ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] สำนักงานกบฏชิปเปอร์แห่ง GOT7 #สนงกบฏ

    ลำดับตอนที่ #2 : [YugMark] Supermoon พารท์จบ [Rewrite]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.01K
      18
      23 ม.ค. 58





    ผมลุกขึ้นเดินไปที่เตียง สายตายังคงมองคงมองร่างที่นั่งอยู่ตรงหน้า แสงจันทร์จากหน้าต่างบานใหญ่สาดลงมาให้เห็นผิวกายขาวจัดตัดกับริมฝีปากและดวงตาสีชาด ตามคอมีร่องรอยที่ผมเป็นคนทำเอาไว้ มองไล่มาตามไหล่บาง ท่อนแขนเล็ก เอวคอด เรื่อยมาจนถึงเรียวขาขาวที่เหยียดยาวอยู่ หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เลือดในกายสูบฉีด มาร์คฮยองในตอนนี้ดูยั่วยวนกว่าตอนปกติอีกหลายเท่า

    “พวกนั้นมักจะก้าวร้าว ฉุนเฉียว อารมณ์ร้อน ป่าเถื่อน อยู่แต่กับพวกตัวเอง แต่นายไม่ใช่ ฉันไม่เคยเอะใจเลยว่านายจะเป็นพวกนั้น” เสียงทุ้มกังวานที่ตอนนี้เย็นเยียบเอ่ย

    ผมไม่รู้ว่ามนุษย์หมาป่าโดยทั่วไปเป็นยังไง ผมไม่ได้อยู่ในฝูง ไม่มีเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่เป็นเหมือนกัน อุบัติเหตุบางอย่างที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ทราบสาเหตุคร่าชีวิตพ่อแม่ของผมไป นั่นทำให้ผมต้องใช้ชีวิตตัวคนเดียว

    “ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้มาเจอแวมไพร์ โดยเฉพาะแวมไพร์ที่อยู่ใกล้ตัวขนาดนี้”

    ผมวางเข่าลงบนเตียง กางเล็บแหลมคมก่อนจะกำเข้าหากันแล้วปล่อย

    “อย่าเข้ามา”

    คำสั่งเสียงต่ำจากแวมไพร์ไม่ได้ทำให้ผมหวาดกลัวแต่อย่างใด และภายในพริบตาผมก็พุ่งตัวเข้าไปกดคนตรงหน้าไว้กับเตียง ไม่คิดว่าในเวลาเดียวกันเล็บแหลมคมของอีกฝ่ายจะกดลากมาที่หัวไหล่เหวี่ยงผมร่วงจากเตียงมาอีกฝั่ง ผมที่คราวนี้รู้ตัวใช้ขายันพื้น มือคว้าตะปบร่างแวมไพร์ที่พลิกตัวคว่ำตั้งใจจะหนีก่อนจะปีนกลับไปขึ้นคร่อม กดไหล่ซ้ายคนเบื้องล่างไว้ มืออีกข้างจับแขนขวาล็อคไว้แนบลำตัว

    “ปล่อย!

    แวมไพร์ออกคำสั่งอย่างโกรธเกรี้ยวแต่ผมไม่สน ก้มลงกดจูบลงบนแผ่นหลังเนียนขาว คนด้านล่างสะดุ้งเฮือก พยายามดิ้นรน

    “ไอ้เดรัจฉาน แกก็เห็นว่าฉันเป็นอะไร ปล่อย ก่อนที่ฉันจะฆ่าแก!

    ผมผล่ะริมฝีปากออกเล็กน้อยยังคงให้ปลายจมูกแตะผิวเนียน

    “ที่ฮยองต้องรู้อย่างนึงคือผมมันพวกนอกคอก ผมไม่มีฝูง ไม่มีครอบครัว ผมไม่รู้จักแวมไพร์ ที่รู้จากสายตาของผมตอนนี้มีอย่างเดียวคือแวมไพร์ตรงหน้าผมน่ากินสุดๆเลย” พูดแล้วจูบแรงๆตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยินเสียง

    “แก!

    “โกรธหรอครับ” ถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “ฮยองโกรธที่อยู่ท่านี้แล้วเห็นหน้าผมไม่ชัดสินะ ไม่เป็นไรผมใจดีอยู่แล้ว”

    มือจับพลิกร่างบางให้กลับมานอนหงายแล้วส่งยิ้มให้ ดวงตาสีแดงฉานมองผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

    “ฉันจะฆ่า อุบ”

    ริมฝีปากถูกปิดด้วยจูบของผมก่อนเจ้าตัวจะพูดจบประโยค ผมใช้มือซ้ายกดข้อมือขวามาร์คฮยองไว้กับเตียง ส่วนมือขวาค่อยๆไล้ไปที่หน้าอกคลึงเค้นกระตุ้นจุดไวต่อสัมผัส เล็บแหลมคมจากมือคนข้างใต้ที่ไม่ได้ถูกจับไว้จิกฝังลงบนหลังผมในตอนที่รสจูบรุนแรงขึ้น เลือดสีข้นไหลผ่านตามลงมาตามง่ามนิ้วอย่างกลัว ผมถอนจูบ ไม่ใส่ใจความเจ็บปวดเล็กน้อยนั่น ลากริมฝีปากผ่านแก้มเนียนก่อนจะขบเม้มที่ติ่งหู

    “ฮะ” มาร์คฮยองสะดุ้งเฮือก

    จูบก่อนหน้านี้ทำให้เจ้าตัวเบลอเกินกว่าจะขัดขืน เลือดผมจากไหล่ซ้ายที่บาดเจ็บตอนถูกเหวี่ยงหยดลงบนริมฝีปากแดงสดคนเป็นแวมไพร์ก่อนจะไหลเข้าไปในปาก ดวงตาสีเดียวกับหยดเลือดเบิกโพลง ร่างกายแข็งทื่อก่อนจะคลายพร้อมๆกับดวงตาค่อยๆหรี่ปรือ มือที่จิกลงบนแผ่นหลังผมเปลี่ยนเป็นลากขึ้นแล้วกอดไว้ มืออีกข้างจับแขนผม พยายามดึงตัวเองขึ้นไปที่ไหล่ซึ่งเป็นแหล่งเลือด

    ผมหันมองรุ่นพี่ที่อยู่ในร่างแวมไพร์ซึ่งตอนนี้กำลังใช้ลิ้นเลียเลือดบนหัวไหล่ผมอย่างกระหาย มุมปากกระตุกยิ้ม ฝังจมูกลงบนซอกคอของคนที่เหมือนถูกสัญชาตญาณของตนเองครอบงำ มือค่อยๆลากไล้ลงก่อนจะล้วงเข้าไปในบอกเซอร์ ปากจูบต่ำลงมาที่หน้าอก มืออีกข้างผลักร่างที่พยายามโผเข้ากอดผมดันให้ลงไปนอน พอเห็นยื้อหยุดขัดขืนจะมาหาเลือดที่ไหล่ให้ได้ผมก็เอามือตัวเองใส่เข้าไปในปากอีกฝ่าย ลากนิ้วผ่านเขี้ยวขาวจนบาด

    “อื้อ”

    มาร์คฮยองร้องในตอนแรกแต่พอรสเลือดผมสัมผัสเข้ากับปลายลิ้น สองมือก็รีบคว้าจับข้อมือผมดูดเลียกินเลือดจากนิ้วมือทั้งสามนิ้ว

    ผมลากริมฝีปากต่ำลงมาจนถึงท้องน้อย ดึงบอกเซอร์สีขาวออกด้วยเล็บก่อนจะเข้าครอบครองด้วยปาก

    แรงกระทำจากส่วนล่างทำให้แวมไพร์หน้าสวยไม่สามารถห้ามเสียงของตัวเองได้ จิกผ้าปูที่นอนโดยไม่ได้สนใจเลือดของผมอีก ผมลากมือที่เต็มไปด้วยเลือดของตัวเองลงมาตามหน้าท้องแบนราบ สีแดงของโลหิตลากผ่านตัดกับสีผิวขาวจัด ในยามที่แสงจันทร์สาดส่องก่อให้เกิดแสงเงาดูเป็นภาพที่ทั้งสวยงามและน่าสะพรึงกลัว

    ผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดมาบัดนี้ถูกย้อมไปด้วยเลือด ผมปลดกางเกงตัวเองหลังจากเตรียมความพร้อมให้คนที่นอนหอบหายใจอยู่ มือยกสะโพกเล็กรั้งเข้ามา

    “อึก” มาร์คฮยองคว้าจับกำผ้าปูที่นอน นิ่วหน้า

    ความตั้งใจแรกคือพยายามจะทะนุถนอมและอ่อนโยนที่สุด แต่ไม่นานก็ถูกแรงปรารถนาและอารมณ์ก็เข้าครอบงำ

    บทรักรุนแรง รอยเล็บลากไปทั่วตามร่างกายของกันและกัน รสชาติขมปร่าของเลือดแทรกซึมเข้าไปยามจูบ หากแต่ไม่มีใครหยุด เข้ากอดโรมรันกันอย่างหิวกระหาย ทั่วร่างเต็มไปด้วยเหงื่อปะปนกับหยาดโลหิต ย้อมทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นสีแดง ภายใต้ดวงจัทร์สีขาวสุกสกาว

     

     

    ผมตื่นขึ้นมาบนพรมห้องรับแขกตอนเช้าโดยมีผ้าผืนหนึ่งคลุมเพียงท่อนล่างเอาไว้ ความรู้สึกหนักๆบนแขนขวาทำให้หันไปมอง แล้วก็พบกับใบหน้าคุ้นเคยของใครบางคน ที่ทำให้ตกใจไม่ใช่ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ จมูกโด่งสวยหรือริมฝีปากสีชมพูที่บวมนิดๆซึ่งผมได้แต่เฝ้าฝันหา แต่เป็นคราบเลือด รอยเลือดเกรอะกรังอยู่ตามหน้า ลำคอ เรื่อยไปจนถึงบนลำตัวขาว ผมมองภาพคนตรงหน้าด้วยความตกตะลึง นอกจากคราบเลือดแล้วยังมีรอยช้ำ รอยแดงเต็มไปหมด

    มือเอื้อมไปจับแขนขวาของคนที่นอนหลับซุกอกผมขึ้นมาดู รอยเหมือนถูกเล็บลากไปบนท่อนแขนทำให้ใจเจ็บแปลบขึ้นมา เกิดอะไรขึ้น ทำไมมาร์คฮยองเป็นแบบนี้ สายตาเลื่อนกลับมามองตัวเอง ทั่วตัวเต็มไปด้วยเลือดและตอนนี้ถึงเพิ่งรู้สึกเจ็บแถวหัวไหล่ขวากับที่หลัง

    หรือว่าเมื่อคืน...

    “ทำหน้าตกใจอะไร ไอ้หมาหื่น”

    เสียงแหบแห้งจากคนข้างๆทำให้ผมหันหน้าตื่นๆไปหา มุมปากคนพูดกระตุก

    “อย่าบอกว่าจำเรื่องบรรลัยที่ทำไว้เมื่อคืนไม่ได้”

    “ระ เรื่องบรรลัยอะไรครับ” ผมถามลนลาน “อย่าพูดจาน่ากลัวแบบนั้นสิ”

    ฟึ่บ

    เล็บแหลมยาวจ่อเข้าที่คอผมทันที

    “อึก”

    มาร์คฮยองจะขยับตัวมาคร่อมแต่ดูเหมือนสภาพร่างกายจะไม่อำนวยเลยทำได้แค่นอนตะแคงซบผมอยู่ที่เดิมโดยวางมือจ่อคอผมไว้

    “อย่างแกมันกลายร่างได้เฉพาะคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่แวมไพร์อย่างฉันกลับร่างได้ตลอดเวลา โชคร้ายของแกแล้วที่ไม่ไปก่อนที่ฉันจะตื่น”

    “ดะ เดี๋ยวนะครับ มาร์คฮยอง” ผมพูดเสียงสั่น ตามองปลายเล็บซึ่งจ่ออยู่จนชิดคอ “นะ นี่มันเรื่องอะไรกัน แวมไพร์อะไร แล้วเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”

    “เกิดอะไรขึ้น!” คนบอกว่าตัวเองเป็นแวมไพร์ตะโกนแล้วก็ต้องร้องโอดโอย “จะบอกว่าจำเรื่องเวรๆเมื่อคืนไม่ได้งั้นหรอ ไอ้หมาสารเลว!

    “เกิด เกิดอะไรขึ้นหรอครับ”

    “มองดูรอบๆสิโว้ย ซี้ด บ้าเอ๊ย”

    ผมเลื่อนสายตาจากหน้าเหยเกของมาร์คฮยองมองไปรอบๆ โซฟาสีเบจกระดำกระด่างไปด้วยสีคล้ำเหมือนเลือด ที่มุมห้องมีซากบางอย่างที่ดูคล้ายๆกับโต๊ะวางของในห้องรับแขก บนพรมที่นอนอยู่เองก็มีรอยหยดเลือดเป็นจุดๆ

    “ที่นี่ไม่ได้เกิดคดีฆาตกรรมอะไรใช่มั้ยครับ” ผมถามพลางกลืนน้ำลาย

    “ถ้าฉันเป็นคนธรรมดาป่านนี้ตายไปแล้ว”

    “มาร์คฮยองดูเปลี่ยนไปนะครับ”

    “ยังมีหน้ามาถาม จะให้ฉันญาติดีกับไอ้หมาสารเลวอย่างแกหรอ!

    ดวงตาคนพูดเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือกขึ้นมา ภาพลางๆปรากฏในความคิด ภาพดวงตาสีแดง ริมฝีปากนุ่มกับเขี้ยวขาว และร่างกายที่แสนยั่วยวน

    “เป็นแวมไพร์จริงๆสินะครับ”

    “อยากตายจริงๆใช่มั้ย”

    เล็บจิกเข้าเนื้อที่คอจนเลือดไหลซิบๆ

    “ผม ผมขอโทษจริงๆถ้าเผลอทำอะไรให้ฮยองไม่พอใจ”

    ผมพูดด้วยท่าทีสำนึกผิด พอจะเดาได้ลางๆแล้วว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง คนเป็นแวมไพร์อ้าปากค้างกับคำพูดของผม

    “คือ ผมยินดีรับผิดชอบ”

    “ไอ้เดรัจ อั่ก โอ๊ย” เสียงร้องดังมาจากแวมไพร์ที่ถูกผมจับแขนพลิกไปกดให้นอนหงาย “เจ็บ”

    “ผมก็เจ็บเหมือนกันนะครับ เมื่อกี้ตั้งใจจะฆ่ากันจริงๆเลยสินะ”

    ผมที่อยู่ในท่าคร่อมร่างคนข้างใต้ไว้ถาม ชั่วพริบตานั้นถ้าผมไม่ไวพอคงโดนเล็บแหลมๆนั่นทะลุคอหอยไปแล้ว

    “แก ปล่อยนะ ไอ้หมาบ้า! อึก เจ็บ”

    คนตั้งใจจะฆาตกรรมผมร้องสั่งทั้งน้ำตาคลอ ดูเหมือนว่าจะเจ็บจริงๆ แล้วท่าทางจะเจ็บมากด้วย

    “บ้าเอ๊ย แรงเยอะอะไรขนาดนี้ ปล่อย!

    “คืนพระจันทร์เต็มดวงคือตอนที่ผมไม่สามารถควบคุมการกลายร่างของตัวเองได้ แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติผมก็เหมือนกับฮยองแหล่ะครับ กลายร่างกลับไปกลับมาได้” ผมอธิบาย

    มาร์คฮยองมองหน้าผม สีหน้าแบบอยากตายมันซะตรงนี้เลย คนอายุมากกว่าทิ้งมือลงข้างลำตัว นอนเฉยๆเลิกต่อต้าน อาจจะด้วยรู้ว่าต่อต้านไปก็เท่านั้น

    “ฮยองบอกว่าเจ็บ เจ็บตรงไหนครับ เจ็บมากมั้ย”

    ผมถาม สายตามองไล่ไปตามตัวที่มีแต่รอยด้วยความเป็นห่วง

    “หึ ตรงไหน ลองมาโดนอย่างฉันทั้งคืนบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าตรงไหน”

    ดวงตาที่ตอนนี้กลับมาเป็นสีดำกลอกหนีไปทางอื่น

    “ผมรุนแรงขนาดนั้นเลยหรอครับ” ถามแหยๆ

    ก็พอรู้อยู่ว่าในคืนพระจันทร์เต็มดวงแบบนั้นตัวเองจะไม่สามารถควบคุมสัญชาตญาณดิบได้

    มาร์คฮยองหัวเราะหึหึเหมือนประชดชีวิตก่อนจะพูด

    “ไอ้หมาเวรอย่างนายทำเตียงฉันหัก พอมันหักนายก็ลากฉันออกมาข้างนอก อะไรขวางทำลายทิ้งหมด สภาพข้าวของเป็นแบบนี้แล้วคิดว่าฉันจะเป็นยังไง”

     ผมกลืนน้ำลายเอื้อก ทั้งรู้สึกผิดและเสียใจ มือลูบแขนคนที่นอนอยู่เบาๆ

    “ผมขอโทษ ผมควบคุมตัวเองไม่ได้”

    “ฉันซวยเองที่ดันมาอยู่กับนาย”

    “ผมขอโทษ” จับมือเรียวยกขึ้นจูบ น้ำตาคลอ “ขอโทษจริงๆนะครับ มาร์คฮยอง”

    เจ้าของชื่อหันมามองเมื่อได้ยินเสียงผมสั่น หลับตาลงแรงๆแล้วลืมตาขึ้นมองผมอีกครั้งก่อนจะทำหน้าเหมือนอยากตาย

    “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ผมขอโทษ ฮยองจะฆ่าผมตอนนี้ก็ได้ ผมยอมแล้ว”

    ผมยกมือที่จับอยู่มาจ่อคอตัวเอง เพียงแต่มือมาร์คฮยองตอนนี้ไม่มีเล็บแหลมคมอีกแล้ว

    “นายมันเป็นคนเดียวกับไอ้หมาบ้าเมื่อคืนจริงๆหรอ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย นี่ถ้าไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคนอื่นนายไม่กลายเป็นฆาตกรไปแล้วหรอ”

    “ก็อาจจะ แต่ผมคงไม่ทำอะไรไปมากกว่าฆ่าเหยื่อคนนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ” ผมตอบ “มนุษย์หมาป่าไม่สามารถควบคุมสัญชาตญาณดิบของตัวเองได้ จริงๆแล้วเราไม่ไว้ใจมนุษย์ก็เลยอาจเผลอสังหารไปหากมีมนุษย์อยู่ในบริเวณนั้น แต่”

    “แต่พวกนายจะข่มขืนแวมไพร์หรือไง!” มาร์คฮยองถามเสียงเกรี้ยวกราด “บรรพบุรุษนายสอนมาให้ทำแบบนี้กับพวกฉันหรอ!

    “เปล่าๆ ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่” ผมส่ายหัวไปมา “ผมไม่รู้วิธีปฏิบัติต่อแวมไพร์หรอกครับ ผมไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีใครสอนผม ผมรู้แค่ว่าเราเป็นศัตรูกัน นอกเหนือจากนั้นผมไม่รู้ ขนาดกลิ่นฮยองผมยังไม่รู้ว่าคือกลิ่นของแวมไพร์เลย”

    “แล้วทำไมนายทำแบบนี้กับฉัน”

    “เพราะผมต้องการฮยอง เพราะแต่เดิมผมก็ต้องการฮยองอยู่แล้ว” ผมตอบโดยไม่กล้าสบตา หน้าร้อนไปหมดตอนที่พูด “ผม ชะ ชะ”

    “บ้าน่า”

    “อย่าเพิ่งขัดสิครับ!” ผมหลับตาปี๋แล้วตะโกน “ผมชอบฮยอง! ชอบอยู่แล้ว อยากทำแบบนั้นกับฮยองอยู่แล้ว พอควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เลย”

    ผมลืมตาขึ้นมองทั้งหน้าแดงก่ำ ในขณะที่มาร์คฮยองจ้องผมกลับ ตาเบิกกว้าง ปากอ้าค้าง

    “ไม่ใช่ความผิดของผมนะ ก็ฮยองชอบมานัวเนีย มาอ้อนผม แบบนั้นผมก็หวั่นไหว ก็ชอบสิ”

    “อย่ามาทำท่าทางเขินม้วนต้วนหลังจากนายเพิ่งทำตัวเหมือนปีศาจกับฉันไปเมื่อคืนนะ!

    ผมกัดปากก้มหน้า เล่นมือมาร์คฮยองที่จับอยู่อายๆ ไม่รู้จะพูดอะไร สักพักเจ้าของมือก็ถอนหายใจแล้วดึงมือตัวเองออก มาร์คฮยองยกแขนสองข้างชูหาผม

    “อะไรครับ” ผมถามงงๆ

    “ไถ่โทษ”

    “หือ”

    “พาฉันไปห้องน้ำสิ ไอ้หมาโง่ จะให้ฉันอยู่แบบนี้หรือไง เห็นสภาพฉันมั้ย แข้งขาไม่มีแรงแล้ว!

    ผมร้องอ๋อ รีบกุลีกุจอกอดอุ้มคนออกคำสั่งขึ้นในท่าเจ้าหญิง มาร์คฮยองเองก็กอดผมเอาหน้าซบทันที ผมเลยทันเห็นแค่หูแดงๆแว้บๆ

    “ฮยอง ผมรักฮยองจริงๆนะครับ”

    ไม่มีคำตอบอะไรกลับมาจากคนที่ผมอุ้มอยู่

    “ผมไม่ทำแบบนั้นกับใครหรอกนอกจากฮยองหรอก”

    “มาร์คฮยอง ชอบผมบ้างหรือเปล่าครับ”

    “ที่ฮยองชอบมานัวเนียผม มาอ้อนนี่แปลว่าฮยองชอบผมบ้างมั้ย”

    “พูดมาก รีบๆเดินไปให้ถึงห้องน้ำเลย”

    ผมถอนหายใจเฮือกแล้วรีบก้าวเดิน

    “ถึงแล้วครับ” ค่อยๆวางคนในอ้อมแขนให้นั่งบนชักโครก สายตามองรอยช้ำบนผิวสวยๆเศร้าๆ

    “มองอะไรนักหนา ออกไปได้แล้ว!” มาร์คฮยองไล่ ทำเป็นมองเมินไปทางอื่น

    “แต่ว่า”

    “นุ่งผ้าเช็ดตัวออกไปด้วย มันอุจาด”

    “ก็ได้ครับ”

    ผมเดินไปคว้าหยิบผ้าเช็ดตัวพันเอวเดินคอตกออกมาแล้วปิดประตูห้องน้ำให้ก่อนจะถอนหายใจอีกเฮือก ลองเดินไปดูในห้องนอนแล้วก็เล่นเอาผวา เตียงไม้อย่างดีขนาดใหญ่พังแบบไม่เป็นชิ้นดี ทุกอย่างที่เป็นผ้าสีขาวถูกย้อมไปด้วยเลือด ผมเดินผ่านซากเตียงเข้าไป ข้าวของระเนระนาดยังกับโดนพายุเข้า

    เดินสำรวจไปในใจก็พูดขอโทษมาร์คฮยองไปจนสายตาสะดุดเข้ากับกระจกบานใหญ่ตรงมุมห้องด้านหนึ่งที่รอดพ้นลูกหลงจากมหาสงครามมาได้ ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นเลือดเกาะเกรอะกรังตรงไหล่ขวา ผมหันหลังเอียงมองแล้วก็เดาออกทันทีว่าเลือดเยอะแยะพวกนั้นมาจากไหน หลังผมมีแต่รอยเล็บครูดลึกลงไปแนวยาว เป็นแผลเต็มไปหมดจนเรียกได้ว่ายับเยิน นี่ถ้าผมไม่ใช่มนุษย์หมาป่า ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเรามีพลังในการฟื้นฟูร่างกายได้เร็วป่านนี้คงตายไปแล้ว

    ผมเดินกลับไปยืนรอหน้าห้องน้ำ คอยฟังเสียงกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรกับคนด้านใน ยืนอยู่นานจนเริ่มใจไม่ดีเมื่อไม่เห็นวี่แววว่ามาร์คฮยองจะออกมา

    “ฮยอง! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ร้องเรียกพลางทุบประตู

    “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมเงียบไป มาร์คฮยอง!

    “ถ้าฮยองไม่ตอบ ผมพังประตูเข้าไปแล้วนะ!

    ผมเดินถอยหลังเตรียมจะพุ่งเข้าใส่ประตู แต่ยังไม่ทันได้พุ่งไปมันก็เปิดออกเสียก่อน มาร์คฮยองในชุดคลุมอาบน้ำสีดำเดินออกมา

    “แค่นี้ยังทำลายข้าวของฉันไม่พออีกหรือไง” ถามเสียงเรียบ

    “ก็ฮยองเงียบไป ผมก็เลย” ผมตอบพลางยิ้มแห้งๆ

    “ห้องน้ำฉัน ฉันจะอยู่ในนั้นนานแค่ไหนมันเรื่องของฉัน”

    “แต่ผมเป็นห่วง”

    ดวงตาของคนตรงหน้าตวัดมองผม

    “อาบน้ำแล้วก็ไปซะ” พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วเดินเข้าห้องนอนไป

    ผมเดินคอตกเข้าห้องน้ำ จะโกรธขนาดนี้ก็ไม่แปลก ผมทำซะทั่วตัวเต็มไปด้วยแผลขนาดนั้น

     


     

    ผมถูกไล่ตะเพิดออกมาจากห้องมาร์คฮยองหลังจากนั้น ยังดีที่เสื้อผ้าผมที่ใส่มาตอนแรกยังสภาพดีอยู่ ไม่งั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับสภาพไหน ผมไม่ได้ไปทำงานสองวันโดยมีแจบอมฮยองที่เคยสัญญาไว้ทำให้แทน พอไปทำงานก็พบว่ารุ่นพี่หน้าสวยขอย้ายกะไปอยู่หลังห้าทุ่มแทนแล้ว ผมพยายามโทรติดต่อก็ไม่รับ พอไปดักรอก็เลี่ยงไม่มาเจอหน้า

    โดนเกลียดเข้าให้แล้ว

    เป็นเพราะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยถูกเกลียด ผมออกจากบ้านมาตอนตีสี่กว่าๆเพื่อมาที่ร้านสะดวกซื้อ รออยู่แถวๆหลังร้าน ใกล้ๆกับทางที่พนักงานจะออกมา ยังไงก็ขออีกสักครั้ง ให้ได้พูด ได้ขอโทษ ได้อธิบายให้เข้าใจ

    ร่างโปร่งบางที่ไม่ได้อยู่ในชุดยูนิฟอร์มของร้านแล้วเดินออกมาหลังจากเลิกงาน ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นผมเดินมาหยุดตรงหน้า

    “อย่าเพิ่งไป” ผมรีบคว้าจับแขนไว้ “อย่าเพิ่งหนีผมไปนะ ฟังผมก่อน”

    “ปล่อย”

    คำสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตาที่เย็นชาทำหัวใจเจ็บแปลบ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเป็นฝ่ายเข้ามาหามานัวเนีย มากอดมาอ้อนแท้ๆ ทำไมถึงเปลี่ยนมาเกลียดกันได้ขนาดนี้

    “ผมขอโทษ”

    ผมพูดเสียงสั่นเครือ ดึงคนตรงหน้าเข้ามากอด

    “ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจทำร้ายฮยอง เชื่อผมนะ ผมรักฮยองจริงๆ”

    “ปล่อยฉัน อย่ามายุ่งกับฉัน”

    มาร์คฮยองพยายามดันตัวเองออก

    “ไม่ได้ ผมเลิกยุ่งกับฮยองไม่ได้ อย่าเกลียดผมเลยนะครับ ได้โปรดยกโทษให้ผม จะให้ผมทำอะไรก็ยอม”

    ผมกอดแน่น ไม่ยอมให้รุ่นพี่คนนี้ไปไหน

    “ฉันบอกให้ปล่อย ไปให้พ้นหน้าฉัน อย่ามายุ่งกับฉันก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวนะ ไอ้หมาบ้า!

    “ไม่! ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าฮยองจะยกโทษให้”

    ผมจับหัวคนตัวเล็กกว่ากดให้ซบลงมาบนไหล่ตัวเอง ยังไงก็ปล่อยไปไม่ได้

    แรงดิ้นรนต่อต้านค่อยๆลดน้อยลง มาร์คฮยองไม่ได้ร้องสั่งหรือโวยวายอะไรอีก ผมเหล่มองคนในอ้อมกอดที่นิ่งไป เกิดอะไรขึ้น หรือผมจะกอดแน่นไปจนหายใจไม่ออกไปแล้ว กำลังจะร้องถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ๆบรรยากาศรอบตัวก็เย็นยะเยือกขึ้น

    แบบนี้มัน...

    ได้แต่คิด ยังไม่ทันได้ถอยห่างจากคนกลายร่างเป็นแวมไพร์ อยู่ๆก็เกิดความรู้สึกเจ็บๆตรงลำคอ ผมหันมองด้วยความตกใจ คนที่เคยยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดฝังคมเขี้ยวลงบนคอผม ดูดกินเลือดอย่างหิวกระหายผมอ้าปากค้างกับตัวเองงงๆแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร ปล่อยให้ดูดเลือดไปแบบนั้น สักพักคนเป็นแวมไพร์ก็ผล่ะออก เช็ดเลือดที่ไหลหยดลงมาทางมุมปาก

    “อิ่มแล้วหรอครับ” ผมถาม เซถลาไปเล็กน้อยเพราะหน้ามืด

    มือเรียวคว้าจับแขนผมดึงให้กลับมายืนดีๆอีกครั้ง ได้รับการช่วยเหลือแบบนี้เลยอดยิ้มกว้างให้ไม่ได้

    “โดนกัดคอยังจะมายิ้มอีก เป็นบ้าหรือไง” มาร์คฮยองถาม ไม่กล้าสบตาผม

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าฮยองอยากกิน จะกินเท่าไหร่ก็ได้” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม “ผมไม่หวงหรอก”

    มือที่จับแขนผมปล่อยออกมากอดอกไว้กับตัวเอง

    “ฉันไม่ได้อยากกินเลือดนาย มัน มันก็แค่ไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน”

    หน้าหวานสวยดูไม่ค่อยสบอารมณ์นักตอนที่พูด ดวงตายังคงมองไปทางอื่น

    “ทำไมล่ะครับ ฮยองไม่สบายหรอ”

    “เพราะนายนั่นน่ะ” เสียงพึมพำงึมงำ แต่ก็ไม่ได้เล็ดลอดจากหูผม

    “ทำไมเพราะผมล่ะ”

    คราวนี้ดวงตาสีแดงมองมาที่ผมก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อเจ้าตัวกระพริบตา มาร์คฮยองกัดริมฝีปากตัวเองแล้วหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับเดินหนีไป

    “เดี๋ยวสิ ฮยองยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลย”

    “อย่ามายุ่งกับฉัน บอกแล้วไงว่าฉันไม่อยากเห็นหน้านาย ไปให้พ้น!

    คนอายุมากกว่าพยายามเดินหนี แต่ผมก็ตามไปคว้าแขนดึงให้หันกลับมาเผชิญหน้า

    “ฮยองหน้าแดงแหล่ะ ถึงจะมืดแต่ผมตาดีนะ”

    ผมถามยิ้มๆ ยิ่งเห็นหน้าตาบึ้งตึงแต่กลับหลบสายตาของแวมไพร์ตรงหน้ายิ่งยิ้ม

    “อ่า พอจะเดาได้แล้ว ฮยองติดใจเลือดผมใช่มั้ยล่ะ ไม่เคยกินเลือดมนุษย์หมาป่ามาก่อนสินะ จริงๆแล้วเลือดผมมันก็มีพลังอยู่ในนั้น คงอร่อยน่าดูเหมือนกันใช่มั้ยครับ”

    ท่าทางกัดปากไม่กล้าสบตาแบบนั้นยิ่งเหมือนเป็นสิ่งตอกย้ำว่าผมพูดถูก

    “ถ้าชอบ แล้วจะหนีผมทำไม ผมบอกแล้วว่าไม่หวงหรอก”

    “ฉันไม่อยากยุ่งกับไอ้หมานิสัยเสียอย่างนาย พวกสัตว์เดรัจฉาน”

    “ดูถูกกันแบบนี้ผมเสียใจนะครับ ฮยองเองก็เป็นค้างคาวนะ”

    ช่วงที่โดนหลบหน้าผมก็ไม่ได้อยู่เฉยๆหรอกนะ แอบไปศึกษาเรื่องแวมไพร์มาเหมือนกัน

    “พวกฉันไม่เหมือนพวกนาย ปล่อยมือฉัน!” เจ้าตัวสั่งเสียงกราดเกรี้ยว

    “ทำไมต้องพวกล่ะครับ” ผมถาม “ผมไม่มีพวกหรอก บอกฮยองไปแล้วว่าอยู่ตัวคนเดียว ผมไม่สนใจว่าเผ่าพันธุ์เราจะเกลียดชังกันแค่ไหน อีกอย่าง ผมไม่รู้สาเหตุด้วยว่าทำไมพวกเราถึงไม่ถูกกัน แต่ถ้าตัดคำว่าพวกออกแล้วเหลือแค่เรา แค่ผมกับฮยอง ผมก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าผมรักฮยอง”

    “ฉันเป็นแวมไพร์ นายสมองกลวงหรือไงถึงไม่เข้าใจ”

    “ครับ รู้แล้วว่าเป็นแวมไพร์ ต่อให้ฮยองเป็นมนุษย์ต่างดาวผมก็รัก ผมรักมาร์คฮยองนี่ รักที่ฮยองคือมาร์คฮยอง”

    ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตามองตรงไปยังคนตรงหน้า

    “นายนี่มัน”

    “ฮยองไม่รักผมก็ไม่เป็นไร แค่อย่าเกลียดผม อย่าหนีผมไปไหนเลยนะครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายฮยอง ไม่ทำอะไรที่ฮยองไม่พอใจอีก พอถึงวันพระจันทร์เต็มดวงผมจะรีบพาตัวเองไปขังไว้ในห้องไม่ออกไปไหนจนเช้าเลย เชื่อผมนะครับนะ”

    มาร์คฮยองมองหน้าผมที่พยายามส่งสายตาออดอ้อน ทำหน้าน่าสงสารแบบสุดๆ

    “แน่นะ” คนเป็นแวมไพร์ถามอย่างลังเล

    ผมรีบพยักหน้ารัวๆ

    “แล้วผมจะให้ฮยองกินเลือดผมได้มากเท่าที่ฮยองต้องการเลย” รีบบอกข้อเสนอเสริมไปด้วย

    “ฉันไม่ได้อยากกินอะไรขนาดนั้นสักหน่อย”

    “นะ กลับมาอยู่ใกล้ๆผมเหมือนเดิมนะ นะมาร์คฮยอง”

    ผมจับมือเรียวยกมาถูกับแก้มตัวเอง อ้อนสุดๆ นี่ถ้าเข้าไปเลียหน้าได้ ผมทำไปแล้ว

    “เอ่อ ยูคยอม” มาร์คฮยองชี้หน้าผม

    “อะไรครับ”

    ผมยิ้มตาหยี ยังเอาแก้มตัวเองถูกับมือนุ่มนิ่มของรุ่นพี่ตรงหน้าไปมา

    “นายตั้งใจหรือเปล่า”

    “ตั้งใจอะไร”

    “ไอ้หูกับหางนั่น นายตั้งใจหรือเปล่า”

    “หูกับหางอะไรหรอครับ”

    ผมถามกลับ กระดิกหางตัวเองไปมา เดี๋ยวนะ หันขวับไปมองด้านหลัง หางฟูฟ่องสีน้ำตาลอ่อนกำลังสะบัดอย่างร่าเริง

    “เฮ้ย!

    อุทานด้วยความตกใจแล้วรีบเก็บทั้งหูทั้งหาง กลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ปกติ เผลอกลายร่างครึ่งๆกลางๆเฉยเลย

    “อุ๊บ ฮ่าๆๆ” 

    คนเป็นแวมไพร์หัวเราะก๊าก ยิ่งหันมาเห็นผมยืนยิ้มแหยๆยิ่งขำ

    “ก็ได้ๆ ฮ่าๆๆ ก็ได้ ยูคยอม” มาร์คฮยองดึงมือออกจากมือผมยกขึ้นปาดน้ำตา “เห็นแก่หางฟูๆแล้วก็เลือดของนาย ยกโทษให้ก็ได้”

    “จริงนะ” ผมถามตาโต

    “แต่นายต้อง อื้อ”

    ยังไม่ทันที่คนตรงหน้าจะพูดจบประโยคก็ถูกผมที่ตอนนี้ดีใจสุดชีวิตดึงเข้ามาจูบแรงๆ

    “ไหนนายบอกว่า”

    “ผมรักฮยอง”

    ผมพูดแล้วยิ้มกว้าง รุ่นพี่หน้าสวยอ้าปากค้างไว้ไม่ได้ว่าอะไรอีก แค่ทำหน้าเคืองๆแล้วหันหลังเดินหนี

    “ผมรักฮยองจังเลย”

    ผมเดินตาม ก้มไปพูดข้างๆหู

    “หุบปากไปเลย”

    “รักจัง”

    “ฉันบอกให้หยุดพูดไง”

    “ก็รักจริงๆนี่นา”

    “ถ้าไม่หยุด ฉันจะ... อื้อ อื้ม ยู”

    ภายใต้ท้องฟ้าสีหมึก คนสองคนจากสองเผ่าพันธุ์เดินไปด้วยกัน คนตัวสูงกว่าพยายามจะเข้าหาในขณะที่อีกคนเงื้อมือใส่ เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลก็ทำท่าจะวิ่งหนี แต่ก็ถูกคว้าเอวดึงกลับมาเดินแนบชิดไปไหนไม่ได้ คืนนี้พระจัทร์สีนวลครึ่งเสี้ยวลอยเด่น รอวันเวลาผันผ่านเพื่อจะกลับมาเต็มดวงอีกครา

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++


    จบแล้ววววววววว ยาวมาก

    พี่แวมพ์หลังๆที่ซึนนะคะ ติดใจเลือดเค้าอ่า ทำไงได้ 555555555


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×