ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 16 - Happy Alley การพบเจอครั้งใหม่ (Welcome back)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      2
      7 ส.ค. 56



    Chapter 16

     

     

    ณ ป้ายรถเมล์คุ้นเคยหน้าซอยมีสุข23  บทสนทนาของเพื่อนสนิทสองคนปรากฏขึ้นท่ามกลางผู้คนที่ผลัดเวียนกันขึ้นลงรถเมล์สายต่างๆ   เสียงบ่นของแพรวาในประเด็นการรอรถเมล์ฟรีนานเกือบชั่วโมงแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขึ้นยังคงผ่านเข้าหูคนตัวเล็กไม่ขาดสาย

    “รอรถเมล์ฟรีตั้งนานสุดท้ายก็ต้องเสียเงิน” 

     

    “ก็บอกให้เสียแปดบาทตั้งแต่แรกก็ไม่เชื่อ  รถติดเลยเห็นไหม”

     

    “คราวหลังจะไม่ทำแล้ว...หงุดหงิดจริงๆ”  แพรวาถอนหายใจก่อนจะเหลือบไปเห็นพี่ชายข้างบ้านของคชาที่พึ่งลงจากรถเมล์ แล้วเดินมาอยู่ด้านหลังเพื่อนสนิทตนเอง “พี่เต๋าสวัสดีค่ะ”  แพรวายกมือไหว้บุคคลด้านหลังคนตัวเล็ก  คชาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะรู้ว่าเพื่อนตัวเองชอบเล่นมุกนี้บ่อยๆ  แต่สัมผัสอบอุ่นที่ศีรษะทำให้รู้ว่าเพื่อนรักไม่ได้หลอกแต่อย่างใด

     

    “อ้าว ..ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็ว” หันหน้าถามเจ้าของสัมผัสทันทีเมื่ออีกฝ่ายมายืนด้านข้าง

     

    “แวะร้านไหม”  เต๋าไม่ได้ตอบในสิ่งที่คนตัวเล็กถาม กลับกันเขาชวนอีกฝ่ายไปร้าน

     

    “เลี้ยงนะ”

     

    “คร้าบผม”

     
     

    ถึงจุดมุ่งหมายร้านชานมไข่มุกปุ๊บ คนตัวเล็กก็วิ่งถลาเข้าร้านไปสั่งเครื่องดื่มรสโปรดทันที  จะมีก็แต่เต๋าที่ยังไม่ได้เดินเข้าไป มองดูโปเต้ที่กำลังดูยุ่งวุ่นวายกับการติดป้ายอะไรสักอย่างหน้าร้าน 

     

    “ทำอะไรเต้”

     

    “คุณตี๋ให้พวกผมติดป้ายทำโปรโมชั่นต้อนรับวันแม่ครับคุณเต๋า  ลูกค้าคนไหนพาคุณแม่มากินชานมร้านเรา คุณแม่จะได้กินฟรีครับ”  เต๋าพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้  ช่วงนี้ทำงานจนแทบจะลืมวันลืมคืน เผลอแป๊บเดียวจะเข้าวันที่ 12 สิงหา...จะว่าไปก็อดคิดถึงแม่ของตัวเองไม่ได้ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน

     

    “อ่อ แล้วก็มีเมนูใหม่ด้วยนะครับคุณเต๋า  ชานมกลิ่นมะลิ..หอมมากครับ ลองไปสั่งเพื่อนน้ำแข็งได้”

     

    เต๋าเดินเข้ามาในตัวร้าน จัดการวางสัมภาระทั้งหมดลงบนโต๊ะ เห็นเด็กตัวยุ่งนั่นดูดชานมไข่มุกมีความสุขดี จึงรู้ว่าต่อไปเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องไปจ่ายเงิน  พอร่างสูงหันหลังมือบางก็ถือวิสาสะคว้าไอโฟนสีขาวของคนเป็นพี่มาเปิดเล่น  กดเข้ารหัสที่จำแม่นขึ้นใจแล้วก็ต้องโวยวายขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นภาพหน้าจอ  ภาพของตนเองที่สไกป์คุยกับพี่เต๋าเมื่อตอนที่อีกคนไปต่างประเทศ

     

    “พี่เต๋าเอารูปอะไรขึ้นเนี่ย” เสียงติดหงุดหงิดนิดๆนั่นทำให้เต๋ายิ้มขำออกมา

     

    “อะไร...ก็น่ารักดีออก”  ตอบกลับแล้วนั่งรถโซฟายาวข้างคนตัวเล็ก

     

    “ไม่เห็นน่ารักเลย  ไม่ชัดด้วย” คชายังคงขมวดคิ้วเพ่งพิจารณารูปบนหน้าจอ  มันก็ดูเป็นธรรมชาติดีอยู่หรอก รูปคชายิ้มกว้างจนปากจะถึงใบหูโชว์หราบนจอ  สี่เหลี่ยมมุมข้างๆมีพี่เต๋าโผล่มานิดนึง...จะว่าไปนี่มันรูปคู่นี่นา...แต่หน้าแบบนี้มันไม่ไหว คชาว่าคชาไม่โอเค 

     

    “ไม่สนๆ  พี่เต๋าเปลี่ยนรูปเลย”  บอกรัวเร็วแล้วส่งไอโฟนคืนให้เจ้าของทันที

     

    “งั้นให้พี่ถ่ายใหม่ไหมหละ” 

     

    “ก็ได้ๆ  แต่ถ่ายดีๆนะ”  เต๋างงไปเล็กน้อย เพราะเขาแค่จะล้อเล่น  ไม่นึกว่าน้องจะบ้าจี้ให้ถ่ายจริง  แต่ถึงจะอย่างนั้นนี่นับว่าเป็นเรื่องที่ดี

     

    “เอามุมไหนว่ามาเลยครับเด็ก”

     

    “เอามุมนี้แหละ” เต๋าย้ายไปนั่งโซฟาตัวเล็กตรงข้ามกับคชา  หยิบไอโฟนขึ้นมาตั้งท่าหามุมจะถ่ายเด็กนักเรียนที่นั่งเกาหัว หมุนไปหมุนมา  ปลายนิ้วยาวกำลังจะกดปุ่มแต่มือเล็กก็ยกหมอนขึ้นมาบังหน้าเสียก่อน  แต่ถึงจะทำแบบนั้นเต๋าก็กดถ่ายไปเรียบร้อยแล้ว

     

    “เอาหมอนบังหน้าทำไม?”  คชาส่ายหน้าไม่ตอบ  เหมือนพึ่งคิดขึ้นมาได้ว่าทำไมต้องมานั่งให้พี่เต๋าถ่ายรูป แล้วทำไมต้องให้พี่เต๋าเอารูปตัวเองขึ้นหน้าจอ...พึ่งรู้ตัวจริงๆนะ  พอรู้ตัวปุ๊บก็เขินปั๊บ...

     

    “คชาถ่ายเองได้ไหม”  เต๋าขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนคนตัวเล็กจะขยายความให้ “เซลก้าไง”

     

    “อ้าว   ทำไมหละ”

     

    “ก็มัน....”  เมื่อคชากำลังคิดหาเหตุผล  พี่เต๋าก็ดันแทรกขึ้นมาก่อน

     

    “แต่รูปบนหน้าจอพี่ตอนนี้มันมีพี่ด้วยนี่นา... ถ่ายรูปคู่กันไหมเด็ก?”  คชาหันหน้ามองเต๋าทันที ขนาดเมื่อกี้ให้พี่เต๋าถ่ายให้ยังเขินเลย  แล้วถ้าต้องถ่ายด้วยกัน...

     

    ยังไม่ได้ทันได้รับคำอนุญาตจากคนตัวเล็ก  เต๋าก็ย้ายกลับมานั่งยังตำแหน่งเดิมบนโซฟาตัวยาวข้างคชา  มือขวายกไอโฟนตั้งขึ้นแล้วเขยิบเข้าใกล้คนตัวเล็กให้มากกว่าเดิม  มองหน้ามองตากันผ่านจอสี่เหลี่ยมผืนผ้า  ส่งยิ้มให้กันไปมาผ่านจอหน้าจอไอโฟนกันทั้งคู่  แต่พอจะกดถ่ายอีกครั้งเด็กก็ยกหมอนขึ้นมาปิดหน้าอีกหน

     

    หัวกลมๆค่อยๆโผล่พ้นหมอนอิงออกมามองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง  ยิ้มบางๆให้เจ้าของไอโฟน....รู้ รู้...เต๋ารู้ว่าน้องกำลังเขิน

     

    “มานี่เลย”  ไม่รอให้เจ้าตัวได้หยุดเขิน เต๋าเอื้อมโอบคชาให้ชิดกับตัวเอง ตั้งไอโฟนขึ้น รอให้เด็กยิ้มแล้วรีบกดถ่ายทันที  หากไม่ใช่แค่ตัวที่ชิดแต่รวมไปถึงแก้มที่แนบติดกันด้วย 

     

    “พี่เต๋าไม่เอารูปนี้”  คชาโน้มตัวดูรูปที่พึ่งถ่ายสดๆร้อนๆแล้วเริ่มโวยวาย  ก็พึ่งรู้ว่ามันใกล้กันขนาดนี้  ถ้าพี่เต๋าเอาขึ้นหน้าจอมีหวังโดนล้อตาย

     

    “งั้นรูปนี้พี่เก็บไว้ดูคนเดียวก็ได้”

     

    “ได้ไงหละ...ส่งมาให้ด้วยดิ” 

     

    “เห็นบ่นก็นึกว่าไม่ชอบ”

     

    “ก็นี่มันรูปคู่รูปแรกนี่นา  อย่าเก็บไว้ดูคนเดียวสิ”  พูดจบปุ๊บก็รีบยกแก้มชานมไข่มุกรสโปรดขึ้นดูดกลบเกลื่อนสีหน้าทันที  

     

    “คชา...”

     

    “หืม?

     

     

     

    “อยากมีรูปที่สองแล้วครับ...”

     

     

     

    ------------------------------------------------------------------------

     

    ผู้คนพลุกพล่านเดินขวักไขว่จนหน้าเวียนหัว  บางทีเต๋าเอาจะเวียนหัวขึ้นมาจริงๆเพราะเมื่อคืนนอนยังไม่รู้สึกว่าหลับดี รู้สึกตัวอีกทีก็ต้องตื่นมาทำงาน  พอถึงบริษัทก็โดนเจ้านายลากให้ออกมารับลูกค้าที่สนามบินด้วยกัน  รีบเร่งกันแทบตายแต่สุดท้ายกลับต้องมารู้ว่าเที่ยวบินของลูกค้าคนสำคัญดีเลย์กว่าสองชั่วโมง   เต๋าเลยได้โอกาสขอตัวไปจัดการกับเสียงโครกครากของกระเพาะอาหาร ก็ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากแซนวิสต์เจ้าประจำหน้าที่ทำงานเลย

     

    เดินงงตามป้ายเพื่อหาร้านอาหารสักพักก็ต้องสะดุดกับกระเป๋าสตางค์สีเขียวสดใส  เต๋าก้มลงเก็บก่อนจะมองไปรอบๆเพื่อหาบุคคลที่เป็นเจ้าของ

     

    “คุณครับ”  เต๋าร้องเรียกบุคคลที่ตนคาดว่าจะเป็นเจ้าของกระเป๋าสตางค์ใบยาวในมือ ก่อนจะต้องตัดสินใจเดินเร็วตามเมื่อรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้ยิน

     

    “โทษนะครับ  ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นของคุณ”  เต๋าวิ่งไปหยุดอยู่หน้าผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูแล้วน่าจะอ่อนกว่าแม่ตนเองไม่กี่ปี แต่ผอมบางผิดต่างจากแม่เขาไปนิด   สัมภาระบนรถเข็นบ่งบอกว่าคงพึ่งลงจากเครื่องบินโดยสารระหว่างประเทศลำใดลำหนึ่ง

     

    “ใช่จริงๆด้วย...ขอบคุณมากนะคะ”  หญิงวัยกลางคนค้นข้าวของในกระเป๋าส่วนตัวก่อนจะพบว่าสิ่งที่อยู่ในมือของเด็กหนุ่มตรงหน้าคือของตนเอง

     

    “ครับ..ไม่เป็นไรครับ”  หญิงวัยกลางคนยิ้มให้เต๋าอีกครั้งเป็นคำขอบคุณ  และเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างบอกเต๋าแต่เสียงโทรศัพท์ของร่างสูงก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน  ไม่ใช่ใครที่ไหน  เป็นเจ้านายที่โทรฝากซื้อกาแฟนั่นเอง 

     

    เสี้ยววินาทีที่กำลังจะเก็บไอโฟนกลับที่เดิมทำให้อีกฝ่ายแอบเห็นภาพพักหน้าจอไอโฟนของเต๋า หลังจากนั้นก็ต้องรู้สึกคุ้นตาเป็นพิเศษ  เอะใจอะไรเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าตนเองอาจจะตาฝาดไป

     

    “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?” คำตามของเต๋าทำให้หญิงวัยกลางคนหลุดออกจากภวังค์ความคิด

     

    “ ... พอจะรู้ไหมว่าร้าน S&P อยู่ตรงไหน” 

     

    “อ๋อ...”  เต๋าร้องอุทานออกมาแล้วแล้วบอกเส้นทางจุดหมายที่คนถามต้องการทราบ เพราะจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตนพึ่งเดินผ่านมา แต่เมื่อกำลังจะแยกย้ายเต๋าก็เอ่ยบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน

     

    “คุณครับ..เอ่อ..เปล่าครับ  ไม่มีอะไร”  ...เขาแค่รู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงตรงหน้าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

     

    “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”  คนตรงหน้าเอ่ยขอบคุณอีกครั้งก่อนจะเริ่มออกแรงเข็นรถเพื่อไปยังจุดหมาย  แต่อาจเพราะการเดินทางที่ยาวนานบวกกับน้ำหนักของที่มากทำให้เจ้าตัวเกิดอาการเซเล็กน้อย  เต๋าเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปช่วยและอาสาไปส่งถึงจุดหมาย

     

    “ให้ผมช่วยนะครับ”

     

    “ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะ”  หญิงกลางคนส่งยิ้มให้เต๋าพร้อมกล่าวขอบคุณอีกครั้งเมื่อถึงจุดหมาย  รู้สึกปลื้มใจไม่น้อยที่เห็นเด็กสมัยนี้มีน้ำใจ

     

    “ครับ  ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”  เต๋ารีบบอกลาและเดินไปยังจุดหมายของตัวเองทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกว่าล่วงเลยเวลามานาน

     

     

    ------------------------------------------------------------------------

     

     

    ตี๋ เต๋าและเฟรมเดินเปิดประตูเข้ามายังบ้านเลขที่ 23/3 โดยไม่ส่งสัญญาณใดๆตามแบบฉบับ  หลังจากนั้นก็ต้องหยุดทันทีเมื่อมองเห็นอีกหนึ่งสมาชิกในบ้าน

     

    “สวัสดีครับน้าหมวย”  ตี๋และเฟรมยกมือไหว้สวัสดีพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทำให้เจ้าของชื่อหัวเราะออกมาได้ไม่ยาก...เด็กข้างบ้านสองคนนี้ยังตลกเหมือนเดิม

     

    “สวัสดีหนุ่มๆ  ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีไหม”

     

    “สบายดีครับ หล่อเหมือนเดิม”

     

    “ไม่ๆ ครับน้าหมวย  พี่ตี๋เท่าเดิมแต่เฟรมหล่อขึ้น” เฟรมสวนขึ้นยิ้มแฉ่งเห็นเหล็กดัดฟัน เรียกรอยยิ้มขำจากน้าหมวยอีกครั้ง

     

    “ว่าแต่ไม่เห็นมิ้นท์บอกเลยครับว่าน้าหมวยจะกลับไทย”

     

    “มิ้นท์ก็จะบอกอยู่หรอกถ้าหม่าม๊าไม่บอกมิ้นท์ตอนลงเครื่องแล้ว”

     

    “ก็หม่าม๊ากะมาเซอร์ไพรส์”  คนเป็นแม่บอกแล้วยิ้มบางๆให้ลูกสาว  ก่อนจะเหลือบไปเห็นร่างสูงขาว  ทำให้ตี๋ต้องรีบแนะนำเต๋าทันที 

     

    “น้าหมวยครับ  นี่เต๋าน้องชายผมอีกคน อ่อ ลูกพี่ลูกน้องนะครับ ไม่ใช่น้องแท้ๆ หน้าตามันเลยดูดีไม่เท่าผม” 

     

    “อ้าว”  น้าหมวยอุทานออกมาทันทีเมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนี้เป็นใคร

     

    “สวัสดีครับ”  เต๋ายกมือไหว้สวัสดีอีกฝ่ายหลังจากยืนนิ่งอึ้งอยู่สักพัก  ก็เต๋าสังเกตเห็นนานแล้วว่าน้าหมวยที่ว่าคือคนเดียวกับผู้หญิงที่เขาเจอที่สนามบินวันนี้

     

    “หม่าม๊ารู้จักกับเต๋าแล้วหรอ”

     

    “ไม่รู้จัก  แต่เคยเจอกัน ก็เต๋าเป็นคนที่เก็บกระเป๋าตังค์แล้วก็ช่วยพาแม่มาส่งที่ร้านวันนี้” 

     

    “บังเอิญจริงๆเลยนะเต๋า” เป็นอีกครั้งที่เต๋าได้รับรอยยิ้มอบอุ่นจากผู้หญิงคนนี้...

     

    “ครับ”  เต๋ายิ้มตอบกลับให้อีกฝ่าย  นึกเอะใจตั้งแต่ตอนอยู่สนามบินแล้วว่าเคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหน ที่แท้ก็ตามกรอบรูปในบ้านหลังนี้นี่เอง

     

    “บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต ด้วย”  เฟรมแอบก้มกระซิบกระซาบกับพี่ชายคนโต  ก่อนที่มิ้นท์จะสังเกตว่าเต๋ากำลังมองหาใครบางคน

     

    “คชาขึ้นไปเปลี่ยนชุด  สักพักคงลงมาหนะเต๋า”  เต๋าพยักหน้ารับรู้  แอบคิดในใจเล่นๆว่าตอนที่คชาเห็นแม่ตัวเองคงไม่ได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งหรอกนะ

     

    สักพักเด็กน้อยก็เดินอุ้มแมวสุดรักเดินลงมาตามบันได  ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองเห็นจำนวนสมาชิกกลางห้องรับแขก ...ก็ก่อนขึ้นบ้านมีอยู่สอง พอลงมาอีกทีมีห้าคน บ้านดูเล็กลงไปเลยแฮะ

     

    “ทำไมทุกคนต้องมองคชาแบบนั้น”  คชาถามขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่มองมาทางตนเอง

     

    “พี่นึกว่าคชาจะดีใจร้องไห้ที่หม่าม๊ามาเซอร์ไพรส์”  ไม่ได้มีแต่เต๋าที่คิดสินะ เฟรมกับพี่ตี๋ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

     

    “บ้าแล้ว”

     

    “ก็จะร้องอยู่หรอกถ้าไม่รู้ก่อนล่วงหน้า น้าบอกคชาตั้งแต่เดือนที่แล้วแล้วว่าจะกลับ ไม่งั้นลูกรักหม่าม๊าร้องไห้น้ำท่วมบ้านแน่จริงไหม” คนเป็นแม่อธิบายแล้วโอบกอดลูกชายสุดที่รักด้านข้าง

     

    “ก็หม่าม๊าบอกว่าครั้งนี้จะเซอร์ไพรส์พี่มิ้นท์”  คชาหัวเราะคิกคักสะใจเล็กน้อยที่ได้ร่วมมือกับแม่แกล้งพี่สาว

     

    “ว่าแต่หนุ่มๆวิ่งพรวดเข้ามาในบ้านแบบนี้  คงหิวข้าวกันมาสินะ?”  หม่าม๊าถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นท่าทางอาการหิวของแต่ละคน

     

    “มิ้นท์ยังไม่ได้ทำกับข้าวเลย แต่ไหนๆก็ไหนๆ มาช่วยกันเลยแล้วกัน”  เป็นเฟรมและตี๋ที่เดินตามมิ้นท์ไปยังครัว  เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนทำกับข้าววันนี้คือใคร และคนเก็บทำความสะอาดวันนี้เป็นหน้าที่ของใครบ้าง

     

    “นี่คชา...พี่เต๋าเป็นคนที่เก็บกระเป๋าตังค์หม่าม๊าได้นะ”  หม่าม๊าเอ่ยขึ้นในขณะที่เดินเคียงข้างลูกชายคนเล็กไปยังโซฟากลางบ้าน

     

    “จริงหรอ”  คชาถามแล้วหันไปมองหน้าร่างสูง เต๋าเลิกคิ้วให้อีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่คชาจะเดินมายังเขาแล้วส่งแมวน้อยขนนิ่มให้

     

    “เป็นคนดีจังเลย  ดีแบบนี้เอาคะน้าไปอุ้มเลย คะน้าคิดถึง”

     

    “คะน้าบอกเดี๋ยวนี้ฟังภาษาแมวออกแล้วหรอเรา”

     

    “ฟังออกนานแล้วเถอะ  ไม่งั้นจะคุยกับพี่เต๋ารู้เรื่องได้ไง”  คชาบอก เอียงคอแล้วยิ้มแก้มป่องมองหน้าอีกฝ่าย

     

    “สองคน.....นั่งคุยกันดีกว่าไหมลูก แล้วแมวก็ไม่ต้องให้พี่เต๋าอุ้มก็ได้  ปล่อยมันไปเดินเล่นบ้าง แมวมันก็รักอิสระเหมือนกันนะ...”  ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างหลุดไม่พ้นสายตาผู้เป็นแม่ ที่จริงลูกทั้งสองคนก็เคยเล่าเรื่องเด็กผู้ชายผิวขาวคนนี้ให้ตนฟังอยู่บ้าง แต่ดูจากการพูดคุยของลูกชายคนเล็กกับพี่ชายข้างบ้านคนนี้แล้วก็ดูจะสนิทกันมากกว่าที่เคยคิดไว้

     

    “แล้วเต๋าย้ายมาอยู่กับตี๋นานยังจ๊ะ”  พอนั่งลงบนโซฟาปุ๊บ หม่าม๊าก็ยิ่งคำถามปั๊บ แอบสารภาพตามตรงว่ารู้สึกเกร็งๆ ตั้งแต่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่ของคชาแล้ว

     

    “ไม่นานครับ  สามสี่เดือนได้”

     

    “แล้ววันนี้พี่เต๋าไปทำอะไรที่สนามบิน”  คำถามนี้เป็นของเจ้าตัวเล็กของหม่าม๊าถาม

     

    “ไปรับลูกค้ากับเจ้านาย”

     

    “แล้วนี่เต๋าทำงานที่ไหน....”  หลังจากนั้นบทสนทนาก็ลื่นไหลอัตโนมัติ  อาจจะเป็นเพราะนิสัยพื้นฐานความเป็นคนสุภาพ เข้ากับคนอื่นได้ง่ายของเต๋าและความเป็นคนอัธยาศัยดีของหม่าม๊า  อาการเกร็งที่เคยมีอยู่ในตอนแรกก็เริ่มลดลงตามลำดับ

     

    มื้อเย็นวันนี้เต็มไปด้วยเสียงบทสนทนา หัวเราะ พูดคุยจากสมาชิกทั้งหกคนในบ้าน   จากปกติที่ว่าเคยเสียงดังแล้ว  วันนี้กลับเสียงดังกว่าเดิม  ถึงหม่าม๊าจะเป็นผู้ใหญ่แต่ก็เป็นผู้ใหญ่อารมณ์ดี ไม่ถือตัว สนุกสนานเฮฮากับเด็กๆ ได้เสมอ  โต๊ะทานข้าวที่เคยว่าเล็กเมื่อนั่งกันอยู่ห้าคน  หากแม้มีสมาชิกใหม่มาเพิ่มกลับไม่รู้สึกอึดอัด ตรงกันข้ามกลับเกิดความรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างน่าประหลาด...เชื่อว่าทุกคนสัมผัสได้

     

    หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจล้างจานทำความสะอาด  ทั้งเต๋า เฟรมและตี๋ก็ขอตัวลากลับบ้าน  โดยพี่ชายคนโตกับน้องคนสุดท้องเดินล่วงหน้านำไปก่อนแล้ว  จะเหลือก็แต่เต๋าที่กำลังเทนมให้เจ้าแมวน้อยขี้อ้อนอยู่ข้างตู้เย็น  โดยมีเด็กตัวเล็กนั่งลูบหัวแมวตัวกลมอยู่ด้านข้าง

    “คชา... เสร็จแล้วเดินไปส่งพี่เต๋าด้วยสิลูก  แล้วอย่าลืมล็อคประตู้รั้วให้เรียบร้อยด้วยนะ  หม่าม๊าขึ้นห้องก่อน”  หม่าม๊าทิ้งท้ายไว้บอกลาเต๋าแล้วเดินขึ้นไปพักผ่อนเพราะความเมื่อยล้าจากชั่วโมงบินที่ยาวนาน

     

    “ช่วงนี้คะน้ากินเก่ง  ตัวอ้วนขึ้นด้วย  ว่าแต่แมวอ้วนดีไหมพี่เต๋า?

     

    “ไม่หรอก  ช่วงแรกตอนมาอยู่กับเราคะน้าผอมเกินไป  อ้วนขึ้นมาหน่อยน่ากอดดีออก”

     

    “ใช่ๆ  น่ากอด น่ากอดทุกวันเลย”  พูดไปก็หมั่นเขี้ยวแมวแสนรักไป  จนอดไม่ได้ที่จะอุ้มเจ้าตัวกลมที่กำลังสำราญกับนมสีขาวขึ้นมาจุ๊บหัว...ช่างเป็นแมวที่น่าอิจฉา

     

     

     “จะกลับแล้วนะ  แต่ไม่ต้องเดินไปส่งพี่ก็ได้” เต๋าบอกแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

     

    “ไม่ได้ไปส่ง  คชาจะไปปิดประตูรั้วต่างหาก”  พูดจบก็ลุกขึ้นยืน เดินลิ่วนำหน้าออกจากบ้านทันที

     

    “อารมณ์ดีจังเลยนะเด็ก”  เต๋าเอ่ยแซวแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มนิ่มสักที คนตัวเล็กยู่หน้ายิ้มตาปิดเล็กน้อยก่อนจะตีเบาๆที่มือขาว  เป็นโอกาสให้เต๋าจับมือบางนั้นมากุมเอาไว้

     

    “ก็ดีใจ  ได้เจอหม่าม๊า”

     

    “ดีใจด้วย..  หม่าม๊าคชาอารมณ์ดี  อยู่ด้วยแล้วพี่คิดถึงแม่เลย”

     

    “หม่าม๊าคชาน่ารักหละสิ”

     

    “ครับ..น่ารัก  แต่ว่าลูกหม่าม๊าน่ารักกว่า”

     

    “พี่มิ้นท์นะหรอ?”  คชาตอบกลับแล้วขำออกมาน้อยๆ  ต่างกับเต๋าที่ทำหน้าเพลียตอบกลับแต่ถึงอย่างนั้นก็หาเรื่องแกล้งคชาคืนจนได้

     

    “พี่หมายถึงลูกชายคนเล็ก”  โน้มหน้ากระซิบแทบชิดใบหู  ทำเอาคนฟังยืนนิ่ง ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ทำตัวไม่ถูกไปพักใหญ่

     

    “จะกลับบ้านแล้วนะครับ”  ยืนมองคนเขินได้สักพักหากไม่ยอมปล่อยมือบางนั้นออกสักที

     

    “ก็กลับสิ”  คชาบอกกลับไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย  สัมผัสอุ่นๆที่มือมันทำให้มองหน้าพี่เต๋าไม่ได้จริงๆนะ

     

    “บอกฝันดีหน่อยดิ” 

     

    “ปล่อยมือก่อนนนน”  ว่าแล้วก็พยายามดึงมือตัวเองออกจากมืออีกฝ่าย ดึงไปดึงมาแต่ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จผล

     

    “บอกฝันดีก่อนนนน...”

     

    “งือออออออออ......ถ้าบอกแล้วต้องปล่อยนะ”

     

    “แน่นอน  พี่รักษาสัญญา” 

     

    “ฝันดีนะผู้ใหญ่”  ความจริงเต๋าไม่ได้ต้องการคำบอกฝันดีอะไรนั่นเท่าไหร่หรอก  ที่ทำไปก็แค่อยากแกล้งน้อง  มีเรื่องให้แกล้งก็หมายความว่ามีเวลาอยู่ด้วยกันนานขึ้นไม่ใช่หรอ?

     

    “ก็แค่นั้น....เจอกันพรุ่งนี้ครับเด็ก”  เต๋าหัวเราะให้เด็กน้อยตรงหน้า  ก่อนจะยอมละสัมผัสอบอุ่นยอมปล่อยมือตัวเองออกแล้วแยกย้ายกันเข้าบ้าน

     

     

     

    ...............

    .......

    ....

    ..

     

    ท่ามกลางความมืดมิดบริเวณหน้าบ้านที่มีเพียงแสงสว่างจากแสงไฟประปราย  มีสายตาคู่หนึ่งที่แอบมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากชั้นบน 

     

    “มิ้นท์...หม่าม๊ามีอะไรจะถามหน่อย”

     

     

     

    บางทีเต๋าอาจจะลืมว่าความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเสมอไป ....

     

     

     

     

     

    ------------------------------------------------------------------------

     

     

    เย่มีตัวละครเพิ่มอีกแล้ว...หายไปสักพักหวังว่าคงไม่ลืมกัน  ถ้าคิดถึงก็กลับมาอ่านได้แล้วนะคะ เพราะเราก็คิดถึงคนอ่าน  TUT …

     

    ป.ล. ตอนนี้สั้นไปนิดเพราะว่ามันเชื่อมกับตอนหน้าแล้วยาวไป เลยแบ่งเป็นสองตอน :) ...see me soon ค่ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×