ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #32 : Chapter 31 - Happy Alley เข้าใจผิดไม่นิดไม่หน่อย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 770
      3
      30 เม.ย. 57

        
     

     Chapter 31

     

     

    “หนูคะน้าเป็นลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว”  เสียงร้องเพลงของน้องชายคนเล็กประจำบ้านเลขที่ 23/2 ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กำลังย่ำลงบันไดทีละขั้น ที่สองมือกำลังอุ้มน้องแมวเหมียวขวัญใจคนในบ้าน หวังเพื่อขึ้นไปส่งมอบแมวขนนิ่มสีขาวคืนเจ้าของหลังจากยืมมาเล่นได้สักพัก  ว่าแล้วก็รัก ขอหอมขนอีกสักทีนะหนูคะน้า ... “ไม่ใช่นี่หว่า..หนูคะน้าเป็นลูกป๊ะป๋าเต๋า หม่าม๊าคชา” พูดเองก็หัวเราะเองที่ได้ล้อพี่ชายตนเองและน้องตัวเล็กข้างบ้าน แอบคิดในใจเหมือนกันว่าถ้าสองคนนั้นได้ยินมีหวังตนเองคงโดนสองขาหลังของหนูคะน้าเสยคางจากไม่คนใดก็คนหนึ่งเป็นแน่

     

    “พี่เต๋าไม่เอา..”  เสียงหวานใสหัวเราะคิกคักผ่านเข้ามากระทบโสตประสาท  เฟรมค่อยๆ ย่องขยับเข้าไปยังบานประตูห้องนอนของพี่ชายตนเองช้าๆ ราวกับว่ากลัวใครจะล่วงรู้หนักหนา

     

    “คชาไม่เอาอะไรวะ” ขมวดคิ้ว แนบหูชิดกับประตูห้องที่ยังคงมีเสียงหยอกล้อของพี่เต๋าและน้องคชา แล้วก็อดใจไม่ไหว อยากจะขอเข้าไปร่วมเฮฮาด้วย

     

    “จ๊ะเอ๋! ..... เห๊ย!  เฟรมเปิดประตูเข้าไปเต็มแรง ตั้งใจจะทำให้คนอยู่ในห้องตกใจแต่กลายเป็นตนเองที่ตกใจมากกว่า  ตาที่ว่าโตเบิกโพลงเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นพี่ชายของตนเองกำลังโน้มหน้าเข้าชิดข้างแก้มของคชา ซ้ำยังค่อมทับร่างของน้องชายข้างบ้านกลางเตียงนุ่ม สภาพของพี่เต๋าเปลือยท่อนบน ยังดีที่เฟรมมองเห็นกางเกงยีนส์สีเข้มด้านล่าง ไม่งั้นนะ ...  

     

    “ล ล ..เล่นอะไรกัน” เฟรมถามน้ำเสียงติดตะกุกตะกักด้วยความตกใจจนเผลอปล่อยแมวขนนุ่มให้กระโดดออกจากอ้อมแขนไปหาเจ้าของโดยไม่รู้ตัว

     

    “ก็เล่นกัน” เต๋าผละออกจากเด็กน้อยบนเตียง  ปล่อยให้คชาไปอุ้มรับแมวขนนิ่มที่วิ่งกระโดดขึ้นมาบนเตียง  สีหน้าบนใบหน้าของเต๋าเรียบนิ่งเหมือนไม่สนใจเลยว่าสิ่งที่น้องชายของตนเองพึ่งเห็นไปกระตุ้นต่อมส่วนใดของน้องชายตัวเองไปบ้าง ... นี่พี่เต๋าคิดว่าเมื่อกี้น้องเฟรมเห็นพี่เต๋ากินข้าวเช้ากับน้องคชาหรอวะ!

     

    “เอ้อ!  เล่นกันก็เล่นกัน...คชาพี่เอาแมวมาคืน ไปแล้ว”   เฟรมบอกทิ้งท้าย ไม่สบตาพี่ชายตัวเอง ปิดประตูทั้งที่ตายังคงเบิกโพลง แล้วยืนนิ่งคิดนึกย้อนไปเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เข้ามาค้นยาในตู้ของพี่เต๋า ยาที่หานะเจอแล้วแต่เฟรมว่าจะขอแอบหยิบสิ่งที่ป้องกันความเป็นชายในยามนั้น กะเอาพกไว้อวดเพื่อนเพิ่มความเท่สักหน่อย จำได้ว่าตอนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ เคยเห็นพี่เต๋าซื้อไว้เต็มกล่องกลิ่นสตรอเบอร์รี่เสียด้วย  ผ่านมาจะเป็นปีก็ยังเห็นเต็ม ไม่ถูกแกะใช้สักอัน แต่วันก่อนนั้น เฟรมไม่เจอแม้แต่ซาก ... แล้วภาพที่เห็นบนเตียงเมื่อกี้มัน.. มัน...

     

    “หรือว่าพี่เต๋ากับคชาจะ ...เห๊ย!” ทันทีที่ความคิดวิ่งแล่นเข้ามา ขาสองข้างก็วิ่งลงไปไดไปหาพี่ชายคนโตทันที

     

    “เด็กครับลงไปข้างล่างกันเถอะ”  เต๋าร้องบอกอีกคนในขณะที่ตนเองกำลังสวมเสื้อยืด ย้อนไปเมื่อไม่กี่นาที เขาพึ่งอาบน้ำเสร็จไม่นาน  ตอนเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เจอเด็กน้อยมาแอบหลับอยู่บนเตียง เลยหาเรื่องแกล้งอีกฝ่ายเป็นเรื่องปกติ  วิ่งเล่นไล่จับกันไปมาให้น้องได้เขินเล่นเหมือนที่เคยทำ สนุกสนานจนมาล้มสลบที่เตียงกันทั้งคู่  ตั้งใจจะแสดงความคิดถึงผ่านสัมผัสที่ความนุ่มนิ่มสีระเรื่อรับอรุณ แต่น้องชายแท้ๆ ก็ดันเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน 

     

    “ลงไปข้างล่างกัน”  เต๋าบอกอีกครั้งเมื่อรู้สึกเหมือนคนฟังจะไม่ได้ยิน  แผ่นหลังบางยังคงนั่งหันหลังอยู่กลางเตียงกอดแมวสีขาวขนนิ่มไม่ขยับ  ทำให้เต๋าต้องเป็นฝ่ายเดินไปยืนตรงหน้าแต่ก็ดูเหมือนว่าเด็กน้องจะยังคงนั่งนิ่งก้มหน้าไม่รู้สึกอะไร ... เหม่ออะไรนะ?

     

    “เด็ก! 

     

    “ห๊ะ!” เสียงทุ้มเรียกเด็กน้อยเสียงดัง  ทำเอาคนฟังสะดุ้งโหยงและนั่นทำให้เต๋ามองเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดขึ้น 

     

    “หือ?....”  เต๋าก้มลงมองใบหน้าเนียนใสก่อนจะผุดร้อยยิ้มขึ้นที่มุมปาก  “นี่เขินหรอครับ  แก้มแดงเชียว”  เต๋าถามแล้วใช้ปลายนิ้วลากผ่านเบาๆ ที่แก้มเนียนของคนตัวเล็ก  ก่อนจะย้ายตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียงข้างกัน  

     

    “พี่เฟรมเห็นหมดแล้ว”   เต๋าระเบิดหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินเสียงใสเอ่ยเบาๆ 

     

    “พี่เต๋าห้ามหัวเราะนะ ห้ามหัวเราะ” และเมื่ออีกคนหัวเราะไม่หยุด ทำให้เด็กน้อยต้องใช้มือปิดปากคนตัวสูงกว่าเอาไว้ แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เหมือนโดนกับดัก โดนพี่เต๋าดึงมือเข้าไปแตะกับริมฝีปากแล้ว  ... พี่เต๋าก็เป็นแบบนี้  ชอบหาเรื่องมาแกล้งกันให้เขินตลอดเวลา

     

    “แบ่งให้คนอื่นเห็นบ้างก็ไม่เป็นไรมั้งเนาะ  ไม่ต้องเขินนะครับ”  ไม่รู้ว่าเพราะน้ำเสียงอ่อนโยนของอีกคนหรืออะไร  ที่ทำให้คชายอมพยักหน้าและปล่อยให้อีกคนดึงเข้าไปกอดปลอบ พอเงยหน้าขึ้นมามองก็พบกับแววตาคู่คุ้นเคยที่เคลือบแฝงไว้ด้วยความอบอุ่นที่มักเผลอทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว  เต๋าก้มลงกดริมฝีปากลงบนควาอ่อนนิ่มสีระเรื่อตรงหน้า  เพียงช่วงสั้นๆ แล้วผละออกมาแต่นั่นก็ทำให้หัวใจพองโตด้วยกันทั้งคู่  ก่อนจะก้มลงกระซิบบางประโยคด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

     

    “ไว้ครั้งหน้าพี่จะล็อคประตูนะ”  แล้วตามมาด้วยเสียงฝ่ามือฉาดใหญ่  ...

     

    .......

    .....

    ...

     

    “พี่ตี๋ๆ  ดูนั่นสิ”  เฟรมสะกิดพี่ชายที่กำลังวุ่นกับการจดรายการของในห้องครัว  ตาสองคู่ทอดมองมายังน้องชายของตนกับเด็กน้อยข้างบ้าน  คชากำลังนั่งอยู่บนตักของเต๋ากลางโซฟายาวหน้าทีวี  สองแขนยาวโอบเข้าที่เอวบางราวกับหวงตัวเล็กบนตักนักหนา  ปลายจมูกได้รูปยังคอยตามไล่สัมผัสแก้มเนียนของคนบนตักที่พยายามใช้มือปิดบังใบหน้าของตนเอง  เสียงหัวเราะคิกคักกับเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มดังประสานอย่างมีความสุขที่ได้หยอกล้อเล่นกัน

     

    “อะไรวะ” ตี๋ถามอย่างไม่เข้าใจน้องชายตนเอง เพราะที่เห็นสองคนนั้นเล่นกันแบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกติ  ถ้าเห็นแบบนี้เมื่อสัก 7-8 เดือนที่แล้วก็ว่าไปอย่าง

     

    “พี่ตี๋ดูพี่เต๋ากับน้องคชาดิ  สวีทกันมากเกินไปหรือเปล่า...” ตี๋มองดูสองคนนั้นแล้วขมวดคิ้ว  แต่จะว่าไปช่วงหลังๆ มานี้  ทั้งเต๋าและคชาก็ดูสวีทกันมากขึ้นกว่าเดิมจริงๆ ทั้งที่ปกติจะไม่ทำอะไรเกินเลยเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่ช่วงนี้ดูเปิดเผย แล้วก็ยังติดกันมากขึ้นเหมือนที่เฟรมบอก จากแต่ก่อนที่ไปนอนด้วยกันแค่วันเสาร์แต่พักหลังมาไอ้เต๋าหอบตัวเองไปนอนบ้านคชาทั้งศุกร์  เสาร์  อาทิตย์!   “แล้วถ้าเราไม่อยู่ด้วย แล้วถ้าเราไม่เห็นมันจะขนาดนั้นวะพี่..แล้วอีกอย่างนะพี่ตี๋..”  เฟรมจบประโยคก่อนจะกวักเรียกพี่ชายให้เงี่ยหูเข้ามาใกล้  ก่อนจะกระซิบเรื่องที่สิ่งป้องกันความเป็นชายในยามนั้นของพี่เต๋าหายไปจากตู้ยา เท่านั้นแหละ พี่ตี๋ก็ตาโพลงพอๆกับตอนที่เฟรมเจอพี่เต๋ากกกอดน้องคชาในสภาพชวนจิ้นกลางเตียงนั้น

     

    “เห๊ย  จริงหรอวะเนี่ย ไอ้เต๋ามันถึงขึ้นนั้นแล้วหรอ”

     

    “ไม่รู้ว่าขั้นนั้นหรือเปล่า แต่ขั้นตอนนี้ถุงมันหายไปทั้งกล่องแล้วนะพี่”

     

    “พี่จะไปคุยกับไอ้เต๋า  คชายังเด็กมันจะทำแบบนี้ไม่ได้แล้วถ้ามิ้นท์รู้นะ มิ้นท์จะเสียใจ...เราต้องไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น!!”  พูดเหมือนพยายามจะกระซิบกระซาบกันแต่ก็ไม่วายแอบมองเต๋ากับคชาที่ยังคงหยอกล้อกันหวานหยด

     

    “อิจฉาหรอพี่”

     

    “เอ้อ...เห๊ย!  อิจ อิจ ฉาไร ใครอิจฉา... พี่เป็นห่วงคชา คชายังเด็กอยู่ ไอ้เต๋าจะทำอะไรแบบนั้นไม่ได้  มันไม่ถูกไม่ควร” 

     

    “อีกอย่าง  มิ้นท์ไงมิ้นท์  น้องใครใครก็หวง”

     

    “ไม่ได้อิจฉาจริงหรอพี่?”  


    "เอ้อ  ไม่ได้อิจฉาจริงๆ เว้ย" ตี๋พยายามปรับเสียงให้ไม่มีพิรุธ  ..ใครว่าเขาอิจฉาน้องชายตัวเอง ไม่มีสักนิด 

     

    “เราต้องจับตาดูสองคนนี้ให้ดี  อย่าปล่อยให้อยู่กันในที่ลับหูลับตาเรา โอเคไหมเฟรม?”  เฟรมพยักหน้า ตกลงเห็นดีด้วยอย่างแรงกล้า  ก่อนที่สองสายตาจะไปหยุดที่เต๋าและคชา  ที่ยังคงนั่งกอดกันบนโซฟาตัวยาว

     

    -----------------------------------------------------------------

     

    “เต๋า  ไปไหนวะ?”  พี่ตี๋ถามน้องชายตัวหอมฟุ้งที่กำลังจะเดินไปยังบันได  คาดว่ากำลังจะไปนอนบ้านคชา เพราะวันนี้วันเสาร์ 

     

    “ก็ไปนอนบ้านนั้น...”

     

    “ไปบ่อยไปไหมแก?

     

    “ห๊ะ  ว่าไงนะพี่”  ไม่ใช่ได้ยินไม่ถนัดแต่แค่สงสัยนิดหน่อย เพราะเต๋าเองก็ไปนอนค้างบ้านนั้นเป็นประจำ  พี่ตี๋ก็แอบมีแซวให้ย้ายทะเบียนบ้านบ้าง แต่ครั้งนี้เต๋ารู้สึกว่ามันแปลกไป

     

    “เอ้อ  เปล่าๆ  ว่าจะให้ช่วยทำงานที่ร้านให้นิดหน่อย มีเรื่องจะปรึกษาด้วย อาจจะดึกด้วย แกคงไปค้างกับคชาไม่ได้... ช่วยพี่ก่อน งานพี่เร่ง”  เต๋าขมวดคิ้วแน่น ยิ่งฟังก็ยิ่งสงสัย ปกติพี่ตี๋ไม่เคยขอความช่วยเหลือเรื่องงาน แต่วันนี้มาแปลก...แต่พี่ขอมาแบบนี้ คงมีปัญหาจริงๆ

     

    “งั้นเดี๋ยวเต๋าโทรบอกน้องก็ได้พี่  ไม่เป็นไร”

     

    “เอ้อดีๆ  เจอกันห้องพี่”

    .....

    ...

    “เต๋า” 

     

    “เปล่าๆ  ไม่มีอะไร”  อยู่ดีๆ พี่ตี๋ก็มอบหมายให้เต๋าทำบัญชีที่ร้านช่วยเพราะบอกว่าปวดหัว พอทำให้เสร็จเรียบร้อยก็ให้ช่วยเคลียร์เงินเดือนกับโบนัสของพนักงานโปเต้ น้ำแข็งต่อ  จะว่าไปนี่ก็จะตีสองแล้ว  ที่หวังว่าจะแอบไปนอนกับคชาคืนนี้ได้ก็คงหมดหวัง  แต่นั่นก็ไม่สร้างความประหลาดใจให้เต๋าเท่ากับการที่เฟรมกับพี่ตี๋มานั่งมองเขาเขียนนู้น จดนั่น  แถมสายตายังเหมือนจับผิด มีคำถามตลอดเวลา ...เต๋าบอกแล้วว่ามันแปลกไป

     

    “ช่วงนี้แกกับคชาติดกันเนาะ”  เป็นตี๋ที่พูดออกมา  โดยมีเฟรมรอพร้อมหนุน

     

    “ใช่ๆ  ติดกันแนบแน่นเหนียวหนึบแยกไม่ออก ดึงไม่ได้”

     

    “แต่ก่อนไม่เห็นหวีทให้คนอื่นเห็น  แต่เดี๋ยวนี้หนักนะแก”

     

    “ใช่ๆ หนักหน่วง ก่ายกอด ลูบไล้”

     

    “ถึงขั้นไหนกันแล้ววะแก”

     

    “ใช่ๆ  ขั้นไหนที่ถุง..”

     

    “เฟรม!” ยังไม่ทันได้ต่อครบประโยค  ตี๋ก็หันมาเอ็ดเฟรมเสียก่อน  ปล่อยให้เต๋ามองพี่น้องของตัวเองด้วยความมึนงง

     

    “ก็ยังไม่ได้ขอคบเลยพี่  ก็อย่างที่เคยบอก น้าหมวยขอเอาไว้”  เต๋าตอบแล้วก้มหน้าลงทำงานให้ตี๋ต่อ  เป็นจังหวะดีให้เฟรมได้กระซิบกระซาบกับพี่ชาย

     

    “ยังไม่ได้คบแต่ถุงหายแล้วนะพี่ตี๋” 

     

    “เดี๋ยวคชาก็ต้องไปเรียนต่อแล้ว  แกน่าจะขอคุยกับแม่น้องอีกทีเผื่อจะได้ทำอะไรให้ชัดเจน  มาถึงขั้นนี้แล้ว ผู้ใหญ่เขาควรรับรู้ น้องมีพ่อ มีแม่ มีพี่สาวนะไอ้เต๋า”

     

    “ผมรู้พี่  ... กะว่าจะคุยอยู่เหมือนกัน”  เป็นอย่างที่พี่ตี๋บอก  คชาใกล้จะจบมอหกแล้ว อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบปลายภาค   ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ทั้งเต๋าและคชาอยากจะใช้อยู่ร่วมกันให้มากที่สุด  ที่ต้องไปนอนกับน้องบ่อยมากขึ้น ที่ต้องใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมก็เพราะอีกไม่นานอนาคตและเส้นทางชีวิตจะมาแยกเราสองคนให้ห่างไกลกันแล้ว  

     

    “ขอคบเป็นแฟนไปเลยก็ดีนะ ....ถึงขั้นนี้แล้วนี่หว่า  พี่ไม่อยากเห็นคชาเสียใจ” 

     

    “ไม่อยากให้เสียใจ แต่ตัวไม่ทันแล้วใช่ไหมพี่ตี๋”  เฟรมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วมองพี่ชาย  โดยไม่รู้ว่าเต๋าเงยหน้าขึ้นมาพอดี 

     

    “นี่คิดอะไรกันอยู่หรือเปล่า”  เต๋ามองเฟรมที่กระซิบกระซาบกับพี่ตี๋แล้วก็ต้องเอ่ยถามขึ้น  พักนี้สองคนมีพิรุธแปลกๆ  บางครั้งเต๋าก็รู้สึกว่าพี่ตี๋กับเฟรมคอยมองเขากับคชาตลอดเวลา 

     

    “ปะ ปะ เปล่า เปล๊า ปล๊าวว  เนาะพี่ตี๋เนาะ”

     

    “เอ้อ  เปล่าๆ  ไม่มีอะไรแค่บอกเฉยๆ”  เต๋าพยักหน้าแต่ก็ไม่วายแอบมองสองพี่น้องด้วยความสงสัย  แต่ทั้งตี๋และเฟรมก็พยายามทำท่าทางปกติ อีกทั้งยังส่ายมือไปมาเหมือนจะบอกว่าไม่มีอะไรจริงจริ๊ง ...

     

    -----------------------------------------------------------------

     

    “อาทิตย์หน้ามิ้นท์ไปค่ายกับโรงเรียนที่ต่างจังหวัดหรอ  วันไหน?  ตี๋ถามขึ้นในขณะมื้อเย็นที่มีสมาชิกร่วมโต๊ะครบทุกคน 

     

    “พฤหัส”

     

    “อ้าววันเดียวกับตี๋เลย  นี่ไอ้เฟรมก็ไปทำค่ายต่างจังหวัดตั้งแต่วันจันทร์”

     

    “งั้นแสดงว่าตั้งแต่พฤหัสถึงอาทิตย์นี้มีแค่เต๋ากับคชาที่อยู่บ้านหรอ?” พอมิ้นท์พูดจบตี๋กับเฟรมก็หันหน้ามองกันโดยไม่ได้นัดหมาย

     

    “งั้นเต๋าก็มานอนกับคชาที่บ้านพี่ก็ได้นะ จะได้ไม่เปลือง”

     

    “ครับ เห๊ย! ไม่ได้”  เสียงตอบรับตกลงจากเต๋ากับเสียงร้องห้ามของพี่น้องตี๋เฟรมดังขั้นประสานพร้อมกัน  จนสมาชิกที่เหลือขมวดคิ้วสงสัย

     

    “อะไรตี๋” มิ้นท์ถามอย่างต้องการคำตอบ  ทำให้ตี๋ที่ยังไม่คิดเหตุผลต้องประมวลผลในสมองอย่างหนัก  ก็คืนนี้เขาอุตส่าห์คิดแผนไม่ให้ไอ้เต๋าไปนอนบ้านนั้นได้อีกคืนแล้ว  นี่อาทิตย์หน้าจะได้อยู่ด้วยกันสองคนเกือบทั้งอาทิตย์  เสร็จแน่ๆ เสร็จแน่ๆ ... พี่ตี๋ช่วยอะไรน้องคชาไม่ทันแล้วใช่ไหม  T   T ...

     

    “เต๋ามันต้องเฝ้าบ้านไง  บ้านนี้ไม่คนอยู่”

     

    “บ้านมิ้นท์ก็ไม่มีคนอยู่  แต่ถ้าตี๋ห่วงบ้าน  มิ้นท์จะให้คชามานอนกับเต๋า” ตี๋ฟังแล้วก็อยากจะร้องไห้  เขาไม่ได้ห่วงบ้าน แต่ห่วงคชาต่างหาก ...

     

    “โถ่มิ้นท์  มิ้นท์ไม่เข้าใจ”

     

    “ตี๋นั่นแหละไม่น่าเข้าใจที่สุด   ....  งั้นเอาตามนี้นะ  ช่วยกันดูบ้านด้วย นอนที่ไหนก็ได้ตามสบายแต่อย่าทำบ้านหาย ดูแลบ้านดีๆ นะ”  มิ้นท์สรุปให้แล้วหันไปบอกน้องชายที่ยิ้มแฉ่งรับคำ  ต่างกับเต๋าที่กำลังลอบมองพี่ตี๋กับเฟรมที่กระซิบกระซาบอะไรกันสองคน ดูมีลับลมคมใน 

    ...

    ..

    “หรือเราห้ามอะไรไม่ได้แล้วพี่ตี๋  พี่เต๋าเล่นใช้หมดกล่องขนาดนั้น คงไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแล้วมั้ง”  เต๋ากำลังเงี่ยหูฟังพี่น้องของตนเองที่กำลังแอบคุยกันในห้องนอนของพี่ตี๋  ช่องว่างเพราะการปิดประตูไม่สนิททำให้เต๋าไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก

     

    “เผลอๆ  แม่งซื้อกล่องใหม่แล้วด้วย... ตี๋กลุ้มครับ”

     

    “แล้วพวกเราไม่อยู่ ทั้งบ้านอยู่กันแค่สองคนแบบนี้...น้องเฟรมไม่อยากจะจิ้น แม่งจริงเกินไป”

     

    “มันต้องไม่มีครั้งหน้าสิวะ  โถถถ  สงสารน้องคชา ยังเด็กอยู่แท้ๆ ไอ้เต๋าไม่รู้จักยับยั้งใจตัวเองเลย”

     

    “เราต้องวางแผนกันใหม่แล้วหละพี่ตี๋”

     

    “แผนอะไรวะ...”

     

    “ก็มาคิดช่วยกันไง” 

     

    บทสนทนาที่ได้ยินผ่านช่องว่างของประตู  ทำให้เต๋าเดาได้ไม่ยากว่าพี่น้องของตนเองกำลังคิดอะไรกันอยู่  ยิ่งคิดก็ยิ่งขำจนอยากหัวเราะให้สองคนนั้นได้ยิน  แต่คิดอีกมุมหนึ่ง เขาก็คงทำตัวมีพิรุธให้สองคนนั้นไม่ไว้ใจขนาดนั้นเลยหรอ? เป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่เกิด สองคนนั้นเห็นเขาเป็นคนยังไงกัน ... คิดไปก็ส่ายหัวไป ยิ่งคิดก็ยิ่งขำ

     

     

    -----------------------------------------------------------------

     

    รถแท็กซี่จอดนิ่งรออยู่หน้าบ้านเลขที่ 23/3  ไม่ใกล้ไม่ไกล มีสมาชิกของบ้านกำลังล่ำลากัน  เพราะไปในที่หมายใกล้เคียงทำให้มิ้นท์และตี๋ตกลงออกจากบ้านพร้อมกัน  แต่เฟรมนั้นเตรียมของออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าแล้ว 

     

    “ดูแลบ้านดีๆ นะเด็ก”  พี่มิ้นท์บอกน้องชายตัวเล็ก  เรียกอีกคนเหมือนที่เคยได้ยินพี่ชายคนสนิทของน้องชายเรียก

     

    “เห็นเต๋าชอบเรียก  พี่เลยลองเรียกบ้าง ...”  บอกแล้วยิ้มคนเป็นน้องล้อๆ  ต่างจากตี๋ที่ยิ่งมองเต๋ากับคชายืนข้างกันยิ่งรู้สึกกลุ่ม  ผ่านมาหลายวันแต่ทั้งตี๋และเฟรมก็ยังคิดไม่ออกว่าจะแยกสองคนออกจากกันได้ยังไง  ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยหละมั้ง ... มาถึงขั้นนี้แล้วหนิ ..ตี๋เครียด

     

    “พี่มิ้นท์...”  คชาก้มหน้าพูดเสียงเบาด้วยความเขิน 

     

    “ฝากบ้านด้วยนะเต๋า  ฝากน้องชายสุดที่รักของพี่ด้วย”  เต๋าพยักหน้ายิ้มรับ ต่างกับพี่ชายของตนที่มุบมิบอะไรสักอย่าง

     

    “ไม่ต้องฝากแล้วมั้ง  ยกให้มันขนาดนี้”

     

    “อะไรของตี๋”

     

    “ปล๊าววว” ... ตี๋บอกแล้วเดินล่วงหน้าไปนั่งรอนั่งแท็กซี่  เต๋าก็ได้แต่มองตามพี่ชาย  นึกอยากจะหัวเราะขึ้นมาดังๆ ก็วันนี้ 

     

    สายตาสองคู่มองดูรถแท็กซี่ที่เคลื่อนที่ออกไป  โดยไม่ลืมจะโบกมือลาให้คนในรถ  “ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”  เสียงใสบอกแล้วซบศีรษะลงบนไหล่หนาของอีกคน  โดยไม่ลืมที่จะใช้แขนของตนควงเข้าที่แขนยาวของอีกคนด้วย 

     

    “ทำอะไรกันดีนะ”  เต๋าถามทั้งน้ำเสียงและสายตาเจ้าเล่ห์

     

    “นั่นสิทำอะไรกันดี...”  คชาหัวเราะคิกคัก  พี่เต๋าชอบแกล้ง คชาก็ต้องไม่ยอมสิ

     

    “ไว้ดึกๆ ค่อยคิดแล้วกัน”

     

    “บ้า!”  เสียงใสบอกแล้วดันอีกคนให้ออกห่าง  มองคนตัวสูงกว่าอย่างหาเรื่อง แล้วออกแรงผลักเข้าที่ไหล่หนาให้อีกคนได้เซ  ก่อนจะเดินหนีเข้าไปในบ้านโดยไม่ลืมที่จะอุ้มแมวน้อยสีขาวขนนิ่มเข้าไปด้วย

     

     

    ...ก็ว่าไม่เคยคิดเรื่องนั้น  แต่ตั้งแต่ได้ยินพี่ตี๋กับเฟรมคุยกัน ...ก็เริ่มคิดขึ้นมาบ้างแล้ว

     

    :D

     
    คืนนี้เอาไงดี ...? 

     

    -----------------------------------------------------------------

     

     ดวงตาคู่น้อยมองตามพี่ชายคนสนิทจากห้องครัวผ่านมายังโซฟาในห้องรับแขก เสียงพูดคุยโทรศัพท์กับเสียงเรียกเข้าที่ดังต่อเนื่องหลายชั่วโมงทำให้เด็กน้อยที่ยืนชงโอวัลตินกลิ่นกรุ่นอดไม่ได้ที่จะสงสัย

     

    เป็นเวลากว่าชั่วโมงแล้วที่พี่ตี๋คอยโทรมาสั่งนู้น นี่ นั่น ให้เต๋าทำตลอดเวลา  ตั้งแต่ปิดประตูบ้าน เช็คไฟ รดน้ำต้นไม้ หรือแม้กระทั่งโทรมาเตือนให้ไปอาบน้ำ อายุตั้งเท่าไหร่แล้วใครเขามาเตือนให้อาบน้ำกัน ... ก็ใช่ว่าเต๋าจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ...ตอนแรกคิดไว้ว่ากลับบ้านถึงจะเคลียร์กับพี่ชาย แต่คิดไปคิดมาก็ขอเกริ่นนำให้พี่ได้สบายใจก่อนสักนิด  เพราะเกรงว่าจะทำการทำงานไม่ได้เสียก่อน

     

     “พี่ตี๋ ... มันยังไม่มีอะไร  ไม่ต้องห่วง พี่ไม่รู้จักน้องตัวเองหรอ เห็นผมใจร้อนขนาดนั้นเลย?” เต๋าขัดขึ้นมา  พูดขึ้นรัวเร็วไม่เว้นช่องว่างให้พี่ชายได้พูดแทรก  “แล้วไอ้กล่องนั้นที่มันหายไป  มันหมดอายุ มันไม่ได้ใช้นาน เต๋ากลัวจะมีคนเอาไปใช้แล้วมันไม่ได้ผล ...ทิ้งไปแล้ว ฝากบอกไอ้เฟรมด้วยพี่”  คชาได้ยินแว่วๆ แต่ยังจับใจความไม่ได้หมด พี่เต๋าพูดสองสามประโยคหลังจากนั้นก่อนจะทิ้งท้าย   “ไว้กลับมาค่อยคุยกันพี่  ทำงานให้สนุกนะ เจอกันครับ”  เต๋าตัดสายหลังจากนั้นเมื่อไม่ได้ยินปฏิกิริยาจากอีกฝ่าย  คาดว่าจะอึ้งไปชั่วขณะอยู่   

     

    “พี่ตี๋เป็นอะไรหรอ?  คชาบอกแล้วยื่นแก้วโอวัลตินกลิ่นหอมให้อีกคน  “ช่วงนี้พี่ตี๋กับพี่เฟรมแปลกๆ จัง”  เอียงคอมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา  ระยะห่างที่เข้ามาใกล้กันมากขึ้นทำให้เต๋าลืมกลิ่นหอมกรุ่นของเครื่องดื่มรสกลมกล่อม  กลิ่นบางอย่างที่ออกมาจากเด็กน้อยตรงหน้าเติมเต็มความรู้สึกและประสาทสัมผัสของเขามากกว่านั้น

     

    “พี่ตี๋กับพี่เฟรมกำลังคิดอกุศล” ดวงตาคู่คมเงยหน้ามองเด็กน้อยในชุดนอนสีสบายตา ก่อนจะโอบเอวบางให้ย้ายลงมานั่งบนตัก  ปล่อยให้โอวัลตินแก้วร้อนหงอยเหงาถูกทิ้งวางไว้ไม่สนใจ

     

    “คิดอกุศล?  คิดอะไร?”  ได้ทีเต๋าก็ขอยืมสถานการณ์มาแกล้งตัวเล็กของตัวเองบ้าง และนั่นทำให้คชาตาโตแสดงความสงสัยผ่านสีหน้าจนเต๋านึกขำ

     

    “สองคนนั้นคิดว่า...คิดว่าพี่จะปล้ำเด็ก” สองคำสุดท้ายที่เต๋าตั้งใจเน้นให้น้องตกใจ ทำให้เด็กขี้สงสัยที่นิ่งรอคำตอบถึงกับสะดุ้งโหยง

     

    “ห๊ะปล้ำ  ปล้ำเด็กไหน”

     

    “ก็เด็กคนนี้ไง”  พูดจบก็ก้มลงกดริมฝีปากที่แก้มหอมจนคนถูกกระทำต้องหลับตาปี๋  คชาไม่ได้โต้ตอบด้วยการทำร้ายเจ้าของตักเพราะยังคงอึ้งและงงกับสิ่งที่ได้ฟัง

     

    “พี่ตี๋กับเฟรมเข้าใจผิด  คิดว่าพี่จะทำอะไรคชา  ไม่ใช่สิ..สองคนนั้นคิดว่าพี่ทำไปแล้วด้วยซ้ำ  พี่เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองไปทำตัวไม่น่าไว้วางใจขนาดนั้น”  เต๋าพูดทั้งยังขำ ต่างจากคชาที่ยังคงตาโต นิ่งค้าง จนมือสองข้างเผลอกำเสื้อนอนของร่างสูงแน่น  ... ปล้ำที่พี่เต๋าบอกคือเรื่องแบบนั้นๆ อย่างนั้นๆ นะหรอ? ..ไม่นะ

     

    “เด็ก?”  เสียงใสครางตอบในลำคอทั้งที่ยังคงเหม่อลอย  ตาคู่กลมหันสบเข้ากับแววตาของอีกคน แล้วนึกถึงสิ่งที่พี่ตี๋และพี่เฟรมกำลังคิด  เป็นผลให้มือสองข้างดันไหล่ของอีกคนออกอย่างไม่รู้ตัว 

     

    “ไปไหนครับ”  หากแต่คนเป็นพี่ที่มีสติครบถ้วนยังคงรวบเอวของเด็กน้อยไว้ได้ทัน “จะดูหนังไม่ใช่หรอ  พี่ไปค้นมาตั้งหลายเรื่องนะ”  คชามองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ยากอธิบาย อยู่ๆ ก็มีความคิดว่าไม่อยากเข้าใกล้พี่เต๋า แต่ยังไม่ได้ทันคิดอะไรไปมากกว่านั้น เด็กน้อยก็โดนจับหันหลังให้สายตาได้มองไปยังทีวี  โดยที่ยังคงมีสองแขนโอบกอดที่เอวและคางของคนตัวสูงกว่าวางพักไว้ที่ไหล่

     

    ภาพบนจอเคลื่อนไหว เรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้นดำเนินต่อไปโดยไม่มีเนื้อหาส่วนใดผ่านเข้าไปในการรับรู้ของคชาสักนิด  สิ่งที่พี่ตี๋และพี่เฟรมสงสัยไม่หลุดออกจากความคิดเสียที  ทุกครั้งเวลาที่อยู่ด้วยกัน สัมผัสกันและกัน  คชาคิดว่าเพียงเล่นกันสนุกสนาน แสดงถึงความรู้สึกของเราสองคน  แต่ยังไม่เคยคิดเรื่องอะไรแบบนั้น ...แล้วพี่เต๋าหละ คิดอะไรแบบนั้นหรือเปล่า แล้วคชาต้องทำยังไง ถ้าเกิดมีเรื่องแบบนั้นจริงๆ คชาต้องทำตัวยังไง ...น่ากลัวจัง ... อยู่ดีๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

     

    “พี่เคยดูหนังเรื่องนี้ตอนเรียนมัธยม  กลับมาดูอีกทีความรู้สึกเปลี่ยนไปมากเลยนะ ตอนนั้นจำได้ว่าไม่รู้เรื่องอะไร งงชิบหาย แต่วันนี้มันตลกจนน้ำตาจะไหล”  เต๋าบอกออกมาแล้วเริ่มก้มหน้ามองคนบนตัก ตั้งแต่หนังเริ่มคชาไม่พูดอะไรสักคำ อีกทั้งยังนั่งนิ่งไม่ขยับ มีเพียงเต๋าเท่านั้นที่คอยกอด คอยลูบกลุ่มผมนิ่มเล่นไปมา “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?

     

    “แล้ว ...แล้ว...” คชาบอกเสียงเบาจนเต๋าต้องแสดงสีหน้าเพื่อให้รู้ว่าเขากำลังรอฟัง  “แล้วพี่เต๋าจะไม่ทำอะไรคชาใช่ไหม?  เพียงเท่านั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะดังลั่นจากเจ้าของตัก  นั่งด้วยกันมาตั้งนานแต่เต๋าก็เพิ่งรู้ว่าน้องไม่ได้สนใจหนัง ไม่ได้สนใจแม้แต่เขา แต่กำลังหมกมุ่น(?)อยู่กับเรื่องที่พี่ตี๋และเฟรมจิ้นกัน 

     

    “พี่ไม่ทำอะไรเด็กครับ เด็กอยู่ พี่ไม่ทำหรอก”  เต๋าตอบทั้งหัวเราะ และนั่นทำให้คชาพยักหน้า ชั่ววูบสั้นๆ ความคิดบางอย่างก็แล่นผ่านเข้ามา ... 

     

    “หมายความว่าเคยทำกับคนที่ไม่เด็กใช่ไหม?!” จากตาเหม่อลอยเมื่อครู่ ตอนนี้เปลี่ยนมาจ้องเต๋าอย่างเอาเรื่อง จนเต๋ารู้สึกเหมือนมีลำแสงบางอย่างพุ่งออกมา ตาคู่คุ้นเคยกำลังพยายามเค้นคำตอบ อีกทั้งยังมีมือที่ออกแรงเขย่าไหล่เขาอีก  “พี่เต๋าบอกมานะ  เคยใช่ไหม?

     

    “อะไรที่รู้แล้วไม่สบายใจก็อย่าไปอยากรู้มันเลยดีกว่าเนาะ”  ตอนนี้คชาเริ่มสับสนระหว่างความรู้สึกของการไม่รู้กับความรู้สึกของการได้รู้  เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าสิ่งไหนน่าอึดอัดใจมากกว่า อยากรู้ก็อยากรู้ แต่ถ้ารู้แล้วต้องเสียใจหละ...

     

    “เคยจริงๆ หรอ”  เต๋าไม่ได้ตอบอะไรกลับ  มีเพียงรอยยิ้มบางๆ กับฝ่ามืออบอุ่นที่ขยี้กลุ่มผมนิ่มของเด็กน้อยเท่านั้น  “พี่เต๋านิสัยไม่ดีเลย...”

     

    “ฮ่า ฮ่า .... ว่าพี่ทำไมครับเนี่ย?

     

    “คชายังมีพี่เต๋าคนเดียวเลย  ทำไมพี่เต๋าไม่รอคชา ทำไม...” 

     

    “ก็ตอนนั้นพี่ยังไม่เจอเด็ก”

     

    “ตกลงว่าเคยมีแล้วจริงๆ ใช่ไหม...”

     

    “ไม่บอกครับ  ไม่ต้องไปสนใจมันมากหรอกนะ  ดูหนังกันต่อดีกว่า”  เต๋าบอกเสียงอ้อนแล้วกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น  ในขณะที่เด็กน้อยยังคงทำหน้ามุ่ย แก้มป่อง พองลมพร้อมพ่นไฟใส่หน้าเขาตลอดเวลา

     

    “ไม่ดูแล้ว” คชาพูดอย่างเอาแต่ใจ พยายามบังหน้าของอีกคนไม่ให้มองเห็นโทรทัศน์เครื่องใหญ่ ...  “ตอนนั้นพี่เต๋าอายุเท่าไหร่ ยังเด็กอยู่ใช่ไหม นิสัยไม่ดีเลย ไม่ต้องดูแล้ว” 

     

    “ไม่ดูหนังแล้วจะให้พี่ทำอะไรครับ?

     

    “มองตา” เด็กน้อยออกคำสั่งเสียงดุ  ดวงตาคู่สดใสตอนนี้กำลังมองจ้องเขาตาแข็ง และนั่นต้องทำให้เต๋าต้องทำตามพร้อมหัวเราะ

     

    “มองแล้วครับ”

     

    “รัก ... ไม่อยากให้ทำแบบนั้นกับคนอื่น”  ตาคู่คมเบิกกว้าง ใจเต้นระรัวเพราะประโยคสั้นๆ ของคนบนตัก

     

    “รักเหมือนกันนะ  อยากมีเด็กเป็นเจ้าของคนเดียวด้วย”  มือน้อยลูบเบาๆ ที่แก้มขาว แล้วเปลี่ยนมาหยิกแก้มสองข้างของคนหน้าแมว ยิ้มอย่างอารมณ์ดีเพราะพึงพอใจกับคำตอบ ก่อนจะขยับปากบอกบางคำโดยไร้เสียง  ดีมาก

     

    “ให้รางวัลหน่อยสิ”  เด็กน้อยยิ้มหวานส่ายหน้าทันทีเมื่อมองออกว่าพี่เต๋าต้องการอะไร  แต่นั่นก็ไม่ทำให้เต๋าจนมุมได้  เมื่อน้องไม่ให้ เต๋าก็ต้องให้รางวัลตัวเอง ริมฝีปากได้รูปกดเบาๆ พอให้ตัวเล็กบนตักได้หลับตา  “พี่ให้รางวัลตัวเองก็ได้”  เต๋ายิ้มเจ้าเล่ห์หลังจากละออกจากริมฝีปากอ่อนนุ่มหากแต่หน้าผากและปลายจมูกของสองคนยังแนบชิดกัน  คชามองเข้าไปในแววตาคู่คุ้นเคยแสนอบอุ่น  แม้จะยังสงสัยเรื่องนั้นของพี่เต๋า  แต่เรื่องที่พี่เฟรมกับพี่ตี๋แอบคิดก็ยังคงทำให้คชาแอบหวั่นและกังวล  เหมือนจะกลัว..แต่ก็ไม่..แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่ากลัวจริงๆ  แล้วท้ายที่สุดก็ต้องถามอีกคนออกไป  คำถามสั้นๆ กับน้ำเสียงที่แสนเบาทำให้อีกคนยิ้มบางๆ เกิดขึ้นบนใบหน้าของคนตัวสูงกว่า  

     

    “พี่เต๋าจะไม่ทำอะไรคชาใช่ไหมฮะ” 

     

    “ตอนนี้ยังครับ”

     

    “..............................”

     

    “โตกว่านี้แล้วค่อยว่ากันอีกที”

     

     

     

    ว่าแล้วก็ขออีกที ...

     

     

    อีกที  ... ที่ปากนะ 

     

     

    -----------------------------------------------------------------  

     

     

    นิดเดียวจริงๆ  ... ขอบคุณที่ยังรออ่านนะคะ  T^T  อย่างที่บอกมันคั่นเวลา 

     

    #มีสุข23

     

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×