คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Chapter 21 - Happy Alley โชคดี ( Learn to trust )
Chapter 21
คชานั่งกอดเข่าตาแป๋วมองดูปลายนิ้วชี้ที่กำลังกดขอบกระดาษแผ่นหนากับมือขวาที่กำลังใช้คัตเตอร์กรีดลงบนเนื้อวัสดุนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ กว่าสองชั่วโมงแล้วที่เด็กน้อยย้ายตัวเอง หอบหิ้วรายงานมาทำที่ห้องนอนสี่เหลี่ยมแห่งนี้ ไม่ใช่ว่าที่ห้องตัวเองไม่มีคัตเตอร์แต่อย่างใดแต่ทว่าห้องของคชาไม่มีพี่เต๋าอยู่ด้วยต่างหาก
“เย่! .... ขอบคุณคับ”
“ครับ” เต๋าบอกพร้อมลุกขึ้นจากพื้นเดินอ้อมไปยังด้านหลังอีกฝ่าย ปล่อยให้เด็กน้อยนั่งกอดรายงานเล่มหนาด้วยความภูมิอกภูมิใจกับผลงานของตัวเอง(และของเขา)
“หอมไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะที่ยื่นขวดแป้งฝุ่นขนาดพอดีมือไปจ่อหน้าคนตัวเล็ก มือบางวางรายงานลงข้างตัวทันที ก่อนจะใช้ปลายจมูกรั้นรับสัมผัสกลิ่นหอมสดชื่น กลิ่นหอมนวลเหมือนดอกไม้หลากหลายชนิดหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว ทำให้ต้องสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอีกครั้ง
“หอมจัง แป้งหรอ? แป้งอะไร”
“ไม่รู้เหมือนกัน แม่พี่ส่งมาให้” เต๋านั่งยองลงกับพื้นให้เท่าคชา ก่อนจะเริ่มเทแป้งลงบนฝ่ามือ มือข้างที่ว่างแตะเบาๆที่เนื้อแป้งก่อนจะเริ่มนำมาไร่เรียงแตะผ่านผิวแก้มใสเป็นทางยาวบางเบาให้คนที่กำลังนั่งหลับตาพริ้มยิ้มหวานรอ จากบนลงล่างจากแก้มซ้ายไปยังแก้มขวา ยิ้มออกมานิดๆเมื่อเห็นว่าเด็กซนกำลังเคลิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วชี้แตะเบาๆทิ้งร่องรอยของแป้งเนื้อนวลไว้ที่ปลายจมูกรั้นเพื่อเป็นสัญญาณให้เด็กน้อยลืมตาขึ้น
“หอมมากเลย ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน .... หอมจริงๆนะ ดมดูสิ” เสียงใสย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นคนเป็นพี่ทำหน้าตาเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองบอก ริมฝีปากบางส่งยิ้มเชิญชวนให้คนตรงหน้ารับสัมผัสกลิ่นหอมของเนื้อแป้งโดยไม่รู้ตัว ท่าทางไร้เดียงสาเสียจนคนมองอดใจไม่ไหวต้องโน้มตัวก้มลงสัมผัสกลิ่นนั้นด้วยตนเอง...ด้วยจมูกของตัวเอง
“ม๊วฟ!”
“หอม...”
“ม๊วฟ!”
“หอมจัง” สัมผัสจากปลายจมูกได้รูปกดลงบนแก้มเนียนนิ่มเจือกลิ่นหอมละมุนฟอดใหญ่ นิ่งค้างไว้ชั่วขณะก่อนจะค่อยละออกมาอย่างเชื่องช้าคล้ายจะกักเก็บความหอมที่ได้กลิ่นให้ชุ่มปอด ไม่รู้แน่ชัดว่ากลิ่นที่ย้ำชัดอยู่ปลายจมูกของตนตอนนี้เป็นกลิ่นหอมของแป้งเนื้อละเอียดหรือกลิ่นกายของเจ้าของแก้มกันแน่ กลิ่นหอมนวลชวนหลงใหลฉุดสติให้เผลอไผลจนไม่สามารถห้ามความต้องการของหัวใจได้อีกต่อไป ...แล้วท้ายที่สุดก็ต้องให้หัวใจเป็นฝ่ายชักนำตัดสินใจกดย้ำสัมผัสให้ชัดเจนบนผิวเนียนนุ่มด้วยทั้งริมฝีปากและจมูกโด่งของตนอีกครั้ง...หอม หอมจริงๆ เด็กหอมจัง > <
“หอมจริงๆด้วย”ปล่อยให้เสียงคนเจ้าเล่ห์ลอยผ่านหูเหมือนไม่ได้ยิน คนโดนจู่โจมก็ยังคงนิ่งอึ้งไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืนอะไร เป็นโอกาสให้อีกฝ่ายรวบเอวบางเข้าไปกอดซ้อนหลัง จัดแจงให้คนตัวเล็กนั่งลงบนตัก วางคางเกยที่ไหล่บาง แล้วใช้ปลายจมูกแตะลงบนแก้มเนียนกลิ่นกรุ่นหอมละมุนอีกครั้ง สัมผัสบางเบาที่แม้ไม่ได้กดย้ำเหมือนสองครั้งแรกแต่หากสามารถเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้เร็วขึ้นได้ไม่ยาก
“หอมครับ ... ยิ่งอยู่ใกล้ๆแบบนี้ยิ่งหอมเนาะ” วงแขนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิดก่อนจะแอบหัวเราะน้อยๆ เพราะตั้งแต่ม๊วฟแรกจนถึงตอนนี้เด็กน้อยก็ยังไม่ปริปากพูดสักคำ แถมยังนั่งนิ่งตาโตไม่เคลื่อนไหว ไม่รู้ว่าป่านนี้สติล่องลอยไปหาดาวดวงไหน ถ้าก้มลงกดอีกสักม๊วฟจะเรียกสติเด็กปากเก่งกลับมาได้ไหมนะ? …
“พี่..พี่ เต๋าทำไมเป็นคนแบบนี้” และเหมือนว่าคชาคงจะรู้ทันกลัวโดนจัดอีกสักม๊วฟจึงเริ่มเรียกสติกลับคืนมา ร่างเล็กบนตักเขากำลังดิ้นน้อยๆ หวังเพื่อจะออกจากสัมผัสแสนอบอุ่นนี้ เสียงใสติดขัดเสียจนน่าสงสาร หากเต๋ามองเห็นใบหน้าของเด็กน้อยในอ้อมกอดคงพบว่าตากลมโตคู่นี้ยังคงนิ่งค้าง
“น่ารักใช่ไหม” ปลายจมูกโด่งแตะเฉียดเลาะผ่านแก้มเนียนแล้วกระซิบข้างใบหูด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“แหวะ...นี่แหนะ”
“โอ๊ย โอ๊ย..เจ็บๆ” เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นเพราะความเจ็บที่ผิวกายหากแต่ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกสงสารเลยสักนิด ตรงกันข้ามยิ่งฟังยิ่งอยากจะหยิกให้เจ็บหนักกว่าเดิม ท่อนแขนขาวที่โอบรัดร่างทั้งร่างของคนตัวเล็กไว้เริ่มแดงเพราะแรงหยิกแต่นั่นไม่ทำให้สองแขนอบอุ่นหลุดออกจากการโอบกอดเด็กแก้มนิ่มไปได้ ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นก่อนจะก้มลงกระซิบบางประโยคที่ทำให้คนฟังทำตัวไม่ถูก
“พี่น่ารักจริงๆนะ ไม่เชื่อก็ลองรักดู” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างเขินอาย หัวใจเต้นตึกตักเกินควบคุมไหว แยกไม่ออกว่าความรู้สึกที่สามารถเปลี่ยนสีแก้มของตนกับลมหายใจอบอุ่นที่เป่ารดข้างใบหูสิ่งไหนร้อนฉ่ามากกว่ากัน ...
“.......”
“........”
“....ก็ กำลังลองอยู่นี่ไง”
“ว่าไงนะ... ว่าอะไรนะครับ” เสียงใสตอบพึมพำตอบเบาๆ แต่หากคนฟังก็ได้ยินมันชัดเจน แม้จะแอบยิ้มอยู่แต่ก็ไม่วายอยากหาเรื่องแกล้งเด็กต่อ
“พี่เต๋านิสัยไม่ดี ไม่ดีที่สุดในโลก ไม่ดีมาก มาก มาก มาก” เมื่อรู้สึกว่าโดนจู่โจมมากจนใกล้จะแพ้ เสียงใสก็ดึงดันแข็งขึ้นพร้อมหันหน้ามาเผชิญกับเจ้าของอ้อมแขนทันที แต่แววตาเจ้าเล่ห์ที่กำลังมองมาจนสมองต้องรีบร้องบอกให้ตัวเองหันหลังกลับ และดูเหมือนว่าจะไม่ทันเมื่อสองมือของอีกฝ่ายรั้งและถือวิสาสะจัดท่านั่งให้ใหม่เรียบร้อย เมื่อตอนนี้เผชิญหน้ากันจึงเผยให้ดวงตาคมมองเห็นแก้มเนียนแต้มสีชัดเจน
“พูดอีกโดนอีกแน่” แม้ว่าสองมือของเด็กน้อยบนตักจะยกปิดแก้มปิดปากไปเรียบร้อย แต่คนถามก็ทั้งพูดทั้งยิ้มทั้งจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา
“เด็กบ๊อง”
“ผู้ใหญ่ขี้โกง” เด็กน้อยแอบเปิดมือออกจากปากรีบตอบเสียงสู้แล้วปิดกลับไว้เช่นเดิม ก่อนเสียงทุ้มนุ่มจะเอ่ยกระซิบข้างใบหูด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์จนคนฟังต้องก้มหัวหนีหลบสายตาคนขี้โกงไปซบที่บ่ากว้าง
“โกงได้มากกว่านี้อีก รอดูแล้วกัน”
ท่ามกลางบรรยากาศสีชมพูที่วิ่งวนอยู่รอบกาย สองแขนอบอุ่นโอบกอดร่างเล็กเอาไว้ ไม่ได้แน่นหนาจนรู้สึกอึดอัด ไม่ได้ว่างเปล่าจนใจหาย ..ความพอดีเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของอ้อมกอดเป็นต้นเหตุของจังหวะหัวใจที่เต้นอยู่ในอกข้างซ้าย ฝ่ามือหนาลูบเบาๆที่แผ่นหลังบางเป็นจังหวะเชื่องช้า
แม้เราจะไม่ได้มองหน้า...แต่เรากำลังยิ้มให้กัน
“ง่วงแล้ว อยากกลับบ้าน” คชาบอกขึ้นท่ามกลางความเงียบในขณะที่หัวก็ยังคงซุกซบอยู่บนไหล่กว้าง ความสบายของเก้าอี้จำเป็นกับสองมือที่ลูบอยู่ที่แผ่นหลังทำให้เริ่มจะเคลิ้มหลับได้ไม่ยาก
“งานเสร็จแล้วก็ทิ้งพี่เลย”
“ไม่ได้ทิ้ง...ก็เด็กง่วงแล้ว” เหมือนว่าความต้องการของเราจะตรงกัน พอสิ้นประโยคต่างฝ่ายก็ต่างผละออกจากกันและกันโดยไม่ได้นัดหมาย เต๋าสำรวจใบหน้าน่ารักที่ดวงตาคู่น้อยกำลังปรือปรอยคล้ายจะหลับลงได้ทุกเมื่อ อาจเป็นเพราะรายงานเล่มหนาที่ทำให้เด็กอดนอนมาหลายวัน ตอนนี้คงได้เวลาที่เด็กจะได้พักผ่อนเสียที
“นอนนี่ไหมครับ?” เด็กน้อยยิ้มตาปิดก่อนจะส่ายศีรษะรัวเร็ว แม้จะแอบเสียดายแต่เต๋าก็ไม่ได้รบเร้าอะไรน้องต่อแต่ไหนๆวันนี้ก็โกงน้องมาเยอะแล้วขออ้อนโกงต่ออีกนิดก็คงไม่ผิดอะไร
“งั้นอยู่ด้วยกันก่อนนะ นะ นะ”
“นะ นะ นะ นะ” เสียงใสหัวเราะ ก่อนจะล้อเลียนคำอ้อนเหมือนเจ้าของตักไม่ผิดเพี้ยน เต๋าได้แต่ก้มหน้าน้อยๆก่อนจะยิ้มอายๆเมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะเผลอทำตัวเหมือนเด็กมากเกินไปจนน้องล้อ สาบานว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยอ้อนใครขนาดนี้มาก่อน จะให้โทษใครถ้าไม่ใช่เจ้าตัวเล็กบนตัก สักพักฝ่ามือนุ่มนิ่มสองข้างก็ดึงสติของเขากลับมา มือน้อยๆประครองแก้มขาว ยิ้มให้หวานๆ แล้วจ้องหน้าเขาตาแป๋ว
“ก็ได้นะ นะ นะ” ......
คชากลับไปได้สักพักแล้ว แม้เต๋าจะแอบหวังให้น้องง่วงจนหลับในอ้อมกอดเขาไปเลยแต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น พอหลังส่งเด็กน้อยกลับบ้านเสร็จก็มานั่งสำรวจความคิดของตัวเอง แค่รู้สึกว่าช่วงนี้จะติดคชามากขึ้นทุกวันและเขาก็คิดว่าคชาคงไม่ต่างกัน... ยิ่งได้อยู่ใกล้ๆ ยิ่งไม่อยากให้ห่างหายไปนะ...ไม่อยากเลยสักนิด...ถ้าต้องห่างกันจริงๆจะทำยังไงนะ?
“ฝนจะตกหรอวะเนี่ย” เสียงพี่ตี๋ดังขึ้นกลางห้องรับแขก ตอนนี้พึ่งจะสี่ทุ่มยังไม่ใช้เวลานอนของสามหนุ่มแห่งบ้านเลขที่ 23/2 แล้ววันนี้ก็ไม่รู้นึกครึ้มอะไรกันสามคนถึงมานั่งจมอยู่หน้าโซฟาขุดหนังเรื่องสุดเก่ามาดู
“พี่เต๋าไม่ได้ตากผ้าไว้ใช่ป่ะ?” เต๋าส่ายหน้าให้เฟรมเป็นคำตอบก่อนจะเดินไปส่องบรรยากาศฟ้าฝนภายนอกผ่านหน้าต่างหน้าบ้าน
“ดูท่าจะตกแรง” ยังไม่ทันขาดคำเสียงฟ้าร้องก็ดังครืนจนรู้สึกเหมือนบ้านสั่น ฝนเม็ดใหญ่โหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ปราณี เห็นฝนตกรุนแรงขนาดนี้ก็แอบคิดถึงเด็กแก้มหอมที่พึ่งจากกันไม่กี่นาที ไม่รู้ว่าป่านนี้หลับไปแล้วหรือแอบคลุมโปงหนีเสียงฟ้าร้องอยู่ ... แอบโทรหาหน่อยดีกว่า หากเมื่อกำลังจะกดโทรหาคชา เสียงเรียกเข้าก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“ว่าไงเนม”
“ต...เต๋า...เต๋าอยู่บ้านไหม”
“อยู่สิ มีอะไรหรือเปล่า เสียงไม่ค่อยดี” แปลกใจเหมือนกันที่จู่ๆ อีกฝ่ายโทรหาเวลาเช่นนี้แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่ค่อยสู้ดีของปลายสาย ความสงสัยนั้นก็หมดไป
“เนมอยู่หน้าบ้านเต๋า” ได้ยินเพียงเท่านั้น มือหนาก็เปิดผ้าม่านเพื่อส่องดูอีกคนทันที มองเห็นแสงไฟจากรถราคาแพงที่ยังคงเปิดค้างไว้ ฝนเม็ดใหญ่ถาโถมโหมกระหน่ำจนแอบกลัวแทนคนที่อยู่ในรถ อีกทั้งน้ำเสียงของเนมก็ดูไม่สู้ดีจนคนฟังอย่างเต๋าอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้
“เดี๋ยวออกไปรับนะ” พูดจบก็กดวางแล้วมองหาร่มคันใหญ่ให้พอดีกับคนสองคน
ในระหว่างทางที่วิ่งจากตัวรถเข้ามาในบ้าน เต๋าลอบสังเกตเห็นหยาดน้ำที่คลออยู่หน่วยตาของอีกฝ่าย เดาได้ไม่ยากเลยว่าคงมีเรื่องไม่สบายใจแต่หากไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องนั้นคืออะไร
“เนมนั่งรอก่อนแล้วกัน เต๋าไปเอาผ้าขนหนูให้...เปียกไปหมดแล้ว เฟรม พี่ตี๋ ฝากเนมด้วย” เต๋าบอกพี่ชายและน้องชายของตน ก่อนที่เนมจะเดินไปสวัสดีทักทายทั้งพี่ตี๋และเฟรมด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด
...............
.........
.....
..
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
“...ทะเลาะกัน...อีกแล้ว อีกแล้วเต๋า” โซฟาตัวยาวถูกยกให้เนมจับจองแต่เพียงผู้เดียว หากพอเริ่มจะเล่า หญิงสาวก็สะอึกสะอื้นอีกครั้ง น้ำตาเริ่มกลับมาปริ่มที่ขอบดวงตาคู่งามอีกหน
“เห้ย ใจเย็นๆ”
“น้องเนม ใจเย็นนะครับ มีอะไรค่อยๆเล่า”
“เนมแค่อยากได้เวลา...แค่อยากอยู่ด้วยกันบ้าง” หลังจากนั้นความอึดอัดที่คั่งค้างในใจกับความรู้สึกกับคนรักก็เริ่มพรั่งพรู สามหนุ่มมองดูหญิงสาวระบายความในใจทั้งสะอื้นก็ได้แต่พยักหน้ารับให้คนเล่ารับรู้ว่าพวกเขาพร้อมจะรับฟัง
เรื่องบางเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่คนนอกจะตัดสินถูกผิดได้ง่ายๆ ... ความรักก็เช่นกัน
ท้ายที่สุดกว่าจะหยุดร้องไห้ได้ สามหนุ่มก็ปลอบเนมจนเกือบจะเที่ยงคืน สายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำไม่มีทีท่าจะหยุดทำให้พี่ตี๋ตัดสินใจชวนให้หญิงสาวค้างที่บ้าน เต๋าจัดแจงให้เนมนอนที่ห้องตัวเองโดยที่เขาย้ายไปนอนกับเฟรมชั่วคราว และไม่ลืมจะให้อีกคนหยิบยืมชุดของเขาเพื่อใส่นอนในคืนนี้
เห็นเพื่อนของตนเองเดินลงบันไดมาในชุดใหม่ที่คาดว่าเนมคงตื่นไปหยิบมาเปลี่ยนจากในรถ หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ เมื่อเต๋ายกแก้วกาแฟขึ้นเพื่อถามแล้วเดินมาหาร่างสูงที่ห้องครัว ดวงตาคู่สวยมองดูมือหนาของเพื่อนที่กำลังตักตวงกาแฟในแบบที่เธอชอบ...เต๋ายังคงจำได้
“ไม่กินกาแฟ?” เนมถ้าขึ้นเมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ในแก้วของเต๋า ที่มองยังไงก็ไม่ใช่กาแฟ...น่าจะเป็นโกโก้หรือไม่ก็โอวัลตินเสียมากกว่า
“ก็สลับบ้าง กินกาแฟบ่อยๆ ไม่ค่อยดี” ทั้งยิ้มทั้งตอบจนคนถามแอบงง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สงสัยอะไรต่อ
เนมพิงร่างทั้งร่างไปยังเคาท์เตอร์ ริมฝีปากแตะลิ้มรสกาแฟกลิ่นกรุ่นในแก้วช้าๆ เงยหน้าขึ้นมานิดๆ แล้วยิ้มให้คนทำเป็นเชิงขอบคุณ
“เป็นไงบ้าง”
“เหมือนเดิม...” หญิงสาวเผยยิ้มบางๆ เมื่อคิดถึงคนที่ทำให้ร้องไห้เมื่อคืนโทรมาขอคืนดี ปลายเท้าเตะเบาๆที่ต้นขาของร่างสูง แล้วหัวเราะออกมาเมื่ออีกฝ่ายเตะกลับ
“อารมณ์ดีแล้ว?”
“ก็ดีกว่าเมื่อวาน....ขอบคุณนะเต๋า”
“สบายใจก็ดีแล้ว...เป็นแฟนกัน ทะเลาะกันได้แต่ต้องมีสติ ก่อนจะโกรธกันมีสติก่อน”
“ต่อไปจะคิดให้มากกว่านี้...ก็รักเขาไปแล้วนิ ที่งอแงไปก็เพราะรักนี่นา” เมื่อฟังสิ่งที่เนมบอกก็ทำให้เต๋าเดาได้ไม่ยากว่าคงโทรเคลียร์กันเรียบร้อย
“การทะเลาะกันจะทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น อดทนหน่อยนะครับคุณ” เนมหัวเราะออกมาแต่ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจในสิ่งที่เต๋าตั้งใจจะบอก ... ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีสองด้าน การทะเลาะกันอาจจะทำให้เราเจ็บช้ำและเสียน้ำตา แต่มันจะทำให้เรารู้จักกันและกันมากขึ้น เรียนรู้ที่จะปรับตัวและให้อภัย...ถ้ารักกันต้องอดทน
“ขอบคุณนะเต๋า...ขอบคุณจริงๆ”
“ไม่เป็นไร สบายใจขึ้นก็ดีแล้ว” ทั้งเต๋าและเนมต่างก็ยิ้มให้กัน เมื่อรู้สึกต่างก็โล่งอกโล่งใจที่วันนี้ได้กลับมาเป็นที่พึ่งให้กันและกันอีกครั้ง แม้จะเลิกรากันไปแต่ตอนนั้นก็จากกันด้วยดี แม้จะรู้สึกมึนตึงไปในช่วงแรกอยู่บ้างก็ตาม
“ขอช้อนหน่อย” เนมเตะเข้าที่ต้นขาของร่างสูงอีกครั้ง แล้วก็โดนเตะกลับอย่างไม่ต้องคาดเดา ทั้งสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกันอีกครั้งก่อนที่เต๋าจะเอื้อมมือเปิดเคาท์เตอร์ที่อยู่เหนือศีรษะของอดีตคนรัก โดยไม่ทันได้ระวังระยะห่างที่ดูเหมือนจะแนบชิดเกินไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เผลอสบตากันและกันทั้งคู่ ด้วยความรู้สึกบางอย่างทำให้เนมยกมือคู่สวยแตะเข้าที่ไหล่หนา สายตาสองคู่ยังคงจ้องกันนิ่งไม่ไหวติง เต๋าแอบเห็นดวงตาของเนมกระตุกไหว เขาเองก็คงไม่ต่าง ยอมรับว่าภาพในวันวานฉายชัดขึ้นมาในความคิดอยู่บ้าง..แต่อดีตก็เป็นเพียงอดีตไม่ใช่หรอ? ...
แล้วทุกอย่างสิ่งก็กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพียงเพราะเสียงกระทบกันจากของบางอย่างกับโต๊ะไม้ เต๋าอ้าปากค้างเหมือนสมองไม่ประมวลผลไปชั่วขณะ เมื่อหันหลังไปและพบว่าใครคือผู้มาเยือน
“ข ..ข ขอโทษครับ คชาแค่เอามักกะโรนีมาให้... “ ดวงตาโตคู่กลมแสนคุ้นเคยเบิกกว้างมองมายังเขาและเนม มือคู่น้อยจะยกขึ้นมาจับที่บริเวณปากเพราะทำตัวไม่ถูก ก่อนคนตัวเล็กจะเริ่มเลิ่กลั่กมองไปยังแวดล้อมด้านข้าง
“งั้นคชาเอาวางไว้ตรงนี้นะครับ ป..ป ไปก่อนนะ..” อัตราเร็วของหัวใจที่เพิ่มมากขึ้น เพราะภาพเหตุการณ์ที่เห็น ส่งผลให้มือสองข้างสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ คชาเพียงแต่คิดสิ่งใดไม่ออก พอจะก้าวขาเดินแต่ขามันก็สั่นขึ้นมาดื้อๆ จึงตัดสินใจบอกลาก่อนสองขาจะเร่งนำพาให้ตัวเองออกไปจากจุดนั้นให้เร็วที่สุด ...จากที่คิดว่าจะเดินกลับกลายเป็นวิ่ง ...
เหมือนสติพึ่งกลับคืน เหมือนสมองพึ่งเริ่มทำงาน เต๋ารีบผละออกจากอดีตคนรักแล้วรีบตะโกนเรียกคนตัวเล็กก่อนจะออกแรงรีบวิ่งตามติดออกไปทันที
“คชา! คชา!”. ขายาวสะดุดหยุดนิ่งทันทีเมื่อเปิดประตูเข้ามายังบ้านเลขที่ 23/3 สายตามองเห็นเพียงแผ่นหลังบางที่กำลังสั่นไหว มือขวายกขึ้นกุมขมับนึกโกรธจนอยากจะเอามือทึ้งหัวตัวเองแรงๆ ที่ยอมปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาจนเริ่มรู้สึกร้าวภายใน วินาทีที่รู้ตัวว่าคนเบื้องหน้ามองเห็นสิ่งใด แม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เขาผิด...ผิดไปแล้วจริงๆ
คำพูดที่อีกฝ่ายบอกเขาว่า ‘เชื่อ’ ในตัวเขาสะท้อนก้องอยู่ในหู ... ความเชื่อใจที่เราสร้างเองและบ่อยครั้งที่มันถูกทำลายด้วยตัวเราเอง
เต๋าใช้เวลาสักพักในการตั้งสติ วินาทีนี้ความรู้สึกของคนตรงหน้าสำคัญที่สุด ขายาวก้าวเดินไปยังด้านหน้าอีกฝ่ายช้าๆ มองเห็นสองมือบางที่เขารักหนักหนายกขึ้นปิดหน้าตาเอาไว้ ภาพที่พบเห็นทำให้เขาเผลอสบถให้กับความงี่เง่าของตนเองออกมาโดยไม่รู้ตัวก่อนจะดึงคนตัวเล็กมากอดเต็มแรง ... ‘บ้าชิบ!’
“ขอโทษครับ ขอโทษนะ” ความอบอุ่นคุ้นเคยที่โอบล้อมร่างทั้งร่างเอาไว้ทำให้คนที่พยายามจะกลั้นน้ำตาและระงับความรู้สึกปล่อยสะอื้นออกมาเต็มแรง หยาดน้ำมากมายที่เก็บกักไว้ไหลออกมาเป็นทางยาวจนเต๋ารู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ไหล่
ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นคชาร้องไห้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นคชาเสียใจ เพียงแต่ไม่นึกว่าตนเองจะเป็นต้นเหตุ...
ทั้งที่ตั้งใจจะปกป้อง ตั้งใจจะดูแล...ทั้งที่ได้โอกาส...แต่เขาก็พลาดจนได้
“พี่ขอโทษ...คชา พี่ขอโทษ” สองแขนที่ยังคงนิ่งค้างข้างลำตัวทำให้เต๋ารู้สึกใจหาย ไม่รู้ว่าตอนนี้คชาโกรธเขามากมายแค่ไหนแต่หากยังรู้สึกมีหวังที่น้องไม่ผลักไสเขาออกไป ร่างสูงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม แล้วลูบแผ่นหลังบางเบาๆเพื่อปลอบโยน จำได้ว่าเมื่อคืนก็กอดกันแบบนี้แต่ทำไมตอนนี้ความรู้สึกมันช่างตรงข้ามกันมากมายเหลือเกิน
“ฮึก ฮึก ฮือ...”
“คชาครับ...พี่ขอโทษ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง” เสียงสะอึกสะอื้นยังคงดังตอกย้ำความงี่เง่าในสิ่งที่เขาเผลอทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ “พี่ขอโทษ พี่ขอโทษนะครับ” วินาทีที่สมองมึนตื้อไม่สามารถคิดสรรหาแม้กระทั่งคำพูดได้มันรู้สึกปวดหนึบแบบที่เขากำลังรู้สึกตอนนี้นี่เอง ... แค่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองงี่เง่าเหลือเกิน
“เด็กดี ไม่ร้องนะ พี่ขอโทษ”
“ไม่ ไม่ ไม่... ฮึก ..ฮึก” คำพูดทั้งน้ำเสียงสั่นคลอนเรียกให้เต๋าค่อยๆผละออกจากคนตัวเล็กช้าๆ เพื่อมองจ้องหน้าอีกคน สองมือที่เคยทิ้งไว้ข้างลำตัวรีบยกขึ้นมาปกปิดใบหน้าเอาไว้ หากแต่สองมือหนาก็ยื้อมือบางทั้งสองข้างไว้เสียก่อน คชารู้สึกปวดหนึบที่บริเวณดวงตาทั้งสองข้าง แต่ก็ต้องหลับตาเอาไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมองเห็นดวงตาของตนเองที่คงกำลังแดง และบอบช้ำ
“คชา...” มือหนาสองข้างยกขึ้นประครองแก้มเนียนไว้ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไล่เบาๆที่หยาดน้ำตา หัวใจดวงน้อยเริ่มกระตุกไหวเพราะน้ำเสียงเศร้าสร้อยของอีกฝ่ายจึงตัดสินใจลืมตาขึ้น เป็นวินาทีเดียวกันกับที่เต๋ามองเห็นภาพแววตาแดงก่ำกับหยาดน้ำตาอาบแก้มที่ยิ่งมองยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดถาโถมตอกย้ำ ยิ่งเห็นตาแดงๆ กับไหล่ที่ยังคงสั่นยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างกาย แต่ที่เต๋าสงสัย ... เหตุใดแววตาดวงน้อยคู่นี้จึงไม่มีแววตาแห่งการตัดพ้อต่อว่า ไม่มีความโกรธเคืองอยู่ภายในดวงตาคู่นี้ ตรงกันข้าม เขากับรู้สึกถึงความห่วงใยเสียมากกว่า .... ทำไม?
นิ้วโป้งสองข้างเกลี่ยไล่ปาดหยาดน้ำตามากมายที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอย่างช้าๆ สีแดงอ่อนปรากฏชัดมากขึ้นตั้งแต่ปลายจมูกรั้นไล่จนมาถึงแก้มเนียน ยิ่งเห็นอีกฝ่ายจ้องมองหน้าของตนเองไม่ไหวติง เด็กน้อยยิ่งพยายามก้มหน้าเพื่อปกปิดดวงตาแดงก่ำ คชาแค่กำลังรู้สึกว่า... ไม่อยากเห็นแววตารู้สึกผิดแบบนั้น
“พี่ขอโทษ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่อยู่นาน
“ไม่ได้โกรธ คชาไม่ได้โกรธพี่เต๋า ...จริงๆนะ...ฮึก ฮึก ไม่ได้โกรธ” แล้วร่างทั้งร่างก็โดนรวบเข้าไปกอดอีกครั้ง เต๋าหลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกจนรู้สึกเหมือนถูกดึงลงไปจุดต่ำสุดของร่างกาย คชาพูดความจริง...น้องไม่ได้โกรธเขา... แต่สิ่งที่เขาทำนั้นมันผิดจริงๆ... ทำไม?
“พี่ขอโทษ” หยาดน้ำตาร่วงหล่นจากดวงตาคู่น้อยพร้อมกันทันทีที่ได้ฟังคำขอโทษรอบที่ร้อยของวัน ดวงตาแดงก่ำจดจ้องมายังร่างสูง พยายามอีกครั้งที่จะสื่อให้อีกคนรับรู้ว่าไม่ได้นึกโกรธจริงๆ
“คชารู้ รู้แล้ว...ฮึก ไม่ต้องขอโทษแล้ว” หน้าผากขาวแตะเข้ากับหน้าผากมนของคนตัวเล็ก ก่อนจะใช้มือหนาลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ ปลายจมูกโด่งค่อยๆเลื่อนไปแตะสัมผัสกับกลุ่มผมของคนตัวเล็กก่อนจะเลื่อนริมฝีปากกดลงบนกลุ่มผมนุ่มกลิ่นหอมละมุน และรั้งคนตัวเล็กเขามาโอบกอดเอาไว้อีกครั้ง ....
‘หากวันใดร้องไห้..แค่โอบกอดกันและกันไว้’
..........
......
...
..
“แล้วพี่เนมมาทำอะไรที่บ้าน” เสียงใสอู้อี้ขึ้นจมูกเพราะยังคงสะอื้นกับการร้องไห้อยู่เล็กน้อย ตอนนี้ทั้งเต๋าและคชาย้ายมานั่งบนโซฟาตัวยาวกลางห้องรับแขกแล้ว แผ่นหลังบางแนบสนิทกับด้านในสุดของโซฟาโดยมีวงแขนกว้างพาดไว้ที่พนักด้านหลังของคนตัวเล็ก มือข้างที่ว่างอีกข้างยังคงคอยเกลี่ยแก้มนิ่มๆที่แม้ว่าจะไม่มีน้ำตาไหลออกมาแล้ว แต่หากยังคงทิ้งร่องรอยสีแดงอ่อนๆ กับสัมผัสเปียกชื้นไว้อยู่
“เมื่อคืนเนมมานอนที่บ้าน”
“นอน?...ที่ไหน?” คชาตกใจ คิ้วเล็กขมวดแล้วถามอีกฝ่ายกลับทันที
“ห้องพี่”
“ห้อง ห้องพี่เต๋า?” เต๋าสังเกตเห็นแววตาใสกระตุกวูบอีกครั้ง ใจก็แอบนึกอยากจะแกล้งเด็กต่อ แต่คดีเก่าก็ใช่ว่าจะเคลียร์จบ ตอนนี้เขายังไม่ได้อยากได้คดีเพิ่มจึงต้องรีบอธิบาย
“แต่พี่ไปนอนห้องเฟรม ไม่มีอะไรนะ” คชาพยักหน้ารับช้าๆ ถ้าเต๋ามองไม่ผิด เขาเห็นน้องแอบถอนหายใจเหมือนโล่งอกอะไรสักอย่าง...
“แล้วพี่เนมมาบ้านทำไม?”
“เมื่อวานเนมทะเลาะกับแฟน ขับรถฝ่าฝนมานั่งร้องไห้ที่บ้าน”
“รุนแรงมากไหมฮะ?”
“ก็คงจะหนักอยู่หละมั้ง เมื่อคืนก็เอาแต่ร้องไห้กว่าจะพูดรู้เรื่องพวกพี่สามคนก็ปลอบจนง่วง”
“พี่เฟรมกับพี่ตี๋ก็อยู่ด้วยตลอดหรอ”
“จ้ะ” ไม่วายแอบยิ้มหวานภูมิใจที่อีกคนเหมือนจะหึงตนเองขึ้นมา
“แล้วยิ้มอะไรเนี่ย”
“เด็กหึง..มีความสุข”
“...ถ้าให้หึงบ่อยๆ พี่เต๋าตายแน่”
“ยอมรับว่าหึงพี่แล้วใช่ไหม”
“เห็นว่าปฏิเสธอยู่หรือไงเล่า!” เสียงใสดังขึ้นจนเต๋ารู้สึกสบายใจ อีกทั้งมือน้อยๆที่ต่อยพุ่งเข้าที่หน้าท้องทำให้เขารู้ว่าน้องเข้าใจเขาจริงๆ
“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ...พี่กับเนมเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีอะไรแล้วจริงๆนะ”
“คชารู้แล้ว...”
“ขอโทษนะ” แม้จะรู้ว่าน้องไม่ได้โกรธอะไรแต่ก็อดไม่ได้ที่จะขอโทษอีกครั้ง และอีกครั้ง
“ไม่ได้โกรธจริงๆนะฮะ คชารู้ว่าพี่เต๋าไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น ...แต่ตอนที่เห็นมันตกใจมากๆ สมองมันตื้อไปหมด ไม่ได้ตั้งใจจะวิ่งออกมาด้วยแต่ขามันไปเอง แล้วอยู่ดีๆน้ำตามันก็ไหล แต่คชาไม่ได้รู้สึกโกรธพี่เต๋าเลยนะ.....แค่ตกใจ จริงๆนะ” เต๋ามองดูริมฝีปากบางที่กำลังขยับเพื่ออธิบายถึงความรู้สึกของตัวเอง เต๋ากำลังรู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดี .... โชคดีมากมายเหลือเกิน
“คชาก็ขอโทษเหมือนกันที่ร้องไห้ใส่ ... ไม่ต้องทำหน้ารู้สึกผิดแล้วนะผู้ใหญ่ เด็กไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” เด็กน้อยยิ้มหวานให้คนตรงหน้าทั้งที่ขอบตายังคงมีรอยเปียกชื้นหลงเหลืออยู่ แล้วใช้มือขวาของตัวเองลูบที่แก้มขาวของอีกคน ลูบไปมาราวกับว่ากำลังปลอบลูกแมวน้อยอยู่ไม่ปาน
“ช่างมันเนาะ..แค่เข้าใจกันก็ดีแล้ว” เด็กน้อยยังคงขยับปากเจื้อยแจ้วพูดต่อไม่หยุด
“โกรธพี่ก็ได้นะ” แต่ถึงอย่างนั้นเต๋าก็ยังคงรู้สึกผิด...
“โกรธทำไม ไม่เอาหรอก...คชายังอยากคุยกับพี่เต๋าอยู่ ถ้าโกรธกันแล้วก็ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้มองหน้า ไม่เอาหรอก” ...เต๋าฟังที่คนตัวเล็กตรงหน้าพูดก็ได้แต่ยิ้มออกมา แค่รู้สึกว่าตัวเองโชคดี...โชคดีมากเหลือเกิน
“เด็กยังเชื่อพี่อยู่ใช่ไหม?” มือที่ลูบแก้มค่อยๆเลื่อนลงมาวางข้างตัวเมื่อคนเป็นพี่พูดจบ คชาก้มหน้าลงมองปลายเท้าตัวเองเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งนั่นทำให้เต๋าโหวงเหวงขึ้นมาทันที
“...ไม่....” แค่หนึ่งคำก็ทำเอาคนฟังเบิกตากว้างค้างทันทีทันใด แต่พอเห็นมุมปากน้อยๆค่อยยกยิ้มขึ้นก็ทำให้รู้ทันทีว่าตั้งใจจะแกล้งให้เขาตกใจเล่นเพียงเท่านั้น คชาหัวเราะน้อยๆก่อนจะยกมือขึ้นมาจับไหล่เต๋าเอาไว้ แล้วบอกสิ่งที่เจ้าของคำถามอยากรู้
“ไม่เคยไม่เชื่อ....”
แค่นั้น...ก็เพียงพอแล้วมากมาย จริงๆ...
“หม่าม๊าบอกว่าความเชื่อใจต้องรักษาไว้ทั้งคนให้และคนรับ คชาให้พี่เต๋าไปแล้ว พี่เต๋าจะรักษามันใช่ไหม ......คชาอยากเชื่อไปนานๆ นานที่สุด...ได้ไหมคับ? ” หากนี่เป็นประโยคขอร้อง ก็คงเป็นประโยคขอร้องที่มีพลังทำลายล้างเต๋าได้มากที่สุด ตั้งแต่รู้จักกันมานี่เป็นครั้งแรกที่คชาพูดจริงจังกับเขาเช่นนี้ ต้องขอบคุณหม่าม๊าจริงๆที่สอนคชาเอาไว้...
“ไม่สัญญา...แต่จะพยายามให้มากที่สุดเท่าที่คนคนนึงจะทำได้ พอไหวไหม?” เต๋ายิ้มให้คนตัวเล็กแล้วเขยิบเข้าแนบชิด ...
“พูดแล้วนะ...”
“ครับ”
“พยายามเข้านะ คุณแมว” คชายกมือทำท่าให้เต๋าสู้ๆ หัวเราะออกมาเหมือนให้กำลังใจก่อนจะโดนอีกฝ่ายรวบเข้าไปกอด แล้วกระซิบข้างใบหูที่ทำให้เด็กน้อยต้องพิงซบลงบนไหล่หนาทั้งรอยยิ้มทันที
“...จะทำให้ดีที่สุด...”
......
...
..
“เมื่อคืนน่าจะนอนด้วย” โอบกอดกันได้สักพักเสียงใสก็พูดขึ้นข้างใบหูของร่างสูง ต่างฝ่ายจึงผละออกจากกันและกัน ร่างสูงเกลี่ยเบาๆที่ข้างแก้มใสรอฟังในสิ่งที่น้องกำลังจะพูด
“ทำไมครับ?”
“ก็จะได้อยู่ด้วยกัน...จะได้ไม่ต้องเห็น...”
“งั้นคืนนี้แก้ตัว ..." เต๋ายกยิ้มขึ้นมาน้อยๆเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเข้าทางโจร(?) ต่างจากคชาที่กำลังขมวดคิ้วงง แต่ไม่นานเสียงใสก็กลับมาหัวเราะอีกครั้งเมื่อได้ยินว่าพี่เต๋าพูดสิ่งใด
"คืนนี้ไปนอนกับพี่นะ นะ นะ นะ นะ” บางครั้งเต๋าอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังแสดงท่าทีแบบไหนออกมา คงมีเพียงแต่เด็กน้อยที่กำลังนั่งหัวเราะตรงหน้าเท่านั้นแหละมั้งที่มีสิทธิพิเศษได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเขา
“ไม่นอนหรอกนะ นะ นะ นะ”
“นะครับ...นะ นะ นะ”
“ไม่เอาหรอกนะ นะ นะ”
“น้า...นะ นะ ว่าแต่หัวเราะอะไรครับ พี่ตลกมากหรือไง” เต๋าถามขึ้นเพราะแม้จะตอบคำถามแต่คนตัวเล็กก็ไม่หยุดหัวเราะ
“ตลกมาก ก็พี่เต๋าอ้อน”
“ก็อ้อนแต่กับเด็กนี่แหละนะ” คชาไม่ถามอะไรกลับ เพราะถามไปก็จะมีแต่โดนแกล้งคืน เด็กน้อยจึงได้แต่นั่งยิ้มก้มหน้าอายๆ
“คชา....พี่อิจฉาตัวเองจัง”
“อิจฉาตัวเองทำไม”
“นั่นสิ..อิจฉาทำไมนะ ...เด็กอยากรู้ไหมครับว่าพี่อิจฉาตัวเองทำไม?”
“อยากรู้ๆ”
“คืนนี้ไปนอนด้วยกันนะ แล้วพี่จะบอก”
“ง่ะ หลอกล่อหรอ”
“นะ...นะ นะ นะ...” คนโดนรบเร้าแกล้งทำเป็นครุ่นคิดมองไปมาให้คนถามลุ้นเล่นสักพักแล้วพยักหน้าตอบรับ แต่พอเห็นพี่เต๋าทำท่าทางดีใจเกินเหตุก็อดไม่ได้ที่จะตอบกลับ
“ไม่ได้อยากไปนอนด้วยซะหน่อย คชาแค่อยากรู้.... ห้ามหลงตัวเอง”
“ครับ คร้าบ...ไม่หลงตัวเอง เพราะตอนนี้หลงคนอื่นอยู่” แม้จะอยากถามกลับว่าคนอื่นที่ว่าคือใคร แต่เมื่อคำตอบนั้นฉายชัดผ่านแววตาคู่คมของคนตรงหน้าแล้ว ...จึงหมดคำถาม
ความรักทำให้เราโชคดี ....
----------------------------------------------------------------------------
คชานี่น่ารักจังเนาะ ......แต่อยากให้มันออกมาในรูปแบบนี้จริงๆ
ไม่ชอบเวลาที่เห็นคนรอบข้างโกรธกันเพราะเข้าใจผิด
เราจะโกรธกันทำไม ในเมื่อเรายังคิดถึงกันอยู่ T0T ...เพราะคิดแบบนี้มันจึงมีตอนนี้
ตอนนี้ไม่มีอะไรแค่อยากลงฟิคในวันเกิดตัวเองบ้างอะไรบ้าง ..ยังมีคนอยากอ่านอยู่ใช่ไหมคะ? 5555
#มีสุข23
@CHICKIMILK
ความคิดเห็น