ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 20 - Happy Alley แผนการ (Bad Guy)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.15K
      1
      27 ก.ย. 56


    Chapter 20

     





     

    “ไม่ว่างเลย   ไม่ว่างจริงๆ  ช่วงนี้เต๋างานยุ่ง”

     

    “เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะ”

     

    “..... ฝากบอกเพื่อนๆด้วยแล้วกันว่าคิดถึง ....โอเคครับ  เที่ยวให้สนุกครับ” 

    หลังจากเปิดประตูเข้ามาในบ้านเลขที่ 23/2  คนตัวเล็กที่เดินโอบอุ้มแมวน้อยสีขาวเข้ามาก็ได้ยินเสียงบทสนทนาทางโทรศัพท์ของพี่ชายคนสนิทกับใครสักคน   ตากลมเบิกมองแผ่นหลังหนาที่ง่วนอยู่กับการจัดน้ำดื่มใส่ตู้เย็นอีกทั้งหูสองข้างก็เงี่ยฟังบทสนทนาของคนตรงหน้า    

     

    “เข้ามาตอนไหนครับ” เต๋าเอ่ยถามทันทีเมื่อหันมาพบเด็กนักเรียนยืนทำหน้านิ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลประตูบ้าน  ปลายเท้าเล็กเดินเตาะแตะเข้ามาหาร่างสูง  วางแมวน้อยตัวนิ่มลงบนพื้นแล้วจึงตอบคำถามอีกคน

     

    “ตอนพี่เต๋าคุยโทรศัพท์”  เต๋าพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม  โดยไม่รู้ว่าคนข้างกายกำลังหมกมุ่นกับบทสนทนาเมื่อครู่มากน้อยเพียงไหน....ก็แค่อยากรู้ว่าคุยกับใคร?

     

    “ทำหน้าเหมือนมีอะไร ....มีอะไรหรือเปล่า?

     

    “เปล่า...ไม่มีอะไร” 

     

    “เชื่อดีไหมเนี่ย”  เต๋าถามแล้วแกล้งโน้มตัวลงจ้องหน้าคชา  ทำท่าทางเหมือนพยายามจะเค้นหาคำตอบ อีกทั้งระยะห่างของใบหน้าก็เริ่มใกล้กันจนมือบางต้องยกขึ้นมาดันไหล่อีกคนเอาไว้  แล้วท้ายที่สุดก็ต้องเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยออกไป

     

    “อื้อออออ.....ก็แล้วเมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับใคร?

     

    “ว่าแล้วเชียว...แอบฟังผู้ใหญ่คุยโทรศัพท์ไม่ดีเลยรู้ไหมครับน้องคชา  แต่ไม่เป็นไรผู้ใหญ่คนนี้ใจดี” เต๋าแกล้งแซวอีกคนเพราะแอบเห็นน้องขมวดคิ้วหน้านิ่งตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้าน  เขาก็พอจะเดาได้อยู่บ้าง คชาอ่านไม่ยากเลยสักนิด  หลังจากนั้นก็เริ่มคิดหาเรื่องแกล้งเด็กต่อทันที  แล้วยิ่งเห็นริมฝีปากบางกำลังจะโวยวายอะไรสักอย่าง ...

     

    “อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ  อย่าพึ่งโวยวาย  ผู้ใหญ่คนนี้ใจดีมาก ไม่ลงโทษเด็กหรอก”   ใบหน้าหวานเริ่มง้ำงอทันทีเมื่อรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองไม่สามารถทำอะไรอีกคนได้  เต๋าเห็นดังนั้นก็ทำได้เพียงจับสัมผัสมือนุ่มนิ่มมากุมไว้ก่อนจะรีบอธิบาย  ถึงอยากจะแกล้งน้องมากแค่ไหนแต่เต๋าก็ยังไม่อยากมีคดีติดตัว

     

    “เนมโทรมาชวนไปเที่ยวภูเก็ตครับ”  พอเต๋าพูดจบก็ได้ยินเสียงเบาจากเด็กหน้านิ่งถามกลับทันที

     

    “แล้วพี่เต๋าไม่ไปหรอ?

     

    “ไม่ไปครับผม ...ต้องเลี้ยงเด็ก” 

     

    “ไม่ได้บอกให้มาเลี้ยงสักหน่อย”  ทั้งน้ำเสียงและสายตาบ่งบอกให้เจ้าของคำถามรู้ว่า เด็กที่พี่เต๋าบอกไม่ใช่ใครไหนแต่เป็นตนเอง

     

    “อ่า...งั้นไปดีกว่า”  บอกแล้วแกล้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเหมือนจะโทรออก  แต่มือน้อยทั้งสองข้างก็เกาะสัมผัสที่ต้นแขนรั้งเอาไว้ก่อน  หัวกลมส่ายไปมาก่อนจะเอ่ยประโยคขอร้องที่เต๋าคิดว่าน่ารักที่สุดในโลกทั้งสายตาเว้าวอน

     

    “...พี่เต๋าจะไปจริงๆ หรอ”   รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากทันที ก่อนมือหนาจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเล็กใกล้ตัว  แล้วหันมามองเด็กหน้าหงอย  

     

    บางครั้งความเป็นเด็กมันก็ดี ...เด็กจะซื่อตรงในการแสดงออกถึงความรู้สึกของตัวเอง รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมาอย่างนั้น  ไม่ปกปิด ไม่เก็บซ่อน แล้วเขาก็ชอบแบบนี้ .... และคชาก็เป็นเด็กอย่างที่ว่า

     

    “ไม่จริงจ้ะ ล้อเล่นให้เด็กอ้อนเฉยๆ”

     

    “ก็ดี...”  คชาตอบเสียงเบาแล้วปล่อยมืออกจากแขนของคนเป็นพี่

     

    “ก็ดีนี่คืออะไร  ดีที่พี่ไม่ไปหรือดีที่เด็กจะอ้อน”

     

    “ไม่ได้อ้อนนะ”  เต๋าอมยิ้มส่ายหัวให้คนตรงหน้าเล็กน้อยแล้วจูงมือเด็กไปนั่งบนโซฟาตัวยาว  เมื่อคชานั่งลงปุ๊บแมวตัวน้อยก็กระโดดขึ้นมานั่งคลอเคลียบนตักปั๊บ  ที่ตั้งใจว่าจะนอนหนุนตักนิ่มๆเลยต้องพักไว้  ...แล้วมันจะเหลือพื้นที่ตรงไหนให้แมวตัวโตบ้างครับ?  T.T

     

    “กับเนมเป็นเพื่อน  เป็นแค่เพื่อนนะครับ”

     

    “รู้แล้ว......ก็เชื่อ ... คชาเชื่อพี่เต๋านะ”  คนตัวเล็กตอบแล้วทำเป็นก้มหยอกล้อกับแมวน้อยบนตัก ทิ้งให้คนฟังใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะประโยคใสซื่อจากตนเอง     เต๋ารู้สึกใจสั่นขึ้นมาดื้อๆเมื่อคชาเอ่ยคำว่า เชื่อเชื่อที่หมายความว่าเชื่อในตัวเขาและเชื่อใจของเขาด้วย...   เต๋าได้แต่นั่งยิ้มแอบมองใบหน้าด้านข้างของเด็กขี้อายที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจสิ่งรอบข้างก่อนจะหลุดบางประโยคออกมา  ..

     

    “เค้กสตรอเบอร์รี่น่ารักจัง” สิ้นประโยคคนฟังที่กำลังแกล้งหยอกล้อกับแมวก็หันหน้ามาหาเต๋าทันที  หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักขึ้นมาเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร ทั้งน้ำเสียง ทั้งแววตา ทั้งสีหน้า ไม่ต้องเดาเลยว่าตั้งใจจะแกล้งกันอีกแล้ว  

     

    “เค้กสตรอเบอร์รี่ที่ไหนน่ารัก   เค้กก็ต้องอร่อยสิ ...พี่เต๋ามั่วจัง”

     

    “ก็น่ารักจริงๆ  แต่ไม่รู้ว่าอร่อยไหมเพราะพี่ยังไม่เคยชิม” เต๋าบอกแล้วเขยิบตัวเข้ามาใกล้  ก่อนจะเริ่มใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆที่ข้างแก้มเนียนใสไล่จนใกล้ถึงมุมปากของเด็กน้อย   แววตาที่เคยจ้องมองใบหน้าหวานใสตอนนี้กลับจดจ้องอยู่ที่ริมฝีปากบางของคนตัวเล็กที่กำลังเม้มเข้าหากันเพียงเท่านั้น  

     

    “ไม่อร่อยหรอก  ไม่ต้องชิม”  พอรู้ว่าคนตรงหน้าหมายความถึงสิ่งไหน  ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงคืนแรกที่ทะเล ...คืนนั้น  ยิ่งปลายนิ้วอบอุ่นของอีกฝ่ายกดย้ำเบาๆวนซ้ำที่มุมปากยิ่งรู้สึกว่าควบคุมตัวเองได้ยากมากขึ้น

     

    “ไม่เชื่อเด็กหรอก  ของอย่างนี้มันต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง”

     

    “ก็ไปซื้อมาพิสูจน์เองสิ”

     

    “เค้กสตรอเบอร์รี่ที่จะชิมมันไม่มีขาย”

     

    “งั้นก็ต้องขออนุญาต”

     

    “แล้วให้อนุญาตไหมครับ?” คชาไม่ตอบอะไรเพียงแค่ส่ายหัวแล้วยิ้มหวานให้เต๋าเพียงเท่านั้น

     

    “พี่จะรอนะ.....ไม่ได้รอชิมแต่จะรอให้เค้กสตรอเบอร์รี่อนุญาต”   แววตาจริงจังมั่นคงในคำกล่าวจ้องมองมายังคชาอีกครั้ง  คนตัวเล็กได้แต่หันหน้าหนีแกล้งทำเป็นมองไปทั่วห้องรับแขกก่อนจะไปไหนไม่รอดเผลอซุกหัวซบบ่าอีกคนตามระเบียบ   ริมฝีปากได้รูปอมยิ้มบางๆ ก่อนมือหนาจะยกขึ้นเอื้อมโอบไหล่บางของเด็กน้อยไว้  ปล่อยให้เวลาและความเงียบให้เราสองคนได้ปล่อยความรู้สึกล่องลอยไปตามอากาศ... 

     

    ที่เต๋าถามออกไปก็เพราะอยากจะแกล้งให้เด็กเขินเล่น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาอยากจะชิมเค้กสตรอเบอร์รี่ในอ้อมกอดขึ้นมาจริงๆ ...ให้ตายเถอะ

     

    “อ้าว..พี่เต๋ากลับมาเร็วจัง”  เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับคำถามจากน้องชาย   เรียกให้ทั้งเต๋าและคชาหันหน้าไปยังเฟรมที่หอบหิ้วข้าวของเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า

     

    “เอางานกลับมาทำ  ไม่อยากอยู่บริษัทนานๆ”  เฟรมพยักหน้าเออออ วางสัมภาระลงบนโต๊ะเล็กหน้าทีวีแล้วย้ายตัวเองมานั่งโซฟาตัวเล็กเยื้องกับเต๋าและคชา

     

    “คชาคุกกี้ไหม?

     

    “คุกกี้หรอ  กิน กิน”  คชาตอบรับแววตาเป็นประกาย น้ำเสียงเริงร่าเกินปกติแล้วรีบคว้ากล่องคุกกี้จากเฟรมทันที

     

    “น้องเขาก็น่ารักดีนี่หว่า   ทำขนมให้ทุกวันเลย”  เต๋าเอ่ยถึงเจ้าของคุกกี้ที่เฟรมได้มา  เป็นเวลากว่าอาทิตย์แล้วที่น้องชายของเขามีคนเสิร์ฟขนมนมเนยถึงที่  แต่รู้สึกเหมือนว่าเฟรมจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก

     

    “น่ารักมากไปหละสิไม่ว่า”  เต๋าได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆให้น้องชายตนเอง  ก่อนจะหันมาสนใจเด็กน้อยที่กำลังตาลุกวาว ตั้งใจแกะกล่องคุกกี้

     

    “ไม่โอเคว่ะพี่เต๋า  แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง”

     

    “ไม่โอเคอะไร  มีคนทำขนมให้กินฟรีๆทุกวันไม่ดีหรือไง”  เอ่ยถามน้องชายตัวเองจบแล้วท้ายที่สุดก็ต้องเอื้อมมือไปช่วยเด็ก ที่มองดูยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าจะแกะกล่องคุกกี้สำเร็จ 

     

    “เย่ๆ”  เสียงใสร้องขึ้นเบาๆทั้งรอยยิ้มเมื่อมือหนาจัดการแกะกล่องคุกกี้ให้  ก่อนจะเทความสนใจทั้งหมดให้ขนมสีนวลในกล่อง

     

    “รู้สึกเหมือนโดนจู่โจมมากเกินไป  ปกติเคยแต่จีบคนอื่น พอโดนบุกบ้างรู้สึกว่ามันไม่ใช่ว่ะพี่”

     

    “ถือเป็นเรื่องราวดีๆ  มีคนชอบมีคนรักก็ต้องดีกว่ามีคนเกลียดอยู่แล้ว”

     

    “ก็รู้....”

     

    “ทำหน้าเหมือนอึดอัด?  เต๋าถามแต่ตามคมจ้องมองเด็กน้อยที่กำลังพยายามป้อนคุกกี้ให้แมวตัวขาวบนตัก

     

    “ไม่รู้เหมือนกัน”   

     

    “เห๊ย! กว้างๆหน่อย...น้องเขาก็แค่รู้สึกแล้วอยากแสดงออก”  เต๋าเอื้อมมือไปตบไหล่น้องชายก่อนจะว่าเสียงดัง

     

    “คร้าบบบ...พี่เต๋าคร้าบ”  เฟรมว่าแล้วถอนหายใจเสียงยาว ก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงไปยังโซฟาตัวนุ่มอีกครั้ง  ตั้งใจจะหลับตาแต่เสียงบทสนทนาของสองคนข้างๆ ก็ทำให้อดที่จะแอบฟังไม่ได้

     

    “อร่อยไหมครับ”

     

    “ถามคะน้าหรือว่าถามคชา?

     

    “เห็นพี่หน้าเหมือนแมวแต่พี่ก็พูดภาษาคนนะจ๊ะ”  คชาหัวเราะกับสิ่งที่อีกคนพูด  ก่อนจะตอบกลับเสียงหวานพร้อมทั้งยื่นคุกกี้ไปยังริมฝีปากได้รูปของร่างสูง

     

    “อร่อยมาก ...กินไหม แบ่งให้....”  

     

    “นี่ก็หวานกันจริง.....”  เฟรมพูดขึ้นแล้วแอบเหล่มองพี่ชายตนเองที่กำลังเคี้ยวขนมที่น้องชายตัวเล็กข้างบ้านป้อนให้  ชิ้นแรกไม่ค่อยเท่าไหร่แต่ชิ้นที่สองที่สามนี่มาได้ไง  เฟรมก็เริ่มจะแปลกใจ    พี่เต๋าชอบกินคุกกี้ตอนไหนวะ?

     

    “อร่อยไหม ...พี่เต๋า ?”  เฟรมถามเพราะรู้สึกว่าทั้งพี่เต๋าและน้องคชาจะไม่สนใจเขาเลยสักนิด  แล้วปกติพี่เต๋าก็ไม่ได้ชอบกินขนมแล้วก็ไม่ชอบกินหวานด้วย  แต่ที่เขาเห็นตอนนี้ หน้าตาของพี่ชายตัวเองที่กินคุกกี้มันยิ่งกว่าชอบเสียอีก

     

    “ก็อร่อยดี...แต่คงสู้เค้กสตรอเบอร์รีไม่ได้ว่ะ”  ตอบคำถามน้องตัวเองแต่สายตาจ้องมองที่คนป้อนคุกกี้ข้างกาย  สายตาของเด็กน้อยกับผู้ใหญ่ส่งทอดมองกันหวานซึ้งจนคนมองอย่างเฟรมอยากจะทำตัวลีบแล้วหายไปจากฉากนี้ ....

     

    “เอ้อดี ...รู้กันอยู่สองคน”

     

     

    --------------------------------------------------------------

     

     

    บ่ายวันเสาร์ที่แดดกำลังร้อนจัด  แพรวาและคชากำลังเดินมุ่งมั่นไปยังบ้านเลขที่ 23/3  สองมือหอบหิ้วทั้งหนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียนพะรุงพะรัง   แม้วันนี้จะเป็นวันหยุดแต่เพราะใกล้ช่วงสอบปลายภาค ทำให้สองเพื่อนสนิทต้องเร่งเคลียร์การบ้านที่คั่งค้าง รวมถึงต้องเริ่มอ่านหนังสือทบทวน  

     

    “งั้นคชาเอารายงานครั้งที่แล้วให้เราดูด้วยนะ  เหมือนจะต้องแก้เลย”

     

    “ได้ๆ” 

     

    “สอนการบ้านด้วย  ทั้งสองวิชาเลย”  คชาพยักหน้าเออออตอบรับ  ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกทักจากน้องชายคนเล็กของบ้านเลขที่ 23/2  พอหันไปมองก็พบพี่เฟรมยืนอยู่บริเวณม้าหินอ่อนหน้าบ้านกับผู้หญิงคนหนึ่ง สองมือของพี่เฟรมมีถุงอะไรไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด  ซึ่งคชาคาดว่าน่าจะเป็นของฝากที่อีกคนเอามาให้ 

     

    “อ้าววว..แพรวา คชา มาพอดีเลย  พี่กำลังรออยู่” 

     

    “ห๊ะ  อะไรนะพี่เฟรม?”  แพรวาขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย  เพราะจำได้ว่าไม่ได้นัดแนะอะไรกับคนทักมาก่อน แล้วสักพักพี่เฟรมก็เดินมาเปิดประตู้รั้วเชื้อเชิญเหมือนให้ทั้งสองคนเข้าไปในตัวบ้าน  เฟรมแอบขยิบตาให้ทั้งแพรวาและคชาเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง 

     

    “ไหนๆ  เอาหนังสือมาแล้วใช่ไหม  ที่จะให้พี่ติวให้”  เหมือนคชากำลังจะเอ่ยถามอะไรสักอย่างแต่เฟรมก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน แถมยังเอื้อมมือมาหยิบหนังสือในมือแพรวาไปถือเอาไว้เอง ทำให้คนตัวเล็กกับเพื่อนสนิทถึงกับทำหน้างงแล้วเริ่มมองไปยังผู้หญิงที่ยืนข้างกายเฟรม

     

    “อ่อ  นั่นใช่ไหม โอเคๆ  จะได้เริ่มติวกัน”   

     

    “นี่รุ่นน้องพี่ที่มหาลัย  ชื่อพลอย  พลอยนี่น้องๆ คชากับแพรวา บ้านอยู่ซอยเดียวกัน”  ทั้งคชาและแพรวาหันไปยิ้มให้หญิงสาวแล้วตั้งท่ากำลังจะยกมือไหว้ 

     

    “ไม่ต้องไหว้หรอกค่ะ  ห่างกันไม่กี่ปีเอง พี่ยังไม่อยากแก่” 

     

    “วันนี้พี่นัดติวหนังสือให้น้อง  พอดีใกล้จะสอบแล้ว”

     

    “จริงหรอคะ  งั้นพี่เฟรมก็คงออกไปทานข้าวกับพลอยไม่ได้แล้วสินะ”  เฟรมพยักหน้ารับแสร้งทำเป็นเสียดาย  แต่ในใจรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะได้หลุดพ้นจากอะไรบางอย่าง   “แต่ไม่เป็นไรค่ะ  พอดีเลยพลอยซื้อขนมมาเยอะแยะ เอาเผื่อให้น้องๆกินตอนติวหนังสือด้วย”

     

    “งั้นเราเข้าไปติวกันในบ้านดีกว่า  ข้างนอกร้อน..ขอบคุณสำหรับขนมมากเลยนะพลอย”  เฟรมบอกเหมือนจะลาแล้วเริ่มดันหลังน้องสองคนที่ยังทำหน้างงไม่เลิกให้เข้าไปยังตัวบ้าน  แต่ก็ต้องหันกลับมาถามพลอยอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเดินตามเขามา

     

    “อ้าว..พลอยยังจะไม่กลับหรอ”

     

    “ยังค่ะ   พลอยอยากอยู่ดูพี่เฟรมติวหนังสือให้น้อง”  พลอยบอกแอบอมยิ้มปลื้มใจที่เห็นรุ่นพี่ที่แอบชอบเป็นคนดี  มีน้ำใจ  แต่นั่นทำให้คนฟังถึงกับหน้านิ่งไปสามวิ ก่อนจะปฏิเสธไม่ได้ เบี่ยงกายให้รุ่นน้องเข้าไปยังตัวบ้าน

     

    เฟรมวางหนังสือและถุงขนมที่รุ่นน้องหอบมาฝาก  ก่อนจะส่งสัญญาณให้ทั้งคชาและแพรวาเดินเข้ามาหาในห้องครัว  ปล่อยให้พลอยเดินชมบ้านและอัลบั้มรูปสมัยเด็กของรุ่นพี่ชื่นชอบด้วยความปลื้มใจ

     

    “นึกว่าจะรอดก็ไม่...เครียด”  เฟรมพูดเบาๆให้พอได้ยินกันสามคนก่อนจะถอนหายใจเสียงยาวมองไปยังคนที่อยู่ในห้องรับแขก 

     

    “คชาว่าพี่พลอยเขาก็น่ารักดีออก”

     

    “ใช่ๆ  แพรก็ว่าพี่เขาน่ารักดี”

     

    “น่ารักแต่พี่ไม่ได้ชอบไง  ทำยังไงดี...ไม่อยากให้เขามายุ่งแล้ว บอกตามตรง พี่อึดอัด”   

     

    “พี่เฟรมใจร้ายชะมัด”

     

    “ไม่ได้ใจร้าย  แต่พี่ไม่ได้ชอบเขา   ไม่ชินกับการถูกรุกเข้าใจไหม”  ทั้งแพรวาและคชาต่างก็ไม่เข้าใจความคิดของเฟรมเท่าไหร่นัก  พี่พลอยก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักดี ขาว อวบ หมวยๆนิดๆด้วย อาจจะไม่ได้สวยเข้าขั้นสเปคพี่เฟรมแต่เวลายิ้มก็ดูสดใสร่าเริงมีเสน่ห์ดี 

     

    “เห๊ยๆ  พี่คิดออกแล้ว...แต่ว่าทั้งแพรวากับคชาต้องช่วยพี่”  สองเพื่อนสนิทพร้อมใจกันส่ายหัวปฏิเสธโดยไม่ได้นัดหมาย 

     

    “เห้ยย...ขอร้อง ช่วยพี่ก่อน สงสารพี่หน่อยดิ นะ นะ..ช่วยพี่หน่อย พี่ไม่รู้จะบอกเขายังไง”  เฟรมทำหน้าหงอยให้น่าสงสารที่สุดในชีวิตเพื่อขอความช่วยเหลือจากน้องทั้งสองคน  แพรวากับคชาหันมาสบตาปรึกษากันสักพักก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง

     

    “เยส! ขอบคุณมากน้องที่น่ารักทั้งสอง  เดี๋ยวพี่เลี้ยงขนม”

     

    “ว่าแต่พี่เฟรมจะให้แพรกับคชาช่วยอะไร” 

     

    “...ผู้หญิงเขาไม่ชอบคนเลวใช่ไหมแพรวา?  หึหึ...งั้นพี่เฟรมคนนี้มันก็ต้องเลว”  เฟรมบอกทั้งกอดอกทำหน้าเหมือนผู้ชนะแล้วยกยิ้มด้วยความภาคภูมิใจกับแผนการที่ตนเองกำลังคิด 

     

     

    --------------------------------------------------------------

     

    หลังจากที่กระซิบกระซาบบอกเล่าแผนการให้น้องทั้งสองคนเข้าใจเรียบร้อย  เฟรม คชาและแพรวาก็ออกมาจากห้องครัวพร้อมถาดขนมและน้ำหวานสี่แก้ว  คชาและแพรวานั่งลงกับพื้นรอบโต๊ะกระจกหน้าโซฟาแล้วเริ่มกางหนังสือตามที่ได้นัดแนะกับเฟรมไว้ 

     

    “ตอนเด็กๆพี่เฟรมน่ารักจังเลยนะคะ”  หญิงสาวบอกด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อยก่อนจะรับน้ำหวานสีแดงที่เฟรมยื่นให้มาจิบ 

     

    “ก็นิดนึง  ..งั้นพลอยตามสบายเลยนะ  พี่ขอไปสอนหนังสือน้องๆก่อน”  เฟรมบอกแล้วกลับไปนั่งรวมกลุ่มกับน้องอีกสองคนก่อนจะเริ่มแผนการที่ได้คุยกันไว้  .....

     

    พลอยยังคงเดินดูกรอบรูปน้อยใหญ่ในตัวบ้านและแอบขออนุญาตเปิดดูอัลบั้มรูปบางส่วนและใช้มือถือถ่ายรูปของรุ่นพี่คนเก่งไว้  แต่ไม่นานก็ต้องหันหลังควับเพราะเสียงตะโกนก้าวร้าวของคนเบื้องหลัง

     

    “คชา!  ทำไมพี่สอนแล้วไม่เคยจำห๊ะ!!???” 

     

    “เอ่ออ..คือ...”  เสียงใสตะกุกตะกักเล็กน้อยเมื่อเริ่มแผนการที่พี่เฟรมแอบตั้งชื่อว่า ผู้หญิงไม่ชอบคนเลวจำได้ว่าพี่เฟรมบอกจะล้วงเอาสกิลการเป็นพี่ว๊ากประจำคณะวิศวะของตนเองมาใช้แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าจะสมจริงขนาดนี้ 

     

    “ก็ ก็..ก็คชาไม่เข้าใจนี่”

     

    “ยัง ยัง ยังจะมาเถียง  เดี๋ยวจับตบ!  ทำไมได้แล้วโทษนั่นโทษนี่  พี่สอนกี่ครั้งแล้วจะไม่เข้าใจได้ยังไง ห๊ะ?!  เฟรมขึ้นเสียงดังแล้วเงื้อมือขึ้นเหมือนจะตบคนตัวเล็กเข้าจริงๆ

     

    “ไหนของแพรวา  เอามาดูสิ” 

     

    “เละเทะ!”  เฟรมสบถออกมารุนแรงแล้วโยนหนังสือออกไป  ทำให้ทั้งคชาและแพรวาเริ่มใจเต้นแรงขึ้นเพราะรู้สึกว่าพี่เฟรมจะเล่นสมบทบาทรับรางวัลออสการ์เหลือเกิน 

     

    “ทำไมทำผิดหมดแบบนี้ห๊ะ!  เคยจำอะไรกันได้บ้างไหม  สมาธิสติหายไปไหนหมด  ทำไมไม่ตั้งใจกันเลย”  เฟรมแกล้งตวาดน้องทั้งสองคน  โดยที่ไม่ลืมจะขยิบตาให้แพรวาเป็นสัญญาณในการเพิ่มความรุนแรงของแผนการ

     

    “ฮึก ฮึก...ฮือออ...”

     

    “แพรวาไม่ต้องร้องนะ”

     

    “ร้องทำไมห๊ะร้องทำไม ...”  แพรวาเริ่มบีบคั้นน้ำตาเหมือนที่ได้วางแผนกันเอาไว้  โดยมีคชาพยายามปลอบอยู่ข้างๆ  ตากลมแอบมองไปยังพี่พลอยเพื่อลอบดูสีหน้า  และดูเหมือนว่าแผนการ ผู้หญิงไม่ชอบคนเลว ของพี่เฟรมจะได้ผลเมื่อพี่พลอยยืนอึ้งหน้าซีด

     

    “ไปทำมาใหม่ทั้งสองคนเลยนะ  โอ๊ยยย..หงุดหงิดเว้ยยย!!!  ทั้งคชาและแพรวาพยักหน้ารับแล้วเอื้อมไปหยิบหนังสือที่เฟรมโยนไปกลับมา 

     

    “พลอย...ทานขนมไหม”  เฟรมปรับเสียงให้ดูเป็นมิตรแล้วหันไปถามรุ่นน้องที่กำลังยืนนิ่งอึ้ง  ทำให้พลอยรีบหยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว  หญิงสาวเดินอึ้งๆมานั่งลงข้างเฟรม  แอบลอบมองคชากับแพรวาที่ก้มหน้าก้มตาทำโจทย์ในหนังสือ

     

    “น้องแพรวา น้องคชา  ทานขนมไหมคะ?

     

    “ไม่ต้องให้กิน!  ถ้าทำไม่ได้ก็ปล่อยให้หิวแบบนี้แหละ”  พลอยถามขึ้นเหมือนอยากจะปลอบน้องๆ  แต่เฟรมก็เอะอะเสียงดังขึ้นมาก่อน 

     

    บรรยากาศที่เกิดขึ้นทำให้พลอยรู้สึกอึดอัดกับท่าทีแปลกประหลาดของรุ่นพี่ที่แอบชอบ  ทั้งอีกใจก็เหมือนจะเป็นห่วงน้องๆทั้งสองคน ...

     

    ไม่นานแรงสั่นสะเทือนจากไอโฟนสีขาวของคนตัวเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้น  เฟรมแอบลอบมองเล็กน้อยและพอเห็นว่าเป็นพี่ชายของตนเองโทรเข้าจึงแกล้งทำเสียงเข้มให้คชารีบไปรับโทรศัพท์

     

    “คชา!  นิ่งทำไม  ไปรับโทรศัพท์สิ  แล้วทีหลังเวลาติวหนังสือห้ามเปิดเครื่องรู้ไหม”

     

    “ค ค ครับ...”  คนตัวเล็กตอบรับแล้วรีบหยิบโทรศัพท์เข้าไปคุยยังห้องครัวทันที 

     

    “เด็กอยู่ไหนครับพี่กำลังจะกลับบ้านแล้ว  เอาอะไรไหม?”  วันนี้เป็นวันหยุดอีกหนึ่งวันที่เต๋าต้องเข้าบริษัท  ร่างสูงกำลังอารมณ์ดีเพราะเวลาที่ได้ออกจากบริษัทนั้นเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้...พอส่งงานเสร็จก็ได้เวลาโทรถามไถ่เด็กซนที่เขาแอบนั่งคิดถึงตลอดเวลาการทำงาน 

     

    “อ่อ..เอ่อ.. อยู่บ้านฮะ อยู่บ้านพี่เต๋า”  ตอบปลายสายแต่สายตายังคงแอบดูแพรวาที่กำลังโดนพี่เฟรมแสร้งทำเป็นด่าที่ห้องรับแขก 

     

    “ทำอะไรอยู่ครับ  ทำไมพูดเสียงเบาจัง”

     

    “ป่าวๆฮะ  กำลังให้พี่เฟรมติวหนังสือให้อยู่”

     

    “อ้าว  เฟรมมันอยู่บ้านหรอนึกว่าออกไปข้างนอก...ว่าแต่เด็กอยากกินอะไรไหม  พี่เลิกงานแล้วเดี๋ยวซื้อไปให้” 

     

    “ไม่ฮะ  เพื่อนพี่เฟรมเขาเอาขนมมาฝากเยอะแยะเลย”

     

    “อ้าวหรอ...ใครมา  อย่าบอกนะว่าน้องพลอย”

     

    “ใช่..พี่พลอยมา” 

     

    “พี่ว่าเสียงเด็กแปลกๆนะ  เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” 

     

    “ไม่ ไม่ ไม่ได้เป็นอะไร  ..พี่เต๋ารีบกลับมานะ  คชาไม่อยากได้อะไร รีบกลับบ้านมาไวๆ”

     

    “ที่แท้ก็คิดถึงพี่นี่เอง...แต่พี่หายตัวไปหาไม่ได้ยังไงรอพี่ก่อนนะ สักชั่วโมงคงถึง”  คชากำลังลุ้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจึงไมได้สนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายแซวนัก 

     

    “โอเค  ไม่กวนเด็กแล้ว  ตั้งใจอ่านหนังสือนะ เจอกันที่บ้านครับผม”

     

    “คับ เจอกันที่บ้าน”  หลังวางสายจากพี่ชายคนสนิทเสร็จ  พี่เฟรมก็เดินมาหาเพื่อปรึกษาแผนการอีกรอบ...เนื่องจากพลอยยังคงไม่แสดงทีท่าว่ารังเกียจอะไรเฟรมดังที่ได้คาดการณ์ไว้ ทำให้จากนี้ไปจึงเป็นการเพิ่มความรุนแรงของแผนการ ผู้หญิงไม่ชอบคนเลว ขึ้นมาอีกหนึ่งอัตรา  หลังจากใช้เวลาคิดแผนการสักพัก เฟรมก็แสร้งให้คชามาตามแพรวาขึ้นไปยังชั้นบนโดยบอกพลอยว่าต้องไปค้นหนังสือเพื่อมาติวข้อสอบให้  ทำให้ทั้งสามคนเริ่มลงมือเพิ่มความรุนแรงของแผนการใหม่อีกครั้ง  โดยเฟรมจะแกล้งทำเป็นทำร้ายร่างกายแพรวา  โดยแอบสร้างความสมจริงด้วยการใช้เมคอัพเข้าช่วยเพื่อให้รอยตบเด่นชัดขึ้น

    ......................

    ................

    ...........

    ......

    ...

     

    “ฮืออออออ...พี่เฟรมทำกับเราแบบนี้อีกแล้วคชา  เรารับไม่ได้จริงๆ  ฮืออออออ”  แพรวาแกล้งทำเป็นร้องไห้เสียงดังลงมาตามทางเดินลงบันได  เรียกให้พลอยที่รอดูสถานการณ์อยู่วิ่งมาหาน้องทั้งสองคน  และก็ต้องตกใจเมื่อมองเห็นรอยแดงข้างแก้มแพรวา 

     

    “แพรวา  เจ็บมากไหม...คชาขอโทษนะที่ไปช่วยไม่ทัน”

     

    “ไม่เป็นไร  ก็ตอนนั้นพี่เฟรมผลักคชาล้มไปหาตู้พอดี...แล้วคชาเจ็บไหม?

     

    “ไม่ๆ  คชาไม่เจ็บ แพรวาเจ็บกว่าคชาเยอะเลย” 

     

    “น้องแพรวา น้องคชา เกิดอะไรขึ้นคะ?” 

     

    “แพรหาหนังสือเล่มที่ยืมพี่เฟรมไปไม่เจอ แพรวาขอโทษแล้วนะคะ แต่พี่เฟรมโกรธมากเลยตบแพรวา”  แพรวาบอกพยายามบีบน้ำตาร้องไห้สุดชีวิตนักแสดง 

     

    “..พ พ พี่เฟรมเป็นคนแบบนี้หรอคะ”

     

    “ค่ะ  ครั้งที่แล้วแพรทำโจทย์ผิดไปสองข้อก็โดนแบบนี้  จริงไหมคชา ฮือ ฮือ...” แพรวาแกล้งร้องไห้ต่อแล้วรีบสะกิดเพื่อนสนิทให้ช่วยเหลือ

     

    “อ อ เอ่อ  ใช่ครับ...พี่เฟรมชอบโหดร้ายแบบนี้อยู่เรื่อยเลย”

     

    “ทำไมพี่เฟรมเป็นคนแบบนี้  ใจร้ายจัง...ทำร้ายน้องได้ลงคอ”

     

    “ฮือ ฮืออ..ใช่ค่ะ  พี่เฟรมใจร้าย”  และดูเหมือนว่าแพรวาจะตีบทได้แตกเพราะไม่นานพลอยก็เข้ามาดูรอยช้ำที่แก้ม  และกอดปลอบเบาๆ 

     

    “ปกติพี่เฟรมไม่ใช่คนแบบนี้เลยนะ”

     

    “ อ  อ เอ่อ..คือพี่เฟรมเขาเป็นแบบนี้หละครับ  จะมีแค่คนที่สนิทเท่านั้นถึงจะรู้ แล้วยิ่งไปเป็นพี่ว๊าก พี่เฟรมยิ่งโหดมากขึ้นด้วย”  เป็นคชาที่พยายามหาข้อสนับสนุนความโหดให้พี่ชายข้างบ้าน เมื่อเห็นแพรวาขยิบตาให้เหมือนคิดอะไรไม่ออก ...เด็กน้อยลอบถอนหายใจเมื่อพูดจบ รู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อเริ่มตระหนักได้ว่าสิ่งที่ตนเองทำอยู่ตอนนี้คือการโกหก.... ถ้าพี่เต๋ารู้ต้องโดนดุแน่ๆ

     

    “แพรวา!”  เสียงตะโกนเรียกชื่อดังก้องมาจากทางบันได  หลังจากที่ลักลอบฟังบทสนทนาอยู่ด้านบนจนเป็นที่พอใจทำให้ตอนนี้ถึงเวลาที่เฟรมต้องออกมาตอกย้ำแผนการของตน

     

    “ฮืออออ....พี่เฟรมมาแล้วค่ะพี่พลอย  ช่วยแพรวาด้วย”  แพรวาทำท่าทางกลัวแล้วรีบไปหลบอยู่ด้านหลังพลอย

     

    “พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้หัดมีความรับผิดชอบ ทำไมยังทำตัวแบบนี้อีก!”  เฟรมพยายามพูดเสียงดัง ส่งสายตาดุไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพลอย  เห็นหญิงสาวเริ่มหน้าถอดสีก็รู้สึกเหมือนตนเองเริ่มเข้าใกล้จุดมุ่งหมายของความสำเร็จ   แต่ก็ไม่ลืมรักษาท่าทีโหดเหี้ยมเอาไว้ 

     

    “พี่เฟรมคะ  เรื่องแค่นี้เองทำไมต้องทำร้ายน้องขนาดนี้”

     

    “อ่ออ..นี่ลงมาฟ้องพลอยสินะ  คิดว่าพลอยจะช่วยได้หรือยังไง ห๊ะ!

     

    “พี่เฟรมหยุดนะ...ทำไมพี่เฟรมเป็นคนแบบนี้คะ   พลอยไม่นึกเลยว่าพี่เฟรมจะใจร้าย ไร้เหตุผลแบบนี้”  พลอยพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังแล้วเริ่มเดินไปเผชิญหน้ากับเฟรมโดยไม่ลืมที่จะส่งแพรวาที่แกล้งทำเป็นร้องไห้รุนแรงอีกครั้งให้คชาดูแลต่อ 

     

    “พี่ก็เป็นแบบนี้ของพี่  ก็เด็กพวกนี้มันดื้อพลอยก็เห็น  ไม่มีความรับผิดชอบ เหอะ!”  เฟรมยังคงรักษาภาพความใจร้ายไว้  ส่วนเพื่อนสนิทสองคนที่อยู่เบื้องหลังพลอยกำลังถอนหายใจ รอลุ้นกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า  

     

    “เอาหละค่ะ...พี่เฟรมจะเป็นยังไงก็เรื่องของพี่เฟรม...แต่ตอนนี้พลอยอยากให้พี่เฟรมรู้ไว้ว่าพลอยผิดหวังมาก  ที่ผ่านมาพลอยคงชื่นชมคนผิดไปแล้วจริงๆ  พลอยเสียใจจริงๆค่ะ”  พลอยบอกสิ่งที่รู้สึกด้วยท่าทีผิดหวัง จนเฟรมสัมผัสได้  เหมือนจะเริ่มดีใจขึ้นมานิดๆเมื่อเห็นรุ่นน้องที่แอบปลื้มตนดูผิดหวังในสิ่งที่เขาทำมาก

     

    “พลอยขอตัวกลับก่อน  น้องคชาดูแลน้องแพรวาต่อด้วยนะคะ พี่ขอโทษที่พี่ทำใจอยู่ต่อไม่ได้แล้วจริงๆ”  หญิงสาวบอกก่อนจะมองรุ่นพี่ด้วยสายตาตัดพ้อเล็กน้อยแล้วรีบเดินเร็วเปิดประตูออกจากบ้านไป 

     

    “เยส เยส เยส!!!  ฮู้ววววว”  เสียงร้องไชโยดังขึ้นทันทีเมื่อเสียงประตูบ้านปิดลง  เฟรมกระโดดขึ้นนั่งบนโซฟาตัวยาวอย่างผู้มีชัยเมื่อเห็นว่าแผนการของตัวเองสำเร็จ  แต่คชากลับรู้สึกตรงข้ามโดยสิ้นเชิง  เด็กน้อยเดินหน้าหงอยมานั่งยังโซฟาอีกตัว 

     

    “ขอบคุณมากนะแพรวา  ขอบคุณมากๆนะคชา..พี่รอดแล้ว” 

     

    “อ้าวนี่ไม่ดีใจกับพี่หน่อยหรอแผนการ ผู้หญิงไม่ชอบคนเลว ของเราสำเร็จกันแล้วนะ”

     

    “ไม่เห็นน่าดีใจเลย  สงสารพี่พลอยออกนะพี่เฟรม  แพรว่าพี่เฟรมเล่นแรงเกินไป”  ไม่ใช่มีแต่คชาที่รู้สึกผิด แพรวาก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน 

     

    “ใช่...พี่พลอยดูเสียใจมากเลยนะ”

     

    “ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้เขาก็ไม่เลิกยุ่งกับพี่สักที”  เฟรมเริ่มตอบเสียงเบาเพราะเริ่มจะคิดทบทวนสิ่งตัวเองได้ทำลงไป  คิดถึงสีหน้าและน้ำเสียงของพลอยที่บอกเขาเอาไว้ก่อนจากไปทำให้เริ่มรู้สึกผิด....

     

     

    เขาอาจจะใจร้ายเหมือนที่พลอยบอกจริงๆก็ได้

    ............

    .......

    ....

    ...

     

    “เฟรม ..เกิดอะไรขึ้นวะ  พี่เห็นน้องพลอยเขาวิ่งออกจากบ้านไป”  เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมเสียงเปิดประตูบ้าน  เรียกให้สามสิ่งมีชีวิตที่นั่งเงียบพักใหญ่เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน 

     

    “เป็นอะไรครับ...ทำไมนั่งเงียบกันทั้งบ้านเลย”  เต๋าวางของลงยังโต๊ะตัวเล็กก่อนจะเดินมานั่งเบียดข้างกายเด็กซน 

     

    “พี่เต๋า”  คชาเงยหน้าแล้วเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา  ก่อนจะรีบพิงเข้าหาอกอุ่นทันทีเมื่อเต๋านั่งลงด้านข้าง  เต๋าขมวดคิ้วมึนงงกับสถานการณ์ตอนนี้เล็กน้อยแต่ก็ไม่ลืมที่จะโอบปลอบคนตัวเล็กพร้อมกับลูบกลุ่มผมดำไปมา 

     

    “เกิดอะไรขึ้นเฟรม...เกี่ยวกับการที่พลอยวิ่งออกจากบ้านไปใช่ไหม?”  ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ทำให้เต๋าปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก  เฟรมพยักหน้ารับช้าๆ  ก่อนจะเริ่มเล่ารายละเอียดให้คนเป็นพี่ฟัง .....

     

    “นี่แกอยู่เรียนมหาลัยแล้วนะเว้ย  ทำไมคิดอะไรตื้นๆแบบนี้”  หลังจากฟังที่สิ่งที่น้องชายตนเองเล่าจนจบเต๋าก็เผลอเสียงดังดุน้องออกไป  โดยมีคนข้างๆแอบดึงแขนของเขาเอาไว้ไม่ให้ผลีผลามทำอะไรรุนแรง

     

    “โถ่พี่เต๋า  ก็ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ  เฟรมแค่อยากให้น้องเลิกยุ่ง” 

     

    “แล้วรู้ไหมว่าสิ่งที่แกทำลงไปมันทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่เขาแอบชอบแกมากแค่ไหน...”

     

    “...คงไม่รู้สินะ..คงไม่ได้คิด  ไอ้เฟรมเอ้ยยย”  เต๋าว่าน้องชายตัวเองแต่ก็ยังพยายามระงับอารมณ์ไม่ทำอะไรรุนแรงแม้ในใจอยากจะกระโดดเตะมันก็ตามที 

     

    “รู้แล้วพี่เต๋า...สำนึกแล้ว”  เฟรมบอกพี่ชายน้ำเสียงเศร้า  เขากำลังรู้สึกผิดแบบเต็มอกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  แต่คงไม่ได้ครึ่งเท่าที่พลอยรู้สึก 

     

    “พี่จะไม่พูดอะไรซ้ำๆนะเฟรม...แกโตแล้ว  แกน่าจะคิดเองได้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมันถูกหรือมันผิดยังไง” 

     

    “ผมจะไปขอโทษพลอย”  เฟรมบอกแล้วลุกขึ้นยืนแต่ยังไม่ทันไร หญิงสาวที่ตนเองตั้งใจจะไปหาเพื่อขอโทษก็เปิดประตูบ้านเข้ามาเสียก่อน  ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าพลอยคงได้ยินความจริงทั้งหมดแล้ว ...

     

    “พลอย...”  เฟรมหันไปยังผู้มาเยือนก็พบรุ่นน้องของตนเองที่ตอนนี้ใบหน้ามีหยาดน้ำตาเปื้อนอยู่เต็มสองแก้ม 

     

    “พลอยแค่ลืมกระเป๋าเอาไว้...เลยกลับมาเอา  ขอโทษนะคะพี่เฟรมที่มาให้เห็นหน้า มายุ่งวุ่นวายกับพี่เฟรมอีก...แต่ต่อจากนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว”  พลอยบอกแล้วรีบวิ่งมาหยิบกระเป๋าของตัวเองที่โซฟาก่อนจะรีบเดินออกมา  โดยไม่ลืมจะทิ้งท้ายก่อนจะรีบออกจากบ้านไป

     

    “ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้พี่เฟรมอึดอัด” 

     

    “พลอย พลอย  เดี๋ยวก่อนพลอย”  เฟรมร้องเรียกชื่อรุ่นน้องแล้ววิ่งตามออกไป ไม่ต่างกับอีกสามคนที่ตามเดินไปดูสถานการณ์เช่นกัน

     

     “พลอย...พี่ขอโทษ”  คำขอโทษจากเฟรมรั้งให้หญิงสาวที่กำลังจะเดินออกพ้นรั้วบ้านไปหยุดชะงักแล้วหันกลับมามองหน้าอีกฝ่าย

     

    “พี่ขอโทษที่ทำให้พลอยเสียใจ  พี่แค่ไม่รู้จะบอกกับพลอยยังไง เลยต้องคิดแผนบ้าๆแบบนั้นขึ้นมา..พี่ขอโทษจริงๆครับ...พี่กลัวว่าถ้าบอกพลอยไปตรงๆ  พลอยจะเสียใจแต่พี่ลืมนึกไปว่าการที่พี่ทำแบบนั้น การที่พี่โกหกแบบนั้นมันแย่ยิ่งกว่า”

     

    “ถ้าพี่เฟรมบอกพลอยมาตรงๆ  พลอยก็แค่เสียใจ...แต่พี่เฟรมมาโกหกกันแบบนี้....พลอยทั้งเสียใจ ทั้งเสียความรู้สึก”  เฟรมใจกระตุกวูบทันทีเมื่อพลอยเริ่มพูดทั้งอาการสะอึกสะอื้น  ใจอยากจะเดินเข้าไปปลอบแต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่สมควร

     

    “พลอยก็แค่รู้สึกดีกับพี่เฟรม  แค่ชอบ...มันผิดมากหรอคะ?  พลอยไม่ผิดเลย...เขาต่างหากที่ผิด...ทั้งผิดและก็พลาดด้วย

     

    “เราสองคนขอโทษนะครับพี่พลอย”

     

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  คชากับแพรวาไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย  ไม่ต้องขอโทษหรอกนะ” คชากับแพรวาเดินออกไปยังพลอยก่อนจะบอกขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเต็มประดา  ยิ่งเห็นรอยน้ำตาของหญิงสาวยิ่งรู้สึกแย่   และแม้ว่าพลอยจะไม่ได้ดูโกรธอะไร แต่ถึงจะว่าอย่างนั้น....คนฟังก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี

     

    “เคลียร์กับพลอยซะ  การพูดกันตรงๆคือวิธีที่แก้ปัญหาของแกได้ดีที่สุดในตอนนี้”  เต๋าเดินเข้ามาบอกกับน้องชายก่อนจะเดินไปหาเด็กน้อยของเขาที่ยืนหน้าหงอยสำนึกผิดให้เข้าบ้านพร้อมกัน  โดยที่เต๋าไม่ลืมที่จะลอบมองความเคลื่อนไหวด้วยความเป็นห่วง 

     

    ....................

    ...............

    .........

    .....

     

    ร่างสูงทิ้งน้ำหนักตัวลงบนโซฟาตัวยาวเต็มแรงด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งความเครียดจากงานที่เจอมา ทั้งยังเหตุการณ์ที่กลับมาเจอที่บ้าน สองสิ่งที่แตกต่างแต่ทำให้ปวดหัวหนึบขึ้นมาได้ไม่ยากเลย

     

    เต๋าหลับตาสักพักพาดแขนสองข้างไปกับเบาะโซฟาเหมือนจะพักผ่อนเต็มที่  ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแววตาของใครสักคนที่จ้องมองตนเองอยู่  ตาคมลืมขึ้นก็พบเด็กน้อยยืนจ้องเขานิ่ง เต๋าส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าหัวสมองกลมๆนั้นกำลังคิดอะไร  ไม่นานมือหนาก็ยื่นไปหาเด็กน้อยเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายส่งมือมาหาเพื่อให้เขาดึงตัวเองไปนั่งบนตักอุ่น 

     

    “หัดเป็นเด็กไม่ดีหรอครับ.....โกหกไม่ดีนะรู้ไหม”  เต๋าถามแล้วกอดกระชับเอวบางบนตักให้แน่นขึ้น  โดยคนโดนกอดไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืน สงสัยเพราะยังคงสำนึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น

     

    “...รู้แล้ว”  คชาบอกเสียงเบาแล้วหันมามองหน้าของเจ้าของตัก ยิ่งเห็นหน้าหงอยๆแบบนั้นเต๋ายิ่งสงสาร ที่คิดว่าจะแกล้งดุน้องให้ตกใจเล่นหน่อยเลยต้องล้มเลิกไป

     

    “สำนึกผิดแล้วจริงๆนะ”

     

    “ต้องทำโทษเด็กไม่ดีไหมเนี่ย?” เต๋าถามแล้วใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆที่ปลายจมูกรั้นน่าเอ็นดู เป็นผลให้คนโดนกระทำพองลมแก้มป่องทันที

     

    “พี่เต๋า....คชาสงสารพี่พลอยจัง”

     

    “หน้าหงอยใหญ่แล้ว”

     

    “ก็ทำผิดจริงๆ  สงสารพี่พลอย”

     

     “สิ่งที่ผิดพลาดมีไว้ให้เราเรียนรู้  ....ถึงแม้เฟรมมันจะเป็นพี่แต่เวลาจะตัดสินใจช่วยก็ต้องคิดถึงข้อดีข้อเสียก่อน    คนอายุมากก็ไม่ได้หมายความว่าจะคิด หรือทำอะไรผิดพลาดไม่ได้  ความรู้สึกของคนเรามันบอบบาง ละเอียดอ่อน เข้าใจยาก..คิดจะอยู่ร่วมกันก็ต้องรู้จักที่จะรักษาความรู้สึกของคนอื่นเอาไว้ เข้าใจไหมครับเด็กดื้อ” คชาพยักหน้าด้วยความเข้าใจก่อนจะถอนหายใจออกมาน้อยๆ

     

    “ยิ้มได้แล้วนะ”  เต๋าหัวเราะออกมาทันทีเมื่อสั่งให้ยิ้ม  เจ้าตัวเล็กบนตักก็แปลงหน้าหงอยกลายเป็นหน้าเปื้อนรอยยิ้มหวานสดใสเหมือนที่เขาคุ้นเคยทันที แล้วสักพักเด็กน้อยก็ทิ้งหัวกลมกับกลุ่มผมหอมละมุนของตนเองลงมาพิงที่ไหล่เขาเอาไว้ 

     

    “แสดงว่าวันนี้ไม่ได้อ่านหนังสือเลยใช่ไหม?”  เต๋ากระซิบถามบ้างใบหูคนบนตักเมื่อมองไปเห็นกองหนังสือด้านหน้า สองมือยังคงลูบแผ่นหลังบางคล้ายจะกล่อมไม่หยุด

     

    “ให้พี่สอนแทนไหม..”

     

    “พี่เต๋าว่างแล้วหรอ”  คชาผละออกมามองหน้าร่างสูงแล้วถาม เพราะช่วงนี้พี่เต๋ายุ่งถึงขั้นยุ่งมาก  ทำงานทุกวันราวกับมนุษย์เงินเดือนแสนห้าทั้งที่ความจริงน้อยกว่านั้นตั้งหลายเท่า 

     

    “ถ้าตอนนี้ยังไม่ว่างครับ เพราะกอดเด็กอยู่แต่ถ้าคืนนี้ว่างครับ..ไม่มีใครให้กอด” แต่พอพูดจบปุ๊บก็โดนหยิกเข้าที่แขนให้ได้ร้องโอดโอยทันที

     

    “โอ๊ย..เจ็บ เจ็บ เจ็บ! ...... ทำไมเด็กต้องโหดร้ายกับพี่” 

     

    “ทำไมผู้ใหญ่ต้องแกล้งเด็กด้วยหละ”

     

    “ก็เด็กน่าแกล้งหนิ”

     

    “ระวังจะไม่ให้กอด”

     

    “เอาปืนมายิงพี่เลยดีกว่า...”

     

    “ปืนอยู่ไหน?  จะยิงตอนนี้เลย...หมั่นไส้”

     

    “ไม่รักไม่ว่าแต่อย่าฆ่ากันเลยนะหนู”  เต๋าตอบกวนๆแล้วขยี้หัวคนบนตักเล่น

     

    “ปล่อยเลยยยยนะ...”  ทั้งพูดทั้งพยายามดิ้นออกจากตักอุ่น จึงทำให้อ้อมแขนอบอุ่นต้องกอดแน่นขึ้น เต๋าเริ่มรู้สึกว่าการที่น้องดิ้นไปมามันส่งผลเสียมากกว่าผลดีก็ตอนนี้

     

    “ไม่แกล้งแล้ว ไม่แกล้งแล้ว ..อยู่นิ่งๆนะ นิ่งๆนะครับ”  ไม่นานคชาก็หยุดดิ้นแล้วกลับมานั่งนิ่งจ้องหน้ากันและกันเหมือนเดิม

     

    “เดี๋ยวนี้เก่งนะ  จ้องตาพี่นานๆได้แล้ว”  แต่พอโดนแซวเข้าหน่อยที่ว่าเก่งก็ต้องรีบกลับไปซบไหล่เขาอีกหนจนได้....

     

    เต๋าปล่อยให้เด็กน้อยนั่งซบไหล่ไปเรื่อยๆ โดยที่สองแขนยังคงโอบกอดร่างเล็กเอาไว้...ก่อนจะคิดได้ว่าตนเองยังไม่ได้รับคำตอบที่จะมีผลในค่ำคืนนี้  และพอถามอีกครั้งเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตักก็ตอบไม่ตรงคำถามแถมยังหัวเราะคิกคักถูกใจ...ดูมีความสุขมาก

     

    “คืนนี้พี่ไม่ว่างแล้วใช่ไหมครับ”

     

    “ไม่รู้...โตแล้วคิดเอง” 

     

     

     

     

     




     

     

    สรุป..คืนนี้ไม่ว่างแล้วนะ ..... คิดเองแล้ว .... คิด(เข้าข้างตัว)เองแล้ว   :)

     

     

     

     

    --------------------------------------------------------------

     

     

     

    โอ้ววว...หายไปนานจังเลยเนาะ แล้วมาพร้อมกับตอนใหม่ซึ่งมันคืออะไรนิ -_-“ มันมีแรงบันดาลมาจากการดูซิทคอมเรื่องนึงจ้า...พอถูไถไปได้ไหม  อยากลองแต่งเรื่องของคนอื่นดูบ้างเลยเริ่มลงมือจากเฟรม 555 

    ขอบคุณที่ถามไถ่กันเข้ามาเสมอนะคะ... :D กลับมาอ่านกันซะดีๆ

    ป.ล. เค้กสตรอเบอร์รี่ที่จะชิมมันแค่ปากนะ  ถ้าใครคิดว่าผู้ใหญ่จะชิมเค้กสตรอเบอร์รี่ทั้งตัวจงกลับไปอ่านใหม่และจินตนาการว่าปากเดี๋ยวนี้ ....ถถถถถถ 

    ป.ล. 1 ทำไมตอนนี้พี่เต๋าเยอะจังเลย ...  T_T ถ้าหื่นเกินไปบอกนะเดี๋ยวลดเลเวลลงมาให้ (จะทันไหม?)

    ป.ล. 2 นี่สอบอยู่แต่มาลงฟิค    โถววว..ชีวิตดี สังคมดี ยิ่งกว่ารีเจนซี่ OTL

    #มีสุข23

    @CHICKIMILK

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×