คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 20 - Happy Alley แผนการ (Bad Guy)
Chapter 20
“ไม่ว่างเลย ไม่ว่างจริงๆ ช่วงนี้เต๋างานยุ่ง”
“เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะ”
“..... ฝากบอกเพื่อนๆด้วยแล้วกันว่าคิดถึง ....โอเคครับ เที่ยวให้สนุกครับ”
หลังจากเปิดประตูเข้ามาในบ้านเลขที่ 23/2 คนตัวเล็กที่เดินโอบอุ้มแมวน้อยสีขาวเข้ามาก็ได้ยินเสียงบทสนทนาทางโทรศัพท์ของพี่ชายคนสนิทกับใครสักคน ตากลมเบิกมองแผ่นหลังหนาที่ง่วนอยู่กับการจัดน้ำดื่มใส่ตู้เย็นอีกทั้งหูสองข้างก็เงี่ยฟังบทสนทนาของคนตรงหน้า
“เข้ามาตอนไหนครับ” เต๋าเอ่ยถามทันทีเมื่อหันมาพบเด็กนักเรียนยืนทำหน้านิ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลประตูบ้าน ปลายเท้าเล็กเดินเตาะแตะเข้ามาหาร่างสูง วางแมวน้อยตัวนิ่มลงบนพื้นแล้วจึงตอบคำถามอีกคน
“ตอนพี่เต๋าคุยโทรศัพท์” เต๋าพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม โดยไม่รู้ว่าคนข้างกายกำลังหมกมุ่นกับบทสนทนาเมื่อครู่มากน้อยเพียงไหน....ก็แค่อยากรู้ว่าคุยกับใคร?
“ทำหน้าเหมือนมีอะไร ....มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า...ไม่มีอะไร”
“เชื่อดีไหมเนี่ย” เต๋าถามแล้วแกล้งโน้มตัวลงจ้องหน้าคชา ทำท่าทางเหมือนพยายามจะเค้นหาคำตอบ อีกทั้งระยะห่างของใบหน้าก็เริ่มใกล้กันจนมือบางต้องยกขึ้นมาดันไหล่อีกคนเอาไว้ แล้วท้ายที่สุดก็ต้องเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยออกไป
“อื้อออออ.....ก็แล้วเมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับใคร?”
“ว่าแล้วเชียว...แอบฟังผู้ใหญ่คุยโทรศัพท์ไม่ดีเลยรู้ไหมครับน้องคชา แต่ไม่เป็นไรผู้ใหญ่คนนี้ใจดี” เต๋าแกล้งแซวอีกคนเพราะแอบเห็นน้องขมวดคิ้วหน้านิ่งตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้าน เขาก็พอจะเดาได้อยู่บ้าง คชาอ่านไม่ยากเลยสักนิด หลังจากนั้นก็เริ่มคิดหาเรื่องแกล้งเด็กต่อทันที แล้วยิ่งเห็นริมฝีปากบางกำลังจะโวยวายอะไรสักอย่าง ...
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อย่าพึ่งโวยวาย ผู้ใหญ่คนนี้ใจดีมาก ไม่ลงโทษเด็กหรอก” ใบหน้าหวานเริ่มง้ำงอทันทีเมื่อรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองไม่สามารถทำอะไรอีกคนได้ เต๋าเห็นดังนั้นก็ทำได้เพียงจับสัมผัสมือนุ่มนิ่มมากุมไว้ก่อนจะรีบอธิบาย ถึงอยากจะแกล้งน้องมากแค่ไหนแต่เต๋าก็ยังไม่อยากมีคดีติดตัว
“เนมโทรมาชวนไปเที่ยวภูเก็ตครับ” พอเต๋าพูดจบก็ได้ยินเสียงเบาจากเด็กหน้านิ่งถามกลับทันที
“แล้วพี่เต๋าไม่ไปหรอ?”
“ไม่ไปครับผม ...ต้องเลี้ยงเด็ก”
“ไม่ได้บอกให้มาเลี้ยงสักหน่อย” ทั้งน้ำเสียงและสายตาบ่งบอกให้เจ้าของคำถามรู้ว่า ‘เด็ก’ ที่พี่เต๋าบอกไม่ใช่ใครไหนแต่เป็นตนเอง
“อ่า...งั้นไปดีกว่า” บอกแล้วแกล้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเหมือนจะโทรออก แต่มือน้อยทั้งสองข้างก็เกาะสัมผัสที่ต้นแขนรั้งเอาไว้ก่อน หัวกลมส่ายไปมาก่อนจะเอ่ยประโยคขอร้องที่เต๋าคิดว่าน่ารักที่สุดในโลกทั้งสายตาเว้าวอน
“...พี่เต๋าจะไปจริงๆ หรอ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากทันที ก่อนมือหนาจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเล็กใกล้ตัว แล้วหันมามองเด็กหน้าหงอย
บางครั้งความเป็นเด็กมันก็ดี ...เด็กจะซื่อตรงในการแสดงออกถึงความรู้สึกของตัวเอง รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมาอย่างนั้น ไม่ปกปิด ไม่เก็บซ่อน แล้วเขาก็ชอบแบบนี้ .... และคชาก็เป็นเด็กอย่างที่ว่า
“ไม่จริงจ้ะ ล้อเล่นให้เด็กอ้อนเฉยๆ”
“ก็ดี...” คชาตอบเสียงเบาแล้วปล่อยมืออกจากแขนของคนเป็นพี่
“ก็ดีนี่คืออะไร ดีที่พี่ไม่ไปหรือดีที่เด็กจะอ้อน”
“ไม่ได้อ้อนนะ” เต๋าอมยิ้มส่ายหัวให้คนตรงหน้าเล็กน้อยแล้วจูงมือเด็กไปนั่งบนโซฟาตัวยาว เมื่อคชานั่งลงปุ๊บแมวตัวน้อยก็กระโดดขึ้นมานั่งคลอเคลียบนตักปั๊บ ที่ตั้งใจว่าจะนอนหนุนตักนิ่มๆเลยต้องพักไว้ ...แล้วมันจะเหลือพื้นที่ตรงไหนให้แมวตัวโตบ้างครับ? T.T
“กับเนมเป็นเพื่อน เป็นแค่เพื่อนนะครับ”
“รู้แล้ว......ก็เชื่อ ... คชาเชื่อพี่เต๋านะ” คนตัวเล็กตอบแล้วทำเป็นก้มหยอกล้อกับแมวน้อยบนตัก ทิ้งให้คนฟังใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะประโยคใสซื่อจากตนเอง เต๋ารู้สึกใจสั่นขึ้นมาดื้อๆเมื่อคชาเอ่ยคำว่า ‘เชื่อ’ เชื่อที่หมายความว่าเชื่อในตัวเขาและเชื่อใจของเขาด้วย... เต๋าได้แต่นั่งยิ้มแอบมองใบหน้าด้านข้างของเด็กขี้อายที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจสิ่งรอบข้างก่อนจะหลุดบางประโยคออกมา ..
“เค้กสตรอเบอร์รี่น่ารักจัง” สิ้นประโยคคนฟังที่กำลังแกล้งหยอกล้อกับแมวก็หันหน้ามาหาเต๋าทันที หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักขึ้นมาเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร ทั้งน้ำเสียง ทั้งแววตา ทั้งสีหน้า ไม่ต้องเดาเลยว่าตั้งใจจะแกล้งกันอีกแล้ว
“เค้กสตรอเบอร์รี่ที่ไหนน่ารัก เค้กก็ต้องอร่อยสิ ...พี่เต๋ามั่วจัง”
“ก็น่ารักจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าอร่อยไหมเพราะพี่ยังไม่เคยชิม” เต๋าบอกแล้วเขยิบตัวเข้ามาใกล้ ก่อนจะเริ่มใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆที่ข้างแก้มเนียนใสไล่จนใกล้ถึงมุมปากของเด็กน้อย แววตาที่เคยจ้องมองใบหน้าหวานใสตอนนี้กลับจดจ้องอยู่ที่ริมฝีปากบางของคนตัวเล็กที่กำลังเม้มเข้าหากันเพียงเท่านั้น
“ไม่อร่อยหรอก ไม่ต้องชิม” พอรู้ว่าคนตรงหน้าหมายความถึงสิ่งไหน ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงคืนแรกที่ทะเล ...คืนนั้น ยิ่งปลายนิ้วอบอุ่นของอีกฝ่ายกดย้ำเบาๆวนซ้ำที่มุมปากยิ่งรู้สึกว่าควบคุมตัวเองได้ยากมากขึ้น
“ไม่เชื่อเด็กหรอก ของอย่างนี้มันต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง”
“ก็ไปซื้อมาพิสูจน์เองสิ”
“เค้กสตรอเบอร์รี่ที่จะชิมมันไม่มีขาย”
“งั้นก็ต้องขออนุญาต”
“แล้วให้อนุญาตไหมครับ?” คชาไม่ตอบอะไรเพียงแค่ส่ายหัวแล้วยิ้มหวานให้เต๋าเพียงเท่านั้น
“พี่จะรอนะ.....ไม่ได้รอชิมแต่จะรอให้เค้กสตรอเบอร์รี่อนุญาต” แววตาจริงจังมั่นคงในคำกล่าวจ้องมองมายังคชาอีกครั้ง คนตัวเล็กได้แต่หันหน้าหนีแกล้งทำเป็นมองไปทั่วห้องรับแขกก่อนจะไปไหนไม่รอดเผลอซุกหัวซบบ่าอีกคนตามระเบียบ ริมฝีปากได้รูปอมยิ้มบางๆ ก่อนมือหนาจะยกขึ้นเอื้อมโอบไหล่บางของเด็กน้อยไว้ ปล่อยให้เวลาและความเงียบให้เราสองคนได้ปล่อยความรู้สึกล่องลอยไปตามอากาศ...
ที่เต๋าถามออกไปก็เพราะอยากจะแกล้งให้เด็กเขินเล่น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาอยากจะชิมเค้กสตรอเบอร์รี่ในอ้อมกอดขึ้นมาจริงๆ ...ให้ตายเถอะ
“อ้าว..พี่เต๋ากลับมาเร็วจัง” เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับคำถามจากน้องชาย เรียกให้ทั้งเต๋าและคชาหันหน้าไปยังเฟรมที่หอบหิ้วข้าวของเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า
“เอางานกลับมาทำ ไม่อยากอยู่บริษัทนานๆ” เฟรมพยักหน้าเออออ วางสัมภาระลงบนโต๊ะเล็กหน้าทีวีแล้วย้ายตัวเองมานั่งโซฟาตัวเล็กเยื้องกับเต๋าและคชา
“คชาคุกกี้ไหม?”
“คุกกี้หรอ กิน กิน” คชาตอบรับแววตาเป็นประกาย น้ำเสียงเริงร่าเกินปกติแล้วรีบคว้ากล่องคุกกี้จากเฟรมทันที
“น้องเขาก็น่ารักดีนี่หว่า ทำขนมให้ทุกวันเลย” เต๋าเอ่ยถึงเจ้าของคุกกี้ที่เฟรมได้มา เป็นเวลากว่าอาทิตย์แล้วที่น้องชายของเขามีคนเสิร์ฟขนมนมเนยถึงที่ แต่รู้สึกเหมือนว่าเฟรมจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก
“น่ารักมากไปหละสิไม่ว่า” เต๋าได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆให้น้องชายตนเอง ก่อนจะหันมาสนใจเด็กน้อยที่กำลังตาลุกวาว ตั้งใจแกะกล่องคุกกี้
“ไม่โอเคว่ะพี่เต๋า แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง”
“ไม่โอเคอะไร มีคนทำขนมให้กินฟรีๆทุกวันไม่ดีหรือไง” เอ่ยถามน้องชายตัวเองจบแล้วท้ายที่สุดก็ต้องเอื้อมมือไปช่วยเด็ก ที่มองดูยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าจะแกะกล่องคุกกี้สำเร็จ
“เย่ๆ” เสียงใสร้องขึ้นเบาๆทั้งรอยยิ้มเมื่อมือหนาจัดการแกะกล่องคุกกี้ให้ ก่อนจะเทความสนใจทั้งหมดให้ขนมสีนวลในกล่อง
“รู้สึกเหมือนโดนจู่โจมมากเกินไป ปกติเคยแต่จีบคนอื่น พอโดนบุกบ้างรู้สึกว่ามันไม่ใช่ว่ะพี่”
“ถือเป็นเรื่องราวดีๆ มีคนชอบมีคนรักก็ต้องดีกว่ามีคนเกลียดอยู่แล้ว”
“ก็รู้....”
“ทำหน้าเหมือนอึดอัด?” เต๋าถามแต่ตามคมจ้องมองเด็กน้อยที่กำลังพยายามป้อนคุกกี้ให้แมวตัวขาวบนตัก
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“เห๊ย! กว้างๆหน่อย...น้องเขาก็แค่รู้สึกแล้วอยากแสดงออก” เต๋าเอื้อมมือไปตบไหล่น้องชายก่อนจะว่าเสียงดัง
“คร้าบบบ...พี่เต๋าคร้าบ” เฟรมว่าแล้วถอนหายใจเสียงยาว ก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงไปยังโซฟาตัวนุ่มอีกครั้ง ตั้งใจจะหลับตาแต่เสียงบทสนทนาของสองคนข้างๆ ก็ทำให้อดที่จะแอบฟังไม่ได้
“อร่อยไหมครับ”
“ถามคะน้าหรือว่าถามคชา?”
“เห็นพี่หน้าเหมือนแมวแต่พี่ก็พูดภาษาคนนะจ๊ะ” คชาหัวเราะกับสิ่งที่อีกคนพูด ก่อนจะตอบกลับเสียงหวานพร้อมทั้งยื่นคุกกี้ไปยังริมฝีปากได้รูปของร่างสูง
“อร่อยมาก ...กินไหม แบ่งให้....”
“นี่ก็หวานกันจริง.....” เฟรมพูดขึ้นแล้วแอบเหล่มองพี่ชายตนเองที่กำลังเคี้ยวขนมที่น้องชายตัวเล็กข้างบ้านป้อนให้ ชิ้นแรกไม่ค่อยเท่าไหร่แต่ชิ้นที่สองที่สามนี่มาได้ไง เฟรมก็เริ่มจะแปลกใจ พี่เต๋าชอบกินคุกกี้ตอนไหนวะ?
“อร่อยไหม ...พี่เต๋า ?” เฟรมถามเพราะรู้สึกว่าทั้งพี่เต๋าและน้องคชาจะไม่สนใจเขาเลยสักนิด แล้วปกติพี่เต๋าก็ไม่ได้ชอบกินขนมแล้วก็ไม่ชอบกินหวานด้วย แต่ที่เขาเห็นตอนนี้ หน้าตาของพี่ชายตัวเองที่กินคุกกี้มันยิ่งกว่าชอบเสียอีก
“ก็อร่อยดี...แต่คงสู้เค้กสตรอเบอร์รีไม่ได้ว่ะ” ตอบคำถามน้องตัวเองแต่สายตาจ้องมองที่คนป้อนคุกกี้ข้างกาย สายตาของเด็กน้อยกับผู้ใหญ่ส่งทอดมองกันหวานซึ้งจนคนมองอย่างเฟรมอยากจะทำตัวลีบแล้วหายไปจากฉากนี้ ....
“เอ้อดี ...รู้กันอยู่สองคน”
--------------------------------------------------------------
บ่ายวันเสาร์ที่แดดกำลังร้อนจัด แพรวาและคชากำลังเดินมุ่งมั่นไปยังบ้านเลขที่ 23/3 สองมือหอบหิ้วทั้งหนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียนพะรุงพะรัง แม้วันนี้จะเป็นวันหยุดแต่เพราะใกล้ช่วงสอบปลายภาค ทำให้สองเพื่อนสนิทต้องเร่งเคลียร์การบ้านที่คั่งค้าง รวมถึงต้องเริ่มอ่านหนังสือทบทวน
“งั้นคชาเอารายงานครั้งที่แล้วให้เราดูด้วยนะ เหมือนจะต้องแก้เลย”
“ได้ๆ”
“สอนการบ้านด้วย ทั้งสองวิชาเลย” คชาพยักหน้าเออออตอบรับ ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกทักจากน้องชายคนเล็กของบ้านเลขที่ 23/2 พอหันไปมองก็พบพี่เฟรมยืนอยู่บริเวณม้าหินอ่อนหน้าบ้านกับผู้หญิงคนหนึ่ง สองมือของพี่เฟรมมีถุงอะไรไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งคชาคาดว่าน่าจะเป็นของฝากที่อีกคนเอามาให้
“อ้าววว..แพรวา คชา มาพอดีเลย พี่กำลังรออยู่”
“ห๊ะ อะไรนะพี่เฟรม?” แพรวาขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย เพราะจำได้ว่าไม่ได้นัดแนะอะไรกับคนทักมาก่อน แล้วสักพักพี่เฟรมก็เดินมาเปิดประตู้รั้วเชื้อเชิญเหมือนให้ทั้งสองคนเข้าไปในตัวบ้าน เฟรมแอบขยิบตาให้ทั้งแพรวาและคชาเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง
“ไหนๆ เอาหนังสือมาแล้วใช่ไหม ที่จะให้พี่ติวให้” เหมือนคชากำลังจะเอ่ยถามอะไรสักอย่างแต่เฟรมก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน แถมยังเอื้อมมือมาหยิบหนังสือในมือแพรวาไปถือเอาไว้เอง ทำให้คนตัวเล็กกับเพื่อนสนิทถึงกับทำหน้างงแล้วเริ่มมองไปยังผู้หญิงที่ยืนข้างกายเฟรม
“อ่อ นั่นใช่ไหม โอเคๆ จะได้เริ่มติวกัน”
“นี่รุ่นน้องพี่ที่มหา’ลัย ชื่อพลอย พลอยนี่น้องๆ คชากับแพรวา บ้านอยู่ซอยเดียวกัน” ทั้งคชาและแพรวาหันไปยิ้มให้หญิงสาวแล้วตั้งท่ากำลังจะยกมือไหว้
“ไม่ต้องไหว้หรอกค่ะ ห่างกันไม่กี่ปีเอง พี่ยังไม่อยากแก่”
“วันนี้พี่นัดติวหนังสือให้น้อง พอดีใกล้จะสอบแล้ว”
“จริงหรอคะ งั้นพี่เฟรมก็คงออกไปทานข้าวกับพลอยไม่ได้แล้วสินะ” เฟรมพยักหน้ารับแสร้งทำเป็นเสียดาย แต่ในใจรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะได้หลุดพ้นจากอะไรบางอย่าง “แต่ไม่เป็นไรค่ะ พอดีเลยพลอยซื้อขนมมาเยอะแยะ เอาเผื่อให้น้องๆกินตอนติวหนังสือด้วย”
“งั้นเราเข้าไปติวกันในบ้านดีกว่า ข้างนอกร้อน..ขอบคุณสำหรับขนมมากเลยนะพลอย” เฟรมบอกเหมือนจะลาแล้วเริ่มดันหลังน้องสองคนที่ยังทำหน้างงไม่เลิกให้เข้าไปยังตัวบ้าน แต่ก็ต้องหันกลับมาถามพลอยอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเดินตามเขามา
“อ้าว..พลอยยังจะไม่กลับหรอ”
“ยังค่ะ พลอยอยากอยู่ดูพี่เฟรมติวหนังสือให้น้อง” พลอยบอกแอบอมยิ้มปลื้มใจที่เห็นรุ่นพี่ที่แอบชอบเป็นคนดี มีน้ำใจ แต่นั่นทำให้คนฟังถึงกับหน้านิ่งไปสามวิ ก่อนจะปฏิเสธไม่ได้ เบี่ยงกายให้รุ่นน้องเข้าไปยังตัวบ้าน
เฟรมวางหนังสือและถุงขนมที่รุ่นน้องหอบมาฝาก ก่อนจะส่งสัญญาณให้ทั้งคชาและแพรวาเดินเข้ามาหาในห้องครัว ปล่อยให้พลอยเดินชมบ้านและอัลบั้มรูปสมัยเด็กของรุ่นพี่ชื่นชอบด้วยความปลื้มใจ
“นึกว่าจะรอดก็ไม่...เครียด” เฟรมพูดเบาๆให้พอได้ยินกันสามคนก่อนจะถอนหายใจเสียงยาวมองไปยังคนที่อยู่ในห้องรับแขก
“คชาว่าพี่พลอยเขาก็น่ารักดีออก”
“ใช่ๆ แพรก็ว่าพี่เขาน่ารักดี”
“น่ารักแต่พี่ไม่ได้ชอบไง ทำยังไงดี...ไม่อยากให้เขามายุ่งแล้ว บอกตามตรง พี่อึดอัด”
“พี่เฟรมใจร้ายชะมัด”
“ไม่ได้ใจร้าย แต่พี่ไม่ได้ชอบเขา ไม่ชินกับการถูกรุกเข้าใจไหม” ทั้งแพรวาและคชาต่างก็ไม่เข้าใจความคิดของเฟรมเท่าไหร่นัก พี่พลอยก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักดี ขาว อวบ หมวยๆนิดๆด้วย อาจจะไม่ได้สวยเข้าขั้นสเปคพี่เฟรมแต่เวลายิ้มก็ดูสดใสร่าเริงมีเสน่ห์ดี
“เห๊ยๆ พี่คิดออกแล้ว...แต่ว่าทั้งแพรวากับคชาต้องช่วยพี่” สองเพื่อนสนิทพร้อมใจกันส่ายหัวปฏิเสธโดยไม่ได้นัดหมาย
“เห้ยย...ขอร้อง ช่วยพี่ก่อน สงสารพี่หน่อยดิ นะ นะ..ช่วยพี่หน่อย พี่ไม่รู้จะบอกเขายังไง” เฟรมทำหน้าหงอยให้น่าสงสารที่สุดในชีวิตเพื่อขอความช่วยเหลือจากน้องทั้งสองคน แพรวากับคชาหันมาสบตาปรึกษากันสักพักก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง
“เยส! ขอบคุณมากน้องที่น่ารักทั้งสอง เดี๋ยวพี่เลี้ยงขนม”
“ว่าแต่พี่เฟรมจะให้แพรกับคชาช่วยอะไร”
“...ผู้หญิงเขาไม่ชอบคนเลวใช่ไหมแพรวา? หึหึ...งั้นพี่เฟรมคนนี้มันก็ต้องเลว” เฟรมบอกทั้งกอดอกทำหน้าเหมือนผู้ชนะแล้วยกยิ้มด้วยความภาคภูมิใจกับแผนการที่ตนเองกำลังคิด
--------------------------------------------------------------
หลังจากที่กระซิบกระซาบบอกเล่าแผนการให้น้องทั้งสองคนเข้าใจเรียบร้อย เฟรม คชาและแพรวาก็ออกมาจากห้องครัวพร้อมถาดขนมและน้ำหวานสี่แก้ว คชาและแพรวานั่งลงกับพื้นรอบโต๊ะกระจกหน้าโซฟาแล้วเริ่มกางหนังสือตามที่ได้นัดแนะกับเฟรมไว้
“ตอนเด็กๆพี่เฟรมน่ารักจังเลยนะคะ” หญิงสาวบอกด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อยก่อนจะรับน้ำหวานสีแดงที่เฟรมยื่นให้มาจิบ
“ก็นิดนึง ..งั้นพลอยตามสบายเลยนะ พี่ขอไปสอนหนังสือน้องๆก่อน” เฟรมบอกแล้วกลับไปนั่งรวมกลุ่มกับน้องอีกสองคนก่อนจะเริ่มแผนการที่ได้คุยกันไว้ .....
พลอยยังคงเดินดูกรอบรูปน้อยใหญ่ในตัวบ้านและแอบขออนุญาตเปิดดูอัลบั้มรูปบางส่วนและใช้มือถือถ่ายรูปของรุ่นพี่คนเก่งไว้ แต่ไม่นานก็ต้องหันหลังควับเพราะเสียงตะโกนก้าวร้าวของคนเบื้องหลัง
“คชา! ทำไมพี่สอนแล้วไม่เคยจำห๊ะ!!???”
“เอ่ออ..คือ...” เสียงใสตะกุกตะกักเล็กน้อยเมื่อเริ่มแผนการที่พี่เฟรมแอบตั้งชื่อว่า ‘ผู้หญิงไม่ชอบคนเลว’ จำได้ว่าพี่เฟรมบอกจะล้วงเอาสกิลการเป็นพี่ว๊ากประจำคณะวิศวะของตนเองมาใช้แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าจะสมจริงขนาดนี้
“ก็ ก็..ก็คชาไม่เข้าใจนี่”
“ยัง ยัง ยังจะมาเถียง เดี๋ยวจับตบ! ทำไมได้แล้วโทษนั่นโทษนี่ พี่สอนกี่ครั้งแล้วจะไม่เข้าใจได้ยังไง ห๊ะ?!” เฟรมขึ้นเสียงดังแล้วเงื้อมือขึ้นเหมือนจะตบคนตัวเล็กเข้าจริงๆ
“ไหนของแพรวา เอามาดูสิ”
“เละเทะ!” เฟรมสบถออกมารุนแรงแล้วโยนหนังสือออกไป ทำให้ทั้งคชาและแพรวาเริ่มใจเต้นแรงขึ้นเพราะรู้สึกว่าพี่เฟรมจะเล่นสมบทบาทรับรางวัลออสการ์เหลือเกิน
“ทำไมทำผิดหมดแบบนี้ห๊ะ! เคยจำอะไรกันได้บ้างไหม สมาธิสติหายไปไหนหมด ทำไมไม่ตั้งใจกันเลย” เฟรมแกล้งตวาดน้องทั้งสองคน โดยที่ไม่ลืมจะขยิบตาให้แพรวาเป็นสัญญาณในการเพิ่มความรุนแรงของแผนการ
“ฮึก ฮึก...ฮือออ...”
“แพรวาไม่ต้องร้องนะ”
“ร้องทำไมห๊ะ! ร้องทำไม ...” แพรวาเริ่มบีบคั้นน้ำตาเหมือนที่ได้วางแผนกันเอาไว้ โดยมีคชาพยายามปลอบอยู่ข้างๆ ตากลมแอบมองไปยังพี่พลอยเพื่อลอบดูสีหน้า และดูเหมือนว่าแผนการ ‘ผู้หญิงไม่ชอบคนเลว’ ของพี่เฟรมจะได้ผลเมื่อพี่พลอยยืนอึ้งหน้าซีด
“ไปทำมาใหม่ทั้งสองคนเลยนะ โอ๊ยยย..หงุดหงิดเว้ยยย!!!” ทั้งคชาและแพรวาพยักหน้ารับแล้วเอื้อมไปหยิบหนังสือที่เฟรมโยนไปกลับมา
“พลอย...ทานขนมไหม” เฟรมปรับเสียงให้ดูเป็นมิตรแล้วหันไปถามรุ่นน้องที่กำลังยืนนิ่งอึ้ง ทำให้พลอยรีบหยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวเดินอึ้งๆมานั่งลงข้างเฟรม แอบลอบมองคชากับแพรวาที่ก้มหน้าก้มตาทำโจทย์ในหนังสือ
“น้องแพรวา น้องคชา ทานขนมไหมคะ?”
“ไม่ต้องให้กิน! ถ้าทำไม่ได้ก็ปล่อยให้หิวแบบนี้แหละ” พลอยถามขึ้นเหมือนอยากจะปลอบน้องๆ แต่เฟรมก็เอะอะเสียงดังขึ้นมาก่อน
บรรยากาศที่เกิดขึ้นทำให้พลอยรู้สึกอึดอัดกับท่าทีแปลกประหลาดของรุ่นพี่ที่แอบชอบ ทั้งอีกใจก็เหมือนจะเป็นห่วงน้องๆทั้งสองคน ...
ไม่นานแรงสั่นสะเทือนจากไอโฟนสีขาวของคนตัวเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้น เฟรมแอบลอบมองเล็กน้อยและพอเห็นว่าเป็นพี่ชายของตนเองโทรเข้าจึงแกล้งทำเสียงเข้มให้คชารีบไปรับโทรศัพท์
“คชา! นิ่งทำไม ไปรับโทรศัพท์สิ แล้วทีหลังเวลาติวหนังสือห้ามเปิดเครื่องรู้ไหม”
“ค ค ครับ...” คนตัวเล็กตอบรับแล้วรีบหยิบโทรศัพท์เข้าไปคุยยังห้องครัวทันที
“เด็กอยู่ไหนครับ? พี่กำลังจะกลับบ้านแล้ว เอาอะไรไหม?” วันนี้เป็นวันหยุดอีกหนึ่งวันที่เต๋าต้องเข้าบริษัท ร่างสูงกำลังอารมณ์ดีเพราะเวลาที่ได้ออกจากบริษัทนั้นเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้...พอส่งงานเสร็จก็ได้เวลาโทรถามไถ่เด็กซนที่เขาแอบนั่งคิดถึงตลอดเวลาการทำงาน
“อ่อ..เอ่อ.. อยู่บ้านฮะ อยู่บ้านพี่เต๋า” ตอบปลายสายแต่สายตายังคงแอบดูแพรวาที่กำลังโดนพี่เฟรมแสร้งทำเป็นด่าที่ห้องรับแขก
“ทำอะไรอยู่ครับ ทำไมพูดเสียงเบาจัง”
“ป่าวๆฮะ กำลังให้พี่เฟรมติวหนังสือให้อยู่”
“อ้าว เฟรมมันอยู่บ้านหรอนึกว่าออกไปข้างนอก...ว่าแต่เด็กอยากกินอะไรไหม พี่เลิกงานแล้วเดี๋ยวซื้อไปให้”
“ไม่ฮะ เพื่อนพี่เฟรมเขาเอาขนมมาฝากเยอะแยะเลย”
“อ้าวหรอ...ใครมา อย่าบอกนะว่าน้องพลอย”
“ใช่..พี่พลอยมา”
“พี่ว่าเสียงเด็กแปลกๆนะ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ ไม่ ไม่ได้เป็นอะไร ..พี่เต๋ารีบกลับมานะ คชาไม่อยากได้อะไร รีบกลับบ้านมาไวๆ”
“ที่แท้ก็คิดถึงพี่นี่เอง...แต่พี่หายตัวไปหาไม่ได้ยังไงรอพี่ก่อนนะ สักชั่วโมงคงถึง” คชากำลังลุ้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจึงไมได้สนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายแซวนัก
“โอเค ไม่กวนเด็กแล้ว ตั้งใจอ่านหนังสือนะ เจอกันที่บ้านครับผม”
“คับ เจอกันที่บ้าน” หลังวางสายจากพี่ชายคนสนิทเสร็จ พี่เฟรมก็เดินมาหาเพื่อปรึกษาแผนการอีกรอบ...เนื่องจากพลอยยังคงไม่แสดงทีท่าว่ารังเกียจอะไรเฟรมดังที่ได้คาดการณ์ไว้ ทำให้จากนี้ไปจึงเป็นการเพิ่มความรุนแรงของแผนการ ‘ผู้หญิงไม่ชอบคนเลว’ ขึ้นมาอีกหนึ่งอัตรา หลังจากใช้เวลาคิดแผนการสักพัก เฟรมก็แสร้งให้คชามาตามแพรวาขึ้นไปยังชั้นบนโดยบอกพลอยว่าต้องไปค้นหนังสือเพื่อมาติวข้อสอบให้ ทำให้ทั้งสามคนเริ่มลงมือเพิ่มความรุนแรงของแผนการใหม่อีกครั้ง โดยเฟรมจะแกล้งทำเป็นทำร้ายร่างกายแพรวา โดยแอบสร้างความสมจริงด้วยการใช้เมคอัพเข้าช่วยเพื่อให้รอยตบเด่นชัดขึ้น
......................
................
...........
......
...
“ฮืออออออ...พี่เฟรมทำกับเราแบบนี้อีกแล้วคชา เรารับไม่ได้จริงๆ ฮืออออออ” แพรวาแกล้งทำเป็นร้องไห้เสียงดังลงมาตามทางเดินลงบันได เรียกให้พลอยที่รอดูสถานการณ์อยู่วิ่งมาหาน้องทั้งสองคน และก็ต้องตกใจเมื่อมองเห็นรอยแดงข้างแก้มแพรวา
“แพรวา เจ็บมากไหม...คชาขอโทษนะที่ไปช่วยไม่ทัน”
“ไม่เป็นไร ก็ตอนนั้นพี่เฟรมผลักคชาล้มไปหาตู้พอดี...แล้วคชาเจ็บไหม?”
“ไม่ๆ คชาไม่เจ็บ แพรวาเจ็บกว่าคชาเยอะเลย”
“น้องแพรวา น้องคชา เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“แพรหาหนังสือเล่มที่ยืมพี่เฟรมไปไม่เจอ แพรวาขอโทษแล้วนะคะ แต่พี่เฟรมโกรธมากเลยตบแพรวา” แพรวาบอกพยายามบีบน้ำตาร้องไห้สุดชีวิตนักแสดง
“..พ พ พี่เฟรมเป็นคนแบบนี้หรอคะ”
“ค่ะ ครั้งที่แล้วแพรทำโจทย์ผิดไปสองข้อก็โดนแบบนี้ จริงไหมคชา ฮือ ฮือ...” แพรวาแกล้งร้องไห้ต่อแล้วรีบสะกิดเพื่อนสนิทให้ช่วยเหลือ
“อ อ เอ่อ ใช่ครับ...พี่เฟรมชอบโหดร้ายแบบนี้อยู่เรื่อยเลย”
“ทำไมพี่เฟรมเป็นคนแบบนี้ ใจร้ายจัง...ทำร้ายน้องได้ลงคอ”
“ฮือ ฮืออ..ใช่ค่ะ พี่เฟรมใจร้าย” และดูเหมือนว่าแพรวาจะตีบทได้แตกเพราะไม่นานพลอยก็เข้ามาดูรอยช้ำที่แก้ม และกอดปลอบเบาๆ
“ปกติพี่เฟรมไม่ใช่คนแบบนี้เลยนะ”
“ อ อ เอ่อ..คือพี่เฟรมเขาเป็นแบบนี้หละครับ จะมีแค่คนที่สนิทเท่านั้นถึงจะรู้ แล้วยิ่งไปเป็นพี่ว๊าก พี่เฟรมยิ่งโหดมากขึ้นด้วย” เป็นคชาที่พยายามหาข้อสนับสนุนความโหดให้พี่ชายข้างบ้าน เมื่อเห็นแพรวาขยิบตาให้เหมือนคิดอะไรไม่ออก ...เด็กน้อยลอบถอนหายใจเมื่อพูดจบ รู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อเริ่มตระหนักได้ว่าสิ่งที่ตนเองทำอยู่ตอนนี้คือการโกหก.... ถ้าพี่เต๋ารู้ต้องโดนดุแน่ๆ
“แพรวา!” เสียงตะโกนเรียกชื่อดังก้องมาจากทางบันได หลังจากที่ลักลอบฟังบทสนทนาอยู่ด้านบนจนเป็นที่พอใจทำให้ตอนนี้ถึงเวลาที่เฟรมต้องออกมาตอกย้ำแผนการของตน
“ฮืออออ....พี่เฟรมมาแล้วค่ะพี่พลอย ช่วยแพรวาด้วย” แพรวาทำท่าทางกลัวแล้วรีบไปหลบอยู่ด้านหลังพลอย
“พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้หัดมีความรับผิดชอบ ทำไมยังทำตัวแบบนี้อีก!” เฟรมพยายามพูดเสียงดัง ส่งสายตาดุไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพลอย เห็นหญิงสาวเริ่มหน้าถอดสีก็รู้สึกเหมือนตนเองเริ่มเข้าใกล้จุดมุ่งหมายของความสำเร็จ แต่ก็ไม่ลืมรักษาท่าทีโหดเหี้ยมเอาไว้
“พี่เฟรมคะ เรื่องแค่นี้เองทำไมต้องทำร้ายน้องขนาดนี้”
“อ่ออ..นี่ลงมาฟ้องพลอยสินะ คิดว่าพลอยจะช่วยได้หรือยังไง ห๊ะ!”
“พี่เฟรมหยุดนะ...ทำไมพี่เฟรมเป็นคนแบบนี้คะ พลอยไม่นึกเลยว่าพี่เฟรมจะใจร้าย ไร้เหตุผลแบบนี้” พลอยพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังแล้วเริ่มเดินไปเผชิญหน้ากับเฟรมโดยไม่ลืมที่จะส่งแพรวาที่แกล้งทำเป็นร้องไห้รุนแรงอีกครั้งให้คชาดูแลต่อ
“พี่ก็เป็นแบบนี้ของพี่ ก็เด็กพวกนี้มันดื้อพลอยก็เห็น ไม่มีความรับผิดชอบ เหอะ!” เฟรมยังคงรักษาภาพความใจร้ายไว้ ส่วนเพื่อนสนิทสองคนที่อยู่เบื้องหลังพลอยกำลังถอนหายใจ รอลุ้นกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
“เอาหละค่ะ...พี่เฟรมจะเป็นยังไงก็เรื่องของพี่เฟรม...แต่ตอนนี้พลอยอยากให้พี่เฟรมรู้ไว้ว่าพลอยผิดหวังมาก ที่ผ่านมาพลอยคงชื่นชมคนผิดไปแล้วจริงๆ พลอยเสียใจจริงๆค่ะ” พลอยบอกสิ่งที่รู้สึกด้วยท่าทีผิดหวัง จนเฟรมสัมผัสได้ เหมือนจะเริ่มดีใจขึ้นมานิดๆเมื่อเห็นรุ่นน้องที่แอบปลื้มตนดูผิดหวังในสิ่งที่เขาทำมาก
“พลอยขอตัวกลับก่อน น้องคชาดูแลน้องแพรวาต่อด้วยนะคะ พี่ขอโทษที่พี่ทำใจอยู่ต่อไม่ได้แล้วจริงๆ” หญิงสาวบอกก่อนจะมองรุ่นพี่ด้วยสายตาตัดพ้อเล็กน้อยแล้วรีบเดินเร็วเปิดประตูออกจากบ้านไป
“เยส เยส เยส!!! ฮู้ววววว” เสียงร้องไชโยดังขึ้นทันทีเมื่อเสียงประตูบ้านปิดลง เฟรมกระโดดขึ้นนั่งบนโซฟาตัวยาวอย่างผู้มีชัยเมื่อเห็นว่าแผนการของตัวเองสำเร็จ แต่คชากลับรู้สึกตรงข้ามโดยสิ้นเชิง เด็กน้อยเดินหน้าหงอยมานั่งยังโซฟาอีกตัว
“ขอบคุณมากนะแพรวา ขอบคุณมากๆนะคชา..พี่รอดแล้ว”
“อ้าวนี่ไม่ดีใจกับพี่หน่อยหรอ? แผนการ ‘ผู้หญิงไม่ชอบคนเลว’ ของเราสำเร็จกันแล้วนะ”
“ไม่เห็นน่าดีใจเลย สงสารพี่พลอยออกนะพี่เฟรม แพรว่าพี่เฟรมเล่นแรงเกินไป” ไม่ใช่มีแต่คชาที่รู้สึกผิด แพรวาก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
“ใช่...พี่พลอยดูเสียใจมากเลยนะ”
“ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้เขาก็ไม่เลิกยุ่งกับพี่สักที” เฟรมเริ่มตอบเสียงเบาเพราะเริ่มจะคิดทบทวนสิ่งตัวเองได้ทำลงไป คิดถึงสีหน้าและน้ำเสียงของพลอยที่บอกเขาเอาไว้ก่อนจากไปทำให้เริ่มรู้สึกผิด....
เขาอาจจะใจร้ายเหมือนที่พลอยบอกจริงๆก็ได้
............
.......
....
...
“เฟรม ..เกิดอะไรขึ้นวะ พี่เห็นน้องพลอยเขาวิ่งออกจากบ้านไป” เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมเสียงเปิดประตูบ้าน เรียกให้สามสิ่งมีชีวิตที่นั่งเงียบพักใหญ่เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน
“เป็นอะไรครับ...ทำไมนั่งเงียบกันทั้งบ้านเลย” เต๋าวางของลงยังโต๊ะตัวเล็กก่อนจะเดินมานั่งเบียดข้างกายเด็กซน
“พี่เต๋า” คชาเงยหน้าแล้วเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ก่อนจะรีบพิงเข้าหาอกอุ่นทันทีเมื่อเต๋านั่งลงด้านข้าง เต๋าขมวดคิ้วมึนงงกับสถานการณ์ตอนนี้เล็กน้อยแต่ก็ไม่ลืมที่จะโอบปลอบคนตัวเล็กพร้อมกับลูบกลุ่มผมดำไปมา
“เกิดอะไรขึ้นเฟรม...เกี่ยวกับการที่พลอยวิ่งออกจากบ้านไปใช่ไหม?” ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ทำให้เต๋าปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก เฟรมพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะเริ่มเล่ารายละเอียดให้คนเป็นพี่ฟัง .....
“นี่แกอยู่เรียนมหา’ลัยแล้วนะเว้ย ทำไมคิดอะไรตื้นๆแบบนี้” หลังจากฟังที่สิ่งที่น้องชายตนเองเล่าจนจบเต๋าก็เผลอเสียงดังดุน้องออกไป โดยมีคนข้างๆแอบดึงแขนของเขาเอาไว้ไม่ให้ผลีผลามทำอะไรรุนแรง
“โถ่พี่เต๋า ก็ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ เฟรมแค่อยากให้น้องเลิกยุ่ง”
“แล้วรู้ไหมว่าสิ่งที่แกทำลงไปมันทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่เขาแอบชอบแกมากแค่ไหน...”
“...คงไม่รู้สินะ..คงไม่ได้คิด ไอ้เฟรมเอ้ยยย” เต๋าว่าน้องชายตัวเองแต่ก็ยังพยายามระงับอารมณ์ไม่ทำอะไรรุนแรงแม้ในใจอยากจะกระโดดเตะมันก็ตามที
“รู้แล้วพี่เต๋า...สำนึกแล้ว” เฟรมบอกพี่ชายน้ำเสียงเศร้า เขากำลังรู้สึกผิดแบบเต็มอกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่คงไม่ได้ครึ่งเท่าที่พลอยรู้สึก
“พี่จะไม่พูดอะไรซ้ำๆนะเฟรม...แกโตแล้ว แกน่าจะคิดเองได้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมันถูกหรือมันผิดยังไง”
“ผมจะไปขอโทษพลอย” เฟรมบอกแล้วลุกขึ้นยืนแต่ยังไม่ทันไร หญิงสาวที่ตนเองตั้งใจจะไปหาเพื่อขอโทษก็เปิดประตูบ้านเข้ามาเสียก่อน ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าพลอยคงได้ยินความจริงทั้งหมดแล้ว ...
“พลอย...” เฟรมหันไปยังผู้มาเยือนก็พบรุ่นน้องของตนเองที่ตอนนี้ใบหน้ามีหยาดน้ำตาเปื้อนอยู่เต็มสองแก้ม
“พลอยแค่ลืมกระเป๋าเอาไว้...เลยกลับมาเอา ขอโทษนะคะพี่เฟรมที่มาให้เห็นหน้า มายุ่งวุ่นวายกับพี่เฟรมอีก...แต่ต่อจากนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว” พลอยบอกแล้วรีบวิ่งมาหยิบกระเป๋าของตัวเองที่โซฟาก่อนจะรีบเดินออกมา โดยไม่ลืมจะทิ้งท้ายก่อนจะรีบออกจากบ้านไป
“ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้พี่เฟรมอึดอัด”
“พลอย พลอย เดี๋ยวก่อนพลอย” เฟรมร้องเรียกชื่อรุ่นน้องแล้ววิ่งตามออกไป ไม่ต่างกับอีกสามคนที่ตามเดินไปดูสถานการณ์เช่นกัน
“พลอย...พี่ขอโทษ” คำขอโทษจากเฟรมรั้งให้หญิงสาวที่กำลังจะเดินออกพ้นรั้วบ้านไปหยุดชะงักแล้วหันกลับมามองหน้าอีกฝ่าย
“พี่ขอโทษที่ทำให้พลอยเสียใจ พี่แค่ไม่รู้จะบอกกับพลอยยังไง เลยต้องคิดแผนบ้าๆแบบนั้นขึ้นมา..พี่ขอโทษจริงๆครับ...พี่กลัวว่าถ้าบอกพลอยไปตรงๆ พลอยจะเสียใจแต่พี่ลืมนึกไปว่าการที่พี่ทำแบบนั้น การที่พี่โกหกแบบนั้นมันแย่ยิ่งกว่า”
“ถ้าพี่เฟรมบอกพลอยมาตรงๆ พลอยก็แค่เสียใจ...แต่พี่เฟรมมาโกหกกันแบบนี้....พลอยทั้งเสียใจ ทั้งเสียความรู้สึก” เฟรมใจกระตุกวูบทันทีเมื่อพลอยเริ่มพูดทั้งอาการสะอึกสะอื้น ใจอยากจะเดินเข้าไปปลอบแต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่สมควร
“พลอยก็แค่รู้สึกดีกับพี่เฟรม แค่ชอบ...มันผิดมากหรอคะ?” พลอยไม่ผิดเลย...เขาต่างหากที่ผิด...ทั้งผิดและก็พลาดด้วย
“เราสองคนขอโทษนะครับพี่พลอย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คชากับแพรวาไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย ไม่ต้องขอโทษหรอกนะ” คชากับแพรวาเดินออกไปยังพลอยก่อนจะบอกขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเต็มประดา ยิ่งเห็นรอยน้ำตาของหญิงสาวยิ่งรู้สึกแย่ และแม้ว่าพลอยจะไม่ได้ดูโกรธอะไร แต่ถึงจะว่าอย่างนั้น....คนฟังก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี
“เคลียร์กับพลอยซะ การพูดกันตรงๆคือวิธีที่แก้ปัญหาของแกได้ดีที่สุดในตอนนี้” เต๋าเดินเข้ามาบอกกับน้องชายก่อนจะเดินไปหาเด็กน้อยของเขาที่ยืนหน้าหงอยสำนึกผิดให้เข้าบ้านพร้อมกัน โดยที่เต๋าไม่ลืมที่จะลอบมองความเคลื่อนไหวด้วยความเป็นห่วง
....................
...............
.........
.....
ร่างสูงทิ้งน้ำหนักตัวลงบนโซฟาตัวยาวเต็มแรงด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งความเครียดจากงานที่เจอมา ทั้งยังเหตุการณ์ที่กลับมาเจอที่บ้าน สองสิ่งที่แตกต่างแต่ทำให้ปวดหัวหนึบขึ้นมาได้ไม่ยากเลย
เต๋าหลับตาสักพักพาดแขนสองข้างไปกับเบาะโซฟาเหมือนจะพักผ่อนเต็มที่ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแววตาของใครสักคนที่จ้องมองตนเองอยู่ ตาคมลืมขึ้นก็พบเด็กน้อยยืนจ้องเขานิ่ง เต๋าส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าหัวสมองกลมๆนั้นกำลังคิดอะไร ไม่นานมือหนาก็ยื่นไปหาเด็กน้อยเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายส่งมือมาหาเพื่อให้เขาดึงตัวเองไปนั่งบนตักอุ่น
“หัดเป็นเด็กไม่ดีหรอครับ.....โกหกไม่ดีนะรู้ไหม” เต๋าถามแล้วกอดกระชับเอวบางบนตักให้แน่นขึ้น โดยคนโดนกอดไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืน สงสัยเพราะยังคงสำนึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“...รู้แล้ว” คชาบอกเสียงเบาแล้วหันมามองหน้าของเจ้าของตัก ยิ่งเห็นหน้าหงอยๆแบบนั้นเต๋ายิ่งสงสาร ที่คิดว่าจะแกล้งดุน้องให้ตกใจเล่นหน่อยเลยต้องล้มเลิกไป
“สำนึกผิดแล้วจริงๆนะ”
“ต้องทำโทษเด็กไม่ดีไหมเนี่ย?” เต๋าถามแล้วใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆที่ปลายจมูกรั้นน่าเอ็นดู เป็นผลให้คนโดนกระทำพองลมแก้มป่องทันที
“พี่เต๋า....คชาสงสารพี่พลอยจัง”
“หน้าหงอยใหญ่แล้ว”
“ก็ทำผิดจริงๆ สงสารพี่พลอย”
“สิ่งที่ผิดพลาดมีไว้ให้เราเรียนรู้ ....ถึงแม้เฟรมมันจะเป็นพี่แต่เวลาจะตัดสินใจช่วยก็ต้องคิดถึงข้อดีข้อเสียก่อน คนอายุมากก็ไม่ได้หมายความว่าจะคิด หรือทำอะไรผิดพลาดไม่ได้ ความรู้สึกของคนเรามันบอบบาง ละเอียดอ่อน เข้าใจยาก..คิดจะอยู่ร่วมกันก็ต้องรู้จักที่จะรักษาความรู้สึกของคนอื่นเอาไว้ เข้าใจไหมครับเด็กดื้อ” คชาพยักหน้าด้วยความเข้าใจก่อนจะถอนหายใจออกมาน้อยๆ
“ยิ้มได้แล้วนะ” เต๋าหัวเราะออกมาทันทีเมื่อสั่งให้ยิ้ม เจ้าตัวเล็กบนตักก็แปลงหน้าหงอยกลายเป็นหน้าเปื้อนรอยยิ้มหวานสดใสเหมือนที่เขาคุ้นเคยทันที แล้วสักพักเด็กน้อยก็ทิ้งหัวกลมกับกลุ่มผมหอมละมุนของตนเองลงมาพิงที่ไหล่เขาเอาไว้
“แสดงว่าวันนี้ไม่ได้อ่านหนังสือเลยใช่ไหม?” เต๋ากระซิบถามบ้างใบหูคนบนตักเมื่อมองไปเห็นกองหนังสือด้านหน้า สองมือยังคงลูบแผ่นหลังบางคล้ายจะกล่อมไม่หยุด
“ให้พี่สอนแทนไหม..”
“พี่เต๋าว่างแล้วหรอ” คชาผละออกมามองหน้าร่างสูงแล้วถาม เพราะช่วงนี้พี่เต๋ายุ่งถึงขั้นยุ่งมาก ทำงานทุกวันราวกับมนุษย์เงินเดือนแสนห้าทั้งที่ความจริงน้อยกว่านั้นตั้งหลายเท่า
“ถ้าตอนนี้ยังไม่ว่างครับ เพราะกอดเด็กอยู่แต่ถ้าคืนนี้ว่างครับ..ไม่มีใครให้กอด” แต่พอพูดจบปุ๊บก็โดนหยิกเข้าที่แขนให้ได้ร้องโอดโอยทันที
“โอ๊ย..เจ็บ เจ็บ เจ็บ! ...... ทำไมเด็กต้องโหดร้ายกับพี่”
“ทำไมผู้ใหญ่ต้องแกล้งเด็กด้วยหละ”
“ก็เด็กน่าแกล้งหนิ”
“ระวังจะไม่ให้กอด”
“เอาปืนมายิงพี่เลยดีกว่า...”
“ปืนอยู่ไหน? จะยิงตอนนี้เลย...หมั่นไส้”
“ไม่รักไม่ว่าแต่อย่าฆ่ากันเลยนะหนู” เต๋าตอบกวนๆแล้วขยี้หัวคนบนตักเล่น
“ปล่อยเลยยยยนะ...” ทั้งพูดทั้งพยายามดิ้นออกจากตักอุ่น จึงทำให้อ้อมแขนอบอุ่นต้องกอดแน่นขึ้น เต๋าเริ่มรู้สึกว่าการที่น้องดิ้นไปมามันส่งผลเสียมากกว่าผลดีก็ตอนนี้
“ไม่แกล้งแล้ว ไม่แกล้งแล้ว ..อยู่นิ่งๆนะ นิ่งๆนะครับ” ไม่นานคชาก็หยุดดิ้นแล้วกลับมานั่งนิ่งจ้องหน้ากันและกันเหมือนเดิม
“เดี๋ยวนี้เก่งนะ จ้องตาพี่นานๆได้แล้ว” แต่พอโดนแซวเข้าหน่อยที่ว่าเก่งก็ต้องรีบกลับไปซบไหล่เขาอีกหนจนได้....
เต๋าปล่อยให้เด็กน้อยนั่งซบไหล่ไปเรื่อยๆ โดยที่สองแขนยังคงโอบกอดร่างเล็กเอาไว้...ก่อนจะคิดได้ว่าตนเองยังไม่ได้รับคำตอบที่จะมีผลในค่ำคืนนี้ และพอถามอีกครั้งเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตักก็ตอบไม่ตรงคำถามแถมยังหัวเราะคิกคักถูกใจ...ดูมีความสุขมาก
“คืนนี้พี่ไม่ว่างแล้วใช่ไหมครับ”
“ไม่รู้...โตแล้วคิดเอง”
สรุป..คืนนี้ไม่ว่างแล้วนะ ..... คิดเองแล้ว .... คิด(เข้าข้างตัว)เองแล้ว :)
--------------------------------------------------------------
โอ้ววว...หายไปนานจังเลยเนาะ แล้วมาพร้อมกับตอนใหม่ซึ่งมันคืออะไรนิ -_-“ มันมีแรงบันดาลมาจากการดูซิทคอมเรื่องนึงจ้า...พอถูไถไปได้ไหม อยากลองแต่งเรื่องของคนอื่นดูบ้างเลยเริ่มลงมือจากเฟรม 555
ขอบคุณที่ถามไถ่กันเข้ามาเสมอนะคะ... :D กลับมาอ่านกันซะดีๆ
ป.ล. เค้กสตรอเบอร์รี่ที่จะชิมมันแค่ปากนะ ถ้าใครคิดว่าผู้ใหญ่จะชิมเค้กสตรอเบอร์รี่ทั้งตัวจงกลับไปอ่านใหม่และจินตนาการว่าปากเดี๋ยวนี้ ....ถถถถถถ
ป.ล. 1 ทำไมตอนนี้พี่เต๋าเยอะจังเลย ... T_T ถ้าหื่นเกินไปบอกนะเดี๋ยวลดเลเวลลงมาให้ (จะทันไหม?)
ป.ล. 2 นี่สอบอยู่แต่มาลงฟิค โถววว..ชีวิตดี สังคมดี ยิ่งกว่ารีเจนซี่ OTL
#มีสุข23
@CHICKIMILK
ความคิดเห็น