ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Exo] พิษรัก สัญญาลวง [ChanBaek] [NC18+]

    ลำดับตอนที่ #11 : ผมขับรถมาคนเดียว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.81K
      10
      12 ก.ค. 57


     

    เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล ชานยอลก็ขับรถกลับบ้านไปหลังจากนั้น ก่อนจะเปลี่ยนอยู่ในชุดสูทสีน้ำตาลเข้ม ราคาหลักล้าน แล้วเตรียมตัวออกไปยังบริษัทของเขา หลังจากที่โทรบอกเซฮุนเรียบร้อยแล้วว่าเขาจะไปประชุมด้วย เมื่ออาการของเขาพอจะดีขึ้นบ้างแล้ว

     

     

    เขารีบหยิบกุญแจพลางหมุนมันไปมา แล้วเดินไปยังรถของเขา แต่ขณะเดียวกัน เจ้า ฮิปโป สุนัขแสนรักของเขาก็เห่าร้องดักไว้เสียก่อน

     

     

    ชานยอลหันหลังไปมองทางต้นเสียง ซึ่งมันก็หยุดเห่าลง เมื่อเห็นว่าเจ้าของให้ความสนใจ

     

     

    “ทำหน้าแบบนี้ แกอยากไปกับฉันใช่มั้ย"  เขาถามขณะที่มันกำลังวิ่งมา สุนัขของเขา เป็นสุนัขที่แสนรู้เสมอ ตัวอ้วนๆ เขาก็เลยตั้งชื่อมันว่า ฮิปโป

     

     

    “โฮ่งๆ” เจ้าฮิปโปเห่าออกมาสองครั้ง เหมือนเป็นเชิงการบอกว่าใช่

     

     

    “โอเค... ฉันเองก็ไม่ค่อยพาแกไปไหนไกลๆเลยนี่ แต่ว่าออกไปคราวนี้ แกอย่าไปวิ่งเล่นซนที่ไหนล่ะ”

     

     

    ชานยอลอุ้มสุนัขของเขาขึ้นไปนั่งบนเบาะด้านข้าง  เขารักสุนัขเป็นชีวิตจิตใจ เพราะว่ามันเป็นเพื่อนแท้ ที่ไม่มีทางจะหักหลังเหมือนอย่างคนได้

     

     

    ชานยอลล็อกประตูบ้านประตูรั้วทุกบานให้เรียบร้อย แล้วค่อยสตาร์ทเครื่องขับรถออกไป... บ้านของเขา ห่างไกลจากบริษัทมากจริงๆราวเกือบสิบกิโล มิหนำซ้ำ รถก็ยังติดยาวจ่อท้ายกันยาวเป็นแพยาว ยิ่งเป็นการเสียเวลามากพอสมควร

     

     



    ณ ท้องฟ้าที่เคลือบด้วยสีส้มของยามเย็น บัดนี้ได้ถูกความมืดครอบงำไปทั่วแห่งหน ไม่นานก็มีแสงดาวระยิบระยับสว่างไสวนับล้านดวง

     

     

    ชานยอลถอนหายใจเหนื่อยๆพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่า 

     

     

    นี่เขาเสียเวลาเกือบสามสิบนาทีแล้วหรอ

     

     

    “วันนี้รถติดยาวอีกแล้ว เฮ้อ.... ฉันไม่น่าพาแกมาด้วยเลย แกคงเบื่อน่าดู”

     

     

    ร่างสูงหันหน้าไประบายอารมณ์ลูกชายสุดที่รัก  ซึ่งมันกำลังแลบลิ้นหายใจหนักๆ พร้อมทั้งเห่าสองสามครั้ง เหมือนเป็นการตอบปฏิกิริยากับเจ้านาย เมื่อเขาถาม

     

     

    RRRRRRR

     

     

    เสียงสั่นโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นล่าสุดดังขึ้น ร่างสูงเลื่อนมือใหญ่หนาไปหยิบมันออกมาที่กระเป๋ากางเกง พลางดูเบอร์ที่กำลังโทรเข้ามา ซึ่งปลายสายนั้นเป็นโอ เซฮุน ก่อนที่เขาจะกดรับ

     

     

    “ว่าไง”

     

     

    “ทำไมยังไม่มา พี่  ทำอะไรอยู่เนี่ย ผมรอพี่นานมากแล้วนะรวมทั้งพนักงานที่บริษัทด้วย หรือว่าพี่ยังอยู่บ้าน” เซฮุนรัวคำถามอย่างใจร้อน จนชานยอลประมวณผลแทบไม่ทัน

     

     

    “ฉันกำลังขับรถอยู่เนี่ยแหละ อีกสักพักก็ถึงแล้ว” ชายหนุ่มตอบด้วยความไม่แน่ใจ

     

     

    “สักพักของพี่เนี่ยมันนานมั้ย ผมขี้เกียจรอแล้วนะ”

     

     

    “ก็ไม่รู้สิ ฉันรอไฟแดงมานานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่รถฉันขยับไปไหนไม่ได้เลย” ชานยอลชะโงกหน้าดูรถข้างหน้า ซึ่งกำลังค่อยๆเคลื่อนตัวออกอย่างเชื่องช้า

     

     

    “โห ถ้างั้นผมก็ต้องรอพี่อีกนานล่ะสิ นี่ถ้าพี่ไม่มาภายในเวลาครึ่งชั่วโมงนะ ผมจะเริ่มประชุมเองทันที แล้วพี่ก็ไม่ต้องเข้าบริษัทเลย กลับบ้านไปพักผ่อนซะ เห็นว่าไม่สบายอยู่ด้วย”

     

     

    “ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ไปถึงแล้วน่า”

     

     

    “โอเค ผมให้เวลาอีกสามสิบนาที มาให้ทันก็แล้วกัน” เขาสั่งเสียงเชียบขาด

     

     

    “แหม พูดอย่างนี้ ทำไม่ไม่มาเป็นประธานบริษัทแทนฉันเลยวะ”

     

     

    “ไม่เอาหรอก แค่เป็นหัวหน้าคนงานผมก็หนักมากพอแล้ว แค่นี้นะ คุยโทรศัพท์ตอนขับรถนานๆ มันไม่ดี เดี๋ยวพี่จะเกิดอุบัติเหตุอีก” เซฮุนเอ่ยด้วยคำเป็นห่วง

     

     

    “อื้ม”

     


    ชานยอลวางสายเซฮุนลง แล้วยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม..

     

     

    ธุระที่เร่งดวนของเขาก็คือการสร้างโรงแรมระดับห้าดาวตามที่ได้นัดกันไว้...

     

     

     ลูกค้ารายนี้เอาใจยากเกินเหตุ ต้องการจะปรับเปลี่ยนการออกแบบใหม่ทั้งหมด ทีแรกเขาก็โมโหมากเหมือนกัน เพราะฝ่ายนั้นอยากจะเปลี่ยนอย่างกะทันหัน ทั้งที่เขาและทีมงานก็ออกแบบกันจนเสร็จสมบูรณ์ทุกอย่าง

     

     

    แต่จะทำไงได้ล่ะ ในเมื่อลูกค้าก็คือพระเจ้า แถมยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดที่ไว้ใจ จ้างให้เขาทำงาน รวมทั้งให้ค้าจ้างที่สูงพอสมควร ถ้าเขาไม่ก้มหัวยอมรับทำใหม่ เขาก็เสียสติไปแล้ว ถึงแม้มันจะหนักหนาก็ตามที แต่ถึงยังไง มันก็ไม่เกินความสามารถของคนเก่งๆอย่างเขาได้หรอก

     



    ไม่นาน ไฟแดงก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว รถของเขาจึงค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป บรรยากาศภายในรถก็สุดแสนน่าเบื่อ เขาจึงเลื่อนมือไปเปิดเพลงฟังตามคลื่นวิทยุ ซึ่งเป็นจังหวะแนวย้อนยุคที่เขาชอบ มีเพียงแค่เสียงดนตรีของกู่เจิ่งอย่างเดียว

     

     

    หากทำไม ไม่รู้ เขารู้สึกคุ้นเพลงๆนี้เหลือเกิน เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่เขาก็นึกไม่ออกสักที

     

     

    “โฮ่งๆ ๆ”

     

     

    ระหว่างนั้น อยู่ๆสุนัขของเขาที่นั่งเงียบมาตลอดทางก็เห่าขึ้นไม่เป็นวักเป็นเวรอย่างไม่รู้สาเหตุ... ชานยอลเบี่ยงเบนความสนใจไปหาเจ้าฮิปโปแทน ก็เห็นท่าทีเหมือนว่ามันจะกลัวอะไรสักอย่าง

     

     

    “แกเป็นอะไรของแกเนี่ย หยุดเห่าได้แล้ว ฉันจะฟังเพลง”

     

     

    “โฮ่งๆๆ”

     

     

    ทว่า คำตอบของเจ้าฮิปโปก็ยังเหมือนเดิม แถมยังร้องครางครวญยาวๆ ราวจะขาดใจตายเสียให้ได้ ก่อนที่มันจะกระโดดตะกุยมานั่งตักเขาแทน

     

     

    “ฉันบอกให้แกหยุดเห่าไง”

     

     

    “โฮ่ง ๆๆ”

     

     

    ฮิบโปไม่ยอมเชื่อฟังเขาง่ายๆ พร้อมทั้งหันหน้าไปทางเบาะนั่งที่วางเปล่าข้างๆ

     

     

    “นี่แกเห่าอะไรของแกวะ!!”

     

     

    ชายหนุ่มเริ่มขึ้นเสียงอย่างโมโห พลางครุ่นคริดด้วยความประหลาดใจ

     

     

    อยู่ๆเจ้าฮิปโปก็เห่าหอนแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แถมท่าทางของมันก็เหมือนจะกลัวเอามากๆ ตั้งแต่ที่เขาเปิดเพลงๆนี้

     

     

    สาเหตุที่แท้จริง มันเป็นเพราะเพลงอย่างงั้นหรอ  ชานยอลตัดสินใจเลื่อนมือไปปิดเพลงนั่นลง รวมทั้งดูปฏิกิริยาของฮิปโปไปพร้อมๆกัน

     

     

    พอเขากดปุ่มปิด เสียงเพลงจึงไม่ดังขึ้นอีก ฮิปโปก็หยุดเห่าลง แล้วหมอบตัวลงนอนบนตักเขา พลางหายใจหอบหนักๆด้วยความเหนื่อย เมื่อใช้แรงทั้งหมดไปพร้อมๆกับการดิ้นรุกรี้รุกรน

     

     

    “อะไรกัน”

     

     

    นั่นคือคำถามของเขาที่ตามมา  ใช่แล้ว มันคืออะไรกัน  พอปิดเพลง สุนัขของเขาก็หยุดเห่าซะงั้น

     

     

    พอชานยอลจะเลื่อนมือลองไปเปิดเพลงอีกที แต่ทว่า

     

     

    “โฮ่งๆ” สุนัขของเขากลับลุกขึ้นมาเห่าขัดจังหวะเสียก่อน ร่างสูงถึงกับชะงักมือออกโดยอัตโนมัติ พลางสะดุ้งตัวเพราะความตกใจ

     

     

    คราวนี้คำถามหลายคำถามยิ่งวนเวียนขึ้นมาอีก

     

     

    ที่เจ้าฮิปโปมันเห่า เหมือนว่ามันกลัวในสิ่งที่เขามองไม่เห็น

     

     

    มันจะเป็นไปได้ไง เจ้าฮิปโปมันมองเห็นวิญญาณอย่างงั้นน่ะหรอ  วิญญาณที่มาพร้อมกับเสียงเพลง เขาไม่มีทางเชื่อเรื่องที่เซฮุนกรอกหูให้เขาฟังอย่างเด็ดขาด

     


    ชานยอลตัดสินใจลองเปิดเพลงขึ้นอีกครั้ง ทว่า ดีเจของคลื่นกลับเปลี่ยนเป็นเพลงใหม่เสียแล้ว ฮิปโปจึงไม่ได้เห่าตามเสียงเพลงนั่นอีก

     

     

    หรือว่าบางทีสุนักของเขาอาจไม่ชอบเพลงนั้นก็ได้ มันเลยรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย

     

     

    แต่ไอ้ฮิปโป มันฟังเพลงรู้เรื่องเหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน

     


    ชานยอลคิดหนักไปตลอดทาง ปัญหาที่คนฉลาดอย่างเขา ซึ่งพยายามนึกทีไรแต่ก็หาคำตอบไม่ได้สักที

     

     

    แค่เพลงๆเดียว ก็ทำให้เขาเปลี่ยนโหมดอารมณ์ได้มากมายถึงเพียงนี้

     

     

    พอชานยอลขับมาได้สักพักก็มาถึงด่านตรวจของตำรวจ  เขาชะลอรถให้หยุดตามการโบกไฟสัญญาณเป็นเชิงการเตือนให้เขาจอด... ชานยอลไม่คิดจะขัดข้องต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ถึงแม้ตอนนี้จะเร่งรีบก็ตามที

     

     

    ร่างสูงเลื่อนกระจกลง เมื่อนายตำรวจคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเขา

     

     

    “สวัสดีครับ มีอะไรหรอครับ” ชานยอลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ

     

     

    “คุณขับรถแบบนี้มันอันตรายนะครับ คุณไม่ควรให้หมามานั่งตักด้วย ทำไมไม่ให้คนข้างๆคุณช่วยอุ้มล่ะครับ”

     

     

    ชายหนุ่มขมวดคิ้วหนาเข้าหากันทันที เมื่อฟังจุดประสงค์ของตำรวจที่โบกสัญญาไฟให้เขาจอดรถ

     

     

    “ผมขับรถมาคนเดียวนะครับ ไม่ได้พาใครมาด้วยเลย”

     

     

    ชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตำรวจคนดังกล่าวจึงชะโงกหน้ามองไปสำรวจทั่วทั้งรถ พลางใช้ไฟฉายที่ถือมาส่องดูอย่างถี่ถ้วน สุดท้ายคำตอบของร่างสูงก็คือความจริง

     

     

    ใบหน้าของคุณตำรวจ ถึงกับซีดเผือดราวกับกระดาษขาว เขาสาบานได้ว่าก่อนหน้านี้ เขาเห็นคนที่ติดรถมากับชายหนุ่มด้วยจริงๆ

     

     

    ตำรวจคนดังกล่าว เห็นมาแต่ไกลว่า มีผู้ชายรูปร่างบอบบางคนหนึ่ง ราวก็ผู้หญิง ผิวขาวซีดเผือดทั้งตัวราวกับหิมะ ใส่ชุดสีแดง กำลังพิงไหล่กว้างของชายหนุ่มร่างสูงคนนี้อยู่

     

     

    ถ้าไม่ใช่อย่างงั้น เขาก็คงจะเห็น....

     

     

    “เอ่อ ไม่มีอะไรแล้วครับ เชิญไปได้ครับ”

     

     

    ตำรวจขยับปากพูดขึ้นอย่างติดๆขัดๆ ก่อนจะรีบๆพาตัวเองผละออกจากรถของเขาทันที และไม่ปราถนาจะหันหลังกลับไปมองอีก

     

     

    ปล่อยให้ชานยอลนั่งนิ่งงงเพียงลำพัง  เขาหันกลับไปมองเบาะข้างๆอีกครั้ง แต่ก็ยังพบกับความว่างเปล่าอีกเช่นเคย

     

     

    ตำรวจคนนั้น เห็นเขาอยู่กับใครบางคนอย่างงั้นหรอ

     

     

    คำถามอีกคำถามวนเวียนขึ้นมาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คำตอบเขาก็ยังไม่ได้มันมาเหมือนเดิม ปกติเขาหาคำตอบได้อย่างรวดเร็ว แต่ปัญหานี้มันจนปัญญาจริงๆ ในเมื่อ มันเป็นเรื่องที่สัมผัสไม่ได้

     

     

    แต่ว่าบางที ตำรวจคนนั้นอาจจะทำงานหนัก หรือไม่ก็สายตาสั้น ยิ่งตอนนี้ก็มืดอยู่ด้วย เลยอาจเห็นเป็นภาพลวงตาก็เป็นได้

     

     

    ร่างสูงสรุปเอาเอง เพราะยังไม่เชื่อเรื่องลี้ลับอยู่ดี

     

     

    ชานยอลเลื่อนมือไปบังคับพวงมาลัยต่อ พร้อมทั้งสลัดเรื่องทั้งหมดให้ออกจากหัว ปัญหาของเขาที่ควรจะแก้ไข มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระแบบนี้สักหน่อย แต่มันเป็นเรื่องานของเขาต่างหาก เขาควรจะแก้ให้มันจบๆโดยเร็วที่สุด

     

     








        
      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×