีทำให้เธอยอมแพ้ในที่สุด

    ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ต้องปะทะกัน

    "น่าเบื่อจังเลย" มาร์จากระซิบ นี่คือหนึ่งข้อที่ยืนยันความคิดเธอได้เป็นอย่างดีว่า...ตอนนี้ครอบครัวของอิลูเมียมีอำนาจแข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้

    แต่ก็ต้องรวมเธอกับกองทัพในอาณาเขตแห่งความตายเข้าไปด้วย

    มาร์จาโบกมือเป็นการทักทาย ยิ้มแย้ม แล้วเลือนหายไปจากตรงนั้นในที่สุด

    ทิ้งปัญหาปวดหัวไว้ให้อิลูเมียได้แก้ เพราะทันทีที่พี่สาวหายไปนั้น มนตร์ที่นางทิ้งไว้บนตัวเธอก็หายไปด้วย เธอลืมตาตื่นแล้วลุกพรวดขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว และเห็นลินดิสยืนคอตกอยู่ข้างๆ กาลี

    เจอ...กับมาร์จาเหรอ

    "เจ้าคงต้องอธิบายให้เราฟังหน่อยแล้วว่าสตรีนางนั้นเป็นใคร" กาลียิ้มเย็นระหว่างปลอบโยนลินดิส อิลูเมียเดาได้ทันทีว่ามาร์จาคงทำอะไรสักอย่างให้ลูกสาวคนเล็กของเธอตกใจกลัวแน่ๆ หากไม่มีลินดิสอยู่ตรงนี้ กาลีต้องพุ่งเข้ามาเค้นเอาความกับเธอแล้ว

    "ใจเย็นกันก่อน" เธอถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน "วีร่าอยู่ที่ไหน"

    "อยู่ที่พระราชวังของอารัม" กาลีให้คำตอบ "นางบอกให้มาตามเจ้า หลานสาวเจ้าทะเลาะกัน"

    "ลิเลียน่ากับ...อารัมน่ะหรือ" อิลูเมียยิ้มแห้ง ลอเรียล อันนา และลูกทั้งสองของพวกนางเป็นความสัมพันธ์ที่น่าปวดหัวและทะเลาะกันได้น่ากลัวที่สุดเท่าที่เธอเคยพานพบ "พวกเจ้าไปด้วยไหม"

    "ไปด้วย" กาลีถอนหายใจ เหมือนไม่ได้อยากไปเท่าไหร่นัก

    ใช้เวลาไม่นานอิลูเมียก็ลงมาถึงพระราชวังของอารัม ก่อนพบว่าหลานทั้งสองของเธอที่ถือครอบสถานะคนรักของกันและกันตอนนี้กำลังหันอาวุธเข้าใส่กัน

    เธอกวาดสายตามอง เห็นสีหน้ากังวลของวีร่าเลยเดินเข้าไปโอบนางไว้ ฝ่ายคนถูกโอบก็หันมากอดเธอแทบจะทันที ใบหน้าสวยซุกลงมาอย่างไม่กล้ามองภาพการต่อสู้นั้น

    อิลูเมียมองไปยังผู้เป็นแม่ของสองคนนั้นบ้าง ก่อนพบว่าอันนาหมดปัญญาจะห้ามแล้ว ส่วนลอเรียลนั้นเหมือนเกียจคร้านจะห้ามเสียมากกว่า

    "เกิดอะไรขึ้น" เธอถามเสียงเคร่งเครียด

    "ลิเลียน่ากับอารัมไปเที่ยวดินแดนอาทิตย์อุทัย (ญี่ปุ่น) ด้วยกัน" ลอเรียลอธิบายโดยไม่หันมามอง "และลิเลียน่าก็เผลอทำอารัมหาย ข้าหมายถึงนางปล่อยให้อารัมหลงทางไปไหนก็ไม่ทราบได้น่ะท่านแม่"

    "พอหากันเจอก็เจออารัมกำลังสนทนาอยู่กับชายหนุ่มมนุษย์ มือมันจับแขนอารัมอยู่ ก็เลยเป็นเรื่อง" อันนาอธิบายต่ออย่างเคร่งขรึม

    "เรื่องแค่นั้นเหตุใด..." เธอขมวดคิ้ว

    "ลิเลียน่าโกรธมากไปหน่อยเลยเผลอทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น มนุษย์และสัตว์ป่าปั่นป่วนล้มตายกันใหญ่ อารัมก็เลยโกรธนาง เหมือนจะไม่คืนดีกันง่ายๆ ด้วยนี่สิ" ลอเรียลเอนตัวพิงอันนา "แต่ไม่ต้องห่วงไปองค์ราชินี เรื่องแผ่นดินไหวเราแก้ไขให้กลับเป็นปกติดังเดิมแล้ว ท่านไวโอเล็ตก็รับปากจะช่วยเท่าที่ช่วยได้"

    อิลูเมียไม่ได้ตอบอะไรอีก เธอยกมือขึ้นแล้วพึมพำบทร่ายเวท เป็นเวทมนตร์คาถาแบบเดียวกับที่มาร์จาใช้กับเธอ คือการสะกดให้หลับใหลไปชั่วขณะหนึ่ง

    หากปล่อยให้สู้กัน อย่าว่าแต่พวกนางจะทำให้โลกฝั่งนั้นปั่นป่วน โลกฝั่งนี้ก็คงเช่นกัน

    แต่มีผู้ใช้เวทบทนั้นตัดหน้าเธอ

    อิลูเมียตวัดสายตาไปมอง ก่อนที่หัวใจเธอจะเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของพี่สาวในสภาพปกติ สภาพขององค์ราชินีแห่งวิหารแห่งแสง มาร์จาโปรยยิ้มมาทางเธอ รับร่างของลิเลียน่าและอารัมที่ล้มฟุบไปไว้ในอ้อมกอดทั้งคู่

    "ยินดีที่ได้พบ ข้ามีนามว่ามาร์จา เป็นพี่สาวของอิลูเมีย"

    ในที่สุดพี่สาวก็เลือกที่จะเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างเปิดเผย

    ถึงทุกคนจะดูไม่เข้าใจอยู่บ้าง แต่ก็เหมือนจะเข้ากันได้ดีกับมาร์จา นิสัยที่พี่สาวใช้นั้นไม่มีตัวตนของร่างด้านมืดแฝงอยู่เลย นางกลับมาเป็นองค์ราชินีของวิหารแห่งแสงที่น่ารักผู้นั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    ตกดึกคืนนั้น เธอเดินมาส่งมาร์จาที่หน้าพระราชวังของอารัม

    "ทำไมเลือกเช่นนี้ล่ะ" อิลูเมียกระซิบถาม ไม่อยากให้ผู้อื่นได้ยินเท่าใดนัก

    "เป็นทางเลือกที่ดีแล้ว ไม่แปลกที่ข้าจะเลือกมัน น้องพี่" พี่สาวดูผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก เธอดีใจที่เห็นแบบนั้น "ครอบครัวของเจ้าน่ารักอย่างที่คิดไว้ แต่วันนี้ข้าคงต้องไปแล้ว"

    "ท่านสามารถมาหาข้าได้เสมอ ตามที่ท่านต้องการ เพราะพวกนางรู้จักท่านแล้ว" อิลูเมียยิ้มอย่างกะตือรือร้น รู้สึกโล่งใจที่มันไม่เป็นความลับให้อึดอัด

    "เจ้าก็สามารถไปหาข้าที่นั่นได้เสมอ ที่นั่นจักไม่เป็นอันตรายต่อครอบครัวเจ้าอีกต่อไป" มาร์จาลูบศีรษะเธอ "อยากจูบลาสักครั้งไหม อิลูเมีย"

    "..." เธอไม่ได้ตอบ แทบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ

    เธอจูบมาร์จา เนิ่นนานท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสว่าง เมื่อถอนริมฝีปากออก นางก็จากไป เหลือทิ้งท้ายไว้เพียงประโยคสุดท้าย

    "ข้าชอบลินดิส นางน่ารักเหมือนเจ้ามาก"

    อิลูเมียหัวเราะในลำคอ มองเห็นอนาคตเลยว่าต้องมีเรื่องปวดหัวมาให้อีกแน่ๆ





    -The High Goddress-
    Cr Pic.Atpom



    -The Ash Weaver-
    Cr Pic. Wlop

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×