ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #30 : Chapter 30 - Happy Alley You're my Valentine

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 908
      1
      14 ก.พ. 57


    Chapter 30



     

     

    เข้าสู่เดือนที่สองของปี เดือนที่ใครหลายคนเรียกว่า เดือนแห่งความรัก  บรรยากาศรอบข้างเริ่มเปลี่ยนแปลงตามเทศกาลที่เปลี่ยนผัน  สีสันของความรักเริ่มมีให้เห็นทั่วไปตามสถานที่ต่างๆ  ใครหลายคนเริ่มมองหาความรักเพื่อเติมเต็มความสุข ในขณะที่ใครอีกหลายคนกำลังมีความสุขกับความรัก  ไม่ต่างจากห้องสี่เหลี่ยมเล็กภายใต้บ้านแฝดหลังนี้  ที่กำลังถูกแต่งแต้มเติมเต็มไปด้วยความรักเฉกเช่นเดียวกัน

     

    คชากำลังนอนคว่ำไปกับเตียงนุ่ม  ที่ข้างกายมีแมวน้อยสุดที่รักกำลังนอนหลับสบายตากความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ  มือซ้ายด้านที่ถนัดกำลังจับปากกาเขียนตัวอักษรไปมาบนแผ่นกระดาษในหนังสือ  ตัวอักษรภาษาอังกฤษมากมายจากข้อสอบวัดระดับเรียงรายอยู่บนแผ่นกระดาษมีผลทำให้เด็กน้อยขมวดคิ้วแน่นมาร่วมชั่วโมง

     

    “นอนได้แล้ว..”  ความอบอุ่นจากฝ่ามือที่แสนคุ้นเคยสัมผัสขยี้เบาๆ เข้าที่ศีรษะ และนั่นทำให้เด็กน้อยเริ่มขยับ ตาคู่กลมปรายตามองดูนาฬิกาจากโทรศัพท์ที่แสดงให้เห็นว่าจวนจะตีสองแล้ว

     

    “ทำงานเสร็จแล้วหรอฮะ” เต๋าพยักหน้าเป็นคำตอบหลังจากนั้น คชาลุกขึ้นมานั่งกลางเตียง มองดูแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เดินกลับไปจัดการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เปิดค้างอยู่  เป็นสัญญาณให้คชาเริ่มหันมาเก็บหนังสือและปากกาของตนเองบ้าง 

     

    เป็นปกติของค่ำคืนวันเสาร์ที่ไม่เต๋าหรือคชาต้องเป็นฝ่ายมานอนบ้านของอีกคน แม้ส่วนใหญ่เต๋าจะเป็นฝ่ายไปนอนบ้านน้องมากกว่า แต่ถ้าวันไหนที่เต๋าต้องทำงาน เด็กน้อยก็จะเป็นฝ่ายหอบผ้าห่ม อุ้มแมวมานอนบนเตียงสีขาวของเขาเสมอ ... แต่ไม่ว่าจะนอนบ้านใคร ขอแค่ให้ปลายทางสุดท้ายเราได้นอนด้วยกันก็เพียงพอแล้ว

     

    “เอาคะน้าลงไปนอนในตะกร้าครับ”  คชาพยักหน้ารับคำ จัดแจงอุ้มแมวตัวนิ่มที่กำลังนอนหลับสนิทก่อนจะกระโดดลงจากเตียงด้วยท่าทีซุกซนตามประสา  ปกติแล้วคะน้าจะนอนเตียงเดียวกับเจ้าของตัวเล็กไม่ห่าง แต่เมื่อวันไหนที่ได้มานอนกับพี่ชายคนสนิท  แมวน้อยมีอันต้องย้ายที่นอนลงไปยังตะกร้าหวายเสมอ

     

    ริมฝีปากบางสัมผัสเบาๆ ที่ขนนิ่มของแมวน้อยสุดที่รักก่อนจะวางมันลงบนผ้าผืนนุ่มในตะกร้าหวาย  รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อไฟในห้องดับลง หลงเหลือไว้เพียงแต่แสงไฟสีส้มจากโคมไฟข้างเตียงนอน  เด็กน้อยนั่งลูบหัวเล่นหางแมวตัวฟูอีกสักพัก ปล่อยให้พี่ชายคนสนิทนอนห่มผ้าผืนหนารอบนเตียงนุ่ม

     

    เด็กน้อยเดินเตาะแตะไปยืนหยุดข้างเตียงก่อนจะคิดซุกซนปีนขึ้นไปยืนบนเตียงสีขาว  เต๋าเบิ่งตามองคนตัวเล็กที่กำลังคงคิดเล่นสนุกในยามค่ำคืน  ปลายเท้าแตะเดินไปมาอีกสองสามครั้ง ตากลมใสหันมาจ้องมองร่างสูงใต้ผ้าห่มอย่างเอาเรื่องก่อนจะทิ้งตัวลงเต็มแรงหวังให้อีกฝ่ายร้องโอดโอย ...

     

    “อ๊ะ!!”  เต๋าร้องออกมาเพราะรู้สึกจุกเล็กน้อย   วินาทีที่คนตัวเล็กตัดสินใจทิ้งตัวลงทับ  พี่ชายแสนเจ้าเล่ห์ก็ได้ตั้งท่าเตรียมรับน้ำหนักของเด็กซนเป็นที่เรียบร้อย  และทันทีที่น้ำหนักเบาหวิวทับยังร่างของตนเอง สองแขนก็โอบเอวบางเข้ามากอดแน่น คล้ายจะกักไม่ให้เด็กตัวหอมหนีหลุดออกไปได้ มองดูศีรษะกลมเคลื่อนไหว พยายามดิ้นไปมาเพื่อหลุดจากอ้อมกอด และนั่นทำให้เต๋าหัวเราะออกมาก่อนจะกอดคชาให้แน่นกว่าเดิม  หวังเพื่อจะแกล้งเด็กดื้อ หากแต่ชั่ววินาทีที่ความคิดแล่นผ่านเข้ามา .....ถ้ากอดเอาไว้แน่นๆ แล้วไม่จากไปไหนก็คงจะดี ...

     

    “ฮือออ...”  เด็กน้อยได้แต่ครางงึมงำก่อนจะดันตัวขึ้นมามองเจ้าของแขนยาวสองข้างที่กำลังโอบกอดตนเอง  ห้องสี่เหลี่ยมมีเพียงแสงไฟสีส้มส่องสะท้อน  สองสายตาจดจ้องมองสบกันและกัน รอยยิ้มปรากฏที่ริมฝีปากของคนสองคน

     

    “ทับพี่แรงแบบนี้ ถ้าพี่ตาย จะทำยังไงครับ” เสียงทุ้มนุ่มถามเด็กน้อยที่นอนทับอยู่บนตัวอย่างอ่อนโยน  ปลายนิ้วชี้เกลี่ยเบาที่หน้าผากเนียนเพื่อรอคำตอบ

     

    “ไม่ตายหรอก  พี่เต๋าเป็นแมว ตายได้เก้าครั้ง ถ้าเมื่อกี้ตายต่อไปก็เหลืออีกแปดชีวิต”  เต๋าหัวเราะขึ้นหลังจากนั้นโดยไม่ต้องสงสัย  มือที่เกลี่ยบนหน้าผากเปลี่ยนมาขยี้กลุ่มผมดำสนิทของเด็กนักเรียนที่ตอนนี้กำลังจะผันตัวไปเล่นตลก

     

    “แมวเต๋าเกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียวครับ แล้วถ้าพี่ตาย คชาจะกลายเป็นฆาตกรเลยนะ ไม่กลัวหรอ?

     

    “ไม่..หา หา หาววว”  ยังตอบไม่ทันครบประโยค  เด็กน้อยก็หาวฟอดใหญ่จนน้ำใสไหลปริ่มขอบตา  และนั่นทำให้เต๋าตระหนักได้ว่าตอนนี้เลยเวลานอนของตัวเล็กมานานมากแล้ว 

     

    “ดึกแล้ว  นอนได้แล้วครับ” ปลายนิ้วแตะซับที่หยาดน้ำ คชาหลับตาพริ้มให้อีกฝ่ายได้ทำหน้าที่  ใบหน้าง่วงเหงาหาวนอนก้มซุกลงบนแผ่นอกของพี่ชายหลังจากนั้น หลับตาลงเหมือนจะยึดพื้นที่บนตัวอีกคนแทนเตียง แต่สุดท้ายก็ผละออกมา ดวงตาสองคู่มองจ้องกันอีกครั้ง..  มีดวงตาไม่กี่คู่บนโลก ที่เรากล้ามอง และอยากจะมองตลอดชีวิต

     

    “ฝันดีฮะ” เสียงใสบอกอย่างอารมณ์ดี  ยิ้มให้อีกคนตาปิด แม้คชามองออกว่าอีกคนกำลังต้องการอะไร  หากเมื่อเต๋ากำลังจะโน้มตัวลงไปขอสัมผัสกลีบปากสีชมพูระเรื่อเบื้องหน้า  คชาก็เป็นฝ่ายผละออกมาอย่างตั้งใจจะแกล้ง  เด็กน้อยกลิ้งหลุนๆ ลงจากตัวพี่ชายขี้แกล้ง  นอนลงบนพื้นที่ด้านข้าง หันหลังให้อีกคนก่อนจะรีบยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมมิดจนถึงใบหู 

     

    เต๋ายังคงนั่งนิ่งค้างอมยิ้มส่ายหน้าไปมาให้กับเด็กขี้แกล้ง ก่อนจะหันกลับมาหาคนที่ตั้งใจนอนหันหลังหนีกัน เต๋าไม่ได้รบเร้าให้น้องหันกลับมาเพราะเต๋ารู้ว่าอีกไม่นาน...  มือหนาลูบเบาๆ ที่กลุ่มผมที่โผล่พ้นออกมา ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู แล้วโน้มตัวลงทิ้งสัมผัสจากริมฝีปากที่กลุ่มผมหอมละมุนใกล้กับใบหู 

     

    จุ๊บ

     

    “ฝันดีครับ”

     

    แขนยาวเอื้อมไปปิดไฟบนหัวเตียง  ความมืดมิดสนิทเข้ามาย่ำเยือน มือขวาถูกนำมารองใต้ศีรษะ  ตาคู่คมเหม่อมองเพดานด้านบน คิดทวนเรื่องงานที่จัดการไปก่อนหน้าแล้วค่อยหลับตาลง  ทว่าสัมผัสน้อยๆ ก็แตะสะกิดเข้าที่ช่วงเอวเสียก่อน  เต๋าบอกแล้วว่าอีกไม่นาน ....ฝ่ามือเรียวของคนข้างกายที่ยังคงนอนหันหลังให้กันเริ่มขยุกขยิกควานหา  ก่อนจะหยุดอยู่ตรงฝ่ามือด้านซ้ายของเขา  คนตัวเล็กขยับพลิกตัวมาหาอีกฝ่าย และไม่ต้องให้เสียเวลามือของเต๋าก็เข้ามาช่วยทำหน้าที่โอบอีกคนเข้ามาใกล้  ตาคู่น้อยที่ช้อนมองมาเริ่มปรือปรอยเต็มกำลังก่อนจะก้มซุกซบใบหน้าไปยังแผ่นอกของเต๋า  แขนเล็กยกขึ้นกอดอีกคนกลับ หลับตาและจมลงสู่ห้วงนิทราทันที  มือหนาจัดทิศทางผ้าห่มนุ่มให้เข้าที่เข้าทาง ลูบศีรษะเบาๆ  ฝากร่องรอยของริมฝีปากได้รูปที่กลุ่มผมหอมละมุนอีกครั้ง แล้วหลับตาเดินทางสู่ห้วงหนึ่งของกาลเวลาเช่นเดียวกัน

     

      ... แค่นอนด้วยกันไม่พอ   ต้องนอนกอดกัน กอดกันด้วย ..

     

    --------------------------------------------------------------

     

    พี่เต๋าเคยบอกคชาไว้ว่าวันสำคัญบางวันที่เคยสำคัญมากๆ ในตอนเด็ก พอโตมาก็ถูกลดความสำคัญลงอย่างน่าใจหาย  เช่น วันเกิด  รวมถึงวันวาเลนไทน์ซึ่งก็คงจะเป็นอีกหนึ่งเทศกาลในอดีตที่ตอนนี้พี่เต๋าคงไม่ได้สนใจอะไรนัก ...คชารู้ว่าพี่เต๋าอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีวันแห่งความรักอยู่บนปฏิทิน  แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ตัดสินใจมาเดินเลือกของขวัญสำหรับวันวาเลนไทน์กว่าสองชั่วโมงแล้ว ... วาเลนไทน์ครั้งแรกของเรา แค่อยากให้มันพิเศษบ้างก็เท่านั้นเอง

     

    “ไม่มีที่ชอบเลยหรอ?” 

     

    “คิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไร  เอาอะไรดีแพร”  แพรวาหมดความคิดเห็นจึงได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ  ตั้งแต่เดินเลือกของเป็นเพื่อนคชามากว่าสองชั่วโมง  ก็ดูท่าว่าไม่มีอะไรถูกใจเพื่อนคนนี้เลยสักนิด 

     

    “ยากจัง..”  เสียงเล็กว่าออกมาเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ  แก้มเนียนอมลมเข้าก่อนจะหันสำรวจมองรอบข้าง  ตุ๊กตา ดอกกุหลาบ ช็อคโกแลต หมอนรูปหัวใจ อีกมากมายเป็นแสนสิ่งอย่าง  ... มันเยอะเกินไปคชาเลือกไม่ได้

     

    มองโน้น มองนี้อีกสักพัก ก่อนสายตาจะมองเห็นเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกัน  เด็กชายลูกครึ่งตัวสูงในชุดนักเรียนม.ปลาย เหมือนดังเช่นตัวเอง  คริสกำลังจ้องมองบางสิ่งด้วยความตั้งอกตั้งใจ  นั่นทำให้คชาเดินเข้าไปหาและถามด้วยภาษาไทยระดับเบื้องต้นที่ตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มสื่อสารได้แล้ว

     

    “ดูอะไรคริส”  คชาถามและมองตามอีกคนด้วยความอยากรู้   คริสกำลังให้ความสนใจกับแผนกสินค้าD.I.Y  มีคนสองสามคนกำลังก้มหน้าก้มตาสรรค์สร้างอัลบั้มเล่มเล็กๆ กระดาษสีหวาน โบว์ลายสวย สติ๊กเกอร์ลายคลาสสิค รูปถ่ายที่ติดอยู่หน้าปก และนั่นทำให้คชาเริ่มเกิดความคิด  คนตัวเล็กกำลังนึกถึงภาพถ่ายของเด็กชายเศรษฐพงศ์ที่เคยแอบถ่ายเอาไว้ในมือถือเมื่อครั้งที่ไปเยี่ยมบ้านอีกคน

     

    This one หรอ?” เสียงใสถามเพื่อนตัวสูงก่อนจะหันหน้าไปขอความเห็น  คริสหันมายักคิ้วและพยักหน้าให้คนตัวเล็ก  บอกเป็นนัยว่าสิ่งนี้แหละที่เหมาะ  ไม่นานแพรวาก็ตามมาสมทบอีกคน ก่อนที่คชาจะเป็นฝ่ายดึงแขนยาวๆ ของเพื่อนตัวสูงที่ทำให้ตนเองเกิดไอเดียสำหรับของขวัญวาเลนไทน์ในปีนี้เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่ใหม่

     

    เมื่ออยากให้พิเศษ  ทำเองน่าจะดีที่สุด  

     

    “ไปล้างรูปกัน!

     

    ขอบคุณนะคริส .... J

     

    --------------------------------------------------------------

     

    หลังจากเสร็จสิ้นจากภารกิจลับ ตอนนี้เด็กน้อยก็เดินทางถึงบ้านอย่างปลอดภัย  มือเรียวเปิดประตู้รั้วเพื่อเข้าสู่บ้าน  ดูเหมือนว่าตอนนี้คชากำลังอารมณ์ดีได้ที่  เด็กน้อยแวะมองดูดอกกุหลาบสีชมพูหวานที่พี่มิ้นท์ซื้อมาปลูก  ดอกไม้รู้งาน ช่างบานได้ถูกช่วงเวลา  ว่าแล้วก็ขอสูดกลิ่นให้ชื่นใจสักหน่อย

     

    “คชามาพอดีเลย  พี่กำลังจะโทรตาม”  พี่สาวสุดที่รักเอ่ยทักทายทันทีเมื่อเห็นน้องชายเดินเข้ามาในบ้าน  คชายกมือไหว้พี่มิ้นท์ที่กำลังเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมความพร้อมของมื้อเย็น ก่อนจะสังเกตว่าพี่ชายคนสนิทนั่งอยู่โซฟากลางบ้านด้วย  คชายิ้มหวานให้อีกคนที่กำลังมองมาแล้วเดินเร็วเข้าไปหา 

     

    “กลับดึกนะครับ” ตัวเล็กวางกระเป๋าเป้ลงบนโซฟาตัวยาว  แล้วนั่งลงข้างๆ อีกคน  คชาแอบมองตามท่วงท่าของพี่เต๋า ยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อนึกถึงของขวัญชิ้นพิเศษที่ตั้งใจจะทำให้อีกคน

     

    “แวะซื้อของฮะ”  เต๋าหันมาพยักหน้าให้น้องทั้งรอยยิ้มแล้วกลับมาให้ความสนใจกับแผ่นกระดาษมากมายบนโต๊ะต่อ  ตั้งแต่รู้เรื่องการไปเรียนต่อของคชา  เต๋าก็กลายมาเป็นอีกคนที่คอยช่วยดูเอกสารการเรียนและการเดินทางของน้อง  และทุกครั้งที่ภาพแบบนี้เกิดขึ้น  มันก็อดไม่ได้ที่จะทำให้หัวใจดวงน้อยโหวงเหวง  อารมณ์เบิกบานใจก่อนหน้าหายไปเสียจนสิ้น  ดวงตามองตามมือหนาที่ยังคงหยิบจับกระดาษสีขาวสลับไปมา  ท่าทีที่ตั้งใจของอีกคนยิ่งทำให้คชาไม่อยากรับรู้ถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น 

     

    “ขึ้นบ้านก่อนนะ”  ยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนจะทำให้ตนเองรู้สึกแย่  มือจับเป้นักเรียนแล้วเดินไปยังบันไดบ้าน  หันหลังกลับมามองอีกคนที่ยังคงตั้งใจดูเอกสารในมือ ราวกับไม่ได้สนใจสิ่งที่คนตัวเล็กบอกออกไปสักนิด

     

    ...ไม่ต้องตั้งใจมากขนาดนั้นก็ได้... L

    ...

    ...

     

    คชาโยนเป้ลงบนเตียงนอน  แล้วนั่งพิงลงบนเก้าอี้เขียนหนังสือ  ระบายลมหายใจออกมาเมื่อยังคงรู้สึกหมองมัวในจิตใจ  ยิ่งคิดถึงภาพที่อีกคนตั้งอกตั้งใจดูเอกสารพวกนั้นก็ยิ่งหดหู่  แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามไม่คิดมากและตั้งสติ  คนตัวเล็กกลับไปหยิบถุงของที่อยู่ในเป้ นำสิ่งที่ซื้อมาวันนี้เรียงไว้บนโต๊ะ กระดาษสีสวย โบว์สีหวาน ของตกแต่งอีกหลากหลาย รูปถ่ายของอีกคน ... ของขวัญวันวาเลนไทน์ต่างหากคือสิ่งที่ต้องใส่ใจในตอนนี้

     

    “คะน้า อย่าเล่นโบว์”  นั่งออกแบบ ใช้มือซ้ายเขียนขยุกขยิกไปมาสักพัก  แมวน้อยสุดที่รักก็ปีนจากตักกระโดดขึ้นมานั่งเขี่ยโบว์สีหวานกลางโต๊ะเขียนหนังสือ  “ไม่เอาไม่เล่น คชาต้องทำของขวัญให้พี่เต๋านะ”  เหมือนแมวขนฟูจะเชื่อคำสั่งเจ้านายอยู่บ้าง  คะน้าละจากโบว์และกระโดดลงมานอนยังเตียงนุ่ม  ตากลมโตของแมวน้อยเหลือบมองแผ่นหลังของเจ้านายสุดที่รักที่กำลังตั้งท่าจะใช้คัตเตอร์กรีดลงยังแผ่นกระดาษ แล้วหมอบหัวลงเอียงคอไปกับเตียง

     

    “อ๊ะ!”   เสียงเล็กร้องออกมาทันทีเมื่อปลายคมแหลมสัมผัสเข้าที่เนื้อ  หยาดเลือดสีแดงกระจายตัวออกอย่างรวดเร็ว คชารีบลุกเดินไปยังห้องน้ำ ตามด้วยแมวตัวเล็กที่กระโดดลงจากเตียงวิ่งตามเจ้านายไปติดๆ   คชาจัดการล้างของเหลวสีแดงเข้มที่ยังคงไหลต่อเนื่อง เพราะแอบเผลอคิดถึงหน้าของอีกฝ่ายตอนนั้น จึงทำให้สมาธิหายและพลาดท่าจิ้มคัตเตอร์เข้าที่นิ้วของตัวเองแบบนี้

     

    “เฮ้อ...แค่เริ่มก็ได้แผลแล้ว”  เด็กน้อยกลับมานั่งคอตกหยิบพลาสเตอร์ในลิ้นชักขึ้นมาติดรอบนิ้วชี้ที่ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา  ก่อนที่ลิ้นชื้นของแมวสุดที่รักจะตามมาเลียเข้าที่ข้างมือ   “ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”  มือบางลูบไปมาที่ขนนิ่มของแมวตัวฟูด้วยความขอบคุณ  แม้บางครั้งจะดูไม่สนใจกันอยู่บ้างตามนิสัยแมว แต่คะน้าก็ไม่เคยทิ้งคชาไปไหน

     

    “กลับไปทำต่อดีกว่า สู้ๆ”  คชาบอกแล้วอุ้มแมวตัวเล็กขึ้นด้วยสองมือ  ปลายจมูกกดเข้าที่หน้าผากของแมวขี้อ้อน  ตั้งใจจะกลับไปทำของขวัญให้พี่ชายคนสนิทต่อแต่เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน

     

    “คชา  เด็กครับ”   เสียงทุ้มนุ่มของอีกคนดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง  คนตัวเล็กเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกทันที....  จะให้พี่เต๋าเข้ามาในห้องตอนนี้ไม่ได้..   คิดได้ดังนั้นคชาก็เดินอุ้มแมวน้อยออกไปเปิดประตูโดยไม่ลืมที่จะปิดไฟในห้องให้มืดสนิท

     

    “ทำอะไรอยู่ครับ ..กินข้าวกัน”  เต๋าขมวดคิ้วงงที่เห็นไฟในห้องมืดสนิท แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

     

    “ป่าวฮะ  ไป...ไปกินข้าวกัน” เด็กน้อยรีบปิดประตูห้องนอน เป็นจังหวะเดียวกับที่เต๋าสังเกตเห็นพลาสเตอร์สีหวานที่พันรอบนิ้วเรียว  มือหนาจับมือนิ่มมาสำรวจทันที

     

    “ไปทำอะไรมา” 

     

    “เอ่อ...โดนคัตเตอร์บาดเฉยๆ ไม่มีอะไร”  คชาตอบแล้วพยายามดึงมือออกจากอีกคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นผล

     

    “โดนตอนไหน”  เต๋าถามเพราะยังเห็นเหมือนรอยเลือดซึมออกมา ปลายนิ้วชี้ของคนที่ตัวสูงกว่าลูบเบาๆ ที่พลาสเตอร์สีหวานคล้ายจะบรรเทาความเจ็บปวดให้

     

    “ที่โรงเรียนฮะ” 

     

    “ระวังด้วยสิครับ”  คชาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ตากลมแป๋วมองช้อนมองคนตัวสูงกว่าคล้ายจะขอคำปลอบโยน  ก่อนที่มืออุ่นของอีกคนจะตามมาลูบเข้าที่ศีรษะเพื่อปลอบใจอย่างรู้หน้าที่  และนั่นก็สามารถปลอบใจเด็กน้อยได้จริงๆ  ไม่ใช่แค่อาการปวดระบมที่นิ้วแต่รวมไปถึงความขุ่นมัวในใจก่อนหน้าด้วย

     

    --------------------------------------------------------------

     

    Before Valentine’s Day

     

    “พรุ่งนี้พี่เข้าบริษัท”  คนตัวสูงกว่าในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงแสล็คสีดำสนิทเอ่ยบอกกับคชาในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินเคียงข้างกันออกมาที่ประตูรั้วบ้านเลขที่ 23/3

     

    “หรอฮะ ...มันวันหยุดไม่ใช่หรอ”  คชาถามเสียงเบา รอยยิ้มเบิกบานหลังอาหารมื้อเย็นก่อนหน้าหายไป  บัดนี้ใบหน้าน่ารักดูหงอยลงจนเต๋าแปลกใจ

     

    “มีงานค้างที่ต้องส่งอาทิตย์หน้า พี่ๆ เขาเลยนัดไปเคลียร์ครับ” คชาพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คชาไม่เข้าใจเลยสักนิด

     

    “แล้วเสร็จกี่โมง”

     

    “บ่ายๆ ก็น่าจะเสร็จแล้ว”

     

    “พรุ่งนี้พี่เต๋าก็ไม่ได้ไปทำบุญด้วยกันใช่ไหม”  คชาบอกน้ำเสียงหงอยๆ  พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญทางศาสนา  สมาชิกบ้านแฝดสองหลังจึงวางแผนจะไปทำบุญด้วยกัน  แต่ดูเหมือนว่าพี่ชายคนสนิทของคชาจะไม่สามารถไปด้วยกันได้

     

    “เอาบุญมาฝากพี่ด้วยนะครับ” เต๋าส่ายหน้าและบอกเด็กหน้าหงอย  คชาพยักหน้ารับ เต๋าแอบเห็นว่าริมฝีปากบางนั้นเม้มแน่น  พอจะเดาได้อยู่ว่าน้องคงแอบเคืองกันบ้างแต่ก็มั่นใจว่าคชาคงเข้าใจ  มือหนากุมจับมือบางของเด็กน้อยก่อนจะเอ่ยบางประโยคคล้ายสัญญา

     

    “จะรีบกลับนะครับ ” คชาพยักหน้ารับคำอีกครั้ง  รู้สึกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามเข้าใจเรื่องงานของอีกคน  อีกใจก็เหม่อคิดถึงกล่องของขวัญสีหวานที่ทุ่มเททำหลายวัน แม้จะบอกกับตัวเองว่าไม่ได้หวังให้อีกคนให้ความสำคัญอะไรกับวันแห่งความรัก  แต่ลึกๆ แล้วคชาก็แอบหวังให้พี่เต๋ามีอะไรพิเศษให้กันบ้าง แต่จากการคาดการณ์ในตอนนี้ เปอร์เซ็นใกล้จะเป็นศูนย์เต็มทีแล้วสิ 

     

    “ดอกกุหลาบที่พี่มิ้นท์ซื้อมาปลูกบานแล้วหรอเนี่ย”  จู่ๆ เต๋าก็โพล่งออกมาเมื่อเหลือบมองเห็นดอกกุหลาบสีชมพู แดง สองสามดอกบานสลับกัน  จำได้ว่าตนเองเป็นคนช่วยขุดดินเพื่อปลูกดอกไม้พวกนี้  พอเห็นมันบานแข่งกันเช่นนี้ก็แอบปลื้มใจ  เต๋าค่อยๆ จูงอีกคนไปนั่งยองกับพื้นเพื่อมองดอกกุหลาบสามดอกด้วยกัน  สีชมพูหนึ่งดอก อีกสองดอกคือสีแดง

     

    “ดูดีเหมือนคนขุดหลุมเลยนะเนี่ย”  ความจริงแล้วเต๋าไม่ได้ตั้งใจจะสนใจดอกไม้พวกนี้  แต่เพราะหน้าเหงาหงอยซึมเศร้าของอีกคนต่างหากที่ทำให้เต๋าต้องหาตัวช่วยจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเพื่อทำให้รอยยิ้มละมุนละไมกลับมาอีกครั้ง

     

    “แต่คชาเป็นคนรดน้ำ”  คชาบอกเสียงสูงแล้วใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ ที่กลีบดอกไม้  ในขณะที่มืออีกข้างยังโดนอีกคนจับไว้แน่น 

     

    “งั้นแสดงว่านี่ไม่ใช่ต้นกุหลาบ” คชาขมวดคิ้วงงหันมามองหน้าอีกฝ่าย  และความสงสัยก็คลายออกเมื่อได้ยินประโยคถัดไป  ที่เรียกให้เสียงหัวใจเต้นระรัวเร็ว

     

    “มันคือต้นรักของเราสองคน”  ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มเข้าหากันด้วยอาการเขินอาย  แก้มเนียนใสขึ้นสีราวกับดอกกุหลาบสีหวานที่กำลังแข่งกันบานออกดอก

     

    “ขอบคุณที่ดูแลนะครับ  แม้มันจะไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่ก็ขอบคุณที่เข้าใจและให้ความรักนะ”  เต๋ารู้ว่าคชารู้ว่าเขาไม่ได้หมายถึงต้นกุหลาบ หากแต่หมายถึงผู้ชายบ้างานอย่างเขาต่างหาก  ที่แม้ไม่ค่อยมีเวลาให้เหมือนเมื่อก่อนแต่น้องก็พยายามที่จะเข้าใจกันเสมอมา  คชาเพียงแค่กระพริบตาสองสามทีและกลับไปก้มหน้าก้มตาด้วยอาการเขินอาย  เหมือนความขุ่นมัวก่อนหน้าลดลงจนเกือบหมดสิ้น 

     

    “ว่าแต่ดอกกุหลาบนี่หอมไหมนะ?” เด็กน้อยเงยหน้ากลับมามองอีกคนที่ยังคงมองจ้องนิ่งไม่หนีหาย  มือข้างที่โดนกุมไว้โดนลูบเบาๆ จากความอบอุ่นของอีกคน  “ว่าไงครับ  หอมไหม?  ดูเหมือนว่าเต๋าอยากจะให้คชาพูดอะไรออกมาบ้าง   แต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ทำตามเพียงพยักหน้าตอบกลับช้าๆ  เต๋าเห็นแบบนั้นก็ไร้หนทาง ตอนนี้ก็คงจะเหลือเพียงวิธีเดียว ...ต้องพิสูจน์ความหอมของกุหลาบต้นนี้ด้วยตนเอง  คิดได้ดังนั้น  จมูกโด่งได้รูปก็กดน้ำหนักลงบนแก้มเนียนสีชมพูระเรื่อ นิ่งค้างเพื่อกักเก็บความหอมจากกลิ่นละมุนจากแก้มนิ่มแล้วผละออกมาช้าๆ เพื่อมองหน้าเด็กน้อยที่กำลังตั้งท่าจะเอาเรื่อง

     

    “พี่เต๋า!”  คชาร้องออกมาเหมือนจะโวยวาย  มือบางเผลอผลักอีกคนให้ออกห่างแต่ทว่ากลับเป็นตัวเองที่เซลงไปนั่งจุมปุ๊กกับพื้นหญ้าแทน   เต๋าหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

     

    “เมื่อยก็ไม่บอกพี่ ลงไปนั้นแบบนั้นเจ็บไหมครับ”  เสียงทุ้มนุ่มยังคงหัวเราะอย่างต่อเนื่อง  เด็กน้อยนั่งหน้างอตั้งแต่วินาทีแรกที่น้ำหนักทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้า  และยิ่งอีกคนหัวเราะเยาะกันแบบนี้ยิ่งอยากจะงอน

     

    “จะไปไหนก็ไปเลย”  แม้จะถูกไล่ด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ  หากแต่มือของเรายังคงถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่กัน แม้คนตัวเล็กจะเซพลาดท่าลงไปนั่งแบบนั้น  แต่มือหนาก็ไม่ปล่อยให้มือน้อยนี้หลุดออกจากไป 

     

    “พี่ไปจริงๆ นะ”  ริมฝีปากบางเบะออกทันที  ใบหน้าน่ารักมุ่ยหน้าคิ้วขมวดจนเต๋าไม่รู้จะอธิบายยังไง  ใจนึกอยากจะหัวเราะต่อ แต่เห็นหน้าเด็กเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นก็ต้องพับความคิดและเข้าปลอบทันที   

     

    “โอ๋ๆ  รักขนาดนี้จะไล่ให้ไปไหนก็ไม่ไปจ้า”  เต๋าบอกแล้วนั่งลงกับพื้นหญ้าเหมือนน้อง “นั่งลงเป็นเพื่อนแล้วนะครับ  โอ๋ๆ นะ เด็กดีไม่งอนนะครับ”  แขนอีกข้างที่ว่างโอบกอดช่วงไหล่ของคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้  ใบหน้าของคชาเคลื่อนมาซบลงบนไหล่หนาของพี่ชายขี้แกล้ง

     

    “เจ็บไหมครับ”  คชาพยักหน้าไถแก้มเนียนไปมาที่ไหล่ของอีกคน  มือหนายังคงทำหน้าที่ลูบแผ่นหลังบางเพื่อปลอบโยน   เสียงบอกปลอบโอ๋เอ๋ยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง  ท้องฟ้าคืนนี้ไม่ได้มืดสนิท  แสงของดวงจันทร์กลมโตสาดส่องลงมายังพรรณไม้สีหวานที่เบ่งบานได้ถูกช่วงเวลา  ส่งกลิ่นหอมหวานลอยละล่องไปตามอากาศบริสุทธิ์  เหมือนช่วยเติมเต็มความรักของคนสองคนที่กำลังหยอกล้อกันอยู่เบื้องหน้า  เสียงฝ่ามือตีเข้าที่ไหล่หนาเมื่อถูกล้อเรื่องท่วงท่าที่เซลงไปนั่งกับพื้นหญ้าอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของคนถูกตีที่ดูจะมีความสุขเมื่อได้เห็นใบหน้าน่ารักของเด็กน้อยง้ำงอ   ปลายนิ้วของคนตัวสูงกว่าจิ้มเข้าที่ปลายจมูกรั้นของคนตัวเล็กเหมือนเป็นการขอโทษ ....อาจจะจริงเหมือนที่เต๋าบอก  ต้นกุหลาบต้นนี้เป็นต้นรักของเราสองคน 

     

    จะว่าไปแล้ว 13 กุมภา ก็เป็นวันแห่งความรักเหมือนกันนะ... > <

     

    --------------------------------------------------------------

     

    ปลายเท้าแตะสัมผัสผ่านบันไดทีละขั้น เดินตามทางไปเรื่อยจนถึงห้องของคนที่บอกว่าจะกลับมาหากันในช่วงบ่ายของวัน   ตอนนี้จวนจะสี่โมงเย็นแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าพี่เต๋าจะกลับบ้าน  ไลน์ไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็กลัวว่าจะรบกวนเวลาทำงาน  ดังนั้นคชาจึงตัดสินใจมารอคอยอีกคนที่ห้องโดยไม่ลืมที่จะนำกล่องของขวัญสีหวานมาด้วย 

     

    เด็กน้อยเดินมานั่งลงบนเตียงนุ่ม  ตามมาด้วยร่างของแมวเหมียวสีขาวที่แม้ว่าเจ้านายจะไม่ได้อุ้มพามา แต่แมวคะน้าก็วิ่งติดตามมาเอง  มือน้อยวางกล่องของขวัญลงบนเตียงก่อนจะหยิบกรอบรูปสีขาวที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงของอีกคนมาดู   ยิ่งมองก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้าง  รูปภาพของคชากับเสื้อเชิ้ตสีชมพูเมื่อตอนไปงานแต่งงานของเพื่อนพี่เต๋า  รูปที่พี่เต๋าเป็นคนถ่ายเองกับมือ 

    ...

    ...

     

    ขายาวก้าวฉับขึ้นบันไดบ้านอย่างรวดเร็ว  เพราะต้องแก้งานที่ผิดพลาดทำให้เต๋าต้องอยู่บริษัทจนถึงเย็น  พอเสร็จงานสิ่งที่คิดถึงสิ่งแรกก็คือนัดหมายของเขากับเด็กน้อย  เต๋าโทรหาอีกฝ่ายแต่ไม่มีการตอบรับ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเผลอหลับหรือแอบไปวางโทรศัพท์ไว้ที่อื่น  ทว่าเต๋าก็โทรเข้าหาพี่มิ้นท์จึงทำให้รู้ว่าคชามาที่บ้านของเขาตั้งแต่ช่วงบ่าย 

     

    ทันทีที่เปิดประตูไม้เข้ามาในห้องนอน  ก็เป็นไปตามที่คาดไว้  เด็กน้อยของเขากำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่กลางเตียงเคียงข้างกับแมวตัวฟูที่ครั้งนี้ไม่ได้หลับเหมือนทุกครั้ง  คะน้าเลียเข้าที่ข้างแก้มของเจ้านายคล้ายจะปลุก  แล้วกระโดดโหยงลงจากเตียงสีขาวเพื่อวิ่งเข้ามาคลอเคลียที่ขาของคนตัวสูง  เต๋ามองสิ่งมีชีวิตตัวฟูด้วยความเอ็นดูก่อนจะอุ้มมันขึ้นมา 

     

    ดวงตาคมมองตามเรือนร่างบอบบางที่เริ่มขยับตัวเพราะสัมผัสจากแมวน้อยเมื่อครู่  ดวงตาคู่เล็กปรือปรอยมองภาพเบื้องหน้าก่อนจะสะดุ้งโหยงลุกขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าตนเองเผลอหลับไป

     

    “นอนตอนเย็นอีกแล้วนะครับ”  เต๋ายืนอุ้มแมวมองเด็กขี้เซาที่กำลังเกาหัวตัวเองด้วยท่าทีงุนงง  

     

    “กี่โมงแล้ว” เด็กน้อยถามขึ้นแล้วลุกออกจากเตียงเพื่อมายืนอยู่ด้านหน้าอีกคน  และทันทีที่เจ้านายเข้ามาใกล้พี่ชายตัวสูง  คะน้าก็ดิ้นกระโดดลงไปยังเตียงนุ่มอย่างรู้ช่วงเวลา  เป็นโอกาสให้เต๋าจับศีรษะกลมเข้ามาซบที่แผ่นอก  ใบหน้าง่วงซบลงไปยังตัวของคนตัวสูงกว่า ก่อนที่มือหนาจะค่อยๆ ทำหน้าที่ปลอบลูบหลัง

     

    “หกโมงกว่าแล้ว...ขอโทษที่มาช้านะครับ”  คชาส่ายหน้าบนแผ่นอกอีกคนเหมือนบอกว่าไม่เป็นไร  เต๋าไม่รู้ว่าที่ทำไปเพราะน้องรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ หรือเพราะอาการเบลอจากความง่วง แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี 

     

    “คชามีอะไรจะให้”  คชาผละออกมาจากคนตัวสูงเมื่อสติเริ่มมาเยือน  ดวงตาคู่น้อยพยายามเบิ่งออกให้กว้างที่สุด ก่อนจะรีบไปหยิบกล่องของขวัญที่วางอยู่บนเตียง  เต๋ามองตามท่าทีน่ารักของน้อง แอบนึกลุ้นว่าอีกคนกำลังจะทำอะไร

     

    “คชารู้ว่าพี่เต๋าไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์  แต่คชาก็อยากให้อยู่ดี”  มือสองข้างยื่นกล่องของขวัญมายังร่างสูง  เต๋ามองมันพร้อมหัวใจที่เริ่มเต้นระรัวเร็ว   “สุขสันต์วันวาเลนไทน์ฮะ”  เต๋ารับกล่องกระดาษมาไว้ด้วยท่าทีงุนงง  กล่องสีหวานกับโบว์ลายน่ารัก มันน่ารักเสียจนเขาไม่อยากแกะมันออก  มือหนาเริ่มจัดการเปิดกล่องออกช้าๆ  พร้อมเสียงหัวใจของเราสองคนซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้จังหวะของใครเต้นดังมากกว่ากัน   เต๋าเริ่มมองเห็นสิ่งของด้านใน  ไดอารี่สีครีมเล่มไม่ใหญ่ไม่เล็ก  ที่ด้านหน้ามีตัวอักษรเล็กๆ เรียงติดกัน

     

    ‘To My Boy’  
    You are my Valentine .

     

    เต๋าเงยหน้ามองอีกคน เห็นดวงตาใสแป๋วไร้ความง่วงกำลังร้องบอกให้เขาเปิดไปในไดอารี่ มือหนาเริ่มจัดการเปิดสมุดเล่มนี้ช้าๆ  แต่ละหน้าของมันช่างมีความหมาย ภาพของเขาในวัยเด็กที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าคชาไปหามาจากที่ไหน กระดาษสีสวย รูปหัวใจเรียงรายแปะติดตามกระดาษสีขาว  แต่ละหน้ามี quote ภาษาอังกฤษสั้นๆ หากแต่เต็มไปด้วยความหมาย บางข้อความเคยเห็นผ่านตาบ้าง แต่ก็มีอีกหลายข้อความที่คาดว่าเด็กน้อยตรงหน้าจะเป็นคนแต่งเอง 

     

    “ให้ไว้เขียนเวลา ... คิดถึงกัน”  เสียงใสบอกคนที่ยังคงก้มหน้าเปิดไดอารี่  และเพราะว่ายังก้มหน้าจึงทำให้เต๋าสังเกตเห็นบางอย่าง

     

    “แผลนี้ได้มาเพราะนี่ใช่ไหมครับ?”  เต๋าถามแล้วจับมือข้างที่ปลายนิ้วชี้มีพลาสเตอร์สีหวานขึ้นมา  ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกตื้นตัน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกซึ้งใจ  ไม่นึกว่าตัวเองจะมายืนใจเต้นรัวตอนอายุจะ 24 เพราะของขวัญวันวาเลนไทน์จากสุดที่รักที่ยังคงเป็นนักเรียนม.ปลาย  

     

    “ขอบคุณนะครับ  ..ขอบคุณ...ทุกอย่างเลย”  เต๋าบอกแล้วกดริมฝีปากลงที่หลังมือบาง  และกดน้ำหนักอีกครั้งที่ปลายนิ้วเรียวตรงที่พลาสเตอร์แปะอยู่  ถ่ายทอดความอบอุ่นส่งแทนคำขอบคุณที่มีมากมายเกินจะบอก  เต๋าเงยหน้าขึ้นอีกครั้งมองเห็นดวงตาของเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความสุข และเขาคิดว่าเขาเองก็คงไม่ต่างกัน ...        

     

    “รอพี่แปบนะ”  คชาอ้าปากเหมือนกำลังจะร้องท้วงแต่อีกฝ่ายก็วิ่งออกไปเสียก่อน  ...

    ...

    ...

    เต๋ากลับมาอีกครั้งพร้อมกับดอกกุหลาบสีชมพูหวานคุ้นตา  ดอกกุหลาบที่บานมองเราสองคนหยอกล้อกันเมื่อคืนอยู่ในมือของร่างสูงเรียบร้อยแล้ว  คชามองตามดอกกุหลาบที่อีกคนไปตัดมาให้  ในใจคิดว่าพี่เต๋าคงรู้สึกผิดที่ไม่มีของขวัญให้กันในวันวาเลนไทน์  แอบสารภาพว่ารู้สึกเสียใจนิดๆ ที่เห็นอีกคนเดินเข้ามาตัวเปล่า  แต่พอให้ของขวัญแล้วพี่เต๋ายิ้มดีใจมีความสุข คชาก็ไม่ต้องการสิ่งใด ... รอยยิ้มของพี่เต๋านี่แหละที่เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์สำหรับคชา

     

    “สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ” มือหนายื่นดอกกุหลาบสีชมพูให้คนตัวเล็ก  คชารับมันมาถือไว้ทั้งรอยยิ้ม ก้มลงสูดกลิ่นหอมของมันใกล้ๆ   “ดูกากๆ  แต่พี่หาไม่ทันจริงๆ ขอโทษนะครับ” 

     

    “ไม่เป็นไร  คชาชอบกาก  กากมันมีใยอาหารเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย”  คชาบอกพี่ชายตัวสูงทั้งรอยยิ้ม  ประโยคน่ารักๆ แบบนั้นไปหัดพูดมาจากไหนกันนะ 

     

    คชาน่ารักเกินไปแล้ว ...

     

    “คิดว่าพี่ไม่มีของขวัญให้จริงๆ หรอครับ” เต๋าพูดทั้งรอยยิ้ม  และนั่นทำให้คชาเอียงคอมองอีกคนทันทีที่ได้ยินแบบนั้น  “พี่ดูเป็นว่าที่แฟนที่แย่มากๆ เลยหรอครับ”  เต๋าบอกแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักหัวเตียง  เพื่อหยิบกล่องสี่เหลี่ยมใบเล็กออกมาให้คนตัวเล็ก 

     

    “สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับมายเลิฟ”  เต๋าหยิบสร้อยข้อมือสีเงินออกมา ตาคู่กลมเบิกกว้างมองตามความแวววาวสีเงินบนมืออีกฝ่าย  มองเห็นจี้กลมเล็กๆ ที่สลักตัวอักษรภาษาอังกฤษสองตัว  

     

    ‘TK’

     

    ข้อมือบางถูกสัมผัสด้วยความเย็นจากสร้อยเงินเพื่อทำการสวมใส่  หัวใจดวงน้อยลอยล่องพองฟูเกินจะบรรยาย  เต๋าตั้งใจสั่งทำสร้อยข้อมือเส้นนี้ให้เด็กน้อยของตนเองในวันวาเลนไทน์  เขาไม่ได้ลืม เพียงแค่ไม่ได้บอกออกไป  ตั้งใจจะให้น้องตกใจเล่น  แต่กลายเป็นว่าเด็กดีทำให้เขาตกใจแทน 

     

    “ชอบไหม?” ข้อแขนถูกยกขึ้นมาเพื่อให้ตนเองได้มองเห็นสร้อยข้อมือได้ชัดเจน   เด็กน้อยกัดริมฝีปากล่างแล้วพยักหน้าตอบ  คชาเงยหน้ามองอีกคนทั้งดวงตาที่ฉาบเคลือบไปด้วยความแวววาวก่อนจะโผเข้าโอบที่ลำคอของคนตัวสูงกว่า

     

    “ขอบคุณนะคับ” 

     

    “ครับ ... ขอบคุณเหมือนกันครับ” เต๋าลูบเบาๆ ที่กลุ่มผมนุ่มด้วยความเพลินมือ  ก่อนจะระลึกได้ว่าสิ่งที่ควรจะทำต่อไปควรเป็นการบอกรัก  แต่วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ทั้งที จะให้บอกรักธรรมดาก็คงไม่ใช่สไตล์ของเต๋าเท่าไหร่นัก ... ว่าแล้วก็ผละออกมา เพื่อมองจ้องดวงตาคู่กลม  ถ่ายทอดทั้งความรู้สึกและความต้องการให้น้องได้รับรู้ 

     

    “ขออนุญาตนะครับเค้กสตรอเบอร์รี่”  เต๋าไม่รอคำขออนุญาตหลังจากนั้น และคชาเองก็ไม่คิดว่าจำเป็น เพราะความต้องการและความรู้สึกของเราสองสื่อผ่านออกทางดวงตาอย่างชัดเจนแล้ว  มือหนาโอบเอวบางเข้ามาชิด ก่อนจะตั้งใจบอกรักให้ยาวที่สุดเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง...

     
     

    “รัก”

    จุ๊บ

     

    “คชา”

    จุ๊บ

     

    “นะ”

    จุ๊บ

     

    “ครับ”

    จุ๊บ

     

    ทุกพยางค์ที่เอ่ยออกมาตามมาด้วยสัมผัสจากความอบอุ่นของริมฝีปากได้รูป สัมผัสแตะบางเบา เข้าออกเพื่อกดย้ำซ้ำๆ ไม่มีการล่วงล้ำแต่อย่างใด   คนที่โดนรับสัมผัสทำได้เพียงแต่หลับตาจนกระทั่งถึงคำลงท้ายที่เด็กน้อยคิดว่าน่าจะเป็นจุ๊บสุดท้ายสำหรับวันนี้ ...  หน้าผากของเราสองคนแนบชิดติดกันหลังจากนั้น   แต่ยิ่งมองริมฝีปากอิ่มเผยอออกอยู่แบบนั้น ก็ยิ่งทำให้เต๋าอดใจไม่ไหว ขอก้มลงเพื่อสัมผัสความหอมหวานละมุนละไมที่กลีบปากสีระเรื่ออีกครั้ง

     

    “นะ” เต๋าแตะริมฝีปากลงเบาๆ ไม่ต่างจากครั้งที่ผ่านมา  เสียงเล็กครางงึมงำในลำคอเมื่ออีกฝ่ายก้มลงฝากสัมผัสอีกครั้ง  “พี่แถมให้ครับ”  เต๋ายักคิ้วให้คนตัวเล็ก  แม้จะนึกหมั่นไส้ท่าทีของอีกคน  แต่เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษคชาจะไม่โวยวายที่พี่เต๋าล่วงเกินกันมากมายขนาดนี้   

     

    “แล้วคชาต้องบอกรักพี่เต๋าไหม?”  เสียงใสเอ่ยถาม แล้วกระพริบตาปริบสองสามที

     

    “เอาที่สบายใจครับ”

     

    “งั้นก็...รัก”

     

    “ไม่ครบครับ  ต้องจุ๊บๆ ด้วย”  เต๋าบอกแล้วยื่นริมฝีปากเข้าใกล้คนตัวเล็ก 

     

    “งั้นหลับตาก่อน”  เต๋าหลับตาลงอย่างว่าง่าย  มือบางจับเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างของคนตัวสูงกว่า  ปลายเท้าเขย่งเพื่อแตะริมฝีปากทาบทับกับอีกคน  สัมผัสไร้เดียงสาแตะเข้าเบาๆ ที่ริมฝีปากของคนตัวสูงกว่า  ความนุ่มนิ่มแสนบริสุทธิ์ที่ได้รับทำให้เต๋าไม่สามารถให้ทุกสิ่งอย่างหยุดเพียงเท่านี้ได้   มือที่โอบเอวบางเลื่อนขึ้นมายังต้นคอของคนตัวเล็ก  ก่อนจะกดน้ำหนักเน้นย้ำที่ริมฝีปากระเรื่อด้วยตัวเอง  แล้วจึงเริ่มขยับเคลื่อนไหวที่เนื้อนิ่มอย่างอ่อนโยน เว้นช่องว่างให้น้องได้ผ่อนลมหายใจ แล้วกลับเข้าไปทาบทับเคลื่อนไหวที่ริมฝีปากบางอีกครั้งและอีกครั้ง  ไม่ใช่เพียงริมฝีปากของใครคนนึงที่ขยับ  แต่ทุกสัมผัสของเรากำลังเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน  มือเล็กสองข้างกำเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายแน่นเพื่อระบายความรู้สึก  ไม่ต่างจากมือหนาที่เลื่อนลงมาหยุดที่เอวบางเพื่อขยับให้เราได้ใกล้ชิดกันและกันมากขึ้น   ท่ามกลางสีสันของความรักที่อบอวลลอยละล่องไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม  สองหัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกันอย่างน่าประหลาด  ไม่มีใครรู้ว่าสัมผัสที่เรากำลังมอบให้กันและกันอบอุ่นหวานละมุนมากมายเพียงใด    แมวน้อยตากลมมองเจ้านายสุดที่รักกับพี่ชายข้างบ้านส่งผ่านความรู้สึกให้แก่กัน  ก่อนที่จะซบหัวลงไปยังผ้าห่มนุ่มแล้วหลับตา ปล่อยให้ห้วงเวลาของความสุขก่อเกิดกับคนทั้งสองต่อไป ...

     

     

     

    You’re my Valentine...

     

     

    --------------------------------------------------------------

     

     

     

     

     

    Happy Valentine’s Day :)

    นี่มันหนักไปไหม  น้องคชาอยู่ ม.ปลายนะ 0[]0!!

    หายไปนานมากๆ  คิดถึงเด็กกับผู้ใหญ่มากๆ เช่นกัน  หลังจากดึงสติกลับมาจาก Giftproject ก็รีบปั่นตอนที่30 ทันทีทันใด  ไม่อยากจะเชื่อว่าแต่งฟิคเรื่องนี้มา 30 ตอนแล้ว  T^T ,,, มันเยอะมากๆ เลยนะว่าไหม

    จบตอนนี้ยังไม่มีแพลนสำหรับตอนต่อไปเลยค่ะ  ตอนนี้คิดได้แค่ช่วงท้ายๆ ของเรื่อง  เอาไว้ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้คะน้าน่ารักจัง  แต่งไปก็แอร๊วๆ อยากได้แมวมากอด > <  

     

    ไม่รู้คิดถึงกันไหม  แต่นี่คิดถึงมากๆ บอกเลย

     

    @CHICKIMILK

    @KACHA_Meesook23  @TAO_Meesook23

     

    ... นี่โปโปกันไปกี่ครั้ง ไม่ขอนับ ...สงสารน้อง T^T

     

     #มีสุข23 
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×