ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกรักพลทหาร Private Supermodel and the Love Commander

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13 Only Necessary Thing

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 153
      2
      18 เม.ย. 57

    ตอนที่ 13 Only Necessary Thing

     

    อีตาผู้หมวดที่เพิ่งกลายร่างเป็นโจรขโมยกระเป๋าพาฉันเดินออกมาด้านนอกแล้ว เหมือนเรากำลังเข้าไปในตึกอะไรสักอย่างที่ฉันไม่ทันได้อ่านป้าย แต่ดูเหมือนห้องพยาบาลอะไรประมาณนี้

     

    "จะปล่อยผมได้รึยัง" จริงสิ ฉันยังเดินกอดแขนเขาอยู่เลย พอหมอนั้นพูดฉันก็รีบกระเด้งออกและเบะปากใส่ อีตาผู้หมวดสายหัวเบาๆ แต่ฉันเห็นนะว่าเขาแอบยิ้ม มีอะไรจะแกล้งฉันอีกแน่ๆ

     

    "นายยิ้มอะไร" ฉันเร่งฝีเท้าไปยืนตรงหน้า

     

    "เปล๊า" เขาตอบแบบเสียงเพี้ยนสูงทำให้ดูยิ่งน่าสงสัย

     

    "นายจะแกล้งอะไรฉันอีก แล้วทำไมในนี้มันมืดจังอ่ะ" ฉันพยายามมองไปรอบๆ ที่แทบมองไม่เห็นอะไรนอกจาก ผู้ชายร่างสูงตรงหน้า ที่ตอนนี้กำลังเดินก้าวเข้ามาใกล้ฉันขึ้นเรื่อยๆ จนฉันเองที่ต้องเป็นฝ่ายเริ่มขยับตัวถอยหลังหนี แต่รู้ตัวอีกทีหลังฉันก็หลังติดกำแพงซะแล้ว

     

    "กลัวหรอ เมื่อกี้ยังเก่งอยู่เลยนิ" ชายตรงหน้าทำน้ำเสียงแปลกๆ กับสายตาที่ฉันเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรกำลังจ้องชั้นผ่านความมืดมาที่หน้าฉัน เมื่อเห็นว่าหมดทางไปต่อ

     

    "นี่...นี่นายจะทำอะไร ฉันไม่เล่นด้วยนะ" หน้าผู้หมวดเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนฉันต้องหลับตาปี๋ ลมหายใจที่รดอยู่ข้างหูทำเอาฉันตัวสั่นจนตัวเองรู้สึกได้



                กริ๊ก กริ๊ก 


                 ก่อนที่ไฟทั้งห้องจะสว่างขึ้นมา ฉันหันมองไปตามมือ... สวิทซ์ไฟ

     

    "ไปอาบน้ำ จะได้ไปนอน" หมอนั้นถอยออกไปแล้ว ก่อนที่ฉันจะคิดอะไรออกก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำและปิดประตูล็อคกลอนทันที

     

    อร้าย ไอ้บ้า นิสัยไม่ดี เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง คอยดูนะ ฉันจะ จะ จะ ฟ้องพ่อ หื้ยยยย ยิ่งทำอะไรไม่ได้ ยิ่งหงุดหงิด แต่ฉันยังจำความรู้สึกที่ใกล้กันเมื่อกี้ได้อยู่เลย มันใกล้กันมาก จนในใจมันรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ ฉันรีบสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป และก้มมองมือตัวเอง ที่ในขันมีสบู่ แชมพู แปรงสีฟันครบ จริงๆ ฉันเอาของพวกนี้มาหมดแล้วนะ ติดที่มันอยู่ในกระเป๋านี่สิ แต่ใช้ไปก่อนก็ได้ว่ะ สิ้นเปลืองงบประมาณประเทศชาติจริงๆ

     
     

    ฉันก้มๆ เงยๆ สำรวจห้องน้ำ เมื่อเห็นว่ามิดชิดปลอดภัยดีจัง ถอดเสื้อเตรียมอาบ หนาวจัง ไหนละฝักบัว เห้อ ไม่มีสินะ ฉันมองขันในมือด้วยความอนาถชีวิต ก่อนจะเปิดน้ำและเอานิ้วจิ้มดู เย็นง่ะ รวบผมดีกว่า ไม่สระแล้วกัน ก่อนจะรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีกลั้นใจราดขันแรกลงมาที่ตัว

     

    ซู่

     

    "อร้ายยย นายน้ำมันเย็นอ่าาาา" แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ฉันก็อดร้องออกมาไม่ได้ หูยยยยยย หนาวไปถึงขั้วหัวใจ

     

    "แล้วจะให้ผมทำไง ต้มน้ำร้อนมาผสมให้คุณอาบหรอ" เสียงด้านนอกตะโกนถามมา

     

    "จริงสิ ด้านนอกมีกระติกร้อนน้ำหนิ นายจะทำให้จริงๆ หรอ" ไม่น่าเชื่อนายคนน่ี้ก็มีส่วนดีแหะ

     

    "จริงสิ หลังจากนั้นเราก็ไปก้างเต้นท์ กินข้าวกล่อง นอนนับดาวกัน เหมือนมาแคมปิ้งกันดีไหม" ถุย ชีวิต ฉันคงมองนายคนนี้ในแง่ดีไปหน่อยมั้ง

     

    "เออ แค่นี้ต้องมาประชด ฉันแค่พูดเฉยๆ รู้อยู่แล้วแหละว่านายมันไม่มีน้ำใจ เชอะ ฉันอาบได้หรอกน่าาา" จะมีไหมพูดจาดีๆ แบบคนอื่นเค้าน่ะ

     

    "เดี๋ยวออกมาผมให้กอดละกันดีไหมจะได้อุ่นๆ" ดูเหมือนคนข้างนอกนั้นยังคึกไม่เลิกแหะ ตอบมาแต่ล่ะอย่าง โอ้ย พอกันที เอาว่ะ กลั้นใจ รีบๆ อาบให้มันเสร็จๆ ไป แต่พอแต่งตัวนี้สิ ปัญหาร้อยแปดพันอย่างไม่จบสักที

     

    "นาย" ฉันเรียกคนที่ไม่อยากเรียกอีกครั้ง ก็มันเพิ่งนึกออกและคนข้างนอกคงลืมไปเหมือนกัน เพราะเค้าให้ผ้าขนหนู เสื้อกับกางเกงมา และก็กางเกงในผู้ชาย สีเขียวทหาร...

     

    "อะไรอีกล่ะ เรื่องมากจริง" คนใจร้ายตอบมาด้วยน้ำเสียงรำคาญฉันเต็มประดา แล้วฉันสีจะตอบไงดีอ่ะ ทีนี้

     

    "เอ้า เรียกแล้วก็พูดดิ" เริ่มโวยอีกละ งั้นพูดตรงๆ เลยละกัน

     

    "นายจะให้ฉันใส่กางเกงในตัวนี้ได้ไงอ่ะ เสื้อในก็ไม่มี" ไร้สัญญาณตอบรับไปซะอย่างนั้น อีตาคนนอกเงียบไป

     

    "เอ้า ทีงี้มาเงียบทำไมล่ะ" ฉันถามอีกครั้ง นี่หมอนั้นมันยังอยู่รึเปล่า หรือหนีไปแล้ว ทิ้งฉันไว้นี่หรอ ไม่น้าาาาาา

     

    "เออๆ โทษที ผมลืม เอาไงดี คุณใส่ตัวเดิมออกมาก่อนละกัน ผมพาไปเอา ในกระเป๋าคุณใช่ไหม"

     

    ฉันหูไม่ฝาดไปใช่ไหม ดีใจจนแทบน้ำตาไหล กระเป๋าของช้านนนนน จะได้รีบไปแอบหยิบมือถือออกมาด้วย ชีวิตฉันจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีไอโฟน ไหนจะเครื่องสำอางอีก ชีวิตฉันขาดไม่ได้หรอกนะ

     

    ฉันรีบสวมเสื้อยืดสีเขียวกับกางเกงที่มาคู่กันก่อนจะก้าวออกมาเร็วๆ กระเป๋าจ๋า แม่กำลังไปหาหนูแล้วนะลูก ฉันเห็นหมวดข้างหน้าโทรคุยกับใครสักคนคงเป็นเรื่องกระเป๋าฉัน

     

    "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปเอาเอง" ก่อนจะวางสายไป และหันมาหาฉันแทน

     

    "ปิดไฟละตามผมมา" พอตานั้นหันไปฉันก็ทำเป็นทวนประโยค 'ปิดไฟละตามผมมา' ส่ายหัวดุกดิกๆ แลบลิ้นใส่

     

    "ผมเห็นนะ ประตูมันเป็นกระจก"

     

    เพล้ง ฉันได้ยินเสียงหน้าตัวเองแตกกระจายอยู่เต็มพื้น เออว่ะชัดเลย ยิ่งด้านนอกมืดๆแบบนี้ อายก็อาย แต่ทำไปแล้ว คงทำได้แค่...ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินนำออกไป

     

    "จะไปไหน" เสียงหมอนั้นดังตามมา

     

    "ก็ไปเอากระเป๋าไง" ถามอะไรไม่คิดแหะตาคนนี้

     

    "แล้วรู้หรอมันอยู่ไหน" เออว่ะ นั้นสิ อยู่ไหนอ่ะ พอเห็นฉันให้คำตอบไม่ได้ ผู้ชายตรงหน้ายิ่งจ้องหน้าเหมือนต้องการคาดคั้นเอาคำตอบที่รู้ว่าฉันไม่มีให้

     

    "ไม่รู้" ยอมก็ได้จะได้รีบๆ ไปซักที คนอะไรจะเอาชนะตลอด

     

    "นายก็บอกมาสิ จะได้ไปเอา ฉันจะได้ไปนอน เบื่อหน้านายเต็มทนแล้ว" ฉันแค่ตั้งใจจะพูดแก้เขินไปงั้นแหละ ไม่คิดว่าคำตอบที่ได้กลับมาจะเป็น

     

    "ทำไม มีใครนอนรอคุณอยู่หรอ แหม ไม่น่าคุยกันแปปเดียว เดินตัวแทบติดกัน ชมนิดชมหน่อยทำเป็นยืนบิดไปบิดมา" หมอนั้นกลับมาเดินนำ พร้อมคำพูดประชดชัน ตานี่คงหมายถึงเอ็มสินะ เราเดินไปคุยไปเรื่อยๆ

     

    "แล้วจะให้ทำไง คนเค้าชม ฉันก็รับไว้ นายมีปัญหาอะไร หรือนายว่า... ปกนั้นฉันไม่สวย" แกล้งถามไปงั้นแหละ เพราะว่าตานี่คงไม่อ่านหนังสือผู้ชายแนวนั้นหรอก...มั้ง

     

    "ก็งั้นๆ อ่ะ ถ่ายแบบยิ้มธรรมชาติๆ ชุดธรรมดาในเล่มอื่นยังดีกว่า ไปใส่ชุดว่ายน้ำ ทำปากเผยอ ตาปรือๆ แบบนั้น ไม่อายหรือไง" ตอนแรกฉันกำลังจะเถียง แต่เอ๊ะ แบบนี้ก็แปลว่า

     

    "นายซื้อหนังสือที่ฉันขึ้นปกด้วยหรอ" ฉันหันไปทำตาโตใส่ ควรจะดีใจไหมเนี่ย ผู้ชายตรงหน้าทำหน้าเหรอหรานิดนึงที่เหมือเผลอหลุดปากออกมา

     

    "เปล่า ไม่ได้ซื้อเคยเห็นผ่านๆ แม่ซื้อมาอ่านมั้ง ไม่ต้องถามมาก ถึงแล้ว เชิญไปหยิบของส่วนตัวคุณ" ท่าทางกับน้ำเสียงตะกุกตรงหน้าอดทำฉันยิ้มไม่ได้ ซื้อก็ซื้อสิ ทำเป็นปากแข็ง คุณป้าท่านจะมาซื้อนิตยสารสำหรับผู้ชายมาอ่านทำไม ว่าแต่แล้วฉันจะดีใจทำไมละเนี่ย

     

    "หยิบแต่ของจำเป็น" หมอนั้นกลับมาเป็นขาโหดคนเดิมอีกละ ผู้ชายน่ารักคนเมื่อกี้ไปไหนแล้วละ น่ารัก? เอ้ย ฉันคงเพี้ยนไปแล้ว มองตาคนนี้น่ารัก และแล้ว...กระเป๋าลูกแม่ก็ตั้งอยู่หน้า ฉันรีบวิ่งเข้าไปกอดประหนึ่งว่ามันเป็นเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมานาน

     

    หลังจากนั้นก็หยิบชุดชั้นในใส่ลงไปในถุงที่นายนั้นยื่นมาให้ โดยสายตาหันไปทางอื่น ฉันแอบหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางชุดพกพาไปด้วยดีกว่า

     

    "คุณแน่ใจนะว่าแค่มาหยิบแค่ ของ-จำ-เป็น" หมอนั้นดูเน้นสามพยางค์สุดท้ายเป็นพิเศษ

     

    "ก็ใช่นะสิ เอาอย่างอื่นไปได้ป่ะล่ะ" ฉันหันไปถาม เห็นหมอนั้นยังคงหันไปทางอื่น ฉันเลยรีบหยิบกระเป๋าใบเล็กไว้ล่างสุดก่อนจะเอาชุดชั้นในทับไว้ ไม่จำเป็นของนาย แต่สำหรับฉันน่ะมันสำคัญย่ะ สบู่ ยาสีฟันไม่พอหรอก จะล้างเครื่องสำอางยังไง

     

    ว่าแต่แล้วมือถือล่ะ หายไปไหน ฉันรื้อทุกซอกละนะ ฉันจำได้ว่าเก็บไว้ในกระเป๋าถือนิ แต่แทบจะเทออกมาดูก็ยังไม่มี ก่อนที่จะเทออกมาจริงๆ เสียงเฉลยก็ดังขึ้น

     

    "หานี่อยู่หรอ" หน้าตากับรอยยิ้มกวนๆ ส่งมาที่ฉัน พร้อมไอโฟนกับเคสประดับเพชรแวววิบวับที่อยู่บนมือคนพูด

     

    "นี่นาย นายมีสิทธิ์อะไรมาค้นกระเป๋าฉัน แล้วนั้นนะ มันของส่วนตัวฉันนะ" ฉันลุกขึ้นจะไปแย่งมือถือฉันคืน นายนั้นจึงแกล้งชูสุดมือ และแน่นอนฉันเอื้อมไม่ถึง ยิ่งพยายามยื้อแย่ง ยิ่งรู้สึกว่าตัวเรายิ่งแนบชิดติดกัน ฉันเขย่งเอื้อมมือสุดแขน เกือบถึงแล้ว ถ้าไม่....

     

    "ว้าย" ฉันสะดุดขาผู้ชายที่กำลังสนุกกับการแกล้งฉันอยู่น่ะสิ เท่านั้นยังไม่พอปากฉันจุ๊บลงบนแก้มหมอนั้นเต็มๆ

     

    เห้ย ทำไงดีอ่ะ ฉันได้แต่เหรอหรา ตาโต หัวใจเต้นแรง จนแทบจะพุ่งออกมานอกอก เหมือนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ความรู้สึกที่เหมือนไฟฟ้าช็อต ทำให้ต้องรีบพลักคนตรงหน้าออก เหมือนตัวมันร้อนไปหมดจนฉันต้องก้มหน้าหงุดไม่กล้าหันไปสบตาคนตรงหน้า

     

    "ได้ของคุณครบแล้วก็ตามมา" หมอนั้นพูดเสียงทุ้มลงแปลกๆ แต่พอฉันหันไปมองก็หันหลังไปแล้ว เขาทำเหมือนกับว่าเมื่อกี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเดินนำออกไป สรุปมือถือก็เป็นอันว่า ไม่ได้คืนอีกจนได้

     

    เราเดินเงียบๆ กลับมาทางออกพักที่ป่านนี้คนอื่นน่าจะปิดไฟนอนไปหมดแล้ว ฉันนึกขึ้นได้ว่าต้องขอเข้าห้องน้ำอีกรอบ เปลี่ยนอะไรต่อมิอะไรออก แล้วไหนจะเครื่องสำอางบนหน้าอีก

     

    "นี่ ขอเข้าห้องน้ำได้ไหมอ่ะ" หมอนั้นไม่ได้ตอบกลับมาแต่ก็ชี้นิ้วไปที่ตึกมืดๆ ด้านหน้า ก่อนจะทำหน้าดุเป็นเชิงว่าให้รีบๆ ไป

     

    "คือ..." ฉันกำลังจะพูด

     

    "มีอะไรอีก ผมว่าผมยอมคุณเยอะไปแล้วนะ" หน้าโหดๆ กลับมาอีกแล้ว

     

    "มันมืดอ่ะ ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ แต่ฉันไม่ได้กลัวหรอกนะ" ฉันรีบพูดก่อนจะโดนคนตรงหน้าดุ ก็มันเงียบและก็วังเวงเหลือเกินอ่ะ หมอนั้นส่ายหน้าเบาๆ แต่ก็ไม่ปฏิเสธยังคงเดินพานำไปเงียบๆ จนถึงห้องน้ำ

     

    "ให้เวลา 2 นาที" ไม่ใช่ประโยคบอกเล่า หรือข้อร้อง มันคือประโยคคำสัง ที่ฉันทำได้เพียงพยักหน้าจิ๊จ๊ะเบาๆ ไม่อยากจะขออะไรมากไปกว่านี้ รีบเข้าห้องน้ำเปลี่ยนชุดชั้นในอันเก่าก่อนจะใส่เป็นเสื้อแบบไม่มีโครงแทน ได้นอนสบายๆ ฉันออกมาส่องกระจกแล้วใช้ไวป์ ที่เหมือนทิชชู่เปียกแบบเช็ดเครื่องสำอางได้เลย เช็ดแทนคลีนเซอร์ ดีนะ วันนี้ไม่ได้แต่งอะไรเยอะ

     

    "นานเกินไปแล้วนะ คุณทำอะไรของคุณ" หมอนั้นเดินเข้ามาในห้องน้ำหญิงเลย

     

    "เห้ย อะไรเนี่ย เข้ามาได้ยังไง" ฉันไม่ได้ตกใจ แค่นั้นหรอก แต่กระเป๋าเครื่องสำอางนี่สิ วางกระจายอยู่รอบอ่างล้างหน้าเลย

     

    "สรุปคุณมาที่นี่เพื่อทำอะไร พิสูจน์ตัวเองหรือทำให้พ่อคุณขายหน้ากว่าเดิม" หมอนั้นพูดเล่นทำฉันปรี๊ดแตก แต่ยังไม่ทันจะได้เถียง คนพูดก็เดินออกไปแล้ว ฉันรีบวักน้ำล้างหน้าเก็บของและเดินไปคว้าแขนคนที่เดินลิ่วนำฉันไป

     

    "หยุดก่อน นายพูดแบบนั้นหมายความว่าไง"

     

    "ผมก็หมายความอย่างที่พูด ถ้าคุณจะมาแต่งหน้าทำผม อยากนั่งนอนจิ้มโทรศัพท์คุณคงมาผิดที่แล้วล่ะ ผมบอกว่าให้หยิบของจำเป็น ถ้าคุณมองว่าของพวกนั้นยังจำเป็น ที่นี่คงไม่เหมาะกับคุณ จะกลับบ้านไปตอนนี้ยังทัน ผมจะโทรคุยกับคุณลุงเอง"

     

    ฉันโกรธ แต่ก็เถียงไม่ออก ส่วนประโยคสุดท้ายทำให้ฉันรู้สึกตะหงิดๆ ใจอะไรบ้างอย่าง หรือว่าคนที่พ่อหมายถึง...

     

    "ใช่ ผมนี่แหละคือคนที่จะฝึกคุณ พ่อคุณอนุญาตให้สิทธิขาดในการตัดสินใจทุกอย่างกับผมแล้ว ถ้าจะอยู่ต่อก็มีหน้าฟังและทำตาม ไม่อย่างนั้นก็กลับไป อย่าให้พลเอกของกองทัพต้องมาเสียชื่อเพราะลูกอย่างคุณเลย!"

     

     

                       …………………………………………………………………………………………
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×