ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( SF EXO ) ' Something Special '

    ลำดับตอนที่ #40 : [OS] :: Pure Blood (Tao x Hun)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 782
      0
      29 ก.ย. 56

    Pure Blood

    Tao x Sehun

     






     

                กลิ่นคาวเลือดแสนจะคลื่นเหียนลอยตีจมูก แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเขา มันช่างหอมหวนและชวนฝัน ริมฝีปากกระจับสวยเหยียดยิ้มกระตุกมุมปากขึ้น เหยื่อที่กำลังตะเกียดจะกายดิ้นรนหาทางรอดคล้ายกับการดูละครโหมโรงที่เพิ่มอรรถรสให้อาหารครั้งนี้ถูกปาก

     

                ดวงตาคมจ้องด้วยสายตาเลือดเย็น มันไม่มีความจำเป็นเลยสักนิดที่จะต้องอ่อนโยนและปราณีให้กับเหล่าอาหารอันโอชะ ทำเพียงแค่สูบเลือดจากร่างกายขาวซีดพวกนี้ รอจนเนื้อหนังแห้งเหี่ยว ก่อนที่กายนั้นจะสลายหายไปพร้อมกับลมต่อหน้าต่อตา

     

                เป็นเพียงกิจวัตรประจำวันของเขา แวมไพร์ที่มีอายุราวนับห้าร้อยปี คอยมองดูชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิดตามวัฏจักรของมนุษย์ เกิด แก่ เจ็บ แล้วก็ตาย แค่เขาทำให้ตายก่อนหน้าอายุขัยเพียงไม่กี่วัน ไม่ใช่ไม่เลือกเหยื่อ แต่เหยื่อส่วนใหญ่ก็มักเป็นมนุษย์ที่ใกล้ถึงอายุขัย ตายแบบนี้อาจจะเจ็บปวดน้อยกว่าเสียด้วยซ้ำ แวมไพร์ก็เป็นอมนุษย์ที่ดีไม่ใช่หรือไง เขาก็เคยเป็นมนุษย์มาก่อนเหมือนกัน

     

                แต่ก็นั่นแหละ ก็แค่หนึ่งในห่วงโซ่อาหาร มนุษย์ก็เป็นเพียงมนุษย์ ต้อยต่ำ ด้อยค่า ไร้วัฒนธรรม แถมยังติดจะป่าเถื่อน ก็แค่อาหารสำหรับเหล่าแวมไพร์ที่มีศักดิ์สูงมากกว่าพวกนั้นร้อยเท่าพันเท่า

     

                เพราะคิดมาแบบนั้นตลอด เขาอาจจะลืมช่วงชีวิตที่เคยเป็นมนุษย์ไปแล้วก็เป็นได้

     

                “ค่ำคืนแบบนี้ เหตุใดจึงมีกลิ่นหอมหวานราวกลับดอกไม้ขาวแรกแย้ม” มันไม่ใช่กลิ่นหอมของบุปผา กลิ่นหอมอ่อน กลิ่นเฉพาะของไอวิญญาณแต่ละคน

     

                “เลือดของมนุษย์หรือ...” กลิ่นช่างบริสุทธิ์นัก แปลก มันแปลก ความจริงมันไม่ควรที่จะมีกลิ่นหอมในบริเวณแบบนี้ สถานที่อโคจรที่มีแต่มนุษย์ชั่วช้า เป็นไปไม่ได้หรอก

     

                ขยับตัวผ่านในความมืด สายลมยังคงตีกระทบหน้าเพราะความเร็วในการเคลื่อนที่ กระตุกยิ้มอย่างพอใจเมื่อยิ่งเข้าใกล้พื้นที่ กลิ่นความหอมก็ยิ่งตีตื้นเข้ามากระทบระบบประสาท

     

                เสียงฮัมเพลงหวาน ช่างหวานจับใจ ทำนองเศร้าแสนเศร้าที่เพียงแค่ใครได้ยินกระทบโสตประสาทก็คงหดหู่ตาม แต่ถึงอย่างนั้นในน้ำเสียงนั้นก็ช่างหวานเพราะพริ้งเสียจนติดอยู่ในห้วงจิตใจ

     

                ต้นไม้สูงใหญ่ถูกใช้เป็นสถานที่ลอบเฝ้ามอง หน้าต่างของห้องเช่าเปิดอ้าไว้ มีเพียงผ้าม่านสีหม่นปลิวออกมาตามแรงลมหนาว สะบัดว่อนจนอดคิดถึงบุคคลที่อาศัยอยู่ข้างในไม่ได้ว่าขนาดนี้แล้ว จะไม่หนาวบ้างหรือ เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่อายุขัยใกล้หมด กลิ่นหอมหวานที่มาพร้อมกับเสียงฮัมเพลงทำนองเศร้า จะเป็นมนุษย์ลักษณะใดกันเชียว

     

                ทันใดมือขาวซีดราวกับหิมะบริสุทธิ์ก็ยื่นออกมาจับผ้าม่านสีหม่นรวบไว้พร้อมผูกจนเป็นปม ใบหน้าเรียวสวยเหมือนหญิงสาวดูซีดเซียวแต่ริมฝีปากนั้นกลับดูชมพูสดตัดกับผิวหน้าขาวนั่น กลุ่มผมสีบลอนด์อ่อนปลิวไหวตามแรงลมที่พัดผ่าน แต่ละเส้นช่างดูนุ่มนวลคล้ายเส้นไหมราคาดี

     

                “เหตุใดจึง.. ร้องทำนองเพลงที่แสนเศร้าเช่นนั้นออกมา” เผลอเอ่ยออกมาอย่างที่นึกคิด ช่างไม่ใช่ตัวตนของแวมไพร์เสียจริงที่มาลอบดูความเป็นไปของมนุษย์เฉกเช่นนี้

     

                แวมไพร์ที่อายุราวห้าร้อยปี แต่กลับมีใบหน้าอ่อนเยาว์คล้ายชายหนุ่มอายุยี่สิบปีบริบูรณ์อย่าง ฮวัง จื่อเทา กำลังนั่งจ้องมองบุคคลในห้องนั้นอยู่บนกิ่งไม้หนา เหมือนจะติดใจอะไรบางอย่างจนอดไม่ได้เสียจริง คงจะเป็นเพราะกลิ่นหอมที่ยังไม่จางหาย หรือบทเพลงทำนองเศร้าแต่หวานหูกระมัง

     

                ดวงตาเรียวเล็กหยีตามองพระจันทร์ยามค่ำคืน มันไม่ได้งดงามเลยสักนิดถ้าลองเทียบกับบุคคลตรงหน้าจื่อเทา ทั้งที่อายุขัยอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงเดือน ใช่แล้ว อาจจะสักสองอาทิตย์หน่อยๆ แต่มนุษย์ผู้นี้กลับดูมีความสุขกับสิ่งเล็กๆน้อยๆบนท้องฟ้า อย่างเช่นดวงดาวนับร้อยที่เป็นประกายระยิบ

     

                เจิดจ้าจน.. คิดว่าถ้าชีวิตนี้หมดลม คงน่าเสียดายไม่น้อย

     

                “อ๊ะ คุณครับ เดี๋ยวก็หล่นลงมาหรอก ฝนเพิ่งตกกระหน่ำไป กิ่งไม้นั้นคงเปียก” จื่อเทาเลิกคิ้วมองมายังคนตรงหน้า ใบหน้าซีดดูมีแต่ความกังวลจนเห็นได้ชัด

     

                “คุณแหละครับ ลงมาเถอะนะ” เหมือนจะรู้ตัวว่ามีมนุษย์พูดกับตน เด็กคนนั้นพูดกับข้างั้นหรือ

     

                “ข้า” นิ้วเรียวยาวชี้เข้าไปที่ใบหน้าของตน เลิกคิ้วถามอย่างวยงง ทำไมกัน ทั้งๆที่เป็นคนแปลกหน้าต่อกันแท้ๆ กลับพูดคุยด้วยน้ำเสียงห่วงใยเช่นนั้นได้

     

                “ครับ.. ชีวิตเรายังมีอะไรให้ทำอีกมากมาย อย่าคิดกระทำเช่นนั้นเลยครับ การฆ่าตัวตายไม่ใช่หนทางของการหนีเหตุผล”

     

                จบคำพูดนั้นของร่างบางตรงหน้าต่าง แวมไพร์ที่อายุอานามไม่น้อยแล้วก็ถึงกับหัวเราะออกมา นานมาแล้วที่จื่อเทาไม่ได้หัวเราะขำเช่นนี้ ยังเหลือมนุษย์แบบนี้อยู่บนโลกอีกหรือ ช่างน่าขำเสียนี่กระไร ผ่านมาหลายศตวรรษนี่คงเป็นคนแรกสินะ ช่างเด็กเหลือเกิน

     

                อาจจะเป็นวิธีที่แปลกสำหรับคนตัวขาวซีดตรงหน้า แวมไพร์อย่างจื่อเทาเลือกที่จะลงจากต้นไม้ด้วยการเคลื่อนตัวบางเบาเพียงครู่เดียวก็ถึงที่หมาย ซึ่งเป็นตรงที่ร่างบางเคยเท้าคางเงยหน้ามองค่ำคืนระยิบนั่นเอง

     

                “คุณ.. ลอยได้” เสียงเล็กสั่นระริกยามที่ได้จ้องมองคนตรงหน้า ดวงตาคมที่จ้องมองมาคล้ายกับโดนสะกดจิต จ้องมองกลับได้เพียงแค่นั้นก่อนจะเป็นตัวเองที่ต้องหลบหลีกสายตานั้นเสียเอง

     

                “ข้าเป็น” ยังกล่าวไม่ทันจบ เสียงเล็กที่ขัดออกมาทำให้จื่อเทารู้สึกได้ถึงมุมปากที่ยกขึ้น

     

                “เทวดา คุณเป็นเทวดาใช่ไหมครับ” แววตาประกายอย่างมีความหวังช่างดูงดงาม เด็กคนนี้บริสุทธิ์จนเกินไป เกินไปเหลือเกิน

     

                “ใช่แล้ว ข้าเป็นเทวดา” ก็คงต้องเลยตามเลย หากกล่าวว่าตนเป็นแวมไพร์มีหวังดวงหน้าซีดเซียวนี้คงต้องหวาดกลัวเป็นแน่แท้ คงไม่น่ามองนัก

     

                “งั้นคุณก็ต้องช่วยเซฮุนได้.. ใช่ไหมครับ”

     

                จื่อเทาเลิกคิ้วสงสัยในคำพูดนั้น เนื้อเสียงติดจะสั่น แต่ประกายความหวังกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้ใจร้ายดูดเลือดคนมานับไม่ถ้วน ทำไมกัน เพียงแค่เจอดวงตาประกายพร้อมริมฝีปากสีชมพูสดที่เริ่มระบายยิ้มอ่อน ทำไมกัน ทำไมข้าถึงต้องยอมโอนอ่อนเชื่อฟังเจ้าด้วย

     

                “ช่วยเรื่องอันใด ถ้าข้า..”

     

                “เซฮุนอยากลองออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้าง” เสียงหวานพูดออกมาบางเบา คล้ายเสียงกระซิบแห่งความหวังมาตลอด

     

                “เจ้าโดนกักขังไว้หรือ” ถามออกไปอย่างใจคิด ทุกอย่างที่ทำไปผิดเพี้ยนไปหมด แวมไพร์ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องเสวนากับมนุษย์ ฮวัง จื่อเทา เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง

     

                “เซฮุนโดนสั่งห้ามออกไปไหน อยู่ในนี้มาตั้งแต่เล็กๆ” น้ำเสียงเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาหลุบต่ำลง พร้อมริมฝีปากบางที่เม้มแน่นจนขึ้นขาว

     

                “เซฮุนร่างกายไม่แข็งแรงครับ แต่ก็อยากออกไปเหมือนคนอื่นๆ อีกสองวันข้างหน้าเซฮุนก็จะสิบแปดปีบริบูรณ์”

     

                “เจ้าไม่สบาย” พูดเพียงแค่นั้นเหมือนไปตัดกำลังใจเด็กตัวขาวซีด น้ำตาหยดใสเกาะอยู่ตรงแพขนตาสวย มันถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ ข้างนอกสถานที่เจ้าอยู่มีแต่สิ่งโหดร้าย

     

                “เซฮุนรู้”

     

                “แต่เจ้าก็อยากออกงั้นหรือ”

     

                “ครับ..”

     

                “ทำตัวให้อบอุ่นเด็กน้อย อีกสองวันข้างหน้า ตอนราตรีมืดมิดอีกครา ข้าจะมาพาเจ้าไปตามคำขอ” ไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่บอกไปนั้นสมควรแล้วหรือเปล่า แต่รอยยิ้มหวานที่ได้กลับมา ก็ดู.. คุ้มค่า ไว้เก็บไว้เป็นมื้ออาหารที่ล้ำค่าก็คงไม่เสียหายกระมัง

     

     

                การออกล่าเหยื่อในอีกคืนช่างดูแปลกพิกล กลิ่นเลือดที่เคยชอบคอกลับไม่ถูกปากไปหมด ในห้วงนึกคิดก็มีแต่หน้าเด็กน้อยตัวขาวซีดกับกลิ่นหอมหวานติดจมูก

     

                ข้าคง.. ต้องการเลือดเจ้าจริงๆ เซฮุน

     

                ผ่านไปแล้วสามศพ กลิ่นคาวเลือดก็ยังไม่หอมถูกปาก อุตส่าห์ย้ายสถานที่มากอีกแห่งที่เลือดหายากแต่มีรสชาติดี สุดท้ายการมาก็เสียเปล่ากลับไปอย่างผิดหวัง ยังไม่มีกลิ่นไหนต้องจมูกเท่ากับกลิ่นหอมราวดอกไม้ขาวแรกแย้มของเด็กคนนั้น

     

                “สงสัยข้างคงต้องไปลอบดูอาหารชั้นดีเสียหน่อย..”

     

                เด็กน้อยตัวขาวซีดนอนกอดผ้าห่มแน่นอยู่บนเตียงเล็กสีหม่น จื่อเทาเพิ่งสังเกตว่าทั้งห้องสิ่งของทุกอย่างรอบตัวเป็นสีหม่นไปทั้งหมด มันช่างตัดกับความขาวบริสุทธิ์ของเด็กคนนั้นเหลือเกิน

     

                “เหตุใดเจ้าจึงตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว” คล้ายเป็นการพูดกับตัวเองเสียมากกว่า ดวงตาเฉียบคมยังจ้องมองลอดหน้าต่างบานเล็กผ่านสถานที่เดิมบนกิ่งไม้หนา

     

                เสียงแว่วสะอื้นไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ แทบขาดใจหากได้ฟังอย่างแจ่มชัด

     

                “เซฮุนไม่ผิด” เสียงเล็กตัดพ้อเป็นคำเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ราวกับแผ่นซีดีเก่าที่ตกร่อง

     

                “หุบปากของเจ้า อย่าคิดว่าจะได้ออกไปไหน” น้ำเสียงไม่คุ้นเคยดังลอดมาให้จื่อเทาได้ขมวดคิ้ว เนื้อเสียงมีแต่ความเกลียดชัง เป็นใครกันที่สามารถตะเบ็งได้ออกมาพร้อมความรู้สึกเช่นนี้ใส่เด็กอย่างเซฮุน

     

                “เซฮุนไม่ผิด!” กรีดร้องอย่างหมดความอดทน เสียงสะอื้นเริ่มจางลงพร้อมกับร่างทั้งร่างฟุบลงสู่เตียงนอนสีหม่น

     

                “เจ้า” กลายเป็นแวมไพร์อย่างจื่อเทาที่ดูเป็นห่วงเกินหน้าที่ เพียงพริบตาเดียวก็พุ่งตัวมาถึงเด็กตัวขาวซีดที่สลบฟุบไปกับผ้านวมหนา

     

                “เฮ้อ มันควรเป็นอย่างนี้หรือ.. ตัวข้าน่ะ” มือเรียวลูบไล้ไปยังผมสีบลอนด์อ่อนอย่างบางเบา ปัดหน้าม้าสวยไม่ให้บดบังใบหน้าขาวซีดที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ถึงแม้จะหมดสติไปแล้ว แต่หยดน้ำใสก็ยังไหลลงคล้ายความเศร้านี้มันไร้ที่สิ้นสุด

     

                “เจ้าควรทำตัวให้อบอุ่น อุณหภูมิตัวเจ้าเริ่มจะคล้ายข้าแล้ว” อังมือลงที่หน้าผากนูน มีเพียงที่เดียวที่ร้อนระอุ นอกนั้นร่างกายของเด็กคนนี้ช่างเย็นชืด จื่อเทาจัดร่างบางวางลงที่นอน วางหัวทุยบนหมอนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะดึงผ้านวมผืนหนาที่เห็นหยดน้ำเป็นดวงเล็กกระจายอยู่เต็ม คงร้องไห้หนักมากสินะ

     

                “มะรืนนี้ข้าจะมารับเจ้าเด็กน้อย” มือขาวซีดคว้าหมับเข้าที่มือเรียวไร้เลือดของจื่อเทาแน่น บีบมันเบาๆเหมือนต้องการที่พักพิงในช่วงเวลาเยี่ยงนี้

     

                “เจ้าละเมอ” เปลี่ยนใจหันหลังกลับมาดู นิ้วโป้งถูกนำมาไล้ปาดหยาดน้ำตาออกจากหางตาเรียว

     

                “แม่.. กอด อุ่น แม่ครับกอด” เสียงละเมอเบามาพร้อมกับหยดน้ำตาที่เริ่มกลั่นตัวอีกครั้ง มันหยดไล้มาตามใบหน้าสู่ปลายคาง

     

                “ข้าเป็นแวมไพร์ มอบความอุ่นให้เจ้าไม่ได้หรอก” ปฏิเสธเสียงเบา มุมปากกระจับสวยยกขึ้น ข้ากำลังเอ็นดูเจ้าแล้วเด็กน้อย อาหารอันโอชะของข้า..

     

                “หลับเสียเถิด” แผ่วเบาที่ริมหู แต่ทำให้เด็กน้อยที่หลับตาอยู่ระบายยิ้มหวานพร้อมหยุดอาการเกร็งยามหลับใหล ช่างเป็นเด็กที่บริสุทธิ์เหลือเกิน

     

     

                “คุณจะพาเซฮุนไปไหน” ร่างขาวซีดหันมาถามพร้อมรอยยิ้มหวาน ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข เป็นครั้งแรกที่เท้าเปล่าได้ย่ำเหยียบลงบนพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม

     

                “เจ้าเคยเห็นกระต่ายป่าไหม”

     

                “หน้าตาเป็นเช่นไรครับ เซฮุนไม่เคยเห็น” ดวงตาเรียวเบิกกว้างหันมามองที่จื่อเทาด้วยสายตาใคร่รู้ แวมไพร์หนุ่มเลยทำได้แต่ยิ้มแล้วมองไปที่ดวงหน้าขาวซีด

     

                “คล้ายเจ้าเลย” กล่าวพร้อมรอยยิ้มอ่อน ร่างสูงจูงมือขาวให้เดินตาม ในค่ำคืนที่มีดวงดาวประกายระยิบ ดวงจันทร์สีนวลยิ่งขับให้เด็กน้อยคนนี้ดูเปล่งประกายในแสงจันทร์

     

                “เซฮุนหรอ เซฮุนเป็นคน” จื่อเทาขำกับหน้ายุ่งๆของเด็กที่เดินตามมาข้างหลัง

     

                “นั่นไง.. ตัวสีขาว” ชี้นิ้วไปข้างหน้านำทางในความมืดให้เด็กน้อยได้ดู กระต่ายตัวสีขาวขนฟูฟ่องกระโดดไปมา ดูเหมือนวันนี้ที่มาจะเจอเป็นคู่สินะ เพราะทางที่เจ้าขนฟูนั้นไปคืออีกที่ที่มีกระต่ายตัวสีดำก้มหน้าเล็มหญ้าอยู่

     

                “น่ารัก น่ารักมาก” เผลอวิ่งออกไปหาอย่างลืมตัว เจ้ากระต่ายที่เล็มหญ้าอยู่เลยกระโดดหนีลงโพรงไป ทำเอาเด็กน้อยถึงกับยู่หน้าหันมามองคนตัวสูงพร้อมรอยยิ้มแหย

     

                “วันนี้มันคงไม่ออกมาให้เจ้าเล่นด้วยแล้วล่ะ” อมยิ้มขำกับใบหน้าเศร้าของเด็กน้อย จื่อเทาเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับวางมือลงที่หัวทุย

     

                “วันอื่นค่อยมาใหม่แล้วกัน”

     

                “คุณจะพา.. มาอีกหรอครับ!” ถามขึ้นเสียงดังอย่างดีใจ ดวงหน้าขาวซีดเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อย อาจเพราะอากาศหนาวเย็นที่บาดผิว หรือความอบอุ่นสักอย่างที่ได้รับ

     

                “ข้าเห็นเด็กบางคนทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ ข้าคงไม่ใจร้ายหรอก” ไม่ใจร้ายกับเด็กที่จะหมดอายุขัยในไม่กี่อาทิตย์ ชีวิตเจ้าช่างน่าสงสารเสียจริง

     

                “คุณเทวดาใจดีที่สุด” กระโดดกอดพร้อมหัวทุยถูอยู่ตรงแผงอก จื่อเทากระตุกตัว มือเรียวยกค้างอย่างไม่รู้จะวางไว้ที่ไหน แต่สุดท้ายก็นำมาลูบลงที่ผมสีบลอนด์นั้นอย่างเก้ๆกังๆ

     

                “เรียกข้าจื่อเทาเถอะ” เพราะรู้สึกเรียกว่าเทวดามันจะรู้สึกแปลก.. ทั้งๆที่ข้าดูคล้ายจะทำหน้าที่เยี่ยงยมทูต

     

                “คุณจื่อเทา..”

     

                เห็นว่าเป็นวันเกิดหรอก.. ตามใจสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร

     

     

                เป็นหลายต่อหลายคืนที่แวมไพร์ตนนี้พาเด็กน้อยผิวขาวซีดออกมาข้างนอกยามค่ำคืน รอยยิ้มสดใสยามที่เห็นเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ แม้แต่ฝ่าเท้าขาวที่เหยียบย่ำผืนหญ้าอย่างมีความสุขก็หันมาบอกเล่าพร้อมสีหน้าสดใส

     

                ความรู้สึกดีๆเริ่มก่อตัวกับอาหารแสนเลอค่า แวมไพร์มีหัวใจ แต่มันหยุดเต้นไปตั้งนานแล้วตั้งแต่ถูกเปลี่ยนให้เป็นอย่างนี้

     

                มันควรเป็นอย่างนี้หรือ... ข้าคงกินเจ้าไม่ลงแล้วล่ะเด็กน้อยของข้า

     

                “คืนนี้แล้ว ที่อายุขัยของเจ้าจะหมดลง พร้อมความรู้สึกของข้าที่ต้องจางหายไปด้วยกัน” จื่อเทาระบายยิ้มระหว่างพูด ข้าควรอยู่เฉยๆแล้วมองเจ้าหมดลมต่อหน้าต่อตา นึกเสียดายกลิ่นหอมหวานที่ไม่ได้ลิ้มรสเสียแล้วสิ

     

                จื่อเทาพาตัวเองมานั่งอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ร่างขาวซีดยังนอนหายใจโรยรินอยู่บนที่นอนสีหม่น ดวงตารีปิดลง มือสีขาวราวกับหิมะกำผ้านวมแน่น

     

                “เจ้าคิดถึงข้าไหมเด็กน้อย” เดินมาหาถึงเตียง มือเรียวยกขึ้นลูบผมสีบลอนด์อ่อนเบาๆ

     

                ร่างบางปรือตาขึ้นมองดูพร้อมรอยยิ้มอ่อน พยักหน้ารับ พยายามเอ่ยเสียงออกมาจากลำคอ แต่มันช่างลำบากเหลือเกิน ปากบางเลยได้แต่ขยับเป็นคำพูดไม่มีเสียง

     

                “อื้ม ไม่ต้องพยายาม ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง” เผยรอยยิ้มกว้างให้อย่างจริงใจ ถ้าแวมไพร์มีความรู้สึกมากกว่านี้คงได้เห็นน้ำตาแห่งความเสียใจจากจื่อเทาเป็นแน่

     

                “เซ.. เซฮุนรู้ว่า..” เสียงเล็กพยายามเอ่ย

     

                “หืม เจ้าจะพูดอะไรงั้นหรือเด็กน้อย มันจะเหนื่อยเอาเปล่าๆ”

     

                “ท่านไม่ใช่.. เทวดา” เอ่ยออกมาอย่างยากลำบากพร้อมรอยยิ้มหวาน

     

                “ข้าเป็นแวมไพร์” เปล่งออกมาเบาบางคล้ายกระซิบกับสายลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาในห้อง จื่อเทาลูบหัวทุยไปมา ดวงตาคมยังจ้องมองไปยังดวงหน้าขาวซีดที่ไม่มีอาการตื่นกลัว

     

                “เซฮุนรู้ เซฮุนรู้” เสียงเล็กเริ่มออกมาพร้อมกับการไอ เซฮุนไอจนตัวโยน ปัดป่ายหามือจื่อเทาพร้อมกำแน่น ก่อนจะพูดประโยคต่อมาที่ทำให้คนฟังถึงกับกระตุก

     

                “มือคุณเย็นเฉียบ.. แต่เซฮุนคิดว่าอุ่นที่สุดเลย” ยิ้มบางพร้อมยกมือที่แสนอุ่นในความคิดนั้นทาบทับไว้ที่แก้มซีดของตน

     

                “เซฮุนชอบรอยยิ้มที่เห็นเขี้ยวสีขาวของคุณ ชอบมืออุ่นที่ลูบหัวเซฮุน ชอบความอบอุ่นยามเซฮุนกอด ทั้งๆที่มันเย็น.. เย็นกาย แต่หัวใจเซฮุนกลับอุ่นจนรู้สึกดี”

     

                “เซฮุนมีความสุ.. สุข” เสียงเล็กเริ่มขาดหาย ดวงตาเรียวที่เคยเป็นประกายเริ่มพร่ามัวพร้อมหยาดน้ำตาใส

     

                “เจ้าทำข้าลำบากใจเหลือเกิน..” จื่อเทาเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ

     

                “วาระสุดท้ายของเซฮุน.. จื่อเทาช่วยเซฮุนได้ไหม เลือดของเซฮุน ให้.. ให้จื่อเทานะ” มือขาวซีดที่จับลงที่มือเริ่มผ่อนแรงลง จนมันตกลงสู่ผ้านวมเหมือนครั้งแรก

     

                “เจ้าเด็กคนนี้.. ข้าต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ทำลายสัจจะที่ตั้งไว้ตอนแรกเพราะเจ้า เจ้าคนเดียวเลยเซฮุน” พูดเหมือนใส่อารมณ์แต่ก็เริ่มเข้าไปใกล้ลำคอขาว กลิ่นหอมราวกับดอกไม้ขาวแรกแย้มตีปะทะจมูก ริมฝีผากกระจับอ้าออกกว้าง ส่งลิ้นสีซีดเลียไปตามลำคอ ก่อนจะประทับริมฝีปากลงพร้อมเขี้ยวขาวที่ฝังตัว

     

     

     

                สัจจะที่เคยให้ไว้ว่าข้าจะไม่เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นแวมไพร์เหมือนตัวข้าอีก...

               

     

     

     

     

    “สวัสดีเซฮุน... เจ้าพอใจกับร่างกายที่เป็นนิรันดร์นี้ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยไปอย่างแผ่วเบา เลียริมฝีปากที่มีคราบเลือดสีแดงสดติดอยู่จนหมด

     

    เปลือกตาสีมุกลืมขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีแดงก่ำที่ไร้แววประกาย แต่มันกลับงดงามราวกับเพชรน้ำงาม ผิวที่เคยซีดขาวตอนนี้กลายเป็นซีดขาวอย่างสมบูรณ์แบบ หรือแม้แต่หัวใจดวงน้อยในอกที่เคยเต้นอยู่ ก็เงียบลงไร้การเต้นของชีพจร

     

    มีแต่รอยยิ้มอ่อนหวานตรงหน้าจื่อเทานี่แหละ ที่เซฮุนยังมีให้เหมือนเดิม

     

    “เซฮุนยินดีที่ได้เคียงข้างจื่อเทา.. มากกว่า คิก” ว่าเสียงใสพร้อมหัวเราะคิกคัก ลืมภาพไปได้เลยคนป่วยใกล้หมดลมเมื่อครู่ เจ้านี่มันเด็กน้อยจริงๆ เซฮุน

     

     

    ข้าคงต้องสอนเจ้าในการเป็นแวมไพร์ได้แล้วสิ..

               

                

     

                END

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×