คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : [SF] :: You Stole My Heart (Baek x Do)
You Stole My Heart
Baekhyun x Kyungsoo
เสียงปรบมือยังดังก้องพร้อมกับเสียงตะโกนขอให้ร้องต่อ คนตัวเล็กเลือกที่จะปรบมืออยู่ในมุมของตัวเอง ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังบนเวทีด้วยสายตาชื่นชม ริมฝีปากอิ่มไม่สามารถหุบยิ้มลงได้เลย
เหมือนโดนขโมยหัวใจไปเลยล่ะ
“ถ้าให้วงผมร้องต่อ วงอื่นมีหวังอดแสดงสิครับ” เสียงนุ่มพูดติดตลก กำไมค์ที่ถือแล้วเริ่มเดินไปทั่วเวทีเพื่อเอนเตอร์เทนคนดู หันไปแนะนำสมาชิกวงตามลำดับจากกลอง เบส กีตาร์ คีย์บอร์ด แล้วจบลงที่ตัวเองซึ่งเป็นนักร้องนำของวง
“และสุดท้าย นักร้องนำ ผมแบคฮยอนครับ” เสียงกรี๊ดจากนักเรียนหญิงดังระงมจนคนตัวเล็กที่ยืนดูในมุมสะดุ้งหันไปมองตาโต
“เอาล่ะครับ ใจเย็นๆก่อนนะ ฮ่า เพลงสุดท้ายก็ได้ครับ” หลังจากทนเสียงรบเร้าจากกลุ่มนักเรียนหญิงไม่ไหว นักร้องนำของวงเลยต้องคัดเลือกเพลงแล้วหันไปบอกกับเพื่อนนักดนตรีข้างหลัง
ดนตรีเริ่มต้นด้วยเสียงคีย์บอร์ดเบาๆหวานๆ และตามมาด้วยกีตาร์คลอ ก่อนจะมาเน้นย้ำเมื่อตอนนักร้องหนุ่มตาเรียวคนนี้ร้องขึ้น กลองเริ่มตีเป็นจังหวะพร้อมเบสเสียงทุ้มคุมจังหวะทั้งหมด
ผู้ชมเริ่มเล่นไปกับนักร้อง ชูมือขึ้นกลางอากาศแล้วโบกไปมาซ้ายขวา คนตัวเล็กที่มองอยู่ก็ยังคงปรบมือแล้วจ้องไปยังนักร้องหนุ่มอย่างไม่วางตา ทั้งชื่นชอบและก็ทึ่งไปกับความสามารถที่ปล่อยออกมาจนสุดของแบคฮยอน
เสียงร้องจบลงพร้อมเสียงปรบมือ เสียงกรี๊ดแสดงความนิยมยังดังอย่างต่อเนื่อง มีหลายคนที่ลุกไปยื่นดอกกุหลาบสีแดงสดให้ คนตัวเล็กยืนกำดอกกุหลาบสีขาวเอาไว้แน่น ดวงตากลมโตหลุบต่ำมองจ้องไปยังกลีบสีขาวของมันนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้าเขยิบไปข้างหน้า
จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ให้ ดอกกุหลาบสีขาวถูกเหน็บเก็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงดังเดิม นักร้องที่ตัวเองชื่นชอบได้ลงจากเวทีไปพร้อมรอยยิ้มแล้ว คนตัวเล็กก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร
ได้แต่เดินเตะฝุ่นหาที่นั่ง ไม่ไกลจากสถานที่แข่งขันร้องเพลงของมหาลัยสักเท่าไหร่ ยังพอได้ยินเสียงจากนักร้องวงอื่นๆ ดอกกุหลาบสีขาวถูกนำออกมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับเสียงถอนหายใจดังจากคนตัวเล็ก มือทั้งสองข้างนำมาเท้าคางเอาไว้ หลุบดวงตาต่ำมาเจ้าดอกกุหลาบที่คงต้องกลับไปหงอยที่บ้านอีกตามเคย
คยองซูล้วงสมุดเล่มเล็กจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมา ขีดฆ่าวันที่ในสมุดพร้อมวาดรูปใบหน้าบึ้งลงไป เป็นอีกวันที่ต้องผ่านไปพร้อมดอกไม้ที่อยู่กับตัวเอง เลื่อนนิ้วไล่หาวันที่อีกครั้งของการแสดง ก่อนจะจิ้มนิ้วลงไปแรงๆ พร้อมรอยยิ้มรูปหัวใจ
พลิกหน้าสมุดไปข้างหลังสุด เขียนอะไรยุกยิกอีกนิดหน่อย ทั้งหมดที่เขียนเป็นรายชื่อของหนังสือในหอสมุดมหาวิทยาลัยที่คยองซูเป็นคนดูแล ไม่เชิงว่าตัวเองเป็นบรรณารักษ์ แต่ก็คงเรียกว่าเป็นจิตอาสาช่วยคุณครูเสียมากกว่า คนเงียบๆแบบนี้ทำงานในที่เงียบสงบคงเหมาะกับตัวเองที่สุด
“ทำอะไรคนเดียวน่ะ” เสียงเล็กขึ้นจมูกมาพร้อมกับแรงตีบนโต๊ะจนเสียงดัง คนตัวเล็กสะดุ้งจากการเขียนรายชื่อหนังสือที่ต้องรับผิดชอบ เงยหน้าขึ้นมามองต้นเหตุที่ยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้ม
“ตกใจหมดเซฮุน” ลูบหน้าอกตัวเองไปมา ถอนหายใจยาวแล้วเก็บสมุดเล่มเล็กลงในกระเป๋ากางเกง
“นึกว่าอยู่หอสมุด ไปหามาไม่เจอ ที่แท้ก็..” ดวงตารีเหล่มายังดอกกุหลาบสีขาว ยื่นมือไปจับเบาๆ แต่กลับโดนมือเล็กของเพื่อนตากลมตีกลับจนต้องร่นมือออก
“เจ็บนะ” เป่าลงไปที่มือของตัวเองแล้วนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับเพื่อน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนคนตัวเล็กขมวดคิ้วเป็นปม
“อะไรของนายเซฮุน”
“ชอบเขาจริงๆหรอ ไม่ใช่ชั่ววูบใช่ป่ะ” ถามคำถามออกไปอย่างจริงจัง มือขาวกำลงไปที่มือเล็กของเพื่อนแน่น เร่งเอาคำตอบจากคนตัวเล็กที่พยักหน้ารับงง
“โอ้ย คยองซู หมอนั่นมันฮ็อตจะตาย ฉันจะช่วยนายยังไง” เซฮุนกลับมานั่งติดเก้าอี้อีกครั้ง สองมือขยี้ผมจนไม่เป็นทรง คนตัวเล็กขำกับท่าทางเป๋อๆของเพื่อน แต่ในใจก็แอบขอบคุณที่มีเพื่อนห่วงความรู้สึกตัวเองแบบนี้
“ก็ไม่ต้องช่วย ฉันมองเขาแบบนี้ก็ดีแล้ว” จับไปที่ดอกกุหลาบ ลูบไปที่กลีบดอกสีขาวของมันบางเบา กลัวว่าถ้าแรงไปกว่านี้กลีบของมันจะร่วงโรยไป
“นายเป็นคนดีไป” เสียงขึ้นจมูกของเพื่อนเริ่มแสดงอารมณ์ คนตัวเล็กขำ โบกมือไปมาเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรข้างหน้าเซฮุน
“ก็ชอบไปแล้วนี่ แบคฮยอนน่ะ” รอยยิ้มรูปหัวใจเผยขึ้นระหว่างพูดถึงคนที่ชอบ นักร้องนำที่มีน้ำเสียงทรงเสน่ห์ ที่ทำให้คนฟังรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ
“เห้อ นายนี่ดื้อจริงๆ” วางมือลงบนหัวทุยของเพื่อนตากลม ดันให้โยกไปมา ถึงแม้จะเห็นคยองซูมีความสุขเวลาพูดถึงแบคฮยอนก็เถอะ แต่รอยยิ้มนั้นมันน่าจะกว้างกว่านี้ ถ้าเกิดสมหวังได้ก็ดีสิ
“ไปหอสมุดก่อนนะ ไปด้วยกันป่าว” คยองซูลุกขึ้นยืนหันไปถามเพื่อนสนิทที่ส่ายหัวยิกทันทีที่ได้ยิน
“ไปมาแล้ว ไม่ไปหรอก น่าเบื่อ” เซฮุนโบกมือลาคนตัวเล็ก แล้วฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะตัดขาดกับทุกสิ่งรอบตัว
ระยะทางระหว่างหอสมุดกับที่จัดแสดงแข่งขันดนตรีห่างกันพอสมควร คยองซูใช้เวลาเดินกว่าสิบนาที ในที่สุดก็หยุดลงที่หน้าหอสมุดพร้อมปาดเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดขึ้นตามใบหน้าระหว่างเดินทางไกล
เปิดประตูเข้าไปถึงได้รู้สึกถึงความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ความเงียบสงบทำให้รู้สึกดีเหมือนได้กลับมาที่สงบของตัวเองอีกครั้ง เดินไปแปะบัตรเพื่อเข้าไป พอหันไปเจอบรรณารักษ์คนสนิทก็โค้งตัวให้พร้อมรอยยิ้ม ทักทายกันพอเป็นพิธีเสร็จก็เดินเลียบโต๊ะไปหาที่นั่งว่างในหอสมุด
ระหว่างทางก็เดินไล่เก็บหนังสือที่วางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะมารวมกันไว้ที่หัวมุม ไว้เวลาหอสมุดปิดทำการจะได้เก็บทีเดียวง่ายๆ กวาดสายตาไล่หาหนังสือที่ไม่เป็นระเบียบอยู่สักพัก ดวงตากลมก็สบเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่มีออร่าความดูดีแผ่กระจายอยู่
“แบค.. ฮยอน” เผลอพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง แต่ดันลืมเสียสนิทว่าในมือของตัวเองถือหนังสือหนาอยู่ถึงหกเล่ม
แน่นอนว่าหนังสือทั้งหมดร่วงกรูมาอยู่กับพื้นจนเกิดเสียงดัง นักเรียนที่มาใช้หอสมุดหันมามองเป็นตาเดียว คนตาโตเลยต้องก้มหัวขอโทษเสียยกใหญ่
“ช่วยไหม” น้ำเสียงที่เคยได้ยินผ่านไมค์ตอนนี้ชัดเจนอยู่ใกล้กับตัวเองจนคนที่ง่วนอยู่กับหนังสือที่ตกอยู่ตรงพื้นเงยหน้าขึ้นมามอง
ดวงตากลมโตที่เคยโตอยู่แล้วเบิกกว้างด้วยความตกใจ มือเล็กที่เก็บหนังสืออยู่หยุดลง คนที่ยืนค้ำหัวอยู่ยิ้มเป็นมิตรมาให้พร้อมย่อตัวลงมาด้านข้าง ก้มลงส่งมือยื่นไปช่วยเก็บหนังสือที่เหลือ
“มันหนักนะเนี่ย ทำคนเดียวแบบนี้” พูดไปแต่ก็ช่วยคนตัวเล็กที่ก้มหน้างุดเก็บหนังสือ หยิบจากส่วนที่อยู่ในมือของคยองซูมาถือเองอีกสองเล่ม
“ข.. ขอบคุณครับ” คยองซูพูดเสียงเบา เอื้อมมือจะไปหยิบหนังสือที่วางซ้อนอยู่บนตักของแบคฮยอน แต่กลับโดนมือเรียวจับเอาไว้พร้อมส่ายหัว
“จะเอาไปวางไหนหนักแบบนี้จะถือได้ไง”
“อ่า วางไว้บนโต๊ะตัวนู้นเอง” คนตัวเล็กหันหลังชี้ไปที่โต๊ะยาวตัวที่ว่างอยู่ รอยยิ้มรูปหัวใจเผยกว้างออกมาอย่างลืมตัว หุบยิ้มลงแล้วพยายามจะหยิบหนังสือมาถือเองอีกครั้ง
“แค่นี้เองหรอ งั้นเอามา” แบคฮยอนรวบหนังสือจากมือของคยองซูมาถือเองทั้งหมด ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมเสียงเฮือก นั่นทำให้คนตัวเล็กที่มองอยู่หลุดหัวเราะออกมา คนที่กะโชว์ในตอนแรกหันไปมองเลิกคิ้ว กระตุกยิ้มมุมปาก
“ฉันเพิ่งรู้นะว่ามีนักศึกษามาช่วยที่หอสมุดด้วย” หลังจากหอบหนังสือกองโตไปวางไว้ตามจุดที่คยองซูพาไปเรียบร้อยแล้ว แบคฮยอนก็ชวนคนตัวเล็กคุยตามนิสัยพวกคนอัธยาศัยดี
“ว่างๆก็มาช่วยแหละครับ แล้วแบคฮยอนมาทำอะไรที่หอสมุดหรอครับ” คนตัวเล็กถามกลับไปเสียงใส หันไปมองหน้าคนที่คุยด้วยแต่ก็ต้องชะงักกับรอยยิ้มที่ส่งมาให้
“รู้จักชื่อฉันด้วยหรอ” แบคฮยอนอมยิ้มถาม มองใบหน้าใสที่เริ่มขึ้นสีแดงจาง
“ครับ ครับ แบคฮยอน.. แบคฮยอน ร้องเพลงเพราะ ผมเคยไปดูตอนแข่ง” กลายเป็นคนรนตั้งแต่เมื่อไหร่ ลิ้นเล็กเหมือนจะพันจนพูดรัวไปหมด ไม่ได้ดั่งใจตัวเองจนต้องเอามือขึ้นมาบังปาก
“อ๋อ วันนี้ได้ไปดูป่าว”
“ครับ” พยักหน้ารับ มือเล็กจับๆจัดๆไปยังกองหนังสือที่วางอยู่ ทั้งที่มันเป็นระเบียบอยู่แล้วแต่ก็ยังทำอยู่อย่างนั้น ความอายมันมีมากจนทำตัวไม่ถูกนี่สิปัญหาหนักตอนนี้เลย
“มันโอเคไหม จะเข้ารอบรึเปล่าก็ไม่รู้”
คนตาโตสะดุ้งที่โดนจับเข้าที่แขนแล้วดันไปนั่งตรงเก้าอี้ตัวที่ว่าง แบคฮยอนให้คยองซูนั่งลงที่เก้าอี้ ก่อนตัวเองจะลงไปนั่งตาม หันไปมองหน้าคยองซูอย่างขอความเห็น
“รู้สึกเหมือนยังขาดอะไรตลอดเลยตอนร้อง” แบคฮยอนเท้าแขนเอานิ้วชี้จิ้มลงที่ปากพลางนึก คนตัวเล็กที่หันไปมองก็ได้แต่ยิ้ม ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกมีความสุขกว่าทุกวัน
“อ่ะจริงสิ ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอ” หันไปมองคนตัวเล็กที่สะดุ้งสุดตัว คยองซูหุบยิ้มแทบไม่ทัน ถ้าเกิดให้คนข้างตัวนี้เห็นว่าตัวเองแอบยิ้มอยู่ตลอดเวลาต้องโดนหาว่าเป็นโรคจิตแน่
“คยองซูครับ” คนตาเรียวพยักหน้ารัว ยื่นมืออกมาจับกับมือเล็กแล้วขยับไปมา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะแฟนเพลงของฉัน” พูดติดตลกแล้วเหลือบไปมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“ไปก่อนนะ เข้ามาตากแอร์นานแล้ว เย็นนี้ต้องไปซ้อมต่อ งั้นคราวหน้า..”
“ครับ?” คนตัวเล็กเอียงคอสงสัย
“มาเชียร์ด้วยนะ คยองซู” พูดเสร็จก็โบกมือลา รีบเดินออกไป ระหว่างทางก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารับสายจนออกจากประตูหอสมุด
รู้สึกเหมือนโดนขโมยลมหายใจไปเลยล่ะ
คยองซูลูบใบหน้าตัวเองเบาๆ รอยยิ้มรูปหัวใจเผยออกมาหลังจากไม่ต้องเก็บไว้ ประสบการณ์เมื่อครู่เหมือนกับตัวเองได้หลับตาแล้วเข้าสู่โลกความฝัน แต่ไม่ใช่มันคือความจริงที่ทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นปกติ
ดอกกุหลาบสีขาวที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงถูกหยิบออกมาอีกครั้ง คยองซูหยิบมันยกขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมหวานที่ยังไม่จางหาย อมยิ้มให้ตัวเองเมื่อนึกถึงใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนที่ตัวแอบชอบ
“ครั้งหน้าหรอ ไปทุกครั้งอยู่แล้วหรอก” พูดออกมาเบาๆแล้วขำให้กับตัวเอง ยัดดอกกุหลาบสีขาวใส่กระเป๋ากางเกง แล้วลุกขึ้นไปจัดหนังสือต่อ เหมือนได้กำลังใจจนเต็มเปี่ยม ต่อให้วันนี้อยู่ถึงเย็นคยองซูก็มั่นใจว่าตัวเองจะไม่เหนื่อย
.
.
.
“นะคยองซู นายก็ร้องเพลงเพราะจะตาย ช่วยเพื่อนฉันหน่อยนะ”
“แต่.. เซฮุน คือฉัน”
“นะ ถือว่าเห็นแก่วงเพื่อนฉันเถอะ”
คนตัวเล็กส่ายหน้าถอนหายใจยาว แต่สุดท้ายก็พยักหน้าลงพร้อมเสียงตอบตกลง ทนไม่ได้กับสายตาอ้อนวอนราวกับลูกหมาของเพื่อนสนิทที่อุตส่าห์มาขอร้องให้ช่วยเป็นนักร้องแทนตัวจริงที่ดันคออักเสบกะทันหันก่อนวันแข่งสองวัน
“เยส! น่ารักที่สุดเลย” กระโดดกอดอุ้มคยองซูจนตัวลอยหวือจากพื้น คงดีใจมากที่เพื่อนตัวเล็กนี้ให้ความช่วยเหลือ แล้วอีกอย่างนะ เซฮุนอยากให้คยองซูลองโชว์ความสามารถของตัวเองต่างหาก ก็เจ้าตัวร้องเพลงเพราะจะตาย แต่ไม่ค่อยกล้าที่จะแสดงออกสักเท่าไหร่
“แต่จะซ้อมทันหรอ..” ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความประหม่า
“นายร้องเพลงเก่งอยู่แล้ว ตอนไปคาราโอเกะนายก็ได้คะแนนดีทุกครั้ง”
“มันเหมือนกันซะทีไหนเล่า” ขมุบขมิบปากพูด
“นะ”
“ก็ได้ ครั้งเดียวนะ” คยองซูชูนิ้วมาข้างหน้า ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น รอจนเซฮุนพยักหน้าก่อนถึงคลายออก งั้นวันนั้นคยองซูก็อดดูแบคฮยอนสิ คงต้องง่วนอยู่กับการซ้อมก่อนแข่งแน่นอน
หลังจากนั้นคยองซูก็โดนเซฮุนลากไปหาเพื่อน นักร้องนำวงนั้นเดินมาจับมือแล้วก้มหัวให้เป็นการขอบคุณ เห็นแบบนี้ที่ตอนแรกกะไว้ว่าจะมาปฏิเสธก็ต้องพับเก็บความคิดนั้นไป
กลายเป็นส่วนหนึ่งของวงโดยอัตโนมัติ คนตัวเล็กต้องคอยหันไปบอกกับพวกเล่นดนตรีข้างหลัง กะจังหวะให้ตรงแล้วเริ่มร้องปล่อยให้เสียงของตัวเองโดดเด่นขึ้นนำดนตรีทั้งหลาย
เสียงปรบมือดังขึ้นจากนักร้องนำและเซฮุนทันทีที่เล่นจบ เพื่อนๆที่เล่นดนตรีข้างหลังก็ร้องเฮชมเสียงหวานๆแต่ติดทุ้มนิดหน่อยของคยองซูว่ามันคือพรสวรรค์ เจอแบบนี้คนตัวเล็กก็ได้แต่ยืนบิดซ้ายทีขวาที นานๆทีจะมีชมเขาเรื่องร้องเพลงเพราะ นอกจากคนที่บ้านก็มีเซฮุนนี่แหละ
“สุดยอดมาก นี่ขนาดเพิ่งลองร้องดูนะ นายนี่เก่งชะมัด” นักร้องนำของวงที่ชื่อจงแดเดินมาจับมือ คนตัวเล็กยิ้มเขิน ก้มหัวขอบคุณแทนคำพูด
“ย่าห์ คิมจงแด น้อยๆหน่อย มือน่ะมือ” เซฮุนลุกขึ้นมายืนข้างคยองซู ร่างบางดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแนบข้าง ส่งนิ้วขึ้นไปดีดที่หน้าผากขาวของเพื่อนนักร้องนำที่ทำท่าเหมือนจะเต๊าะเพื่อนตัวเล็กนี้
“ดุชะมัด.. โอเค คยองซูเสียงนายเพราะมาก มาร้องแทนฉันเลยไหม เดี๋ยวเป็นผู้จัดการวงให้” จงแดพูดติดตลก ระหว่างพูดก็หันไปมองเพื่อนๆที่พยักหน้ายิก
“ฮ่ะๆ ขอบคุณนะ” คนตัวเล็กได้แต่ขอบคุณ กำมือของตัวเองแน่น คยองซูไม่เคยอยู่กับกลุ่มคนแล้วคุยกันมากขนาดนี้ อาการประหม่าแบบนี้กลัวจะทำให้เสียงานด้วยซ้ำ
“คยองซูจะมาร้องให้นายแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลยจงแด” เซฮุนพูด หันไปชี้หน้าจงแดที่เริ่มยู่ลง ทั้งๆที่เสียงตัวเองก็ดีขนาดนั้น แต่โรคขี้เกียจมีอยู่มากล่ะสิ
“เบื่อคนรู้ทัน เอาเป็นว่าพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ เวลาเดิมที่นี่นะ”
พอนัดแนะกันเสร็จ คนตัวเล็กก็ขอตัวออกมาก่อนจะพาตัวเองไปที่หอสมุดเหมือนเดิม ครั้งนี้มาเย็นใกล้ช่วงเวลาปิดทำการ คนเลยไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่เหลืออยู่แค่ไม่กี่โต๊ะที่ยังมีนักศึกษาก้มหน้าก้มตารีบทำรายงาน
คยองซูเดินไปจัดหนังสือไว้ที่มุมโต๊ะเหมือนทุกครั้ง ร่างเล็กต้องบอกกับแต่ละคนว่าอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีจะถึงเวลาปิดทำการของหอสมุด ซึ่งพอเข้าไปพูดแบบนั้นทุกคนก็พยักหน้าแล้วร้องออกมาอย่างรนๆ บางคนก็บ่นว่าทำงานไม่ทันแน่จนเขาล่ะนึกสงสารแทน
พอเดินมาเรื่อยๆจนถึงโต๊ะที่มีคนนอนฟุบหน้าอยู่คนเดียว คยองซูเลือกที่จะเก็บหนังสือที่เปิดทิ้งไว้มาเก็บเข้าที่มุมโต๊ะ ช่างใจเล็กน้อยว่าจะสะกิดนิ้วปลุกดีไหม แต่พอนึกว่าใกล้จะถึงเวลากลับแล้วก็เริ่มส่งนิ้วไปจิ้มลงที่แขนของคนนอนอยู่
“คุณครับ หอสมุดจะปิดแล้วนะครับ” สะกิดไปพร้อมเรียกเสียงเบา คนที่หลับฟุบหน้าอยู่ขยับตัวเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ตื่นเสียทีเดียว
“คุณครับ หอสมุดจะปิด..”
ดวงตากลมเบิกขึ้นกว่าเดิมเมื่อคนที่ตัวเองปลุกเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมสายตางงๆ ผมที่ไม่เป็นทรงชี้ไปมา แถมดวงตาเรียวยังปรือจนเป็นขีดเดียว
“คยองซูเองหรอ” ถามเสร็จก็อ้าปากหาววอดใหญ่ ไม่สนใจคนข้างหน้าที่มองอยู่เลยแม้แต่นิด แต่นั่นก็เหมือนเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่คยองซูอาจจะชอบก็ได้
“ครับ หอสมุดจะปิดแล้วนะ แบคฮยอนมาทำอะไรเย็นขนาดนี้ครับเนี่ย” คนตัวเล็กถามขึ้น เดินไล่ไปที่โต๊ะอีกตัวเพื่อเก็บหนังสือที่วางไว้มารวมกัน
“อ๋อ เพิ่งซ้อมเสร็จเลยมาขอตากแอร์” ตอบไปแบบนั้นแล้วขยี้ผมตัวเองไปมา
“มาขอแอร์ที่นี่อีกแล้วนะครับ” ดวงตากลมโตหยีลงอย่างน่ารักระหว่างพูด มือเล็กยังคงสาละวนกับการจัดหนังสือ จับขึ้นมาแล้วเคาะให้สันปกเรียงกันก่อนจะวางไว้รอสำหรับการใส่ลงที่ชั้นวาง
“ก็มันร้อน แล้วแบบนี้นายต้องทำคนเดียวหมดเลยหรอ” แบคฮยอนชี้ไปยังหนังสือที่วางเรียงเรียบร้อยแล้วอย่างสงสัย คนตาเรียวชะโงกหน้าเข้ามามองใกล้ก่อนจะจับลงที่ปกหนังสือเล่มหนา
“หนาชะมัด เยอะด้วย ทำคนเดียวแบบนี้ทุกวันได้ไง”
คนตัวเล็กขำระหว่างที่ฟังแบคฮยอนพูดถึงหนังสือที่เขาต้องนำไปจัดเข้าชั้นในทุกวัน ร่างโปร่งดูสนใจกับหน้าที่ที่เขาทำเสียเหลือเกิน
“ก็เพลินดีนะครับ มาทำแบบนี้ผมสามารถล็อคหนังสือที่อยากอ่านไว้คนเดียวได้ด้วย” ว่าจบก็ขำคิกคักออกมา ข้อดีของการมาช่วยที่นี่คือ หนังสือเล่มไหนที่น่าสนใจแล้วอยากเก็บไว้อ่าน ก็แค่เป็นคนเก็บมันแยกไว้ซักล็อคที่แตกต่างจากปกติ แล้วจำไว้ค่อยมาดูอีกครั้ง
“โห ร้ายนะเรา” เสียงแบคฮยอนดังขึ้นมาเบาๆ คยองซูที่แอบได้ยินก็ถึงขำออกมา ส่ายหัวแล้วพูดออกไปเบาๆ
“เปล่านะครับ ก็แค่.. จองไว้ก่อน”
แบคฮยอนวางแขนราบไปกับโต๊ะ ก่อนจะหันหน้าเอาคางวางลงที่แขน สายตาเรียวจับจ้องไปยังคนขยันที่ยังเก็บหนังสือมาเรียงไว้ที่หัวโต๊ะอยู่ เห็นคนข้างหน้าทำงานอย่างมีความสุขแล้วรู้สึกมีความสุขตาม เพียงแค่เห็นรอยยิ้มรูปหัวใจ กับดวงตากลมโตที่เป็นประกายทุกครั้ง แค่นี้ก็สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับตัวเองได้
“ช่วยป่าว” ส่งเสียงออกไปถามคนตัวเล็กที่ง่วนอยู่กับการขนหนังสือมารวมไปมา เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ครับ? ไม่เป็นไรหรอก ผมเก็บเองได้” คยองซูตอบกลับมา เดินมาหาร่างโปร่งที่นอนหนุนแขน หยิบหนังสือกองใหญ่ขึ้นไว้กับอกแล้วเดินกลับไปที่ชั้นวางเพื่อเรียงให้เข้าที่
“ช่วยดีกว่า” คนตัวเล็กยู่หน้า บอกว่าไม่ต้องช่วยแต่ก็เดินมาช่วยจนได้ แล้วแบบนี้แบคฮยอนจะถามเพื่ออะไร
“อีกสองวันแสดงแล้วนะ นายจะมาดูรึเปล่า” อยู่ดีๆแบคฮยอนก็ถามขึ้นระหว่างที่ช่วยถือหนังสือไว้ให้คยองซูเป็นคนจัดเรียงเข้าชั้นหนังสือ
“อ่า...” คนตัวเล็กหยุดการจัดหนังสือ หันไปมองหน้าแบคฮยอนด้วยสายตาสำนึกผิด คนที่โดนมองด้วยสายตาอย่างนี้เลยได้แต่สงสัยสิ
“หืม มาดูไม่ได้หรอ”
“ม.. ไม่ใช่นะครับ แต่ผม มีคนมาขอให้ช่วยร้องเพลงแทนให้หน่อยในวันนั้น” ก้มหน้าลงระหว่างพูดสารภาพ คยองซูไม่กล้ามองหน้าพร้อมรอยยิ้มตอนนี้ของแบคฮยอนหรอก แค่เห็นก็ร้อนไปทั้งหน้าแล้ว
“แบบนี้นี่เอง งี้ก็ต้องแข่งกับฉันหรอ ว้า มีคู่แข่งน่ารักแบบนี้จะกล้าร้องได้ไง” ดวงตาเรียวหยีลงพร้อมกับหันมายิ้มให้คยองซู คนตัวเล็กช้อนตาขึ้นมองก็ถึงกับผงะ จับลงที่หน้าอกของตัวเองไม่ให้เต้นแรงแทบไม่ทัน หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักจนเหมือนจะหลุดออกจากนอกอกเสียให้ได้
“พูดเป็นเล่น..” พูดออกมาเบาๆแล้วหยิบหนังสือมาจัดใส่ชั้นเหมือนเดิม ที่รีบทำก็แค่แก้เขินเท่านั้นแหละ อยากหลุดไปจากบรรยากาศแบบนี้จะแย่แล้ว คยองซูเขินจนจะระเบิดแล้วนะ
“พูดเล่นซะที่ไหน” ร่างโปร่งพูดออกมาลอยๆ หันหลังกลับเดินไปหยิบหนังสือกองโตที่โต๊ะ ทิ้งระเบิดให้คนตัวเล็กหน้าแดงเล่นๆ คยองซูที่ยืนอยู่ได้แต่นิ่งเอามือมาตบแก้มตัวเองสองข้างเบาๆ
เหมือนแก้มจะระเบิดเลยล่ะ
พอเสร็จจากการจัดหนังสือแล้ว คยองซูหันไปค้อมตัวขอบคุณแบคฮยอน จนคนที่สูงกว่านิดหน่อยต้องรีบจับแขนให้ยืดตัวยืนปกติเหมือนเดิม
“แล้วนี่แสดงวงที่เท่าไหร่หรอ” ถามออกไประหว่างทางเดิน เมื่อสักครู่ตัดสินใจว่าจะพากันมาซื้อน้ำดื่มเป็นการเลี้ยงที่แบคฮยอนได้ช่วยคนตัวเล็กจัดเก็บจนเสร็จเร็วกว่าปกติ
“อ่า.. หกหรือเจ็ดนี่แหละครับ” คยองซูตอบ ขาเรียวทั้งสองข้างก้าวช้าๆตามจังหวะการเดินของแบคฮยอน
“อ๋อ งี้ฉันก็แสดงก่อนสินะ อดดูฉันเลย ต้องไปเตรียมตัวก่อนใช่ไหมล่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับคำพูด แค่นึกตามที่แบคฮยอนบอกก็รู้สึกเสียดายอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นเดี๋ยวฉันดูนายร้องแทนแล้วกัน” คยองซูหันไปมองหน้าแบคฮยอน ก่อนจะส่ายหัวรัว มือเล็กยกขึ้นมาปัดๆเป็นเชิงไม่ต้อง
“ไม่ต้องดูหรอกครับ ผมร้องไม่เพราะหรอก” หาเหตุผลมาพูดเสริมให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือ แต่แทนที่แบคฮยอนจะคิดตาม ร่างโปร่งกลับยิ้มแล้วพยักหน้ายืนยันว่ายังไงก็จะไปดู
“เซนส์ฉันบอกว่านายต้องร้องเพลงเพราะแน่ๆ อย่าหลอกกันเลย”
“ผมไม่ได้หลอก...” คนตัวเล็กพูดเสียงเบา เบะปากลงเมื่อพูดยังไงดูเหมือนคนด้านข้างก็ไม่เชื่ออยู่ดี
“ขนาดเสียงพูดยังเพราะเลย” หันมามองหน้าคนตัวเล็กที่เริ่มขึ้นสีแดง แบคฮยอนกระตุกยิ้มเมื่อเห็นว่าคยองซูเริ่มที่จะหลบหน้าอีกแล้ว น่ารักจริงๆคนอะไร
คยองซูไม่ยอมตอบแบคฮยอนตลอดทาง ร่างโปร่งก็เลยเลือกที่จะหยุดแล้วเปลี่ยนมามองหน้าคนด้านข้างแทน จนกระทั่งถึงร้านขายน้ำถึงได้ยินเสียงหวานพูดมาอีกครั้ง
“เอาน้ำอะไรครับ” ดวงตากลมโตหันมาถาม แบคฮยอนทำเป็นนึกสักครู่ ลอบมองดูหน้าขาวของคยองซู เริ่มคิดว่าตัวเองทำตัวเหมือนโรคจิตหน่อยๆแล้วที่ชอบเห็นคนตัวเล็กคนนี้เม้มปากแน่น
“อืม.. อืม น้ำ” อิดออดอีกนิดจนคนตัวเล็กหันไปเอ่ยปากบอกกับพนักงานขายเองเลย
“น้ำผึ้งผสมมะนาวสองครับ” พูดออกไปโดยไม่หันมองคนข้างตัวที่ยิ้มขำ เขาแค่เห็นหน้าพนักงานเริ่มหงิกแล้วต่างหากล่ะ ถ้าไม่รีบสั่งมีหวังโดนกินหัวก่อนได้กินน้ำ
“ฉันยังไม่ทันเลือกเลย” หันไปมองหน้าคนตัวเล็ก ริมฝีปากบางเบะหน่อยๆ
“แบคฮยอนช้านี่ครับ แล้วอีกอย่างน้ำผึ้งผสมมะนาวมันดีกับคอ” พอลองคุยกันดูคยองซูถึงได้รู้ว่าบางทีแบคฮยอนก็ดูเด็กกว่าภาพลักษณ์ที่ใครหลายคนกรี๊ดกัน
“เอาใจใส่คนอื่นดีจังนะ”
“แล้วไม่ดีหรอครับ” เอียงคอถาม ก่อนจะยื่นเงินให้พนักงาน
“ก็ดีนะ ฉันชอบคนเอาใจใส่” ตอบเสียงเรียบพร้อมรอยยิ้มหวาน รับน้ำที่พนักงานขายยื่นมาให้ ก่อนจะโบกมือลาคยองซูที่ยืนนิ่ง ชี้ลงไปที่นาฬิกาตัวเอง แล้วทำท่ามือถือไมค์ไว้ที่ปาก เป็นอันว่ารู้กันว่าเจ้าตัวจะต้องไปซ้อมร้องเพลงแล้ว
ทำไมเขาถึงต้องทำให้ชอบด้วย ไม่เข้าใจเลย
.
.
.
“โอ้ย ฉันลืมไปได้ไงว่านายต้องดูแบคฮยอนแสดง” เซฮุนขยี้ผมจนเสียทรงไปหมด คนตัวขาวรู้สึกผิดกับเพื่อนมากทั้งที่บอกครั้งก่อนว่าจะช่วย แต่นี่อะไร ดันทำให้เพื่อนตัวเล็กไม่ได้ดูคนที่แอบชอบในวันนี้
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” คยองซูอมยิ้ม ยกมือเล็กลูบไปที่หัวทุยของเซฮุนไปมา
“แต่แบคฮยอนแสดงก่อนนายสามวงนะ”
“ก็ไม่เป็นไรไง เราก็ซ้อมกันไง นี่ไงทุกคนพร้อมแล้ว” คยองซูพูดพร้อมชูไมค์ให้เซฮุนดู ก่อนจะหันไปหาเพื่อนๆทุกคนที่เริ่มซาวด์เช็คกันในห้องซ้อม
“แต่..”
“ไม่แต่ ไม่เป็นไรสักหน่อย” คนตัวเล็กยังส่งยิ้มหวานรูปหัวใจมาให้เพื่อนสบายใจ ถึงแม้ในใจจะรู้สึกเสียดายก็ตาม ไม่ได้ดูแบคฮยอนแสดงวันนี้ งานรอบหน้าอาจจะได้เห็นก็ได้ ก็แบคฮยอนคนโหวตเยอะจะตายไป แถมกรรมการดูท่าจะชอบอีกด้วย
“จริงนะ” เซฮุนยังถามย้ำ ดวงตารีเริ่มแดงคล้ายคนจะร้องไห้
“เซฮุนนา ไม่เป็นอะไรก็คือไม่เป็นอะไร” ว่าจบแล้วก็หันหลังกลับเดินไปซ้อมกับเพื่อนๆ กะพริบตาข้างหนึ่งให้เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร หวังว่าเซฮุนจะสบายใจขึ้นมาหน่อยนะ
หลังจากซ้อมไปได้สองรอบจงแดก็รีบวิ่งมาบอกว่าอีกวงเดียวก็จะต้องขึ้นแสดงแล้ว คนตัวเล็กกับเพื่อนๆในวงจึงต้องรีบพาตัวเองไปให้ถึงที่แสดง
ผู้คนยังเต็มพื้นที่เหมือนเดิม บ้างก็นั่งลงกับพื้นหลังกรรมการ บ้างก็ยืนอยู่ข้างนอกถือป้ายเชียร์วงที่ตัวเองชอบ และหนึ่งในวงที่เห็นก็คือป้ายไฟของวงแบคฮยอน บอกได้ถึงความนิยมของเจ้าตัวเลยจริงๆ
ถ้าถามว่าตอนนี้คนตัวเล็กประหม่ามากแค่ไหน คยองซูก็จะพูดออกมาชัดๆเลยว่า มากที่สุดตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าใครหลายๆคน ขนาดตอนเด็กที่ให้พูดหน้าชั้นคยองซูยังสั่นแล้วสั่นอีกเลย ก็เอาเป็นว่าสั่นสู้ก็แล้วกัน
“ตื่นเต้นหรอ” เซฮุนหันมากำมือขาวของคยองซู มันเย็นชืดแต่กลับมีเหงื่อออกจนเปียก คนตัวเล็กพยักหน้ารับ บีบมือขาวของเซฮุนกลับ
“ไม่ต้องตื่นเต้นนะ สู้ๆ ฉันเชื่อว่าต้องมีคนชอบเสียงของนาย” ร่างบางของเพื่อนสนิทให้กำลังใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดันหลังคนตัวเล็กให้ขึ้นไปบนเวที ตามกลุ่มเพื่อนๆที่ขึ้นไปรอแสตนด์บายซาวด์เช็คเรียบร้อยแล้ว
เสียงรัวกลองดังขึ้นพร้อมกับเสียงกีตาร์ คยองซูโบกมือให้ทุกคนพร้อมรอยยิ้มกว้างรูปหัวใจ คนดูที่อยู่ข้างล่างหลายคนเริ่มชะโงกดูหน้าคนร้องที่ไม่คุ้นตา ก่อนจะโบกมือพร้อมปรบมือส่งเสียงเชียร์
“น่ารักจังเลย”
“นักร้องวงนี้น่ารักที่สุดเลย ฮิ้ว”
และอีกหลายเสียงที่ทำเอาคนตัวเล็กแก้มแดง ส่งรอยยิ้มแหยออกไปให้แทน รู้สึกดีขึ้นเมื่อตอนนี้รู้ว่าคนดูกำลังให้ความสนใจตัวเองไปในทางที่ดี
“ครับ จริงๆแล้วนี่เป็นเวทีแรกของผม ยังไงก็..”
กรี๊ด
“รักผมให้มากๆนะครับ” หลังจากคยองซูพูดจบ เสียงกลองและกีตาร์ก็เริ่มเล่น เพลงแรกที่คนตัวเล็กแสดงเป็นเพลงแนวเร็วๆ สนุกสนาน สามารถพาให้ทุกคนลุกขึ้นมาเต้นโบกมือไปมา
รอยยิ้มกว้างยามที่ร้องเพลงเป็นจุดเด่นของการแสดงนี้ที่ทำให้ทุกคนสนใจ คนตัวเล็กกำไมค์แน่น กระโดดโหยงเหยงบนเวที วิ่งไปทางซ้ายชูมือขึ้นให้ทุกคนเล่นตาม ลืมความประหม่าที่มีในตอนแรกไปหมด
พอเพลงแรกจบลง ก็เหมือนเปลี่ยนบรรยากาศโดยอัตโนมัติ คยองซูเดินกลับเอาไมค์มาเสียบไว้กับขาไมค์ พาตัวเองไปยืนข้างหลัง คนตัวเล็กหอบหายใจดังใส่ไมค์จนคนข้างล่างหัวเราะ แต่ก็แก้สถานการณ์ด้วยการปล่อยมุกตลกไป
“เหนื่อยจริงนะครับ ฮ่าๆ ต่อไปเป็นเพลงช้าๆ หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ”
เสียงหวานร้องขึ้นต้นประโยคได้อย่างน่าขนลุก ผู้ชมข้างล่างส่งเสียงร้องโหออกมาจนดัง ตามด้วยเสียงปรบมือ คนตัวเล็กที่พอได้กำลังใจก็เริ่มส่งยิ้มหวานรูปหัวใจอีกครั้ง
The first time I fell in love was long ago.
I didn't know how to give my love at all.
ฉันเคยมีความรักครั้งแรก เมื่อนานมาแล้ว
ฉันไม่เคยรู้ว่าจะมอบความรักอย่างไร
The next time I settled for what felt so close.
But without romance, you're never gonna fall.
ครั้งต่อมา ฉันก็ทุ่มเทและเริ่มเข้าใกล้มากขึ้น
แต่ก็ปราศจากความโรแมนติก , คุณก็ยังไม่รัก
ดนตรีเริ่มใกล้ถึงท่อนสุดท้าย เสียงกรี๊ดของเหล่านักศึกษาหญิงดังขึ้นท่ามกลางเสียงร้องเพลงของคนตัวเล็ก คยองซูลืมตามองไปข้างหน้า เสียงร้องเริ่มจะขาดห้วงเหมือนควบคุมไม่อยู่
This is the last time I'll fall in love.
Last time i'll fall in love.
นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันตกลงหลุมรัก
ครั้งสุดท้ายที่ฉันตกหลุมรัก
ผู้ชายหน้าตาคุ้นเคยที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำตลอดเวลาเดินมาพร้อมช่อดอกกุหลาบสีแดง คยองซูแทบจะร้องท่อนจบไม่ได้ เสียงเฮลั่นของเหล่านักศึกษาอื้ออึงจนคนตัวเล็กไม่ได้ยินเสียงดนตรี
แบคฮยอนเดินเข้ามาใกล้เวทีแสดงมากขึ้น รอยยิ้มจากริมฝีปากเรียวช่างหวานจนคนมองต้องหลบสายตา คยองซูกำขาไมค์แน่น เม้มริมฝีปากอิ่มก่อนจะกลั้นใจร้องท่อนสุดท้ายของเพลงออกมา
The last time i'll fall... in love.
ครั้งสุดท้ายที่ฉันจะ ... ตกหลุมรัก
“ไม่ยอมให้ฉันสักที วันนี้ฉันเอามาให้เองเลยแล้วกัน” แบคฮยอนพูดระหว่างที่คนตัวเล็กทำท่าจะเดินมารับ ดอกไม้ช่อโตถูกยื่นไปให้จนสุดแขน คยองซูรับขึ้นมาโอบไว้เข้าที่อกของตัวเอง
แก้มขาวทั้งสองข้างขึ้นสีแดงขึ้นอย่างน่ารัก ก้มหน้าลงสูดดมกลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่ปกติจะดมจากดอกกุหลาบของตัวเองที่ทำมาให้แบคฮยอน แต่ก็วืดทุกครั้งไป
“ให้ผม.. ทำไมหรอครับ” คนตัวเล็กก้มหน้าลงไปถาม แบคฮยอนส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม ขยับปากเป็นคำพูดไร้เสียงว่า ลงมาก่อน
เสียงร้องแซวยังดังจนถึงคยองซูลงมาจากเวที คนตัวเล็กรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะหดลีบจนเหลือสองนิ้ว ยิ่งโดนสายตาของทุกคนจ้องมองก็ทำให้อยากมุดหนีหายไปกับพื้นเอาเสียดื้อๆ
“ชอบไหม” แบคฮยอนเดินเข้ามาจูงมือให้ลงจากเวทีได้อย่างสะดวก คนตัวเล็กที่โอบดอกกุหลาบช่อโตไว้ซุกหน้าลงไม่กล้ามองหน้าคนที่จับมืออยู่
“เห็นทุกครั้งที่แสดงเลยนะรู้ไหม ดอกกุหลาบขาวน่ะ ไม่ยอมให้สักที ฉันก็รอเก้อทุกงานสิ” ดวงตาเรียวหยีพร้อมรอยยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวเล็กๆ ยกมือขึ้นไปลูบหัวทุยของคยองซูเบาๆ
“แบคฮยอน.. รู้” เสียงเล็กเอ่ยออกมาเบาๆ ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองใบหน้าของแบคฮยอน
“ก็มีใครน้า พอเพลงฉันจบทีไรก็เดินออกไปพร้อมดอกกุหลาบที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง” ร่างโปร่งพูดลอยหน้าลอยตา พอนึกทีไรแล้วก็ขำ ผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงที่มาดูเขาแสดงทุกเพลง ดวงตากลมโตที่มองมาทางเขาด้วยแววประกาย รอยยิ้มกว้างที่เป็นรูปหัวใจ มันติดตาจะตาย
“ผมไม่กล้า..” คยองซูเฉลยความจริง ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง
“ฉันจะมอบความกล้าให้นายเอง” อยู่ดีๆแบคฮยอนก็พูดขึ้นมา ทำเอาคนที่ฟังอยู่งงจนต้องเอียงคอถาม
“ความกล้า อะไรหรอครับ”
“เป็นแฟนฉัน นายจะได้ยื่นดอกกุหลาบให้ฉันได้อย่างไม่อายใครไง” จ้องหน้ามองตาคนตากลมระหว่างที่พูด มือเรียวเปลี่ยนจากลูบที่หัวทุย ลงมาไล้ลงที่แก้มสีแดงเบาๆ
“ผมไม่ตลกนะ..” คยองซูเถียงขึ้นมาเบาๆ มือเล็กจับลงที่มือเรียวของแบคฮยอนให้เอาออก
“ใครว่าตลก นี่ฉันเป็นคนจริงจังนะ ลอง..” แบคฮยอนละคำพูดไว้นิดนึง จนคนตัวเล็กที่จับมืออยู่ในตอนแรก เปลี่ยนเป็นกำลงที่มือเรียวนั้นอย่างจัง
“ลองคบกันดูไหมคยองซู” พูดออกมาพร้อมกับยื่นดอกกุหลาบสีขาวมาให้ดอกนึง ตรงก้านมีริบบิ้นยาวสีชมพู
ช่อดอกกุหลาบสีแดงถูกกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม แก้มสีขาวขึ้นสีแดงแข่งกับช่อดอกกุหลาบที่ตัวเองโอบกอดเอาไว้ คนตัวเล็กพยักหน้ารับพร้อมกับยื่นมือออกไปรับดอกกุหลาบสีขาวดอกโต ดวงตากลมเจือไปด้วยน้ำใส คยองซูทำท่าคล้ายกับคนร้องไห้ คนตัวเล็กแค่รู้สึกตื้นตัน.. จนพูดไม่ถูก
“เป็นแฟนกันนะครับ” แบคฮยอนพูดออกมาครั้งสุดท้าย ก่อนจะได้รับเป็นอ้อมกอดจากคนตัวเล็กเป็นคำตอบ ช่อดอกกุหลาบบี้อยู่ในอ้อมอก แต่ดอกกุหลาบสีขาวดอกโตถูกคยองซูถือไว้อย่างดีที่มือข้างขวา
“ผมตกลง” เอ่ยออกมาเบาๆข้างใบหูของร่างโปร่ง ทุกอย่างเหมือนความฝัน อาจจะเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้แบคฮยอนคิดเหมือนกันก็ได้ แต่คงต้องขอบคุณเจ้าดอกกุหลาบขาวทุกดอกของตัวเองที่ทำให้นักร้องนำคนโปรดของตัวเองได้เห็นแล้วจดจำเขาได้ขนาดนี้
.
.
.
“และต่อไปนี้เป็นแสดงโชว์พิเศษจากผู้ชนะเลิศการแข่งขันประจำปีของมหาวิทยาลัยนะครับ”
หลังจากเสียงพิธีกรจบลง ก็ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดและปรบมือของคนดู เสียงกลองและกีตาร์เป็นตัวเปิดนำ นักร้องนำตาเรียวขึ้นไปเรียกเสียงเอนเตอร์เทนจากผู้ชม
แบคฮยอนหันมามองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างล่างเวทีก่อนจะยิ้มกว้างออกมา แล้วรีบวิ่งลงไปดึงคยองซูให้ขึ้นตามมาด้วย เพราะในวันนี้เราจะร้องเพลงคู่ด้วยกัน เป็นเวทีพิเศษที่ใครหลายคนอาจจะอิจฉา
เก้าอี้สองตัวถูกนำมาตั้งไว้ มือกลองและกีตาร์ที่เล่นในตอนแรกหยุดลง แบคฮยอนลากคยองซูจนมาถึงกลางเวทีสำเร็จ ก่อนจะดันไหล่เล็กให้นั่งลงไปบนเก้าอี้ ก่อนที่ตัวเองจะหันไปรับกีตาร์โปร่งจากมือกีตาร์ของวง หยิบมาถือไว้พร้อมรอยยิ้ม
พอนั่งลงได้ที่ก็หันไปมองหน้าคนตัวเล็กที่กำไมค์ในมือแน่น คยองซูไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าของคนรักด้วยซ้ำ บรรยากาศข้างล่างก็สามัคคีกันแซวกันเหลือเกิน
พอแบคฮยอนเริ่มเกากีตาร์ เสียงนุ่มของเจ้าตัวก็ขึ้นมาตาม เสียงที่ทำเอาทั้งคยองซูและผู้ชมทุกคนเคลิ้ม แถมเนื้อเพลงที่ร้องก็ทำเอาคนฟังเขินกันไปเป็นแถบๆ
I do believe All the love you give
ผมเชื่อในความรักทั้งหมดที่คุณให้มา
All of the things you do
ทุกๆสิ่งที่คุณเป็นคนทำ
Love you Love you
รักคุณ รักคุณ
I’ll keep you safe Don't you worry
ผมจะคอยดูแลคุณเอง อย่าห่วงนะ
I wouldn't leave wanna keep you near
ผมจะไม่จากคุณไปไหน จะอยู่ใกล้ๆ
Cause I feel the same way too
เพราะผมเองก็คิดเหมือนคุณ
Love you Love you
รักคุณ รักคุณ
Want you to know that I'm with you
อยากให้คุณรู้ว่าผมจะอยู่กับคุณ
คนตัวเล็กร้องคลอไปกับน้ำเสียงหวานนุ่มของแบคฮยอน คยองซูมองหน้าแบคฮยอนที่จ้องมองมา ก่อนจะเป็นคนหลบสายตาเสียเอง ทนไม่ไหวกับสายตาหวานที่คนตรงหน้าส่งมาให้
You are beautiful beautiful beautiful
beautiful beautiful beautiful Girl
You are beautiful beautiful beautiful
beautiful beautiful beautiful Girl
“ผมร้องให้เขานะครับเนี่ย งั้นช่วยเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ girl แล้วกัน ทุกคนไม่โกรธผมใช่ไหมครับ” แบคฮยอนร้องท่อนจบไปแล้วรอบนึง ก่อนจะยกไมค์ขึ้นมาถามทุกคนข้างล่างว่าโอเคไหม
“โอเค~” ทุกเสียงพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน แบคฮยอนยิ้มยินดี ส่วนคนตัวเล็กนี่ก็ได้แต่ก้มหน้างุด จะร้องท่อนตอนจบก็กระไรอยู่
You are beautiful beautiful beautiful
beautiful beautiful beautiful MY LOVE
“ผมรักคุณคยองซู”
Special
Q. ทำไมถึงชอบไปห้องสมุด
KS: ก็ผมต้องไปช่วยงานนี่ครับ
BH: ผมตามเขาไปอ่ะ เข้าไปตากแอร์รอ โดดซ้อมจนเพื่อนโทรจิกบ่อยๆ
KS: ห๊ะ แบคฮยอน... แอบตามผมหรอ
BH: ก่อนหน้าวันนั้นที่คยองซูทำหนังสือตกอีกครับ -.-
#เรื่องตกใจคือคยองซูไม่รู้ตัวเลย
Q. แล้วไปแอบชอบกันตอนไหน
KS: ชอบน้ำเสียงก่อน เลยติดตามจนชอบมากๆ
BH: เห็นผู้ชายตัวเล็กๆตาโตๆปากรูปหัวใจ ถือกุหลาบสีขาวมองมาที่ตัวเองทุกงาน คุณคิดว่าผมจะไม่ชอบเขาได้ไงล่ะ แฟนพันธ์แท้ขนาดนี้
KS: คนบ้า! อย่ามาพูดงี้นะ
BH: โอ้ย รักครับ แฟนคนดีที่หนึ่งเลย
Q. ทีนี้อยากบอกอะไรกับทุกคน
KS: ผมร้องเพลงใช้ได้ใช่ไหมครับ?
BH: ผมรักคยองซูมากเลยครับตอนนี้ รักมากมายที่สุดในโลกเลยอ้ะ
KS: เขาให้บอกทุกคนไม่ใช่ผมคนเดียว *ตี*
BH: งั้น... ทุกคนครับ ผมรักคยองซูมากนะ ว่าจะร้องเพลงจีบทุกวัน
#คนนี้ก็ผิดประเด็นตลอดเว้ย
END
อ้าวมากันแบบงงๆ จบแล้วค่ะ ๕๕๕
เป็นฟิคหวานๆน่ารักๆ หวานรึเปล่า เอ่... แต่น่ารักนะคะ
อารมณ์เหมือนแฟนเพลงคนนึงแอบหลงรักนักร้องหนุ่มสุดหล่อในมหาลัย ฮิฮิ
http://www.youtube.com/watch?v=1KXGDGqorco เพลงที่คยองซูร้อง
http://www.youtube.com/watch?v=zVWNVa3aK3s เพลงที่แบคฮยอนร้อง
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดค่ะ ฮี่~
ความคิดเห็น