Linkin Park Live in Bangkok 2011
วันศุกร์ที่ 23 กันยายน เวลา 20.30 น. คือฤกษ์การเปิดคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการของวงร็อคระดับโลกอย่าง Linkin Park ที่ลาน AKTIV Square อิมแพค เมืองทองธานี แต่เมื่อถึงวันแสดงได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง และทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นสมกับที่รอคอยกันมานานรึเปล่า ก็เป็นเรื่องที่หลายๆคนได้รู้ ได้พบ ได้เห็นกันมาไม่มากก็น้อย เราคงไม่นำสารพัดเหตุการณ์มาไล่เรียงอะไรกันตรงนี้หรอกนะ เอาไว้ใหตัดสินใจกันเองรึกัน และถ้าใครอยากจะระบายความอัดอั้นตันใจ อยากจะแฉ อยากจะชมใคร เต็มที่! ไม่มีเซ็นเซอร์ แต่ถ้า dek-d จัดการเองก็...ไม่แน่ หุๆ เอาเป็นว่าสำหรับส่วนที่เราจะเขียนเล่าประสบการณ์จากการไปชมคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เราขอเล่าแบบสบายๆ สไตล์เรานะ..แต่อาจมีกัดนิดๆ แง่มมมมม!แมร่งงงงงงงง!
วันนี้มีคอนเสิร์ต พรุ่งนี้มีส่งการบ้าน วันก่อนคอนเสิร์ตเลยทำปาฏิหาริย์ การบ้านเรียบวุธเสร็จทุกรายงาน ทั้งๆที่ทุกครั้งจะเสร็จแบบเส้นยาแดงผ่า...16! และในวันงานก็ทำตัวเป็นลูกน้องที่ดี๊ดี...โดดงานแบบมีใบอนุญาต ทั้งหมดนี้เพื่อ...LINKIN PARK! เราซื้อบัตรตอนช่วงโปรโมชันแรกๆ ที่ซื้อในราคา 3000 บาท เลยได้ของแถมและอยู่โซน VIP/UFC ครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตที่ยอมถ่อสังขารไปดู อ่า...แต่ต้องยืนตลอดงานนี่สิ แต่อ๊ะ! ได้ยินมาว่ามีที่นั่งในโซนนี้ด้วย อืม! เริ่มวางแผนในใจจะทำอย่างไรให้ทันไปแย่งที่นั่งได้...
เราไปถึงหน้างานก็บ่ายสองกว่า ประตูด่านแรกยังไม่เปิดเลยมองหาเพื่อนร่วมก๊วนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน (และยังคงไม่รู้จักกันต่อปายยย เพราะเราทักคนน้อยมากและคนที่เคยทักก็ลืมไปหมดแหล่ววว) คือ...แก๊งเสื้อฮู้ด นำโดยนกแห่ง Circlegriff (ยินดีด้วยที่ได้ Meet and Greet...ว๊าก อิจฉา!) แม้จะยืนอยู่ท่ามกลางแดดเปรี้ยงๆ แต่เหล่าสาวก LPK ก็บ่ยั่น สวมเสื้อฮู้ดกันอย่างไม่สะทกสะท้าน...ร้อนเนอะ หุๆ
พอบ่ายสามกว่ามั๊ง ด่านแรกก็เปิด ตอนแรกก็กะเดินไปสบายๆ แต่เห็นคนอื่นวิ่งฝุ่นตลบ เราก็ฝืนสังขารวิ่งบ้างเพื่อมาต่อแถวเข้าด่านที่สอง ตรงจุดนี้จะเป็นลานกิจกรรมที่หันไปทางไหนก็มีแต่สปอนเซอร์โซดาช้าง เค้ามีกิจกรรมอะไรบ้างก็ไม่ค่อยรู้หรอกเพราะไปคนเดียวเลยไม่กล้าทิ้งที่ไปไหนไกล...เด๋วหาย นอกจากนี้ก็มีโซนขายอาหารที่ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อกๆ พอเห็นอาหารก็เพิ่งนึกได้ว่ายังมะได้หม่ำอาหารกลางวันเลย...ลืมหิว! และก็มีบู๊ตขาย(และทวง)ของที่ระลึก ดีที่บู๊ตนี้อยู่ข้างหลัง เลยสะกิดใจเมื่อเห็นเค้าต่อคิวกัน พอรู้ว่ารับเสื้อกันฝน เราเลยหน้าด้านขอให้ใครไม่รู้ข้างๆช่วยจองที่ให้หน่อยเพื่อจะได้ไปทวงเสื้อกันฝน ดีที่ไหวตัวทันเลยได้เสื้อกันฝนมา ได้ยินว่ามีคนไม่ได้อีกเพียบ
มีภาพบรรยากาศนอกงานมาแค่ภาพเดียว...ประหยัดแบตฯ
พอ 4 โมงกว่าเกือบ 5 โมงก็ได้ฤกษ์เพื่อจะไปด่านสุดท้าย ตอนผ่านด่านที่ 2 นี่มีการตรวจและริปสิ่งต้องห้าม ตรวจบัตร ใส่สายรัดข้อมือเพื่อแบ่งโซน ซึ่งของ UFC/VIP เป็นสีเทา...สายรัดแกะยากโคตร ตอนงานเลิกจะแกะออก...แกะมะเป็น เกือบจะเอากรรไกรหรือคัตเตอร์มาตัดทิ้งละ แต่เผอิญไม่มีทั้งคู่ สายรัดเจ้ากรรมเลยรอดตัวมาได้ในสภาพสมบูรณ์ อ่ะ วกกลับมาต่อ จากด่าน 2 ไปด่าน 3 ก็ต้องวิ่งแข่งอีกรอบ เพื่อจะต่อคิวเข้าลานคอนเสิร์ต เฮ้อ! งานนี้เหนื่อยตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย เอ! ชักเริ่มหิวน้ำ เห็นเต๊นท์ขายน้ำดื่มของโซดาช้างอยู่ไม่ไกล แต่ก็ได้แค่ส่งสายตาวิ้งๆเพราะหวงที่มากกว่าสังขารตัวเอง อ่า ลืมบอกไป ในงานนี้เฉพาะน้ำดื่มตราช้างที่เปิดฝาแล้วเท่านั้นที่เอาเข้าไปได้ อาหารและน้ำอื่นๆห้ามเข้า...เหรอ?...มิเป็นเช่นนั้นหรอก...เห็นกะตาอ่ะ (ง่า รู้งี้แอบเอาน้ำดื่มขวดจิ๋วเข้ามาด้วยดีกว่า) จากประสบการณ์คราวนี้ขอบอกว่าถ้าเอาน้ำเร่ขายในแถวเลยจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่น๊อนนนน
แล้วพอตอนจะเข้าลานคอนเสิร์ต แฟนๆจากโซน A ได้เข้าก่อนเลยมีโห่ข่มโซนพวกเราที่เจ้าหน้าที่ผู้ตรงแหน็วไม่ยอมปล่อยสักที แต่พอโซนเราได้เข้าบ้าง เท่านี้แหละรีบโห่เย้ยกลับไปทันใด ฮ่าๆได้เข้าซะที คราวนี้ก็เป็นการวิ่งรอบที่ 3 ในเวลา 3 ชั่วโมง เพื่อจะไปอยู่หน้าๆของเวที แต่เนื่องจากสังขารเริ่มโรย เลยตกรอบอดเกาะรั้วเป็นรางวัล แต่ก็ถือว่าอยู่หน้าๆนะประมาณแถวที่ 7 (ไม่มีแถวหรอก กะเอา) ค่อนไปทางกลาง ตอนไปถึงหน้าเวทีก็ 5 โมงนิดๆ เวทีกระจุ๋มกระจิ๋มดีนะ คงรักษ์โลกอยากช่วยชาติประหยัดพลังงาน บนเวทีก็ยังเห็นมีการปีนๆป่ายๆ จัดๆแต่งๆเวทีอยู่ แล้วก็มีเซ็ตเครื่องดนตรี มองโลกในแง่ดี...คิดซะว่าก็แค่ทดสอบครั้งสุดท้าย เพื่อชัวร์ป้าดว่าทุกอย่างจะออกมาดีเริ่ดดด!
รู้นะว่าฤกษ์วงเปิดวงแรก Sweet Mullet ตอน 6 โมงเย็น ก็รอกันไปสบายๆปนหิวน้ำ แต่อ๊ะ! นึกขึ้นได้ว่าเราจะเข้ามาแย่งเก้าอี้ดนตรีอันดับแรกนี่นา เห็นคนอื่นแข่งวิ่งเกาะรั้วเลยลืมสนิท ก็เลยตาลีตาเหลือกมองหาเก้าอี้ใหญ่ ไหนหว่า...โน่นนนน มะอยากเชื่อเลยว่ามันยังอยู่ในโซน VIP/UFC เห็นมีคนนั่งสัก 2 -3 หน่อจากที่นั่งว่างเป็นร้อย เปลี่ยนใจ! ใครจะว่าใจโลเลก็ช่างเหอะ ตรูยอมตาย! เอ๊ยยอมยืน!
...รออย่างใจเย็น ดูเค้าจัดเวที เซ็ตเครื่องดนตรีฆ่าเวลากันไป อ๊ะ 6 โมงแล้ว! ก็ยังไม่มีอะไร ไปๆมาๆ สลายโต๋ว หายจ้อย เหลือแต่เวทีให้ผู้ชมช่วยกันเฝ้า...กันหาย!...........เงียบ...ผู้ชมเอ๋อ...มะมีหน้าไหน ตนใดมาชี้แจงแถลงไขว่าเกิด'ไรขึ้น...ตกลงตรูเสียตังค์เพื่อมาเฝ้าเวทีให้พีนาด้าเรอะ ผู้ชมเริ่มไม่พอใจ เริ่มมีเสียงโห่ฮา วงเปิดวงแรกเป็นวงซวยหมายเลข 1 ถูกโห่ ถูกไล่ระหว่างเซ็ตๆๆเครื่องดนตรีแต่มะยักกะเล่นสักที ผลุบๆโผล่ๆเป็นพักๆ แสงสปอร์ตไลต์วาบที ผู้ชมก็โห่ร้องทีนึกว่าได้ฤกษ์แล้ว...แต่แค่ทดสอบอ่ะ มีปัญหา'ไรมะ...มีก๊าบบบ ฝนมันต๊กอ่ะ แค่รอเฉยๆก็จะแย่อยู่ละ แต่รอท่ามกลางสายฝนยิ่งแย่ใหญ่
พอทุ่มกว่าก็ได้ฤกษ์เบิกโรงเล่นกันซะที ไม่แปลกใช่ไหมที่ก่อนหน้านี้โห่ไล่กันจัง แต่พอวงเค้าเล่นได้ก็เหมือนกับว่าความขุ่นเคืองทั้งหลายได้มลายไปกับเสียงเพลง แต่เล่นได้สัก 3 - 4 เพลงมั๊ง (ลืมนับ!) ก็จบละ ทางวงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ทำเหมือนเล่นไปตามปกติ ผู้ชมก็นึกว่าเด๋วอีโบลาก็มาต่อ แต่อ๊ะ! เห็นมีเซ็ตเครื่องอีกแล้ว แต่มะเป็นไร เปลี่ยนวง เครื่องดนตรีเปลี่ยนเป็นธรรมด๊า แล้วก็รอต่อปายยย...รอ...รอ แล้วก็รออีกหลายต่อปายยยยยย ช่วงนี้ชักเริ่มคิดถึงเพลง Irridescent ท่อนที่ว่า ...When you were waiting on the edge of the unknown...Do you feel cold and lost in desperation? You build up hope, but failure’s all you’ve known... มะรู้ว่าเกี่ยวกันไหม แต่บรรยากาศตอนนั้นมันให้จริงๆนะนั่น ไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น ได้แต่คอย ได้แต่หวังว่าจะเริ่มเล่นสักที ดูท่าว่าจะเล่น จะเล่น แต่ก็ไม่เล่น แล้วก็หายจ้อยอีกละ รอ...ท่ามกลางสายฝน...รอ...ท่ามกลางความไม่มีอะไรเลย อ่า...อาการหิวน้ำเริ่มออกฤทธิ์ ร้อนก็ร้อนเพราะดันใส่เสื้อฮู้ดแบบกันหนาวแล้วมีเสื้อคลุมกันฝนใส่ทับอีกที และเพราะอยู่แถวหน้าๆ เลยมีสภาพเป็นหนอนกระป๋องอัดกันอยู่อย่างนั้น เหม็นทั้งผม เหม็นทั้งขี้เต่าและกลิ่นตัว...ทนกันไป ก๊อเลือกเองนิ!
Ebola เป็นวงซวยวงที่ 2 ที่ถูกผู้ชมโห่ฮา ด่า ไล่ คราวนี้คิดว่าโดนหนักกว่า Sweet Mullet เพราะคงรอมานานเกินไปแหละ รอจนเหมือนกับถูกลอยแพกลางห้วงอวกาศที่มีแต่ความมืดมน...(เว่อร์อีกละตรู) ผู้ชมเรือนหมื่นก็จำต้องสามัคคีกันเฝ้าเวทีต่อไป ทิ้งช่วงจากวงแรกมาเป็นวงเปิดวงที่ 2 ก็เป็นชั่วโมง ถึงได้เล่นจริงๆซะที ตอนนั้นกี่โมงหวา 2 - 3 ทุ่มมั้ง นักร้องนำออกมาพร้อมกับสีหน้าไม่เสบยเป็นที่ยิ่ง แล้วก็มีเหวี่ยงใส่ทั้งพีนาด้าผู้จัด ทั้ง Linkin Park และทั้งคนดู กระจายสาดดดดด...เพื่อความเสมอภาคคร้าบบบบ คำพูดของเค้าก็มีทั้งที่ชอบและไม่ชอบนะ ส่วนมีคำพูดอะไรบ้าง จำไม่ได้ละ ขี้เกียจจำ(เอาไปใส่ใจ) แต่สิ่งที่เราขอชมจากใจเลยคือ เค้ายอมพูดขอโทษทั้งๆที่ความจริงแล้วใครผิดใครถูกก็ไม่รู้แหละ อีโบลาเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ นานหน่อย เค้าว่าต้องเล่นถ่วงเวลารอ Linkin Park ที่ยังมาไม่ถึง อ่ะ เหมือนเคย พอดนตรีขึ้นก็ดูเหมือนว่าความไม่พอใจทั้งหลายก็หายวับไปกับจังหวะร็อคกระหึ่ม บ้างก็เต้น บ้างก็แหกปากร้องไปตามอารมณ์ใครอารมณ์มัน พออีโบลาเล่นเสร็จ จากที่เคยโห่เคยไล่ก็เรียกร้องให้เล่นอีก น่ารักเนอะ...
มีต่อ...
http://my.dek-d.com/elzadan/blog/?blog_id=10143319
ความคิดเห็น
/ ต่อไวๆ ดิ มี Video ด้วยป่าว ไม่ได้ไปดู -.-
ไม่ได้ไปปป เพราะอีกวันมีสอบ เสียดายมากกกกกกกกกก
บอก ว่า เกลียดนัก เกลียดหนา ฟัง ฟา พ่อง มึง อะ เวลา เขา ขึ้น มา ร้อง ก็ ปิด หู ไป ดิ สัส
มึงหุบปากไปเลยดีกว่า มึงหุบปากไปเลยดีกว่า มึงหุบปากไปเลยดีกว่า
ดี แต่ ด่า เหี้ย ต่างๆ นานา