ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #21 : Chapter 21 - Happy Alley โชคดี ( Learn to trust )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.1K
      2
      5 ต.ค. 56

    Chapter 21

     

     

     

     

    คชานั่งกอดเข่าตาแป๋วมองดูปลายนิ้วชี้ที่กำลังกดขอบกระดาษแผ่นหนากับมือขวาที่กำลังใช้คัตเตอร์กรีดลงบนเนื้อวัสดุนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ  กว่าสองชั่วโมงแล้วที่เด็กน้อยย้ายตัวเอง หอบหิ้วรายงานมาทำที่ห้องนอนสี่เหลี่ยมแห่งนี้   ไม่ใช่ว่าที่ห้องตัวเองไม่มีคัตเตอร์แต่อย่างใดแต่ทว่าห้องของคชาไม่มีพี่เต๋าอยู่ด้วยต่างหาก 

    “เย่!  .... ขอบคุณคับ”

     

    “ครับ”  เต๋าบอกพร้อมลุกขึ้นจากพื้นเดินอ้อมไปยังด้านหลังอีกฝ่าย  ปล่อยให้เด็กน้อยนั่งกอดรายงานเล่มหนาด้วยความภูมิอกภูมิใจกับผลงานของตัวเอง(และของเขา)

     

    “หอมไหม?  เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะที่ยื่นขวดแป้งฝุ่นขนาดพอดีมือไปจ่อหน้าคนตัวเล็ก  มือบางวางรายงานลงข้างตัวทันที ก่อนจะใช้ปลายจมูกรั้นรับสัมผัสกลิ่นหอมสดชื่น  กลิ่นหอมนวลเหมือนดอกไม้หลากหลายชนิดหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว  ทำให้ต้องสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอีกครั้ง

     

    “หอมจัง แป้งหรอ?  แป้งอะไร”

     

    “ไม่รู้เหมือนกัน แม่พี่ส่งมาให้”  เต๋านั่งยองลงกับพื้นให้เท่าคชา   ก่อนจะเริ่มเทแป้งลงบนฝ่ามือ   มือข้างที่ว่างแตะเบาๆที่เนื้อแป้งก่อนจะเริ่มนำมาไร่เรียงแตะผ่านผิวแก้มใสเป็นทางยาวบางเบาให้คนที่กำลังนั่งหลับตาพริ้มยิ้มหวานรอ  จากบนลงล่างจากแก้มซ้ายไปยังแก้มขวา  ยิ้มออกมานิดๆเมื่อเห็นว่าเด็กซนกำลังเคลิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วชี้แตะเบาๆทิ้งร่องรอยของแป้งเนื้อนวลไว้ที่ปลายจมูกรั้นเพื่อเป็นสัญญาณให้เด็กน้อยลืมตาขึ้น    

     

     “หอมมากเลย  ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน .... หอมจริงๆนะ  ดมดูสิ” เสียงใสย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นคนเป็นพี่ทำหน้าตาเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองบอก  ริมฝีปากบางส่งยิ้มเชิญชวนให้คนตรงหน้ารับสัมผัสกลิ่นหอมของเนื้อแป้งโดยไม่รู้ตัว  ท่าทางไร้เดียงสาเสียจนคนมองอดใจไม่ไหวต้องโน้มตัวก้มลงสัมผัสกลิ่นนั้นด้วยตนเอง...ด้วยจมูกของตัวเอง

     

     

    “ม๊วฟ! 

     

    “หอม...”

     

    “ม๊วฟ! 

     

    “หอมจัง”  สัมผัสจากปลายจมูกได้รูปกดลงบนแก้มเนียนนิ่มเจือกลิ่นหอมละมุนฟอดใหญ่ นิ่งค้างไว้ชั่วขณะก่อนจะค่อยละออกมาอย่างเชื่องช้าคล้ายจะกักเก็บความหอมที่ได้กลิ่นให้ชุ่มปอด   ไม่รู้แน่ชัดว่ากลิ่นที่ย้ำชัดอยู่ปลายจมูกของตนตอนนี้เป็นกลิ่นหอมของแป้งเนื้อละเอียดหรือกลิ่นกายของเจ้าของแก้มกันแน่  กลิ่นหอมนวลชวนหลงใหลฉุดสติให้เผลอไผลจนไม่สามารถห้ามความต้องการของหัวใจได้อีกต่อไป    ...แล้วท้ายที่สุดก็ต้องให้หัวใจเป็นฝ่ายชักนำตัดสินใจกดย้ำสัมผัสให้ชัดเจนบนผิวเนียนนุ่มด้วยทั้งริมฝีปากและจมูกโด่งของตนอีกครั้ง...หอม  หอมจริงๆ  เด็กหอมจัง  > <

     

    “หอมจริงๆด้วย”ปล่อยให้เสียงคนเจ้าเล่ห์ลอยผ่านหูเหมือนไม่ได้ยิน   คนโดนจู่โจมก็ยังคงนิ่งอึ้งไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืนอะไร  เป็นโอกาสให้อีกฝ่ายรวบเอวบางเข้าไปกอดซ้อนหลัง จัดแจงให้คนตัวเล็กนั่งลงบนตัก  วางคางเกยที่ไหล่บาง แล้วใช้ปลายจมูกแตะลงบนแก้มเนียนกลิ่นกรุ่นหอมละมุนอีกครั้ง  สัมผัสบางเบาที่แม้ไม่ได้กดย้ำเหมือนสองครั้งแรกแต่หากสามารถเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้เร็วขึ้นได้ไม่ยาก   

     

    “หอมครับ  ... ยิ่งอยู่ใกล้ๆแบบนี้ยิ่งหอมเนาะ”  วงแขนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิดก่อนจะแอบหัวเราะน้อยๆ เพราะตั้งแต่ม๊วฟแรกจนถึงตอนนี้เด็กน้อยก็ยังไม่ปริปากพูดสักคำ แถมยังนั่งนิ่งตาโตไม่เคลื่อนไหว ไม่รู้ว่าป่านนี้สติล่องลอยไปหาดาวดวงไหน  ถ้าก้มลงกดอีกสักม๊วฟจะเรียกสติเด็กปากเก่งกลับมาได้ไหมนะ?  

     

    “พี่..พี่ เต๋าทำไมเป็นคนแบบนี้”  และเหมือนว่าคชาคงจะรู้ทันกลัวโดนจัดอีกสักม๊วฟจึงเริ่มเรียกสติกลับคืนมา  ร่างเล็กบนตักเขากำลังดิ้นน้อยๆ หวังเพื่อจะออกจากสัมผัสแสนอบอุ่นนี้  เสียงใสติดขัดเสียจนน่าสงสาร  หากเต๋ามองเห็นใบหน้าของเด็กน้อยในอ้อมกอดคงพบว่าตากลมโตคู่นี้ยังคงนิ่งค้าง  

     

    “น่ารักใช่ไหม”  ปลายจมูกโด่งแตะเฉียดเลาะผ่านแก้มเนียนแล้วกระซิบข้างใบหูด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

     

    “แหวะ...นี่แหนะ”   

     

    “โอ๊ย โอ๊ย..เจ็บๆ”  เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นเพราะความเจ็บที่ผิวกายหากแต่ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกสงสารเลยสักนิด  ตรงกันข้ามยิ่งฟังยิ่งอยากจะหยิกให้เจ็บหนักกว่าเดิม   ท่อนแขนขาวที่โอบรัดร่างทั้งร่างของคนตัวเล็กไว้เริ่มแดงเพราะแรงหยิกแต่นั่นไม่ทำให้สองแขนอบอุ่นหลุดออกจากการโอบกอดเด็กแก้มนิ่มไปได้  ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นก่อนจะก้มลงกระซิบบางประโยคที่ทำให้คนฟังทำตัวไม่ถูก

     

    “พี่น่ารักจริงๆนะ   ไม่เชื่อก็ลองรักดู”  ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างเขินอาย หัวใจเต้นตึกตักเกินควบคุมไหว แยกไม่ออกว่าความรู้สึกที่สามารถเปลี่ยนสีแก้มของตนกับลมหายใจอบอุ่นที่เป่ารดข้างใบหูสิ่งไหนร้อนฉ่ามากกว่ากัน ...

     

    “.......”

     

    “........”

     

    “....ก็  กำลังลองอยู่นี่ไง”  

     

    “ว่าไงนะ... ว่าอะไรนะครับ”  เสียงใสตอบพึมพำตอบเบาๆ แต่หากคนฟังก็ได้ยินมันชัดเจน แม้จะแอบยิ้มอยู่แต่ก็ไม่วายอยากหาเรื่องแกล้งเด็กต่อ

     

    “พี่เต๋านิสัยไม่ดี ไม่ดีที่สุดในโลก ไม่ดีมาก มาก มาก มาก”  เมื่อรู้สึกว่าโดนจู่โจมมากจนใกล้จะแพ้ เสียงใสก็ดึงดันแข็งขึ้นพร้อมหันหน้ามาเผชิญกับเจ้าของอ้อมแขนทันที  แต่แววตาเจ้าเล่ห์ที่กำลังมองมาจนสมองต้องรีบร้องบอกให้ตัวเองหันหลังกลับ  และดูเหมือนว่าจะไม่ทันเมื่อสองมือของอีกฝ่ายรั้งและถือวิสาสะจัดท่านั่งให้ใหม่เรียบร้อย เมื่อตอนนี้เผชิญหน้ากันจึงเผยให้ดวงตาคมมองเห็นแก้มเนียนแต้มสีชัดเจน 

     

    “พูดอีกโดนอีกแน่”  แม้ว่าสองมือของเด็กน้อยบนตักจะยกปิดแก้มปิดปากไปเรียบร้อย แต่คนถามก็ทั้งพูดทั้งยิ้มทั้งจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา

     

    “เด็กบ๊อง”

     

    “ผู้ใหญ่ขี้โกง” เด็กน้อยแอบเปิดมือออกจากปากรีบตอบเสียงสู้แล้วปิดกลับไว้เช่นเดิม   ก่อนเสียงทุ้มนุ่มจะเอ่ยกระซิบข้างใบหูด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์จนคนฟังต้องก้มหัวหนีหลบสายตาคนขี้โกงไปซบที่บ่ากว้าง

     

    “โกงได้มากกว่านี้อีก รอดูแล้วกัน”

     

    ท่ามกลางบรรยากาศสีชมพูที่วิ่งวนอยู่รอบกาย สองแขนอบอุ่นโอบกอดร่างเล็กเอาไว้  ไม่ได้แน่นหนาจนรู้สึกอึดอัด ไม่ได้ว่างเปล่าจนใจหาย ..ความพอดีเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของอ้อมกอดเป็นต้นเหตุของจังหวะหัวใจที่เต้นอยู่ในอกข้างซ้าย    ฝ่ามือหนาลูบเบาๆที่แผ่นหลังบางเป็นจังหวะเชื่องช้า  

     

     แม้เราจะไม่ได้มองหน้า...แต่เรากำลังยิ้มให้กัน

     

    “ง่วงแล้ว อยากกลับบ้าน”  คชาบอกขึ้นท่ามกลางความเงียบในขณะที่หัวก็ยังคงซุกซบอยู่บนไหล่กว้าง ความสบายของเก้าอี้จำเป็นกับสองมือที่ลูบอยู่ที่แผ่นหลังทำให้เริ่มจะเคลิ้มหลับได้ไม่ยาก

     

    “งานเสร็จแล้วก็ทิ้งพี่เลย”

     

    “ไม่ได้ทิ้ง...ก็เด็กง่วงแล้ว”  เหมือนว่าความต้องการของเราจะตรงกัน พอสิ้นประโยคต่างฝ่ายก็ต่างผละออกจากกันและกันโดยไม่ได้นัดหมาย   เต๋าสำรวจใบหน้าน่ารักที่ดวงตาคู่น้อยกำลังปรือปรอยคล้ายจะหลับลงได้ทุกเมื่อ  อาจเป็นเพราะรายงานเล่มหนาที่ทำให้เด็กอดนอนมาหลายวัน  ตอนนี้คงได้เวลาที่เด็กจะได้พักผ่อนเสียที

     

    “นอนนี่ไหมครับ?”  เด็กน้อยยิ้มตาปิดก่อนจะส่ายศีรษะรัวเร็ว  แม้จะแอบเสียดายแต่เต๋าก็ไม่ได้รบเร้าอะไรน้องต่อแต่ไหนๆวันนี้ก็โกงน้องมาเยอะแล้วขออ้อนโกงต่ออีกนิดก็คงไม่ผิดอะไร

     

    “งั้นอยู่ด้วยกันก่อนนะ นะ นะ”  

     

    “นะ นะ นะ นะ”  เสียงใสหัวเราะ ก่อนจะล้อเลียนคำอ้อนเหมือนเจ้าของตักไม่ผิดเพี้ยน  เต๋าได้แต่ก้มหน้าน้อยๆก่อนจะยิ้มอายๆเมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะเผลอทำตัวเหมือนเด็กมากเกินไปจนน้องล้อ  สาบานว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยอ้อนใครขนาดนี้มาก่อน จะให้โทษใครถ้าไม่ใช่เจ้าตัวเล็กบนตัก  สักพักฝ่ามือนุ่มนิ่มสองข้างก็ดึงสติของเขากลับมา  มือน้อยๆประครองแก้มขาว ยิ้มให้หวานๆ แล้วจ้องหน้าเขาตาแป๋ว

     

    “ก็ได้นะ นะ นะ”  ......

     

     

     

    คชากลับไปได้สักพักแล้ว  แม้เต๋าจะแอบหวังให้น้องง่วงจนหลับในอ้อมกอดเขาไปเลยแต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น  พอหลังส่งเด็กน้อยกลับบ้านเสร็จก็มานั่งสำรวจความคิดของตัวเอง  แค่รู้สึกว่าช่วงนี้จะติดคชามากขึ้นทุกวันและเขาก็คิดว่าคชาคงไม่ต่างกัน... ยิ่งได้อยู่ใกล้ๆ ยิ่งไม่อยากให้ห่างหายไปนะ...ไม่อยากเลยสักนิด...ถ้าต้องห่างกันจริงๆจะทำยังไงนะ?  

     

    “ฝนจะตกหรอวะเนี่ย”  เสียงพี่ตี๋ดังขึ้นกลางห้องรับแขก  ตอนนี้พึ่งจะสี่ทุ่มยังไม่ใช้เวลานอนของสามหนุ่มแห่งบ้านเลขที่ 23/2  แล้ววันนี้ก็ไม่รู้นึกครึ้มอะไรกันสามคนถึงมานั่งจมอยู่หน้าโซฟาขุดหนังเรื่องสุดเก่ามาดู

     

    “พี่เต๋าไม่ได้ตากผ้าไว้ใช่ป่ะ?”  เต๋าส่ายหน้าให้เฟรมเป็นคำตอบก่อนจะเดินไปส่องบรรยากาศฟ้าฝนภายนอกผ่านหน้าต่างหน้าบ้าน

     

    “ดูท่าจะตกแรง”  ยังไม่ทันขาดคำเสียงฟ้าร้องก็ดังครืนจนรู้สึกเหมือนบ้านสั่น  ฝนเม็ดใหญ่โหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ปราณี   เห็นฝนตกรุนแรงขนาดนี้ก็แอบคิดถึงเด็กแก้มหอมที่พึ่งจากกันไม่กี่นาที  ไม่รู้ว่าป่านนี้หลับไปแล้วหรือแอบคลุมโปงหนีเสียงฟ้าร้องอยู่ ... แอบโทรหาหน่อยดีกว่า  หากเมื่อกำลังจะกดโทรหาคชา เสียงเรียกเข้าก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน  

     

    “ว่าไงเนม” 

     

    “ต...เต๋า...เต๋าอยู่บ้านไหม”

     

    “อยู่สิ   มีอะไรหรือเปล่า เสียงไม่ค่อยดี”  แปลกใจเหมือนกันที่จู่ๆ  อีกฝ่ายโทรหาเวลาเช่นนี้แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่ค่อยสู้ดีของปลายสาย ความสงสัยนั้นก็หมดไป

     

    “เนมอยู่หน้าบ้านเต๋า”  ได้ยินเพียงเท่านั้น  มือหนาก็เปิดผ้าม่านเพื่อส่องดูอีกคนทันที   มองเห็นแสงไฟจากรถราคาแพงที่ยังคงเปิดค้างไว้  ฝนเม็ดใหญ่ถาโถมโหมกระหน่ำจนแอบกลัวแทนคนที่อยู่ในรถ อีกทั้งน้ำเสียงของเนมก็ดูไม่สู้ดีจนคนฟังอย่างเต๋าอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้

     

    “เดี๋ยวออกไปรับนะ”  พูดจบก็กดวางแล้วมองหาร่มคันใหญ่ให้พอดีกับคนสองคน   

     

    ในระหว่างทางที่วิ่งจากตัวรถเข้ามาในบ้าน  เต๋าลอบสังเกตเห็นหยาดน้ำที่คลออยู่หน่วยตาของอีกฝ่าย  เดาได้ไม่ยากเลยว่าคงมีเรื่องไม่สบายใจแต่หากไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องนั้นคืออะไร

     

    “เนมนั่งรอก่อนแล้วกัน  เต๋าไปเอาผ้าขนหนูให้...เปียกไปหมดแล้ว    เฟรม พี่ตี๋ ฝากเนมด้วย”  เต๋าบอกพี่ชายและน้องชายของตน ก่อนที่เนมจะเดินไปสวัสดีทักทายทั้งพี่ตี๋และเฟรมด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด 

    ...............

    .........

    .....

    ..

     

    “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”

     

    “...ทะเลาะกัน...อีกแล้ว อีกแล้วเต๋า”  โซฟาตัวยาวถูกยกให้เนมจับจองแต่เพียงผู้เดียว  หากพอเริ่มจะเล่า  หญิงสาวก็สะอึกสะอื้นอีกครั้ง  น้ำตาเริ่มกลับมาปริ่มที่ขอบดวงตาคู่งามอีกหน

     

     “เห้ย ใจเย็นๆ”

     

    “น้องเนม ใจเย็นนะครับ มีอะไรค่อยๆเล่า”

     

    “เนมแค่อยากได้เวลา...แค่อยากอยู่ด้วยกันบ้าง”  หลังจากนั้นความอึดอัดที่คั่งค้างในใจกับความรู้สึกกับคนรักก็เริ่มพรั่งพรู  สามหนุ่มมองดูหญิงสาวระบายความในใจทั้งสะอื้นก็ได้แต่พยักหน้ารับให้คนเล่ารับรู้ว่าพวกเขาพร้อมจะรับฟัง

     

     

    เรื่องบางเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่คนนอกจะตัดสินถูกผิดได้ง่ายๆ ... ความรักก็เช่นกัน

     

     

    ท้ายที่สุดกว่าจะหยุดร้องไห้ได้  สามหนุ่มก็ปลอบเนมจนเกือบจะเที่ยงคืน  สายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำไม่มีทีท่าจะหยุดทำให้พี่ตี๋ตัดสินใจชวนให้หญิงสาวค้างที่บ้าน  เต๋าจัดแจงให้เนมนอนที่ห้องตัวเองโดยที่เขาย้ายไปนอนกับเฟรมชั่วคราว  และไม่ลืมจะให้อีกคนหยิบยืมชุดของเขาเพื่อใส่นอนในคืนนี้ 

     

    เห็นเพื่อนของตนเองเดินลงบันไดมาในชุดใหม่ที่คาดว่าเนมคงตื่นไปหยิบมาเปลี่ยนจากในรถ หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ เมื่อเต๋ายกแก้วกาแฟขึ้นเพื่อถามแล้วเดินมาหาร่างสูงที่ห้องครัว  ดวงตาคู่สวยมองดูมือหนาของเพื่อนที่กำลังตักตวงกาแฟในแบบที่เธอชอบ...เต๋ายังคงจำได้

     

    “ไม่กินกาแฟ?” เนมถ้าขึ้นเมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ในแก้วของเต๋า  ที่มองยังไงก็ไม่ใช่กาแฟ...น่าจะเป็นโกโก้หรือไม่ก็โอวัลตินเสียมากกว่า

     

    “ก็สลับบ้าง กินกาแฟบ่อยๆ ไม่ค่อยดี”  ทั้งยิ้มทั้งตอบจนคนถามแอบงง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สงสัยอะไรต่อ

     

    เนมพิงร่างทั้งร่างไปยังเคาท์เตอร์  ริมฝีปากแตะลิ้มรสกาแฟกลิ่นกรุ่นในแก้วช้าๆ เงยหน้าขึ้นมานิดๆ แล้วยิ้มให้คนทำเป็นเชิงขอบคุณ 

     

    “เป็นไงบ้าง”  

     

    “เหมือนเดิม...”   หญิงสาวเผยยิ้มบางๆ เมื่อคิดถึงคนที่ทำให้ร้องไห้เมื่อคืนโทรมาขอคืนดี  ปลายเท้าเตะเบาๆที่ต้นขาของร่างสูง แล้วหัวเราะออกมาเมื่ออีกฝ่ายเตะกลับ

     

    “อารมณ์ดีแล้ว?

     

    “ก็ดีกว่าเมื่อวาน....ขอบคุณนะเต๋า”

     

    “สบายใจก็ดีแล้ว...เป็นแฟนกัน ทะเลาะกันได้แต่ต้องมีสติ ก่อนจะโกรธกันมีสติก่อน”

     

    “ต่อไปจะคิดให้มากกว่านี้...ก็รักเขาไปแล้วนิ   ที่งอแงไปก็เพราะรักนี่นา”  เมื่อฟังสิ่งที่เนมบอกก็ทำให้เต๋าเดาได้ไม่ยากว่าคงโทรเคลียร์กันเรียบร้อย

     

    “การทะเลาะกันจะทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น  อดทนหน่อยนะครับคุณ”  เนมหัวเราะออกมาแต่ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจในสิ่งที่เต๋าตั้งใจจะบอก ... ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีสองด้าน  การทะเลาะกันอาจจะทำให้เราเจ็บช้ำและเสียน้ำตา แต่มันจะทำให้เรารู้จักกันและกันมากขึ้น เรียนรู้ที่จะปรับตัวและให้อภัย...ถ้ารักกันต้องอดทน

     

    “ขอบคุณนะเต๋า...ขอบคุณจริงๆ”

     

    “ไม่เป็นไร  สบายใจขึ้นก็ดีแล้ว”  ทั้งเต๋าและเนมต่างก็ยิ้มให้กัน เมื่อรู้สึกต่างก็โล่งอกโล่งใจที่วันนี้ได้กลับมาเป็นที่พึ่งให้กันและกันอีกครั้ง   แม้จะเลิกรากันไปแต่ตอนนั้นก็จากกันด้วยดี แม้จะรู้สึกมึนตึงไปในช่วงแรกอยู่บ้างก็ตาม

     

    “ขอช้อนหน่อย”  เนมเตะเข้าที่ต้นขาของร่างสูงอีกครั้ง แล้วก็โดนเตะกลับอย่างไม่ต้องคาดเดา ทั้งสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกันอีกครั้งก่อนที่เต๋าจะเอื้อมมือเปิดเคาท์เตอร์ที่อยู่เหนือศีรษะของอดีตคนรัก โดยไม่ทันได้ระวังระยะห่างที่ดูเหมือนจะแนบชิดเกินไป  กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เผลอสบตากันและกันทั้งคู่  ด้วยความรู้สึกบางอย่างทำให้เนมยกมือคู่สวยแตะเข้าที่ไหล่หนา  สายตาสองคู่ยังคงจ้องกันนิ่งไม่ไหวติง เต๋าแอบเห็นดวงตาของเนมกระตุกไหว เขาเองก็คงไม่ต่าง ยอมรับว่าภาพในวันวานฉายชัดขึ้นมาในความคิดอยู่บ้าง..แต่อดีตก็เป็นเพียงอดีตไม่ใช่หรอ? ...

     

    แล้วทุกอย่างสิ่งก็กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพียงเพราะเสียงกระทบกันจากของบางอย่างกับโต๊ะไม้  เต๋าอ้าปากค้างเหมือนสมองไม่ประมวลผลไปชั่วขณะ เมื่อหันหลังไปและพบว่าใครคือผู้มาเยือน 

     

    “ข ..ข  ขอโทษครับ   คชาแค่เอามักกะโรนีมาให้... “  ดวงตาโตคู่กลมแสนคุ้นเคยเบิกกว้างมองมายังเขาและเนม  มือคู่น้อยจะยกขึ้นมาจับที่บริเวณปากเพราะทำตัวไม่ถูก   ก่อนคนตัวเล็กจะเริ่มเลิ่กลั่กมองไปยังแวดล้อมด้านข้าง

     

    “งั้นคชาเอาวางไว้ตรงนี้นะครับ ป..ป ไปก่อนนะ..”  อัตราเร็วของหัวใจที่เพิ่มมากขึ้น เพราะภาพเหตุการณ์ที่เห็น ส่งผลให้มือสองข้างสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ คชาเพียงแต่คิดสิ่งใดไม่ออก พอจะก้าวขาเดินแต่ขามันก็สั่นขึ้นมาดื้อๆ  จึงตัดสินใจบอกลาก่อนสองขาจะเร่งนำพาให้ตัวเองออกไปจากจุดนั้นให้เร็วที่สุด  ...จากที่คิดว่าจะเดินกลับกลายเป็นวิ่ง ...

     

    เหมือนสติพึ่งกลับคืน  เหมือนสมองพึ่งเริ่มทำงาน   เต๋ารีบผละออกจากอดีตคนรักแล้วรีบตะโกนเรียกคนตัวเล็กก่อนจะออกแรงรีบวิ่งตามติดออกไปทันที  

     

    “คชา!  คชา!”.    ขายาวสะดุดหยุดนิ่งทันทีเมื่อเปิดประตูเข้ามายังบ้านเลขที่ 23/3   สายตามองเห็นเพียงแผ่นหลังบางที่กำลังสั่นไหว  มือขวายกขึ้นกุมขมับนึกโกรธจนอยากจะเอามือทึ้งหัวตัวเองแรงๆ  ที่ยอมปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น  ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาจนเริ่มรู้สึกร้าวภายใน  วินาทีที่รู้ตัวว่าคนเบื้องหน้ามองเห็นสิ่งใด  แม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ  แต่เขาผิด...ผิดไปแล้วจริงๆ   

     

    คำพูดที่อีกฝ่ายบอกเขาว่า เชื่อ ในตัวเขาสะท้อนก้องอยู่ในหู ... ความเชื่อใจที่เราสร้างเองและบ่อยครั้งที่มันถูกทำลายด้วยตัวเราเอง

     

    เต๋าใช้เวลาสักพักในการตั้งสติ วินาทีนี้ความรู้สึกของคนตรงหน้าสำคัญที่สุด  ขายาวก้าวเดินไปยังด้านหน้าอีกฝ่ายช้าๆ    มองเห็นสองมือบางที่เขารักหนักหนายกขึ้นปิดหน้าตาเอาไว้  ภาพที่พบเห็นทำให้เขาเผลอสบถให้กับความงี่เง่าของตนเองออกมาโดยไม่รู้ตัวก่อนจะดึงคนตัวเล็กมากอดเต็มแรง     ... บ้าชิบ!’

     

    “ขอโทษครับ ขอโทษนะ”  ความอบอุ่นคุ้นเคยที่โอบล้อมร่างทั้งร่างเอาไว้ทำให้คนที่พยายามจะกลั้นน้ำตาและระงับความรู้สึกปล่อยสะอื้นออกมาเต็มแรง    หยาดน้ำมากมายที่เก็บกักไว้ไหลออกมาเป็นทางยาวจนเต๋ารู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ไหล่ 

     

    ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นคชาร้องไห้  ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นคชาเสียใจ เพียงแต่ไม่นึกว่าตนเองจะเป็นต้นเหตุ...

    ทั้งที่ตั้งใจจะปกป้อง ตั้งใจจะดูแล...ทั้งที่ได้โอกาส...แต่เขาก็พลาดจนได้

     

    “พี่ขอโทษ...คชา  พี่ขอโทษ”    สองแขนที่ยังคงนิ่งค้างข้างลำตัวทำให้เต๋ารู้สึกใจหาย  ไม่รู้ว่าตอนนี้คชาโกรธเขามากมายแค่ไหนแต่หากยังรู้สึกมีหวังที่น้องไม่ผลักไสเขาออกไป   ร่างสูงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม แล้วลูบแผ่นหลังบางเบาๆเพื่อปลอบโยน  จำได้ว่าเมื่อคืนก็กอดกันแบบนี้แต่ทำไมตอนนี้ความรู้สึกมันช่างตรงข้ามกันมากมายเหลือเกิน  

     

    “ฮึก ฮึก ฮือ...”

     

    “คชาครับ...พี่ขอโทษ  ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง”  เสียงสะอึกสะอื้นยังคงดังตอกย้ำความงี่เง่าในสิ่งที่เขาเผลอทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ  “พี่ขอโทษ พี่ขอโทษนะครับ”   วินาทีที่สมองมึนตื้อไม่สามารถคิดสรรหาแม้กระทั่งคำพูดได้มันรู้สึกปวดหนึบแบบที่เขากำลังรู้สึกตอนนี้นี่เอง ... แค่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองงี่เง่าเหลือเกิน

     

    “เด็กดี  ไม่ร้องนะ พี่ขอโทษ” 

     

    “ไม่ ไม่ ไม่... ฮึก ..ฮึก”  คำพูดทั้งน้ำเสียงสั่นคลอนเรียกให้เต๋าค่อยๆผละออกจากคนตัวเล็กช้าๆ เพื่อมองจ้องหน้าอีกคน  สองมือที่เคยทิ้งไว้ข้างลำตัวรีบยกขึ้นมาปกปิดใบหน้าเอาไว้   หากแต่สองมือหนาก็ยื้อมือบางทั้งสองข้างไว้เสียก่อน  คชารู้สึกปวดหนึบที่บริเวณดวงตาทั้งสองข้าง  แต่ก็ต้องหลับตาเอาไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมองเห็นดวงตาของตนเองที่คงกำลังแดง และบอบช้ำ

     

    “คชา...”   มือหนาสองข้างยกขึ้นประครองแก้มเนียนไว้ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไล่เบาๆที่หยาดน้ำตา   หัวใจดวงน้อยเริ่มกระตุกไหวเพราะน้ำเสียงเศร้าสร้อยของอีกฝ่ายจึงตัดสินใจลืมตาขึ้น   เป็นวินาทีเดียวกันกับที่เต๋ามองเห็นภาพแววตาแดงก่ำกับหยาดน้ำตาอาบแก้มที่ยิ่งมองยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดถาโถมตอกย้ำ     ยิ่งเห็นตาแดงๆ กับไหล่ที่ยังคงสั่นยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างกาย  แต่ที่เต๋าสงสัย ... เหตุใดแววตาดวงน้อยคู่นี้จึงไม่มีแววตาแห่งการตัดพ้อต่อว่า  ไม่มีความโกรธเคืองอยู่ภายในดวงตาคู่นี้  ตรงกันข้าม เขากับรู้สึกถึงความห่วงใยเสียมากกว่า  .... ทำไม?

     

    นิ้วโป้งสองข้างเกลี่ยไล่ปาดหยาดน้ำตามากมายที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอย่างช้าๆ  สีแดงอ่อนปรากฏชัดมากขึ้นตั้งแต่ปลายจมูกรั้นไล่จนมาถึงแก้มเนียน  ยิ่งเห็นอีกฝ่ายจ้องมองหน้าของตนเองไม่ไหวติง เด็กน้อยยิ่งพยายามก้มหน้าเพื่อปกปิดดวงตาแดงก่ำ     คชาแค่กำลังรู้สึกว่า... ไม่อยากเห็นแววตารู้สึกผิดแบบนั้น

     

    “พี่ขอโทษ”    เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่อยู่นาน

     

    “ไม่ได้โกรธ  คชาไม่ได้โกรธพี่เต๋า  ...จริงๆนะ...ฮึก ฮึก  ไม่ได้โกรธ” แล้วร่างทั้งร่างก็โดนรวบเข้าไปกอดอีกครั้ง เต๋าหลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกจนรู้สึกเหมือนถูกดึงลงไปจุดต่ำสุดของร่างกาย  คชาพูดความจริง...น้องไม่ได้โกรธเขา...  แต่สิ่งที่เขาทำนั้นมันผิดจริงๆ... ทำไม?

     

    “พี่ขอโทษ” หยาดน้ำตาร่วงหล่นจากดวงตาคู่น้อยพร้อมกันทันทีที่ได้ฟังคำขอโทษรอบที่ร้อยของวัน   ดวงตาแดงก่ำจดจ้องมายังร่างสูง พยายามอีกครั้งที่จะสื่อให้อีกคนรับรู้ว่าไม่ได้นึกโกรธจริงๆ 

     

    “คชารู้  รู้แล้ว...ฮึก ไม่ต้องขอโทษแล้ว”  หน้าผากขาวแตะเข้ากับหน้าผากมนของคนตัวเล็ก  ก่อนจะใช้มือหนาลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ   ปลายจมูกโด่งค่อยๆเลื่อนไปแตะสัมผัสกับกลุ่มผมของคนตัวเล็กก่อนจะเลื่อนริมฝีปากกดลงบนกลุ่มผมนุ่มกลิ่นหอมละมุน และรั้งคนตัวเล็กเขามาโอบกอดเอาไว้อีกครั้ง ....

     

    หากวันใดร้องไห้..แค่โอบกอดกันและกันไว้

     

     ..........

    ......

    ...

    ..

     

     

    “แล้วพี่เนมมาทำอะไรที่บ้าน” เสียงใสอู้อี้ขึ้นจมูกเพราะยังคงสะอื้นกับการร้องไห้อยู่เล็กน้อย  ตอนนี้ทั้งเต๋าและคชาย้ายมานั่งบนโซฟาตัวยาวกลางห้องรับแขกแล้ว   แผ่นหลังบางแนบสนิทกับด้านในสุดของโซฟาโดยมีวงแขนกว้างพาดไว้ที่พนักด้านหลังของคนตัวเล็ก  มือข้างที่ว่างอีกข้างยังคงคอยเกลี่ยแก้มนิ่มๆที่แม้ว่าจะไม่มีน้ำตาไหลออกมาแล้ว แต่หากยังคงทิ้งร่องรอยสีแดงอ่อนๆ กับสัมผัสเปียกชื้นไว้อยู่ 

     

    “เมื่อคืนเนมมานอนที่บ้าน”

     

    “นอน?...ที่ไหน?” คชาตกใจ คิ้วเล็กขมวดแล้วถามอีกฝ่ายกลับทันที

     

    “ห้องพี่” 

     

    “ห้อง ห้องพี่เต๋า?”  เต๋าสังเกตเห็นแววตาใสกระตุกวูบอีกครั้ง   ใจก็แอบนึกอยากจะแกล้งเด็กต่อ แต่คดีเก่าก็ใช่ว่าจะเคลียร์จบ ตอนนี้เขายังไม่ได้อยากได้คดีเพิ่มจึงต้องรีบอธิบาย  

     

    “แต่พี่ไปนอนห้องเฟรม ไม่มีอะไรนะ” คชาพยักหน้ารับช้าๆ ถ้าเต๋ามองไม่ผิด เขาเห็นน้องแอบถอนหายใจเหมือนโล่งอกอะไรสักอย่าง...

     

    “แล้วพี่เนมมาบ้านทำไม?

     

    “เมื่อวานเนมทะเลาะกับแฟน  ขับรถฝ่าฝนมานั่งร้องไห้ที่บ้าน”

     

    “รุนแรงมากไหมฮะ?”  

     

    “ก็คงจะหนักอยู่หละมั้ง  เมื่อคืนก็เอาแต่ร้องไห้กว่าจะพูดรู้เรื่องพวกพี่สามคนก็ปลอบจนง่วง”

     

    “พี่เฟรมกับพี่ตี๋ก็อยู่ด้วยตลอดหรอ”

     

    “จ้ะ”  ไม่วายแอบยิ้มหวานภูมิใจที่อีกคนเหมือนจะหึงตนเองขึ้นมา

     

    “แล้วยิ้มอะไรเนี่ย” 

     

    “เด็กหึง..มีความสุข”

     

    “...ถ้าให้หึงบ่อยๆ พี่เต๋าตายแน่”

     

    “ยอมรับว่าหึงพี่แล้วใช่ไหม”

     

    “เห็นว่าปฏิเสธอยู่หรือไงเล่า!”  เสียงใสดังขึ้นจนเต๋ารู้สึกสบายใจ  อีกทั้งมือน้อยๆที่ต่อยพุ่งเข้าที่หน้าท้องทำให้เขารู้ว่าน้องเข้าใจเขาจริงๆ 

     

    “ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ...พี่กับเนมเป็นแค่เพื่อนกัน  ไม่มีอะไรแล้วจริงๆนะ”

     

    “คชารู้แล้ว...”

     

    “ขอโทษนะ”  แม้จะรู้ว่าน้องไม่ได้โกรธอะไรแต่ก็อดไม่ได้ที่จะขอโทษอีกครั้ง และอีกครั้ง

     

    “ไม่ได้โกรธจริงๆนะฮะ  คชารู้ว่าพี่เต๋าไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น ...แต่ตอนที่เห็นมันตกใจมากๆ  สมองมันตื้อไปหมด  ไม่ได้ตั้งใจจะวิ่งออกมาด้วยแต่ขามันไปเอง แล้วอยู่ดีๆน้ำตามันก็ไหล แต่คชาไม่ได้รู้สึกโกรธพี่เต๋าเลยนะ.....แค่ตกใจ จริงๆนะ”  เต๋ามองดูริมฝีปากบางที่กำลังขยับเพื่ออธิบายถึงความรู้สึกของตัวเอง   เต๋ากำลังรู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดี .... โชคดีมากมายเหลือเกิน  

     

    “คชาก็ขอโทษเหมือนกันที่ร้องไห้ใส่ ... ไม่ต้องทำหน้ารู้สึกผิดแล้วนะผู้ใหญ่  เด็กไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”  เด็กน้อยยิ้มหวานให้คนตรงหน้าทั้งที่ขอบตายังคงมีรอยเปียกชื้นหลงเหลืออยู่   แล้วใช้มือขวาของตัวเองลูบที่แก้มขาวของอีกคน  ลูบไปมาราวกับว่ากำลังปลอบลูกแมวน้อยอยู่ไม่ปาน

     

    “ช่างมันเนาะ..แค่เข้าใจกันก็ดีแล้ว”  เด็กน้อยยังคงขยับปากเจื้อยแจ้วพูดต่อไม่หยุด

     

    “โกรธพี่ก็ได้นะ”  แต่ถึงอย่างนั้นเต๋าก็ยังคงรู้สึกผิด...

     

    “โกรธทำไม ไม่เอาหรอก...คชายังอยากคุยกับพี่เต๋าอยู่  ถ้าโกรธกันแล้วก็ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้มองหน้า ไม่เอาหรอก”  ...เต๋าฟังที่คนตัวเล็กตรงหน้าพูดก็ได้แต่ยิ้มออกมา แค่รู้สึกว่าตัวเองโชคดี...โชคดีมากเหลือเกิน

     

    “เด็กยังเชื่อพี่อยู่ใช่ไหม?  มือที่ลูบแก้มค่อยๆเลื่อนลงมาวางข้างตัวเมื่อคนเป็นพี่พูดจบ  คชาก้มหน้าลงมองปลายเท้าตัวเองเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง  ซึ่งนั่นทำให้เต๋าโหวงเหวงขึ้นมาทันที

     

    “...ไม่....” แค่หนึ่งคำก็ทำเอาคนฟังเบิกตากว้างค้างทันทีทันใด   แต่พอเห็นมุมปากน้อยๆค่อยยกยิ้มขึ้นก็ทำให้รู้ทันทีว่าตั้งใจจะแกล้งให้เขาตกใจเล่นเพียงเท่านั้น    คชาหัวเราะน้อยๆก่อนจะยกมือขึ้นมาจับไหล่เต๋าเอาไว้  แล้วบอกสิ่งที่เจ้าของคำถามอยากรู้

     

    “ไม่เคยไม่เชื่อ....” 

     

    แค่นั้น...ก็เพียงพอแล้วมากมาย จริงๆ...

     

    “หม่าม๊าบอกว่าความเชื่อใจต้องรักษาไว้ทั้งคนให้และคนรับ  คชาให้พี่เต๋าไปแล้ว พี่เต๋าจะรักษามันใช่ไหม  ......คชาอยากเชื่อไปนานๆ  นานที่สุด...ได้ไหมคับ?  ” หากนี่เป็นประโยคขอร้อง  ก็คงเป็นประโยคขอร้องที่มีพลังทำลายล้างเต๋าได้มากที่สุด  ตั้งแต่รู้จักกันมานี่เป็นครั้งแรกที่คชาพูดจริงจังกับเขาเช่นนี้  ต้องขอบคุณหม่าม๊าจริงๆที่สอนคชาเอาไว้...

     

    “ไม่สัญญา...แต่จะพยายามให้มากที่สุดเท่าที่คนคนนึงจะทำได้  พอไหวไหม?”  เต๋ายิ้มให้คนตัวเล็กแล้วเขยิบเข้าแนบชิด ...

     

    “พูดแล้วนะ...”

     

    “ครับ”

     

    “พยายามเข้านะ คุณแมว”  คชายกมือทำท่าให้เต๋าสู้ๆ  หัวเราะออกมาเหมือนให้กำลังใจก่อนจะโดนอีกฝ่ายรวบเข้าไปกอด แล้วกระซิบข้างใบหูที่ทำให้เด็กน้อยต้องพิงซบลงบนไหล่หนาทั้งรอยยิ้มทันที

     

    “...จะทำให้ดีที่สุด...”   

     

    ......

    ...

    ..

     “เมื่อคืนน่าจะนอนด้วย” โอบกอดกันได้สักพักเสียงใสก็พูดขึ้นข้างใบหูของร่างสูง  ต่างฝ่ายจึงผละออกจากกันและกัน  ร่างสูงเกลี่ยเบาๆที่ข้างแก้มใสรอฟังในสิ่งที่น้องกำลังจะพูด

     

    “ทำไมครับ?

     

    “ก็จะได้อยู่ด้วยกัน...จะได้ไม่ต้องเห็น...”

     

    “งั้นคืนนี้แก้ตัว ..."  เต๋ายกยิ้มขึ้นมาน้อยๆเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเข้าทางโจร(?)  ต่างจากคชาที่กำลังขมวดคิ้วงง แต่ไม่นานเสียงใสก็กลับมาหัวเราะอีกครั้งเมื่อได้ยินว่าพี่เต๋าพูดสิ่งใด

    "คืนนี้ไปนอนกับพี่นะ นะ นะ นะ นะ”  บางครั้งเต๋าอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังแสดงท่าทีแบบไหนออกมา  คงมีเพียงแต่เด็กน้อยที่กำลังนั่งหัวเราะตรงหน้าเท่านั้นแหละมั้งที่มีสิทธิพิเศษได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเขา

     

    “ไม่นอนหรอกนะ นะ นะ นะ”

     

    “นะครับ...นะ นะ นะ”   

     

    “ไม่เอาหรอกนะ นะ นะ”

     

    “น้า...นะ นะ  ว่าแต่หัวเราะอะไรครับ พี่ตลกมากหรือไง”  เต๋าถามขึ้นเพราะแม้จะตอบคำถามแต่คนตัวเล็กก็ไม่หยุดหัวเราะ

     

    “ตลกมาก  ก็พี่เต๋าอ้อน”

     

    “ก็อ้อนแต่กับเด็กนี่แหละนะ”  คชาไม่ถามอะไรกลับ เพราะถามไปก็จะมีแต่โดนแกล้งคืน เด็กน้อยจึงได้แต่นั่งยิ้มก้มหน้าอายๆ

     

    “คชา....พี่อิจฉาตัวเองจัง”

     

    “อิจฉาตัวเองทำไม”

     

    “นั่นสิ..อิจฉาทำไมนะ ...เด็กอยากรู้ไหมครับว่าพี่อิจฉาตัวเองทำไม?

     

    “อยากรู้ๆ”

     

    “คืนนี้ไปนอนด้วยกันนะ  แล้วพี่จะบอก”

     

    “ง่ะ  หลอกล่อหรอ”

     

    “นะ...นะ นะ นะ...”  คนโดนรบเร้าแกล้งทำเป็นครุ่นคิดมองไปมาให้คนถามลุ้นเล่นสักพักแล้วพยักหน้าตอบรับ  แต่พอเห็นพี่เต๋าทำท่าทางดีใจเกินเหตุก็อดไม่ได้ที่จะตอบกลับ

     

    “ไม่ได้อยากไปนอนด้วยซะหน่อย  คชาแค่อยากรู้.... ห้ามหลงตัวเอง”

     

    “ครับ คร้าบ...ไม่หลงตัวเอง  เพราะตอนนี้หลงคนอื่นอยู่”  แม้จะอยากถามกลับว่าคนอื่นที่ว่าคือใคร  แต่เมื่อคำตอบนั้นฉายชัดผ่านแววตาคู่คมของคนตรงหน้าแล้ว  ...จึงหมดคำถาม

     

     

     

     

     

     

     

     

    ความรักทำให้เราโชคดี  ....

     

     

     

    ----------------------------------------------------------------------------

     

    คชานี่น่ารักจังเนาะ ......แต่อยากให้มันออกมาในรูปแบบนี้จริงๆ
    ไม่ชอบเวลาที่เห็นคนรอบข้างโกรธกันเพราะเข้าใจผิด
    เราจะโกรธกันทำไม ในเมื่อเรายังคิดถึงกันอยู่
    T0T ...เพราะคิดแบบนี้มันจึงมีตอนนี้

    ตอนนี้ไม่มีอะไรแค่อยากลงฟิคในวันเกิดตัวเองบ้างอะไรบ้าง  ..ยังมีคนอยากอ่านอยู่ใช่ไหมคะ? 5555

     

     #มีสุข23

    @CHICKIMILK

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×