ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn : จันทราเจ้าเอย... (OC) [END]

    ลำดับตอนที่ #7 : Moon Number. 5 < Papa's time >

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.89K
      728
      17 ก.พ. 63

    Moon Number. 5

    < Papa's time >

     

    จันทราเจ้าเอย..

    ช่วงเวลาของปะป๊า

     

     

     

     

    วาเรียกำลังมีปัญหา... อีกครั้ง

     

    อา ไม่ใช่ปัญหาในตอนที่แล้วหรอกนะ ภารกิจยุ่งยากนั่นจบไปเรียบร้อย เพียงแต่หัวข้อที่กำลังจะกล่าวถึงคือมารี

     

    งานของพวกเขาเสร็จสิ้นเรียบร้อย ดังนั้นสิ่งที่สมควรทำคือรีบเดินทางกลับซะ แต่มารีดันงอแงขึ้นมา..

     

    "แค่นิดเดียวก็ไม่ได้เหรอคะ?"

     

    "เป็นเด็กเป็นเล็กร้องหาผู้ชาย!!"

     

    "ว้ายตายแล้วสควอโล่ คำพูดรุนแรงเกินจริงไปแล้วนะฮ้า!"

     

    ก็ถูกต้อง เด็กหญิงตัวน้อยร้องขอจะเจอพี่เคียวคนนั้นก่อนกลับ แต่วาเรียไม่ให้ไป ง่ายๆ ก็คือหวงนั่นเอง

     

    เด็กของใคร! ใครก็หวง! ฉลามคลั่งได้ลั่นวาจาไว้ แล้วนี่อะไร ทำไมมารีของพวกเขาถึงได้ไปติดใจไอ้ผู้พิทักษ์เมฆาบ้ากฎนั่นเข้า! สควอโล่ยอมไม่ได้!

     

    "ชิชิชิให้เจ้าชายไปเชือดมันไหมเอาให้มารีน้อยของเจ้าชายลืมมันซะเลย~" ม่ว่าเปล่า ปลายนิ้วเรียวขยับพลิ้ว บรรเลงให้มีดสุดที่รักแผ่ออกมาแสดงความจริงจัง 

     

    วิญญาณตัวน้อยไม่เข้าใจ ตอนเอาไปฝากล่ะง่ายดาย ทำไมตอนนี้ขอแวะไปหาหน่อยก็ไม่ได้ มารีอยากเจอนกน้อย! (นี่สิเป้าหมายที่แท้จริง) มาม่อนร่อนลงนั่งบนหัวโปร่งแสง อัลโกบาเรโน่สายหมอกไม่ได้คิดจะห้ามหรืออะไร แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือให้ทุกคนกลับพร้อมกัน.. เนื่องจากมันเปลืองค่าน้ำมันเครื่องบิน 

     

    ทั้งอ้อนก็แล้ว โวยวายก็แล้ว ไม่มีใครยอมลงให้เธอเลย มารีเสียใจ

     

    หยาดน้ำตาใสเอ่อคลอ ริมฝีปากจิ้มลิ้มบิดเม้มและกดลง

     

    ใจของเหล่าชายหนุ่มอันมักหยาบกระด้างอ่อนยวบยาบ.. ดังนั้นปราการด้านสุดท้ายจึงถูกเรียกใช้งาน

     

    "ยัยสัมภเวสีสวะ กลับ"

     

    บุคคลผู้ไม่สนใจอะไรที่สุดแห่งหน่วยลอบสังหารนั่นเอง

     

    "แง!!"

     

    "แหกปากน่ารำคาญ ไม่กลับก็ไสหัวไป"

     

    โหดร้าย! เด็กหญิงค่อนขอดในใจ ทำอะไรไม่ได้ ถึงจะถูกใจนกน้อยปานใด แต่ถ้าไม่ได้เจอพวกพี่ชายมารีไม่ไหวหรอก วิญญาณน้อยกลืนศักดิ์ศรีเอาแต่ใจของเด็ก ร้องฮึบสะกดน้ำตาโดยมีลุสซูเซียคอยเชียร์ให้กำลังใจอยู่ข้างๆ

     

    น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงเผลาะแผละราวเม็ดฝนที่พรั่งพรู

     

    ณ เวลานั้นทุกคนพร้อมใจกันสาปส่ง.. ไม่ได้แช่งซันซัส แต่แช่งไอ้คนที่มันบังอาจล่อลวงเด็กน้อยให้เดินทางผิดไม่เชื่อฟังพวกเขา!

     

    เบลเฟกอลหัวเราะโรคจิต สอดมือใต้รักแร้หิ้วมารีขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้าง หยอกล้อบ้างแซวบ้าง แต่เธอก็ยังสะอึกสะอื้นไม่หาย

     

    หมับ

     

    คราวนี้มารีกระพริบตาปริบๆ ไล่ของเหลวที่บดบังวิสัยทัศน์เพื่อให้มั่นใจว่าตนเองไม่ได้มองผิด

     

    "ห้ามดื้อกับปะป๊า"

     

    ชัดเจน

     

    คนแย่งเด็กไปอุ้มเอ่ยเสียงข่มขู่ ไร้การปลอบประโลมสิ้นดี... แต่มารีหยุดร้อง

     

    ซันซัสแทนตัวเองว่าปะป๊า...

     

    แก้มกลมยกขึ้น รอยยิ้มกว้างจนตาปิด

     

    เธอหยุดงอแงแล้ว

     

    .

    .

    .

     

     

    ตังเม

     

    มารีเกาะติดซันซัสหนึบราวกับตังเม คนโดนเกาะเป็นต้นยูคาลิปตัสให้โคอาล่าน้อยก็ไม่ไล่เสียด้วย

     

    หรือมันหวงลูกสาวจนหลุดคาร์แรคเตอร์วะ?

     

    สควอโล่คิดในใจ แต่มองท่าไหนก็ไม่เห็นอะไรนอกจากความรำคาญตอนลากมารีกลับอิตาลีและอาการเมินโลกทั้งใบในตอนนี้เลย

     

    ไอ้บอสเวรนี่มันเข้าใจยากตลอด ปล่อยมันไป

     

    กลับมาจนถึงปราสาท งานก็เข้ามาเพิ่ม.. เหล่าหัวหน้าหน่วยที่น่าเคารพนับถือทั้งหกท่านก็ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างดีโดยการทำเป็นมองไม่เห็นงานมันซะเลย

     

    เวลาพักคือเวลาที่ฉันต้องการจะพัก --ใครคนหนึ่งเคยกล่าวเอาไว้ซึ่งพวกที่เห็นด้วยก็เออออตามกันไป ไอ้ที่กล้าทำก็ตัวหัวหน้าทั้งนั้นแหละ คนว่าง(อู้งาน)พยายามชวนมารีไปเล่นด้วย หวังให้ลืมไอ้ผู้ชายที่อันตรายต่อเด็กน้อยคนนั้น ทว่าเด็กหญิงดันเอาแต่ปฏิเสธ บอกจะอยู่กับปะป๊าของเธอไม่ไปไหน 

     

    เจอซันซัสใจดีหน่อยก็เหมือนเด็กเห่อพ่อไปเลย สุดท้ายคนโดนเมินก็แยกย้ายกันกลับไปทำงานอยู่ดี

     

    "โว้ย! ไอ้บอสเวร! ทำงานดิวะ!!" สควอโล่ฟาดกองเอกสารลงกับโต๊ะใหญ่ นี่ขนาดงานน้อยกว่าชาวบ้านเพราะโยนงานให้คนอื่น ซันซัสก็ไม่คิดจะรับอะไรสักอย่าง แล้วดูภาพมันตอนนี้ ไอ้คุณบอสห่านี่กำลังนั่งท้าแขนกับเก้าอี้ซึ่งเปรียบเสมือนบัลลังก์ มีมารีนั่งบนตักหันหน้าเข้าหากัน เด็กหญิงกำลังเล่าเรื่องอะไรบางอย่างท่าทางสนุก ขัดกับใบหน้าเหี้ยมๆ ไร้อารมณ์ของบอสใหญ่แห่งวาเรียสุดขอบโลก

     

    "ไม่!"

     

    "อะไร!"

     

    ซันซัสไม่ตอบ แต่เป็นวิญญาณตัวน้อยที่หันมาปฏิเสธงาน

     

    "ปะป๊าจะเล่นกับมารี! วันนี้เป็นวันของปะป๊า หนูไม่ให้ทำงาน!"

     

    "ได้ไงวะ!" สควอโล่แทบจะเอาดาบฟาดคนหน้าบาก ทีเขาเลี้ยงยัยเด็กผีนี่เขายังไม่ได้วันหยุดเลยนะเว้ย!

     

    "ไอ้ฉลามสวะน่ารำคาญ ไสหัวไป"

     

    "ไอ้... ชิ เออ!!"เ ส้นผมยาวสะบัดใส่แทบตีหน้าคนสั่ง เอาแต่ใจทั้งพ่อทั้งลูก! ขอให้กองงานแม่งทับหัวคนพ่อขาดอากาศหายใจตายไปเลย!!

     

    ปัง!

     

    ปิดประตูด้วยเสียงอันดัง ตอนนั้นเอง ใบหน้าหงุดหงิดก็กลายเป็นฉงนใจ

     

    หรือว่า... ที่ไม่ไล่มารีเพราะหาเรื่องอู้งานเหรอวะ?

     

    "..."

     

    "ไปตายซะ ไอ้บอสเวร!!!"ได้แค่ตะโกนดังๆ แล้วเดินกระแทกเท้าจากไป

     

     

     

    ภายในฟ้องที่สงบลง มารีหันกลับมาสนใจปะป๊าของเธออีกครั้ง โบกมือโบกไม้อย่างจริงจัง

     

    "ต่อจากนั้น เจ้านกตัวเล็กๆ ก็บินเข้ามาล่ะค่ะ น่ารักมากเลย หนูอยากเล่นกับมันอีก มันร้องเพลงเพราะด้วยนะคะ แล้วก็...”

     

    สายตาดุจราชสีห์มองเจ้าวิญญาณที่ตนเองเอาแต่เรียกสัมภเวสีสวะมาแต่ไหนแต่ไร เพิ่งรู้ว่าเด็กคนนี้พูดมากเวลาเขาปล่อยให้พูด จริงที่มารีมักเข้ามาแหย่หรือวนเวียนรอบๆตัว แต่ก็แค่เล่นแบบพอดี เวลาโดนเป่าหัวเป่าไส้ทิ้งก็จะหุบปากทำตัวเรียบร้อยขึ้นไม่ให้เขาหงุดหงิดกว่าเดิม

     

    พอลองสังเกตแบบนี้ ยัยเด็กนี่ไม่เห็นมีอะไรให้น่าเก็บไว้กับตัวเลยสักนิด

     

    ไม่สิ เธอก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้งานต่างๆในแต่ละหน่วยเสร็จเร็วขึ้น เบลเฟกอลนั้นชื่นชมสำหรับการเป็นคู่หูในภารกิจ มาม่อนยังยินดีกับบัญชีการคลังที่ไม่ต้องคอยดึงเงินออกมาโปะค่าซ่อมแซมปราสาทเท่าเมื่อก่อน สควอโล่ได้ผู้ช่วยงานเอกสาร ลุสซูเรียก็ได้มารีนี่แหละที่ทำให้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทุกวัน ขนาดเลวี่ก็ยังมีคนป่วนให้ชื่นใจเล่นเป็นคนแก่วัยเกษียน 

     

    แน่นอนว่าซันซัสไม่ได้ใส่ใจลึกถึงขนาดนั้น แค่รู้ว่ารอบตัวของเขาเปลี่ยนไปนิดหน่อยในทางที่ไม่ได้เลวร้ายเท่านั้น... ยอมรับดีขึ้นก็ได้ นิดหนึ่ง

     

    "..."

     

    "..."

     

    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่มารีหยุดเล่าเรื่อง หนึ่งคนหนึ่งวิญญาณมองหน้ากันท่ามกลางความเงียบ

     

    หนึ่งคิด หนึ่งสงสัย

     

    พอรู้ตัวอีกที ฝ่ามือหนาแต้มแผลเป็นน่ากลัวก็วางลงบนหัวเด็กหญิง โยกหัวนั่นไปมา ค่อนข้างจะแรงเกินกว่าจะเป็นการเล่นกับหัวคนปกติ หยาบกระด้าง ทั้งยังไร้ความอ่อนโยน มารีแทบคลอนตามแรงดันของปะป๊าไปทั้งตัว ได้แต่ใช้สองมือเกาะเสื้อคลุมคนตัวใหญ่กว่าไม่ให้หล่นจากตั

     

    วงตาของเด็กหญิงเบิกกว้าง ปากอ้าออกน้อยๆ ระคนอึ้งกับสิ่งที่พบไปครู่หนึ่ง

     

    ปะป๊ากับกำลังลูบหัวของเธอ

     

    คนนอกอาจมองว่าเป็นการรังแ แต่มารีไม่คิดเช่นนั้น เด็กหญิงยิ้มกว้างจนตาปิดครั้งแล้วครั้งเล่าให้กับเจ้าของตักที่เธอนั่งอยู่ ผ่านไปสักพัก ซันซัสก็เก็บแขนกลับไป กระทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อสักครู่

     

    มารีโถมตัวใส่ราชสีห์หน้าดุที่เธอคอยวนเวียนอยู่ใกล้แทบตลอดเวลาเท่าที่ทำได้ โอบแขนรอบลำคอซึ่งมีเครื่องประดับฟูๆแบบที่เธอชอบ ซบซุกหน้าลงกับขนเฟอร์ประดับเสื้อคลุมบนบ่าของเขา

     

    "นกเวรนั่นไม่ดีเท่าฉันหรอก ยัยสวะหน้าโง่"

     

    แก้มแตะเบาๆที่ส่วนเดียวกันของซันซัส ไล้ก้อนกลมๆนั่นกับแก้มสากอย่างออดอ้อน

     

    "อื้อ" เธอขานรับเอาใจ "ปะป๊าดีกว่า"

     

    ต่อให้เธอชอบก้อนกลมปุกปุยนั่นแค่ไหน วาเรียก็ยังเป็นที่หนึ่งเสมอ

     

    "เข้าใจแล้วก็หยุดร้องหามันซะ น่ารำคาญ"

     

    ถึงจะบอกแบบนั้น แต่ไม่ใช่ว่าการทำตัวแบบมารีในตอนนี้ก็น่ารำคาญหรือยังไงถึงจะเป็นกายจิต หากถูกเนื้อต้องตัวเกินจำเป็นแบบนี้ปกติคงโดนยิงพรุนไปแล้ว

     

    แบบนั้นเด็กหญิงเลยยิ่งต้องกล่าวสนับสนุน

     

    "ค่ะ" 

     

    เพราะปะป๊าใจดีแบบนี้.. จะขัดได้ยังไงกัน จริงไหมก็มารีอยากให้ปะป๊าเรียกเธอว่าเด็กดีนี่นา

     

     

     

    ☽☽☽

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×