คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : บทที่26 คนประหลาด [2]
บทที่26 คนประหลาด [2]
เธอยื่นมือไปแตะที่น้ำตก ละอองระยิบระยับทำให้ภาพทุกอย่างดูพร่ามัวเหมือนอยู่ในฝัน หล่อนหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“หายากนะเนี่ย พวกที่มีพลังเวทต่ำ ๆ แล้วมามุ่งเน้นสายต่อสู้...” แว่วเสียงใสดังอยู่ในอากาศ “ชักอยากรู้จักซะแล้วสิ พ่อหนุ่ม”
‘ข้ารู้สึกว่าไอเวทของเขามีจำนวนไม่มาก แต่ข้าไม่รู้เลยว่าเขากำลังใช้เวทอะไรอยู่รึเปล่า’
เสียงของอาเรนเซียทำให้ลักซ์จำต้องดึงสติคืนมา ดวงตาของเธอเปล่งแสงเพื่อควบคุมภาพนิมิตให้ทำท่าเกียจคร้านแล้วลอยฉวัดเฉวียนไปมา
“เปล่า เขาไม่ได้ใช้เวทอะไรเลย...ที่เดินทางมาที่นี่”
เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านสอดคล้องกับภาพนิมิต ไม่ได้สนใจว่าเสียงนั่นจะตรงกับความรู้สึกของตัวเองจริง
ๆ หรือเปล่า
‘เอ๊ะ?’
“เขาเป็นพวกครึ่ง
ๆ กลาง ๆ ” เธอตอบอย่างไม่ยีหระ “พลังเวทไม่โดดเด่นเลย แก่นเวทนั่นเป็นขนาดที่ควรไปเอาดีทางกายภาพหรือเรียนสายสามัญมาก แต่...เขากลับเลือกที่จะมาสายต่อสู้ด้วยสภาพครึ่ง
ๆ กลาง ๆ ”
‘ลักซ์...เจ้าพูดคำเหยียดนั่นมาสองรอบแล้วนะ’
เจ้าของชื่อหัวเราะลั่น ไม่คิดที่จะเก็บคำบ่นไปใส่ใจนัก แม้ว่าเสียงของอีกฝ่ายจะจริงจังมากก็ตาม
คำว่าพวกครึ่ง
ๆ กลาง ๆ ถือเป็นคำหยาบมากในการใช้เรียกคนที่มีพลังเวทต่ำ นั่นเป็นเหตุว่าทำไมอาเรนเซียถึงได้ดุนางอย่างจริงจังเช่นนั้น
พวกที่มีพลังเวทจะถูกกำหนดมาแล้วว่าร่างกายจะแข็งแรงได้ไม่เท่าพวกไม่มีพลังเวท แม้จะมีต่ำแค่ไหนขีดจำกัดก็ไม่อาจเทียบได้ พวกที่มีแก่นเวทเล็กกว่าขนาดกำปั้นจึงมักมุ่งเน้นตัวเองไปในทางการทำงานเอกสาร รับราชการมากกว่าที่จะไปทำงานสายต่อสู้ใด ๆ ก็ตาม
แก่นเวทสามารถฝึกเพื่อขยายขนาดได้ แต่เป็นเรื่องยากมาก อาจจะต้องใช้เวลาเป็นสิบปีเพื่อที่จะเพิ่มเส้นผ่านศูนย์กลางออกมาสักหนึ่งเซนติเมตร
ร่างกายก็ใช้งานได้ไม่เต็มที่ พลังเวทก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่แปลกว่าทำไมลักซ์จึงสนใจอีกฝ่ายนัก
แก่นเวทของเขามีขนาดเพียงครึ่งกำปั้น มันเล็กมาก
เป็นขนาดที่ไม่มีทางใช้เวทใด ๆ ได้นอกจากการสร้างบอลเวทพื้นฐานกับใช้พลังเสริมสิ่งต่าง
ๆ
ทางด้ายกายภาพ ชายคนนั้นมีร่างกายที่แข็งแรงทีเดียว แต่ก็ไม่ได้เท่าพวกองครักษ์ของเธอแน่นอน ทว่าเรื่องความปราดเปรียว ประสาทฉับไว
หล่อนมั่นใจว่าเขานำไปโข
เพราะตอนนี้...เขาเห็นพวกเธอแล้ว
“เถอะน่า ผ่อนคลายหน่อย” เสียงนางหาได้มีความรู้สึกผิดไม่ ดวงตาจ้องเขม็งไปยังร่างในชุดสีดำสนิทเบื้องล่างที่กำลังเหลือบตามาทางนี้ “ฉันคิดว่าเมื่อกี้หมอนั่นน่าจะใช้การวิ่งในการมาที่นี่ เป็นการวิ่งเพียว ๆ ไม่มีเวทใด ๆ เสริมแน่นอน เพราะฉันไม่เห็นไอเวทที่สลายออกมาสักนิด”
‘นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไวเกือบเท่า
ๆ เจ้าหรอกรึ?’
“ก็ใช่อ่ะนะ” เธอยักไหล่
“กวางน้อย ฉันสนใจเขา ขอหน้าแสงล่ะนะ”
สิ้นคำ เธอก็แทรกตัวออกไปทันที ไม่แม้แต่จะให้อีกฝ่ายครุ่นคิดคำตอบ เมื่อหน้าแสงตกเป็นของตัวเอง ลักซ์ก็พาร่างกระโดดลงไปทันที ไม่ได้นึกเกรงเลยว่ากิ่งไม้ที่ตนยืนอยู่สูงกว่าสิบเมตร!
ตุบ!
เสียงเท้าสัมผัสพื้นเบากว่าที่ควรจะเป็นจนแทบไม่มีเสียง ดวงตาต่างสีของคนสองคนพลันสบประสานกัน ลักซ์ผุดยิ้มแสยะ จ้องใบหน้าที่ครึ่งล่างถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าโปร่งสีดำอย่างสนใจ
เธอเดินเข้าไปใกล้เขา แต่ก่อนที่ไหล่จะสัมผัสกัน หล่อนก็หมุนตัวผละออกห่าง เบี่ยงเป้าหมายไปทางสัตว์อสูรตัวหนึ่งแทน หยิบเอามีดสั้นที่เหน็บอยู่ที่ขาอ่อนออกมาควง ความมันวาวและอัญมณีนับไม่ถ้วนบ่งบอกว่าราคาของมันไม่ใช่น้อย
ๆ เลย
กลิ่นอายประหลาดแผ่ขยายออกมาจากเรือนร่างอรชร รุนแรงเสียจนพวกผู้สมัครสอบไม่กล้าขยับร่างกาย ลักซ์มองผลตอบรับด้วยความพอใจ เลื่อนดวงตาหรี่โค้งไปทางเจ้าเสือตัวโตเบื้องหน้า
ลิ้นร้อนแลบเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น ไอสังหารเพิ่มดีกรีความเข้มข้นขึ้นจนเจ้าเสือถึงกับขาสั่น ก้าวถอยหลังพร้อมขู่คำราม
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต่างประหลาดใจ เจ้าสัตว์อสูรเหล่านี้สร้างมาให้มีจิตใจกล้าแกร่ง ไม่เกรงกลัวภัยอันตรายใด ๆ ทว่ามันกลับกำลังหวาดกลัวสาวน้อยคนนั้นอย่างเห็นได้ชัด
“ยืนรอความตายรึไง?”
เธอพูดอย่างยั่วเย้า เจ้าเสือนั่นมีปฏิกิริยาทันใด มันขู่คำรามก้อง กระโจนใส่ด้วยความดุร้านและรวดเร็ว ไม่คาดว่าเพียงแค่สาวเจ้าก้าวถอยหลังครั้งหนึ่ง เหยื่ออันโอชะก็หลุดลอยจากอุ้งเท้ามรณะของมัน
“ช้าว่ะ...”
เด็กสาวแลบลิ้น กล่าวหน้าตาย
ใช้มือที่ไม่ได้ถือมีดจับเข้าที่ใต้คอหนาของมัน ออกแรงบีบจนบังเกิดเป็นเสียงร้องโหยหวนอันติดขัด มันพยายามดิ้น
แต่กลับไม่สามารถสลัดมือเล็กเรียวนี่ออกไปได้
รีอัลรัมเล่มงามถูกยกสูง ก่อนแทงเข้าที่กลางหัวของมันจนมิดด้าม ตายคาที่ในดาบเดียว
รอบข้างพลันเงียบกริบ แม้แต่บรรดาสัตว์อสูรมายาที่ว่าไร้ความรู้สึกยังพากันหวาดกลัวจนตัวสั่น ลักซ์ฉีกยิ้มหวาน ควงมีดในมืออย่างอารมณ์ดี
เพียงเสี้ยวกะพริบตา ร่างอรชรก็พลันเลือนหายไปจากตำแหน่งที่เคยยืน ทุกคนมองหาด้วยความฉงน ก่อนจะพบว่าร่างนั้นลอยคว้างอยู่กลางอากาศ จุดหมายลงจอดคือกลางดงสัตว์อสูรกว่าครึ่งร้อย!
แม้จะรู้ว่าสัตว์อสูรฝีมือระดับไม่มีทางคณามือคนอย่างลักซ์ ทว่าความบ้าบิ่นนี้ก็ทำเอาอาเรนเซียที่เฝ้ามองอยู่ภายในอ้าปากหวอไม่ได้
หล่อนเบิกตามองคนที่เคลื่อนที่พลิ้วไหวรวดเร็วเสียจนมองแล้วเวียนหัวอย่างโง่งม เวลาไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ รอบกายก็พลันเต็มไปด้วยยันต์จำนวนมาก
ลักซ์หันไปยิ้มให้สัตว์อสูรที่เหลืออยู่แค่หยิบมือแล้วกระโดดพรวดใส่เจ้าเสือผู้โชคร้าย ทำการหักขาหน้าทั้งสองข้างของมันด้วยมือเปล่า เสียงคำรามโหยหวนดังลั่นป่า
ไม่นานก็มี ‘พวกมัน’ โผล่มาช่วยเพื่อนกันโขยงใหญ่
เจ้าเสือผู้โดนหลอกใช้น้ำตาตกใน ช็อคตาย(?)กลายเป็นยันต์ด้วยตัวเอง ทิ้งบรรดาเพื่อนให้เผชิญโชคเผชิญภัยแทนตัวเอง
ภาพเหตุการณ์การสังหารหมู่สุดสะเทือนขวัญ(?)ทำเอาแทบไม่มีใครกล้าขยับตัว ต่างอ้าปากตาค้างจ้องมองลักซ์อย่างโง่งม จะมีก็แต่พ่อหนุ่มชุดดำที่ออกล่าไปพลางดูไปพลางด้วยสีหน้าตายสนิท
เหล่าผู้คนที่ทนมองความโหดร้ายไม่ไหวต่างชิ่งหนีไปที่อื่น โดยสาวเจ้าที่มัวแต่สนุกไม่ได้รับรู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองตกเป็นหัวข้อการสนทนาแสนเขย่าขวัญไปแล้ว
“เฮ้อ พอก่อนละกัน”
มหกรรมล้างเผ่าพันธุ์สิ้นสุดลงในสี่สิบกว่านาทีต่อมา ลักซ์บิดกายไปมาอย่างเกียจคร้าน เพิ่งมาเห็นว่ารอบข้างหาสิ่งมีชีวิตแทบไม่ได้ จะเหลืออยู่ก็แต่พ่อหนุ่มชุดดำผู้นั้น
ทั้งคู่สบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาที่หาอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้คู่นั้นทำเอาลักซ์ถึงกับผุดยิ้ม เธอยกมือขึ้นขยับนิ้วเป็นการทักทายอย่างมีจริตเกินจริง ทำท่าจะเดินจากไป ไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาขวางหน้าตนเอาไว้ เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้นพลัน
เมื่อลี้หลบไปอีกทาง เขาก็ตามมา
คล้ายอยากพูดอะไรแต่กลับไม่พูดออกมา
“อะไร? สนใจข้ารึ?”
เธอเอ่ยแซว ยื่นมือไปหมายจะเลิกผ้าคลุมผืนบางนั่นออก ทว่ากลับถูกมือแกร่งคว้าข้อมือไว้ หล่อนลอบถอนหายใจ ชักมือกลับ
แต่อีกฝ่ายดันคว้าไว้เสียแน่น
เด็กสาวเหลือบตาขึ้นมองคนตัวสูงกว่า ดวงตาหรี่ลง
ความคิดเห็น