ฉันเกิดที่จังหวัดอุดรธานี เห็นหน้ากามๆดั้งยุบๆแบบนี้คงคิดไม่ถึงใช่ไหมล่ะว่าฉันน่ะเป็นลูกครึ่งนะจะบอกให้ ก็ครึ่งอุดรธานีมหาสารคามยังไงล่ะ เพราะแม่เป็นคนอุดรแต่พ่อเป็นคนสารคามนั้นเอง เอาล่ะๆไม่เล่นแล้วก็ได้ด้วยความเป็นคนอีสานโดยกำเนิดดังนั้นก็ไม่แปลกเลยที่ฉันจะสามารถเว้าลาวจกข้าวจิ้มแจ่วบองได้อย่างไม่อายใคร
ชื่อของฉันคือ นางสาวจันทร์จิรา มาตรา แม่บอกว่าชื่อนี้คนข้างบ้านตั้งให้แต่ฉันก็ไม่เคยถามแม่สักทีว่าคนข้างบ้านมาเกี่ยวอะไรด้วย และได้แต่ภาวนาว่าฉันคงไม่ใช่ลูกคนข้างบ้านดังเช่นที่พี่สาวเคยล้อเมื่อสมัยยังเด็ก ส่วนชื่อเล่นของฉันคือ โอ แบบว่าโอเฉยๆนี่แหละไม่ใช่ ส้มโอ โอเลี้ยง หรือโอยั้วอะไรทั้งนั้น และชื่อเล่นของฉันพี่สาวคนโตเป็นตั้งให้เธอบอกว่าตั้งตามนักร้องที่โด่งดังมากในสมัยนั้น เผื่อพอโตขึ้นฉันอาจจะร้องเพลงเพราะแบบหล่อนบ้าง แต่เชื่อไหมว่าตอนที่ฉันร้องคาราโอเกะตามห้างได้คะแนนไม่เคยเกินหกสิบสักที
ฉันมีพี่น้องรวมกันถึงสี่คนและแน่นอนฉันเป็นลูกคนสุดท้อง ที่ห่างจากพี่สาวคนโตถึงสิบสี่ปีและห่างจากพี่สาวคนติดกันเก้าปีจนทำให้ฉันเป็นที่อิจฉาของเธอ เพราะเธอบอกว่าเธอเป็นลูกคนสุดท้องมาจนถึงอายุเก้าขวบและฉันมาแย่งตำแหน่งนี้ไปได้ในอีกเก้าปีถัดมา และเรื่องความอิจฉาของเธอนั้นฉันก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี่เอง แปลกใจจริงๆที่มารู้เอาตอนอายุมากกันขนาดนี้แล้ว
ในบรรดาพี่น้องสี่คน นางสาวประภา นายอำนาจ นางสาวกาญจนา และฉัน มีฉันที่เรียนสูงที่สุดในระดับปริญญาตรี ด้วยฉันเกิดในยุคที่พ่อกับแม่พอจะมีเงินส่งเสียให้เรียนหนังสือได้แล้ว และพี่สาวพี่ชายก็ทำงานหาเงินเองจนหมดแล้ว แม้มารู้ความจริงเอาตอนหลังว่าพี่สาวคนโตต้องไปทำงานที่เมืองหลวงทั้งที่มีความรู้เพียงประถมหกเท่านั้น ก็เพื่อให้พี่สาวอีกคนของฉันได้เรียนในชั้นมัธยม และเธอก็ต้องออกจากโรงเรียนทันทีหลังจากเรียนจบในชั้นมัธยมต้นเพียงเพราะพ่อบอกว่าไม่มีเงินส่งค่าเล่าเรียนแล้ว แม้ว่าตอนนั้นพี่สาวของฉันจะสอบเข้าเรียนในชั้นมัธยมปลายได้แล้ว เธอบอกว่าเสียใจมากในตอนนั้นเพราะการเรียนคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ แต่มาถึงทุกวันนี้พี่สาวของฉันก็สามารถเรียนจบในระดับปริญญาตรีได้แล้วทั้งที่เธอยังทำงานและส่งเสียค่าให้ฉันด้วย
ครอบครัวของฉันเป็นชาวนามาตั้งแต่กำเนิด ดังนั้นฉันจึงเติบโตมาพร้อมกับกลิ่นโคลนสาปควายโดยแท้ ฉันเห็นพ่อทำนามาตั้งแต่จำความได้โดยเริ่มจากใช้ควายไถนาและนวดข้าวด้วยการตีด้วยไม้บนลานที่ทาด้วยขี้ควาย จนมาถึงการไถนาด้วยรถไถและเกี่ยวข้าวด้วยรถที่มีเม็ดข้าวไหลออกมาโดยไม่ต้องนวด แม้บรรจุพ่อกับแม่จะเลิกทำนาแล้วแต่เรายังไม่ได้ขายที่นาดังกล่าวทิ้งไปเช่นชาวนาคนอื่นๆ พ่อบอกว่าแม้เราจะให้คนอื่นทำนาแต่เราก็ยังมีข้าวกินโดยไม่ต้องซื้อเพราะเราคิดค่าเช่าทำนาเป็นข้าวตามสัดส่วนที่ได้ในแต่ละปี ปีไหนข้าวงามเราก็ได้ข้าวมากินเยอะปีไหนนาล่มได้ข้าวน้อยเราก็ขอแบ่งมาน้อยเป็นปีๆไป
บ้านของฉันอยู่ติดลำห้วยดังนั้นฉันถึงได้กินปลาตลอดทั้งปี คุณตาของฉันเป็นคนที่หาปลาเก่งที่สุดในหมู่บ้านซ้ำท่านยังเป็นช่างทำเครื่องมือหาปลาที่ฝีมือดีที่สุดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นลอบดักปลา ไซ ไม่เว้นแม้แต่แหกับสวิงที่ท่านก็เป็นคนถักเอง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ลูกหลานไม่มีใครสืบทอดความเก่งกาจจากท่านมาเลยสักคน ยกเว้นฝีมือการจับปลาที่เราทุกคนล้วนทำได้โดยสัญชาติญาณ ตอนเด็กฉันมักตามพ่อ พี่ชายแล้วก็แม่ ลงน้ำลงหนองไปหาปลาเสมอ เอาแค่ได้ถือข้องกับถังตามก้นท่านแค่นั้นฉันก็ถือว่ามันสนุกมากๆแล้ว
ตอนเด็กนั้นๆแม่บอกว่าฉันซนสุดๆแถมยังเป็นหัวโจ๋กของเด็กละแวกบ้านอีกด้วย แต่ฉันก็ไม่ได้แย้งอะไรเพราะเห็นจะเป็นอย่างนั้นจริงๆก็เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับฉันก็มีแต่ลูกพี่ลูกน้องของฉันที่เป็นผู้ชายทั้งนั้น ส่วนพี่สาวน่ะหรอฉันจำไม่ได้เลยว่าฉันเคยเล่นอะไรกับเธอได้บ้าง นอกจากตุ๊กตากระดาษที่ฉันมักจะทำหัวมันขาดเสมอจนเธอเลิกให้ฉันเล่นด้วยไปเลย แถมฉันยังเด็กเกินกว่าจะนั่งนิ่งๆให้เธอจับมาถักเปียเล่นเป็นตุ๊กตาได้
กิจกรรมส่วนใหญ่ของฉันในวัยเด็กนั้นมักจะเป็นเรื่องของเด็กผู้ชายเสียมากกว่า และเราก็จะเปลี่ยนการละเล่นไปตามฤดูกาลซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องของการทำบาป แต่เชื่อไหมว่าฉันเป็นคนทำบาปไม่ขึ้นเอาเสียเลย ไม่ว่าจะยิงนกหรือว่าตกปลาฉันก็ไม่เคยได้มันกลับมาทำกับข้าวให้แม่ชื่นใจเลยสักครั้ง หน้าฝนกิจกรรมของฉันกับบรรดาลูกสมุนจะเยอะเป็นพิเศษเพราะช่วงนี้จะอุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นปลาในห้วยหรือในนาข้าวที่มาจากจากน้ำหลาก และปูนาขาเกก้ามโตๆที่เวลาเอาไปทำให้สุกจะกลายร่างจากสีดำเป็นสีส้มทันที แค่นึกถึงตอนที่แกะกระดองมันออกแล้วเยาะน้ำปลาลงเอาจิ้มด้วยข้าวเหนียวด้วยแล้วอร่อยอย่าบอกใครเลยเชียว ผักหน้าฝนนี้ก็งามอย่าบอกใครเลยล่ะไม่ว่าจะเป็นผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักแขยงที่มีกลิ่นฉุนนิดหน่อย ผักตบ เยอะจนเล่าถึงสามวันยังไม่หมดเลย
ส่วนหน้าแล้งเราก็มีกิจกรรมให้ทำไม่รู้เบื่อยิ่งช่วงเดือนเมษาช่วงปิดเทอม แม้ว่าช่วงนี้จะร้อนแบบสุดๆจนพื้นดินบนที่นาแตกระแหง เราก็ไม่สะทกสะท้านเพราะยังมีอะไรๆให้เล่นอีกเยอะแยะ ฉันกับลูกพี่ลูกน้องผู้ชายอีกสองคนที่อายุไล่เลี่ยกันเราจะได้หนังสติ๊กชั้นดีที่ทำด้วยไม้มะขามจากมือมือของคุณตาคนละอัน และเราก็จะมีถุงผ้าไว้ใส่ลูกหินจากผ้าเสื้อเก่าๆที่ใส่ไม่ได้แล้วที่แม่ๆของเราเย็บให้ ตอนนั้นฉันยังอดภูมิใจไม่หายและรู้สึกว่าตัวเองเท่ห์สุดๆ เพราะสมัยนั้นพ่อแม่ของเด็กคนอื่นๆมักจะไม่มีฝีมือในการทำไม้ง่ามหนังสติ๊กเช่นคุณตาของพวกเรา และหลังจากกินมื้อเช้าเสร็จเราสามคนพี่น้องก็จะออกลาดตระเวนไปตามทุ่งนาเพื่อเสาะหากิ้งก่าตัวโตและยิงมันให้หัวเปะ ก็อย่างว่าเพราะฉันเป็นคนทำบาปไม่ขึ้นไม่ว่าจะยิงสักกี่ครั้งก็ไม่เคยโดนสักที จนบางปีฉันออกไปยิงกิ้งก่าไม่ถึงสามครั้งพาลปล่อยให้หนังสติ๊กเปื่อยไปเลย
สมัยที่พ่อทำนาตอนแรกๆเรายังเลี้ยงควายกันอยู่เพราะต้องใช้มันไถนาในหน้านา แต่ฉันยังเด็กอยู่มากจึงไม่ค่อยได้ออกไปเลี้ยงมัน ภาระส่วนใหญ่ในการเลี้ยงควายจึงตกเป็นของพี่ชายเสียมากกว่า แต่ก็ยังจำได้ว่าเคยขี่หลังมันเล่นบ้างเป็นครั้งคราว พี่ชายของฉันต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเอามันออกไปล่ามไว้เพื่อให้มันได้กินหญ้า พอกินข้าวเช้าเสร็จเขาก็จะออกไปปล่อยมันให้เดินกินหญ้าตามท้องทุ่งไปกับควายของคนอื่นๆ จนกระทั่งเราเลิกใช้ควายไถนาและขายมันไปในช่วงที่ฉันเริ่มเข้าโรงเรียนในชั้นประถมนั่นเอง
ฉันจำได้ว่าสมัยเด็กๆนั้นบ้านหลังเดิมของฉันเป็นบ้านไม้ยกสูงเพราะเมื่อเวลาน้ำหลากน้ำมักท่วมบ้านของฉันอยู่เสมอ แต่ช่วงนั้นเด็กๆอย่างฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันลำบากอะไรกลับกลายเป็นเรื่องสนุกเสียมากกว่าที่มีน้ำให้เล่นถึงใต้ถุนบ้าน และฉันก็ชอบบ้านหลังนี้มากเพราะว่ามันมีชานบ้านด้วยชานบ้านกว้างๆที่ฉันมักจะออกมาวิ่งเล่นเวลาฝนตก แต่ตอนนี้ก็น่าเบื่อสุดเช่นเดียวกันเพราะฉันกับพี่ๆเราต้องใช้ลูกมะพร้าวแห้งผ่าครึ่งขัดชานบ้านไปด้วย แม่บอกว่าถ้าเราไม่ขัดมันพื้นไม้ที่เปียกน้ำนานๆก็จะมีแต่ตะไคร้น้ำขึ้นเต็มไปหมด แล้วมันก็จะทำให้เราลื่นล้มหัวแตกได้ถ้าเดินบนพื้นไม้นั่น พอฝนหยุดตกในตอนเย็นพ่อกับพี่ชายก็ได้เวลาออกหากิน เพราะช่วงเวลาแบบนี้กบจะมากเป็นพิเศษฉันเคยขอพ่อออกไปส่องกบด้วย แต่พ่อก็ไม่เคยอนุญาตให้ฉันติดตามสักทีได้แต่อ้างว่าช่วงนี้งูเงี้ยวเขี้ยวขอมันเยอะอันตราย ดังนั้นฉันจึงอดรู้วิธีการจับกบแบบบ้านๆไป พอหน้าร้อนพวกเราก็จะเอาเสื่อออกมาปูนอนเล่นที่ชานบ้านกันแทนที่จะเข้านอนในตัวบ้านที่ร้อนอบอ้าวเพราะหลังคามุงด้วยสังกะสี และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนผล่อยหลับก่อนจนพ่อต้องเป็นคนอุ้มเข้าไปนอนในบ้านเสมอ
แม้ตอนนี้ฉันจะมีอายุเลยวัยเรียนมามากแล้วแต่ฉันยังจำเรื่องราวในอดีตได้อย่างแม่นยำ และถึงแม้เราจะสร้างบ้านหลังใหม่มาถึงสามหลังแล้วแต่ก็ยังอยู่ในที่ดินแปลงเดิม ส่วนที่นาของเราก็ยังให้คนอื่นทำอยู่และเราสี่พี่น้องก็ไม่มีความคิดว่าจะขายเพื่อเอาเงินมาแบ่งกันเหมือนลูกบ้านอื่น พ่อกับแม่แม้จะอายุมากแล้วแต่ท่านก็ยังทำงานที่ท่านรักอยู่ แม่ยังคงปลูกผักขายเช่นเดิมแต่ก็ลดปริมาณการปลูกให้น้อยลง โดยท่านอ้างว่าค่าใช้จ่ายส่วนตัวของท่านนั้นขอท่านหาเองดีกว่ารบกวนเงินของลูกๆ ส่วนพ่อก็ปล่อยให้พี่ชายมาบริหารงานรับเหมาก่อสร้างแทนท่านและผันตัวเองมาเป็นหมอยาสมุนไพรอย่างเต็มตัว ด้วยหวังว่าวิชาความรู้ที่ติดตัวท่านมาตั้งแต่ยังเด็กจะช่วยบรรเทาทุกข์ให้แก่คนเจ็บไข้ได้ป่วยได้บ้าง ซึ่งปัจจุบันคนสมัยใหม่ก็หันมาใช้สมุนไพรในการรักษาโรคกันมากขึ้น พี่สาวคนโตก็ยังคงรักษาความโสดได้อย่างเหนี่ยวแน่นและลาออกจากงานเพื่อกลับมาดูแลพ่อกับแม่ที่นับวันมีแต่โรยราตามความเห็นของน้องๆ ส่วนพี่สาวคนรองยังคงทำงานในบริษัทอิเล็คทรอนิคของเธอดังเดิมโดยหวังว่าเธอคงจะมีโอกาสได้แต่งงานและไม่ต้องครองตัวเป็นโสดเหมือนพี่สาวคนโต ส่วนฉันก็ยังคงทำงานในสายงานวิศวกรที่ฉันได้ร่ำเรียนมาและก็หวังเช่นเดียวกันว่าจะหาคู่ชีวิตที่เข้าใจฉันได้ในสักวัน
ความคิดเห็น