คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 16 - Happy Alley การพบเจอครั้งใหม่ (Welcome back)
Chapter 16
ณ ป้ายรถเมล์คุ้นเคยหน้าซอยมีสุข23 บทสนทนาของเพื่อนสนิทสองคนปรากฏขึ้นท่ามกลางผู้คนที่ผลัดเวียนกันขึ้นลงรถเมล์สายต่างๆ เสียงบ่นของแพรวาในประเด็นการรอรถเมล์ฟรีนานเกือบชั่วโมงแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขึ้นยังคงผ่านเข้าหูคนตัวเล็กไม่ขาดสาย
“รอรถเมล์ฟรีตั้งนานสุดท้ายก็ต้องเสียเงิน”
“ก็บอกให้เสียแปดบาทตั้งแต่แรกก็ไม่เชื่อ รถติดเลยเห็นไหม”
“คราวหลังจะไม่ทำแล้ว...หงุดหงิดจริงๆ” แพรวาถอนหายใจก่อนจะเหลือบไปเห็นพี่ชายข้างบ้านของคชาที่พึ่งลงจากรถเมล์ แล้วเดินมาอยู่ด้านหลังเพื่อนสนิทตนเอง “พี่เต๋าสวัสดีค่ะ” แพรวายกมือไหว้บุคคลด้านหลังคนตัวเล็ก คชาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะรู้ว่าเพื่อนตัวเองชอบเล่นมุกนี้บ่อยๆ แต่สัมผัสอบอุ่นที่ศีรษะทำให้รู้ว่าเพื่อนรักไม่ได้หลอกแต่อย่างใด
“อ้าว ..ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็ว” หันหน้าถามเจ้าของสัมผัสทันทีเมื่ออีกฝ่ายมายืนด้านข้าง
“แวะร้านไหม” เต๋าไม่ได้ตอบในสิ่งที่คนตัวเล็กถาม กลับกันเขาชวนอีกฝ่ายไปร้าน
“เลี้ยงนะ”
“คร้าบผม”
ถึงจุดมุ่งหมายร้านชานมไข่มุกปุ๊บ คนตัวเล็กก็วิ่งถลาเข้าร้านไปสั่งเครื่องดื่มรสโปรดทันที จะมีก็แต่เต๋าที่ยังไม่ได้เดินเข้าไป มองดูโปเต้ที่กำลังดูยุ่งวุ่นวายกับการติดป้ายอะไรสักอย่างหน้าร้าน
“ทำอะไรเต้”
“คุณตี๋ให้พวกผมติดป้ายทำโปรโมชั่นต้อนรับวันแม่ครับคุณเต๋า ลูกค้าคนไหนพาคุณแม่มากินชานมร้านเรา คุณแม่จะได้กินฟรีครับ” เต๋าพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ช่วงนี้ทำงานจนแทบจะลืมวันลืมคืน เผลอแป๊บเดียวจะเข้าวันที่ 12 สิงหา...จะว่าไปก็อดคิดถึงแม่ของตัวเองไม่ได้ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน
“อ่อ แล้วก็มีเมนูใหม่ด้วยนะครับคุณเต๋า ชานมกลิ่นมะลิ..หอมมากครับ ลองไปสั่งเพื่อนน้ำแข็งได้”
เต๋าเดินเข้ามาในตัวร้าน จัดการวางสัมภาระทั้งหมดลงบนโต๊ะ เห็นเด็กตัวยุ่งนั่นดูดชานมไข่มุกมีความสุขดี จึงรู้ว่าต่อไปเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องไปจ่ายเงิน พอร่างสูงหันหลังมือบางก็ถือวิสาสะคว้าไอโฟนสีขาวของคนเป็นพี่มาเปิดเล่น กดเข้ารหัสที่จำแม่นขึ้นใจแล้วก็ต้องโวยวายขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นภาพหน้าจอ ภาพของตนเองที่สไกป์คุยกับพี่เต๋าเมื่อตอนที่อีกคนไปต่างประเทศ
“พี่เต๋าเอารูปอะไรขึ้นเนี่ย” เสียงติดหงุดหงิดนิดๆนั่นทำให้เต๋ายิ้มขำออกมา
“อะไร...ก็น่ารักดีออก” ตอบกลับแล้วนั่งรถโซฟายาวข้างคนตัวเล็ก
“ไม่เห็นน่ารักเลย ไม่ชัดด้วย” คชายังคงขมวดคิ้วเพ่งพิจารณารูปบนหน้าจอ มันก็ดูเป็นธรรมชาติดีอยู่หรอก รูปคชายิ้มกว้างจนปากจะถึงใบหูโชว์หราบนจอ สี่เหลี่ยมมุมข้างๆมีพี่เต๋าโผล่มานิดนึง...จะว่าไปนี่มันรูปคู่นี่นา...แต่หน้าแบบนี้มันไม่ไหว คชาว่าคชาไม่โอเค
“ไม่สนๆ พี่เต๋าเปลี่ยนรูปเลย” บอกรัวเร็วแล้วส่งไอโฟนคืนให้เจ้าของทันที
“งั้นให้พี่ถ่ายใหม่ไหมหละ”
“ก็ได้ๆ แต่ถ่ายดีๆนะ” เต๋างงไปเล็กน้อย เพราะเขาแค่จะล้อเล่น ไม่นึกว่าน้องจะบ้าจี้ให้ถ่ายจริง แต่ถึงจะอย่างนั้นนี่นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
“เอามุมไหนว่ามาเลยครับเด็ก”
“เอามุมนี้แหละ” เต๋าย้ายไปนั่งโซฟาตัวเล็กตรงข้ามกับคชา หยิบไอโฟนขึ้นมาตั้งท่าหามุมจะถ่ายเด็กนักเรียนที่นั่งเกาหัว หมุนไปหมุนมา ปลายนิ้วยาวกำลังจะกดปุ่มแต่มือเล็กก็ยกหมอนขึ้นมาบังหน้าเสียก่อน แต่ถึงจะทำแบบนั้นเต๋าก็กดถ่ายไปเรียบร้อยแล้ว
“เอาหมอนบังหน้าทำไม?” คชาส่ายหน้าไม่ตอบ เหมือนพึ่งคิดขึ้นมาได้ว่าทำไมต้องมานั่งให้พี่เต๋าถ่ายรูป แล้วทำไมต้องให้พี่เต๋าเอารูปตัวเองขึ้นหน้าจอ...พึ่งรู้ตัวจริงๆนะ พอรู้ตัวปุ๊บก็เขินปั๊บ...
“คชาถ่ายเองได้ไหม” เต๋าขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนคนตัวเล็กจะขยายความให้ “เซลก้าไง”
“อ้าว ทำไมหละ”
“ก็มัน....” เมื่อคชากำลังคิดหาเหตุผล พี่เต๋าก็ดันแทรกขึ้นมาก่อน
“แต่รูปบนหน้าจอพี่ตอนนี้มันมีพี่ด้วยนี่นา... ถ่ายรูปคู่กันไหมเด็ก?” คชาหันหน้ามองเต๋าทันที ขนาดเมื่อกี้ให้พี่เต๋าถ่ายให้ยังเขินเลย แล้วถ้าต้องถ่ายด้วยกัน...
ยังไม่ได้ทันได้รับคำอนุญาตจากคนตัวเล็ก เต๋าก็ย้ายกลับมานั่งยังตำแหน่งเดิมบนโซฟาตัวยาวข้างคชา มือขวายกไอโฟนตั้งขึ้นแล้วเขยิบเข้าใกล้คนตัวเล็กให้มากกว่าเดิม มองหน้ามองตากันผ่านจอสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่งยิ้มให้กันไปมาผ่านจอหน้าจอไอโฟนกันทั้งคู่ แต่พอจะกดถ่ายอีกครั้งเด็กก็ยกหมอนขึ้นมาปิดหน้าอีกหน
หัวกลมๆค่อยๆโผล่พ้นหมอนอิงออกมามองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ยิ้มบางๆให้เจ้าของไอโฟน....รู้ รู้...เต๋ารู้ว่าน้องกำลังเขิน
“มานี่เลย” ไม่รอให้เจ้าตัวได้หยุดเขิน เต๋าเอื้อมโอบคชาให้ชิดกับตัวเอง ตั้งไอโฟนขึ้น รอให้เด็กยิ้มแล้วรีบกดถ่ายทันที หากไม่ใช่แค่ตัวที่ชิดแต่รวมไปถึงแก้มที่แนบติดกันด้วย
“พี่เต๋าไม่เอารูปนี้” คชาโน้มตัวดูรูปที่พึ่งถ่ายสดๆร้อนๆแล้วเริ่มโวยวาย ก็พึ่งรู้ว่ามันใกล้กันขนาดนี้ ถ้าพี่เต๋าเอาขึ้นหน้าจอมีหวังโดนล้อตาย
“งั้นรูปนี้พี่เก็บไว้ดูคนเดียวก็ได้”
“ได้ไงหละ...ส่งมาให้ด้วยดิ”
“เห็นบ่นก็นึกว่าไม่ชอบ”
“ก็นี่มันรูปคู่รูปแรกนี่นา อย่าเก็บไว้ดูคนเดียวสิ” พูดจบปุ๊บก็รีบยกแก้มชานมไข่มุกรสโปรดขึ้นดูดกลบเกลื่อนสีหน้าทันที
“คชา...”
“หืม?”
“อยากมีรูปที่สองแล้วครับ...”
------------------------------------------------------------------------
ผู้คนพลุกพล่านเดินขวักไขว่จนหน้าเวียนหัว บางทีเต๋าเอาจะเวียนหัวขึ้นมาจริงๆเพราะเมื่อคืนนอนยังไม่รู้สึกว่าหลับดี รู้สึกตัวอีกทีก็ต้องตื่นมาทำงาน พอถึงบริษัทก็โดนเจ้านายลากให้ออกมารับลูกค้าที่สนามบินด้วยกัน รีบเร่งกันแทบตายแต่สุดท้ายกลับต้องมารู้ว่าเที่ยวบินของลูกค้าคนสำคัญดีเลย์กว่าสองชั่วโมง เต๋าเลยได้โอกาสขอตัวไปจัดการกับเสียงโครกครากของกระเพาะอาหาร ก็ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากแซนวิสต์เจ้าประจำหน้าที่ทำงานเลย
เดินงงตามป้ายเพื่อหาร้านอาหารสักพักก็ต้องสะดุดกับกระเป๋าสตางค์สีเขียวสดใส เต๋าก้มลงเก็บก่อนจะมองไปรอบๆเพื่อหาบุคคลที่เป็นเจ้าของ
“คุณครับ” เต๋าร้องเรียกบุคคลที่ตนคาดว่าจะเป็นเจ้าของกระเป๋าสตางค์ใบยาวในมือ ก่อนจะต้องตัดสินใจเดินเร็วตามเมื่อรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้ยิน
“โทษนะครับ ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นของคุณ” เต๋าวิ่งไปหยุดอยู่หน้าผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูแล้วน่าจะอ่อนกว่าแม่ตนเองไม่กี่ปี แต่ผอมบางผิดต่างจากแม่เขาไปนิด สัมภาระบนรถเข็นบ่งบอกว่าคงพึ่งลงจากเครื่องบินโดยสารระหว่างประเทศลำใดลำหนึ่ง
“ใช่จริงๆด้วย...ขอบคุณมากนะคะ” หญิงวัยกลางคนค้นข้าวของในกระเป๋าส่วนตัวก่อนจะพบว่าสิ่งที่อยู่ในมือของเด็กหนุ่มตรงหน้าคือของตนเอง
“ครับ..ไม่เป็นไรครับ” หญิงวัยกลางคนยิ้มให้เต๋าอีกครั้งเป็นคำขอบคุณ และเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างบอกเต๋าแต่เสียงโทรศัพท์ของร่างสูงก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเจ้านายที่โทรฝากซื้อกาแฟนั่นเอง
เสี้ยววินาทีที่กำลังจะเก็บไอโฟนกลับที่เดิมทำให้อีกฝ่ายแอบเห็นภาพพักหน้าจอไอโฟนของเต๋า หลังจากนั้นก็ต้องรู้สึกคุ้นตาเป็นพิเศษ เอะใจอะไรเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าตนเองอาจจะตาฝาดไป
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?” คำตามของเต๋าทำให้หญิงวัยกลางคนหลุดออกจากภวังค์ความคิด
“ ... พอจะรู้ไหมว่าร้าน S&P อยู่ตรงไหน”
“อ๋อ...” เต๋าร้องอุทานออกมาแล้วแล้วบอกเส้นทางจุดหมายที่คนถามต้องการทราบ เพราะจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตนพึ่งเดินผ่านมา แต่เมื่อกำลังจะแยกย้ายเต๋าก็เอ่ยบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน
“คุณครับ..เอ่อ..เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ...เขาแค่รู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงตรงหน้าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” คนตรงหน้าเอ่ยขอบคุณอีกครั้งก่อนจะเริ่มออกแรงเข็นรถเพื่อไปยังจุดหมาย แต่อาจเพราะการเดินทางที่ยาวนานบวกกับน้ำหนักของที่มากทำให้เจ้าตัวเกิดอาการเซเล็กน้อย เต๋าเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปช่วยและอาสาไปส่งถึงจุดหมาย
“ให้ผมช่วยนะครับ”
“ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะ” หญิงกลางคนส่งยิ้มให้เต๋าพร้อมกล่าวขอบคุณอีกครั้งเมื่อถึงจุดหมาย รู้สึกปลื้มใจไม่น้อยที่เห็นเด็กสมัยนี้มีน้ำใจ
“ครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เต๋ารีบบอกลาและเดินไปยังจุดหมายของตัวเองทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกว่าล่วงเลยเวลามานาน
------------------------------------------------------------------------
ตี๋ เต๋าและเฟรมเดินเปิดประตูเข้ามายังบ้านเลขที่ 23/3 โดยไม่ส่งสัญญาณใดๆตามแบบฉบับ หลังจากนั้นก็ต้องหยุดทันทีเมื่อมองเห็นอีกหนึ่งสมาชิกในบ้าน
“สวัสดีครับน้าหมวย” ตี๋และเฟรมยกมือไหว้สวัสดีพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทำให้เจ้าของชื่อหัวเราะออกมาได้ไม่ยาก...เด็กข้างบ้านสองคนนี้ยังตลกเหมือนเดิม
“สวัสดีหนุ่มๆ ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีไหม”
“สบายดีครับ หล่อเหมือนเดิม”
“ไม่ๆ ครับน้าหมวย พี่ตี๋เท่าเดิมแต่เฟรมหล่อขึ้น” เฟรมสวนขึ้นยิ้มแฉ่งเห็นเหล็กดัดฟัน เรียกรอยยิ้มขำจากน้าหมวยอีกครั้ง
“ว่าแต่ไม่เห็นมิ้นท์บอกเลยครับว่าน้าหมวยจะกลับไทย”
“มิ้นท์ก็จะบอกอยู่หรอกถ้าหม่าม๊าไม่บอกมิ้นท์ตอนลงเครื่องแล้ว”
“ก็หม่าม๊ากะมาเซอร์ไพรส์” คนเป็นแม่บอกแล้วยิ้มบางๆให้ลูกสาว ก่อนจะเหลือบไปเห็นร่างสูงขาว ทำให้ตี๋ต้องรีบแนะนำเต๋าทันที
“น้าหมวยครับ นี่เต๋าน้องชายผมอีกคน อ่อ ลูกพี่ลูกน้องนะครับ ไม่ใช่น้องแท้ๆ หน้าตามันเลยดูดีไม่เท่าผม”
“อ้าว” น้าหมวยอุทานออกมาทันทีเมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนี้เป็นใคร
“สวัสดีครับ” เต๋ายกมือไหว้สวัสดีอีกฝ่ายหลังจากยืนนิ่งอึ้งอยู่สักพัก ก็เต๋าสังเกตเห็นนานแล้วว่าน้าหมวยที่ว่าคือคนเดียวกับผู้หญิงที่เขาเจอที่สนามบินวันนี้
“หม่าม๊ารู้จักกับเต๋าแล้วหรอ”
“ไม่รู้จัก แต่เคยเจอกัน ก็เต๋าเป็นคนที่เก็บกระเป๋าตังค์แล้วก็ช่วยพาแม่มาส่งที่ร้านวันนี้”
“บังเอิญจริงๆเลยนะเต๋า” เป็นอีกครั้งที่เต๋าได้รับรอยยิ้มอบอุ่นจากผู้หญิงคนนี้...
“ครับ” เต๋ายิ้มตอบกลับให้อีกฝ่าย นึกเอะใจตั้งแต่ตอนอยู่สนามบินแล้วว่าเคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหน ที่แท้ก็ตามกรอบรูปในบ้านหลังนี้นี่เอง
“บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต ด้วย” เฟรมแอบก้มกระซิบกระซาบกับพี่ชายคนโต ก่อนที่มิ้นท์จะสังเกตว่าเต๋ากำลังมองหาใครบางคน
“คชาขึ้นไปเปลี่ยนชุด สักพักคงลงมาหนะเต๋า” เต๋าพยักหน้ารับรู้ แอบคิดในใจเล่นๆว่าตอนที่คชาเห็นแม่ตัวเองคงไม่ได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งหรอกนะ
สักพักเด็กน้อยก็เดินอุ้มแมวสุดรักเดินลงมาตามบันได ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองเห็นจำนวนสมาชิกกลางห้องรับแขก ...ก็ก่อนขึ้นบ้านมีอยู่สอง พอลงมาอีกทีมีห้าคน บ้านดูเล็กลงไปเลยแฮะ
“ทำไมทุกคนต้องมองคชาแบบนั้น” คชาถามขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่มองมาทางตนเอง
“พี่นึกว่าคชาจะดีใจร้องไห้ที่หม่าม๊ามาเซอร์ไพรส์” ไม่ได้มีแต่เต๋าที่คิดสินะ เฟรมกับพี่ตี๋ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
“บ้าแล้ว”
“ก็จะร้องอยู่หรอกถ้าไม่รู้ก่อนล่วงหน้า น้าบอกคชาตั้งแต่เดือนที่แล้วแล้วว่าจะกลับ ไม่งั้นลูกรักหม่าม๊าร้องไห้น้ำท่วมบ้านแน่จริงไหม” คนเป็นแม่อธิบายแล้วโอบกอดลูกชายสุดที่รักด้านข้าง
“ก็หม่าม๊าบอกว่าครั้งนี้จะเซอร์ไพรส์พี่มิ้นท์” คชาหัวเราะคิกคักสะใจเล็กน้อยที่ได้ร่วมมือกับแม่แกล้งพี่สาว
“ว่าแต่หนุ่มๆวิ่งพรวดเข้ามาในบ้านแบบนี้ คงหิวข้าวกันมาสินะ?” หม่าม๊าถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นท่าทางอาการหิวของแต่ละคน
“มิ้นท์ยังไม่ได้ทำกับข้าวเลย แต่ไหนๆก็ไหนๆ มาช่วยกันเลยแล้วกัน” เป็นเฟรมและตี๋ที่เดินตามมิ้นท์ไปยังครัว เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนทำกับข้าววันนี้คือใคร และคนเก็บทำความสะอาดวันนี้เป็นหน้าที่ของใครบ้าง
“นี่คชา...พี่เต๋าเป็นคนที่เก็บกระเป๋าตังค์หม่าม๊าได้นะ” หม่าม๊าเอ่ยขึ้นในขณะที่เดินเคียงข้างลูกชายคนเล็กไปยังโซฟากลางบ้าน
“จริงหรอ” คชาถามแล้วหันไปมองหน้าร่างสูง เต๋าเลิกคิ้วให้อีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่คชาจะเดินมายังเขาแล้วส่งแมวน้อยขนนิ่มให้
“เป็นคนดีจังเลย ดีแบบนี้เอาคะน้าไปอุ้มเลย คะน้าคิดถึง”
“คะน้าบอก? เดี๋ยวนี้ฟังภาษาแมวออกแล้วหรอเรา”
“ฟังออกนานแล้วเถอะ ไม่งั้นจะคุยกับพี่เต๋ารู้เรื่องได้ไง” คชาบอก เอียงคอแล้วยิ้มแก้มป่องมองหน้าอีกฝ่าย
“สองคน.....นั่งคุยกันดีกว่าไหมลูก แล้วแมวก็ไม่ต้องให้พี่เต๋าอุ้มก็ได้ ปล่อยมันไปเดินเล่นบ้าง แมวมันก็รักอิสระเหมือนกันนะ...” ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างหลุดไม่พ้นสายตาผู้เป็นแม่ ที่จริงลูกทั้งสองคนก็เคยเล่าเรื่องเด็กผู้ชายผิวขาวคนนี้ให้ตนฟังอยู่บ้าง แต่ดูจากการพูดคุยของลูกชายคนเล็กกับพี่ชายข้างบ้านคนนี้แล้วก็ดูจะสนิทกันมากกว่าที่เคยคิดไว้
“แล้วเต๋าย้ายมาอยู่กับตี๋นานยังจ๊ะ” พอนั่งลงบนโซฟาปุ๊บ หม่าม๊าก็ยิ่งคำถามปั๊บ แอบสารภาพตามตรงว่ารู้สึกเกร็งๆ ตั้งแต่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่ของคชาแล้ว
“ไม่นานครับ สามสี่เดือนได้”
“แล้ววันนี้พี่เต๋าไปทำอะไรที่สนามบิน” คำถามนี้เป็นของเจ้าตัวเล็กของหม่าม๊าถาม
“ไปรับลูกค้ากับเจ้านาย”
“แล้วนี่เต๋าทำงานที่ไหน....” หลังจากนั้นบทสนทนาก็ลื่นไหลอัตโนมัติ อาจจะเป็นเพราะนิสัยพื้นฐานความเป็นคนสุภาพ เข้ากับคนอื่นได้ง่ายของเต๋าและความเป็นคนอัธยาศัยดีของหม่าม๊า อาการเกร็งที่เคยมีอยู่ในตอนแรกก็เริ่มลดลงตามลำดับ
มื้อเย็นวันนี้เต็มไปด้วยเสียงบทสนทนา หัวเราะ พูดคุยจากสมาชิกทั้งหกคนในบ้าน จากปกติที่ว่าเคยเสียงดังแล้ว วันนี้กลับเสียงดังกว่าเดิม ถึงหม่าม๊าจะเป็นผู้ใหญ่แต่ก็เป็นผู้ใหญ่อารมณ์ดี ไม่ถือตัว สนุกสนานเฮฮากับเด็กๆ ได้เสมอ โต๊ะทานข้าวที่เคยว่าเล็กเมื่อนั่งกันอยู่ห้าคน หากแม้มีสมาชิกใหม่มาเพิ่มกลับไม่รู้สึกอึดอัด ตรงกันข้ามกลับเกิดความรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างน่าประหลาด...เชื่อว่าทุกคนสัมผัสได้
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจล้างจานทำความสะอาด ทั้งเต๋า เฟรมและตี๋ก็ขอตัวลากลับบ้าน โดยพี่ชายคนโตกับน้องคนสุดท้องเดินล่วงหน้านำไปก่อนแล้ว จะเหลือก็แต่เต๋าที่กำลังเทนมให้เจ้าแมวน้อยขี้อ้อนอยู่ข้างตู้เย็น โดยมีเด็กตัวเล็กนั่งลูบหัวแมวตัวกลมอยู่ด้านข้าง
“คชา... เสร็จแล้วเดินไปส่งพี่เต๋าด้วยสิลูก แล้วอย่าลืมล็อคประตู้รั้วให้เรียบร้อยด้วยนะ หม่าม๊าขึ้นห้องก่อน” หม่าม๊าทิ้งท้ายไว้บอกลาเต๋าแล้วเดินขึ้นไปพักผ่อนเพราะความเมื่อยล้าจากชั่วโมงบินที่ยาวนาน
“ช่วงนี้คะน้ากินเก่ง ตัวอ้วนขึ้นด้วย ว่าแต่แมวอ้วนดีไหมพี่เต๋า?”
“ไม่หรอก ช่วงแรกตอนมาอยู่กับเราคะน้าผอมเกินไป อ้วนขึ้นมาหน่อยน่ากอดดีออก”
“ใช่ๆ น่ากอด น่ากอดทุกวันเลย” พูดไปก็หมั่นเขี้ยวแมวแสนรักไป จนอดไม่ได้ที่จะอุ้มเจ้าตัวกลมที่กำลังสำราญกับนมสีขาวขึ้นมาจุ๊บหัว...ช่างเป็นแมวที่น่าอิจฉา
“จะกลับแล้วนะ แต่ไม่ต้องเดินไปส่งพี่ก็ได้” เต๋าบอกแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ไม่ได้ไปส่ง คชาจะไปปิดประตูรั้วต่างหาก” พูดจบก็ลุกขึ้นยืน เดินลิ่วนำหน้าออกจากบ้านทันที
“อารมณ์ดีจังเลยนะเด็ก” เต๋าเอ่ยแซวแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มนิ่มสักที คนตัวเล็กยู่หน้ายิ้มตาปิดเล็กน้อยก่อนจะตีเบาๆที่มือขาว เป็นโอกาสให้เต๋าจับมือบางนั้นมากุมเอาไว้
“ก็ดีใจ ได้เจอหม่าม๊า”
“ดีใจด้วย.. หม่าม๊าคชาอารมณ์ดี อยู่ด้วยแล้วพี่คิดถึงแม่เลย”
“หม่าม๊าคชาน่ารักหละสิ”
“ครับ..น่ารัก แต่ว่าลูกหม่าม๊าน่ารักกว่า”
“พี่มิ้นท์นะหรอ?” คชาตอบกลับแล้วขำออกมาน้อยๆ ต่างกับเต๋าที่ทำหน้าเพลียตอบกลับแต่ถึงอย่างนั้นก็หาเรื่องแกล้งคชาคืนจนได้
“พี่หมายถึงลูกชายคนเล็ก” โน้มหน้ากระซิบแทบชิดใบหู ทำเอาคนฟังยืนนิ่ง ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ทำตัวไม่ถูกไปพักใหญ่
“จะกลับบ้านแล้วนะครับ” ยืนมองคนเขินได้สักพักหากไม่ยอมปล่อยมือบางนั้นออกสักที
“ก็กลับสิ” คชาบอกกลับไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย สัมผัสอุ่นๆที่มือมันทำให้มองหน้าพี่เต๋าไม่ได้จริงๆนะ
“บอกฝันดีหน่อยดิ”
“ปล่อยมือก่อนนนน” ว่าแล้วก็พยายามดึงมือตัวเองออกจากมืออีกฝ่าย ดึงไปดึงมาแต่ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จผล
“บอกฝันดีก่อนนนน...”
“งือออออออออ......ถ้าบอกแล้วต้องปล่อยนะ”
“แน่นอน พี่รักษาสัญญา”
“ฝันดีนะผู้ใหญ่” ความจริงเต๋าไม่ได้ต้องการคำบอกฝันดีอะไรนั่นเท่าไหร่หรอก ที่ทำไปก็แค่อยากแกล้งน้อง มีเรื่องให้แกล้งก็หมายความว่ามีเวลาอยู่ด้วยกันนานขึ้นไม่ใช่หรอ?
“ก็แค่นั้น....เจอกันพรุ่งนี้ครับเด็ก” เต๋าหัวเราะให้เด็กน้อยตรงหน้า ก่อนจะยอมละสัมผัสอบอุ่นยอมปล่อยมือตัวเองออกแล้วแยกย้ายกันเข้าบ้าน
...............
.......
....
..
ท่ามกลางความมืดมิดบริเวณหน้าบ้านที่มีเพียงแสงสว่างจากแสงไฟประปราย มีสายตาคู่หนึ่งที่แอบมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากชั้นบน
“มิ้นท์...หม่าม๊ามีอะไรจะถามหน่อย”
บางทีเต๋าอาจจะลืมว่าความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเสมอไป ....
------------------------------------------------------------------------
เย่! มีตัวละครเพิ่มอีกแล้ว...หายไปสักพักหวังว่าคงไม่ลืมกัน ถ้าคิดถึงก็กลับมาอ่านได้แล้วนะคะ เพราะเราก็คิดถึงคนอ่าน TUT …
ป.ล. ตอนนี้สั้นไปนิดเพราะว่ามันเชื่อมกับตอนหน้าแล้วยาวไป เลยแบ่งเป็นสองตอน :) ...see me soon ค่ะ
ความคิดเห็น