ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SNSD] Plz Give Me The Pain รักนี้หัวใจไม่เคย "เจ็บ" [TaeNy]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter III ความเจ็บกำลังจะเริ่มต้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.37K
      1
      17 ม.ค. 57

    Chapter III ความเจ็บกำลังจะเริ่มต้น






    เสื้อเชิ้ตสีขาวในตอนนี้ดูจะมีแขนเสื้อที่ยาวไปหน่อย
    ฉันกำลังพับมันให้พอดีกับศอก ส่องกระจกอีกนิดหนึ่งก่อนที่จะ...

    ปึก’ ‘ปึก



    แทยอน!!

    ยุนอา!

    มาเร็วจัง ฉันเพิ่งจะแต่งตัวเสร็จเอง



    ปีนหน้าต่างออกมาสิ เดี๋ยวฉันขึ้นไปรับ

    โอเค...

    ฉันรับคำก่อนจะให้ไปคว้ากระเป๋าตังค์ใส่ในกางเกงแล้ววิ่งไปที่หน้าต่าง
    ฉันไขมันออก ก่อนจะย่างเท้าออกมาแล้วย่อตัวลง

    ผลั่ก
    เสียงก้นกระแทกพื้น เพราะฉันลงมาผิดท่าไปหน่อย
    แต่ก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว


    เห้ย! แทยอน ! เป็นอะไรหรือเปล่า?”
    ยุนอาจึงเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย


    ไม่เป็นไรหรอก
    ฉันปัดการเกงที่เลอะฝุ่นออก แล้วก้มลงมองแผลที่เพิ่งได้มาสดๆที่หัวเข่า


    เป็นแผลเลย เลือดออกด้วยสิ ทำไมไม่ร้องสักแอะ?”
    ยุนอาคุกเข่าลงแล้วมองพักใหญ่ แล้วช่วยฉันปัดเนื้อปัดตัวเล็กน้อย


    เลือดออกเหรอ? งั้นก็เจ็บสิ
    จริงสินะ ลืมไปเลยว่ามันต้องเจ็บ 


    ไม่เจ็บหรอกนิดเดียวเอง เดี๋ยวไปทำแผลที่บ้านฉันละกันนะ ไปเถอะ
    เธอพยักหน้าเหมือนทำความเข้าใจอะไรสักอย่าง


    อื้อ...... ซันนี่บอกว่าเลือดออกแปลว่าเจ็บ

    ฉันถามอย่างร้อนรนเล็กน้อย เพราะกลัวว่ามันจะเป็นอันตราย
    ไม่อยากให้ซันนี่เป็นห่วงไปมากกว่านี้อีก ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้แบบนั้น


    แล้วรู้สึกเจ็บไหมล่ะ?”
    ยุนอายกมือขึ้นเกาหัว ปนด้วยสีหน้างงๆ คงจะไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องตกใจขนาดนั้น


    ไม่รู้สึก…”

    ก็มันไม่เคยรู้สึกอยู่แล้วนิหน่า.....


    อื้อ ก็แปลว่าไม่เจ็บไง ไปเร็วซ้อนท้ายขึ้นมาเลย

    ยุนอาเลิกสนใจฉัน ก่อนจะคว้าจักรยาน ปลดล็อคออกแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง
    ก่อนจะกวักมือเรียกฉันให้ตามขึ้นมา


    *************** 


    มาแล้ว!!

    ประตูบ้านถูกเปิดออก ยุนอาบอกทุกคน
    ก่อนที่จะหันไปจัดเก็บรองเท้าทั้งของฉันและของคนอื่นให้เรียบร้อย


    สวัสดีแทยอน!!

    แทยอน!! มาด้วยเหรอเนี่ย?”

    อื้อ!

    เสียงทักทายจากบรรยากาศที่ดูอบอุ่นดังขึ้น
    เป็นฮโยยอนที่เดินผ่านฉันมาเอ่ยทักก่อนจะเข้าห้องน้ำไป

    มีซอฮยอนนั่งจับคีย์บอร์ดอยู่ในห้องนั่งเล่น
    ส่วนซูยองดูเหมือนจะตั้งใจกินนามยอนอย่างมากโดยไม่สนใจใครเลย


    ที่ไม่สบายน่ะหายแล้วเหรอ?”

    แต่จู่ๆที่ใบหน้าหวานของหญิงสาวคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาใกล้จนฉันต้องถอยกลับเล็กน้อย


    อ....อือ.....

    ฉันตอบรับคำของเธอก่อนจะยิ้มให้เล็กๆ ซึ่งต่างจากเธอที่ยิ้มกลับมาจนตาปิดเลยทีเดียว


    แล้วขานี้ไปโดนอะไรมา มานั่งนี้ดีกว่าเดี๋ยวทำแผลให้นะ

    เธออุทานก่อนจะชี้ลงไปที่หัวเข่าของฉัน 
    โดยไม่ต้องรอให้ฉันตอบอะไร แต่เธอกลับจับมือฉันแล้วพาเดินเข้าไปอีกห้องหนึ่งของบ้าน


    เจ็บมั้ย?”


    ไม่เจ็บ


    เก่งจัง


    ฟานี่กำลังเปิดกล่องเล็กที่ภายในอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นอยู่ในนั้น
    ก่อนที่เธอจะบรรจงหยิบมันขึ้นมาที่ละชิ้น แล้วคว้าขวดยาเล็กๆมาเปิดออก


    .

    .



    เก่งเหรอ? ….. “

    .

    .

    ระหว่างนั้นทำให้ฉันมีเวลาหยุดคิดถึงคำพูดของเธอ

    .


    .


    ซันนี่บอกว่าคนเราต้องรู้จักเจ็บปวด

    ฉันพูดออกไป ไม่สิ เชิงว่าเป็นคำถามหรือเปล่านะ?


    .

    .


    ทำไมละ?”

    แล้วเธอก็ถามฉันกลับ 

    .

    .


    นั้นสิ... ทำไมคนเราต้อง....เจ็บปวด....

    .

    .


    คนที่รู้จักความเจ็บปวดจะรู้ความหมายของการสูญเสีย
    และคนที่รู้ความหมายของการสูญเสียก็จะเห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่



    ประโยคนั้นทำให้ทิฟฟานี่หยุดมองหน้าแทยอนเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาตั้งใจทำแผลให้แทยอนต่อ


    แปลกนะที่คนมากมายล้วนภาวนาให้พระเจ้าเอาความเจ็บปวดไปจากพวกเขา



    เธอตอบฉันด้วยน้ำเสียงที่ดูจะอ่อนลง ถ้าฉันไม่คิดไปเอง ฉันกำลังรู้สึกว่า...
    เธอเข้าใจความหมายที่ฉันพูดออกไป



    *************** 

    'แกร้ง แกร้ง


    เสียงของเครื่องมือทางการแพทย์กลิ้งไปมาอยู่บนถาดเล็กๆ
    ก่อนที่โลหะมีคมชิ้นหนึ่งจะถูกหยิบขึ้นมา


    คุณหมอควอนเคยใจเต้นเวลาที่ได้เจอใครสักคนไหมคะ?”

    คุณหมอเจ้าของผิวคล้ำ ก้มลงใช้แท่งโลหะนั้น จิ้มไปตามร่างฉันเบาๆ
    ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับฉัน


    หื้อ?... วันนี้มาแปลกแฮะ ...ไปแอบชอบใครมาหรือเปล่าเนี้ย?”

    คุณหมอควอน จิ้มโลหะนั้นแรงขึ้น ก่อนจะมองหน้าฉัน เหมือนกำลังถามว่ารู้สึกอะไรมั้ย?
    และก็เป็นแบบเดิมทุกครั้งที่ฉันจะส่ายหน้า แม้จะให้เจ้าโลหะนั้นมันแทงทะลุจนเป็นแผล 
    ฉันก็ไม่เคยรู้สึกถึงมันหรอกนะคุณหมอก็ขยันจิ้ม ขยันถามทุกวันจริงๆ


    ใจเต้นแปลว่าชอบเหรอ?”

    ฉันเองก็ขอถามคุณหมอกลับบ้างละกันนะ



    คิๆ ก็คงงั้นมั้ง อยากเจอหน้าใครคนนั้นตลอดเวลา
    แม้แต่ตอนหลับก็ยังเก็บไปฝันใช่ไหมล่ะ?”


    คุณหมอควอนรู้ได้ไงน่ะ?”

    ว้าว.... คุณหมอควอนนี้เก่งไปทุกเรื่องจริงๆเลย


    ฮาๆ เขาเรียกว่า...ความรัก...รู้ไหม?”


    ความรัก? ……….มันเป็นยังไงน่ะ?”

    .

    .

    ฉันหยุดคิด.... มันเป็นคำที่เคยได้ยินบ่อยก็จริง โดยเฉพาะโปสเตอร์ให้กำลังใจภายในโรงพยาบาล
    หรือในหนังรักเรื่องไหนๆ 


    ความรัก............ ฉันเคยเห็นมัน ฉันเคยได้ยินมัน แต่ฉันไม่เคยรู้จักกับมันเลย...

    .

    .


    อื้อ..... จะเล่าให้ฟังก็ได้.....ตอนนั้นที่ฉันได้เจอเธอคนนั้นครั้งแรกเลยน่ะนะ....

    คุณหมอควอนวางอุปกรณ์ของเขาลงสักที ก่อนจะนั่งพักอย่างสบายๆลงบนเก้าอี้ของเขา

    ใบหน้าของเขาเริ่มมีรอยยิ้มขึ้น ก่อนที่ดวงตาจะเป็นประกายและดูจะล่องลอยไปไกล



    ตอนที่ฉันเห็นหน้าเธอครั้งแรก
    มันเหมือนกับเวลาที่หมุนวนหยุดลงชั่วขณะ.....

    .

    .


    และฉันเพิ่งมาเข้าใจตอนหลังว่า...

    .

    .

    เวลาน่ะมันไม่ได้หยุดหมุนหรอก แต่เป็นเพราะเรา....
    จดจำทุกรายละเอียดในเสี้ยววินาทีนั้นได้อย่างชัดเจนต่างหากล่ะ”



    ว้าว..... ลึกซึ้งที่สุดเลย
    เหมือนภาพช้าในหนังเลยนะ แต่ที่จริงเวลามันก็คงเดินของมันสินะ


    "ต่อสิคะ..."
    จะอะไรซะอีก คุณหมอคอวนเล่นนั่งยิ้มตาลอยอยู่คนเดียว
    นี้ไม่ใช่เวลาแล้วที่หยุด แต่เป็นความทรงจำของคุณหมอควอนที่กำลังหยุดอยู่ในช่วงเวลานั้นสินะ


    "อ่อ... จากนั้นเธอก็หายไปเลยอ่ะ... ยังไม่ทันถามชื่อด้วยซ้ำ"
    จบประโยคแล้วก็หันมาขีดเขียนอะไรในกระดานผู้ป่วยต่อ



    อ่าว??????? แล้วคุณหมอควอนทำไงต่อ

    เออ.... คุณหมอนี้ก็เล่าง่ายจังเนอะ!!



    ก็ตามหาสิ ฉันตามหาเธอเป็นปีเลยเชื่อไหม?”


    นานขนาดนั้นเชียว
    คนเรานี้ก็เว่อร์



    คนเราน่ะ ถ้าคิดจะทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จ
    หากตั้งเป้าหมายไว้ แต่ไม่ได้ให้ความหวังกับมัน
    ก็อย่าคิดจะที่จะเริ่มเลยดีกว่า ตอนนั้นฉันไม่รู้แม้แต่ชื่อของเธอด้วยซ้ำไป



    ว้าว....

    มันดูวิเศษขึ้นมาทันทีเลยล่ะ ทำเอาฉันต้องตั้งใจฟังเลยทีเดียว
    คุณหมอควอนหัวเราะกับท่าทางของฉัน ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วลูบหัวฉันเบาๆ



    ฮาๆ ใช่แล้วล่ะ กำลังใจและความหวังเป็นสิ่งที่สำคัญต่อผู้ป่วยและคนไข้ด้วยนะ
    เธอก็เหมือนกัน หวังว่าใครคนนั้นของเธอจะเป็นทั้งกำลังใจและความหวังให้เธอยิ้มได้เหมือนทุกวันตลอดไปเลยนะ


    ********************** 


    เสียงดนตรี และแสงไฟที่น่าหลงใหลมันทำให้ฉันรู้สึกเป็นอิสระจากทุกสิ่งทุกอย่าง
    จังหวะกลองเต้นรัวกำลังปลุกเร้าให้หัวใจเต้นตาม 
    เสียงเพลงที่ขับเคลื่อนไปด้วยพลังของฝูงชน ทำให้ที่แห่งนี้ราวกับลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ

    เมื่อทุกอย่างค่อยๆไต่ระดับลง เสียงเพลงและเสียงของฝูงชนค่อยๆจางหาย
    นั้นทำให้ฉันรู้สึกราวกับตกสู่เบื้องลึก มันช่างน่าตื่นเต้นจนใจสั่น
    ฉันวิ่งกลับไปที่ห้องพักเมื่อรู้ตัวว่ายืนมองบรรดาฝูงคนดูมานานจนพอใจแล้ว
    เสียงดนตรีจากวงต่อไปยังคงเล่นอย่างร้อนแรง พอๆกับ....ภาพที่เห็นตรงหน้า

    ร่างของหญิงสาวผมยาวเอนลงนอนกับพื้นห้องพัก
    แสงไฟสีแดงที่สาดส่องเข้ามาถูกใช้แทนแสงไฟในห้องมืดได้เป็นอย่างดี
    เสียงบีทที่เร้าใจช่วยเร่งอารมณ์ให้การควบคุมลมหายใจของสาวน้อยบนพื้นเป็นไปอย่างหนักหน่วง
    ร่างของอีกคนขยับเข้ามาปกคลุมด้านบนไว้ แม้จะเห็นเป็นเพียงเงาตะคุ้ม
    แต่ก็พอจะดูออกว่าคนด้านบนนั้นผมสั้นกว่า
    ใบหน้าค่อยๆเอนลงจนเกือบประชิดริมฝีปากของกันและกัน 
    แต่แล้วก็กลับถูกดึงกลับจนคนข้างล่างต้องเงยหน้าตามอย่างโหยหา


    ฉัน...รัก...เธอ.... ซอฮยอน.......


    สิ้นเสียงที่คุ้นหู ใบหน้าของทั้งสองก็แนบชิดติดกันในทันที
    ไม่ต้องเดาให้นานเพราะแทยอนจำเสียงของยุนอาได้แม่นยำนัก
    หัวใจของฉันกำลังเต้นรัวกับการกอดรัดที่ร้อนแรงข้างหน้า
    แขนเกี่ยวกระหวัดอย่างไม่มีใครยอมใคร
    แสงสีแดงสดมันคอยส่องวาบเป็นช่วงๆราวกับกำลังหยอกล้อกับปลายลิ้นที่พัวพัน
    ก่อนที่จะได้เห็นอะไรเกินเลยไปกว่านี้แทยอนถอยกลับออกมา


    โอ๊ะ!
    หลังน้อยๆชนเข้ากับคนร่างสูงอีกคน


    เห็นภาพที่ไม่ควรเห็นซะแล้วสินะ เจ้าเตี้ย ไปได้แล้ว เจ้าของแกรออยู่ข้างนอกน่ะ

    ฉันยืนมองคนตัวโย่งที่ชอบเรียกปมด้อยของฉันตาปริบๆ



    ซูยองมันหมายถึงฟานี่น่ะ

    อดไม่ได้ที่อีกคนจะต้องส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนที่จะแปลความหมายให้ฟัง
    ฉันรีบพยักหน้าทำความเข้าใจแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว


    เห้อ ~ จริงๆเลยนะไอ้พวกนี้ ปิดห้องสักนิดก็ไม่มี
    วัยรุ่นใจร้อนก็งี้ล่ะ ไปหาอะไรกระแทกปากกันบ้างดีกว่า

    ซูยองผู้ใจดีเดินไปปิดประตูห้องเล็กๆนั้นก่อนจะกอดคอกับฮโยยอนออกไป


    เว้ยยยย ใครปิดประตูฟะ แสงกำลังได้ฟิล ป้าดดดด ซอฮยอน เดี๋ยวขออีกรอบนะจ้ะ...
    ไม่เอาพี่ยุน พี่จะให้เราจูบกันบนเวทีจริงๆเหรอ?”


    ไอ้หยอง.... เด็กนี้มันแสบนะ ทำเป็นหลอกน้องว่าซ้อมการแสดงบนเวที
    ที่แท้ก็ฉวยโอกาสดีๆนี้เอง

    หลังจากที่พูดเข้าขากันเป็นลูกคู่แล้วก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง
    เห้อ~ คนสองคนกอดคอกันเดินออกไปอย่างหนักใจจริงๆ

    ************************

    ขอบคุณฟานี่มากเลยนะที่มาส่ง

    ไม่เป็นไรหรอก เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว

    ฉันหยุดมองหน้าเธอ ไม่สิ เราหยุดมองหน้ากัน



    อื้อ........

    จู่ๆที่หน้าแดงระเรื่ออย่างไม่มีสาเหตุจนต้องก้มหน้าลงแล้วตอบอะไรที่มันซื่อบื้อออกมา

    .

    .


    งั้นไปแล้วนะ

    อ้ะ! เดี๋ยวก่อนสิฟานี่....

    ซื่อบื้อจริงๆด้วย ปล่อยเธอไปง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน?

    .

    .

    มีอะไรเหรอ?”

    ถึงจะเรียกเธอไว้ก็เถอะ แต่มันก็คิดเรื่องที่จะรั้งให้เธออยู่ต่ออีกสักพักไม่ออกจริงๆ



    คือ....ฟานี่ยังอยากให้ฉันสอนกีต้าร์อยู่ไหม?”

    .

    .

    อยากสิ....


    อยากเหรอ?.....ยิ้มมมมมมมมมมมมม



    ฉันน่ะ..... ฉันสอนให้ฟานี่ตอนนี้เลยก็ได้นะ


    “..................”
    พูดอะไรไปเนี่ยเรา..........



    เออ.....ถ้าฟานี่ไม่รีบกลับ

    ไม่ใช่ฉันไม่รีบกลับ แต่แทแทไม่กลัวซันนี่ดุเอาเหรอ?”

    ฉันบิดตัวไปมา ก่อนที่จะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู


    อ่า......ไม่เป็นไรหรอก เพิ่ง 4 ทุ่มเอง ซันนี่ยังไม่ละเมอตอนนี้หรอก

    โธ่เอ้ย...ยัยนั้นน่ะเหรอ ขนาดถีบตกเตียงก็ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ



    คิกๆๆๆ ได้สิ ฉันยังอยากให้แทแทสอนอยู่นะ

    เธอคงหัวเราะในท่าทีที่ดูดีใจเกินเหตุของฉันสินะ มันน่าอายพิลึกเลยทีเดียว

    .............................
    ..............


    นิ้วเรียวไล่ไปตามคำพูดของฉัน เธอทำตามทุกอย่างที่ฉันบอกได้อย่างคล่องแคล่ว
    แม้มันจะดูเร่งรัดจนจริงจังไปหน่อย แต่เธอก็จำมันได้หมดเพียงไม่นาน


    เมื่อกี้คือ คอร์ด C นะ จำได้ไหม? แล้วนี้คือ A ไมเนอร์
    เดี๋ยวจะสอนคอร์ด G ให้ละกัน


    ดีดขึ้นลงเป็นจังหวะอย่างนี้นะ ......


    อื้อ...ก็จะได้เพลงหนึ่งแล้วนะ เดี๋ยวเล่นให้ฟัง


    ฉันขอกีต้าร์ตัวน้อยกลับจากมือของเธอ จากนั้นจึงเริ่มดีดสายของมันไปตามอารมณ์ที่รู้สึก
    ฉากรอบข้างคือตึกสูงที่แต่งแต้มด้วยแสงไฟ มีหญิงสาวสองคนนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ข้างสถานีรถไฟ

    เธอกำลังฟังเสียงดนตรีที่เคล้าคลอไปด้วยบรรยากาศเย็นๆกับฉัน
    การมีใครสักคนอยู่ข้างๆแบบนี้ มันก็ดีกว่าทุกวันที่มานั่งเล่นคนเดียวเหมือนกัน 

    บางคนบอกว่าจะกลับมาดู แต่ก็ไม่ได้กลับมาอีก
    บางคนบอกว่าจะฟังจนจบ แต่แล้วสุดท้ายก็เดินจากไป 

    แต่เธออยู่ตรงนี้ข้างๆฉัน ฟังฉันจนจบเพลง 
    เสียงดนตรีหยุดลง กีต้าร์ตัวน้อยถูกวางไว้ข้างกาย


    ไม่สอนแล้วเหรอ?”

    พักก่อน ค่อยๆสอน ไม่รีบ


    เรายิ้มให้กันอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะเอื้อมมือไปขอเจ้าสุนัขขนปุยสีขาวมาจากมือเธอ
    ว้า.... ฉันลืมเล่าไปว่าฉันพามันมาด้วย เพราะฟานี่คิดถึงมันเหลือเกิน 
    ฉันลูบมันอยู่สักพัก ปล่อยให้เสียงเครื่องจักรอย่างรถไฟเป็นฉากหลังของความหวั่นไหวยามค่ำคืน

    เสียงสูดหายใจลึกๆของเธอดังขึ้นข้างกาย สายตาของฉันแอบเหลือบมองอย่างกล้าๆกลัวๆ
    ขนตาที่แพรยาวยามปิดลงยิ่งขับให้ใบหน้าหวานละมุนออกมากระทบแสงจันท์ที่สาดส่อง
    กำลังสะกดให้ตัวของฉันหลุดลอยไป ริมฝีปากชุ่มฉ่ำจนน่าลิ้มลองทำให้ฉันคล้อยตามเข้าใกล้อย่างช้าๆ

    .

    .


    ..........'ชุบ'...........

    .

    .


    สัมผัสแล้ว รู้สึกแล้ว ความนุ่มนวลของมัน เป็นดังภาพที่เห็นจริงๆ ไม่สิมันยิ่งกว่าซะอีก

    .

    .

    แทยอน..... ทำอะไรน่ะ

    ใบหน้าของฉันและเธอแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด 
    ฉันรีบขยับตัวออกห่างเมื่อรู้ว่าเพิ่งทำอะไรลงไป
    สายตาผลุบต่ำลงราวกับทำผิดนักหนา


    เมื่อวานฉันเห็นยุนอาทำอย่างนี้กับซอฮยอน...

    น้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ ถูกใช้ในตอนนี้



    รู้ไหมว่ามันคืออะไร?”

    เธอเอ่ยคำสนทนากับฉันที่ไม่กล้ามองหน้าเธอ ความรู้สึกร้อนๆบนใบหน้าตอนนี้ 
    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหน้าฉันกำลังแดงแค่ไหน



    อื้อ! ….ได้ยินยุนอาบอกว่า...รัก...ก่อนทำด้วยล่ะ

    แค่นั้นจริงๆ กับคำโง่ๆ ที่พูดออกไปตอนนี้ สมองหยุดประมวลผลไปนานแล้ว
    สิ่งที่พูดมันเลยออกจากใจล้วนๆ



    แล้ว......รู้ความหมายของคำว่ารักไหม?”

    เสียงของฟานี่ดูขัดเขินเล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่กล้าพอแอบมองสักนิด


    รู้สิ..... คุณหมอควอนบอกว่ามันเป็นเหตุผลที่ทำให้ใจเต้น

    .

    .

    แล้ว.......




    มันคือความรักใช่ไหม? ที่คุณหมอควอนบอกไว้........




    “.........”

    “.........”



    เออ.... ฉันว่านี้ก็ดึกแล้วกลับบ้านกันเถอะนะ

    นี้มันขี้ขลาดจริงๆแค่คำๆเดียวยังพูดไม่ได้ แย่จัง
    ก่อนจะโบกมือลาเธอจากไป ทำไมต้องวิ่งหนีด้วยก็ไม่รู้
    ฉันจัดแจงเก็บกีต้าร์ตัวเดียวเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว



    "แทยอน..."

    เธอเรียกชื่อฉันอีกครั้ง ฉันหันกลับมามองเธอ
    พวกเรามองหน้ากันโดยมีรางรถไฟเป็นฉากกั้นเพียงไม่กี่ก้าว


    ไม่เอาแทงกูกลับไปด้วยเหรอ?”

    ฉันลืมเจ้าตัวดีได้ไงเนี้ย ฉันมองหน้าเธออีกครั้ง...
    เสียงรถไฟเข้าใกล้ขึ้นทุกที แต่ที่กั้นก็ยังไม่ถูกปิดลงมา
    ฉันตัดสินใจวิ่งเข้าไปใกล้ที่สุดแล้วตะโกนมันออกไปทีเดียว



    ฉันรักเธอ!!!!



    เวลาหยุดหมุน มันหยุดหมุนจริงๆด้วย
    แม้จะไม่ใช่เวลาเดียวกับที่คุณหมอควอนบอกก็เถอะ แต่มันก็หยุดหมุนแล้วจริงๆ

    .

    .



    แทงกู!!


    เสียงฟานี่หลุดร้องออกมา เมื่อเจ้าหมาน้อยตัวดีดิ้นจนหลุดจากตักไป
    แถมยังทะเล่อทะล่าวิ่งเข้าใกล้รางรถไฟอีกต่างหาก







    ******************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×