ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic GOT7]-CURSE- (2JAE) รีไรท์

    ลำดับตอนที่ #2 : CURSE บทที่ 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.2K
      7
      2 ต.ค. 57






    บทที่
    1

    คำสาปตระกูลชเว

     

    ตระกูล ชเว... คือตระกูลอะไรนะหรอ?

    ตระกูลที่ลึกลับที่สุด ... ตระกูลที่มีความลับเยอะที่สุด

    ยองแจ : ตระกูลที่ฉันไม่อยากอยู่ที่สุด...

     

     

     

                   เท้ายาวของชายหนุ่มก้าวผ่านห้องต่างๆ อย่างรีบร้อน ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ในคฤหานส์ตระกูลชเว แล้วการเดินคืองานอดิเรกของผู้คนในบ้านเลยก็ว่าได้  สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตแต่กลับตั้งตระหง่านริมชานเมืองคือสิ่งที่น่าแปลกใจอีกอย่างหนึ่งของบ้านหลังนี้

               

        ชายหนุ่มผมสีดำขลับใบหน้าขาวหมดจดนั้นดูดีในระดับหนึ่ง แต่คงจะดีกว่าถ้าตอนนี้ใบหน้าเขาไม่เต็มไปด้วยน้ำเม็ดใสผุดพลายข้างแก้มมากมาย    ชายหนุ่มยังคงสาวท้าวอย่างไม่ลดละ ในใจพลางคิดเพียงว่า 'นี่มันอะไรกันแน่ .... ฉันต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้'

     

        ปั้งง !!!!

     

                    ชายหนุ่มพุ่งพรวดเข้าไปในห้องส่วนตัวของคนข้างในอย่างถือวิสาสะ เขาไม่มีอารมณ์มาเคาะประตูในสถานการณ์แบบนี้หรอกนะ  ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ด่วนที่สุด...

     

            'ทำไมกันนะ... หลังจากวันเกิดครบรอบสิบแปดของเขาเมื่อวาน..'

     

                  ชายหนุ่มอีกคนที่กำลังนั่งจดบันทึกบางอย่างถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อพบผู้มาเยือนแบบไม่ประสงค์ดี "อา...ยองแจ นายมีปัญหาอะไรกับฉันรึป่าว" ชายหนุ่มถามพลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างน่าหมันไส้

     

             "แม่อยู่ไหน?!"

     

                   ชายหนุ่มอีกคนเบิกตาโต  เมื่อพบว่ายองแจน้องชายแท้ๆ ทางสายเลือดของเขาถามคำถามที่น่าตกใจที่สุด ..."นายกำลังสื่ออะไร? แม่พวกเราเสียไปแล้ว"

     

                   ดูเหมือนคำตอบของพี่ชายไม่น่าเป็นที่พอใจของยองแจมากนัก เขากุมขมับทันทีพลางร้องโวยวายโดยที่ไม่สนใจว่าอีกคนกำลังงงเป็นไก่ตาแตกกับท่าทีเดาใจไม่ถูกของเขา

             

               "เหอะๆ .... นายเป็นอะไร วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์เล่นด้วยนะ" พี่ชายส่ายหัวไปมาพลางปัดมือไล่อย่างเอือมระอา

     

               "โกหกนะฉันอยากถามนายว่าแม่อยู่ไหน ... แต่ดันพูดไปว่าพ่อไปอยู่ไหน"

     

               "???????????????"

     

                      หลังจากพูดแบบนั้นออกไป ยองแจก็ทึ่งหัวอีกรอบ 'บ้าเอ้ยยยย.......ทำไมฉันถึงต้องพูดกลับตาลปัดแบบนี้!'

     

                      ก่อนหน้านั้น

     

     

     -YOUNGJAE PART-

         

          ถ้าตระกูลผมมีชื่อเสียงมากกว่านี้ งานวันเกิดของผมอาจจะสนุกมากกว่านี้ก็ได้ ..

          แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากได้จริงๆ หรอกนะ

          ผมรู้สึกว่าชีวิตคนในตระกูลชเวบางทีก็วุ่นวายเกินไป...

          ใครจะเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ....ผมถูกสาปให้พูดกลับตาลปัตร....

         'กริ๊งงงงงงง

     

                หมับ ผมเอื้อมมือหยิบเครื่องมือสื่อสารบนโต๊ะโคมไฟข้างเตียง ก่อนจะกดปิดนาฬิกาปลุกอย่างัวเงีย  ทั้งๆ ที่รู้ว่าวันนี้คือวันเปิดเทอมแรกของทุกๆ โรงเรียน.. แต่การไปโรงเรียนไม่ใช่สิ่งที่ผมพิศวาสนัก และถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่ตระกูลของผมไม่มีกฎว่า ' ทุกคนต้องไปโรงเรียน '

     

                 ผมค่อยๆ ลุกออกจากเตียงกว้าง ผมเคยคิดว่าห้องของผมคือห้องรับแขก มันใหญ่เกินไปที่จะอยู่คนเดียว .. คนในตระกูลเชวเหลือแค่สี่คนแต่กลับมีบ้านหลังใหญ่เท่าวัง คนรับใช้อีกเป็นสิบ .. ทำไมผมถึงชอบคิดว่ามันน่าเบื่อนะ อาจจะเพราะว่าผมเริ่มขี้เกียจเดินแล้วก็ได้

     

           'ว่าแต่ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆ..'

     

                 ติ๊ดดด ติ๊ดดด

     

                ผมที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยหลุดออกจากภวังค์ทันทีเมื่อมีสายเข้า 'ใครมันโทรมาตอนนี้ ตื่นเช้าเอาโล่รึไง' ผมกดรับก่อนจะรอให้ปลายสายเริ่มสนทนา

     

            "ยองแจ ขอโทษนะที่วันเกิดน้องเมื่อวานพี่ไม่ได้ไป" น้ำเสียปลายสายเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

     

                พอรู้ว่าเป็นใครผมก็ยิ้มบางออกมาทันที  จินยอง ลูกชายคนกลางของตระกูล เขาคือแก้วตาดวงใจของพ่อผม ถึงแม้เมื่อวานเขาจะไม่ได้ฉลองวันเกิดครบรอบอายุ 18 ของผมด้วยกัน ผมก็คงไม่งี่เง่าพอที่จะโกรธพี่ชายตัวเองที่มีธุระ

     

              "โกรธสิ เรื่องใหญ่โต ต่อไปไม่ต้องมาฉลองอีกนะ "

     

               '!!!!!' เดี๋ยวนะ...!!!!! เมื่อกี้ผมจะพูดว่า 'ไม่เป็นไรหรอกน่า เรื่องแค่นี้เอง แต่ต่อไปต้องมาฉลองด้วยกันนะ' แต่ทำไมคำที่ผมพูดมันกลับเป็นแบบนั้นละ ทุกอย่างกลับตาลปัดหมดเลย?? ผมตาโต ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน.. ตอนนี้หัวใจของผมมันเริ่มอยู่ไม่สุขซะแล้ว

     

                  ปลายสายเริ่มไม่แน่ใจ จินยองถามผมเสียงเบา"นี่ยองแจ ล้อเล่นใช่ไหม?"

     

                 ไม่ได้การละ เมื่อกี้ผมพูดอะไรออกไปนะ ผมต้องกลายเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ หรือเพราะวันนี้ตื่นเช้าเกินไป หัวสมองผมเลยเบลอ ยังไม่สามารถประมวลผลได้ทัน "เมื่อกี้ตั้งใจพูด "

     

            '!!!' ผมแค่จะบอกว่า 'เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจพูดนะ' ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ ?เกิดอะไรขึ้นกับคำพูดของผมอย่างนั้นหรอ

     

                  ติ๊ด!  พั่บผ่าสิ!! พี่จินยองตัดสายทิ้งไปแล้ว ! ผมรีบกดปุ่นโอนไปที่ปลายสายอีกครั้งแต่ก็พบว่าพี่ชายของผมเขาปิดเครื่อง... ให้ตายสิ ...

     

                  ผมเริ่มบ่นพรึมพรำ "นั่นมันอะไรกัน...."

     

                  แล้วทำไมคำว่า นี่ ของผมต้องเปลี่ยนเป็น นั่น ด้วยละ!

      

                ผมตัดสินใจหลับตาแน่นจากนั้นก็เริ่มท่องนะโมตาสะ... เดียวนะ มันไม่ใข่แบบนี้สิ ผมไม่ได้กำลังฝัน ว่าแล้วก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง ผมตรงดิ่งลงไปยังบันได้วน ตลอดทางพยายามจะสะกดจิตตัวเองว่าเมื่อกี้อาจเป็นช่วงเบลอๆ ของผมเท่านั้น

     

               "อ่าว คุณหนูตื่นแล้วหรอคะ" แม่บ้านด้านล่างห้องโถงทักทายผมอย่างเป็นกิจวัตร

     

                       ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะตอบว่า "ยังไม่ตื่นครับ"

     

               "..." ไม่ต้องถามว่าสีหน้าแม่บ้านเธอเป็นยังไง คงไม่ต่างจากการถูกตอกหน้า ถึงแม้นิสัยผมจะค่อนข้างกวนโอ๊ย แต่ก็ไม่ถึงขัั้นขวางโลกขนาดได้ขนาดนี้

     

                 ผมพยายามจะปรับคำพูดใหม่อีกรอบ "โกหกนะ ผมจะไม่พูดว่าผมยังไม่ตื่น" ...'ความจริงแล้ว ผมจะพูดว่าผมตื่นแล้ว' แต่มันกลายเป็นแบบนั้น ตอนนี้สีหน้าของเธอเริ่มเหยเกขึ้นทุกที

     

                'ใคร ก็ ได้ ช่วย ผม ด้วย!!!!!!!!'

     

     

    -ปัจจุบัน-

     

             ยาพาราไหม"  แจ็คสัน พี่ชายแท้ๆ อีกคนของผมถามอย่างเหลืออด ตอนนี้พี่ชายผมคงคิดว่าผมกำลังเล่นพิเรนอะไรบางอย่างแน่ๆ ผมไม่ได้กำลังจะเล่นอะไรทั้งนั้น ได้โปรดเข้าใจหัวอกผมด้วย ผมพูดกลับตาบปัด!!!

     

                  ผมถลึงตาใส่แจ็คสันระลอกนึงก่อนจะอดพูดไม่ได้ "ฉันไม่สบาย ต้องการยาพารา แต่ตอนนั้นฉันไม่มีเรื่องเดือดร้อน ฉันพูดอย่างที่คิด จะไม่ทำอะไรดี!!"

     

                  "...."

     

                 เวณกรรมสิผมทำผิดอะไรทำไม่พระเจ้าต้องลงโทษผมด้วยวิธีนี้  ผมแค่จะบอกแจ็คสันว่า 'ฉันสบายดี! ไม่ต้องการยา แต่ตอนนี้มีเรื่องเดือดร้อน ฉันพูดกลับตาลปัด จะทำยังไงดี!'

     

                  พี่ชายผมตบโต๊ะดังปั้ง!! เขาตาโตก่อนจะยิ้มกว้างจนแทบปากจะฉีก เขาชี้หน้าผมแล้วเอ่ยเสียงดังลั่น "ฉันเข้าใจนายแล้ว! ว่านายต้องการจะสื่ออะไร" คำพูดนั่นทำให้ผมที่กำลังหมดหวังตาเป็นประกายทันที ผมใจจดใจจ่อรอฟังเขาอย่างตั้งใจ จากการพูดและท่าทางเขาฉลาดจริงๆ ที่เข้าใจผมได้

     

        แจ็คสันตบมือดังป้าป "เพราะเกาหลีร้อนเกินไป!! โรคบ้าของนายเลยกำเริบ!!"

     

              .... พี่ชายของผม.. เขาให้ความหวัง.. และดับฝันผมอย่างเลือดเย็น  เกาหลีนะไม่ใช่ประเทศไทย! ผมอยากจะตอกกลับจริงๆ แต่มันคงจะกลายเป็น 'นี่ประเทศไทยนะไม่ใช่ขั้วโลก....'

     

                   ผมทึ่งหัวตัวเองอย่างจนตอก อยากจะทุบตีตัวเองแล้วบอกว่านี่มันก็แค่ความฝัน ยองแจ.. นายกำลังฝัน!! แต่ผมทำไม่ได้เพราะนี่คือความจริง.. ทันใดนั้นเองผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ผมตรงปรี่ไปที่ลิ้นชักของฮยองอย่างรวดเร็วก่อนจะหยิบกระดาษและปากกาออกมาด้วยความร้อนรน จนพี่ชายผมเริ่มมองผมเหมือนผมหลุดออกมาจากหลังคาแดง

     

                  ผมไม่รีรอที่จะเขียนข้อความที่ผมต้องการจะบอกแจ็คสันฮยองมากที่สุด ผมไม่มั่นใจว่าเขาจะพาผมไปโรงพยาบาลรึป่าว ผมยื่นกระดาษให้เขาทันทีที่เขียนเสร็จ

     

                  เหนือความคาดหมาย .. พี่ชายผมไม่ได้ตกใจสิ่งที่ผมเขียนในกระดาษ เขาอ่านมันและเริ่มมีสีหน้าจริงจัง และแล้วคำพูดของเขาก็ทำให้ผมต้องนิ่งค้าง

     

            "อ่า.... เหมือนพ่อจะเคยบอกฉันเรื่องนี้ ฉันนึกว่าจะเป็นฉันซะอีก ไม่นึกว่าจะเป็นเกี่ยวกับการพูดด้วยซ้ำ ..." เขาละสายตาจากกระดาษก่อนจะบอกบางอย่างที่ทำให้ผมอยากตายไปเสียตรงนั้น

     

            "นายคือคำสาปของตระกูลเชวละ.... ดูเหมือนทุกคืนวันข้างขึ้นคี่ ข้างแรมคี่.. ฉันหมายถึงตามปฏิทินสุริยะคติ นายจะต้องเป็นแบบนี้ห้าวันในหนึ่งอาทิตย์จนกว่าจะถอนคำสาปได้  นี่นายหรอเนี่ย ฉันนึกว่าพ่อหมายถึงฉันซะอีก"   พี่ชายผมกำลังพูดอะไร....?

     

               ทุกคนครับ? เมื่อกี้เขา.... พูดว่าอะไรนะ...?

     

     

     

    -         YOUNGJAE END –

     

     

    …………………………..

     

     

     

    'ยาแก้คำสาปอยู่ที่ตระกูลอิม .. ใครซักคนในนั้นเป็นผู้ครอบครอง

        ห้ามใครในตระกูลนั้นรู้ว่าเราต้องการยา ... ขโมยมาอย่างแนบเนียน'

     

        หมั๊บ ! หมั๊บ !

     

                กระดาษขนาดเอห้าถูกมือเรียวขยำจนยับยู้ยี้เท่านั้นยังไม่พอจอง ยองแจยังปาเศษศากเหล่านั้นลงที่พื้นก่อนจะใช้เท้าขอเขาบดขยี้ให้ละเอียด ระบายความโกรธเคือง  เขาสามารถระบายอารมณ์ได้ทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งข้าวของในห้องตัวเอง

     

                 เขามองยังกระดาษที่พึ่งบี้จนเละอย่างอฆาต 'นี่มันเรื่องตลกรึไง' เขาคิดในใจ ไม่นานนี้เขาพึ่งรับรู้เรื่องราวพิศดารของตระกูล คำสาปบ้าบอที่ติดตัวเขา 'การพูดกลับตาลปัตร'  คำสาปที่คนในตระกูลรุ่นที่ 12 ต้องเจอเมื่ออายุครบ 18   จะให้เขาเชื่อเรื่องแบบนี้งั้นหรอ?.. แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ปากได้รูปถอนหายใจด้วยความปลงอนิจจังแบบสุด

     

        'ผมไม่แปลกใจเลย ที่ตระกูลชเวจะถูกสาป.. ตระกูลนี้นะ.. เหอะ ให้ตายสิ..'

      

                 ยองแจส่ายหัวไปมาอีกครั้ง ถึงแม้เขาอยากจะโทษพ่อตัวเองที่หนีไปซะก่อนแต่จะทำอะไรได้ ท่านคงจะรู้เรื่องนี้แล้วถึงออกจากบ้านไปเร็วขนาดนี้และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของเขาเหลือไว้เพียงสานกระดาษแผ่นหนึ่งที่ให้พี่ชายเขาไว้  ดังนั้นในสถานะการณ์แบบนี้คงต้องหาทางแก้คำสาปบ้าบอนี่เท่านั้น นั่นคือสิ่งเดียวที่ยองแจคิดว่าเขาต้องทำ

      

                 เท้ายาวค่อยๆ ลงบรรไดวนช้าๆ สายตาพลางเหลือบมองข้างล้างห้องโถงขนาดใหญ่ จนกระทั่งปลายเท้าแตะพื้นพรม ยองแจจึงชะงักค้าง ในหัวสมองเต็มไปด้วยความคิดที่ตีกันไปมาไม่หยุดหย่อน ' จะไปหาตระกูล อิม ดีไหมนะ แต่ถ้าไม่ไปจะหายายังไง ' เขาคิดไม่ตก
     

                 จะว่าไปแล้วถ้าพูดถึงตระกูล อิม คงไม่มีใครไม่รู้จัก ชื่อเสียงที่โด่งดัง ความฉลาดที่ถูกถ่ายทอดทางสายเลือดอย่างน่าตลก แน่นอนว่าแตกต่างจากตระกูลเชวราวฟ้ากับเหว ที่พอคล้ายกันคงเป็นเพียงฐานะเท่านั้น ยังไงเสียตระกูลเชวก็มีสมบัติมากกว่าอยู่วันยังค่ำ

      

        จนกระทั่งเขาตัดสินใจแน่วแน่ ' ลองไป ก็ไม่เสียหายนิ '

     

     

    .............

     

     

      

                รั้วบ้านสีขาวสะอาดที่มีความสูงถึงสองเมตรครึ่ง ประตูรั้วกว้างราวกับเรือนจำ (?) เอาเป็นว่าใหญ่พอๆ กับราชวังดีกว่า แถมยังมีสวนหย่อมขนาดแถบจะกว้างกว่าสวนสาธานะด้วยซ้ำไป โทนบ้านสีขาวหรู ข้างหน้าเป็นน้ำพุขนาดใหญ่ ถ้าคุณสามารถจินตนาการมันออกละก่อบ้านหลักตระกูล 'อิม' เทียบเท่าได้กับบ้านประธานาธิบดีเลยก็ว่าได้

      

                  ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดายืน มองทิวทัศน์หน้าบ้านพลางบ่นอุบอิบในใจ '... ย๊า... บ้านอลังการเชียวตระกูลอิมก็รวยไม่เบานะ... แต่คงไม่เท่าตระกูลเชวละ'  แน่นอนเพราะสถานที่เขาอยู่ไม่เรียกว่าบ้านหรอกนะ เรียกว่าปราสาทแถบชานเมืองมากกว่า

           'เขาจะเข้าไปยังไง.... แต่ในจดหมาย  พ่อเขาบอกว่าห้ามให้ใครรู้นี่นา 'ยา' อยู่ไหนกันนะ ?'

      

                จนกระทั่งนัยต์ตาสีดำสบเข้ากับป้ายแผ่นหนึ่งที่ติดไว้ริมรั้วด้านข้างทางเข้า เขาหรี่ตาเล็กน้อยก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปอ่านข้อความในนั้น 'รับสมัครพี่เลี้ยงเด็ก 1 ตำแหน่ง' ... 'หืม  เขาละสายตาจากป้าย    'แค่รับสมัครคนรับใช้นี่เอง' และเขาก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไป..

      

       'เดียวนะ'

     

                 จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ มือเรียวรีบขว้ากระดาษแผ่นนั้นมาดูอีกครั้งก่อนที่จะเกิดไอเดียพิลึกบางอย่างขึ้นมา เขาเพ่งมองกระดาษในมือสลับกับมองลอดเข้าไปในบ้านอยู่อย่างนั้น 'รู้วิธีเข้าไปแล้วแหละ....ให้ตายสิ .. นี่ผมต้องทำมันใช่ไหม!' ถึงอย่างนั้นเขาก็ตัดสินใจแล้วแหละ

        

        ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาต้องทำแบบนี้ แต่ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้คงไม่สามารถขโมยยาออกมาได้ 'ว่าแต่ทำไมยาถึงอยู่ที่ตระกูลนี้กันนะ....' ถึงแม้จะสงสัยเสียเต็มประดา ทว่าเขาเลือกที่จะปัดความคิดออกไป สงสัยก็ไม่ช่วยให้หายซักหน่อย 

     

    แต่ไม่ว่าจะกดกริ่งหน้าประตูรั้วมากเท่าไหร่ ก็ไม่มีทีว่าว่าจะมีใครออกมา จนเขาเริ่มเมื่อยล้า 'ออกมาซักคนดิวะ!'

     

        "คุณมีอะไรรึป่าวคะ"

     

     

        ยองแจสะดุ้งเฮือกทันที เมื่อรู้ว่ามีใครอีกคนอยู่ข้างหลัง เขาค่อยๆ หันหน้าไปมองยังต้นเสียง หญิงสาวผมลอนหน้าตาหมดจด เมื่อเธอรู้ว่าถูกเขามองก็เลิกคิ้วเชิงถาม

      

              "เอ่อ..."
     

              'เดี่ยวก่อน!! ห้ามพูดเด็ดขาดไม่งั้นมันจะกลับตาลปัตร'

      

                    เช่นนั้นยองแจจึงชูกระดาษใบสมัครพี่เลี้ยงให้อีกคนดู เขาชี้ในใบนั้นซ้ำไปซ้ำมาเพื่อจะบอกถึงความต้องการ หญิงสาวเลิกคิ้วอีกครั้งก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง "ที่แท้คุณก็มาสมัครพี่เลี้ยงนี่เอง... ว้า~ ดูสภาพคุณไม่เหมือนพี่เลี้ยงเลยแหะ จิ๊ๆ" หญิงสาวจิปากพลางส่ายหัวไปมาแถมยังแอบขำเขานิดๆ

     

                เหมือนไม่เหมือนมันเกี่ยวกับคุณด้วยหรอ รับพี่เลี้ยงเด็กที่หน้าตารึไงครับ เขาอยากจะตอกกลับไปจริงๆ

         

           "เข้าบ้านไปคุยกันในบ้านเถอะ" ว่าเสร็จเธอก็เดินอ่าวไปยังประตูเล็กข้างรั้วก่อนจะกดปุ่มบางอย่าง การกระทำนั้นทำให้ยองแจถึงกับนิ่งข้าง .. 'อย่าบอกนะว่า'

      

             "นั่นมันไม่ใช่กริ่งซักหน่อย...อันนี้ต่างหาก" หญิงสาวตอบพลางหัวเราะคิกคักในลำคอ นั่นทำให้ยองแจรู้สึกว่ามีเสียงดังเพล้งบนใบหน้าเขา อายไหมละ

     

     

            "เธอไม่ใช่คนในบ้านหรอ? ทำไมถึงไม่รู้ละ?"

      

     .... ความจริงเข้าแค่อยากจะถามว่า 'เธอคือคนในบ้านหรอ.. ทำไมถึงรู้ละ'

     

                 เพราะคำถามนั่นทำเอาอีกคนขมวดคิ้วแน่น 'ถามอะไรแปลกชะมัด'  "ฉันชื่อ ' โบมี' "

     

                 ที่แท้ก็อิม โบมี  ลูกสาวคนเดียวของตระกูลอิม ว่าแต่น่าแปลก..ทำไมเธอถึงได้มาเดินแถวหน้าประตูรั้วบ้านได้ละ.. แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกที่สำคัญตอนนี้เขาต้องหายาแก้คำสาปให้ไวที่สุด

      

                  ไม่นานนัก ยามก็เดินออกมาเปิดประตูรั้วด้วยความว่องไว ยองแจชั่งใจซักพักก่อนที่เขาจะตามหญิงสาวเข้าไปอย่างหน้าตาเฉย

     

     

     

    ...................

     

     

     

    -YOUNGJAE PART


     

                  ผมก้าวผ่านประตูบ้านแบบเปิดสองข้างที่ทำด้วยไม้แกะสลักก่อนจะไล่สายตามองรอบๆ ข้างในบ้านหลังนี้ให้ทั่ว .. ใหญ่ดีนะ สมกับเป็นตระกูลผู้ดี  ไม่ทันที่จะให้ผมสำรวจมากว่านี้  โบมี บุตรสาวตระกูลอิมก็พูดขึ้นพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดีเกินเหตุ "  คุณรอตรงนี้แหละเดียวฉันตามหัวหน้าแม่บ้านแปปนะ อ่อ~ ก็ต้องดูว่าคุณจะผ่าน ' การทดสอบ ' รึป่าวนะ แปปนะ! " เธอพูดอย่างร่าเริงก่อนจะตรงดิ่งขึ้นบันได

      

                'การทดสอบ'... เดียวก่อนะครับ การทดสอบอะไร?? ผมพูดกลับตาลปัตรนะ! แค่พี่เลี้ยงต้องทดสอบด้วยหรอ   แต่ชั่งมันเถอะ ผมค่อยๆ สอดส่องไปรอบๆ อีกครั้ง  กว้างเกินไป เกินกว่าที่จะหา 'ยา ' ได้ คงต้องใช้เวลาหลายวันเลยแหละ...

     

             "นายคือพี่เลี้ยงคนใหม่งั้นหรอ..." ใครคนนึงเอ่ยขึ้นจากทางด้านข้าง ผมหันไปมอง เขาหน้าตาดีทีเดียวดูท่าอายุจะประมาณ 17-18  ผิวขาวบวกกับผมสีแดงเพลิงของเขาเข้ากับใบหน้าเรียวยาวได้ดี แต่สิ่งมีหนึ่งที่ขัดกับใบหน้าและดวงตาเจ้าเล่น์นั่น.. เขากำลังกินเบนโตะ

     

       

                   เมื่อไม่ได้คำตอบ ชายคนนั้นก็เริ่มถามอีกครั้งพลางเอียงคอเล็กน้อย " ฉันถามนายนะ นายคือพี่เลี้ยงคนใหม่อย่างนั้นสินะ ใช่ไหม?"


              "...." ผมเลือกที่จะพยักหน้าให้เขา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจกับคำตอบนั้นเท่าไหร่

     

        "ว้า~~~~ๆๆ พี่เลี้ยงไม่เห็นจะสวยเลย ผู้ชายอีกตังหากน่าเบื่อมากๆ ~ นี่.. นายช่วยออกไปได้ไหม ฉันไม่สนใจพี่เลี้ยงแบบนายหรอกนะ ออกไปๆ" ชายหนุ่มผมแดงว่าพลางปัดมือไล่ ทำเอาผมนิ่งไปซักพัก ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจการไล่ผมเหมือนหมูเหมือนหมาของเขา 'อยู่ๆ ก็มาไล่.. ประสาทชะมัด ฉันมาสมัครเป็นพี่เลี้ยงนะ.. ไม่เกี่ยวกับนายนี่เลย'

      

              "นี่.. ไม่ได้ยินรึไง... ฉันไม่ชอบพี่เลี้ยง.. ออกไปๆๆๆ" นายนั่นยังคงยืนยันคำเดิมและเริ่มพูดถี่ขึ้นจนผมเริ่มรำคาญแล้ว..

       

              'ไหนโบมีบอกว่าจะตามหัวหน้าแม่บ้านมา... อย่าปล่อยผมอยู่กับไอบ้าน่ารำคาญนี่สิ คงไม่มีอะไรซวยกว่านี้ใช่ไหม'

      

                   ไม่ทันขาดคำ เสียงบุคคลปริศนาก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังทำเอาผมต้องแอบเหลือบมอง "มาร์ค.. มีอะไรกันหรอ" น้ำเสียงนั้นติดเย็นชานิดๆ ทำเอาผมแอบขนลุกวาบ แต่ทว่าหน้าตาของนายนี่ดูดีไม่เบา ผมแอบอิจฉาความหล่อนิดนึงละ
     

                    ชายเบนโตะตาโตมองยังบุคคลที่พึ่งมาถึง ก่อนจะบอกเสียงดัง" ผมไม่ต้องการพี่เลี้ยงหน้าตาทุเรศแบบนี้! แจบอมฮยอง.. ผมไม่ต้องการพี่เลี้ยงผู้ชาย ช่วยบอกแม่ที ผมไม่ต้องการ"



                    ผมเหลืออดแล้วสิ.."นายว่าใครหล่อนะ? แค่ไม่ได้มาสมัครพี่เลี้ยง ช่วยพูดจาไม่ดีได้ปะ"

     

    "นาย.. ว่าอะไรนะ ใครบอกว่านายหล่อ?" นายเบนโตะเริ่มมองผมด้วยสายตาเหมือนมองตัวประหลาด

     

                ผมพลาดไปแล้ว!ให้ตายสิผมแค่จะบอกว่า'นายว่าใครทุเรศนะ แค่มาสมัครพี่เลี้ยง ช่วยพูดจาดีได้ไหมครับ...' นี่มันสุดแล้ว.. ผมเกลียดคำสาปนี้ที่สุด ผมต้องรีบหายาให้ได้!

      

           "นายไม่ได้มีความผิดปกติทางสมองใช่ไหม..." มาร์คถามผมแบบติดตลกก่อนจะพยักพเยอไปทางอีกคน "แจบอมฮยอง... ผมไม่ต้องการคนบ้าเข้าบ้านของตระกูลนะ.. "

     

        ผมทนไม่ไหวแล้ว!!! "นายว่าใครสติดีนะ ??? พูดจาไม่ดีเป็นไหม?? ฉันบ้านะ! แล้วเมื่อไหร่คนรับใช้แม่บ้านจะมาฮะ! ผมรอไหวนะ! ... ให้เกิดสิ.. นี่ผมเขียนอะไรไป.. "

     

                "...."<--นายเบนโตะ

      

                   ผมอย่าจะทุ่งหัวตัวเองเหลือเกิน.. ก็คนมัน 'อดไม่ได้นิ' จะให้ทำยังไง อยากจะเถียงขาดใจแต่มันดันกลายคำพูดกลับตาลปัตรแบบนั้น..

         

                  แจบอมที่ยืนมองสถาการณ์อยู่นาน จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ "นายมาสมัครงานใช่ไหม?"

      

              "ไม่"... หมายถึง 'ใช่' ต่างหาก



              "..." นายนั่นใช้สายตาเรียบมองมา ผมเริ่มรู้สึกถึงความเยือกเย็นในแววตานั้น      

      

       "ฉันไม่ได้หมายถึง...ไม่ แต่ฉันจะไม่บอกว่า ใช่ ต่างหาก"

     

       "... หึ"  ผมรู้สึกสายตาเขาเหมือนน้ำแข็งเขาต้องเป็นผู้ชายที่เย็นชามากแน่ๆ  แต่ผมไม่ผิด ผมแค่พูดกลับตาลปัตร  คุณไม่ใช่ผม คุณไม่มีวันไม่เข้าใจหรอกครับ

     

                  ตึกๆ เสียงเท้าย่ำลงบันไดเรียกความสนใจจากทุกคน "ข้างล้างเอะอะ อะไรกัน พอดีลืมไปว่าแม่บ้านไปทำธุระ ฉันเอาใบสมัครมาแล้วนะนาย~ " โบมีพูดอย่างร่าเริงโดยไม่สนใจเลยว่าสถาณการณ์ข้างล่างเป็นอย่างไร  ในมือถือใบต่างๆ มากมายเธอมองมาร์คกับแจบอมตาปริบๆ " นี่.. พี่แจ มีอะไรกัน? อ่อ~ " เธอร้องอ่อทันทีก่อนจะชี้มาที่ผม

     

           " นี่พี่เลี้ยงคนใหม่นะ  เขาพึ่งมาสมัครหละดีจริงๆ~ " โบมียังคงพูดต่อไป เธอชี้ที่มาร์คก่อนจะบอกกับผมว่า " นี่เลยๆ ต่อไปนี้นายคือพี่เลี้ยงนายนี่นะ อ่า~ ฉันแอบมองอยู่นะ! นายไม่หลงความหล่อหมอนี่แถมนายยังเป็นผู้ชาย ดีจริงๆ  นายผ่านการทดสอบละ" ว่าเสร็จเธอก็ยื่นใบเอกสารบางอย่างมาให้ผม

     

         'เดียว นะ '  

    'พี่เลี้ยง เลี้ยงบ้าอะไรกับคนอายุ 17-18 ครับบบ!!!! เลี้ยงทำไม'






    ................

    กำลังปั่นบทต่อไปคะ ><

    #ฟิคคสร

    แท็กเก่าซ้ำนะคะ นี่แท็กใหม่จร้า สกรีมเยอะปั่นเยอะนะ จุ๊ปๆ

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×