ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #95 : Ep.13 - Adjure

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      49
      19 มิ.ย. 60

    UNagain.13 – Adjure

    ที่นี่คือสำนักของเรา ตำหนักลำนำฟ้า

    โจเซฟผายมือไปทางอาคารขนาดใหญ่เบื้องหน้า มันมีพื้นที่กว้างเกือบ 200 ไร่ ด้านหน้ามียามในชุดสำนักยืนเฝ้าทางเข้าไว้ กระทั่งพวกโจเซฟชูป้ายสำนักให้ พวกเขาจึงเปิดทางปล่อยให้ทั้งหมดเข้าไป

    ในตอนนี้ทั้งกริชและแพทตี้ต่างก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าร่วมกับลำนำฟ้า

    ———เพราะอย่างนั้นพวกเขาก็เหมือนกับเป็นคนในสำนักแล้วครึ่งก้าว

    น้องชายโปรดระวังมารยาทด้วย เพราะต่อจากนี้เราจะไปพบกับท่านประมุข

    อืม ผมเข้าใจครับ

    เขาตอบเรียบๆโดยเดินตามหลังว่าที่ศิษย์พี่เข้าสู่ห้องโถงขนาดใหญ่ของตำหนักกลาง กระทั่งมาถึงประตูจึงเลื่อนเปิดเองโดยอัตโนมัติ เผยให้เห็นโถงทางเดินปูด้วยพรมฟ้า ตรงกลางนั้นมีชายชราไว้หนวดนั่งอยู่บนเก้าอี้ทองดูโอ่อ่า ส่วนข้างๆซ้ายขวาก็ล้วนเป็นผู้อาวุโสปนชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่ง

    ชุดของคนเหล่านี้แตกต่างจากศิษย์สำนักตรงที่มีลาบขริบทองเปนรูปหยดน้ำอยู่สี่จุดและมีผ้าคลุมไหล่สวมทับอีกทีหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่นั่งเก้าอี้ทอง ตัวเขานั้นมีตราหยดน้ำถึงห้าจุด และผ้าคุลมก็เป็นสีทองอร่าม

    ศิษย์โจเซฟ คารวะท่านประมุข

    คารวะท่านประมุข..!

    ทันใดนั้นเหล่าศิษย์ทุกคนจึงชันเข่าคำนับแก่ชายตรงหน้า อย่างที่คิดดูเหมือนคนๆนี้จะเป็นประมุขจริงดังที่เขาคาดไว้ ขณะเดียวกันพอเห็นคนอื่นๆคำนับ เขาจึงปฏิบัติตามโดยดึงชายเสื้อแพทตี้ให้กระทำเช่นตนด้วยอีกคนหนึ่ง พอประมุขเห็นดังนั้นจึงยิ้มมุมปากนิดๆแล้วกล่าว

    ลุกขึ้นเถิด ข้าเป็นเพียงแค่ชายแก่คนหนึ่ง ไม่มีค่าอะไรให้พวกเจ้าต้องใส่ใจหรอก

    มิได้ครับ ท่านประมุข

    ถึงอย่างไรเจ้าก็ลุกขึ้นก่อน การกระทำนี้ส่งผลให้ข้าอึดอัดใจยิ่ง

    ศิษย์ล่วงเกินท่านแล้ว

    โจเซฟประสานมือคำนับหนหนึ่ง ก่อนจะเหยียดกายขึ้นโดยมีทุกคนทำตามเขาอย่างพร้อมเพรียง แน่นอนว่ากริชและแพทเองก็เช่นกัน กระทั่งเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในผู้อาวุโสทั้งสี่ที่นั่งข้างประมุขจึงโพล่งว่า

    เข้าเรื่องเถอะ จากที่ข้าได้ยิน ดูเหมือนวันนี้เราจะโชคดีได้รับศิษย์มาอีกสองคนสินะ?”

    เป็นเช่นนั้นครับ ท่านอาจารย์ต้วน

    ชายอ้วนฉุนี้มีนามว่าต้วนฮุ่ยหากไม่นับประมุขสำนัก เขาก็จัดเป็นหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสแห่งลำนำฟ้าคนหนึ่ง ตำแหน่งของเขาเป็นรองเพียงแค่ชายบนเก้าอี้ทองเท่านั้น จากนั้นสตรีแก่ในชุดบานเย็นจึงว่า

    หน่วยก้านดูไม่เลว พวกเจ้าบอกชื่อแซ่มาเถอะ ข้าจะรับไว้พิจารณา

    ผมชื่อกริช

    ชั้นชื่อแพทตี้ค่ะ

    ผู้อาวุโสหญิงหยักหน้าเข้าใจ เธอว่า ไม่มีคนชาติมังกรเลยสินะ? น่าเสียดายๆ เอาเถิด เหนือสิ่งอื่นใดหาใช่ชนชาติแต่เป็นนิสัยใจคอต่างหาก พวกเจ้าตอนนี้แปลงร่างเป็นนิรยบาลได้รึไม่?”

    ยังไม่ได้ครับ

    หืม? นี่เจ้ามีเมอร์ริธกี่จุดกัน?”

    สี่จุดครับ

    จริงเรอะ..!? แค่สี่จุดเนี่ยนะ?”

    ฮือฮาฮือฮาฮือฮา!

    ทันใดนั้นทั่วห้องโถงก็พลันดังแซ่ดไปด้วยเสียงของเหล่าศิษย์ นี่มันอะไรกัน!? เพียงแค่สี่จุด กลับสามารถฝ่าทางแยกออกมาได้งั้นเหรอ? หญิงชราขบคิดโดยมีสายตาอื้ออึงของหลายๆคนปรากฏขึ้นเช่นกัน หล่อนลุกจากเก้าอี้พลางรำพึงว่า เสียมารยาทแล้ว ก่อนจะทะยานเข้าไปคว้ามือซ้ายของกริชขึ้นมาดู

    เร็วมาก!? ชายหนุ่มลอบร่ำร้องในใจเบาๆ

    ———จากนั้นต้วนฮุ่ยจึงทัก

    เป็นเช่นไรบ้าง? ยายแก่เมี่ยว จากนั้นสตรีแก่นามจิวซือเมี่ยวจึงตอบกลับไป

    เป็นเรื่องจริง เด็กคนนี้มีเพียงแค่สี่จุดเท่านั้น

    “.........!”

    ฮือฮาฮือฮาฮือฮา!

    ในห้องพลันดังสนั่นยิ่งกว่าเดิม กระทั่งซือเมี่ยวร้อง เงียบ!” พวกเหล่าศิษย์จึงสะดุ้งเฮือกรีบปิดปากตนกันทันควัน จากนั้นเธอจึงคว้ามือของแพทตี้ตรวจสอบด้วยเช่นกัน ทว่าหนนี้กลับกลายเป็นงุนงงแทน

    ไม่มีตรา ไม่มีเมอร์ริธ ไม่มีคาร์ม่า

    ———นี่มันเรื่องอะไรกัน..!?

    ไฉนเจ้าทำหน้าเช่นนั้น? ศิษย์น้อง กระทั่งประมุขสำนักจางลี่ถาม เธอจึงบอกต่อ ท่านมาดูเองเถอะ ส่งผลให้ทุกคนล้วนงุนงงหนักเข้าไปใหญ่ จนผู้อาวุโสทุกคนทะยานร่างเข้ามาสมทบ

    อ-เอ๊ะ! เอ๋....!?”

    แพทตี้ซึ่งถูกรุมมุงตอนนี้ถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก ประมุขสำนักเมื่อพลิกฝ่ามือของเธอขึ้นมาดู จึงกลับกลายเป็นแสดงสีหน้าเช่นเดียวกับสตรีเฒ่า เขาไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แน่นอนว่ากระทั่งประมุขสำนักซึ่งมีชีวิตมานานถึง 300 ปียังไม่ทราบ แล้วจะเอาอะไรกับคนอื่นๆที่อายุอานามน้อยกว่า

    ประมุขจาง นี่มัน... หนึ่งในผู้อาวุโสร่างกำยำนามว่ามาคัสทัก ส่วนจางลี่นั้นเพียงแค่เห็นเขาก็จนปัญญาแล้ว ชายชราได้แต่ส่ายหน้าบอกเป็นนัย แล้วถาม

    เจ้าสามารถใช้อาคมได้รึไม่?”

    ไม่ได้ค่ะ

    หืม? เช่นนั้นผู้ที่เอาชนะนิรยบาลที่เฝ้าประตูได้ก็คือเจ้าเรอะ?” ผู้อาวุโสผิวดำนามว่าอังกอร์ถามพลางเบนสายตาไปยังกริช เมื่อถูกคาดคั้น เขาก็จำต้องขบคิดคำตอบ หากบอกไปว่าแพทตี้สามารถใช้อาคมได้และสูญเสียความทรงจำ บางทีคนพวกนี้อาจจะไม่เชื่อ กลับกันจะยิ่งสงสัยหนักกว่าเก่า

    ใช่ ผมเป็นคนทำเอง

    อืม เป็นเช่นนี้เองเรอะ?” ต้วนฮุ่ยกอดอกพลางทำท่านึก ท่านประมุขท่านเห็นสมควรเช่นไร?” ส่งผลให้ทุกสายตาละไปยังผู้นำสำนักแทน เขาถอนหายใจว่า เหตุการณ์เช่นนี้ข้าก็เพิ่งพานพบเป็นครั้งแรก เรื่องความสามารถของเด็กคนนี้เราค่อยหารือกัน แต่ก่อนอื่นพวกเจ้าจำต้องเลือกสองคนนี้เข้าเป็นศิษย์เสียก่อน

    พอเอ่ยถึงตรงนี้ทุกคนรวมถึงเหล่าศิษย์ต่างก็เงียบงันขึ้นทันตาเห็น จางลี่สะบัดผ้าคลุมก่อนจะดีดเท้าเบาๆทะยานร่างกลับไปยังเก้าอี้ทองคำอีกครั้ง โดยมีผู้อาวุโสคนอื่นกระทำตามไม่ต่างกัน

    ทันใดนั้นมาคัศจึงโพล่งขึ้น

    เจ้าหนุ่ม เจ้าถนัดอาวุธใดในการสู้รบ?”

    ธนูครับ

    แล้วเจ้าล่ะสาวน้อย?”

    ชั้น...ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ

    คำตอบของแพทตี้ทำเอามาคัสกระตุกคิ้ว ขณะเดียวกันซือเมี่ยวกลับหัวเราะร่วนแล้วว่า เช่นนั้นแล้วเจ้าถนัดอะไร? ไม่ต้องถนัดสงครามก็ได้ แต่คนเรานั้นย่อมมีซักอย่างสองอย่างที่โดดเด่นอยู่บ้างจริงไหม?”

    เอ...เอ่อ เพราะสูญเสียความทรงจำก็เลยไม่รู้ว่าถนัดอะไรต่างหากเล่า! แพทตี้อยากจะพูดออกไปแบบนี้แทบจะขาดใจ แต่ว่าคิดก็ส่วนคิด หากทำเช่นนั้นจริงก็คงเสียมารยาทไม่ใช่น้อย ทว่าก่อนจะทันได้เอ่ยก็มีคนขัด

    เช่นนั้นเอางานเขียนยันต์เป็นอย่างไรเล่า?”

    เขียนยันต์เหรอคะ?”

    ซือเมี่ยวพยักหน้า จนกว่าเจ้าจะหาสิ่งที่ตนถนัดพบ ระหว่างนี้ก็ทำหน้าที่เขียนยันต์ไปก่อน ส่วนจะตัดสินใจไปเรียนวิชาอื่นรึไม่มันก็แล้วแต่เจ้า

    .....ถ้างั้นก็ได้ค่ะ

    แซ่ดแซ่ดแซ่ดแซ่ด!

    ทันใดนั้นเสียงจอแจก็พลันดังขึ้นอีกครั้ง เป็นพวกเหล่าศิษย์ แพทตี้เมื่อเห็นอากัปกิริยาดังกล่าวก็ถึงกับงุนงง ส่วนต้วนฮุ่ยก็หัวร่อฮาฮาออกมา

    ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าถูกยายแก่มันหลอกแล้ว

    หลอกเหรอคะ?”

    ใช่แล้ว งานของมันแม้ไม่ต้องใช้วิชาฝีมือแต่สิ่งที่เสียไปก็คือเวลา งานเขียนยันต์นั้นแทบไม่ต่างจากพวกช่างเหล็กที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเหมือนดั่งกรรมกรอย่างไรล่ะ

    บัดซบ! เฒ่าสุกร! เจ้ากล้าดูถูกข้างั้นเรอะ!?”

    เพ้ย! ใครดูถูกเจ้า? ข้าดูถูกงานของเจ้าต่างหาก

    นี่เจ้า..!?”

    ซือเมี่ยวทำหน้าเดือดดาล กระนั้นก็รู้ตัวดีว่าตนกำลังอยู่ต่อหน้าเด็กชนรุ่นหลังจำนวนหนึ่ง เธอจึงสบถเบาๆ ก่อนจะสะบัดชายผ้านั่งลง แล้วถาม

    เช่นนั้นพวกเจ้าจะรับนางเป็นศิษย์หรืออย่างไร?”

    ข้าไม่รับ ต้วนฮุ่ยปฏิเสธ

    ข้าก็เช่นกัน มาคัสโบกมือปัด ส่วนอังกอร์ก็ส่ายหน้าไม่รับแบบเดียวกับทั้งคู่ ดังนั้นผลลัพธ์จึงเหลือเพียงแค่หนึ่ง ซือเมี่ยวแค่นลมหายใจ แล้วกล่าว เห็นไหม? สุดท้ายพวกเจ้าก็ไม่รับนาง คงเพราะกลัวมันจะไร้ฝีมือในการฝึกใช่ไหมเล่า? เฮอะ! นับว่าทรามนัก หล่อนเหน็บแนมเสร็จจึงเข้าไปหาแพทตี้ แล้วว่า

    กราบข้าสามครั้ง

    อะ...ค่ะ

    จากนั้นเธอจึงคุกเข่ากราบสตรีเฒ่าตรงหน้าสามหน กระทั่งแล้วเสร็จซือเมี่ยวจึงประคองเธอพร้อมกับเปรยยิ้มว่า ต่อจากนี้เจ้าเป็นศิษย์ข้าแล้ว หากมีผู้ใดรังแกเจ้าก็บอกข้ามาได้ทุกเมื่อแพทตี้กล่าวคำนับ

    ค่ะ ท่านอาจารย์

    ดี หากเสร็จพิธีแล้ว เจ้าก็จงตามข้ามาด้วยล่ะ

    เธอตอบรับคำหนึ่ง จากนั้นซือเมี่ยวจึงกลับไปยังที่นั่งตนอีกครั้ง ด้านหลังมีเสียงฮือฮาของเหล่าศิษย์เล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่ครู่หนึ่ง เมื่อมาคัสโพล่งออกมาอีกครั้ง

    เจ้าหนุ่ม เจ้าสนใจเป็นศิษย์ข้ารึไม่?”

    แซ่ดแซ่ด!

    เหล่าศิษย์ล้วนแตกตื่นกันอีกครั้ง ปกติมาคัสเป็นผู้ถือดีในฝีมือคนหนึ่ง มันไม่คิดจะเป็นเอ่ยปากรับคำศิษย์ด้วยตนเองเลยแม้แต่น้อย ทว่าหนนี้กลับกลายเป็นเช่นนี้เสียได้ พอขบคิดว่าคนๆหนึ่งสามารถใช้เมอร์ริธเพียงสี่จุดเอาชนะนิรยบาล ก็แสดงว่ามันผู้นั้นต้องมีฝีมือดีไม่ใช่ชั่วอยู่บ้าง ตอนนั้นเองที่ต้วนฮุ่ยตวาดลั่น

    ผายลม..! เจ้าก็ได้ยินนี่ ว่ามันถนัดอาวุธไกลเช่นธนู วิชาเจ้ามีแต่ดาบกระบี่และหอกทวนเท่านั้น คิดว่าด้วยการสอนต่างแขนงจะทำให้มันเก่งขึ้นเรอะ!? ไม่เลย!! การกระทำเช่นนี้มีแต่จะเสียเวลาเปล่า เจ้ามาเป็นศิษย์ข้าต้วนฮุ่ยผู้นี้ดีกว่า ข้าเป็นปรมาจารย์ด้านวิชาพลังจิตเหมาะแก่การจู่โจมระยะไกลเช่นเจ้า

    อย่าพูดเช่นนั้นสิศิษย์น้อง วิชาธนูนั้นเหมาะแก่วิชาสงครามนัก เช่นนั้นเขาจึงสมควรเข้าเป็นศิษย์ข้าผู้เป็นวิชาด้านพิชัยสงครามและค่ายกล

    หนนี้เป็นอังกอร์ที่เสนอตัวเองขึ้น การกระทำของทั้งสามเรียกสายตาตกตะลึงจากกลุ่มศิษย์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หากใครเห็นก็ย่อมเข้าใจได้ทันที ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังสนใจในตัวชายหนุ่มอยู่

    .....ใช่ พวกเขากำลังแย่งเพชรเม็ดงามตรงหน้า

    เพราะแบบนั้นพวกมันจึงคิดยัดเยียดความเป็นอาจารย์ให้

    พอเห็นการต่อปากต่อคำของผู้อาวุโสทั้งสามตรงหน้า จางลี่ถอนหายใจ แล้วว่า พอได้แล้ว ศิษย์น้อง!” จนพวกมันชะงักกึก หากเด็กมันสนใจอะไรก็ให้มันเรียนไปเถอะ พวกเจ้าอย่าทำให้มันสับสนไปมากกว่านี้เลย

    ———ประมุขจางเบนสายตาไปยังกริชแล้วถาม

    เจ้าจะเข้าเป็นศิษย์ใคร? จงบอกข้ามา

    .........

    ชายหนุ่มขบคิด มาคัสคือปรมาจารย์ด้านดาบทวน ส่วนต้วนฮุ่ยคือปรมาจารย์ด้านอาคมพลังจิต และอังกอร์คือปรมาจารย์ด้านค่ายกล เขาตัดสินใจตัดอังกอร์ทิ้งทันที เพราะค่ายกลเป็นวิชาฝึกหมู่หรือต้องใช้คนเป็นจำนวนมากในการฝึก วิชาจำพวกนี้จะเห็นผลช้ามาก หากมีใครถ่วงซักคนที่เหลือก็จะต้องแบกรับภาระแทน

    วิชานี้ยังไงเขาก็ไม่เรียนให้เหนื่อยฟรีแน่

    ———ดังนั้นจึงเหลือแค่สอง

    ผมเลือกได้แล้วครับ

    โฮ่? เช่นนั้นจงบอกข้ามาเถอะ

    ตึง!

    กริชคุกเข่าลงหนักแน่นแล้วประสานมือคารวะ

    ผมขอเป็นศิษย์ท่านประมุขครับ!”

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×