ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคือเธอ (พุทธชาด + เทียนกัลยา)

    ลำดับตอนที่ #15 : ...๑๔ โคหนุ่มกับหญ้าอ่อน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.39K
      24
      2 เม.ย. 59


    ๑๔

    โคหนุ่มกับหญ้าอ่อน


    ‘ให้เทียนไปปลุกด้วยแล้วกัน’ ประโยคนี้ทำให้เช้านี้ของเทียนกัลยาพิเศษกว่าวันอื่นๆ หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำยามเปิดประตูห้องนอนแล้วสอดตัวเข้าไปด้านในหลังจากมีเสียงครางรับ ลูกแก้วใสสีน้ำตาลวาววิบวับยามเห็นเจ้าของห้องนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง

    “คุณพุดนี่นอนขี้เซาเหมือนเด็กเลยแฮะ” เจ้าของเสียงหวานบ่นพึมพำเบาๆ ก่อนจะยิ้ม ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เธอได้รุกล้ำเข้ามาในอาณาจักรส่วนตัวของเขา ในยามที่เขาไม่ได้ เอ่อ สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว รอยยิ้มทะเล้นผุดขึ้นบนริมฝีปากอิ่มสีกุหลาบ

    “คุณพุด ตื่นเถอะค่ะ” คนที่อยากเห็นชายหนุ่มตอนตื่นเดินเข้าไปเขย่าแขนอีกฝ่าย ในหัวจินตนาการถึงชุดนอนของเขา จะเป็นลายการ์ตูนเหมือนมหาเสน่ห์ไหมหนอ หรือจะมีสีทึมๆ ไม่มีลายเหมือนน้องชายอีกสองคนอย่างมหาโชคและมหาลาภ

    เร็วเท่าใจคิด มือบางเอื้อมไปรั้งชายผ้าห่มลงทันทีทันใด

    “กรี๊ด! คุณพุดโป๊!” หญิงสาวที่ตั้งใจอยากดูลายชุดนอนของเขายกมือปิดตาพลางกรีดร้องด้วยความตกใจ โดยไม่เห็นรอยยิ้มขำบนมุมปากของคนที่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนนอนขี้เซา แผงอกหนั่นแน่นพร้อมกับซิกซ์แพ็กเป็นลอนเขย่าประสาทของสาวน้อย ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น แต่นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นจะจะตา

    พุทธชาดรวบตัวคนกำลังถอยร่นลงจากเตียงมากักขังไว้ในอ้อมกอด จมูกโด่งได้รูปไม่ลืมหากำไรจากผิวแก้มสาวที่แดงก่ำ ตอนปกติเห็นอมชมพูก็ว่าน่าหอมแล้ว ตอนแดงด้วยความอายนี่น่าหอมขึ้นอีกสิบเท่า

    “จะหนีไปไหนเด็กดื้อ นี่เราคิดจะลักหลับพี่ใช่ไหม” โคหนุ่มที่เฝ้ารอให้หญ้าอ่อนมาตกหลุมพรางกล่าวหาทันที

    “ลักหลับ!” คนกำลังเขินอายสุดๆ ทวน ตัวที่เกือบจะละลายในอ้อมกอดเขาค่อยๆ แข็งทื่อ “ไม่ใช่ซะหน่อย เทียนไม่เคยคิดอย่างนั้น” หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ก็ยังไม่กล้าสู้สายตาอยู่ดี ใบหน้าเธอยังร้อนผ่าว ยิ่งแก้มด้วยแล้วยิ่งร้อนเพราะลมหายใจอุ่นๆ ยังเป่ารด

    เมื่อกี้เขาหอมแก้มเธอ นี่เธอไม่เข้าใจผิดไปใช่ไหม!

    “ถ้าไม่ลักหลับจะขึ้นมาบนเตียงพี่ทำไม แถมทำท่าจะทำมิดีมิร้าย” คนอ้างว่าจะถูกทำมิดีมิร้ายบัดนี้กำลังฝังจมูกกับพวงแก้มแดง หอมอย่างไรก็ไม่เคยพอ กอดแน่นแค่ไหนก็ไม่เคยรู้สึกอิ่มอย่างนี้ สงสัยต้องหาทางรวบรัดรวบหัวรวบหาง ‘กิน’ ไม่ให้เหลือ ดูสิ…คราวนี้เขาจะอิ่มไหม

    “ตะ...ตื่นเดี๋ยวนี้นะคะคุณพุด!” คนที่เข้าใจว่าชายหนุ่มอาจนอนละเมอแหวเสียงดัง ซึ่งก็คงไม่ดังไปกว่าเสียงหายใจหอบพร่าของคนที่กำลังสวมกอด

    พลั่ก! ศอกน้อยกระแทกเข้าที่ปลายคางเต็มๆ พุทธชาดหงายหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะนอกจากศอกแล้วสาวเจ้ายังผลักเขาซ้ำอีกที ก่อนจะลุกไปยืนข้างเตียง

    “อี๋…ละเมอได้ชีกอที่สุด” ผู้บุกรุกตะแง้วๆ ใส่ก่อนวิ่งปรู๊ดหนีไปจากห้อง ทิ้งให้อีกคนมองตาค้างครู่ใหญ่ ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะลั่น

    เกิดมาเขาเพิ่งถูกผู้หญิงด่าว่าชีกอ แถมยังกล่าวหาว่าเขา ‘ละเมอ’ อีกแน่ะ ทั้งๆ ที่ตัวเขามัน ‘ตื่น’ ไปหมด กลิ่นเนื้อสาวปะปนกับแป้งเด็กยังกำจายอยู่รอบตัว ชายหนุ่มผู้บำเพ็ญเพียร ‘ตบะ’ มานานกว่าสองปีทอดถอนหายใจ รุกครั้งแรกก็โดนสาวศอกกลับเสียแล้ว ต่อไปเขาจะเจออะไรบ้างหนอ


    เทียนกัลยาวิ่งปรู๊ดลงไปชั้นล่างทันที การะเกดที่เพิ่งส่งลูกๆ ไปโรงเรียนหันมายิ้มให้น้องสาวก่อนจะสะดุดกับพวงแก้มแดงก่ำ กำลังจะถามอีกฝ่ายว่าไม่สบายหรือเปล่า แต่เห็นดวงตาตระหนกปนเขินอายเข้าเสียก่อน

    “มีอะไรหรือเปล่า”

    “ไม่มีค่ะ”

    “อืม แล้วไปปลุกพุดหรือยัง แม่เตรียมของเสร็จแล้วนะ” การะเกดถามถึงพี่ชายที่ย้ำนักย้ำหนาให้เทียนกัลยาไปปลุก

    “คงตื่นแล้วกระมังคะ เทียนว่าเทียนไปช่วยแม่ดีกว่า” เทียนกัลยาขอตัวเดินเลี่ยงไปทางครัว ปล่อยให้ผู้เป็นพี่สาวหรี่ตาจับผิดอยู่ที่เดิม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าแล้วโทรศัพท์หาคนบนห้อง ก็พบว่าอีกคนตื่นแล้วและกำลังอาบน้ำ

    “แล้วยายเทียนหน้าแดงทำไมกันนะ” การะเกดทำหน้ามุ่ย

    ฝ่ายคนที่เอาแต่หน้าแดงเกิดรู้สึกผิดที่ศอกกลับเขาไปอย่างแรง แถมยังผลักจนอีกฝ่ายหงายหลังอีกด้วย ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอเองต่างหากที่เป็นฝ่ายบุกรุก บางทีเขากอดเธอเอาไว้อาจเพราะตกใจก็ได้ แล้วพอกอดแรงไปจมูกก็เลยบังเอิญชนแก้มเธอ เทียนกัลยาเดินหน้าจ๋อยเข้าครัว หลังจากสำเหนียกถึงความผิดของตัวเอง

    “กำลังจะวานให้เกดไปตามพอดี” ลีลาวดีหันมายิ้มให้ เทียนกัลยาส่งยิ้มฝืดๆ ให้คนสูงวัย

    “แม่ขา…” หญิงสาวเดินเข้าไปสวมกอดลีลาวดีจากด้านหลัง เกยคางกับบ่าอีกคนแล้วส่งเสียงอ้อน “เทียนไปปลุกคุณพุดแล้วค่ะ”

    “เหรอจ๊ะ ดีสิ…แม่จะได้ไม่ต้องให้พี่เกดเขาไปปลุกอีกที ว่าแต่พี่เขาตื่นแล้วใช่ไหม”

    “ตื่นแล้วค่ะ แต่…” คนที่ยังเกยคางบนบ่าทำเสียงอุบอิบ คราวนี้ลีลาวดีจำต้องวางมือจากงานครัวชั่วคราว เมื่อจับสังเกตได้ว่าลูกสาวคนเล็กมีเรื่องไม่สบายใจ

    “มีอะไรหรือเปล่าลูก”

    “เทียน เอ่อ เทียนทำให้คุณพุดตกใจน่ะค่ะ” หลังจากคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง หญิงสาวก็ทำหน้าไม่สบายใจ

    “แล้วยังไงจ๊ะ พี่เขาทำอะไรเทียนหรือเปล่า” คนที่รู้จักลูกชายดีถาม

    “ค่ะ คือคุณพุดกอดเทียน”

    “กอด?”

    “ค่ะกอด” เทียนกัลยาจงใจละเลยเรื่องหอมแก้ม เอ่อ เรียกว่าจมูกบังเอิญชนแก้มจะดีกว่า

    “อืม ถ้าแค่กอดก็ไม่เป็นไรมั้งลูก พุดกับเกดก็กอดกันบ่อยๆ สมัยเกดยังไม่แต่งงานต่อหน้าหนุ่มๆ ที่มาขายขนมจีบ พุดเคยหอมแก้มโชว์ด้วยซ้ำ” ลีลาวดีเล่าวีรกรรมตามหวงน้องของลูกชายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนมองสาวน้อยที่ยังเกยคางกับบ่าเธอ

    “แต่เทียนศอกกลับคุณพุดนะคะ อย่างแรงเลยค่ะแม่ คือ…เทียนตกใจ เทียนไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ” คนรู้สึกผิดเอาตอนหลังสารภาพ เพราะมัวแต่หลบตาเลยไม่ทันเห็นสีหน้าเอ็นดูของผู้ฟัง “แถมเทียนยังด่าคุณพุดไปอีกว่า…ละเมอได้ชีกอที่สุด”

    “ชีกอ?” คราวนี้เป็นเสียงของการะเกดที่เดินตามเข้ามาฟังได้ครู่ใหญ่ หญิงสาวทวนก่อนจะส่งเสียงหัวเราะร่วน ลีลาวดีและสมทรงที่อยู่ในครัวต่างหัวเราะตาม

    “สรุปว่าเทียนไปปลุกพุด พี่เขาตกใจกอดหนู แล้วหนูก็ศอกกลับพี่เขาใช่ไหมลูก” คนสูงวัยถามกลั้วขำ

    “ใช่ค่ะ คุณพุดจะโกรธเทียนไหมคะ”

    “เดี๋ยวๆ ที่ทำหน้าแบบนี้คือไม่ได้โกรธที่โดนกอด แต่กลัวพุดโกรธที่เราดันศอกกลับงั้นเหรอ” การะเกดถามขึ้นก่อนที่ผู้เป็นแม่จะตอบคำถามเทียนกัลยา

    “ค่ะ เทียนศอกไปแรงมากแล้วก็วิ่งออกมาโดยที่ยังไม่ขอโทษ”

    “แถมยังไปด่าเขาด้วยว่าละเมอได้ชีกอที่สุด” คนเป็นพี่ต่อให้

    “ค่ะ”

    “ยายเทียนเอ๊ย เรื่องเรียนน่ะเก่งนัก ทีเรื่องอย่างนี้ละซื่อเชียว” การะเกดอดส่งค้อนให้น้องสาวไม่ได้

    “เอาเถอะๆ เกดก็อย่าต่อว่าน้องนักเลย แม่ว่าเทียนเลิกรู้สึกผิดเถอะจ้ะ ถ้ากลัวพี่เขาโกรธก็ไปขอโทษ แม่เชื่อว่าพุดคงไม่ถือสาเราหรอก” ลีลาวดีให้ท้ายลูกชายทั้งที่ยังสงสัย ร้อยวันพันปีพุทธชาดไม่เคยละเมอสักที พอจะละเมอก็ดันมากอดสาวเสียได้ “ก็อย่างที่แม่บอก เมื่อก่อนพุดกอดเกดบ่อยไป พี่เขากอดเทียนคงเพราะพี่เขารักหนูจ้ะ” เห็นสีหน้าไม่สบายใจของคนที่รักเหมือนลูก คนเป็นแม่จำต้องพูดให้อีกฝ่ายสบายใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำพูดนั้นได้กวนตะกอนที่นอนนิ่งในใจคนฟังให้ขุ่น

    เทียนกัลยาพยักหน้ารับเงียบๆ หัวใจเกิดอาการเจ็บแปลบเล็กน้อยยามถูกเปรียบให้เหมือนการะเกด เขากอดเธออย่างที่กอดน้องสาว ดังนั้นเธอไม่ควรคิดเกินเลยไปมากกว่านี้

    พักต่อมาคนที่ตั้งใจจะขอโทษพี่ชายถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นรอยแดงตรงปลายคางของคนที่เพิ่งลงมาจากห้อง แถมการะเกดยังแซวพี่ชายเสียงดังลั่นบ้าน โดยที่ชายหนุ่มมีสีหน้าเรียบนิ่ง เดาไม่ออกว่าโกรธหรือไม่โกรธเธอกันแน่ เทียนกัลยาอยากร้องไห้หากไม่ได้ลีลาวดีเข้ามาปลอบเอาไว้ กระซิบบอกให้เธอหาโอกาสขอโทษพี่ชายด้วยการบอกจะให้เธอไปทำบุญกับเขาแค่สองคน การะเกดก็เห็นดีด้วย อ้างว่าพุทธชาดไม่ได้เข้าวัดทำบุญนานแล้ว แถมยังอวยพรบอกขอให้ผลบุญครั้งนี้ส่งผลให้…พี่ชายมีเมียเป็นตัวเป็นตนอีกแน่ะ!


    เวสป้าสีเขียวอ่อนคันงามลูกชายสุดรักสุดสวาทของเทียนกัลยาถูกใช้เป็นพาหนะ โดยมีคนซื้อให้เป็นคนขี่ สองหนุ่มสาวซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปวัดด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เทียนกัลยามาวัดกับพุทธชาดสองต่อสอง และเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวมาทำบุญที่วัดนี้ สวนของตาเธออยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง แต่เดินทางไปมาหาสู่กันได้สะดวก เทียนกัลยาเมื่อยังเป็นเด็กไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนมากนัก รวมถึงไม่ค่อยได้มาที่หมู่บ้านแห่งนี้ด้วย

    พอไปถึงวัดสายตาหลายคู่มองมาอย่างสนใจ บางคนจำได้ว่าฝ่ายชายเป็นน้องภรรยาเจ้าของมากบารมีฟาร์ม ไม่มีใครจำเทียนกัลยาได้เพราะหญิงสาวไม่เคยมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ แต่มีหลายคนออกปากว่าหญิงสาวหน้าเหมือนคนรู้จัก กว่าจะทำบุญเสร็จเธอก็แทบขาดอากาศหายใจตาย เพราะตลอดการฟังเทศน์มีสายตาหลายคู่วนเวียนมองมาเสมอ จะมองเธอหรือมองคนข้างตัวเธอก็ล้วนแต่ทำให้เธออึดอัดด้วยกันทั้งนั้น

    ขากลับพุทธชาดขี่รถมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็วที่ช้ากว่าเดิมหลายระดับจนทำให้คนซ้อนเอ่ยปากท้วง หลังจากไม่กล้าพูดจากับเขาตั้งแต่ออกจากบ้าน

    “รถเสียหรือเปล่าคะ” คนที่กำลังหาเรื่องคุยรีบถามทันที

    “ไม่เสียจ้ะ” คนขับเอี้ยวหน้ามาตอบ 

    เสี้ยวหน้าที่เห็นเพียงด้านข้างทำให้อีกคนจังงังไปกับความหล่อบาดตาบาดใจ เทียนกัลยายอมรับว่าพุทธชาดหล่อเหลาหาตัวจับยาก เขาโคตรหล่ออย่างที่สายน้ำผึ้งเคยบอกไม่มีผิด

    ‘พี่พุดน่ะหล่อสุดในบ้านแล้ว โคตรหล่อเลยละ เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไหนหล่อเท่าพี่พุดสักคน’

    เธอเห็นด้วยกับสายน้ำผึ้งที่บอกว่าเกิดมาไม่เคยพานพบคนหล่อเท่าเขา แม้แต่นายแบบดาราฮอลลีวูดเทียนกัลยาก็ยังคิดว่าสู้เขาไม่ได้สักคน หากชายหนุ่มผันไปเอาดีทางนั้นย่อมต้องประสบความสำเร็จไม่น้อย เชื่อเถอะ สาวๆ ร้อยทั้งร้อยมองแค่หน้าเขาก็ละลายเป็นขี้ผึ้งแล้ว

    “เอ่อ…คุณพุดอยากขี่รถเล่นเหรอคะ”

    “อืม” เขาตอบสั้นเหลือเกิน ดีที่น้ำเสียงไม่ได้ห้วน

    “งั้นเราขี่รถไปที่สวนดีไหมคะ เอ่อ ไม่ได้สิ เทียนรับปากแม่ไว้ว่าจะกลับไปช่วยทำขนม” คนที่พลั้งปากชวนรีบแก้ เธอต้องกลับไปช่วยลีลาวดีทำขนม หลายปีที่ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หากมีโอกาสได้เรียนรู้การทำขนมหรือทำกับข้าวหญิงสาวมักไม่ยอมพลาด

    “โทร. ไปบอกก็ได้ บอกพี่อยากไปดูบ้าน” เสี้ยวหน้าที่หันมาเป็นด้านที่ถูกเธอเสยบริเวณคางพอดี 

    เทียนกัลยาเห็นเข้าจึงรู้สึกผิดเลยไม่ปฏิเสธ หญิงสาวโทรศัพท์บอกลีลาวดี ฝ่ายนั้นใจดีไม่ว่าอะไร แถมยังบอกว่าจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้อีกด้วย

    พุทธชาดขี่รถพาสาวซ้อนท้ายมุ่งหน้าไปยังบ้านสวนซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น แต่เขาสร้างบ้านหลังใหม่เพื่อลบเลือนความทรงจำของหญิงสาว และมันก็ได้ผล น้องสาวโทรศัพท์ไปเล่าให้ฟัง แม้เทียนกัลยาจะยังทุกข์ใจอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ร้องไห้ฟูมฟายคิดถึงคนที่เข้าใจว่าจากไปแล้ว


    พอหนุ่มสาวถึงหน้าสวน ก็พอดีกับที่รถกระบะติดชื่อมากบารมีฟาร์มแล่นสวนออกมา แป๋มยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างส่งยิ้มให้เจ้านาย

    “คุณนายให้เอากับข้าวมาให้พวกคุณๆ ค่ะ บอกให้กินข้าวเช้าที่นี่เลย แล้วถ้าเที่ยงไม่กลับไปกินก็ให้โทร. บอก เดี๋ยวจะให้คนเอาข้าวมาส่งค่ะ” เสียงแปร๋นๆ ของแป๋มทำให้เทียนกัลยานึกขำ

    พุทธชาดขอบใจอีกฝ่าย พร้อมทั้งวานให้นำข้าวเที่ยงมาให้ก่อนขี่รถเข้าไปด้านใน สวนหน้าทางเข้าดารดาษด้วยสีเหลืองของดอกดาวเรือง สาวดอกเทียนที่เห็นแล้วอดนึกถึงน้องสาวไม่ได้ถอนหายใจ ข่าวคราวของธีรเมธเงียบหายไปราวกับอีกฝ่ายจงใจปิดกั้นประวัติเอาไว้ หลายปีให้หลังเทียนกัลยาเลยไม่ทราบความเคลื่อนไหวของเขา

    สองหนุ่มสาวกินข้าวเช้ากันที่บ้านหลังน้อยซึ่งได้รับการปัดกวาดทำความสะอาดไว้เรียบร้อย เทียนกัลยานึกแปลกใจที่แป๋มรอบคอบถึงขนาดนำมีดและเครื่องครัวไว้สำหรับทำน้ำปลาหวานติดตะกร้ามาด้วย อีกฝ่ายคงไม่ได้คิดว่าเธอจะอยู่ที่นี่ทั้งวันหรอกนะ

    “อื้อหือ…แม่รู้ใจเทียนกับคุณพุดอีกแล้ว เช้านี้มีทั้งแกงจืดตำลึงกับแกงสายบัว” คนมีความผิดหาหัวข้อคุยอีกครั้งขณะที่กำลังจัดแจงปิ่นโตวางบนโต๊ะ มือบางชะงักเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ หญิงสาวหันไปก็พบว่าพุทธชาดกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงสำหรับนอนเล่นบริเวณเฉลียงด้านหลังบ้าน ซึ่งมุมนี้สร้างเพื่อใช้พักผ่อน

    “คุณพุด…” เจ้าของเสียงหวานออดเรียกคนที่ยังนอนหลับตา เห็นอย่างนี้เธอยังแอบคิดว่าเขาหล่อ เทียนกัลยาเดินไปนั่งลงข้างๆ นิ้วเรียวแตะที่ปลายคางสากซึ่งยังมีรอยช้ำเล็กๆ ก่อนจะประนมมือกราบลงอกเขา “เทียนขอโทษนะคะ”

    เปลือกตาหนาขยับขึ้น เผยให้เห็นลูกแก้วสีฟ้าใสซึ่งเผลอสบเข้าคราใดเป็นต้องนิ่งงันเหมือนถูกสะกด พุทธชาดหลุบตามองมือที่ยังอยู่บนอกตัวเอง เขารีบกุมมือน้อยเอาไว้ก่อนที่เธอจะชักกลับ

    “เทียนขอโทษนะคะ” เจ้าของเสียงหวานออดอ้อนเขย่าหัวใจที่แกร่งดั่งหินผาให้สะเทือน

    “พี่ไม่ได้โกรธเราเสียหน่อย ทำไมต้องทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ด้วย”

    “ก็คุณพุดไม่พูดกับเทียนนี่คะ”

    “พี่พูดเยอะไม่ได้” คนโดนศอกกลับจนเห็นดาว แถมยังรู้สึกผิดที่คิดไม่ซื่อกับน้องน้อย ทั้งที่บอกย้ำกับตัวเองอยู่เสมอ หากเธอเจอคนที่ดีกว่า เขาจะหลีกทางให้ แต่พอได้อยู่ใกล้ชิดกัน หัวใจและความรู้สึกก็รุมเร้าให้เขารุ่มร่ามกับเธอ “พี่…เจ็บคาง”

    “เจ็บเหรอคะ” คนตัวเล็กรีบชักมือออกเพื่อแตะปลายคางเขา “แล้วทายาหรือยังคะ เทียนไปเอายาหม่องในบ้านให้ไหม”

    “ก็ดีจ้ะ” คนเจ้ามารยาบอกเสียงเรียบ ขัดกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำเมื่ออีกคนแสดงความห่วงใย

    เทียนกัลยารีบลุกเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังตู้ยาที่เธอเห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่มา คนจัดบ้านก็พร้อมพรักเหลือเกิน ในนั้นมียาสามัญประจำบ้านอัดแน่นอยู่ ไม่นานร่างบางก็กลับมาพร้อมตลับยาหม่อง หญิงสาวคุกเข่าลงที่เดิม ก่อนจะป้ายยาตรงปลายคางสากอย่างเบามือ รอยแดงๆ ยังเด่นชัด อาจเพราะเขามีผิวขาวจัดเหมือนพี่น้องที่เป็นหญิงกระมัง รอยจึงชัดเจน พุทธชาดแตกต่างกับน้องชายซึ่งเป็นแฝดสาม พวกเขามีผิวสีแทน ใบหน้าคมเข้มแลดูเถื่อนๆ ผิดกับพี่ชายที่มองอย่างไรก็ปรินซ์ชาร์มมิงดีๆ นี่เอง

    โล่งใจที่ไม่โดนพี่ชายโกรธแล้ว คนเป็นน้องก็ต้องตกใจเมื่อคนเป็นพี่จับมือเธอไป…จูบขอบคุณ หลังจากนั้นเขาก็ชักชวนเธอไปกินข้าวด้วยสีหน้าสุดแสนจะปกติ จนคนคิดลึกถึงกับต้องตั้งสติ

    ‘เขาจูบขอบคุณที่มือเพราะเห็นเธอเป็นน้อง’ เทียนกัลยาย้ำกับตัวเองโดยที่ยังกังขา มีพี่น้องที่ไหนกันบ้างที่พี่ชายจูบมือน้องสาวเพื่อขอบคุณ หญิงสาวปัดความคิดเลื่อนเปื้อนออกจากหัว หลังจากได้ยินเจ้าของเสียงทุ้มเรียกอีกครั้ง


    หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จหนุ่มสาวพากันพักผ่อนและพูดคุยถึงขั้นตอนการสร้างบ้านพร้อมทั้งเอ่ยถึงบ้านต้นแบบซึ่งตั้งอยู่ในอังกฤษ ตลอดการพูดคุยหญิงสาวทั้งยิ้มทั้งหัวเราะยามพูดถึงเพื่อนสาวอย่างสายน้ำผึ้ง สองสาวมีวีรกรรมแผลงๆ เยอะแยะ แม้จะเป็นเด็กเรียน แต่เทียนกัลยาก็ไม่ได้ละทิ้งชีวิตในช่วงวัยรุ่น เธอได้ออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตากับเพื่อนๆ บ้าง

    พุทธชาดเล่าถึงตอนมาดูการสร้างบ้านและเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน ตอนเห็นแก้มสาวแดงก่ำขึ้นยามถามถึงห้องนอน เขาก็พูดเรื่องวอลเปเปอร์ในห้อง

    “พี่ให้เขาวาดดอกเทียนชัดๆ และให้วาดดอกพุทธชาดจางๆ เพราะอยากให้เทียนรู้ว่าเทียนยังมีพี่คอยปกป้อง ไม่ว่าเทียนจะเจอกับปัญหาอะไร พี่จะคอยอยู่ด้านหลังเสมอ แค่เทียนหันกลับมา”

    สาวดอกเทียนที่เลี่ยงจะพูดถึงลายบนผนังโผเข้ากอดเขาอย่างลืมตัว หลังจากเข้ามาคุยกันในห้องรับแขกที่มีหน้าต่างทรงสูงไว้เปิดรับลม

    “เทียนไม่รู้จะตอบแทนคุณพุดยังไง”

    “พี่ไม่เคยบอกว่าจะขอค่าตอบแทน” คนที่กำลังรวบรวมกำลังกายกำลังใจเก็บไม้เก็บมือให้สงบบอก ยอมรับว่าชอบที่เป็นฝ่ายถูกกอด แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้…เธอควรให้ความยุติธรรมเขาบ้าง

    เธอกอดได้ เขาก็น่าจะกอดได้

    “งั้นเทียนจะตอบแทนด้วยการเป็นน้องที่ดีของคุณพุดนะคะ” หญิงสาวซุกใบหน้ากับอก เธอชอบอ้อมกอดนี้ ชอบถึงขนาดไม่อยากปล่อยเชียวละ การถูกกอดกับการกอดเองให้ความรู้สึกต่างกัน ตอนนี้เทียนกัลยารู้สึกปลอดภัย ส่วนเหตุการณ์เมื่อเช้าเธอมัวแต่ตกใจจนไม่รู้ว่ามีความรู้สึกอื่นซ้อนขึ้นมาด้วยไหม ตอนนี้รู้อย่างเดียว…เธอชอบกอดเขา

    “อืม” คนที่ตอนนี้เป็นได้แค่พี่ชายลูบผมสลวยที่มัดเป็นหางม้า ยางมัดผมมีดอกไม้ไหมพรมสีชมพูอ่อนห้อยต่องแต่งหลายดอก

    โคหนุ่มที่ถูกหญ้าอ่อนต้อนให้เป็นแค่พี่ชายระบายลมหายใจอย่างอึดอัด ทั้งๆ ที่เธอก็แค่กอด กอดอย่างน้องสาวกอดพี่ชาย แต่ทำไมในหัวเขาถึงคิดเลื่อนเปื้อนไปไกล สงสัยต้องยอมให้สาวหญ้าอ่อนลวนลามฝ่ายเดียวไปอีกสักพัก เพื่อให้เธอคุ้นเคยกับเนื้อตัวเขา แล้วจากนั้นค่อยรุกคืบและเล็มยอดหญ้าอ่อนๆ หวานๆ ต้นนี้ทีละน้อย


    “จินนี่! ทำไมถึงไม่รับสายพี่เลย ในไลน์ก็ไม่ตอบข้อความ” เสียงปลายสายดังขึ้นอย่างร้อนรนจนเทียนกัลยารู้สึกผิด เธอตั้งใจไม่ตอบข้อความลูคัสในห้องสนทนาและไม่รับสายเขาอีกด้วย

    “เทียนยุ่งๆ อยู่ค่ะพี่ลูคัส”

    “อืม แล้วเป็นไงบ้าง เมืองไทยสวยไหม” คนปลายสายปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบขึ้น

    “สวยสิคะ สำหรับเทียนเมืองไทยสวยที่สุดในโลก” พูดจบสาวดอกไม้ก็นึกอยากตบปากตัวเอง ค่าที่รักบ้านเกิดเมืองนอนมากจนไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของอีกฝ่าย

    “ถ้าพี่จะไปเที่ยวบ้าง จินนี่เป็นไกด์ให้พี่ด้วยนะ”

    “เอ่อ พูดเล่นใช่ไหมคะ”

    “พูดจริงสิ วีกหน้าพี่คงเคลียร์งานเสร็จ จินนี่รับปากจะเป็นไกด์ให้พี่แล้วนะ”

    “หา? เทียนพูดเมื่อไหร่กันคะ”

    “ไม่รู้ละ เขาว่าคนไทยมีน้ำใจ พี่จะไปพิสูจน์สักหน่อยว่าจริงไหม ส่วนเรื่องที่พักจินนี่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่ให้คนจัดการเอง คงไม่รบกวนจินนี่หรอก แค่จินนี่พาพี่ไปเที่ยว พี่ก็ซาบซึ้งแล้ว” ปลายสายร่ายมาอย่างยืดยาว โดยไม่สนใจว่าอีกคนจะตอบตกลงไหม ลูคัสถือคติตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก

    “ตะ...แต่ตอนนั้นเทียนอาจต้องขึ้นเชียงราย”

    “ไว้พี่ใกล้เดินทางจินนี่แจ้งอีกทีแล้วกันว่าอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพี่ตามไปเอง”

    “พี่ลูคัส! อย่ามามัดมือชกกับเทียนนะคะ” คนที่เริ่มรู้สึกว่าคิดผิดที่รับสายโทรศัพท์ตะแง้วๆ ใส่อีกฝ่าย

    “พี่ทำที่ไหนล่ะ พี่คิดถึงจินนี่นะ ว่างๆ ก็เข้าไปอ่านข้อความพี่บ้าง” หนุ่มหล่อวัยยี่สิบปลายๆ ออดมาตามสาย หลายปีที่เพียรขายขนมจีบให้ แต่สาวเจ้าไม่เคยแลสักครั้ง ลูคัสชอบหญิงสาวตั้งแต่แรกพบ แม้ตอนนั้นเธอจะอายุยังน้อยก็เถอะ

    “ไม่อ่านหรอกค่ะ มีแต่ข้อความเดิมๆ” เทียนกัลยาบอกอย่างอ่อนใจ ผู้ชายคนนี้ช่างหัวรั้นเหลือเกิน

    “มันกลั่นออกมาจากความรู้สึกพี่ทั้งนั้น”

    “ฮื้อ มุกนี้เก็บไว้ใช้กับสาวๆ ของพี่เถอะค่ะ เทียนไม่หลงกลหรอก”

    “หวานเลี่ยนเลยใช่ไหม ในแชตหวานกว่านี้อีกเท่าตัว ถ้าจินนี่ว่างไปอ่านบ้างก็ได้นะ พี่ไม่กวนเราละ แล้วเจอกันนะจินนี่ พี่คิดถึงเรามากนะมายเลิฟ”

    เทียนกัลยามองโทรศัพท์มือถือนิ่ง ขนแขนเธอลุกชันหลังได้ฟังคำว่ามายเลิฟตบท้าย

    “ผู้ชายอะไรขี้ตื๊อเป็นบ้าเลย” เจ้าของเสียงหวานบ่นอุบ นับวันฝ่ายนั้นยิ่งรุกหนัก ลูคัสส่งข้อความหาเธอเช้าเที่ยงเย็นตามเวลาที่อังกฤษ แล้วก็โทรศัพท์หาช่วงเวลาเย็นของไทย แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะรับสาย ที่รับวันนี้เพราะมันแปลกๆ เขาโทรศัพท์หาเป็นสิบๆ สาย ต่างกับทุกวันที่โทรศัพท์มารอบเดียว

    “คุยโทรศัพท์กับใคร” เสียงทุ้มที่ดังจากด้านหลังยิ่งทำให้ขนกายบนตัวสาวลุกชันกว่าเดิม นี่น่ากลัวกว่าลูคัสเสียอีก!

    “เอ่อ…อ่า…” เทียนกัลยาคิดจะโกหกว่าคุยกับสายน้ำผึ้ง แต่สบตาเขาแล้วพูดไม่ออก

    “คุยกับใคร” พุทธชาดย้ำช้าๆ ชัดๆ สีหน้าเรียบนิ่งก็จริง แต่มองเข้าไปในดวงตาก็จะพบลูกไฟดวงเล็กๆ ที่พร้อมแผดเผาศัตรูหัวใจ

    “คุยกับพี่ลูคัสค่ะ” เธอบอกเสียงอ่อย

    พุทธชาดเลิกคิ้วก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วระบายลมหายใจร้อนออกมาอย่างช้าๆ นั่นเป็นวิธีควบคุมอารมณ์ของชายหนุ่ม

    “พี่ไม่ยักรู้ว่าเทียนคุยกับเขา”

    “เอ่อ พอดีบังเอิญเจอกันที่อังกฤษค่ะ คุณป๋ากับแม่ทราบเรื่องนี้นะคะ”

    “เรื่องที่เทียนคบหากับเขา?”

    “ไม่ใช่ค่ะ เรื่องที่เทียนบังเอิญเจอเขา แล้วก็เรื่องที่เขาโทร. หาเทียน”

    “บ่อยแค่ไหน”

    “หา เอ่อ…ไม่บ่อยค่ะ”

    “ไม่บ่อยแล้วแค่ไหน เดือนละครั้ง หรือปีละครั้ง”

    “บังเอิญเจอเดือนละครั้ง เอ่อ…ส่วนโทร. ก็นานๆ ที แล้วก็…”

    “มีแล้วก็ด้วยหรือ” คนกลั้นใจรอฟังคำตอบโพล่งถาม แค่ได้ยินว่ามันไปดักเจอเทียนกัลยาทุกเดือนเขาก็แทบบ้าแล้ว

    “เขาส่งข้อความหาเทียนทางไลน์ทุกวันค่ะ”

    พุทธชาดหลับตาข่มอารมณ์ ชายหนุ่มซุกมือสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกง ในขณะที่เขาไม่โทรศัพท์หาเธอเลย ได้แต่ส่งข้อความคุยกันวันเว้นวัน ไอ้หมอนั่นไปดักเจอสาวน้อยของเขาทุกเดือน โทรศัพท์หานานๆ ที แล้วก็…ส่งข้อความหาทุกวัน!

    “แล้วเทียนคิดยังไงกับเขา เพื่อน แฟน คนรัก” ในขณะที่เอ่ยปากถาม พุทธชาดอยากกัดลิ้นตัวเอง

    “พี่ชายค่ะ” เทียนกัลยาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่รู้อย่างไร เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด

    “อ้อ งั้นก็แล้วไป” คนกลั้นใจรอฟังคำตอบผ่อนลมหายใจ “เรื่องนี้ให้แล้วไปเถอะ” พูดจบชายหนุ่มแบมือพร้อมขยับนิ้วเป็นสัญญาณให้หญิงสาว

    เทียนกัลยามองโทรศัพท์มือถือสลับกับมองมือเขา ก่อนจะตัดใจยื่นให้อย่างจำใจ

    “ที่แล้วมาก็แล้วไปเถอะ ถือว่าพี่พลาดเอง แต่ต่อไปนี้พี่ขอสั่งห้ามเทียนคุยกับมันอีก”

    “เอ่อ แต่พี่ลูคัส…”

    “ห้ามเรียกมันว่าพี่ด้วย” คนเอาแต่ใจสวนขึ้น

    “ฮื้อ ไม่ให้เรียกพี่จะเรียกอะไรคะ ก็เขาอายุมากกว่าเทียน คุณพุดคงไม่อยากให้เทียนเป็นเด็กมารยาทไม่ดี”

    “ไม่เป็นไร บ้านพี่ไม่เคร่งเรื่องมารยาท”

    “ไม่เอาหรอกค่ะ เทียนชินปากแล้ว ว่าแต่คุณพุดจะยึดโทรศัพท์เทียนจริงๆ เหรอคะ” หญิงสาวออดตบท้าย นี่มันเรื่องบ้าบอ เธอไม่สมควรถูกลงโทษสักนิด

    “ริบไว้ก่อน เรามีความผิดที่ไม่บอกพี่”

    “เรื่องของเขาใช่เรื่องสำคัญเหรอคะ” หญิงสาวสวนกลับก่อนจะเม้มปากเมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มกว้าง

    “หวั่นไหวบ้างไหม” คนตัวโตก้มลงถาม ลมหายใจอุ่นๆ รดหน้าผากยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกเขิน

    “หมายถึงอะไรคะ”

    “กับลูคัสน่ะ…หวั่นไหวบ้างไหม”

    เทียนกัลยาส่ายหน้าโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดทบทวน ก่อนที่ศีรษะทุยจะหยุดส่ายเพราะมือหนาใหญ่ลูบมันอย่างอ่อนโยน ไม่ใช่แค่สัมผัส ทว่าดวงตาเขาก็อ่อนแสงลงด้วย เทียนกัลยาคิดว่าเธอจะละลายกลายเป็นไอไปตรงนั้นตอนได้ยินถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยจากริมฝีปากหยักหนา

    “เด็กดี”




    ตายๆๆๆ ตอนนี้เหมือนจะจิกหมอนตอนท้ายไหม อิอิ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×