ผมขอยกเหตุการณ์ต่างๆที่มีผู้หญิงเป็นเหยื่อให้ดูแล้วกันนะครับ
เหตุการณ์ที่ ๑ ภัย ณ ป้ายรถเมล์
เคยได้ยินข่าวประเภทผู้หญิงถูกฉุดกันดื้อๆกันตรงป้ายรถเมล์ทั้งที่มีคนอยู่หลายสิบคน หรือ ประเภทสาวนักศึกษาถูกผู้ชายคนหนึ่งตบตีโดยไม่มีทางสู้ ทั้งที่ปากเธอก็ร้องขอความช่วยเหลือปาวๆแต่กลับไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือสักคนเลยสัก เรื่องทำนองนี้เคยได้ยินหรือผ่านหูมาบ้างหรือเปล่าครับ
ครับ...บางทีได้ยินแล้วก็อดเศร้าใจไม่ได้ ที่หน้าเศร้ายิ่งกว่าก็คือ “ทำไม ถึงไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อนอยู่ตรงหน้าเลยสักคน ปัจจุบันนี้พลเมืองเรา ไม่มีเหลือกันแล้วหรืออย่างไร”
วิธีการที่พวกมิจฉาชีพเหล่านี้กระทำกันก็คือ ทำทีเข้าไปตีสนิทกับเหยื่อ แล้วหลังจากนั้นก็จะกระชากลากถูขึ้นรถ มีการตบตียื้อยุดฉุดกระชากกัน ปากก็ร้องด่าเหยื่อทำนองว่า แอบหนีแฟนไปหากิ๊ก หรือ ไม่ก็หนีออกจากบ้าน กำลังจะพากันกลับ แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ทำเหมือนว่ารู้จักกับเหยื่อเป็นอย่างดี ทำให้คนบริเวณนั้นไม่กล้าเข้าไปช่วย เพราะนึกว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว ขืนเข้าไปยุ่งมากจะลำบากใจภายหลังได้ (นี่แหละครับ คือวิสัยปุถุชนทั่วไป ที่ต้องระวังภัยแต่เรื่องของตัวเองไว้ก่อน ไม่อยากหาเหาใส่หัวว่างั้น)
และเมื่อเห็นว่าสบโอกาส คนรอบข้างทั่วไปไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามแล้ว ก็เสร็จโจรล่ะครับ หากเหยื่อไม่สามารถขัดขืนจนกระทั่งถูกมันพาตัวขึ้นรถได้เมื่อไหร่ ....คงไม่ต้องบรรยายกันแล้วล่ะครับ
เหตุการณ์ที่ ๒ ภัยคุกคามผู้หญิงใจดี
ถามหน่อยว่า “ผู้หญิงใจดีนี่มันผิดตรงไหนเหรอ”
คำตอบคือ คุณไม่ได้ผิดหรอกครับ เพียงแต่ว่า ความใจดีนี่ บางครั้ง มันจะนำภัยมาให้ตัวคุณเองแบบไม่ได้ทันตั้งตัว เช่นกรณีที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวใจดีผู้หนึ่ง ที่ไปเจอเด็กหลงทางร้องไห้ขอความช่วยเหลือ พร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษใบหนึ่งซึ่งมีที่อยู่ให้กับเธอ ด้วยความที่ว่าเป็นพลเมืองดี และอีกฝ่ายก็เป็นเด็ก จึงไม่ได้นึกเอะใจแต่อย่างใด แต่เมื่อพาเด็กไปส่งถึงบ้านตามที่อยู่แล้ว เธอก็กดออดหน้าบ้านเรียกผู้ปกครองให้มารับเด็กไป แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดคือออดที่ติดตั้งสายไฟฟ้าแรงสูงเอาไว้ได้ช็อตเธอจนหมดสติ พอตื่นมาอีกทีก็พบว่าตนเองอยู่ในบ้านร้าง ด้วยสภาพตัวเปล่าเปลือย เธอจำอะไรไม่ได้ ไม่เห็นแม้กระทั่งหน้าตาของคนร้ายเลยด้วยซ้ำ....
หากท่านผู้อ่านท่านไหนที่พบเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าบ้าง ให้นึกระแวงไว้บ้างเลยครับ ว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้าเรา ใช่ “เด็กหลง” จริงๆ หรือเป็น “นกต่อ” ที่จะล่อให้เราไปติดกับมิจฉาชีพแก๊งค์ไหนรึเปล่า ทางที่ดีพาไปให้ตำรวจจัดการดีกว่าครับ ใครจะหาว่าขี้ระแวงหรือใจจืดใจดำก็ช่างเขา เรื่องแบบนี้....ชีวิตใครใครก็รักล่ะครับ
เหตุการณ์ที่ ๓ มอมยากลางห้าง
หากคุณเคยคิดว่า การมอมเพื่อปลดทรัพย์ หรือลักพาตัวไปกระทำชำเราจะเกิดจำเพาะสถานที่เปลี่ยวๆแล้วล่ะก็ อยากให้คุณได้คิดใหม่ เมื่อคุณได้อ่านเรื่องราวต่อไปนี้
ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยสามี ภรรยา ที่มาแวะซื้อหนังสืออ่านเล่นที่ห้างๆหนึ่ง ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่ฝ่ายภรรยาโปรดปราน ขณะนั้นก็ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาทักทายทำนองว่า เป็นนักอ่านหนังสือและชื่นชอบแนวเดียวกันแบบนี้เลย การพูดคุยด้วยความสนิทสนมจึงเกิดขึ้นหลังจากนั้นมา พร้อมกับมีการแลกนามบัตรและเบอร์โทรศัพท์กันด้วย
โดยที่ฝ่ายภรรยานั้นไม่ได้นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายจะเป็นพวกมิจฉาชีพแต่อย่างใด....
การนัดเจอกันจึงเกิดขึ้น เมื่อพวกมิจฉาชีพทำทีเป็นว่ามาแลกเปลี่ยนหนังสือกันอ่าน แต่ฝ่ายภรรยานั้นเห็นว่า เป็นเรื่องที่เคยอ่านมาแล้วทั้งสิ้น จึงคิดจะนำหนังสือไปคืน ทั้งสองฝ่ายจึงนัดเจอกันที่ร้านอาหาร (ไม่น่าแปลกใจใช่มั๊ยล่ะครับ ว่าทำไมพวกนี้ถึงต้องนัดเจอกันที่ร้านอาหาร หรือ ร้านไหนก็ตามที่มีเครื่องดื่ม หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เหยื่อกลืนกิน สิ่งที่เรียกว่า “ยานอนหลับ” ลงคอไปได้)
พวกนี้จะสังเกตง่ายๆ เลยครับ ว่าจะชอบ “อาสา” ไปเสียทุกเรื่อง เราจะไปซื้อน้ำ ก็อาสาจะไปซื้อให้ จะกินข้าว ก็อาสาจะไปสั่งให้ จะเอาโน่นเอานี่ ก็อาสาทำให้ไปเสียทุกเรื่อง เรียกว่าเป็นช่วงโปรโมชั่นให้เหยื่อตายใจ แทบไม่ต้องลุกไปไหนเลยก็ว่าได้ ชนิดที่ว่าคนเป็นแฟนกันยังอาย...แต่แบบนี้แหละครับที่เรียกว่า “โคตรอันตราย”
และเมื่อเหยื่อติดกับ กินเครื่องดื่มหรืออาหารจนยาออกฤทธิ์แล้ว (ฤทธิ์ของยานอนหลับ ก็เหมือนกับที่เราเห็นในละครน้ำเน่านั่นแหละครับ คือ มีอาการมึนๆงงๆ ง่วงๆ เบลอๆ ไม่สามารถพยุงร่างกายตัวเองไว้ได้ พูดง่ายๆคือเริ่มจะเข้าสู่ภาวะเป็นง่อยชั่วคราว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองใดๆได้) คราวนี้มันก็จะเรียกพรรคพวกมันมา และพาเหยื่อขึ้นรถ ดังเช่น หญิงภรรยาที่กล่าวมาข้างต้น เพราะหลังจากถูกมันพาขึ้นรถไปแล้ว ก็ถูกจับถอดเสื้อผ้า และ ถ่ายวีดีโอ โดยผู้หญิงที่เข้ามาตีสนิทนั่นแหละครับ....
ผมไม่เข้าใจ....
ว่าผู้ชายนั้นทำกับผู้หญิงจะด้วยอารมณ์ใคร่ มากตัณหา หรือ อยากได้อย่างอื่นมากกว่านั้นก็ตามแต่ แต่....คนที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน คุณไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างเลยหรือ มานั่งดูแถมยังถ่ายวีดีโอผู้หญิงด้วยกันถูกข่มขืนต่อหน้าต่อตาแบบนี้เนี่ย คุณเป็นโรคจิตรึเปล่า...?
โชคร้ายยังไม่จบ เมื่อหลายวันหลังจากนั้น ฝ่ายสามีก็ได้รับพัสดุ ซึ่งเป็นภาพถ่ายและจดหมายข่มขู่เรียกไถเงินเป็นจำนวนหลายหมื่นบาทว่า “เป็นค่าฟิล์ม” หากไม่ให้ จะนำไปโพสต์ในอินเตอร์เน็ตประจานให้ทั่ว แต่ทางฝ่ายสามีไม่ยอม จึงนำเรื่องเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และวางแผนจับพวกมิจฉาชีพเหล่านี้ได้สำเร็จ พร้อมกับพวกฟิล์มที่เหลืออยู่ แม้ว่าจะมีบางส่วนที่หนีรอดไปได้ก็เถอะ ซึ่งทางตำรวจก็จะตามคดีไล่ล่าให้อยู่ (เรื่องนี้ผ่านมาสามปีแล้ว คิดว่าตำรวจน่าจะจับได้แล้วนะ)
สงสาร สองสามีภรรยาทั้งคู่ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นฝ่ายที่ถูกคนผิดกระทำ แต่กระนั้น โลกที่เคยสดใสปกติสุขที่เคยมีมาตลอดนั้นต้องพังทลายหมด ฝ่ายภรรยาได้แต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน ไม่กล้าออกไปไหน ต้องลาออกจากงาน เพราะไม่กล้าสู้หน้าเพื่อนร่วมงานและคนรอบข้าง (สงสารมากๆ) ส่วนฝ่ายสามี หลังจากเลิกงานก็กลับบ้าน ไม่กล้าออกไปไหนอีกเหมือนกัน โลกรอบตัวของพวกเขากลายเป็นสีดำล้วนเพราะความที่ “ไว้ใจคนที่ไม่เคยคิดจะให้ใจ” จริงๆอย่างพวกผู้ร้ายเหล่านั้น
ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขให้ได้โดยไวเสียที ส่วนพวกผู้ร้ายเหล่านั้นก็ขอให้ได้รับผลกรรมเลวๆที่กระทำไว้กับคนอื่นอย่างสาสม
เหตุการณ์ที่ ๔ อย่ารับของจากคนแปลกหน้า
วันนี้มียาอันตรายอีกตัวมาแนะนำ ยาตัวนี้ไม่รู้ว่าชื่ออย่างเป็นทางการเรียกกันว่าอะไร รู้แต่ว่ามีลักษณะเป็นผงๆ เมื่อสูดดมเข้าไปแล้วจะมีอาการมึน เบลอ ไม่รู้ตัว คล้ายกับยาป้ายนั่นแหละครับ และนี่ก็เป็นหนึ่งในยามึนที่ที่พวกมิจฉาชีพชอบใช้กัน โดยส่วนมากจะมาในลักษณะของของโบรชัวร์หรือแผ่นพับมาแจกนั่นแหละครับ และหากใครหลงรับมาเปิดแล้วล่ะก็ ....คงไม่ต้องอธิบายนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะฉะนั้น อย่ารับของจากคนแปลกหน้าสุ่มสี่สุ่มห้านะครับ ปลอดภัยไว้ก่อน
เหตุการณ์ที่ ๕ ภัยจากแก๊งค์ตกทองตามห้างฯ
ทุกครั้งที่คุณเดินห้าง “อย่า”เดินแบบเรื่อยเปื่อย เอื่อยเฉื่อย ใจลอย “อย่า” เอาแต่เดินคุยโทรศัพท์เพลิน “อย่า” มัวแต่ฟังไอพอด ฟัง Mp3 เพลินแบบไม่สนโลก “อย่า” ใส่เครื่องทองหยองประดับประดาตัวราวกับคุณเป็นตู้ทองเคลื่อนที่ สมัยนี้ แม้ทองแค่สลึง หากมันต้องตาโจรเข้าแล้ว ก็อย่าหวังว่าคุณจะรอดจากการเป็นเหยื่อได้ และ สุดท้าย “อย่า” ไปไหนมาไหนคนเดียว...
หนึ่งในตัวเลือกที่พวกมิจฉาชีพมักจะเลือกลงมือปฏิบัติ ไม่เพียงแต่เพราะว่าเป็นผู้หญิงเท่านั้น แต่..มันยังเจาะจงคนที่ แต่งตัวด้วยทองหยองของมีค่า มีโทรศัพท์ล้ำๆ จะ Iphone iPod ipad หรืออะไรก็แล้วแต่ที่สะดุดตาพวกมัน และที่สำคัญ เหยื่อ...มาคนเดียว แล้วล่ะก็ นั่นล่ะ คือเป้าหมายของมัน
แก๊งค์ตกทองพวกนี้จะทำทีเป็นเข้ามาชน พร้อมกับทำกระเป๋าสตางค์หล่น หลังจากนั้นก็จะถามคุณด้วยประโยคหากินว่า “พี่ๆ นี่กระเป๋าพี่ใช่มั๊ย?” (มุขนี้ตลอด) พร้อมกับเปิดกระเป๋าที่มีสร้อย แหวน เงินทอง ของมีค่า พระเนื้อดีกรอบทอง ฯลฯ ต่างๆ มาล่อตาล่อใจให้คุณเข้าไปมีส่วนร่วมในการแบ่งปันของเก็บตกได้กับพวกมันด้วยก็ตาม แต่คุณก็ยังปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยว่าไม่ใช่ของคุณ พร้อมทั้งชักแม่น้ำทั้งห้าเข้ามาแล้วว่าไม่ใช่ของคุณจริงๆ จะเพราะว่าคุณเป็นคนดีจากเนื้อใน หรือเพราะไม่อยากไปยุ่งเรื่องที่มันมีกลิ่นทะแม่งๆแบบนี้ก็แล้วแต่ พวกมันก็ยังตามตื๊อไม่เลิก จะแบ่งของกันให้ได้
และ...หากคุณหลวมตัว เออออห่อหมก ก็เข้าแผนขั้นต่อไปของพวกมัน คือ
๑.นัดไปคุยกันเฉพาะพวกที่เห็นเหตุการณ์เก็บกระเป๋า(หนัก)ตกด้วยกัน (ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีไม่เกินสามคนหรอก หากมากกว่านั้น มันจะแบ่งไม่ลงตัว)
๒.ใช้ยาป้าย ทำให้คุณอยู่ในภาวะ มึน งง เบลอ หากคุณเจอขั้นนี้เข้าไป ได้เรียบร้อยโรงเรียนโจรแล้วครับ เพราะคุณจะไม่มีทางขัดขืนใดๆเขาได้เลย เขาว่าอย่างไรก็ต้องว่าอย่างนั้น เขาบอกให้คุณเอากระเป๋ามาเปิดให้เขาดู ให้คุณเอาเงินทั้งหมดที่คุณมีให้เขา พร้อมทั้งบัตรเอทีเอ็มทุกธนาคาร คุณก็ต้องให้
และ....เมื่อพวกมันได้เงินคุณไปจนหมดกระเป๋า ก็เป็นอันจบพิธีตกทองกัน กว่าคุณจะรู้ตัว คุณก็เป็นโรคทรัพย์จางไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ สมัยนี้ เราต้องระวังระไวตัวกันให้มากนะครับ สิ่งที่อยากขอย้ำให้ทุกคนมีพกติดตัวไว้ตลอดเวลา โดยเฉพาะคุณผู้หญิง น้ำดื่มอย่าให้ขาดตัว พกติดกระเป๋าไว้ตลอด มันไม่ได้ช่วยแค่ดับกระหายเท่านั้นนะครับ แต่เมื่อใดที่คุณโดนป้ายยา การใช้น้ำล้างบริเวณที่ถูกยาป้ายจะช่วยลดการออกฤทธิ์ของมันได้ สเปรย์พริกไทย และ ที่ช๊อตไฟฟ้า(อันนี้ต้องแน่ใจแล้วจริงๆนะครับ ว่าเมื่อใช้ต้องไม่พลาดเป้าหมาย เพราะมันจะได้ผลก็ต่อเมื่ออยู่ในระยะประชิดตัว) แต่มันค่อนข้างจะเป็นดาบสองคมนะ หากว่าโจรมันแย่งของไปจากคุณได้ เพราะฉะนั้น คิดก่อนใช้ ไตร่ตรองให้ดีๆทุกครั้งที่จะใช้งานมันนะครับ
อยากขอให้ระวังไว้ เวลาไปไหน ให้หัดสังเกตคนรอบข้างและคนใกล้ๆตัวบ้าง พวกมิจฉาชีพเหล่านี้ ก่อนมันจะลงมือ มันจะใช้วิธีสังเกตเหยื่อสักพัก เพื่อดูว่า มีเงินจริงไหม กระเป๋าหนักจริงรึเปล่า มาคนเดียวหรือว่ามากับใคร และ...รู้ตัวหรือเปล่าว่าพวกมันสะกดรอยตามคุณอยู่ บอกไว้ก่อนนะครับ ว่าร้านอาหารบางร้านในห้างไม่ได้มีกล้องทุกร้านเสมอไป และเมื่อเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น จะไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้เลย แม้กระทั่งตำรวจ คนที่จะช่วยคุณให้รอดพ้นภัยเหล่านี้ได้ มีแค่ตัวคุณ กับ สติ และสัมปชัญญะเท่านั้นล่ะครับ
และอย่าลืมว่า “ชีวิตของคุณ มีค่าเสมอ” พยายามรักษาให้มันอยู่กับคุณไปนานๆนะครับ
Credit ภัยร้ายใกล้ตัว: Mr. Stop: สำนักพิมพ์ เจ้าสำนัก
ความคิดเห็น
ทำไมโลกภายนอกน่ากลัวแบบนี้
มียาป้ายด้วยหรอ ToT
เหตุการณ์ที่เราเจอวันก่อน ก็คล้ายๆกันคือ
มีผู้ชายคนนึงตามเราตลอดเลย (ไปห้างคนเดียวค่ะ)
ขนาดเราจะกลับบ้านแล้วยังตามเลย พอเราหันไปมอง
ก็ทำเป็นหยุดยืนเฉยๆ ไม่รู้้ไม่ชี้
ดีนะที่เราเจอคนรู้จักก่อน ก็เลยขอกลับบ้านกับเค้า
ที่เรารู้ว่า เค้าตามเราก็เพราะ เรามีเซ้นต์แรงค่ะ และสังเกตสิ่งรอบข้างด้วย
ไม่งั้น ก็ไม่รู้ว่าเราจะเป็นยังไงแล้ว
ชอบคุณค่ะ ^^
คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้จริงๆ YwY''
คนเรามักถามว่า"ทำไมคนดีหายากนัก"
เพราะคนส่วนใหญ่พยายามหาไม่ได้พยายามเป็น
มันมาเป็นแกงค์ มา 2คน แต่ รู้สึกมีันจะทำเป็นอาชีพเพราะมันสวมถุงมือด้วย
ตอนนี้ เขาจับได้คนนึง แต่อีกคนยังจับไม่ได้อ่า