ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องราวความรักจากทะเลทราย1/ฝากรักไว้ใต้ผืนทราย

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 224
      0
      12 ธ.ค. 54

             

              เช้านี้ช่างสดชื่นนัก สำหรับกวินตา หญิงสาวตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนนุ่ม แสนสบายนี้ ราวกับความฝันก็ไม่ปาน

              กวินตาหย่อนเท้าลงมาเหยียบพื้นไม้ปาเก้ ไม้ชั้นเยี่ยมที่คนยุโรปนิยมใช้สร้างบ้านกันมากที่สุด โรงแรมที่นี่น่าจะเป็นของคนยุโรปมากกว่า ถึงได้นำเอาวัฒนธรรมของคนยุโรปเข้ามาประดับประดา ตกแต่งให้ดูเรียบหรูทันสมัยมากกว่าโรงแรมอื่นที่นี่

              กวินตากดหมายเลขเรียกหารูมเซอร์วิส.....

              สั่งกาแฟและขนมปังขึ้นมารองท้อง มื้อเช้าของเธอจะง่ายแบบนี้เสมอมา เนื่องจากเวลาที่มีน้อย และเธอก็ต้องทำงานแข่งกับเวลาให้มากที่สุด ถ้าเวลาเหลือมากเท่าไหร่ เธอจะมีเวลาได้อ่านหนังสือเตรียมสอบมากเท่านั้น

              มื้อเช้าลงท้อง ก็ตรงกับสุภาษิตไทยที่ว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง....

              กวินตาหอบหิ้วเอากระเป๋า และเอกสารที่ต้องการจะแปะติดต้นไม้ เพื่อตามหาตัวน้องสาวและชายคนนั้น เธอลงทุนทำใบปลิวมาจากเมืองไทย เพื่องานนี้โดยเฉพาะ

              เคยเห็นผู้ชายในรูปนี้บ้างไหมคะหญิงสาวใช้คำถามนี้อยู่หลายครั้ง บวกกับการยื่นรูปให้ดูกันชัดๆ หากแต่สายตาพวกนั้นกลับแสดงออกมาเหมือนกับว่า เธอคือตัวประหลาด หรือเธอทำผิดอะไรร้ายแรงกระนั้น

              แต่กวินตาไม่เคยย่อท้อเลย เธอเดินแจกใบปลิวไปทั่วเมือง และถามไถ่ไปอย่างนี้เรื่อยๆ แม้ว่าจะได้รับสายตาเช่นเดิมกลับมา

              วันที่สามของการตามหา .....

              กวินตาไม่กล้าที่จะใช้วิธีเดิมอีกแล้ว......หญิงสาวเดินทอดน่องไปตามถนน อย่างไร้จุดหมายปลายทาง สายตาของคนที่นี่เริ่มจะเปลี่ยนไป หันมามองเธอเหมือนจะฆ่าแกงเสียให้ตาย จนกวินตาเดินก้มหน้ามองเท้าตัวเองแทน พลางถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือ?

              เธอทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ?

              ถึงได้มองกันด้วยสายตาแบบนี้ พลันรถตู้ติดฟิล์มดำสนิทแล่นเข้ามาจอดเอี๊ยด! ตรงหน้าของกวินตา หญิงสาวยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ เศษฝุ่นละอองลอยเข้ามาปะทะเต็มใบหน้าเธอ ทรายเม็ดเล็กๆเข้ามาอยู่ในดวงตาของเธอจนแสบไปหมด

              คนที่นี่เขาขับรถกันแบบนี้หรือ?กวินตาถามตัวเองเบาๆ ขยี้ตาแล้วมองเข้าไปในรถที่มีแต่กลุ่มชายฉกรรจ์แทบทั้งหมด สายตาพวกนั้นกำลังมองมาที่เธอ แม้ว่าจะสวมแว่นตาดำสนิททุกคน เธอก็รู้ว่ากำลังมองมาที่เธอ

              หญิงสาวรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีขึ้นมาแล้ว หรือว่าคนพวกนี้จะคิดว่าเธอมาสร้างความวุ่นวายที่นี่ หรือว่าเธอไปเหยียบหางเจ้าพ่อ เอ๊ย! เท้าเจ้าพ่อที่นี่เข้า แล้วเธอจะทำยังไงดีล่ะ จะขอความช่วยเหลือจากใครดีล่ะ?

              แล้วคราวนี้ จะวิ่งหนีไปทางไหนดีล่ะเรา เมื่อกี้มาทางไหนกัน อะไรกันเนี่ย!

              ทำไมจำอะไรไม่ได้เลย บ้าน่า...อย่ากลัวสิ เธอไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรเสียหน่อย แค่มาตามหาคน มันจะผิดมากถึงขนาดต้องส่งคนมาฆ่าปิดปากเลยหรือ?

              อ้อ..หรือว่าคนพวกนี้เป็นพวกของนายฮาร์ซาร์กันล่ะ?

              แต่ที่แน่ๆคนในรถเปิดประตูรถลงมาหาเธอแล้ว หญิงสาวมองกลุ่มชายในชุดสูทเรียบหรูพวกนั้นด้วยสายตางุนงงอยู่ไม่น้อย

              คุณเป็นคนไทยใช่ไหมครับคนเหล่านั้นถามมา หญิงสาวยังไม่หายงง ก็พยักหน้ารับ  

              “ชื่อกวินตา พิเชฐณรงค์ธรรมใช่ไหมครับพวกนั้นถามชื่อนามสกุลได้อย่างถูกต้อง ทำเอาหญิงสาวอึ้ง หรือว่าคนพวกนี้จะเป็นพวกเดียวกับนายฮาร์ซาร์นั่นจริงๆ ก็เลยส่งคนมารับเธออย่างนั้นเหรอ?

              ค่ะ พวกคุณเป็นใครกัน ทำไมถึงรู้จักชื่อฉันได้หญิงสาวเริ่มหวาดระแวงขึ้นมาเล็กน้อย

              จับตัวไปเลยหัวหน้ากลุ่มหันไปสั่งลูกน้องเป็นภาษาอาหรับที่กวินตาไม่เข้าใจ คนเหล่านั้นดึงเอาผ้าสีขาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเข้ามาจับแขนสองข้างของกวินตา

              นี่...จะทำอะไรหญิงสาวร้องถามอย่างตกใจ

              จับตัวไป เร็วเข้านายใหญ่ออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด กวินตาดิ้นรนต่อสู้

              ปล่อยฉันนะ อย่ามาจับฉัน ฉันทำอะไรผิด         หญิงสาวยังต้องการคำตอบ แต่คนเหล่านั้นไม่ฟัง เอาผ้าสีขาวปิดจมูกของกวินตากดให้แน่น พลางรวบตัวหญิงสาวเอาไว้จนเธอไม่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้ กวินตาหายใจไม่ออก พยายามหายใจแรงๆอยู่หลายครั้ง แต่มีอะไรบางอย่างกำลังวิ่งเข้าไปทางเส้นประสาทจมูกขึ้นสู่เส้นประสาทในสมอง และเธอก็รู้สึกได้ถึงอาการสะลึมสะลือ

              ยาสลบ...มันคือยาสลบ!

              อย่า...ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ร่างอ่อนระทวยของกวินตาก็ตกเข้าไปอยู่ในวงแขนของชายร่างใหญ่เหล่านั้นเสียแล้ว ก่อนจะพากันขึ้นรถตู้ที่มาด้วยกัน ขับหายออกไปอย่างรวดเร็ว

              ท่ามกลางความตกใจของคนที่เดินผ่านไปมาไม่น้อย ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปเรื่อยเปื่อย ว่าเธอน่าจะทำผิดอะไรสักอย่างที่มันร้ายแรง ถึงได้โดนคนในวังมาจับตัวไปอย่างนั้น!!!!!

     

              “กาซิม ราชาดมาถึงหรือยัง?พระเจ้าลาทีฟยืนเอามือไขว่หลัง หันหลังคุยกับองครักษ์คนสนิท ในห้องอักษรที่เป็นส่วนตัว สายตาเหม่อมองไปยังเหล่านางในที่กำลังเดินขวักไขว่ ทำงานกันได้ทั้งวัน อย่างไม่รู้สึกเหนื่อยล้า

              อีกสักครู่ก็คงจะมาถึงแล้วพระเจ้าค่ะกาซิมตอบออกไปอย่างฉะฉาน สมกับที่เป็นหัวหน้าชุดบอดี้การ์ดทั้งหมด

              แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ เธอเป็นอย่างไรบ้าง ใช้ยาแรงเกินไปหรือเปล่าพระเจ้าลาทีฟยังมีกะใจจะห่วงใยอยู่อีก เพราะว่าผู้หญิงที่พูดถึงนั้น คือกวินตา ผู้หญิงชาวไทย ตัวเล็กๆ เธอคงจะตกใจอยู่ไม่น้อย ที่ถูกจับตัวมาอย่างนี้ โดยที่ยังไม่ทันได้รู้เรื่องราวอะไรเลย 

              ใกล้จะฟื้นแล้วพระเจ้าค่ะ

              อืม...ดี...ถ้าเธอฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ พามาพบฉันได้ที่นี่เลย

              พระเจ้าค่ะฝ่าบาทกาซิมรับคำตามหน้าที่ ที่เคยทำมาจนชินแล้ว

              บอดี้การ์ดที่ไร้ชีวิต ใครๆก็ว่ากันว่าอย่างนั้น แต่จริงๆแล้ว บอดี้การ์ดอย่างเขาก็มีชีวิต และมีความรู้สึก เพียงแต่ต้องทำทุกอย่างให้ดูน่าเกรงขามที่สุด เพื่อคุ้มครองปกป้องอันตรายทั้งหมดจากคนร้าย รอบกายของพระเจ้าแผ่นดิน

              กวินตาถูกพามานอนอยู่ในห้องรับรองแขกในตัวพระราชวังชั้นใน ที่สำหรับคนในวังเบื้องสูงอยู่กัน หลายคนอาจจะแปลกใจว่าทำไมกวินตาถึงได้มาอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น แต่เรื่องนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร สำหรับข่าวการตามหาองค์มงกุฎราชกุมารแห่งบาร์คาร์ มีทั้งใบปลิวและรูปภาพแปะติดตามต้นไม้ในสวนสาธารณะเสียเต็มเมือง จะไม่ให้เป็นเรื่องใหญ่ก็คงจะไม่ได้   

              เพราะมันกระทบกับในวังโดยตรง ภาพของเจ้าฟ้าชายถูกติดประจาน อย่างแสบสัน โดยฝีมือของผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ คนในประเทศนี้จะคิดกันอย่างไรเล่า!

              กวินตาลืมตาขึ้นมามองรอบห้องอย่างเพิ่งพิศ สองมือของเธอกุมขมับเอาไว้ เมื่ออาการวิงเวียนยังไม่หายไปเสียทีเดียว ร่างอ่อนแรงค่อยๆยันแขนยกตัวให้ลุกขึ้นมานั่ง มองห้องนี้อย่างแสนประหลาดใจ

              ที่นี่ที่ไหน?เป็นคำถามแรกที่หลุดออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ ที่ยังรู้สึกหวาดกลัวของกวินตา

              รอบห้องโอ่อ่าหรูหรา มันเทียบไม่ได้เลยกับโรงแรมที่เธอพักอยู่นั้น เหมือนในวังไม่มีผิดเพี้ยน สถาปัตยกรรมโบราณของชาวอาหรับ ถูกตกแต่งไว้อย่างดี และดูเป็นข้าวของที่มีราคาแพงแทบทั้งสิ้น เท้าของกวินตาค่อยๆเหยียบพื้นห้อง ลุกขึ้นมาจากเตียงนอนนุ่มๆ ที่มันนุ่มยิ่งกว่าเตียงนอนในโรงแรมที่เธอเข้าพัก

              หน้าต่างบานใหญ่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ผ้าม่านแผ่วพลิ้วไปตามแรงลมที่พัดเข้ามา กลิ่นหอมละมุนจากมวลดอกไม้กำลังโชยเข้ามาพร้อมกับลมร้อนๆจากด้านนอก ที่หอบเอาเปลวแดดเข้ามาด้วย กวินตาเดินมาหยุดตรงริมหน้าต่าง กระถางดอกไม้ถูกวางไว้ตรงขอบหน้าต่าง ประดับประดา และมันกำลังออกดอกบานสะพรั่ง

              หญิงสาวมองลงไปเบื้องล่าง รู้สึกเสียววาบไปทั่วท้อง ถอยหลังหนีจากขอบหน้าต่างตรงนั้นทันที ด้านล่างมีผู้ชายสวมชุดเต็มยศ คล้ายๆกับพวกทหารองครักษ์ กำลังยืนเฝ้ายามอยู่

              หญิงสาวหันมามองที่ประตู เสียงเดินสวนกันไปมา ทำให้หญิงสาวต้องถอยหลังกรูดอีกทีหนึ่ง พยายามคิดทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ แต่ที่จำได้คือเธอถูกปิดจมูกด้วยผ้าที่มียาสลบ และถูกลักพาตัวมาที่นี่!

              นั่นคือสิ่งที่คิดได้ในตอนนี้

              ในขณะที่กวินตากำลังใช้ความคิด จู่ๆประตูห้องก็เปิดกว้างเข้ามา ชายฉกรรจ์ชุดเดิมเดินเข้ามาหาเธอ แว่นตาดำนั้นไม่เคยหลุดจากเบ้าตาของคนพวกนี้เลยสักที จนกวินตาอดที่จะแขวะไม่ได้

              พวกคุณตาบอดหรือไง ถึงได้ใส่มันไว้ตลอดเวลาหญิงสาวแขวะออกไปเป็นภาษาอังกฤษอย่างชำนาญที่สุด ชายเหล่านั้นไม่ตอบอะไร ไม่ยิ้มไม่ตอบโต้อะไรแทบทั้งสิ้น

              มันยิ่งกระตุ้นต่อมความหมั่นไส้และความโกรธเคืองในตัวของเธอได้มากเลยทีเดียว เพราะความเป็นคนที่เก็บกดมานานมากแล้ว พอเจอเข้าอย่างนี้ ใยจะต้องเก็บเอาไว้อีกเล่า!

              นี่...เป็นใบ้กันหมดแล้วหรือไง?หญิงสาวเริ่มฉุนเฉียว หากแต่คนพวกนั้นกลับนิ่งเฉยราวกับไม่มีชีวิต

              ถูกเลี้ยงให้เป็นหุ่นยนต์หรือไงไม่ทราบ ฉันถามทำไมไม่มีใครสักคนที่จะตอบคำถามฉันหญิงสาวเดินเข้ามาจ้องหน้าหัวหน้าใหญ่ ที่เหมือนกับว่ามองเธออยู่

              ขอโทษครับ เราไม่สามารถเปิดเผยอะไรตอนนี้ได้ครับหัวหน้าชุดเอ่ยปากบอกไป รอยยิ้มหยันเกิดขึ้นตรงมุมปากได้รูปอิ่มสวยของกวินตา

              อ้อ...พูดเป็นกันด้วยนี่ นึกว่าเป็นใบ้หูหนวกกันไปหมดไม่วายต้องแขวะอีกรอบ

              ขอโทษครับคุณผู้หญิงที่ทำให้ตกใจ แต่เรามีความจำเป็นที่จะต้องพาตัวของคุณมาที่นี่

              มีความจำเป็น กำลังหมายถึงอะไร หรือว่าพวกคุณจะเป็นคนของนายฮาร์ซาร์กันหญิงสาวเข้ามาถามอย่างสงสัย คิ้วดกหนาของกาซิมขมวดเล็กน้อย

              เราไม่รู้จักฮาร์ซาร์ และที่นี่ไม่มีใครชื่อฮาร์ซาร์

              อย่ามาโกหก ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าฉันชื่ออะไร นามสกุลอะไร เป็นคนที่ไหน?หญิงสาวไล่ต้อนพวกเขาแล้วเพื่อให้เปิดเผยข้อมูล พวกเขารู้ดี หญิงสาวก็คิดว่าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ แต่เปล่าเลย มันกลีบไม่เป็นอย่างนั้น

              เราตอบไม่ได้ มันเป็นความลับ

              ความลับ ความลับบ้าบออะไรกัน รู้ไหมว่าพวกคุณทำให้ฉันเสียเวลาแค่ไหน

              เราไม่สนกาซิมบอกออกไปอย่างเฉียบขาด ทำเอาสาวเจ้าถึงกับคอย่น มองหน้ากาซิม อย่างไม่เข้าใจ คนที่นี่ คิดจะทำอะไรก็ทำอย่างนั้นเหรอ?

              บ้าจริง! ถ้าเป็นแบบนี้ คงต้องเสียเวลามากแน่เลย แล้วอย่างนี้จะได้กลับไปทันเข้าสอบกับเขาไหมนะ ทำไมจะต้องเธอด้วยล่ะ หญิงสาวตั้งคำถามขึ้นมาในหัวใจ

              พวกคุณรู้ไหมทำแบบนี้เข้าข่ายลักพาตัวนะ

              รู้กาซิมบอกมาอีกครั้ง หญิงสาวแทบจะกระโดดหน้าต่างทันที ที่ได้ยินคำตอบที่มันไร้ซึ่งชีวิตจิตใจแบบนี้

              รู้แล้วจับตัวฉันมาทำไมล่ะ

              เดี๋ยวก็รู้

              หมายความว่าไงหญิงสาวถาม ในขณะที่กาซิมมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับลูกน้องที่ยืนคุ้มกันด้านหลัง

              ได้เวลาแล้ว

              ได้เวลาอะไรไม่ทราบ

              อย่าถามมาก ไปเถอะกาซิมฉุดแขนของกวินตาให้เดินตามไปทันที ไม่สนใจว่าหญิงสาวส่งเสียงถามตลอดทาง เขาเหมือนหุ่นยนต์จริงๆ ที่ไม่ถึงเวลาที่จะตอบก็ไม่ตอบ

              ภายในห้องอักษรที่กว้างขวาง กวินตามองสองชายต่างรุ่น ที่ต่างหันมองมายังเธอเป็นตาเดียวกัน หญิงสาวไม่มั่นใจแล้วว่าที่นี่จะใช้บ้านคนธรรมดาหรือเปล่า?

              กระหม่อมได้พาเธอมาแล้วพระเจ้าค่ะฝ่าบาทกาซิมบอกด้วยคำศัพท์ชั้นสูง ที่กวินตาเคยชินมันมาแต่เล็ก หญิงสาวเบิกตากว้าง

              ฝ่าบาทเหรอ?กวินตามองหน้าชายชราผมขาวที่โพกด้วยผ้าสีน้ำตาล มีเครื่องประดับตรงกลางกระหม่อม กับอีกคนที่ไว้ทรงผมธรรมดา ใบหน้านับว่าหล่อเหลาเอาการ หากแต่สายตานั้นแทบจะแผดเผาเธอให้ไหม้เป็นจุลเลยทีเดียว

              ขอบใจมากกาซิมราชาดเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงความดุดันเอาไว้ภายใน

              สายตาคมกล้ากำลังจ้องมายังร่างของสาวน้อย ที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงกลางห้อง เหมือนจะแผดเผาร่างของเธอให้ไหม้เป็นผุยผง กวินตารู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลลอยอยู่ในห้องนี้แล้ว

              หวัดดีสาวน้อยราชาดเอ่ยราบเรียบ สายตาคมที่มองมา ทำให้หญิงสาวนึกฉงน เขาทักทายกวินตาหรือ?

              หญิงสาวคิดในใจ ที่เขาเรียกเธอว่าสาวน้อยนั้น เขาทักทายเราหรือ?

              ขอโทษด้วยนะที่ต้องเชื้อเชิญเธอมาด้วยวิธีที่รุนแรงไปหน่อย แต่คิดว่าไม่มากเกินไปนัก ถึงกับทำให้เธอตกใจหรอกนะราชาดเอ่ยออกมาเหมือนจะข่มให้คนตัวเล็กอยู่แล้ว ยิ่งเล็กลงไปอีก

              ราชาดพระเจ้าลาทีฟหันมาปรามลูกชายใจร้อนด้วยน้ำเสียงเข้มนิดๆ ก่อนจะหันมามองกวินตาอย่างเต็มตา

              ขอโทษแทนลูกชายฉันด้วย ราชาดเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้แหล่ะ หวังว่าเธอคงจะไม่ถือสาหรอกนะ

              อ้อ...มะ...ไม่...กวินตาทำอะไรไม่ถูกเลยสักอย่าง จำแม้คำราชาศัพท์ก็ไม่ได้

              บ้าจริง...เราอยู่กับเชื้อเจ้าเชื้อนายมาตั้งแต่เกิด แต่กลับมาลืมคำเหล่านั้นที่นี่ ตรงนี้เวลานี้ได้อย่างไรกันนะ ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเข้าเฝ้าบุคคลสำคัญที่เมืองไทยเสียหน่อย

              นั่งลงก่อนสิพระเจ้าลาทีฟบอก กวินตายังมีทีท่าลังเล เมื่อเห็นสายตาของราชาดแล้ว เธออยากจะวิ่งหนีออกไปจากห้องนี้เลย หันไปมองทางชายร่างใหญ่ คนเหล่านั้นพยักหน้าให้เธอไปนั่งตามคำสั่ง

              หญิงสาวค่อยๆเดินไปนั่งลงตรงข้ามกับราชาด ไม่นานนักน้ำชาก็ถูกยกมารินให้ ราชาด มองไล่ไปทั่วเนื้อหนังของหญิงสาว อย่างไม่ปิดบังและไม่ซ่อนเร้นสายตาคมคู่นั้นนั้นเลย

              กวินตาชาวาบไปทั้งตัว เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่จนโตเป็นสาวขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหน มองได้น่าเกลียดอย่างนี้มาก่อนเลย ให้ตายเถอะ! ถ้าเขาเป็นแค่สามัญชนธรรมดาด้วยกัน ว่าจะซัดสักเปรี้ยงให้มารยาทผู้ดีบังเกิดขึ้นมาในเร็วพลันเลยเชียว

              .......................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×