ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SNSD] Wanted [YoonA x Jessica]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      7
      5 พ.ค. 55

     Chapter 2







    “ช็อตตี้มานี่มา” 
    เจสสิก้าอุ้มเจ้าเหมียวมาวางไว้ใกล้กับถาดเล็กๆ ที่มีเพิ่งเทนมใส่จนเต็มบนโต๊ะ 
    มันแลบลิ้นชื้นออกมาเลียนมใจถาดแผล็บๆ อย่างรู้งาน



    “ กินเยอะๆ นะ” มือบางขยี้หัวมันเบาๆ อย่างเอ็นดู 
    ยิ่งอยู่ด้วยกันเจ้าช็อตตี้ก็ยิ่งทำให้เธอหลงรัก ไม่อยากจะส่งมันคืนเจ้าของเลยสักนิด 
    นี่ก็ครบวันแล้วที่เธอกักตัวเจ้าช็อตติ้เอาไว้ ป่านนี้เจ้านายมารยาทแย่ของมันคงกระวนกระวายน่าดู... 
    ยกยิ้มพร้อมยักไหล่กวนๆ อย่างสะใจ



    “อยู่กับฉันก่อนนะช็อตตี้ อย่าเพิ่งกลับไปหาเจ้านายของแก” 
    พูดต่อขณะที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังไม่จากไปจากใบหน้า 
    นมในถาดตื้นๆ พร่องลงจนเกือบหมดหญิงสาวจึงหยิบนมกล่องใหญ่ที่วางไว้ใกล้มือมาเติมให้ช็อตตี้จนเต็มอีกครั้ง 



    “หมดแล้วนี่ เก่งมากช็อตตี้ ไปข้างนอกกัน” 
    เจสสิก้าช้อนตัวช็อตตี้มานั่งบนตักหลังจากเติมนมให้มันเป็นครั้งที่สาม 
    นมในถาดถูกมันจัดการจนเกลี้ยง ช็อตตี้เลียรอบปากตัวเองกำจัดคราบนมที่ติดอยู่บนขอบปาก 
    ก่อนจะไซร้ขนตัวเอง มือบางประคองมันไว้ในอ้อมแขนแล้วลุกขึ้นเตรียมจะพามันออกไปเดินเล่น



    เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นขณะที่ก้าวเกือบถึงประตู 
    เจสสิก้าปล่อยช็อตตี้ลงแล้วกดอินเตอร์คอมเพื่อดูหน้าแขกผู้มาเยือน 
    ภาพของผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของช็อตตี้ยืนกอดอกทำหน้าบูดบึ้งอยู่หน้าห้อง 
    ท่าทางอวดดีไม่ต่างจากเมื่อวาน น่าหมั่นไส้ไม่เปลี่ยน



    “พูดถึงก็มาพอดี ตายยากจริงๆ” พึมพำพร้อมเหยียดยิ้มแล้วเปิดประตูต้อนรับแขก



    “สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” 
    เจสสิก้าลอยหน้าลอยตาถามแกล้งทำหน้าซื่อตาใสไม่รู้เรื่องรู้ราว เรียกเอาสายตาขุ่นเคืองจากคนมอง



    “ทำเป็นไม่รู้นะ ฉันมาเอาแมวของฉันคืน ถ้าคุณบอกว่ามันไม่ใช่ช็อตตี้ก็ต้องเอามันมาให้ฉันเช็คดูก่อนสิ” 
    กอดอกพยักเพยิดเข้าไปในห้องด้วยท่าทางกวนๆ ยืดตัวเต็มที่ใช้ความสูงเข้าข่มเธอเช่นเคย 
    แต่ใบหน้าใสของคนหยิ่งยโสนั่นดูอิดโรยนิดหน่อย ขอบตามีรอยคล้ำจางๆ อาจจะยังไม่ได้นอนหรือว่านอนไม่พอกระมัง



    “ก็ลองขอร้องกันดีๆ ก่อนสิ เผื่อฉันจะใจอ่อน” 
    เจสสิก้ากวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เล่นเอาคนฟังหัวคิ้วกระตุกเมื่อโดนยั่วโมโหกลับ



    “มากไปมั้งคุณ แค่เอาแมวมาดูก็จบแล้ว” 
    โดยที่ไม่ทันตั้งตัว ยุนอาเบียดตัวแทรกเข้ามาในห้องดันร่างที่เล็กกว่าให้ถอยร่นกลับเข้าไปข้างในด้วยความตกใจ 
    แล้วปิดประตูตามหลังให้เสร็จสรรพ 


    “คุณนี่มัน.. ไร้มารยาทที่สุด" 
    เจสสิก้าต่อว่าอีกคนด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก ตวัดสายตาขุ่นมองคนตัวสูงอย่างไม่พอใจ 
    แต่ดูเหมือนยุนอาจะไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงและสายตาตำหนิติเตียนที่ได้รับ 
    แววตากวนโมโหเหล่มองเจ้าของห้องแล้วยักไหล่ให้หนึ่งทีก่อนเดินไปคว้าเจ้าขนฟูที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาในอ้อมแขน



    “แกไม่ใช่แมวฉันจริงๆ น่ะเหรอ ฮื้ม?” 
    ก้มลงพูดกับแมวในมือพลางลูบไล้ไปบนเส้นขนอ่อนนุ่มตั้งแต่หัวเล็กๆ ไปจนถึงส่วนปลายของหาง 
    เสียงเนิบนาบยียวนกวนประสาทคนฟังอย่างเหลือร้าย 
    เจสสิก้าเหลือบตาขึ้นมองเพดานแวบหนึ่งพร้อมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เพื่อระงับอารมณ์ 
    ยืนมองอย่างสงบปากสงบคำอดใจเอาไว้ไม่ไปต่อล้อต่อเถียงกับคนไร้มารยาท



    “โอ๊ะ! แปลกเนอะ ปลอกคอสีเดียวกัน..เอ... แถมชื่อก็เหมือนกันอีก ฮ่ะๆ สงสัยจะเป็นแมวฝาแฝดเนอะ คุณว่ามั้ย” 
    สะดุ้งตกใจแทบปรับสีหน้าไม่ทันเมื่ออีกคนเงยหน้าขึ้นมาถาม พูดกับแมวอยู่ดีๆ ไหงวกมาหาเธอได้ก็ไม่รู้



    “พอเถอะ เลิกประชดได้แล้ว แมวคุณนั่นล่ะ” เจสสิก้าบอกเพื่อตัดรำคาญ 
    เห็นทีจะรับมือกับความกวนประสาทของผู้หญิงหน้าตาดีแต่นิสัยเสียแบบนี้ไม่ไหวแน่



    “บอกกันตั้งแต่แรกก็จบ... นี่คุณกะจะขโมยแมวฉันจริงๆ สินะถึงได้โกหกกันเมื่อวานน่ะ” 
    ยุนอาปล่อยช็อตตี้ลงพื้นแล้วหันมาเอาเรื่องเจ้าของห้องต่อ



    “นี่คุณ ให้มันน้อยๆ หน่อยนะ ฉันไปขโมยแมวคุณมาเมื่อไหร่มิทราบ 
    มีแต่คุณนั่นล่ะที่ไม่ดูแลมันดีๆ ปล่อยมันออกมาเดินเพ่นพ่านจนฉันไปเจอเข้าน่ะ”
    หญิงสาวกอดอกเชิดหน้าใส่อีกฝ่าย น้ำเสียงเข้มขึ้นเพราะอารมณ์ดีๆ ถูกคนตรงหน้ากวนให้ขุ่น



    “แล้วทำไมคุณถึงไม่คืนมันให้ฉันดีๆ ตั้งแต่แรกล่ะ” 
    น้ำเสียงคาดคั้น คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูง ทำราวกับว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเจสสิก้าเพียงคนเดียว



    “ถ้าขอกันดีๆ ก็คงได้คืนตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แต่ดูคุณทำเข้าสิ” 
    ตาคมสวยกวาดมองตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าแล้วยกยิ้มหยันตรงมุมปาก 
    เรียกได้ว่าด่ากันซึ่งๆ หน้าผ่านทางสายตาเลยทีเดียว 
    เล่นเอาคนถูกมองหน้าใบหน้าเห่อร้อนเพราะความโกรธ กรามบดเข้าหากันแน่นจนดังกรอดๆ 



    “แต่ยังไงฉันก็เป็นเจ้าของช็อตตี้” 
    เถียงกลับอย่างไม่ยอมลดราวาศอก ยุนอาก็ขึ้นชื่อเรื่องความดื้อดึงเหมือนกัน



    “มีเจ้าของแบบนี้สงสารช็อตตี้ชะมัด” ส่ายหน้าน้อยๆ บ่นกับตัวเองเสียงดังกว่าปกติ 
    แน่นอนว่าจงใจให้ยุนอาได้ยินด้วย คนฟังหน้าตึงเตรียมจะอ้าปากเถียงแต่เปลี่ยนใจกะทันหันเมื่อท้องเริ่มร้องประท้วง



    “ฮ้าว...” ยกมือปิดปากพลางหาวหวอดพร้อมบิดขี้เกียจอย่างไม่เกรงใจคนมอง แล้วพูดต่อ 
    “หิว คุณมีอะไรกินบ้างมั้ย” เอ่ยถามหน้าตาเฉยราวกับก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องผิดใจกัน 
    สีหน้าถูกปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วจนเจสสิก้าตามไม่ทัน



    “ทำไมไม่กลับไปกินห้องคุณล่ะ”



    “ก็ของในตู้เย็นมันหมดแล้วเหลือแค่ขนมปังเปล่าๆ กับแยม กินทุกเช้าเบื่อแล้ว 
    ...เอาน่ะคุณถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ฉันให้คุณเอาช็อตตี้มาดูเล่นตั้งคืนนึง” 
    พูดจบก็เดินลิ่วๆ ไปทางห้องครัวไม่สนใจหน้าเหวอๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง... 

    เจสสิก้ามองตามแผ่นหลังบางนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ 
    ไม่คิดว่าเกิดมาจะเจอคนหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้ 
    หญิงสาวพ่นลมหายใจพรืดใหญ่แล้วยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังแปะก่อนจะวิ่งตามหลังอีกคนไปติดๆ 






    เจสสิก้าเห็นแขกไม่ได้รับเชิญหยุดยืนอยู่หน้าตู้เย็นเหมือนลังเล 
    ใบหน้าอิดโรยหันมามองเธอ ดวงตาใสกระพริบปริบๆ เหมือนกำลังต้องการความช่วยเหลือ 
    “คุณ... ในตู้เย็นมีอะไรกินบ้างอะ” ชี้นิ้วไปที่ตู้เย็นท่าทางกล้าๆ กลัวๆ 
    เหมือนเพิ่งนึกออกว่าควรจะเกรงใจเจ้าของสถานที่บ้าง 



    หญิงสาวเหลือบมองคนตัวสูงกว่าที่กำลังกลายร่างเป็นเด็กเล็กๆ แล้วก็ให้เหนื่อยหน่าย 
    เจอหน้ากันแค่สองครั้งก็สร้างแต่เรื่องปวดหัวให้จริงๆ 
    แต่เอาเถอะเรื่องนี้เธอก็มีส่วนผิดที่เอาแมวเค้ามากักไว้ทั้งคืนจะโทษเจ้าของเค้าฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ 

    ...เห็นแก่ลูกตาใสๆ เหมือนลูกกวางอยากอาหารนั่นหรอกนะถึงยอมใจอ่อน
    จะทำลืมๆ เรื่องก่อนหน้านี้ไปชั่วคราวแล้วกัน...




    ประตูตู้เย็นถูกเปิดออก มือบางเลือกหยิบนมขวดใหญ่ออกมารินใส่แก้วแล้ววางไว้บนหลังตู้เย็น
    ก่อนคว้าเอาแอปเปิลสีแดงสดออกมาด้วย ตู้เย็นปิดลงอย่างนุ่มนวล 
    เจสสิก้าเดินถือแก้วนมเย็นจัดกับแอปเปิลหนึ่งลูกส่งให้ยุนอา 



    “รองท้องไปก่อน เดี๋ยวฉันไปดูของในตู้กับข้าว นั่นโต๊ะ หาที่นั่งเองตามสบายเลยค่ะคุณแขกกิตติมศักดิ์” 
    ยุนอารับมาพร้อมรอยยิ้ม ตาเป็นประกายวาวเมื่อเห็นของกินอยู่ตรงหน้า 
    ไม่ใส่ใจถ้อยคำประชดประชันของหญิงสาว รีบย้ายตัวเองไปนั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่กลางห้องครัว 

    กัดแอปเปิลแล้วเคี้ยวดังกร้วมๆ ในปาก คงจะหิวอย่างที่บอกไว้จริงๆ 
    ถึงได้แปลงร่างจากหมาบ้าที่พร้อมจะกัดคนไม่เลือกกลายเป็นลูกกวางเชื่องๆ ได้ในชั่วพริบตา






    “เหลือจากมื้อเช้าเมื่อชั่วโมงที่แล้ว หวังว่าคงไม่รังเกียจนะ” 
    หญิงสาวหยิบจานกับชามอย่างละใบมาตั้งไว้ตรงหน้ายุนอา 
    กิมชีจิแกที่อยู่ในชามคงจะเย็นจนหายร้อนแล้วเพราะทิ้งไว้นาน 
    ส่วนพาจอนที่แหว่งไปไม่ถึงครึ่งก็น่ากินไม่น้อย 

    แค่มองก็น้ำลายจะไหล แอปเปิลที่เพิ่งกัดไปคำล่าสุดถูกกลืนลงคออย่างรวดเร็วเมื่อได้กลิ่นหาอาหาร 
    มองอยู่ไม่นานก็มีข้าวพูนจานมาตั้งอยู่ตรงหน้า



    “ขอบคุณค่ะ” เอ่ยคำขอบคุณเสียงดังฟังชัดโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย 
    ฉีกยิ้มกว้างใส่อาหารตรงหน้าแล้ววางแอปเปิลที่ยังกินไม่หมดลงข้างจานข้าว 
    มันคงหมดความสำคัญเพราะมีอย่างอื่นที่น่าสนใจและยั่วน้ำลายได้มากกว่ามาแทนที่... 



    ไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างทั้งคู่ขณะที่อีกคนตั้งหน้าตั้งตาจ้วงข้าวเข้าปาก 
    ส่วนอีกคนกำลังใช้โอกาสนี้สำรวจอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน 
    ถึงรูปร่างจะดูผอมบางไปสักหน่อยแต่กลับไม่ได้ดูเก้งก้างน่าเกลียดอะไร 
    ท่านั่งสบายๆ มือที่ขยับเคลื่อนไปมาระหว่างจานอาหารแต่ละจาน 

    ทุกการเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติไร้การปรุงแต่ง มันดูมีเสน่ห์น่ามองอย่างประหลาด 



    มุมปากเผลอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อสังเกตเห็นกระพุ้งแก้มใสพองออก
    พร้อมขยับเล็กน้อยเวลาเจ้าตัวเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปาก 
    เหมือนเธอกำลังมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังทานข้าวไม่มีผิด 

    เวลาที่คนตรงหน้าไม่พูดจาประสาทนี่ดูน่ารักขึ้นเป็นกอง... รู้อย่างนี้หาอะไรมาอุดปากซะตั้งแต่แรกก็ดี






    อาหารสองอย่างพร้อมกับข้าวหนึ่งจานพร่องลงไปอย่างรวดเร็วจนหมดลงในที่สุด 
    เจสสิก้าที่นั่งเท้าคางมองอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะยังอดทึ่งไม่ได้ 
    กวาดตามองจานชามทั้งสามใบที่สะอาดเอี่ยมแทบไม่ต้องล้าง....
    ไม่รู้ว่าเอาไปเก็บไว้ที่ไหนตัวก็ใช่ว่าจะโตแค่สูงกว่าเธอหน่อยเท่านั้น



    ยุนอายกแก้วนมขึ้นมากระดกดื่มอึกๆ พริบตาเดียวเท่านั้นนมในแก้วก็หมดลงเหลือเพียงคราบเล็กน้อยติดค้างอยู่ก้นแก้ว 
    ก่อนที่เจ้าตัวจะผุดลุกจากเก้าอี้หยิบจานชามมาวางซ้อนกันแล้วยกขึ้นมาถือไว้พร้อมแก้วเปล่า



    “เดี๋ยวฉันล้างให้ ขอบคุณนะคะ อิ่มมากเลย” 
    ว่าแล้วก็เดินตรงไปที่อ่างล้างจานด้วยสีหน้าเบิกบานผิดกับตอนมากดกริ่งเรียกเธอลิบลับ 
    หรือว่านิสัยบ้าๆ แบบนั้นเกิดขึ้นเฉพาะตอนโมโหหิว... 


    มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงน้ำจากก๊อกเปิดดังซู่ 
    เจสสิก้ามองตาก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังจะลงมือล้างจาน หญิงสาวรีบออกปากห้ามละล่ำละลัก



    “เอ้อ นี่คุณเอาไว้ตรงนั้นแหละเดี๋ยวฉันล้างเอง”



    “ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันกินทีหลังฉันก็ต้องล้าง” 
    ยุนอาตอบกลับโดนไม่เงยหน้าขึ้นจากภาชนะที่กำลังทำความสะอาด 
    เมื่อเห็นว่าห้ามไม่ทันแล้วเจสสิก้าจึงปล่อยเลยตามเลย 



    ...อยากล้างก็ล้าง ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องทำเองให้เหนื่อย...



    “ตามใจแล้วกัน......ว่าแต่เราก็คุยกันมาตั้งนานนะ แต่ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย” 



    “นั่นสินะ ฉัน อิม ยุนอา คุณล่ะ” 



    เสียงจานชามกระทบกันในอ่างล้างจานดังปนกับเสียงพูดคุยของคนทั้งคู่ 
    เจสสิก้าชะงักไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินชื่อและนามสกุลของอีกฝ่าย 
    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด... นามสกุลอิม.. ฟังดูคุ้นๆ แฮะ



    “ว่ายังไงล่ะคุณ หรือหวงชื่อไม่อยากจะบอกฉันก็ไม่เป็นไรนะ ไม่ว่ากัน” 
    เห็นว่าอีกฝ่ายเงียบอยู่นานจึงกระตุ้นเตือน ชะงักมือเพื่อเงี่ยหูรอฟังคำตอบ 
    ... นั่นไงล่ะพอเริ่มเปิดปากพูดก็กวนโมโหกันอีกแล้ว



    “ไม่ได้หวง... ฉันชื่อเจสสิก้า จอง”



    “ทำไมชื่อฝรั่งจ๋าอย่างนั้นล่ะ หน้าตาก็ออกจะเกาหลี มีเชื้อฝรั่งเหรอ” 
    คิ้วขมวดเป็นปมเพราะสะดุดใจกับนามสกุลของอีกฝ่ายแต่เลือกที่จะเก็บเอาไว้ในใจ 
    เอ่ยถามข้อสงสัยเพียงข้อเดียวออกไป... 

    แต่จะถามดีๆ อย่างคนอื่นเค้าคงทำไม่เป็นหรอกมั้งคนๆ นี้



    “ไม่ต้องมายุ่งกับชื่อฉันหรอก จะมาสืบประวัติกันหรือไงถึงได้อยากรู้มากขนาดนั้น” 
    เจสสิก้าสวนกลับอย่างเหลืออด ให้รู้บ้างว่าไม่ใช่แค่เค้าที่กวนประสาทคนอื่นได้ 
    แต่คนปากดีที่โดนตอกกลับก็ไม่เห็นสะทกสะท้าน ยักไหล่หนึ่งทีอย่างไม่ใส่ใจแล้วล้างจานต่อไปจนเสร็จ



    เจสสิก้าพ่นลมหายใจแรงๆ แล้วเดินหนีออกไปจากห้องครัว 
    หย่อนกายลงนั่งข้างช็อตตี้ที่สบายอยู่บนโซฟาตัวยาว 
    ช็อตตี้ผงกหัวเล็กๆ ของมันขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวใกล้ตัวดวงตาสีฟ้าใสเปิดขึ้นอย่างเกียจคร้าน
    จนเมื่อเห็นว่าผู้รบกวนเวลานอนของมันคือใครจึงปิดเปลือกตาลงอีกครั้งแล้วนอนหมอบลงในท่าเดิม 

    เหลือบมองเจ้าขนฟูแว้บหนึ่งก่อนหยิบรีโมทที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าขึ้นมากดเปิดทีวี 
    ภาพบนจอปรากฏขึ้นทันใจพร้อมเสียงรายการทีวีประจำวัน
    หญิงสาวเอนหลังพิงพนักโซฟานุ่มอย่างผ่อนคลาย 
    ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปลูบไล้ขนยาวๆ ของช็อตตี้เล่น เพลินกันทั้งคนทั้งแมว... 






    “ฉันล้างจานเสร็จแล้วนะ” 
    สงบได้ไม่ทันไรเสียงของคนกวนประสาทก็ดังอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนกำลังจะเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ในปาก 
    ไม่ทันได้ให้สงสัยนานเจ้าของเสียงก็เดินอ้อมหลังเธอมานั่งบนโซฟาตัวเล็กอีกตัวฝั่งเดียวกับที่ช็อตตี้นอนอยู่
    พร้อมแอปเปิลที่เหลือเพียงนิดเดียวในมือ



    “แอปเปิลที่คุณเอามาให้ฉันกินก่อนหน้านี้ไง มันเหลือเลยเอามากินต่อ เสียดาย” 
    อธิบายเสร็จสรรพเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองตามก่อนจัดการกับแอปเปิลชิ้นสุดท้ายที่เหลือในมือเข้าปากไป 
    เจสสิก้าเหลือบมองอีกฝ่ายเพียงหางตาด้วยสีหน้าเอือมระอาก่อนดึงสายตากลับมายังหน้าจอทีวี



    “คุณเจสสิก้า จอง เมื่อคืนช็อตตี้กวนคุณหรือเปล่า” 
    เรียกอีกฝ่ายเต็มยศแล้วยื่นมือออกไปขยี้หัวของช็อตตี้แรงๆ จนมันต้องลืมตาขึ้นมองเจ้านายของตนด้วยความรำคาญ 
    เมื่อยุนอาปล่อยมือช็อตตี้จึงลุกขึ้นเปลี่ยนไปนอนเอาคางเกยหน้าตักของเจสสิก้า
    เมินเจ้านายจอมกวนอย่างไร้เยื่อใย ยุนอาเบะปากใส่มันอย่างหมั่นไส้



    “นี่คุณ ไม่ต้องเรียกฉันเต็มยศขนาดนั้นก็ได้นะ คุณเกิดปีอะไร ฉันปี 89” 
    นึกรำคาญกับชื่อที่อีกฝ่ายเรียกเหมือนจงใจประชดประชันจึงเอ่ยถามขึ้น เอาให้รู้กันไปเลยว่าใครเป็นพี่เป็นน้อง



    “ฉันเกิด 90 ถามทำไมเหรอ”



    “คุณเป็นน้องฉัน เพราะฉะนั้นคุณต้องเรียกฉันว่าพี่สาวถึงจะถูก ตกลงมั้ย?” 
    เจสสิก้ายื่นข้อเสนอ ยุนอารับฟังแล้วเลิกคิ้วขึ้นสูง



    “ทำไมต้องเรียกคุณว่าพี่ล่ะ คุณไม่ใช่พี่สาวฉันจริงๆ ซักหน่อย ที่บ้านฉันมีแต่พี่ชาย” 
    ไถลตัวลงเอนหลังพิงพนักโซฟานุ่มในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนกลายๆ 
    ง่วงก็ง่วงเพราะยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่ตื่นมาเมื่อเย็นวาน แต่ยังมีอารมณ์พูดจากระเซ้าเย้าแหย่อีกฝ่ายให้เคืองเล่น



    “งั้นก็ไม่ต้องเรียก!” 
    พ่นลมออกจมูกพรืดใหญ่ ตวัดสายตาขุ่นขวางมองอีกคนอย่างหงุดหงิด 
    พูดจาดีๆ ได้ไม่เกินสองประโยคสิน่าไอ้เด็กนี่ 



    “แหม น้องยุนล้อเล่นค่ะพี่สิก้า อย่าเพิ่งโกรธสิคะ” พูดเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างน่าหมั่นไส้ 
    หญิงสาวต้องใช้อดทนอย่างมากที่จะไม่เตะคนกวนโอ๊ยออกไปนอกห้อง



    “ดูสิช็อตตี้พี่สิก้าโกรธน้องยุน มองตาเขียวปั๊ดเลย” 
    ยื่นมือเรียวไปคว้าตัวช็อตตี้จากตักของเจสสิก้ามานอนบนตักของตน 
    แต่พอวางไว้บนตักครู่เดียวเท่านั้นเจ้าแมวสุดที่รักก็กระโดดลงไปยืนพื้นทำเหมือนมันกำลังรังเกียจเธอนักหนา 
    มันเอี้ยวคอมามองยุนอาด้วยหางตาแล้วเชิดหน้าเดินหนีไปหมอบแทบเท้าของเจสสิก้า 

    ....หนอย....ดูมัน แค่ลืมให้ข้าววันเดียวแค่นี้ทำเป็นงอน ถ้ามันจะอวดเก่งใส่เธอเพราะเรื่องกะโหลกกะลาแค่นี้ก็ให้มันรู้ไป...



    “ฮ่าๆ ช็อตตี้มานอนบนนี้ดีกว่ามา” เจสสิก้าก้มลงอุ้มมันขึ้นมานอนบนตักเหมือนเดิม 
    หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจที่เห็นช็อตตี้ฉีกหน้ายุนอาเมื่อครู่



    “ช็อตตี้” ลองเรียกมันอีกครั้ง 
    แต่มันกลับเหลือบตาขึ้นมองแว้บเดียวเหมือนกำลังเบื่อหน่ายแล้วหลับตาลงตัดรำคาญ 
    ยุนอาแยกเขี้ยวใส่แมวสุดรักกับเจ้าของห้องคนสวย 
    หมั่นไส้ที่ดูจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเหลือเกินทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงวันแท้ๆ... 

    เบือนหน้าหนีจากทั้งคู่ ทำเสียงหึในลำคอแล้วทิ้งตัวลงพิงพนักตามเดิม ..
    ความง่วงเข้าครอบงำจนฝืนเปลือกตาไม่ไหว เสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้เป็นเหมือนเพลงขับกล่อมให้นอนหลับฝันดี...






    “เธอจะเอาช็อตตี้กลับไปตอนนี้เลยมั้ย?” สรรพนามที่ใช้เรียกอีกฝ่ายถูกเปลี่ยน 
    หญิงสาวละสายตาจากจอทีวีหันไปถามอีกคนเมื่อเห็นว่าเงียบผิดปกติ 
    แต่กลับพบว่าคู่สนทนาฟุบหลับคอพับลงบนที่วางแขน ลมหายใจผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ 



    “อ้าว หลับเข้าไปได้ยังไง ยุนอา นี่ ยุนอา”
    ลองสะกิดเรียกเบาๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น หญิงสาวเลยปล่อยเลยตามเลย 
    มองคนสลับกับแมวอยู่เงียบๆ 



    ยุนอานี่คงจะน่ารักเฉพาะตอนไม่เปิดปากพูดสินะ 
    เธอเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่ายุนอาไม่ได้ปากมอมเฉพาะตอนโมโหหิวแต่มันเป็นนิสัยถาวรที่ติดตัวเค้าอยู่ตลอดเวลานั่นเอง




    ...เฮ่อ.!! สรุปว่าเธอต้องรับเลี้ยงทั้งคนทั้งแมวเลยสินะ.. 






    ******************************************************



    ตอนที่สองมาล่าช้านิดหน่อย ไปๆ มาๆ มันกลายเป็นฟิคเรื่องใหม่ไปเลย 
    เหมือนไม่ได้แปลง หาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ orz


    ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×