ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Black Butler | OC] The crimson roses ชะตาสีเลือด [LIAR'S FATE SERIES #2]

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่9 สิงร่าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 805
      51
      10 พ.ค. 64

    บทที่9 สิงร่าง

                เธอใช้เวลาในการอาบน้ำนานกว่าปกติถึงสองเท่าเพื่อขจัดกลิ่นหอมหวานให้หมดไป  อาเคร่ายกมือขึ้นดมกลิ่น  พบว่านอกจากกลิ่นจากการอาบน้ำแล้วก็ไม่มีกลิ่นอื่นเจือปนอีกจึงวางใจและตัดสินใจยอมออกจากห้องน้ำในที่สุดหลังจากแช่อยู่ในนั้นนานเกือบสองชั่วโมง

                เมื่อใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยจึงค่อยมานั่งเช็ดเรือนผมที่ยาวคลุมสะโพกของตนอย่างใจเย็น    หยดน้ำจากเรือนผมที่ซับไม่ทันหยดลงบนเตียงจนเปียดชื้นเป็นวง  เธอเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย  ลูบมือไปบนรอยชื้น  เพียงครู่เดียวพวกมันก็แห้งสนิท

                หลังจากแน่ใจว่าผมแห้งสนิทดีแล้วเธอจึงเปิดไปปิดหน้าต่างและปิดไฟเตรียมตัวนอน  แต่ยังไม่ทันจะได้เดินกลับมาถึงเตียงก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

                หญิงสาวชะงักเล็กน้อย  มองฝ่าความมืดไปยังบานประตู  ศีรษะเอียงเล็กน้อย

                ตอนนี้น่าจะราว ๆ ห้าทุ่มกว่าแล้ว  ทำไมถึงยังมีคนมาหาเธออีกกันนะ?

                คิดไปพลาง  ขาก็ก้าวไปทางประตูด้วยท่าทีทื่อ ๆ

                ข้อเสียของการไม่มีความรู้สึกนั้นไม่ใช่แค่ไม่สามารถแสดงสีหน้าแววตาหรือความรู้สึกนึกคิดได้เท่านั้น  แต่ในบางครั้งก็ยังมักเผลอพาตัวเองไปหาอันตรายโดยไม่ตั้งใจได้อีกด้วย  นั่นเป็นเพราะเธอไม่อาจ สงสัย หรือนึก หวาดระแวง ได้นั่นเอง

                และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอต้องมาซวยเพราะมัน

                ปัง!

                ยังไม่ทันที่มือจะได้แตะถูกลูกบิด  ประตูก็ได้ถูกพังเข้ามาพร้อมกับใครบางคนที่พุ่งเข้ามาต่อยเธออย่างแรงจนกระเด็นไปหลายก้าว  แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ปล่อยหมัดที่สองเธอก็ได้ยกขาถีบอีกฝ่ายจนกระเด็น

                ในความมืด  คนที่จู่ ๆ ก็บุกเข้ามาทำร้ายเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยมีด้วยกันสองคน  ซึ่งก็ล้วนเป็นคุ้นหน้าคุ้นตากันเสียด้วยสิ

                เธอกะพริบตาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ  โคลงศีรษะไปมา

                “แกเนี่ย...ชอบสิงร่างคนอื่นเพื่อลอบกัดฉันจังเลยนะ”

                อัคนีและโซมาที่บัดนี้สีหน้าเลื่อนลอยไร้สติพากันหัวเราะออกมา  ก่อนที่จะเป็นอัคนีที่กระโจนเข้ามาหาเธอก่อน  มือทั้งสองข้างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำที่ก่อตัวเป็นรูปใบดาบขนาดใหญ่

                เคร้ง!

                ทันทีที่มันปะทะกับแขนที่เปลี่ยนเป็นเคียวของหญิงสาวเสียงก็ได้ดังสนั่นไปทั่ว  ทว่าน่าแปลกที่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่พวกเมรินก็อยู่ห้องถัดเธอไปเองแท้ ๆ

                “แกทำอะไรบางอย่างกับพวกเขาสินะ?”

                เธอถามขึ้นพร้อมกับหมุนตัวเพื่อผลักเขาออกไป  โซมาพุ่งเข้ามาพร้อมกับฟาดกรงเล็บสีดำแหลมใส่เธอ  อาเคร่าก้าวถอยหลัง  ใช้ด้ามเคียวผลักเขาจนกระเด็น

                แน่นอนว่าไม่มีใครตอบคำถามเธอ  พวกเขาทำเพียงใช้สายตาเลื่อนลอยนั่นจ้องมองเธอพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะที่คล้ายว่าจะออกมาจากลำคอเท่านั้น

                ทั้งคู่กระโจนเข้ามาพร้อมกัน  อาเคร่าย่อลงเล็กน้อยก่อนตวัดขาเตะคนทั้งคู่จนกระเด็น

                ไม่มีใครเลือดตกยางออก  ทว่ารอยช้ำก็เริ่มปรากฏให้เห็นประปราย  กระนั้นคนทั้งสองกลับยังคงดื้อดึงที่จะพุ่งเข้าไปหาอันเดธสาวอย่างไม่ลดละ

                เธอหลบเลี่ยงและโต้กลับเป็นบางครั้ง  ทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้ดูน่าอึดอัดเล็กน้อย  เธอโจมตีพวกเขารุนแรงเกินไปไม่ได้  และแน่นอนว่าฆ่าไม่ได้  ไม่ใช่เพียงเพราะว่าพวกเขาเป็น ตัวละครที่เธอรู้จักเท่านั้น  แต่มันยังเกี่ยวกับเบื้องบนในนรกด้วย  หากพวกเขารู้ว่าเธอฆ่า ตัวหลักของเส้นโชคชะตาตายล่ะก็...เธอได้กลายเป็นรายต่อไปแน่

                ดังนั้นนอกจากหลบ  เธอจึงทำให้ได้เพียงใช้แรงผลักพวกเขาออกไปเท่านั้น

                ทว่าเมื่อเห็นว่าแม้จะโดนเธอทั้งเตะทั้งถีบไปหลายที  พวกเขากลับยังคงลุกขึ้นมาได้  แม้แต่โซมาที่ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ปกติก็ยังดูไม่เป็นอะไร  นั่นทำให้เธอได้ทราบว่าที่แท้ไอ้เจ้าควันสีดำนั่นพอสิงใครแล้วก็เหมือนว่าจะอิงความแข็งแกร่งของมันมากกว่าร่างต้น

                ...แบบนี้ก็แปลว่าเพิ่มแรงได้สินะ?

                คิดได้ดังนั้น  มือที่ยกขึ้นกันพลันเปลี่ยนเป็นฟาดเคียวออกไปอย่างรวดเร็ว  เล็บสีดำของโซมาหักสะบั้น  มันส่งเสียงคล้ายโกรธเคืองอยู่ภายในลำคอ

                อัคนีที่โดนเหวี่ยงล้มไปก่อนหน้านี้กระโดดเข้ามาล็อคคอเธอไว้จากด้านหลัง  หญิงสาวพลันเสียจังหวะที่จะฟันใส่โซมาทำให้ถูกกรงเล็บที่งอกยาวขึ้นมาใหม่แทงเข้าที่ท้องอย่างจัง

                “แค่ก”

                เธอกระอักเลือดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย  แม้ไม่เจ็บปวดแต่รับรู้ได้ว่าเล็กที่ยาวเกือบฟุตนั่นฉีกกระชากเครื่องในและกระเพาะของเธอจนแหลกเป็นชิ้น ๆ ไปเสียแล้ว

                แรงที่อัคนีใช้ล็อคคอเธอมันมากเสียจนกระดูดแทบจะหักออกจากกัน  อย่างไรก็ไม่มีทางเป็นแรงของมนุษย์ธรรมดา ๆ ไปได้

                ลำคอถูกอัคนีกัดเต็มแรง  เขาฉีกกระชากเนื้อของเธอและสูบกินเลือดอย่างบ้าคลั่ง  เสียงหัวเราะดังไม่จนคล้ายกับจะทำให้คฤหาสน์ทั้งหลังถล่มลงมา

                โซมาเห็นโอกาสจึงกัดเข้าลำคออีกฝั่ง  อาเคร่ายังคงมีสีหน้าไม่เปลี่ยน  เธอเหลือบมองพวกเขาที่กำลังกัดกินตัวเธออย่างบ้าคลั่งด้วยสายตาสงบนิ่ง

                เธอ รู้สึกว่าตัวเองกำลัง รู้สึกจนใจ  แต่เมื่อชั่งใจดูดี ๆ  บางทีคงเป็นเธอที่คิดไปเอง

                มันว่างเปล่า  ว่างเปล่าเช่นเดิม

                กระนั้นการที่ต้องมาเห็นพวกเขากลายเป็นพวกกินคนแบบนี้...ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่

                เมื่อคิดได้เช่นนั้น  เธอจึงกระทืบเท้า

                ปัง!

                คลื่นพลังสีดำพวยพุ่งออกมาจากร่างของหญิงสาว  มันผลักให้ทั้งสองคนที่กำลังคลุ้มคลั่งจนกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง  เมื่อร่างของพวกเขากระแทกกับกำแรงรอยร้าวขนาดใหญ่ก็ได้ทิ้งรอยเอาไว้

                ควันสีดำที่แผ่ออกมาจากร่างของทั้งสองสั่นไหว  มันเจ็บ  เจ็บจนรู้สึกเหมือนจะหายไปได้ทุกเมื่อ

                อัคนีพยายามลุกขึ้น  เขาคว้ามือสะเปะสะปะจนไปคว้าเอาผ้าม่านเข้า  ด้วยแรงมหาศาลที่ได้รับจากเงาดำทำให้ม่านถูกดึงจนขาดอย่างง่ายดาย  แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องกระทบเข้ากับร่างที่ยืนอยู่ในสภาพที่ถูกย้อมด้วยเลือดทั้งแต่ลำคอไปจนถึงปลายเท้า  ดวงตานิ่งเรียบนั้นสะท้อนกับแสงจันทร์จนส่องประกายวาววับ

                “...ทำไมถึงชอบกัดคอฉันกันนักนะ?”

                แม้ตรงบริเวณลำคอจะเป็นแผลเหวอะหวะเสียจนเลือดท่วม  อาเคร่าก็ยังรำพึงออกมาด้วยสีหน้าไร้เจ็บไร้ปวด  เธอยกมือขึ้นแตะเบา ๆ  บาดแผลพลันสมานจนกลับเป็นปกติ

                ไอเวทเข้มข้นคละคลุ้งอยู่ภายในห้องจนมันเกือบสำลัก  จ้องมองไปทางร่างท่วมเลือด  แม้ใบหน้าของคนที่มันสิงจะยังคงเลื่อนลอย  แต่อาเคร่าสามารถบอกได้เลยว่ามันกำลังโมโหมากเพียงใด

                “อาหาร...ตาย!

                โซมาคำรามลั่น  แต่เสียงที่ออกมากลับไม่ใช่เสียงของเขา  มันทั้งต่ำและแหบแห้งน่าขนลุก  เขาพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว  อาเคร่าโยกหลบ  ผลักทั้งสองคนที่กระโจนเข้าใส่ด้วยกำแพงเวท

                “ไฟนรกใช้กับแกไม่ได้”  เธอพึมพำคล้ายกำลังพูดกับตัวเอง  หรี่ตามองคนทั้งคู่  “แต่พลังเวทดูเหมือนว่าจะใช้จัดการแกได้นี่?”

                จบคำ  เธอชี้นิ้วออกไป  พลังเวทก่อตัวและอัดแน่นกลายเป็นลูกกลมขนาดเล็กด้านหน้าปลายนิ้วของเธอ  ก่อนที่มันจะทันได้หลบ  ลูกบอลสีม่วงดำขนาดเล็กพลันแยกออกเป็นสองและพุ่งตรงไปที่หน้าอกของคนทั้งคู่อย่างรวดเร็วจนยากจะหลบได้พ้น

                “อ๊ากกก!

                เสียงร้องโหยหวนแตกพร่าไม่คล้ายเสียงมนุษย์ดังออกมาจากปากของคนทั้งคู่ก่อนที่จะล้มลงหมดสติไป  เงาดำพุ่งออกมาก่อรวมกันขนาดสูงแตะขอบประตูด้านบน  ร่างของมันบิดไหวอย่างเจ็บปวด  เสียงร้องโหยหวนระคนเกรี้ยวกราดดังไม่หยุด

                เธอมองดูสองร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นนิ่ง  หากเป็นไฟนรกย่อมไม่สามารถทำอันตรายร่างเนื้อได้และพวกเขาจะปลอดภัย  ทว่าเจ้านี่ดันมีความเข้ากันได้กับไฟนรกเธอจึงไม่สามารถใช้มันได้  ทำให้ต้องเลี่ยงมาใช้พลังเวทแทน  ข้อดีคือส่งผลกับมันอย่างรุนแรง  ข้อเสียคือร่างที่มันสิงอยู่ก็จะได้รับความเจ็บปวดไปอย่างเต็ม ๆ เช่นเดียวกัน

                มองดูแผลที่เฉียดหัวใจไปเพียงเล็กน้อยก่อนโบกมือไปทางทั้งคู่  บาดแผลที่เคยมีก็ได้สมานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว

                ดีที่เธอเกิดมาเป็นแม่มดที่นอกคอกที่สุดในโลก  ไม่เพียงใช้เวทได้ทุกธาตุ  แต่ยังเป็นแม่มดแห่งความมืดที่ใช้เวทรักษาได้อีกต่างหาก  แม้จะกลายเป็นที่รังเกียจไปนิด  แต่ก็ดีที่สบายเวลาเจอเรื่องเสี่ยงตาย  อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าถ้าไม่โดนโจมตีแบบทีเดียวตาย  อย่างไรก็รักษาได้

                “อ๊ากกก!

                มันคำรามอย่างโกรธเคือง  เปลี่ยนรูปร่างเป็นควันจาง ๆ พุ่งเข้าใส่เธอทันควัน  อาเคร่ากระโดดหลบ  กระสุนเวทสีม่วงดำถูกยิงออกไปอีกครั้ง  มันรวดเร็วเสียจนแม้แต่จะหลบก็ยังไม่ทัน  เงาดังกล่าวบิดเร่าด้วยความทรมาน  พุ่งตัวออกนอกประตูไปเพื่อหลบหนี

                กรงนกสีทองปรากฏขึ้นในมือของหญิงสาว  เธอเปิดประตูกรง  มืออีกข้างยกขึ้นชี้ไปด้านหน้า  รวบนิ้วเข้าหากัน  พลันบนพื้นใต้ร่างเงาดำก็ปรากฏของเหลวสีดำเดือดพล่าน  แขนเล็กนับพันพุ่งขึ้นล้อมรอบกลุ่มควันสีดำไว้ยากจะหลบหนีไปได้

                “อ๊ากกก! ปล่อย! ปล่อย!

                มันร้องตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว  ทว่าแม้จะร้องเสียงดังด้วยน้ำเสียงข่มขู่อย่างไรก็ไม่เป็นผล  หญิงสาวผู้นั้นยังคงเอาแต่หลุบตาต่ำ  ก้าวมาหามันด้วยฝีเท้ามั่นคง

                เธอชูกรงนกขึ้น  เป็นจังหวะเดียวกับที่เวทมนตร์ได้สลายไป  ควันดำบิดมวนเป็นวงกลมก่อนถูกดูดเข้ากลายเป็นนกตัวเล็กภายในกรง

                หล่อนมองเจ้านกที่ดิ้นพล่านอยู่ในกรงนิ่ง  เขย่ากรงเบา ๆ

                “เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้ข้าต้องใช้เวทสู้กับเจ้ามากขนาดนี้”

                มันทำให้เธอถึงกับต้องใช้เวทถึงสามครั้งในการจับมัน  ถือเป็นครั้งแรกในรอบปีกว่า ๆ ที่เธอทำงานให้แก่นรกเลยก็ว่าได้

                มันถูกคำพูดดังกล่าวทำให้โกรธจนแทบคลั่ง  มันแข็งแกร่งที่สุดในโลกของมัน  เมื่อมาที่นี่ก็ยังคงเป็นผู้ที่ทุกคนต้องหวาดกลัว  ทว่าผีดิบชั้นต่ำนางนี้กลับใช้เวทเพียงสามครั้งในการจัดการกับส่วนหนึ่งของมัน!?  มันแพ้เพียงเพราะเวทสามครั้งนั่นไม่ต่างอะไรกับการถูกตบหน้าเลยแม้แต่น้อย

                หญิงสาวไม่สนใจมันนัก  โยนกรงดังกล่าวเข้าไปมิติก่อนหันไปหาโซมาและอัคนีที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น  เดินเข้าไปสำรวจจนแน่ใจว่าทั้งคู่ไม่มีแผลใดหลงเหลืออยู่แล้วจึงนำทั้งคู่กลับไปส่งห้อง  ส่วนตัวเองก็กลับมาจัดการกับห้องที่พังเละเทะจนกลับมาเป็นปกติ  สำรวจจนแน่ใจว่าเจ้าควันดำนั่นไม่ได้อยู่แถวนี้และทุกคนได้คลายจากมนตร์สะกดของมันแล้วจึงค่อยหายออกจากคฤหาสน์ไป




    สต๊อคหมดที่แท้ทรู  คราวนี้น่าจะหายเข้ากลีบเมฆจริง ๆ ละ 555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×