เมื่อคราวที่แล้วฉันเคยได้เล่าประวัติชีวิตของฉันในวัยเด็กไปบ้างแล้ว มาครั้งนี้ฉันอยากจะเล่าถึงช่วงเวลาแห่งความสุขเหล่านั้นแบบเต็มๆสักที เผื่อว่ามันจะช่วยให้ใครหลายๆคนนึกถึงช่วงเวลาแบบฉันได้บ้าง อย่างที่ฉันเคยบอกครอบครัวของฉันเป็นชาวนามาแต่อ้อนแต่ออก ไม่ว่าจะเป็นรุ่นปู่ย่าตายายหรืออาจจะรวมไปถึงรุ่นคุณทวดที่ฉันเกิดไม่ทันด้วยก็ได้ แต่การทำนานี่แหละที่ทำให้พ่อกับแม่มาเจอกันรักกันและลงเอยด้วยการรักกันในที่สุด ก็อย่างว่าคู่กันแล้วมักไม่แคล้วกันทั้งๆที่พ่อกับแม่อยู่กันคนละจังหวัดยังโคจรมาพบกันได้ เพราะเมื่อถึงฤดูทำนาพ่อกับหนุ่มในหมู่บ้านมักจะเดินทางไปรับจ้างทำนาในจังหวัดอื่นๆ จนเมื่อมาถึงหมู่บ้านของฉันก็มาป๊ะกันกับแม่ซึ่งถือว่าในสมัยนั้นแม่ก็สวยเป็นอันดับต้นๆของสาวๆหมู่บ้าน เนื่องจากตาของฉันไม่นิยมให้ลูกสาวของตัวต้องมาทำนาตากแดดตัวดำ แม่ของฉันจึงมีผิวขาวผิดจากหญิงสาวคนอื่นๆและทำให้พ่อมาสะดุดตาเข้าตกลงหลุมรักแม่จังเบ่อเร่อ
ฤดูทำนาของพวกเราชาวอีสานส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นในหน้าฝน เมื่อก่อนถึงน้ำท่าจะอุดมสมบูรณ์ดีแต่เมื่อถึงหน้าแล้งเราก็ไม่มีน้ำสำหรับทำนากันอยู่ดี เพราะตอนนั้นยังไม่มีโครงการชลประทานที่ดีเหมือนปัจจุบันนี้ ดังนั้นเราจึงต้องอาศัยน้ำฝนจากฟ้าในการทำนาเท่านั้น และเราก็จะเริ่มลงมือไถนาเมื่อมีน้ำเจิ่งนองเต็มทุ่งนาเท่านั้นเพราะดินช่วงนั้นจะนิ่มดีแล้วเป็นผลให้การไถง่ายขึ้น พ่อจะใช้ควายเทียมแอกในการไถนามาถึงตอนนี้แหละที่เด็กๆอย่างฉันเห็นว่าสนุกยิ่งนัก ฉันกับแม่เราจะใช้ช่วงเวลาหาปลาไว้กินกันเนื่องจากพอคันไถเริ่มเกี่ยวเอาดิน ปลาที่จำศีลอยู่ก็จะเริ่มปีนออกมาตามดินตามคันไถ เราจะเรียกปลาพวกนี้ว่าปลาขี้ไถ ส่วนมากก็จะเป็นปลาช่อน ปลาหมอ อะไรทำนองนี้ ตอนไล่ตะครุบปลาพวกนี้ฉันก็จะถือโอกาสเล่นน้ำไปด้วย แหมก็ตอนนั้นฉันเด็กมากไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะหาปลาไปทำไมนอกจากจะเล่นสนุกไปวันๆ แถมฉันยังต้องใช้โอกาสนี้ให้คุ้มเพราะปกติพ่อกับแม่ไม่อนุญาตให้ฉันลงเล่นน้ำได้บ่อยๆหรอกนอกจากมันจะเป็นการทำมาหากิน
ฉันได้เล่นสนุกในช่วงการทำนาไม่มากนักหรอกเพราะต่อมาอีกไม่กี่ปี พ่อก็เลิกใช้ควายไถนาแล้ว ต้องเปลี่ยนมาใช่รถไถแทนเพราะมันเร็วกว่าเห็นๆแถมมันยังไม่ต้องให้เราเลี้ยงพอหมดฤดูทำนาอีก การหาปลาของเรานั้นมีหลายวิธีแบ่งๆไปตามฤดูกาลพอเราเริ่มดำนาทีนี้ก็ลงหาปลาในนาไม่ได้แล้ว เว้นแต่จะใช้วิธีปักเบ็ดเอาและแน่นอนเบ็ดนั่นก็ต้องมาจากฝีมือของคุณตาของฉัน ท่านจะใช้ไม้ไผ่ที่หาได้มาเหลาให้เป็นคันเล็กๆยาวประมาณครึ่งเมตรได้แล้วก็รมด้วยควันไฟเพื่อกันมอดและจะได้ใช้ได้นานๆ จากนั้นก็ยักเบ็ดด้วยด้ายที่ทำด้วยไนล่อนสีขาวๆผูกติดกับคันเบ็ดอีกด้าน คันเบ็ดของตานอกจากจะสวยแล้วยังหาปลาได้มากด้วย เราจะเรียกคนที่หาปลาได้เยอะๆว่า “หมาน” ดังนั้นใครอยากหาปลาหมานต้องมาจ้างให้ตาของฉันเหลาเบ็ดให้ แต่เมินซะเถอะ เพราะแค่หลานเพียงสามคนตาของฉันก็ปวดหัวพอแล้ว ด้วยฉันกับลูกพี่ลูกน้องอีกสองคนต้องงอแงให้ตาเหลาเบ็ดให้เสมอ ทั้งๆที่ไม่เคยหาปลาได้จากเบ็ดเหล่านั้นเลย ไม่ว่าเราจะพยายามเสาะหาเหยื่อชนิดใดมาวางเบ็ดก็ตาม แต่อย่างน้อยถ้าฉันได้ตามพ่อหรือพี่ชายไปวางเบ็ดแล้วล่ะก็เป็นอันไม่ผิดหวังแน่นอน วันนั้นเราจะได้ปลาตัวโตกับบ้านมากินมาขายได้หลายวันเลยล่ะ ส่วนเหยื่อที่ใช้ก็แล้วแต่จะหาได้ มีทั้งแบบพื้นฐานนั้นก็คือไส้เดือน ซึ่งจะหาง่ายหน่อยแต่มักขายไม่ค่อยได้เพราะคนส่วนใหญ่มักจะรังเกียจปลาที่กินไส้เดือน แต่พ่อก็บอกว่าอย่าไปกระแดะนักเลยปลามันก็กินทุกอย่างที่ลอยมากับน้ำนั้นแหละแม้แต่ขี้มันก็ยังไม่เลือกเลย ตอนนั้นฉันเองก็หัวเราะไม่ออกหรอกได้แต่พะอืดพะอมแต่ตอนนี้ก็เข้าใจดีแล้ว ปูตัวเล็กๆก็ใช้เป็นเหยื่อได้เหมือนกันและเหยื่อปูนี้ปลาช่อนกินดีนักแล ฮวกหรือลูกอ๊อดก็ใช้ได้ดีแต่เราไม่ค่อยเอามาทำเหยื่อกันเพราะเสียดาย ลูกอ๊อดพวกนี้น่ะมันกินได้เอาไปหมกใส่ใบผักอีตู่(ใบแมงลัก)แซ่บคักอีหลี แมงจิซอนก็เป็นเหยื่อชั้นดีเหมือนกันแต่มันลำบากไปขุดสักหน่อย เอาไว้ว่างๆจะเล่าวิธีหาให้ฟังเพราะหาแมงจิซอนก็สนุกดีเหมือนกัน
บางทีเมื่อวางเบ็ดไปจนถึงคันสุดท้ายเราเดินกลับมาปลาก็กินเบ็ดเราเสียแล้ว บางทีกว่าจะได้ยาม(ดู)เบ็ดกันจริงจังก็เล่นเอาปลาเต็มข้องไปเลยก็มี เราจะวางเบ็ดพวกนี้ไว้สักพักแล้วค่อยกลับมาดูถ้าเบ็ดคันไหนติดปลาก็เก็บปลาแล้วก็วางเหยื่อใหม่ ทำอยู่อย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าเหยื่อที่เตรียมมาจะหมด หรือไม่ก็คนวางเบ็ดจะเหนื่อยกันไปข้างหนึ่ง แต่ส่วนมากฉันมักจะไม่ได้อยู่กับเขาจนเหยื่อหมดหรอกแค่ได้ตามไปวางเบ็ดในตอนแรกก็ถือว่าบุญมากแล้ว เพราะส่วนใหญ่เขาจะทำกันตอนกลางคืนแล้วเด็กผู้หญิงอย่างฉันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำแบบนั้นเหมือนเด็กผู้ชายได้ แต่ถ้าเป็นตอนกลางวันละก็ถึงไหนถึงกัน แต่การหาปลาในตอนกลางวันของฉันกับบรรดาสมุนมักจะเป็นการตกเอาเสียมากกว่า โดยใช้เบ็ดตกปลาที่ทำจากไม้ไผ่อีกนั่นแหละแต่มันจะต่างจากเบ็ดแบบแรกโดยสิ้นเชิง เพราะเบ็ดพวกนี้จะคันใหญ่ขึ้นมากบางที่เราจะใช้ไผ่รวกลำเล็กๆขนาดกำลังงามพอดีมือ หรือไม่ก็ใช้ไม้ไผ่ลำใหญ่ผ่าซีกลำเป็นคันแล้วใช้เส้นด้ายผูกติดกับปลายคันเบ็ดและตัวเบ็ด เบ็ดแบบนี้จะต้องมีทุ่นเล็กๆที่สามารถลอยน้ำได้ติดไว้ด้วยเราจะเรียกทุ่นนั่นว่า “ป่อม” และไอ้ป่อมนี้มักจะทำอยากรองเท้าแตะที่ขาดแล้วเอามาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ข้อดีของมันก็คือจะช่วยให้เรารู้เวลามีปลามากินเบ็ดไม่ใช่ปล่อยให้ปลากินเหยื่อจนหมดแล้วก็หลุดไปเอง ตอนรอให้ปลากินเบ็ดนี้ถือว่าลุ้นกันสุดเราต้องคอยจ้องที่ป่อมว่าเมื่อไหร่มันจะจม ถ้าเกินว่ามันขยับน้อยๆนั่นแสดงว่าปลาเพิ่งเริ่มตอดเหยื่อ แต่ถ้ามันฮุบเบ็ดเมื่อไหร่ล่ะก็มันจะดึงป่อมจมน้ำเลยล่ะ ถ้าถึงตอนนั้นเรามันรีบอีกเราอาจจะเสียทั้งปลาแล้วก็เบ็ดด้วย เพราะปลามันจะดึงเอาเบ็ดไปเกี่ยวกับอะไรต่อมิอะไรใต้น้ำที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ และถ้าเบ็ดขาดกลับบ้านล่ะก็เตรียมตัวโดนสวดให้คันหูกันแน่แท้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือหาปลาชนิดใดที่เด็กเอาไปเล่นจนเกิดการชำรุดเสียหายแล้วล่ะก็มีอันต้องโดนด่าไม่ก็โดนตีกันทั้งแทบ ถ้าโมโหจัดๆก็โดยไม้คันเบ็ดนั้นแหละอันนี้ฉันเคยโดนมาแล้วถึงได้รู้ไงว่าก้านมะยมที่ว่าแน่ก็ยังแพ้คันเบ็ดนะเออ
ฉันค่อนข้างคุ้นเคยกับเครื่องมือหาปลาน้ำจืดเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสุ่มจับปลา เบ็ดตกปลา แห ตาข่าย ลอบดักปลา ไซ ฉมวก สวิง ยอ ไม่เว้นแม้แต่ ต่ง (ตาข่ายซี่ถี่ๆสีเขียวที่เอาไว้ดักปลาตามช่องทางน้ำไหลตอนที่ปล่อยน้ำออกจากนา) และปลาน้ำจืดเกือบทุกชนิดในท้องถิ่นฉันก็รู้หน้าค่าตาเป็นอย่างดี ปีไหนน้ำมาเยอะเป็นพิเศษบ้านฉันจะไม่ได้หลับได้นอนกันเลยล่ะ เพราะทุกคนต้องช่วยกันจัดการปลาที่หามาได้ให้ทันก่อนที่มันจะเน่า ปลาตัวใหญ่ที่ยังไม่ได้ก็ยังถูกเอาไปขังไว้ในโอ่งมังกรม่ก็ถังตามแต่บ้านไหนจัดหามาได้ปลาพวกนี้เราจะเก็บไว้กินหลายๆวัน และเราก็ต้องมั่นเปลี่ยนน้ำในโอ่งทุกวันกันมันตายน่ะ แต่เราจะขังไว้นานไม่ได้หรอกเพราะปลาพวกนี้ไม่ได้กินอาหารขังไว้นานมันจะผอมแล้วกินไม่อร่อย ส่วนปลาตัวเล็กเช่นปลาหมอ ปลากระดี่ ปลาสร้อย พวกนี้เราจะขอดเกล็ดควักไส้ออกเอาไว้หมักกับเกลือทำปลาร้า ใครหลายๆคนพอได้ยินคำว่าปลาร้าคงทำท่าพะอืดพะอมกันเป็นแถบ แต่สำหรับฉันแล้วปลาร้านี้แหละถือเป็นอาหารชั้นดี แถมยังเป็นเครื่องปรุงรสที่ให้รสเค็มชั้นดีอีกด้วย ถ้าทำแกงอ่อมไม่ใส่ปลาร้าถึงจะเค็มด้วยน้ำปลาแต่มันก็ไม่นัว (กลมกล่อม) เท่าใส่ปลาร้า
การทำปลาร้าสูตรบ้านฉันนี่ถือว่าเด็ดสุดเห็นได้จาก พอหมักปลาร้าได้ที่ก็จะมีเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันมาขอซื้อไปกิน ทั้งๆที่ทุกๆบ้านก็ทำปลาร้ากินเองด้วยกันทั้งนั้น และคนส่วนใหญ่ก็มักจะบอกว่าปลาร้าบ้านเขาทำแจ่วบองไม่อร่อยเท่าของแม่ แต่อันที่จริงไหปลาร้าที่ตั้งเรียงรายอยู่หลังบ้านทั้งหลายมักมาจากฝีมือของพ่อทั้งนั้น ฉันชินเสียแล้วกับการชำแหละปลาแล้วถูกมีดบาดหรือไม่ก็มือเปื่อยเพราะเกล็ดปลาแทง แม้ปัจจุบันที่บ้านจะไม่ได้หาปลากันแบบเอาเป็นเอาตายเหมือนเมื่อตอนฉันเด็ก แต่ถ้าพูดถึงปลาบ้านฉันก็มีให้กินไม่เคยขาด ปลาช่อน ปลาดุก พวกนี้บ้านฉันไม่เคยซื้อเขากิน เพราะพี่ชายกับพ่อยังคงวางตาข่ายและทอดแหได้อยู่แม้ว่าปลาในห้วยมันเริ่มน้อยลงทุกปี
จังหวัดที่ฉันทำงานอยู่ไม่ไกลจากบ้านเกิดนักนั่งรถแค่สี่ชั่วโมงก็ถึงบ้านแล้ว แต่ทุกครั้งที่กลับบ้านฉันก็ต้องพบความเปลี่ยนแปลงเสมอๆไม่ว่าจะเป็นความเจริญ ที่นับวันจะยิ่งคืบคลานเข้ามาในหมู่บ้านมากขึ้น เด็กๆในหมู่บ้านก็เริ่มเข้าไปเรียนในเมืองกันมากขึ้นแทนที่จะเรียนในโรงเรียนของหมู่บ้าน กิจกรรมของเด็กๆพวกนั้นในวันหยุดส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในร้านเกมคอมพิวเตอร์ หรือไม่ก็เข้าไปเดินห้างในเมืองแทน ผิดแผกกับฉันในตอนนั้นที่มีวัยเดียวกันอย่างสิ้นเชิง และอีกอย่างก็คือพ่อกับแม่ที่นับวันโรยราสังเกตจากเส้นผมสีดอกเลาและริ้วรอยบนไม่หน้า ไม้เว้นแม้แต่หลังที่นับวันยิ่งโก่งโค้งกันมากขึ้น ฉันก็ได้แต่หวังว่าเส้นทางสายกลางที่ฉันเดินอยู่นี้มันไม่ได้ทำให้ท่านผิดหวังหรือเสียใจ และฉันก็อยากให้ท่านได้รับรู้ไว้ว่าฉันรักท่านทั้งสองคนเหนือสิ่งอื่นใดบนโลกนี้
ความคิดเห็น