ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อภินิหารธิดาเทพ

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 ผู้ชาย(100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.29K
      10
      31 มี.ค. 59

    ตอนที่    7

    ผู้ชาย

    เสือหิมะ  ตัวนั้นคือ  เทพพยัคฆ์!!!   ความจริงข้อนี้ ทำให้  จิ่นเกอ  อดตกใจเล็กๆไม่ได้  น้อยคนนักที่จะได้พบเจอ เทพพยัคฆ์  เพราะขึ้นชื่อเรื่องการเก็บตัว  เงียบขรึม และเย็นชาเป็นที่สุด และตอนนี้  บุรุษดวงตาสีทองภายใต้ชุดสีขาวกำลังจ้องมองเขาอย่างเอาเรื่อง...

                แท้จริงแล้ว  จิ่นเกอ  มิรู้เลยว่าเทพพยัคฆ์ตนนี้ได้กลายเป็น องครักษ์ของหลิงชิ่งไปเสียแล้วหรือที่หลิงชิ่งเรียกว่า  ไป๋เฟิ่ง

    “อย่ายุ่งกับนาง”  เสียงนุ่มทุ่มลึกชวนฝันกล่าวอย่างเย็นชา

    “หึๆ นึกว่าเรื่องอันใดที่ทำให้ท่านต้อง ปรากฏกายต่อหน้าข้า  แล้วหากข้ามิทำเล่า!?”  เสียงของ  จิ่นเกอยังคงความเคียดแค้นและเย้ยหยันในน้ำเสียงได้เป็นอย่างดี

    “เรื่องของเจ้า”   ว่าจบเทพพยัคฆ์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

    “ฮ่าๆๆ  หลิงชิ่งเจ้าช่างน่าสนใจจริงๆ น่าสนใจจริงๆ”  จิ่นเกอหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แผ่รังสีอำมะหิด ไปรอบๆ สัตว์น้อยใหญ่ภายในป่าต่างถอยออกมาด้วยความหวาดกลัว
     

     

    อีกฝั่งหนึ่งของเมืองหลวง

     

    จวนท่านอ๋องหก  เฉินหยางเหวิน

    บุรุษใบหน้าคมคาย ในชุดสีน้ำเงิน กำลังตรวจตราเอกสารรายงาน เพื่อที่จะส่งให้กับฮ้องเต้ด้วยความเคร่งเครียด  ตัวเขานั้นคือ อ๋องผู้สูงศักดิ์ ด้วยวัยเพียง  24  ปี ผู้คนต่างหวาดกลัวด้วยอำนาจบารมีของเขา  เขาคือน้องแท้ๆของฮ้องเต้องค์ปัจจุบัน  ซึ่งเป็นที่รักและไว้วางใจเป็นอย่างมาก

    “ท่านอ๋องขอรับ”  เสียงของมู่หลง  ส่งเสียงเรียกอย่างสุภาพเขามีเรื่องมารายงาน

    “เป็นเช่นไรบ้าง?”  บุรุษสูงศักดิ์ถาม แต่ยังไม่เงยหน้าออกจากกองเอกสาร

    “คือว่า...  หลังจากที่นางหนีจาก คุณชายเย่วซือเสียนได้  นางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยขอรับ”  มู่หลงว่าพลางเหงื่อตก  นางหายไปได้อย่างไรเขาก็ไม่อาจทราบได้ตามหน้านางจนทั่วแล้วก็มิพบ

    “อะไรนะ...”  ท่านอ๋องกล่าวออกมาเสียงเบา  น้ำเสียงเจือปนความเศร้า  เขาปล่อยให้นางหลุดมือไปเสียแล้ว  เขาปล่อยให้นางคลาดสายตาแบบนี้ไม่ได้

    “เรียนท่านอ๋อง”  เสียงของอี้ชุนที่เพิ่งกลับเข้ามาในจวนได้รีบมากล่าวรายงานกับท่านอ๋องทันที

    “ข้าน้อยสืบทราบมาได้ว่า  แม่นางชื่อ หลิงชิ่ง  ขอรับ  นำพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง  นางเพิ่งมาจากหมู่บ้านที่อยู่ระหว่างเมืองหลวงกับชายแดนขอรับ”  อี้ชุนรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว

     “ข้าเข้าใจแล้ว”  ดวงตาของร่างสูงมีประกายไหววูบราวกับว่ามันคือประกายแห่งความหวัง  “...จับตาดูนางให้ดี”

    “ขอรับ”  คนสนิททั้งสองขานรับและล้าถอยกลับไป

     

     



    ทางด้านหลิงชิ่ง

     

    หลังจากที่กลับมาเมื่อคืนนี้ อินอิน ก็ขอสั่งข้ามไม่ให้เธอออกนอกโรงเตี๊ยมชั่วคราว  พร้อมทั้งร่ายมนต์คุ้มครองโรงเตี๊ยมไว้มิได้วิญญาณใดๆเข้ามาได้  และอินอิน อันอัน  ก็ขอตัวไปหาท่านเทพเซียนเพื่อ เพิ่มพลังเวทย์กับตนเองเพื่อทำการคุ้มครองเธอต่อไป  ดูท่าเรื่องคงยุ่งยากกว่าเดิมแน่นอน  เมื่อเจ้าจิ่นเกอ รับรู้ถึงตัวตนและภารกิจของเธอ   โอ้ยยย...   อยู่แต่ห้องเบื่อชะมัด!

     

    หลิงชิ่งกินๆนอนๆ อยู่ในห้องก็รู้สึกเบื่อ จึงลงมาอะไรทำด้านล่างของโรงเตี๊ยมแทน  เธอมองซ้ายมองขวาเห็นกลุ่มผู้เฒ่ากำลังเล่นไพ่นกกระจอกอยู่ เธอจึงเข้าไปขอเล่นด้วยถึงเธอจะเล่นไม่เก่งแต่ก็ถือว่าพอใช้ได้

    “ท่านตาเจ้าค่า  ข้าขอเล่นกับพวกท่านด้วยได้รึไม่?”  หลิงชิ่ง  ลองถามด้วยน้ำเสียงหวานปนออดอ้อน

    “นังหนูเจ้าเล่นเป็นรึ?”  หนึ่งกลุ่มผู้เฒ่าถามอย่างใจดี

    “ก็พอได้เจ้าค่ะ  แต่อย่างไรก็ขอให้ท่านตาโปรดชี้แนะด้วยนะเจ้าคะ” 

    หลังจากนั้นหลิงชิ่งก็เล่นไพ่นกกระจอกไปเหล่าท่านผู้เฒ่าอย่างสนุกสนาน แพ้บ้างชนะบ้าง  ทำให้ทุกคนหัวเราะมีความสุข  จนเวลาล่วงเลยพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินอีกคร่า  เธอก็ได้ยินเสียง  อันอัน  เรียกขึ้นในหัว

    พี่สาวเจ้าค่ะ  พวกข้ากลับมาแล้วเจ้าคะ

    จ๊ะ  ข้ากำลังขึ้นไป

    หลิงชิ่งบอกลาเหล่าผู้เฒ่า  ไม่ลืมที่จะนำซาลาเปาขึ้นไปฝากสองแฝดอีกด้วย  เมื่อมาถึงห้องเธอก็เห็น อินอิน กับอันอัน นั่งรออยู่ก่อนแล้วจึงยื่นขนมให้สองแฝดทานอย่างเอร็ดอร่อย

    “เป็นอย่างไรบ้าง  ท่านเทพเซียนว่าอย่างไรบ้าง?” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อเห็นว่า ซาลาเปาในจานใกล้จะหมดแล้ว

    “ท่านบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าคะ  ท่านจะหาทางช่วยเอง”  อันอันตอบ

    “พวกเราไปเพิ่มพลังเวทย์มามากพอสมควรเลยเจ้าคะ  ต่อจากนี้พวกเราจะสู้ตายเจ้าค่ะ” อินอินตอบเสริม

    “ดีแล้ว  อ่อ..  ข้ามีเรื่องให้พวกเจ้าช่วย  ข้าอยากให้พวกเจ้าไปลอบดูที่จวนท่านแม่ทัพดูสิว่ามีอะไรผิดปกติรึไม่ และดูอาการของฮูหยินด้วยท้องปกติดีรึไม่  หากำหนดคลอดมาด้วยจะดีมาก”

    “เจ้าค่ะ”  ทั้งสองรับคำและหายไปอย่างรวดเร็ว

    จากการที่เธอคำนวณไว้อีกไม่ 2 อาทิตย์ จวนของท่านแม่ทัพจะใหญ่กำเนิดบุตรชาย ซึ่งตรงกับวันประสูติขององค์รัชทายาท  ซึ่งจะกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในอานาคต กลายเป็นเพื่อนสนิทขององค์รัชทายาทด้วยเพราะอายุห่างกันไปกี่ปี และสามารถช่วยองค์รัชทายาทปราบกบฎเพื่อขึ้นครองราชย์ต่อไป  ถ้าหาไม่มีบุคคลสำคัญเช่นนี้แล้ว  คงเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่อย่างแน่นอน...

    เช้าวันรุ่นขึ้น  อินอินอันอัน  กลับมาจากไปสืบข่าวให้เธอ  โดยได้ข้อมูลมาว่า จวนของท่านแม่ทัพปกติดีทุกอย่าง  กำหนดคลอดที่ท่านหมอบอกมาก็คือ อีก 3  อาทิตย์  ซึ่งไม่ตรงกับวันประสูติขององค์รัชทายาท  คลอดก่อนกำหนดงั้นหรอ?  ยังไงเธอก็จะประมาทมิได้  เธอสั่งให้อินอิน  แวะเวียนไปสังเกตการณ์รอบจวนแม่ทัพบ่อยๆ

     

     

    วันนี้เธอตัดสินใจเดินเล่นในตลาดอีกรอบ เนื่องจากวันนั้นเธอยังเดินไม่ทั่ว  นึกถึงสาเหตุก็พลันหงุดหงิด เพราะเจ้าโรคจิตนั่นแท้ๆเลย

    “แม่นางน้อย”  เสียงบุรุษร่างเริงแจ่มใส ตะโกนเรียกเธอ พร้อมยิ้มตาหยี เดินตรงเข้ามาหาเธอ

    ให้ตายเหอะพูดถึงผี ผีก็มา

    “เจ้า!!  เธอทำได้เพียงชี้หน้าเขาอย่างรำคาญ

    “จริงสิ  ข้าลืมแนะนำตัว  ข้าชื่อ เย่วสือเซียน  บุตรชายคนรองของจวนเจ้ากรมการคลัง  แล้วแม่นาง...”  เขาแนะนำตัวพร้องรอยยิ้มสดใส 

    “......”   หลิงชิ่ง ตัดสินใจเงียบไม่ตอบ  จะหลอกถามชื่อเธอเรอะ  ฝันไปเถอะ!!

    “แม่นางน้อยหลิงชิ่ง...  หากเจ้าไม่ตอบก็มิเป็นไร”  เขาพูดพร้อมคลี่พัดในมือขึ้นมาโบกอย่างผู้ถือชัย พลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  แสงแดดอ่อนๆยามบ่ายคล้อยส่องกระทบหน้าเกิดประกายวิบวับ ทำให้ สาวๆแถวนั้นต่างเป็นลมกันเป็นแถวๆ

    ยกเว้นหลิงชิ่งที่ตอนนี้ นิ้วของเธอกำลังชี้หน้าของเขาไว้  ปากก็อ่ากว้างอย่างตกใจ  ที่แท้ก็รู้อยู่แล้ว  เธอไม่รู้จะต่อว่าเขาอย่างไรดี

    “ปิดปากเสียเถิดแม่นางน้อย  ระวังแมลงจะปิดเข้าไป ฮ่าๆๆๆ”  เสียงหยอกเย้าอย่างอารมณ์ดีทำให้เธอหน้าแดงเป็นพลัน  แต่มิใช่เพราะความเขินอาย  เพราะความโกธรต่างหากเล่า!!  หลิงชิ่งเก็บมือปิดปาด และสะบัดหน้าเดินจากไป

    สือเซียน เห็นดังนั้นจึงรีบเดินตาม  พร้อมที่จะง้อนางอย่างเต็มที่

    “โธ่ๆ แม่นางน้อย  อย่าโกธรข้าเลยเจ้าพึ่งมาถึงเมืองหลวง เช่นนี้ข้าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารเลิศรสแก่เจ้าเองดีหรือไม่”  ชายหนุ่มส่งเสียงง้อเพื่อเรียกความสนใจจากร่างบางที่กำลังเดินชมสินค้าต่างๆ  ราวกับเขาเป็นธาตุอากาศมามากว่า  2  เค่อแล้ว(1 เค่อ คือ 15  นาที)

    “ก็ได้ งั้นเจ้าพาข้าไปสิคุณชาย”  ร่างบางหันมาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย  หากเขามีตังค์เยอะน่ะ  เธอจะใช้มันเอง

     

    โรงเตี๊ยมขนาดใหญ่หรูหราอลังการ อยู่บริเวรริมแม่น้ำ  บรรยากาศร่มรื่น  ดูท่าคงจะรับเฉพาะลูกค้ากระเป๋าหนักทั้งนั้น  แต่ละคนต่างแต่งชุดด้วยผ้าไหมชั้นดี  เครื่องประดับเต็มตัว  ทำให้หลิงชิ่งดูด้อยลงไปถนัดตา  เหมือนกับสาวใช้ที่ติดตามคุณชายมาเท่านั้น

    ซือเสียน เดินนำเธอขึ้นมายังชั้นสองของโรงเตี๊ยมซึ่งเป็นห้องทานอาหารที่บรรยากาศดีมากๆ มีทางเดินไปสู้ระเบียงซึ่งใช้ในการชมทิวทัศน์ริมแม่น้ำ  สายลมพักเรื่อยๆเข้ามากระทบใบหน้าของเธอทำให้เธอรู้สึกดี  ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

    “แม่นางน้อย  ชอบที่นี้หรือไม่” เสียงบุรุษที่มักจะขี้เล่นกลับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน  แววตาที่เขามองนางช่างลึกซึ้ง

    “ข้าชอบ  สวยดี”  หลิงชิ่งตอบอย่างเหม่อลอย

    “เช่นนั้นข้าจักพาเจ้ามาบ่อยๆดีหรือไม่”  ร่างหนาถามต่ออย่างดีใจเมื่อเห็นนางชอบ

    “ดะ...ไม่!  ไม่ได้!  เฮ้อ... เกือบคล้อยตามเขาไปแล้วไม่ล่ะ

    “เจ้ายังมิไว้ใจข้าอีกรึ”  ร่างหนาถามอย่างอ่อนโยน

    “ใช่”  เสียงเล็กตอบอย่างรวดเร็ว  ทำให้นัยน์ตาของร่างหนาไหววูบเล็กน้อย  ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นร่างเริงอย่างเช่นปกติ

    “เช่นนั้นก็ทานเสียเถิดแม่นางน้อย”  หลิงชิ่งยังคงมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้วางใจ  เขาคงไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆลงไปในอาหารใช่รึไม่

    ราวกลับร่างสูงอ่านใจเธอออก เขาหัวเราะอย่างสนุกสนานและนำเธอกินเพื่อให้เธอดูว่าเขามิได้ใส่อะไรลงไปจริงๆ

    หลังจากอาหารตรงหน้า  พร่องไปเกือบหมด  จากการคุยไปกินไป  ทำให้เธอไว้วางใจเขามากขึ้น  ทั้งสองต่างแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันสนุกสนาน  ฝ่าย  ซือเสียนที่ไม่พบเจอสตรีเฉกเช่นนางมาก่อนทำให้เข้านึกสนุกไม่น้อย นางไม่เหมือนหญิงสาวทั่วไปที่มั่วแต่เนียมอายเมื่อคุยกับบุรุษ  หรือจะกระโจนใส่เขาทันทีด้วยแรงเสน่หา  นางราวกลับมีพลังดึงดูดบางอย่างยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอยากรู้จัก  อยู่กับนางแล้วเขามีความสุขรู้สึกสนุกจริงๆ

    ตัวหลิงชิ่งเองเมื่อได้มีเพื่อนคุยนางก็นึกสนุกไม่น้อย  ได้มีเพื่อนแลกเปลี่ยนความคิดตั้งแต่นางมาจุติที่นี้ ก็ยังไม่มีเพื่อนจริงๆจังๆสักคนทำให้นางรู้สึกผ่อนคลาย  ฟังเรื่องต่างๆที่เขาเล่าเกี่ยวกับที่นี้อย่างสนุกสนาน 

    ทั้งสองคุยกันถูกปากถูกคอ ต่างนับถือกันเป็นมิตรสหาย  ซือเสียนบอกกับนางว่าหากต้องการความช่วยเหลือใดๆให้มาหาเขาที่จวนได้  เขายินดีจะช่วยนางทุกเรื่อง

    จนเวลาล่วงเลย  รอบข้างเริ่มจะมืดทำให้นางนึกถึง จิ่นเกอ ขึ้นมาทันใด  ไม่ได้การ!  นางต้องกลับโรงเตี๊ยมแล้ว!!

    “เวลาล่วงเลยมาแล้ว  เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”  เธอกล่าวอย่างสุภาพกับสหายของเธอ

    “ข้าจะไปส่งเจ้าเองสหาย”  ร่างสูงตอบอย่างรวดเร็ว  ค่ำคืนมืดมิดและอันตรายเขาจะไปส่งนางเอง

    “ขอบใจเจ้ามาก  ข้าไปเองจะเร็วกว่า  ลาก่อน” เธอยิ้มเบาบางให้อีกฝ่ายพร้อมรีบเดินออกมาจากโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว ภายในใจก็สั่งให้ อันอัน  พาเธอหายตัวกลับห้องทันทีเมื่อผ่านต้นไม้ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรเธอจะไม่อยู่รอปะทะกับ  จิ่นเกอ เป็นอันขาด

    ซือเสียน รีบเดินตาม  หลิงชิ่งออกมาจากโรงเตี๊ยมไม่ทันเสียแล้ว  นางหายไปแล้ว  รวดเร็วเสียจริง!

    -----------------------------------------
     

    มาแล้วจ้าาาาาา
    ไรท์ไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อตอนว่าไงดี5555
    และแล้วบุรุษผู้ลึกลับในชุดน้ำเงินของเราก็เผยตัวแว้ววว
    และ ไป๋เฟิ่งน้อยของเรา ก็ไม่ได้ตัวน้อยอีกต่อไปแล้ว??5555

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×