คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #58 : บทที่56 ไลกีอาร์ [2]
บทที่56 ไลกีอาร์ [2]
เจ้าตัวกินมดหลังไฟตัวนั้นเดินอย่างเชื่องช้าไปตามทางของมัน ตลอดทางที่มันเดินมีเห็ดอิราดีเมียขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก บ่งบอกว่าที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของมัน
ลักซ์โหนตัวไปตามกิ่งไม้อย่างช้า
ๆ พยายามที่จะเข้าใกล้ตัวมันให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
เด็กสาวนึกทบทวนไปถึงข้อมูลของตัวกินมดหลังไฟทีละอย่างด้วยความใจเย็น ดวงตาจ้องเขม็งตามร่างของมันไปไม่มีกะพริบ
สิ่งที่เจ้าตัวนี้แพ้อย่างรุนแรงคือน้ำแข็งของตัวกินมดหลังน้ำแข็ง ลองลงมาคือเวทธาตุน้ำแล้วก็รวมถึงน้ำด้วย แต่สองอย่างหลัง หากไม่รุนแรงจริง
ๆ ก็คงทำได้แค่ให้มันหงุดหงิดแค่นั้น...
หรือก็คือไร้ประโยชน์นั่นแหละ...
ลักซ์มองมันอย่างครุ่นคิด กำลังจะสลับตำหน้าแสงให้อาเรนเซียออกมาช่วยจัดการ ไม่คาดว่าจู่ ๆ พื้นดินก็สั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรงจนต้นไม้ที่หล่อนยืนอยู่โยกคลอนอย่างรุนแรง
โฮก!
เสียงคำรามดังราวอัสนีบาตรที่ฟาดลงมาบนพื้นดิน เธอรับรู้ได้ว่าต้นเสียงอยู่ไกลมาก แต่กลับยังคงได้ยินชัดเจนแม้ห่างออกมา
แรงลมหอบหนึ่งพัดพาแว่วเสียงคำรามนั้นให้ลอยผ่านไป เจ้าตัวกินมดหลังไฟตกใจกลัวจนตัวสั่น วิ่งเตลิดหายไปทันที
เด็กสาวขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องบ้า ๆ นี่ขึ้น มองตามร่างของสัตว์อสูรที่หมายตาซึ่งวิ่งห่างออกไปอย่างเสียดายอยู่ลึก
ๆ
เธอกระโดดลงมายืนบนพื้น ออกเดิมตามหาสัตว์อสูรต่อ
โฮก!
เสียงคำรามกึกก้องดังขึ้นอีกครา คราวนี้พื้นที่เธอยืนอยู่สั่นเสียจนเซไปสองก้าว ต้นไม้ทุกต้นไหวเอนจนเหมือนจะโค่นลงมาเสียให้ได้
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพลัน เหลียวแลซ้ายขวาด้วยท่าทีระวังภัย
เสียงนั่น...ดูเหมือนจะใกล้ขึ้นกว่าเมื่อครู่มากทีเดียว...
ลักซ์เม้มปาก อารมณ์ดีกันยุ่งจนเลือกไม่ถูกเสียแล้วว่าควรทำสีหน้าเช่นใดดี
เสียงคำรามมีพลังนัก เกรงว่าหากได้พบเจอมันเข้า เธอและกวางน้อยอาจไร้หนทางต่อกร
ก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่โผล่มาแถวนี้แหละนะ...
คำภาวนายังไม่ทันจะจบดี พลันเธอก็รับรู้ได้ถึงลมหายใจของคนอื่นที่ไม่ใช่หล่อนกำลังเดินเข้ามาใกล้ทางด้านหลัง ฟังจากเสียงย่ำเท้า อย่างไรก็ไม่ใช่เสียงของรองเท้าที่เหยียบลงบนใบไม้
‘แขกผู้มาเยือน’ ส่งเสียงครางต่ำ เป็นเสียงเดียวกับเจ้าเสียงคำรามสะเทือนฟ้าสะเอนดินก่อนหน้านี้ไม่มีผิด นั่นยิ่งทำให้ร่างของหล่อนแข็งเกร็งขึ้นไปอีกระดับ
อุ้งเท้าที่ย่างเข้ามาใกล้หยุดลง ความเงียบปกคลุมบริเวณโดยรอบ นอกจากเสียงหายใจแล้ว ก็ปรากฎสุ้มเสียงอื่นใดอีก
‘ลักซ์?’
การนิ่งเงียบของคนหน้าแสงทำเอาหล่อนฉงนยิ่ง อาเรนเซียรู้แต่ว่ามีเสียงสัตว์อสูรคำราม แต่เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ที่ด้านหลังของกายหยาบได้มีสิ่งมีชีวิตหนึ่งปรากฏขึ้น
นั่นนับเป็นข้อเสียอันใหญ่หลวงของอาเรนเซีย สัมผัสทั้งห้าของเธออยู่สูงกว่าระดับปกติแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ลักซ์ไม่ตอบ เธอกำลังสับสนอยู่นิดหน่อย เจ้าอาคันตุกะด้านหลังไม่มีไอสังหารหรือออร่าความไม่เป็นมิตรใด
ๆ ปรากฏออกมาเลย
ทำไมมันถึงไม่ทำร้ายเธอ? อย่างน้อยก็แค่คิด แต่ทำไมถึงไม่มีเลย?
หลังจากยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบชวนอึดอันอยู่พักใหญ่ นางก็ตัดสินใจหันกลับไปมองทางด้านหลังในที่สุด
ดวงตาสีทับทิมของมันจ้องเขม็งมาที่ลักซ์ ต่างฝ่ายต่างนิ่งงันไม่ขยับ
เด็กสาวสบตาของมันไม่วางตา ใบหน้าอย่างเสือขาวอันมีเขี้ยวยาวโค้งพ้นปลายคาง ตลอดร่างพิสุทธิ์มีประกายสายฟ้าแล่นแปลบปลาบ บนหลังคือปีกสีขาวสี่ข้างขนาดใหญ่ ปลายหางที่มีอยู่สามเส้นลุกโชนด้วยลูกไฟสีฟ้า ร่างของมันสูงเกือบเท่าอกของเธอ ความยาวรวมหางด้วยแล้ว อาจมากถึงสองเมตรครึ่ง
หล่อนเม้มปาก เหงื่อเย็นไหลซึม จ้องมองเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเขื่องตรงหน้าอย่างหนักใจ
เธอไม่อยากคิดเลยว่าถ้ามันเกิดอยากโจมตีขึ้นมา ศพของเธอจะมีสภาพไหน
ตัวเองตายน่ะเธอไม่สนใจหรอก แต่จะให้พากวางน้อยติดสอยห้อยตามไปเป็นคู่หูวิญญาณเร่ร่อนด้วยนี่...
เธอลอบกลอกตาพลัน นี่หล่อนชักจะไร้สาระเกินไปแล้ว
หัวคิ้วของเธอย่นเข้าหากันเล็กน้อย ต่างฝ่ายต่างยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคู้ใหญ่แวววาวราวทับทิมจับนิ่งอยู่บนร่างนางไม่ไปไหน
มันส่งเสียงในลำคอก่อนสาวเท้าเข้าหา ลักซ์เกร็งร่างทันใด ในหัวเริ่มคิดคำนวณว่าหนีแบบไหนจึงจะมีโอกาสรอดชีวิตได้มากที่สุด
เจ้าเสือหน้าตาประหลาดค่อย
ๆ หยุดยืนหลังจากขยับใกล้เข้ามาประมาณเมตรหนึ่ง
มันค่อย ๆ ยอบศีรษะอันโตของมันลงอย่างแช่มช้า
“...นายท่าน”
น้ำเสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นเมื่อมันเปิดปาก เธอชะงักกายพลันด้วยนึกอึ้ง
สัตว์อสูรที่พูดได้...ส่วนใหญ่จะมีแต่พวกชั้นสูงเท่านั้น
“นายท่าน...นายแห่งข้า”
คำที่มันพูดนั้นคล้ายจะเจือไว้ซึ่งความเศร้าหมอง หล่อนขมวดคิ้ว
พลันในหัวก็ปวดแปล๊บขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ร่างกายเซวูบ
สองขาไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
โดยที่เธอไม่คาดคิด เจ้าเสือตัวยักษ์พุ่งตัวเข้ามารับร่างของหล่อนไว้ได้อย่างทันท่วงที ทำให้ร่างของกวางยังคงงดงามไร้บาดแผลเช่นที่ควรจะเป็น
ประกายสายฟ้าที่แล่นอยู่รอบกายของมันไม่ได้สร้างอันตรายให้เธออย่างที่คิด
ลักซ์ขมวดคิ้วแน่น อาการปวดร้าวในศีรษะค่อย ๆ ทุเลาลง
“นายแห่งข้า...”
ลักซ์กลับออกจากป่าเป็นคนแรก
ๆ ของกลุ่มเด็กในห้อง โดยมีเจ้าเสือขาวยักษ์เป็นพาหนะแสนหรูหรา ทำเอาทุกคนต่างมองมาตาไม่กะพริบ
เธอเองก็ยังมึนงงอยู่เล็กน้อย ว่าเพราะเหตุใดทุกอย่างจึงจบลงด้วยอิหรอบนี้
หากมีคนเดินมาถามว่า ‘ได้เจ้าเสือนี่มาได้อย่างไร’ เธอควรตอบว่าอย่างไรดีนะ? มันเดินเข้ามาหาแล้วเรียกว่านายท่านหรือ?
ให้ตายเถอะ นางยังไม่แน่ใจเลยว่าพูดกับเด็กสามขวบแล้วเด็กจะเชื่อไหม
อาจารย์ผู้ส่งเด็กไปลงนรก(?)มองเจ้าเสือตัวโตตาค้าง อ้าปากกว้างจนกรามแทบจะหลุดลงไปกองกับพื้น หน้าตาจึงได้ชวนให้คนมองขบขันยิ่ง
นะ นั่นมันมิใช่สัตว์อสูรในตำนาน ไลกีอาร์หรอกหรือ!?
ร่างของเขาพลันสั่นเทา เหตุใดสัตวิอสูรระดับนี้จึงมาอยู่ในป่าหลังโรงเรียนได้? นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย!
ลักซ์ลอบมองท่าทีตื่นตะลึงของอาจารย์ผู้นั้นเงียบ ๆ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
เจ้าเสือนี่คงไม่ธรรมดาจริง
ๆ นั่นแหละ
เธอกระโดดลงจากหลังของเจ้าเสือยักษ์ แล้วเดินไปรวมกลุ่มกับนักเรียนคนอื่นที่ออกมาก่อนแล้ว พวกเขาต่างมองมาที่สัตว์อสูรของหล่อนอย่างอิจฉาตาร้อน
พวกที่ออกมาก่อนแล้ว มีทั้งที่ได้ตัวที่น่าสนใจ และพวกที่ได้สัตว์อสูรระดับพอใช้ได้ ยังไม่มีใครสักคนที่ได้ในระดับที่โดดเด่นจนเป็นจุดสนใจเท่าเธอ
เจ้าเสือที่บอกว่าตนชื่อไลกีอาร์เดินเข้ามาใกล้เธอ ทำให้สัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ถูกขั้นพลังที่ต่างกันกดดันจนตัวสั่นงนงก บางตัวถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
ลักซ์กลอกตาไปมาอย่างครุ่นคิด ชื่อของไลกีอาร์เธอเองก็เคยได้ยินมาบ้างตามนิยายอ่านเล่นของโลกนี้ และพอจะทราบว่ามันมีอยู่จริงในตำนาน รูปร่างคล้ายกับที่อธิบายไว้ในหนังสือมาก จะต่างก็มีแต่ขนาดตัวที่เล็กกว่าในตำนานถึงสี่เท่าตัว
ทุกครั้งที่มีคนออกมาจากป่า พวกเขาจะมองมาที่สัตว์อสูรของเธออย่างสงสัยใครรู้ก่อนทุกครั้ง แล้วค่อยเลื่อนหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วใส่หล่อน
มุมปากของเธอกระตุก ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ ๆ ใบหน้าอันหนาเตอะก็ให้สั่นคลอนไปหมดจนชักจะรู้สึก ‘อับอาย’ ขึ้นมาหน่อย ๆ
ชั่วโมงเรียนผ่านไปอย่างไม่มีอะไรให้สนใจ เวลาหลายสิบนาทีที่ผ่านไปไม่ได้ทำให้ลักซ์ได้ความรู้ใด
ๆ มาประดับสมองเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอคืนการควบคุมให้อาเรนเซียทันทีที่กริ่งหมดคาบดัง
ความคิดเห็น