คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #52 : SF :: ภพ [05]
-4-
จงฮยอนยืนมองภาพร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนวมผืนหนาหลังจากเมื่อคืนร่างเล็กกลับมาที่นี่พร้อมกับไข้หวัด
“พี่….”
“เราอยู่ไหนน่ะ?”
เสียงแทมินสั่น กว่าจะเค้นคำพูดแต่ละคำเพื่อสนทนาถึงคนที่อยู่ปลายสายก็เหนื่อยเต็มทน แทมินไม่รู้ว่าตัวเองพาร่างบอบบางเปียกซกขึ้นรถแท็กซี่ฝ่าความหนาวเย็นมาได้ยังไง
“ระ…เราอยู่หน้าคอนโด พี่อยู่ไหน”
“พี่อยู่ที่ร้าน ทำไมเราไม่ใช้การ์ดที่พี่ให้ไว้”
“ระ…เรา…ไม่รู้…พี่…กลับมาได้ไหม”
แทมินร้องไห้และกำลังหวาดกลัว หลังจากที่หลบซ่อนตัวมานานเขาก็หาแทมินเจอ แทมินจำสายตาของเขาได้เขาไม่ยอมแพ้และถ้าหากมีคนขวางทุกสิ่งอย่างจะต้องพินาศ แทมินยอมแบบนั้นไม่ได้เพราะคนที่จะพินาศคือคนที่แทมินรัก
ไม่นานจงฮยอนก็กลับมาเขาขับรถฝ่าหิมะที่ชื้นแฉะเต็มพื้นถนนขับเร็วที่สุดอย่างไม่กลัวอุบัติเหตุเพราะเขาห่วงแทมินกลัวว่าช้าอีกแค่นิดเดียวคนๆนี้จะเป็นอะไรไป
ภาพที่เขาคิดไว้คือเมื่อกลับมาถึงคอนโดจะเห็นร่างเล็กยืนยิ้มอยู่ในมุมหนึ่งของห้องที่ถูกดับไฟไว้จนมืดสนิทจากนั้นเมื่อจงฮยอนเดินเข้าไปทั้งแทมินแล้วก็ดาซมอาจจะพุ่งออกมาเซอร์ไพร์สรวมถึงร่างเล็กที่คงอวดรางวัลตัวเองไม่จบแต่ทุกอย่างกลับกันไปหมดเพราะคนที่นอนขดอยู่หน้าประตูห้องด้วยท่าทีสั่นเทานั้นคือคุณดารานายแบบชื่อดัง พอแทมินลืมตาตื่นขึ้นมาก็พุ่งเข้าหาอ้อมกอดแข็งแรงของร่างหนาโดยสลัดทิ้งความกลัวทุกอย่าง
ปลอดภัย…..และอบอุ่น
แทมินรู้แค่นั้น
จงฮยอนทรุดตัวลงนั่งบนที่วางข้างเตียงนุ่มปลายนิ้วก็เขี่ยปอยผมสีบลอนส์สว่างอย่างเบามือไม่ให้กวนการนอนของร่างเล็ก
“หืม?”
“พี่”
“ไข้ลดแล้วหรอ?”
“เราปล่าวป่วย”
แทมินถูแก้มกับฝ่ามือของจงฮยอนเบาๆเลียนแบบแมวน้อยช่างอ้อน
“เมื่อคืนคุณป้าโทรมา” พอได้ยินชื่อผู้หญิงที่จงฮยอนกำลังจะพูดถึง ร่างเล็กก็หน้ายู่และแสดงความไม่พอใจด้วยการมุดตัวลงใต้ผ้าห่มเหมือนเดิม
“ตัวเราร้อนมากพี่เองก็ตกใจ คุณป้าโทรมาเขาดีใจมากนะที่เห็นเราในจอทีวี”
“เราไม่ดีใจด้วย”
“คุณป้าบอกว่าเวลาเราป่วยน่ะต้องใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเราเบาๆไล่ความร้อนออกไปพอไข้ลดก็ให้กินยาแล้วนอนพัก คุณป้าบอกว่าแทมินดื้อมากเป็นไข้แท้ๆแต่กลับลงไปแช่ในน้ำแม่บอกก็ไม่ฟัง”
แทมินส่ายหน้าอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วก็ใช้สองมือปิดหูเอาไว้ สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับจงฮยอนที่ทำใจงัดเอาคนดื้อขึ้นมานั่งคุยกัน พอแทมินออกมาจากผ้าห่มได้จงฮยอนก็ใช้หลังมืออังหน้าผากคนป่วยและก็เอาปรอทวัดไข้ให้แทมินอม เสียงฟึดฟัดน่ารักจากร่างเล็กดังงึมงำเหมือนเสียงผึ้ง แทมินเป็นคนดื้อแล้วก็จะดื้อมากๆถ้ามีคนเอาใจเพราะฉะนั้นจงฮยอนถึงต้องขัดใจบ้างบางครั้ง
“ทีนี้มาถึงเรื่องของเราบ้าง เมื่อคืนไปไหนมา”
“เราปวดหัว”
“เมื่อกี้เราบอกไม่ป่วย”
“ก็ป่วยแล้วนี่ เราปวดหัวมากเจ็บตาด้วยดูสิคอนแท็คเลนส์ยังคาอยู่ที่ตาเลย”
แทมินพยายามเบิกตาโตๆของตัวเองออกมาให้จงฮยอนเห็น แล้วก็ต้องแปลกใจเพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนงานยุ่งๆแทมินเคยนอนหลับไปทั้งที่ไม่ได้ถอดคอนแท็ค สุดท้ายตาก็บวมและแดงจนน่ากลัวแต่ตอนนี้ตื่นมากลับไม่รู้สึกอะไรเลย
“เราไม่ได้ใส่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“ถึงว่า…..”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องลีแทมิน คีย์การ์ดหาย โทรศัพท์หาย พี่กลับมาเห็นเรานอนขดเป็นลูกแมวอยู่หน้าห้อง”
“อุบัติเหตุนิดหน่อย พี่ควรจะถามยัยดาซมนั่นไม่ใช่มาถามเรานะ!”
จงฮยอนถอนหายใจ เมื่อคืนดาซมไม่ได้ไปด้วยและเขาก็คิดว่าอย่างแทมินไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว แต่จงฮยอนคิดผิด แต่จะว่าอะไรได้เมื่อคนที่ควรสำนึกผิดนั่งทำหน้าง่วงแล้วก็อ้าปากหาวหวอดใหญ่มุดตัวลงซุกกับผ้านวมหนาๆอีกครั้ง
“สายแล้วพี่เคี่ยวข้าวต้มไว้ให้ในครัวนะ วันนี้ไม่ออกไปไหนใช่มั้ย”
“อืม….”
“เด็กโง่เอ้ย!”
จงฮยอนว่าแล้วก็ก้มลงจูบหน้าผากที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มแค่ครึ่งเดียว
“พี่จะไปร้านนะ”
“พี่….”
“หืม?”
“บอกรักเราหน่อย”
จงฮยอนยิ้มเมื่อคนที่ตลบผ้าห่มออกจากตัวแล้วก็นอนยิ้มหวานอยู่คือลีแทมินจอมเจ้าเล่ห์
“อืม…รัก”
“เย็นชาจังเลยวะ”
“นอนต่อไปเถอะพี่จะไปแล้วเดี๋ยวจะสาย”
จงฮยอนไปแล้ว สุดท้ายก็เป็นแทมินเองที่ทำท่าจะหลับตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่หลับซักที จนในที่สุดก็ต้องย้ายร่างเอื่อยๆของตัวเองมานั่งหน้าจอทีวีแล้วก็เปิดรายการเพลงดูไปทั่ว งานประกาศรางวัลเมื่อคืนนำกลับมารีรันอีกรอบและมันทำให้แทมินทั้งเกลียดแล้วก็หมั่นไส้ไปพร้อมๆกัน คิมคิบอมนั่งหัวเราะและยิ้มอยู่กับผู้ชายคนเมื่อคืน เขาดูเงียบๆแต่แทมินรู้ว่าเขาจับจ้องแทมินตลอด
“……………”
“…………...”
แทมินนั่งดูอะไรเพลินๆไปเรื่อยแล้วก็เช็คข่าวในอินเทอร์เน็ตจบลงที่เสียงออดที่ดังต่อเนื่องจนเรียกความสนใจจากร่างเล็ก แทมินโยนหมอนอิงลงข้างโซฟาแล้วก็รีบพุ่งไปที่ประตู คงจะเป็นคิมจงฮยอนลืมของเหมือนอย่างเคย
“พี่!........!!!!!?”
“สวัสดี ลีแทมิน”
“คุณ!”
“ยะ…อย่าเข้ามานะ”
แทมินพยายามที่จะไม่หวั่นไหวไปกับสายตาของเขา ดวงตาคมเข้มที่มักทำให้แทมินใจอ่อนและพ่ายแพ้ แม้กระทั่งตอนนี้แทมินยืนตัวแข็งแล้วก็จับลูกบิดประตูไว้แน่นส่วนเขากลับก้าวเข้ามาในห้องด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น
“สวยดีนี่ คิดว่าอยู่ที่นี่จนลืมฉันไปแล้ว”
“ถ้าไม่ออกไป ฉะ….ฉันจะเรียก…ให้คนช่วย”
“ก็เรียกสิ ตามใจเธอเลย”
เขายิ้มแทมินว่าชเวมินโฮดูน่ากลัวเมื่ออยู่ในชุดสูทตัวโคร่งสีเลือดหมูตัวนี้ เขาดูสูงสง่าหล่อเหลา และถ้าได้เจอแบบแทมินก็ต้องรู้ว่าเขาอันตราย
“ขนนกของฉันหวังว่าเธอคงชอบ”
“ออกไป!”
“ชู่….อย่าเสียงดังไปนาคีน้อย อยู่เงียบๆและไปกับฉันอย่าให้ฉันโมโห”
“ไม่! ฉันไม่ไปกับคุณ”
ยิ่งแทมินขยับหนีจนติดผนังเขาก็ยิ่งตามรุกไล่ ขนนกที่นิ้วก้อยสีเดียวกับเสื้อสูทของเขาไล้เบาๆที่แก้มเนียน ใบหน้าหล่อก้มลงมาใกล้ปลายจมูกโด่งๆก็คลอเคลียอยู่กับแก้มนิ่มอย่างรักใคร่
“อย่าดื้อ”
เขาพูดแล้วก็ลากปลายจมูกไปทั่วลำคอขาวผ่องของแทมิน ร่างเล็กที่มัวแต่ตะลึงไปชั่วขณะไม่กล้าแม้กระทั่งผลักเขาออกห่าง กว่าแทมินจะรู้ตัวก็ถูกกักตัวไว้ภายใต้วงแขนอันแข็งแกร่งของเขา
“ไปกับฉัน”
แทมินส่ายหัวพรืดปฏิเสธอย่างรวดเร็วและแน่นอนว่าชเวมินโฮไม่มีวันยอมเพียงแค่เขาใช้ดวงตาคมเข้มจ้องไปที่กรอบรูปข้างทีวี รูปของจงฮยอนภายใต้กรอบกระจกสี่เหลี่ยมที่มีรอยยิ้มทรงเสน่ห์กลับค่อยๆร้าวไปทีละนิดจนกระทั่งแตกกระจายลงกับพื้น
“ทำแบบนั้นทำไม?!”
แทมินตวาด ดวงตาสีมรกตก็จ้องเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“ยอมแพ้และไปกับฉัน”
“ไม่มีวัน!”
“อะไรที่ทำให้เจ้าดื้อได้ขนาดนี้นาคีน้อย มันหรือที่ทำให้หัวใจของเจ้าดื้อ”
“ไม่เกี่ยวกับเขา!”
ฝ่ามือบางตบเข้าเต็มแก้มของร่างสูงมันไม่ทำให้เขาเจ็บปวดเลยสักนิดกลับกันมันกลับไปกระตุ้นต่อมโมโหให้มินโฮโกรธมากขึ้นไปอีก
“ฉันจะฆ่ามัน!”
“ครุฑ!”
แทมินรู้นิสัยมินโฮรู้ว่าสายตาของเขาสื่ออะไร เขาทำจริงแน่ถ้าแทมินยังไม่ยอม
“ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ไม่มีวัน! ข้าแทบพลิกแผ่นดินตามหาเจ้า โกรธแค้นข้าอย่างไรนาคีน้อยจึงตัดเยื่อใยหนีข้ามาเช่นนี้”
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันเกลียดคุณได้ยินไหมฉันเกลียดคุณ!!!!”
คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ท้องฟ้ายามราตรีมืดมิดกลับปรากฏด้วยแสงเหลืองนวลเต็มท้องฟ้า หมู่ดาววาววับกระจายตัวทั่วเป็นที่เพลิดเพลินแก่ผู้เฝ้ามอง ผืนน้ำนิ่งสงบเงียบค่อยปรากฏร่างของนาคน้อยที่มีลำตัวเกล็ดสีมรกตต้องแสงจันทร์ หงอนสีแดงโผล่ขึ้นมาโต้คลื่นจนเป็นวงกว้างท่วงท่านั้นงดงามเหลือเกิน หากผู้ใดมีบุญวาสนาคงจะได้เห็นเจ้านาคน้อยเล่นน้ำโต้คลื่นอยู่เพียงลำพัง
แต่มันผู้ใดคงไม่มีวาสนานั้นยกเว้นเพียงบุรุษสวมอาภรณ์สีแดงเข้มและเครื่องประดับที่มีขนนกเป็นองค์ประกอบ เขามองท่วงท่าเจ้านาคน้อยเงียบๆและนั่งมองไม่ส่งเสียงใดๆ ยามเมื่อนาคน้อยโผล่พ้นน้ำมาอีกคราผิวพรรณตบต้องแสงจันทราขาวนวลเคล้าไปกับแสงจันทร์ ปลายผมลู่กับผิวน้ำและแผ่กระจายเมื่อตนแหวกว่ายผ่านผิวน้ำ
คืนลอกคราบมาถึงนาคหนุ่มเป็นจำนวนมากต่างพากันหาแหล่งพักพิงเพื่อใช้สำหรับพิธีลอกคราบและการลอกคราบนี้กินเวลายาวนานเป็นสัปดาห์เมื่อนั้นนาคน้อยที่ได้สลัดคราบเก่าของตนทิ้งผิวพรรณของตนจะผุดผ่องและสวยงามแต่ช่วงเดียวกันนี้เหล่านาคจะอ่อนแอตกเป็นเหยื่อของนักล่าเจ้าเวหาทั้งหลายเช่นนั้นแล้วจึงต้องหลบซ่อนและกำบังตนเป็นอย่างดี
“ครุฑ”
นาคน้อยแสร้งทำตาโตตกใจ แต่รอยยิ้มหวานที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าและท่วงท่างามสง่าเดินเยื้องย่างเข้าไปหาบุรุษครุฑอย่างไม่เกรงกลัว
“คิดถึงเจ้าเหลือเกินนาคีน้อย”
บุรุษครุฑผู้แข็งแกร่งสวมอาภรณ์สีทับทิมปลิวไสวสมท่าทีชายชาตรี ร่างสูงกระตุกมือนาคน้อยเพียงครั้งบุรุษร่างอรชรก็ตกสู่อ้อมกอดและอ่อนไหวดังเทียนรน จมูกโด่งแนบชิดติดผิวแก้มเนียนชื่นชมเสียจนผิวนิ่มเกิดรอยแดงเป็นช่วง
แต่กระนั้นเจ้านาคน้อยก็ช่างสุขล้นเหลือเกิน เมื่อยามที่ฝ่ามือของครุฑหนุ่มแตะต้องทั่วผิวกายขาว นาคน้อยเปล่งเสียงครางแหบพร่าเหงื่อกาฬผุดขึ้น ทั้งเร่าร้อนและทรมาน
“เจ้าสวยเหลือเกินนาคีน้อย หากได้ครอบครองเจ้าในคืนนี้ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ”
“เจ้าจะทิ้งเราหรือไม่หากได้เป็นเจ้าของเราแล้ว”
ดวงตากลมสุกใสเงยจ้องมองดวงตาคมของครุฑหนุ่ม
“แม้ข้าเป็นครุฑคนละเผ่าพันธุ์กับเจ้าแต่ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ทิ้งเจ้า จะรักเจ้าเช่นนี้ตลอดไป”
“แล้วถ้าหากท่านพ่อข้าจับได้….”
“เราจะมิแยกจากกัน ข้ารักเจ้าเหลือเกินข้าจะฆ่ามันให้หใดหากมันผู้ใดพาเจ้าไปจากข้า”
สายน้ำกระเพื่อมไหวเมื่อสองร่างตระกองกอดกัน เสียงครางกระเส่าดังแว่วมา ความรักโอบกอดและล่ององลอยเหนือสายน้ำเสียงนุ่มทุ้มก็ปลอบประโลมร่างน้อยยามเมื่อแทรกกายเข้าไปให้ร่างน้อยได้รับความเจ็บปวด สายตาเว้าวอนและร้องขอของแทมินนั้นช่างเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน ริมฝีปากอิ่มแดงถูกบดจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่กระนั้นก็ยังไม่พอเมื่อถูกชายหนุ่มร่างสูงล่วงล้ำด้วยความตะกละตระกราม ฝ่ามือหนาบีบเค้นผิวกายนิ่มโถมแรงเข้าใส่อย่างไม่กลัวร่างบางแตกหัก สายน้ำกระเพื่อมไหวเมื่อสองร่างขยับโยกเข้าหากัน นาคีน้อยผู้ร่างเล็กกว่านั้นถูกจับแข้งขาพักพิงกับโขดหิน ส่วนเจ้าครุฑหนุ่มก็ช่างเต็มไปด้วยความทรมานเมื่อความแน่นขนัดรัดกายเสียจนร้อนไปทั่วร่าง
สายลมพัดผ่านเมื่อสองร่างนอนเอกเขนกกอดรัดกันอยู่บนโขดหิน ผู้อุ้มตัวนาคน้อยไว้และปล่อยให้ร่างกายแข็งแกร่งของตนเป็นดังผืนเสื่อและกอดเจ้านาคน้อยไว้ในอ้อมกอดเพื่อสร้างความอบอุ่นนั้นคือชเวมินโฮ เสียงครางกระเส่าเงียบลงได้ชั่วครู่มีเพียงเสียงหอบหายใจหนักๆที่เคล้าเคลียกัน
“เจ้าช่างงดงามนัก”
“ครุฑเป็นเช่นนี้ทุกตนหรือไม่ หรือคิดว่าตนเองเป็นใหญ่ในฟากเวหาแล้วจะหวังสิ่งใดก็ได้”
เจ้านาคน้อยต่อว่าด้วยวาจาน่าเอ็นดู ครุฑหนุ่มหอมแก้มนิ่มเต็มรัก “หากต้องใช้กำลังฉุดรั้งเจ้าเราก็จะทำ ต่อให้เราตายก็มิเกรงกลัวเลย”
“เจ้าจะตายแน่ หากยังชักช้าเช่นนี้ กายเราร้อนเหลือเกินแล้วชเวมินโฮ”
เจ้านาคน้อยส่งน้ำเสียงออดอ้อน สุดท้ายก็จนตรอกถูกตะล่อมไล่ด้วยเชิงชาย ร่างขาวเนียนกรีดกายร่ายรำบิดสะโพกไปมาบนร่างของครุฑหนุ่ม สีหน้าเย้ายวนเสียจนถูกครุฑหนุ่มรังแกไม่เว้นว่าง ปลายถันอ่อนนุ่มถูกดูดดึงด้วยริมฝีปากครั้งแล้วครั้งเล่าแม้จะช้ำจนแดงเถือกสักเท่าไหร่หากได้ลิ้มรสอีกหนก็อดตะกระตระกรามเสียไม่ได้
ภาพในอดีตหวนกลับมายิ่งจ้องมองใบหน้าของชเวมินโฮยิ่งเห็นแต่ความเอาแต่ใจและความตั้งใจที่จะครอบครอง
“มันสายไปแล้ว”
“ไม่…ไม่สาย เพียงแค่เธอตอบตกลงเราจะอยู่ด้วยกัน”
แทมินส่ายหน้า มินโฮช่างดื้อด้าน แทมินพยายามมาหลายครั้งหลายหนแม้กระทั่งในภพนี้ความพยายามเกือบถูกพังทลายเมื่อเขาหาแทมินพบ เขาอ้อนวอนเหมือนดังครั้งแรกที่เจอกัน
“ฉันไม่ได้รักคุณ ชาตินี้…ฉัน….ไม่ใช่แทมินที่เป็นนาค แต่ฉันเป็นมนุษย์”
“มนุษย์หรือนาคีน้อย?”
มินโฮจับท่อนแขนขาวๆของแทมินขึ้นมาและจงใจลูบผิวนิ่มแผ่วเบา ผิวหนังที่หลุดลอกออกมาก่อนหน้านี้เริ่มกลับกลายเป็นผิวใหม่และมันช่างนุ่มละมุนชวนให้สัมผัสเสียเหลือเกิน
“เจ้าไม่ได้ลืมเรา และเจ้าจะไม่มีวันลืมเรา”
“ปล่อยฉันไปเถอะ….นะ….ได้โปรด”
แทมินร้องไห้และชเวมินโฮเกลียดน้ำตาพวกนี้เสียเหลือเกิน อะไรกันทำให้เจ้านาคน้อยตนนี้แม้จะกลับชาติมาเกิดใหม่แต่กลับใจแข็งลืมรักเก่าได้ลงคอ
“เพราะคิมจงฮยอนใช่หรือไม่!”
“ไม่เกี่ยวกับเขา ถ้าฉันจะรักเขาคุณก็ควรปล่อยฉัน!”
“ไม่มีวัน! ข้าเกิดมามีอำนาจมีเงินทองมากมายไม่ว่าใครก็อยากอยู่ใกล้ อยากได้อะไรก็ต้องได้ไม่เว้นแม้แต่เจ้า!”
“มินโฮ…ขอร้อง”
“คิดว่าพิษนาคของเจ้าจะทำลายข้าได้หรือ ช่างอ่อนแอเสียจริงลีแทมิน จงจำไว้ไม่มีผู้ใดสามารถครอบครองเจ้าได้ยกเว้นข้า หากมันผู้ใดแย่งเจ้าไปจากข้า ข้าจะให้มันผู้นั้นลิ้มรสความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส!”
“อย่าทำพี่จงอยอน…อย่าทำเขา”
เสียงแทมินแหบพร่า ดวงตากลมก็เริ่มปิดสนิทจนมองเห็นแสงสว่างจางๆคำขอร้องจางหายไปเมื่อร่างเล็กฟุบอยู่ภายใต้อ้อมกอดอันแข็งแกร่งของชเวมินโฮ ชายหนุ่มชุดสูทสีเลือดหมูปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบและจากไปอย่างเงียบเชียบโดยมีร่างของนายแบบชื่อดังสลบไสลอยู่ในอ้อมแขน
.....................................................................................................................................
TBC
คิดถึงฟิคมั้ย??????? ยังมีคนอ่านอยู่ป๊ะ??????
ฟิคเรื่องนี้ลงช้าจัง (ลงช้าาาาเเต่ก็ยังลงอยู่นะฮะ) ไม่หายไปไหนหรอก เเต่ขี้เกียจ
เห็นไรเตอร์คนอื่นขยันลงฟิคทุกวันๆก็เเอบอิจนะ *มองเเรง*
เอาน่า....ของเราก็ค่อยๆลงค่อยๆอ่านเน้ออออ
#ฟิคจทม เจอกันตอนหน้านะฮ๊าาาาา
ความคิดเห็น