ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Got7]Got 2 Survive {BNior,JackJae,MarkBam}

    ลำดับตอนที่ #34 : ตอนที่ 32 : 32th Bullets 100% ค่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.32K
      15
      18 ธ.ค. 57



    ตอนที่ 32 : 32th Bullets - Leader game 3 -





     

     





    รูปตัวอย่างสนามเพาะ จริงๆแล้ว สเกลแต่ละเฟส ยาว 100 เมตรนะคะ นี่ย่อๆพอให้เห็นภาพ น๊า

     




    .

    .

    .

    "อ่าว นึกว่านายจะพูดอะไร ยาวๆ ซึ้งๆ กับพวกนั้นเสียอีก  นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ"

    เก็นซุย วัยชรารับโทรศัพท์คืนมาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร







    "พวกนั้นหน่ะ  คงโดนทรมานแค่ร่างกาย  ถ้าไม่เสียเลือดถึงตาย ยังไงก็ต้องทนให้ไหวหล่ะครับ 

    เพราะพวกเราถูกฝึกมาแบบนั้น  แต่ถ้าทรมานจิตใจหน่ะ  คงอยู่ไม่สุขกันแน่ๆ
    " แจบอมยิ้มเจ้า

    เล่ห์






     

    ไม่ใช่ว่าเขารักสมาชิก Got7 ไม่เท่ากัน  แต่เพราะมาร์ค และแจ๊กสัน เป็นมากกว่าสมาชิก  ทั้ง

    สองคนนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับการแนะนำอะไร เพราะสามารถทำอะไรๆที่สำคัญทุกอย่างได้ด้วย

    ตัวเอง มีความสามารถ  มีรับผิดชอบ ถึงระดับที่ขึ้นเป็นหัวหน้าทีมต่อไปแทนเขาได้สบายๆ 

    เพราะฉะนั้นการควบคุมคนที่เก่งระดับเดียวกันคงมีแต่การให้รางวัลตอบแทนในสิ่งที่พวกเขา

    ต้องการ หรือลงโทษเพื่อจะล่อหลอก จูงใจในการสร้างผลงานที่ไม่ธรรมดาของพวกหัวกะทิ

    เหล่านี้

     




    .

    .

    .


     

    "อาหารครั้งสุดท้าย ตกถึงกระเพาะตอนไหนนะ  การพักผ่อน ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนิ่มอุ่นหล่ะ

    ล่าสุดมันผ่านมากี่วันแล้ว
    ?" ถึงจะจำเป็นต้องหาเวลาทำสิ่งเหล่านี้ เพราะร่างกายประท้วงอย่าง

    รุนแรง ทั้งหิว ไม่มีแรง  หนังตาจะปิด  แต่มาร์คกับ แจ๊กสันก็หาได้สนใจให้ความสำคัญตรงนี้ไม่







    หลังจากเสียงโทรศัพท์ของแจบอมตัดไป  ความกังวลและว้าวุ่นใจสูงสุดก็เข้ามาจู่โจม จน

    หน้าอกแทบระเบิด แสนอึดอัด ทรมาน
    ปานจะขาดใจ







    "ถ้าแบมแบมเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไง... !!??"  เพราะไอ้การทดสอบบ้าๆนี่ทำให้เขาไม่

    สามารถไปดูแลน้องได้  มาร์ครู้สึกโกรธทุกอย่างและโมโหทุกสิ่งที่อยู่บนโลกตอนนี้  จากคนที่

    ใจเย็น เงียบๆ นิ่งๆ ถ้าเป็นเรื่องแบมแบมแบบนี้ มันทำให้เขาเดือดได้ในชั่ววินาที เปลี่ยนเป็น

    คนละคนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที







    แจ๊กสันอีกคน  พอได้ยินว่ายองแจกำลังแย่  เขาถึงกับช๊อคไปไม่เป็นยิ่งกว่า  ถ้าเขาไม่ได้เจอผู้

    ที่รับเป็นที่พักพิงใจ อันเป็นที่รักของเขาอีกต่อไปแล้วละก็  ทุกอย่างในโลกนี้คงไม่มีความจำเป็น

    อะไรอีกแล้วสำหรับเขา  ต้องทำลายมันไปพร้อมๆกันซะ







    มาร์ค และแจ๊กสัน ตัดสินใจแทบจะพร้อมกัน เดินไปกดปุ่มฉุกเฉินสีแดงที่ผนัง เพื่อติดต่อกับ

    สองเก็นซุยหญิงที่ดูแล (ทรมาน) พวกเขาอยู่







    "เงื่อนไข การปล่อยพวกตัว ที่พวกเราต้องเคลีย คืออะไรครับคุณป้า?  รีบๆจัดหนัก แล้วปล่อย

    พวกผมไปดีกว่า  พวกเราไม่มีเวลามาเล่นด้วยแล้วหล่ะครับ
    " มาร์คหมดใจที่จะทำตัวสุภาพอีก

    ต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้ ทุกนาทีล้วนมีค่า
    เขาจึงไม่อยากเสียเวลาอ้อมค้อม







    "ใช่ อยากทำอะไรเชิญทำเลยครับ  แม้จะทรมานแค่ไหนพวกเราก็จะไม่ปริปาก  เอาที่พวกคุณ

    ป้าสบายใจ  เสร็จแล้วพาเรากลับไปหาน้องๆที่ เดิมเถอะนะครับ
    " แจ๊กสันพูดเหมือนจะ อ้อนวอน

    ยอมอ่อนข้อ แต่สีหน้าและแววตาไม่ได้ไปด้วยกันเลย เขาทำหน้าเหมือนกับว่า รีบๆจัดมาเถอะ

    พ่อจะเชือดไม่ยั้ง เอาให้เละ ไม่มีการถอยกลับอีกต่อไปแล้ว  ถ้าไม่ได้ออกไปเดี๋ยวนี้ ก็มาตายซะ

    ให้หมดนี่เลยดีกว่า... หึ.







    "ไม่เสียใจแน่นะ ที่พูดมาเนี่ย?" เสียงอากิเก็นซุย ดังใส ตอบกลับมาทางลำโพง ที่ติดไว้







    "ไม่มีทาง!!" ทั้งมาร์ค และแจ๊กสัน สามัคคีกันตอบอย่างไม่ลังเล โดยพร้อมเพียงกัน







    "งั้น จะรออะไร เป้าหมายที่ตั้งไว้ ใน 7 วัน คือ 300 คน แต่ 4 วันมานี่ เพิ่งจัดการไป 200 นะ งั้น

    คืนนี้ ปล่อยหมดที่เดียว อีก 100 คนที่เหลือ  ส่วนสนาม ยังต้องลงอีก 10 รอบ  เสร็จแล้ว มากด

    ปุ่มสีแดงอีกทีแล้วกัน ถ้าพวกนายยังมีชีวิตรอดอยู่  เดี๋ยวพวกเราจะลงไปทำพิธีปิดให้   ขอให้

    โชคดี พระคุ้มครองนะจ๊ะ  แต่ว่า...น่าเสียดายนะ  ที่เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว โฮะ โฮะ โฮะ
    "

    เสียงอาโอย เก็นซุย ส่งภาษายียวน กวนอารมณ์ของทั้งสองให้เดือดขึ้นไปอีก ก่อนจะตัดการ

    ติดต่อไป







    และแทบไม่ต้องปล่อยให้ทั้งสองหนุ่มคอยนาน แค่ไม่กี่อึดใจก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น







    "ตื๊ดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดด ตื๊ดดดดดดด.." เสียงสัญญาณไซเรนอิเลกทรอนิค ที่แค่ได้ยินก็

    รู้สึกไม่ปลอดภัย ดังขึ้นแบบเซอราวน์รอบห้อง และดังต่อเนื่องอยู่สักพักก่อนจะมีเสียงอื่นตามมา







    "ตึก!! ตึ่ง แกร๊กกก ..กึ่ง!"เสียงกลไกหนักๆ กำลังทำงาน ปลดล๊อคอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะทิ้ง

    ระยะสักอึดใจ ให้ประตูบานใหญ่ทั้ง 4 ทิศ รอบห้องเปิดขึ้นมาพร้อมกัน จากนั้นมีนักล่าเงินรางวัล

    จำนวนมากเดินออกมาจากประตูทั้ง 4 ด้านนั้น







    "กึก กัก กึก กึกๆๆๆ" เสียงรองเท้าของผู้มาเยือนทั้ง 100 คน ตามที่เก็นซุยว่าไว้ ดังกึกก้อง

    ราวกับเสียงสวนสนาม ที่สะท้อนในห้องปิดทึบที่พวกเขาอยู่ และค่อยๆกระชั้นเข้ามาใกล้ จน

    หัวใจของมาร์คและแจ๊กสัน เต้น ระส่ำ ใจระทึก ไม่เป็นจังหวะ







    เด็กหนุ่มทั้งสองคนอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่ด้านไกลสุดของท้ายห้อง ปลายมือ และปลายเท้า

    เย็นเฉียบมีเหงื่อออกเต็มไปหมด ถ้ายังจำได้ ห้องที่กินพื้นที่ทั้งชั้น ของโรงแรม กว้างขนาด

    สนามฟุตบอล มีลู่วิ่ง  สร้าง เป็นสนามเพาะ กว้าง 10 เมตร ยาว 100 เมตร อยู่ 4 สนาม







    สภาพร่างกายของพวกเขา หลังจากผ่านการทรมานมา 4 วัน สมรรถภาพตกลงไปเยอะมาก ไม่

    เหลืออะไรที่ทำหน้าที่ได้เต็ม 100
    % อีกแล้ว  แค่ไม่ลงไปคลานกับพื้นตอนนี้ก็จัดว่าดีมากโข    

    ( แต่ก็ยังสะกดคำว่า เจียมเนื้อเจียมตัวไม่เป็นกันทั้งคู่อยู่ดี )







    วาระสุดท้ายของไอ้เด็กบ้าสองคน จะถูกกล้องบันทึกภาพนับสิบตัวบันทึกไว้อย่างละเอียดทุก

    องศา  ถึงเก็นซุยหญิงทั้งสองจะมั่นใจว่า มาร์คกับแจ๊กสัน นี่ยังไงก็คงไม่รอดแน่  แต่คอซาดิสม์

    ก็มีแอบลุ้นไปด้วย  พวกเธอติดตามจ้องมองทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เก็บรายละเอียดทุกเม็ดด้วย

    ความตื่นเต้น ระทึก  จนหายใจไม่ทั่วท้อง







    นอกจากจำนวนคู่ต่อสู้ที่เยอะมาก ( 100 ต่อ 2 คน ) จนมองไม่เห็นหนทางที่จะชนะแล้ว  การ

    ทรมานอีกอย่างในการจับคู่ก็ยังไม่สิ้นสุด 



    วันแรก พวกเขาถูกใส่กุญแจข้อมือ คนละข้างล่ามเข้าไว้ด้วยกัน 


    วันที่ 2 ถูกใส่กุญแจ ข้อมือ และข้อเท้า คนละข้างล่ามเข้าไว้ด้วยกัน 


    วันที่ 3 ใส่กุญแจข้อมือ ข้อเท้า และปิดตาคนละข้าง 


    วันที่ 4 ใส่กุญแจข้อมือ ข้อเท้า คนละข้าง และปิดตามาร์คสองข้าง ตอนนี้เพิ่งผ่านเที่ยงคืนวันที่

    4 เข้าสู่เช้า อีกวัน


    วันที่ 5 ก็ต้องถูกใส่กุญแจข้อมือ ข้อเท้า  คนละข้าง และเปลี่ยนมาปิดตาทั้ง สองข้างของแจ๊ก

    สันแทน  ยังดีที่ไม่ถึงวันที่ 6 ที่ต้องปิดตา 2 ข้างของทั้งสองคน






     

    "มาร์คฮยองมีแผนอะไรไหม!?" แจ๊กสันกำลังตัวสั่น ด้วยความเครียดเกร็ง และตื่นเต้น  ปรกติ

    เขาไม่ชอบวางแผนก่อนทำอะไรเท่าไหร่  แต่ตอนนี้ ดูจะเกินกำลังมากไป ถ้าเข้าบวกไปตรงๆ 

    แบบไม่คิดหน้าคิดหลัง  แม้แต่ปลายผมยองแจ เขาคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว







    ก็นับว่ายังมีความคิดบ้างหล่ะนะ ไม่ได้บ้าพลังกล้ามเนื้อเป็นอย่างเดียว  จริงๆแจ๊กสันซ่อนความ

    สามารถไว้หลายอย่าง ที่มาร์คเพิ่งมีโอกาสเห็นก็ใน 4 วันที่ได้มาฝึกด้วยกันนี่  ส่วนตลอด 3-4 ปี

    ที่ผ่านมา เขาแทบไม่รู้จักด้านอื่นของคนคนนี้เลยได้ซ้ำ







    "อืม!! คราวนี้หนักกว่าที่แล้วมา แต่ชั้นคำนวณแล้วว่าพวกเรายังมีโอกาสชนะ ตั้ง 0.1 % นะ "

    มาร์ค พยายามผ่อนคลายความเครียดให้แจ๊กสัน  เพราะต้องโดนปิดตาทั้งสองข้าง ทำให้ ภาวะ

    stress เพิ่มขึ้นกว่าปรกติมาก และเมื่อวานเขาเป็นคนโดนปิดตามาก่อนจึงรู้จักรสชาดนั้นดี







    "โอ้ว ตั้ง 0.1 % ผมควรจะดีใจใช่ไหม?  แต่ทำไมหัวเราะไม่ออกนะ  บอกแผนของฮยองมาเร็วๆ

    เข้าเถอะ
    " แจ๊กสันเริ่มหักนิ้วมือลั่นดัง กร๊อบ แล้วยืน เส้น ยืดสาย สะบัดคอ และแขนขา เตรียม

    พร้อม







    "ในสนามเพาะทั้ง 4 (ดูรูปประกอบด้านบน นะคะ) ที่เราตะลุยอยู่ทุกวัน มีระเบิดฝังไว้ โดยระเบิด

    จะทำงานเมือมี แรงกดลงไปจากการเหยียบ ผ่านชั้นซิลิโคนที่จะถ่ายน้ำหนักไปยังกับระเบิดที่

    ฝังไว้ข้างใต้   และมีกลไก รีฟิล (เติม) ระเบิดลูกที่ระเบิดไปแล้วใช่ไหมหล่ะ พวกเราก็แค่ล่อพา

    พวกนั้น ตามลงไปในสนามเพาะให้โดนระเบิดกันเอง ก็น่าจะลดจำนวนพวกนั้นลงได้เยอะนะ



    สนามที่ 1 เป็นทราย พวกที่ยังไม่รู้กลไกล ว่ามีระเบิดอะไรตรงไหน คงจะ ถูกกับดักจัดการเก็บ

    ไปได้ซัก 20
    % ส่วน


    สนามที่ 2 ที่เป็นน้ำ พวกนั้นอาจจะระวังมากขึ้น  แต่คนเยอะแบบนั้น น้ำคงจะกระเพื่อม กระจาย

    ขุ่นทำให้ มองและกะระยะ กับดักใต้น้ำนั้นไม่ได้หรอก  ก็น่าจะลดไปได้อีก 15
    %


    ส่วนสนามที่ 3 ที่เป็นโคลน ยิ่งน่าสนุกเข้าไปใหญ่ ทั้งเละ ทั้งลื่น ยังไงซะ ก็น่าจะเก็บได้อีก

    อย่างน้อย 20
    % เลย เพราะเคลื่อนไหวยาก และพวกเราจะตอบโต้ได้ง่ายขึ้นด้วย 


    ส่วนสนามที่ 4 ที่เป็นห้องมืด เราจะได้เปรียบสุดสุด เพราะมีตัวช่วย ก็น่าจะเก็บที่เหลือได้อีกซัก

    25
    % ดังนั้น คงจะต้องสู้จริงๆไม่เกิน 20 % ที่เหลือ รอดจากทั้ง 4 ห้อง ...เป็นไง?  ฟังดูดีใช่

    ไหมหล่ะ
    ?" มาร์คยิ้มโชว์เขี้ยวมั่นใจ มองไปทางแจ๊กสัน ที่ตอนนี้เริ่มมีรอยยิ้ม ออกมาแล้วอีกคน

    ( แม้จะเป็นรอยยิ้มดูโรคจิตก็เถอะ )







    "ฮยองว่า จะต้องใช้เวลาทั้งหมดเท่าไหร่กัน?" แจ๊กสัน กัดนิ้วโป้งอย่างใช้ความคิด  พร้อมกับ

    จำลองภาพการต่อสู้ในสมอง






     

    "ก็คง 3 - 6 ชั่วโมงหล่ะมั้ง ขึ้นอยู่กับความบ้าเลือดของพวกนั้น  ถ้าพวกเขาไม่บุก ตามเราเข้ามา

    ในสนาม ก็จะยิ่งยืดเยื้อ ช้าไปอีก ซึ่งก็น่าหนักใจ
    " มาร์คกับแจ๊กสันยังคงสนทนากันไปอย่างไม่

    รีบร้อน จน นักล่าเงินรางวัล 25 คนแรก ที่มาจากประตูทิศใต้ ท้ายสนาม ใกล้กับจุดที่ทั้งสองคน

    อยู่ มาล้อมพวกเขาไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว






     

    นักฆ่าแต่ละคน ในเซทนี้ล้วนกำยำ ดูน่าเกรงขาม ทุกคนมีอาวุธครบมือ  ไม่รู้ว่า พวกมินาโมโตะ

    เก็นซุยหญิงทั้งสอง ต้องหมดเงินไปเท่าไหร่กับการหานักล่าเงินรางวัล จำนวน มากขนาดนี้ มา

    จัดการกับพวกเขา  และยิ่งเป็นการระดมพล 100 คนในครั้งเดียว ด้วยเวลาไม่ถึงชั่วโมงด้วยแล้ว 

    แต่คงมีพวกมีฝีมือไม่ได้มาตรฐานปนมาบ้างด้วยเวลารวมคนจำกัดแค่นี้ไม่มากก็น้อยหล่ะนะ






     

    "ไปกันเลย Let's go!!" มาร์คให้สัญญาณ ออกตัว





     

    แจ๊กสัน วิ่งเข้าไปในสนามเพาะ ที่ 1 ที่อยู่ใกล้ๆ พื้นสนามเต็มไปด้วยทราย ที่เหยียบแล้วข้อเท้า

    จมลงไปทำให้วิ่งได้ไม่เร็วนัก แต่ก็เป็นอุปสรรคต่อพวกนักล่าเงินรางวัลด้วยเช่นกัน  การเคลื่อน

    ไปข้างหน้าเพราะถูกปิดตา  ทำได้ลำบาก ( นึกสภาพตอนเราหลับตาเดิน ให้เป็นเส้นตรงยังยาก

    เมื่อเคลื่อนไหวในขณะนั้นร่างกายก็จะเสีย
    สมดุลง่าย เคยมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์มากมาย

    ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไม
    เมื่อเราถูกปิดตา เราจะเดินตรงๆเป็นเวลานานไม่ได้ ส่วนใหญ่จะ

    เดินวนเป็นวงกลมด้วยซ้ำ ) แต่เพราะถูกฝึกมา สำหรับต่อสู้ในที่มืด การถูกปิดตาตอนนี้จึงยังพอ

    ไปต่อได้  และนอกจากนั้นยังมีมาร์คเป็นดวงตาให้







    เพราะข้อมือทั้งสองคนถูกล่ามไว้ด้วยกัน เวลามาร์คต้องการบอกทิศ ก็แค่เอามือของเขาจับนิ้ว

    มือของแจ๊กสัน ถ้าจับนิ้วกลางให้ตรงไปข้างหน้า ถ้าจับนิ้วชี้ให้หันขวา จับนิ้วนางให้หันซ้าย จับ

    นิ้วก้อยให้กลับหลังหัน ถ้าปล่อยมือให้หยุดกับที่ นอกจากบอกทิศแล้ว มาร์คก็แค่เคลื่อนไหว

    ตามแจ๊กสันที่ทำหน้าที่วิ่งไปข้างหน้าเท่านั้น







    มาร์คจำตำแหน่งกับระเบิด และตำแหน่งที่ปลอดภัยได้เกือบทั้งหมด ระหว่างวิ่งไป เขาก็บังคับ

    นิ้วมือแจ๊กสันไป (อย่างกับรูดแทปเลท) เมื่อนักล่าเงินรางวัลกลุ่มแรกตามเข้ามา ก็โดนระเบิด

    เข้าไป ซึ่งมีเสียงดังตูมตาม สนั่นหวั่นไหว เม็ดทรายกระจายฟุ้ง มีเศษเนื้อ แขนขา กระจุย

    กระเด็นไปโดนกระจก ที่คลุมเป็นหลังคาสนามเพาะ แล้วตกลงมา เกลื่อนกลาด ( กระจกนี้สร้าง

    ด้วยนาโนเทคโนโลยี โมเลกุลของมันจับกันด้วยพันธะที่แข็งแรงผ่านการบีบอัดหลายชั้นเหมือน

    เพชร ทำให้ทนความร้อน และแรงระเบิดได้ ศพ และทรายจึงไม่กระจายออกไป ภายนอกสนาม

    ก็ยังสวยหรูเหมือนเดิม เป็นงานวิจัยของตระกูลมินาโมโตะโดยเฉพาะ )







    ผลของสนามแรก เก็บไปได้น่าจะ เกือบ 20 คน ตามที่คาดไว้ แต่พวกที่เหลือ เริ่มรู้แก้วสามารถ

    เดินหลบตรงที่มีศพอยู่ ก็ไม่เหยียบกับระเบิดซ้ำแล้ว ทำให้ มาร์คและแจ๊กสันต้องมุ่งหน้าไป

    สนามเพาะที่ 2 ที่อยู่ต่อกัน







    สนามที่ 2 นี้เป็นน้ำ ท่วมข้อเท้าเกือบถึงเข่า ทำให้เดินลำบากไม่แพ้สนามแรก และก็มี

    เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อแจ๊กสันเกิดเสียสมาธิ ล้มลง เป็นจังหวะที่มาร์คตามไม่ทัน

    ทำให้โดนกับระเบิด ระเบิดดังสนั่น
      ร่างของทั้งสองกระเด็นไปหลายเมตร







    เหล่านักล่าเงินรางวัลที่ยังเหลือและรอดูท่าทีอยู่ เมื่อเห็นดังนั้น ก็รีบกรูวิ่งแย่งกันเพื่อจะไปเอา

    ชิ้นส่วนร่างกายของสองคนนั้นไปขึ้นเงินรางวัล
      แต่กว่าจะถึงตำแหน่งที่พวกมาร์คอยู่ ก็มีคน

    เหยียบกับระเบิดไปอีกไม่น้อย







    "เป็นไง กระตุ้นได้ผลสินะ ผมได้ยินเสียงระเบิด ยังดังอยู่อีกหลายที " แจ๊กสัน ค่อยๆลุกขึ้น โดย

    มีมาร์คคอยช่วยประคองอยู่ข้างๆ







    "ไม่ยักรู้ว่านายก็แสดงละครเป็นนะเนี่ย ดีนะที่พุ่งตามที่นายบอก เลยหลบระเบิดทัน พวกนั้นรีบ

    เข้ามากันใหญ่เลย
    " มาร์คพูดพร้อมกับมองไปทางนักล่าเงินรางวัลที่เหลือกลุ่มใหญ่น่าจะ เหลือ

    ประมาณ 40-50 คน ห่างจากกลุ่มแรกที่โดนระเบิดไปเกือบหมดแล้ว พวกนั้นกำลังตามเข้า

    สนามมา  ก่อนที่เขาจะเอี้ยวตัวดูด้านหลังสีข้างของตัวเอง ที่ตอนนี้มีเลือดไหล เพราะโดน

    สะเก็ดระเบิดเมื่อครู่







    "น่าจะไม่เป็นไรมาก" มาร์คกัดฟันบอกตัวเอง และปิดปากเงียบไม่ยอมบอกแจ๊กสัน   






    "อีก 30 เมตรจะพ้นสนามที่ 2 แล้วนะ เข้าสู่สนามที่ 3 ที่เป็นโคลน เตรียมมีดได้แล้ว" มาร์ค

    กระซิบบอก







    เสียงระเบิด ยังดังตูมตามอยู่ แต่ความถี่ค่อยๆห่างขึ้น และเหมือนการเคลื่อนไหวของมาร์คจะ

    แปลกไปทำให้แจ๊กสันเริ่มหวั่นใจ 







    "กับดักพวกนั้นทำให้ พวกนักล่าเงินรางวัลรวมกลุ่มกันไม่ติด ต้องเดินไป หนีระเบิดไป และ

    เหมือนจะมีพวกที่ขอถอนตัวเหมือนกันนะ  แต่ฉันว่าสองป้าเก็นซุยคงไม่ปล่อยให้กลับออกไป

    หรอก กลุ่มนำที่กระชั้น พวกเราตอนนี้ น่าจะมีประมาณ 10 คนเอง  กำลังดีเลย
    "  มาร์ครายงาน

    ต่อ







    "ทุกอย่างเป็นไปตามแผนใช่ไหม มาร์คฮยอง?" แจ๊กสันรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ขึ้นมา

    เฉยๆ







    "จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรผิดไปนะ อีกไม่ถึง 1 นาทีจะต้องปะทะแล้ว อย่าบอกนะว่า ป๊อด?!!"

    มาร์คท้าทายคนข้างๆ







    แต่รอบนี้แทนที่แจ๊กสันจะโวยวายตอบกลับเหมือนเคย เขากลับเม้มปากก้มหน้านิ่งไม่ต่อปากต่อ

    คำ
    ....







    "........ก็ได้!!  ฉันได้แผลตรงเอวด้านหลัง โดนสะเก็ดระเบิด จากระเบิดเมื่อกี้  แต่ไม่เป็นอะไร

    มากหรอก ยังวิ่งได้ เคลื่อนไหวปรกติ
    "
     มาร์คสารภาพออกมา เพราะแจ๊กสันไม่เชื่อเขา และยืนนิ่ง

    ไม่ยอมขยับตัวไปไหน






     

    พอมาร์คพูดจบ อยู่ๆแจ๊กสันก็กระชากแขนดึงตัวมาร์คเข้ามากอด แล้วเอามือโอบไปทางเอวที่มี

    แผลของมาร์ค  จากการคลำดูผ่านรอยเสื้อผ้าที่โดนสะเก็ดระเบิดขาดทะลุ ปากแผลกว้าง ค่อน

    ข้างเละ และเลือดก็ยังไหล มาร์คฮยองทำเหมือนไม่มีอะไรได้ยังไง นี่มันต้องเจ็บมาก จนขยับ

    ตัว วิ่งขนาดนี้ไม่ได้แท้ๆ  แต่แจ๊กสันก็พูดตำหนิออกไปไม่ได้ เขาได้แต่เพียงกอด และเลื่อนมือ

    ขึ้นมาตบไหล่มาร์ค







    "ผมขอโทษที่เคยคิดว่าฮยองเป็นพวกเหลาะแหละ ดีแต่หน้าตาดีไปวันๆ  เรามาพยายามทำให้

    เรื่องบ้าๆพวกนี้มันจบเร็วที่สุดกันเถอะนะครับ
    "  เหมือนจะซึ้ง แต่มาร์ครู้สึกคล้ายกับถูกหลอกด่า

    ยังไงก็ไม่รู้สินะ







    ตอนนี้แจ๊กสันชักมีดพกออกมาเตรียมพร้อม  โดยมีมือของมาร์ค  ข้างที่ถูกล่ามไว้ได้มาจับมือ

    ประสานสนิทกับมือของเขา เวลามาร์คจะบอกทิศก็แค่กดนิ้วที่ต้องการ เป็นการส่งสัญญาณง่ายๆ

    แต่มีประสิทธิภาพ







    สนามที่ 3 โคลน สร้างความลำบากให้ทั้งสองฝ่าย ระเบิดที โคลนกระจายขึ้นฟ้า และกระเด็น

    เปื้อนไปทั่ว ทั้งเลอะ และเละ แต่ก็เป็นจังหวะให้มาร์ค กับแจ๊กสันเข้าไปซ้ำ จัดการปลิดชีวิตคู่

    ต่อสู้ได้







    พอโคลนกระจาย ไปบดบังสายตา ของอีกฝ่าย ด้วยการบอกตำแหน่งของมาร์ค แจ๊กสันก็พุ่งเขา

    ไปจัดการเป้าหมายโดยไม่ต้องอาศัยการมองเห็นได้ทันที  และมีมาร์คช่วยเข้าไปซ้ำ จนเมื่อเดิน

    ทางมาถึงสุดทางของสนามที่ 3 เหล่านักล่าเงินรางวัลก็ลดลงไปกว่า 60
    % ตามแผน







    ทั้งสองคนจับมือกันแน่น พากันเดินเข้าไปในสนามที่ 4 ที่ทึบมืดสนิท  ไออุ่น จากมือของกันและ

    กัน ช่วยเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ยังกัดฟัน สู้ต่อไปได้  ให้รู้ว่าไม่ได้พยายามอยู่คนเดียว มาร์คและ

    แจ๊กสันเพิ่งรู้สึกถึงข้อดีของการที่ต้องต่อสู้เป็นคู่กันเป็นครั้งแรก  มันดีในการเพิ่มพลังโจมตีก็จริง

    แต่มันดียิ่งกว่า เมื่อตกอยู่ในยามยากลำบากและท้อแท้ ตอนนี้พวกเขาต้องกลับออกไปด้วยกัน

    ให้ได้ และทั้งสองก็คิดตรงกันด้วยว่าจากนี้ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็จะจับมือกันไปให้ถึงที่สุด  






    .............







    ความลับของ สนามที่ 4 ก็คือ สนามนี้มีพื้นสนามเป็นพงหญ้า ทั้งสนามปรับอุณภูมิให้อบอุ่น ถึง

    ร้อน นอกจากจะมีกับระเบิด เหมือนสนามอื่นๆแล้ว ยังมีผู้ช่วยตัวอันตราย งานอดิเรกร้ายของ

    เก็นซุย มาเนีย หญิงทั้งสองอยู่ด้วย นั่นก็คือ บรรดาอสรพิษ ที่มีพิษร้ายรุนแรงมาก รวบรวมมา

    จากหลากหลายแห่งทั่วทุกมุมโลก







    ใน 4 วันแรก มาร์ค และแจ๊กสันนั้น เคย รัน แค่ สนามที่ 1 -3 วนไปวนมา ส่วน สนามที่ 4 นี้ พวก

    เขาแค่เคยมาด้อมๆมองๆ และพอรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง แต่ยังไม่เคย เคลียได้เลยสักครั้ง  

    ดังนั้นวันนี้เป็นไงเป็นกันหล่ะนะ







    โชคดีที่โครงสร้างส่วนหลังคาของสนามนี้ นอกจากจะเป็นกระจกทึบแสงแล้ว ยังมีคานสำหรับ

    วางท่อปรับอุณหภูมิ และเดินสายไฟอยู่ด้านบน ไม่เหมือนสนามอื่นที่เพดานเป็นกระจกใสๆ

    มาร์คจึงปีนตัวแจ๊กสัน แล้วขึ้นไปด้านบน ก่อนที่จะใช้ขาเกี่ยวคานไว้ แล้วโรยตัวลงมาดึงแจ๊กสัน

    ขึ้นไปด้วยกัน  จากนั้นทั้งคู่ก็พากันจะไต่คาน ลึกเข้าไปสู่ความมืดด้านใน







    ด้านบนนี้อาจจะปลอดภัยจากพวกงูก็จริง แต่ทางหนีก็มีจำกัด ถ้าพวกนักล่ารางวัลเหยียบกับ

    ระเบิดด้านล่างขึ้นมา แรงระเบิดจะระเบิดอัดเพดาน และกระจายออก ทำให้พวกเขาก็มีแต่เละกับ

    เละอย่างเดียว เพราะหนีไปไหนไม่ได้ ดังนั้น จำเป็นต้องจัดการศัตรูให้ได้ทันที ห้ามพลาด ก่อน

    จะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น
     







    ปลายอุโมงค์ของสนามที่ 4 นั้นเป็นทางตัน เข้าออกทางเดียว จากสนามที่ 1  ไล่มาเรื่อยๆ เวลา

    กลับก็จะต้องออกตามทางเดิม







    จนถึงตอนนี้ นักล่าเงินรางวัลถูกจัดการไปแล้วกว่า 60 % แปลว่าตอนนี้เหลือ อีกไม่ถึง 40 %

    แล้ว ก็น่าจะเหลืออีก 30 กว่าคน เท่านั้น







    ปรกติเราจะแบ่งประเภทของงูพิษตามฤทธิ์ของพิษงู เพื่อง่ายต่อการรักษา โดยจะสามารถแบ่งงู

    พิษออกได้เป็น 3-4 ประเภท คือ





    1. งูที่มีพิษออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เช่น งูเห่า งูจงอาง (และพิษยังออกฤทธิ์ต่อระบบกล้าม

    เนื้อหัวใจด้วย) และงูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลาน  งูเดท แอดเดอร์ งูเสือ ออสเตรเลีย  งูแบล๊ก

    แมมบ้า งูสีน้ำตาล ออสเตรเลีย เมื่อโดนงูพวกนี้กัด จะมี
    อาการปวดไม่มาก อีก 2-3 ชั่วโมงจึงมี

    อาการบวมบริเวณแผล  ผู้ที่ได้รับพิษจะทำให้เกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อ ลืมตาไม่ได้ กลืน

    ลำบาก
     กล้ามเนื้อกระบังลม ที่ช่วยในการหายใจเป็นอัมพาต   ทำให้หยุดหายใจ และเสียชีวิตได้





    2. งูที่มีพิษออกฤทธิ์ต่อระบบเลือด เช่น งูแมวเซา งูกัปปะ งูเขียวหางไหม้ งูหางกระดิ่ง    

    งูไวเปอร์ งูไทปัน เมื่อโดนงูพวกนี้กัดจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตก
    ทำให้มีเลือดออกตามที่ต่างๆ

    ตามผิวหนัง เหงือก อาเจียนเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด
    เกิด ลิ่มเลือดไปอุดตัดตามอวัยวะ

    ต่างๆ ทำให้ ไตวาย เลือดออกภายใน ระบบร่างกายล้มเหลว และเสียชีวิตในที่สุด ผู้ที่ถูกงูพวกนี้

    กัด
    แล้วจะเกิดอาการปวดอย่างรุนแรงและเกิดทันที แผลบวมขึ้นรอบแผลมีสีเขียวและมีเลือด

    ออก





    3. งูที่มีพิษออกฤทธิ์ต่อระบบกล้ามเนื้อ เช่น งูทะเล อันนี้ไม่มีใน ที่นี้ แต่จัดเป็นงูที่มีพิษ  

    รุนแรงที่สุดในโลกแล้ว







    ความรุนแรงของพิษขึ้นกับปริมาณที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย ยิ่งถ้าโดนงูตัวใหญ่ ปล่อยพิษได้ปริมาณ

    มากฉกกัด  มีโอกาสเสียชีวิตอย่างรวดเร็วก่อนได้รับการช่วยเหลือ  หรือถ้าได้รับปริมาณไม่มาก

    อาจจะทนอยู่ได้ถึง 30 นาที - 24 ชั่วโมง ซึ่งมีโอกาสรอดหากได้รับเซรุ่มแก้พิษงูอย่างทันท่วงที


    แต่ปรกติแล้ว งูจะไม่ฉกแค่ทีเดียว งูมีพิษพวกนี้จะดุร้าย เมื่อถูกรบกวน บางชนิดฉกทีละ 12-20

    ครั้ง ต่อการโจมตีศัตรูแต่ละที และปล่อยพิษที่สามารถฆ่าคนเป็น 100 คนได้ ต่อการฉกแต่ละ

    ครั้ง 







    ในสนามเพาะ ขนาด 10*100 เมตร หรือ 1 ตารางกิโลเมตรนี้ มีงู น้อยใหญ่ อ้วนพี อย่างน้อย ไม่

    ต่ำกว่า 100 ตัวแน่ๆ พวกมันไม่ได้ปล่อยพิษ หรือล่าอาหารเองเลย เพราะถูกเลี้ยง ดังนั้น พิษใน

    ตัวคงจะเข้มข้น ถ้าถูกฉกพ่นพิษใส่สักที สองทีคงไปสวรรค์ได้ไม่ยาก ถ้าเปิดไฟสว่างทั้งสนาม

    มันคงสยองมากทีเดียว







    มาร์คที่เคยถูกปิดตามาก่อนแล้ว นั้น สามารถอยู่ในความมืดได้อย่างสบาย เหมือนกับแจ๊กสัน ที่

    ตอนนี้ ปิดตาหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน ในสนามที่ 4 ที่มืดมิดแห่งนี้







    เสียงร้องตกใจ ของเจ้าพวกนักล่าเงินรางวัล ที่โดนอสรพิษ จู่โจม เปิดเผยตำแหน่งตัวเองให้

    เดือดร้อน  พวกที่วิ่งเข้ามาสะเปะสะปะ ก็โดน มาร์ค กับแจ๊กสัน ทิ้งตัว ห้อยศีรษะจากด้านบนลง

    มาปาดคอ ไปเรียบร้อย







    นักล่าเงินรางวัลคนแล้วคนเล่าหลายคนหายไปในความมืดของสนามที่ 4 และไม่ได้กลับออกมา

    ทำให้ตอนนี้ เหลือนักล่าเงินรางวัลเพียง 10 คนสุดท้าย  ที่ละล้าละลัง จะเดินเข้าไปสู่ความมืด

    เบื้องหน้าดีหรือไม่ 







    "โธ่เว้ย ถ้ามีเสียงระเบิด ตูมตาม โครมคราม แบบตอนแรกมันยังดีซะกว่า เข้าไปแล้วหายเงียบ

    กันหมดแบบนี้
    "  พี่อ้วน ศีรษะล้าน ผู้ใส่ผ้าปิดตาข้างหนึ่ง โวยวายขึ้นกับพวกนักล่าเงินรางวัลที่

    เหลือ







    "เอายังไงกันดี ตามเข้าไป หรือรอพวกมันออกมากันเอง?" เจ้าผอมฟันเหยิน เปิดประเด็นถาม

    ความเห็นนักล่าเงินรางวัลที่เหลือ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะจับมือเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว







    "เดี๋ยวถ้าพวกมันหิว น่าจะออกมากันเองหล่ะมั้ง เราค่อยรอจัดการตรงนี้ก็ได้" นักล่าเงินรางวัลผู้

    ใส่ผ้าปิดปากสีดำ ลายกะโหลกไขว้พูดขึ้น







    "แต่ถ้าพวกมันไม่ออกมาหล่ะ พวกเราทำคอนแท๊ก(เซนต์สัญญา) แค่ 24 ชั่วโมงนะ ถ้างานไม่

    สำเร็จ ต้องโดนปรับ 20 เท่าของค่าจ้าง เป็นเงินจำนวนที่ทั้งชาติก็ไม่มีทางหามาได้ หรือไม่ก็

    ต้องชดใช้ด้วยชีวิต
    " นักล่าเงินรางวัลร่างเล็กสันทัด ผู้มีทรงผมหวีเรียบ ใส่เยล เรียบแปล้ พูด

    ปลุกใจขึ้น ด้วยท่าทีตระหนก  ซึ่งพอทุกคนได้ยินถึงเรื่องค่าปรับ ก็ส่งเสียงฮือ ฮา  และเก็บ

    อาการไม่อยู่ รีบบุ่มบ่าม เข้าไปทำภารกิจต่อ ลืมการวางแผนและเหตุผล ทั้งหมดทั้งสิ้นไป

    เพราะตอนนี้ เวลาผ่านไปจากตอนเริ่มต้น เกือบ 10 ชั่วโมงแล้ว
    ถ้ามัวแต่รอ ก็ไม่มีอะไรการันตี

    ความปลอดภัยของชีวิตตัวเองได้อยู่ดี ทั้ง 10 คน จึงเลือกทำไรสักอย่าง ก็คือการพร้อมใจกัน

    เดินเข้าสู่ความมืดของ สนามที่ 4 นั่นเอง







    "แซ๊ก แซ๊ก แซกกก"  เสียงสั่นหาง ของงูหางกระดิ่งดังขึ้นมาใกล้ๆกลุ่มนักล่าเงินรางวัล 10 คน

    นั่น ซึ่งในนั้นมีคนรู้จักเสียงนี้ดี จึงเตือนให้พรรคพวกระวังตัว







    " นั่นเสียงงูหางกระดิ่ง ระวังนะ ในนี้น่าจะมีงูคอยซุ่มจู่โจมพวกเรา"








    พอได้รับคำเตือน นักล่าเงินรางวัลทั้ง 10 ก็เบียดเกาะกลุ่มกันแน่นขึ้น







    "ไม่ต้องตกใจ  เดี๋ยวผมจัดการให้ ค่อยๆ เดินต่อไป" ไม่นานหลังจากมีคนพูดประโยคนี้ขึ้นใน

    กลุ่ม เสียง แซ๊กๆ ของงูหางกระดิ่งก็เงียบไป







    "ผมรู้สึกถึง ลมร้อนมาจากบนเพดาน  น่าจะมีท่อของระบบทำความร้อนอยู่ด้านบนนะ และอาจจะ

    มีคาน ให้พวกเราปีนขึ้นได้
    " เสียงคนหนึ่งในกลุ่มดังขึ้น ทำให้กลุ่มนักล่าเงินรางวัล ทั้ง 10 หยุด

    นิ่งและแหงนหน้าขึ้นไปยังเพดานในความมืด --- มีลมอุ่นๆ มาปะทะหน้าจริงๆด้วย







    และแทบจะทันที 2 ใน 10 คนที่อยู่ตรงนั้น ได้ปีนขึ้นไปด้านบน แล้วตะโกนลงมาว่า ข้างบน

    ปลอดภัยดี--- ก่อน จะมีเสียง ร้อง โวยวาย และต่อด้วย เสียง ตุ๊บ
    !! เหมือนมีอะไรหล่นลงมาบน

    พื้น   ทิ้งให้ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบอีกรอบ







    ทีนี้ 8 คนที่เหลือก็แตก ฮือ ส่วนหนึ่งระบุตำแหน่งได้แล้วว่า เป้าหมายของพวกเขาต้องอยู่บน

    เพดานนั่นแน่ แต่ด้วยความมืดไม่รู้ทิศรู้ทางแบบนี้ สู้ยังไงก็เสียเปรียบ  อีกส่วน หนี เพราะความ

    กลัวจริงๆ ไม่ได้วางแผน บางคนวิ่งลึกเข้าไปด้านในเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว บางคนก็วิ่งไปด้าน

    ทางออก จน มีคนไปเหยียบ กับระเบิดจนได้ ---ตูมมมมม
    !! โชคดีว่างมันอยู่ไกลจากมาร์ค และ

    แจ๊กสันพอสมควร และระเบิดลูกนี้ก็จัดการพวกนักล่าเงินรางวัลด้วยกันไปด้วย ถึง 3 คนนอกจาก

    คนที่เหยียบมัน







    อะไรๆ ดูเหมือนจะเป็นใจ แต่ก็ยังมีสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมโผล่มาจนได้ เป็นจุดหักเหของ

    การต่อสู้ทั้งหมดเลยทีเดียว เมื่อ แจ๊กสัน รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย จึงอาสาไต่ไปตามคานใน

    ความมืดนำหน้ามาร์ค แล้วอยู่ๆเขาก็จับโดนบางสิ่งสากๆ ลื่นๆ เมือกๆ ก่อนที่จะรู้สึกเจ็บแปลบ ที่

    หลังมือตามมา







    เขารู้ได้ทันทีว่าพลาดโดนงูอะไรสักอย่างฉกเข้าแล้ว แจ๊กสันรีบตวัดมีดฟันคอเจ้าอสรพิษนั่น

    ขาดกระเด็นก่อนจะ หันหลับมากระซิบบอกมาร์ค







    "แย่แล้วฮยอง ผมเหมือนจะโดนงูฉกที่หลังมือ ไม่รู้มันขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง  อาจจะถูกแรงระเบิด

    อัดลอยกระเด็นมามั้ง  แต่ก็จัดการมันไปแล้วนะ
    "







    " โดนปิดตา คงไม่เห็นตัวใช่ไหม แย่จังแฮะ  เจ็บแผลมากไหม?" มาร์คถามกลับอย่างร้อนรน

    พร้อมกับรู้สึกโทษตนเองที่ปล่อยให้แจ๊กสันที่ถูกปิดตา นำหน้า แล้วโดนงูฉกแบบนี้







    "ตอนแรกก็ไม่นะ แต่ตอนนี้เริ่มปวดตุบๆ นิดๆแล้ว และเหมือนจะเริ่มบวมขึ้นหน่อยๆด้วย" แจ๊กสัน

    ตอบ







    "อืมมม น่าจะเป็นงูพิษพวก นิวโรท๊อกซิน ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ไม่ จงอาง งูเห่า เดท

    แอดดาร์ หรือไม่ก็ แบล๊กแมมบ้า หล่ะมั้ง ต้องรีบหาเซรุ่มให้ได้ภายใน 30 นาทีนี้ โดยด่วนที่สุด

    แล้วหล่ะ
    " มาร์ค ดึงมือแจ๊กสัน มาลูบๆดู อาการบวมของแผล







    (ขอบอกไว้เลยว่า หากโดนงูพิษกัด ไม่ควร ใช้ปากดูดพิษจากแผล กรีดแผล หรือบีบคั้นแผลงู

    กัดเพื่อรีดพิษ หรือเอาอะไรพอก หรือแม้แต่ ขันชะเนาะ เหมือนในละครไทยนะคะเพราะมีการ

    ศึกษาแล้วว่าไม่ได้ผล นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วยังอาจทำให้ แผลสกปรกติดเชื้อมากขึ้น และ

    อาจจะมีเนื้อตายถ้าเลือดไม่ไปเลี้ยง  สิ่งที่ช่วยได้จริงๆนิดหน่อย คืออาจจะใช้ผ้ายืดที่นุ่มๆ พัน

    รอบอวัยวะที่โดนงูกัดไว้เท่านั้น แล้วรีบไปโรงพยาบาล)







    "ไปทางออกกันดีกว่า  พวกเก็นซุยคงจะมีเซรุ่มแก้พิษงูไว้ให้แหละ" มาร์คปลอบใจแจ๊กสัน ซึ่ง

    ในความเป็นจริงแล้วเขาก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่ามันจะมีหรือไม่ แต่ถ้าชักช้าอาจจะเกิดอะไรขึ้น

    ก็ได้
      การให้เซรุ่มยิ่งไวเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสรอดชีวิตมากเท่านั้น ยิ่งนาน พิษจะยิ่งเข้าสู่กระแส

    เลือดและกระจายไปทั่วร่างกาย จนอาจทำให้เสียชีวิตในที่สุด







    มาร์ค กระโดดลงมาจากคาน พร้อมกับใช้ร่างตัวเองรองรับแจ๊กสันที่กระโดดตามมา ทำให้ล้ม

    กลิ้ง ทับลงบนกองซากศพที่พวกเค้า ปาดคอ เชือดไว้แถวนั้น







    มาร์ค ชำแหละชิ้นส่วน มนุษย์เหล่านั้นเป็นชิ้นๆก่อนที่จะโยนไปมั่วๆ เพื่อ ให้กับระเบิดทำงาน 

    ให้คนที่อยู่แถวนั้น และพวกงู ในความมืดโดนระเบิด อัดกระจาย เปิด แหวกเป็นทางให้เขากับ

    แจ๊กสัน เดินออกมา







    มาร์คกับแจ๊กสัน กลับออกมาอยู่ตรงสนามเพาะที่ 3 ที่สว่างปรกติ จนมาร์คต้องหยีตา เพื่อปรับ

    ให้เข้ากับแสงภายนอก ตอนนี้มาร์คจงใจเปิดผ้าปิดตาของแจ๊กสันออก เพื่อทดสอบบางอย่าง...







    ...และก็เป็นไปตามคาด แจ๊กสัน ลืมตาไม่ได้ เพราะ พิษของงูที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทมีการ

    สังเกตเบื้องต้นง่ายๆคือ จะสูญเสียการบังคับกล้ามเนื้อ หนังตา ทำให้หนังตาตก ลืมตาไม่ขึ้น

    เท่านี้ก็ระบุได้นิดหน่อยแล้วว่าต้องการเซรุ่มแบบไหน เหลือแค่ต้องแข่งกับเวลา







    ตอนนี้ไม่รู้ว่าเหลือนักล่าเงินรางวัลเท่าไหร่ในสนามแล้ว ในสายตาของมาร์ค มองเห็นแค่ ประตู

    สนามเพาะที่ 1 พวกเขาต้องรีบออกไปให้ไวที่สุด แค่ 300 เมตร ทำไมดูเหมือน ไกลเป็น 100

    กิโลเมตรนะ ตัวแจ๊กสันที่ ตอนแรก วิ่งตามมาร์คมาเรื่อยๆ ก็เริ่ม เดินช้า ลง และ เหมือนกล้าม

    เนื้อจะค่อยๆอ่อนแรงลง จนมาร์คต้องเปลี่ยนจากการประคอง เป็นอุ้มขี่โก่งขึ้นหลัง







    "แจ๊กสัน นายห้ามเป็นอะไรนะ!!!" มาร์คกัดฟัน กลั้นน้ำตา แล้วเค้นพลังงานจากทุกเซลล์ใน

    ร่างกายรีบพาแจ๊กสันไปยังทางออก เพื่อทำการรักษาต่อให้ไวที่สุด

     




     

    ................



    อีกด้าน 








    คมของคันตาน่าที่แม่นยำระดับ ไมโครเมตร (แม่นยำกว่าหน่วย มิลลิเมตร 1000 เท่า) ของแบม

    แบมแทรกผ่านอากาศ ตรงเข้าจุดตายบริเวณขมับของยองแจอย่างแม่นยำ







    ไม่ต้องถามหาที่มา  เมื่อเป้าหมายคือ ขมับ ยองแจยกฝักดาบขึ้นปกป้องส่วนสำคัญนั้นอย่าง

    ใจเย็น ก่อนที่จะใช้คันตาน่าของตัวเองประกบเข้าเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของแบมแบม ซึ่ง ได้

    ผล แบมแบมไม่สามารถดึงดาบกลับได้ น้องทำตาโต ด้วยความแปลกใจ ถึงตอนนี้จะอยู่ใน

    โหมดซีเรียสเอาจริง  ยองแจก็ยังอดคิดว่าแบมแบมน่ารักไม่ได้







    แต่แบมแบมก็โดนหยุดการโจมตีได้ไม่นานนัก ในเมื่อใช้แรงจากแขนดึงดาบออกมาไม่ได้ เขา

    จึงใช้สองมือจับที่ด้ามดาบแล้วใช้แรงหมุดทั้งตัวใส่เข้าไป จนดาบของเขาเป็นอิสระออกมาได้







    ในขณะที่ยูคยอมที่เห็นว่ายองแจกำลังพัวพันกับแบมแบมอยู่ จึงโถมจะฟันเข้าไหล่ของคนพี่ แต่

    เป็นจังหวะที่แบมแบมหลุดออกไปพอดี ยองแจจึงพลิกร่างนิดหนึ่งก่อนจะ ใช้ดาบ และฝักดาบ

    รับการโจมตีของยูคยอม แล้วเบี่ยงวิถีดาบผ่อนแรงที่โถมเข้ามาของยูคยอม ลงสู่พื้น ทำให้ยูค

    ยอมอ้าปากค้าง อย่างบ้องแบ้วอีกคน







    ยองแจ สูดหายใจลึก ก่อนจะยิ้มท้าทายให้เด็กทั้งสองคนโจมตีเข้าไปใหม่ โดยที่แบมแบม และ

    ยูคยอมก็ตอบรับเป็นอย่างดี







    ตอนนี้ฝีมือของทั้ง สามคน สูสี จนยากจะตัดสินว่าใครเก่งกว่ากัน เพราะมีข้อดีไปคนละอย่าง

    และเก็นซุยของทั้ง 3 คนก็นั่งลุ้นกันจนตัวเกร็ง







    ในตอนแรก  ก่อนหน้านี้ พวกเก็นซุยต่างก็นึกถึงภาพ การเอาเด็กๆมาเข่นฆ่ากันเอง เด็กๆทุกคน

    ต้องทรมาน เสียเลือด เสียเนื้อ เสียน้ำตา ร้องขอชีวิตอะไรแบบนี้  น่าสงสาร สมเภท และจะถูก

    ฆ่าทิ้งในที่สุด  แต่สภาพตอนนี้มันไม่ใช่เลย ไม่เหมือนที่เคยคิดกันไว้สักนิด เด็กๆ ตั้งใจต่อสู้ไม่

    ออมมือ ทุกคนมีท่าทางที่สนุกสนาน แววตามุ่งมั่น สดใส ไม่ลังเล ราวกับพวกเขาเกิดมาเพื่อสิ่ง

    นี้ ---การต่อสู้---







    นอกจากเทคนิคที่ได้รับการถ่ายทอดจากเก็นซุยแต่ละคนมาแล้วนั้น พวก แบมแบม ยองแจ และ

    ยูคยอม ก็มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึมซับการสอน และแสดงออกมาได้ดีไม่มีที่ติ







    เจ้าถ้วย ที่ตอนแรกรู้จักแต่การโจมตี ลุย ใส่แรง กล้ามเนื้ออย่างเดียว ผ่านไป 5 วัน สามารถรู้จัก

    ป้องกันตัวเองด้วย แก้ไขจุดอ่อนที่บกพร่อง ได้หมดจรด มีพลังโจมตีที่รุนแรง และมีการป้องกัน

    ที่รัดกุม ไม่เพลี้ยงพล้ำเลยวันนี้







    เจ้าขวด ที่ตอนแรก ทำอะไรก็ไม่ได้ดี ออกสเตปช้า และไม่มีพลัง ตอนนี้หัดมองจังหวะการต่อสู้

    และเข้าตอบโต้ในตอนที่ตนเองได้เปรียบ สวนการโจมตีไม่บ่อย แต่เข้าเป้า คริติคอล ตลอด วัน

    นี้ได้แสดงจังหวะสวนสวยๆ หลายครั้ง จัดว่ามีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดมาก







    เจ้าแก้ว ในตอนแรกเคลื่อนไวได้ดี พริ้วไหว แต่ไร้ทิศทาง และเกินความจำเป็น ดูโลเล และไม่มี

    ความแน่นอน  แต่มาตอนนี้ ก็รู้จักหัดควบคุม และโฟกัส สิ่งที่จำเป็นตามลำดับก่อนหลัง รู้จัก

    วางแผน และจริงจังมากขึ้น วันนี้ยิ่งเคลื่อนไหวได้ดี เหมือนสายลมพัด ตัวเบา รวดเร็ว ด้วยท่าที

    สบายๆแบบไม่ต้องพยายามสักนิด  ก็เข้าจู่โจม และหลบการจู่โจมของคนอื่นได้ชิลๆที่สุด







    หลังจากที่ เจ้าถ้วย ขวด แก้ว ทั้ง 3 เริ่มการต่อสู้ ใน เช้า วันที่ 5 นี้ ก็ผ่านมาได้ 4 ชั่วโมงแล้ว ยัง

    ไม่รู้ผลแพ้ชนะกันสักที  ทั้ง 3 ตั้งใจต่อสู้เต็มที่ไม่มีอู้ เก็นซุยของทั้งหมด จึงไม่ได้ว่าอะไร แต่ใน

    ใจแต่ละคนก็ติดกันไปต่างๆนานา







    [ทาคุยะ เก็นซุย - 10 โมง เช้าแล้วเหรอเนี่ย ถ้าไม่ต้องมาแข่งอะไร ป่านนี้ก็ได้นั่งกินอาหารว่าง

    กับเจ้าถ้วยแระ  วันนี้ตั้งใจสู้ดี ทำได้ดีมาก ทำได้ขนาดนี้ ถ้าแพ้ก็ไม่ว่าอะไรแล้วหล่ะ  ถ้าจบ

    แล้วกลับไปจะหาอะไรอร่อยๆให้กินละกันนะ
    ] ตาลุงหน้าเข้ม ที่อยู่ๆ อมยิ้มให้ตัวเอง โดยไม่มี

    ใครรู้ความคิด







    [มิซากิ เก็นซุย - หืมม เวลาผ่านไปไวจัง 10 โมง เช้าแล้ว  ปรกติเวลานี้  ถ้าไม่มาทำอะไรแบบนี้

    เจ้าขวด จะพักฝึก แล้วจะชงชา รสชาดเยี่ยม กับเอาขนมอร่อยๆ มาให้กิน พร้อมกับนวดไหล่

    สบายๆ  เฮ้อ เสียดายจัง  วันนี้  เจ้าขวดต่อสู้ได้ดีขึ้นมาก  ตั้งแต่ได้คุยกับ เจ้าหัวหน้าทีม

    ตาขวางนั่น  ก็เหมือนจะพบแนวทางของตัวเองแล้ว  ถึงตอนนี้ถ้าแพ้ขึ้นมา ฉันก็ไม่ติดใจแล้ว

    หล่ะนะ
    ] คุณลุงหน้าคมท่าทางใจดี อยู่ๆก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน







    [เคน เก็นซุย - 10 โมง แล้ว เหรอ 10โมงแล้วเหรอ  ถ้าอยู่ที่ เรือนรับรอง คงเป็นเวลาทีเจ้าแก้ว

    จะ ต้องออกไปหาของหวานมาให้ น่าแปลกใจจริงๆที่อยู่ด้วยกันแป๊บเดียว เจ้าแก้วก็รู้แล้วว่า ผม

    แพ้อาหารที่ทำจากแป้งสาลี ทำให้กินขนมปัง เค๊ก คุกกี้ อะไรพวกนี้ไม่ได้  ทุกวันเจ้าเด็กนี่จะ  

    เซอรไพรซ์ของหวาน เช้าบ่าย ถ้าไม่ใช่ ผลไม้สดอย่างดี ก็จะเป็น ขนมฝรั่งที่ทำจากแป้งพิเศษ

    ไม่มีกลูเตนที่ทำให้แพ้ บางทีก็ทำเอง บางทีก็คงไปหาซื้อมา วันนี้อดเลย เสียดายจัง  เมื่อไหร่

    การต่อสู้จะจบๆไปเนี่ย ลองเคลื่อนไหวได้ขนาดนี้ ถึงจะแพ้ ก็ไม่เป็นไรหรอก
    ] คุณลุงท่าทาง

    เคร่งระเบียบ ใส่แว่น ผมสีดำแซมเทา แอบเอาพัดกระดาษขึ้นบังหน้า แล้วกลืนน้ำลาย โดยไม่

    ทราบสาเหตุ







    ถ้วย ขวด แก้ว ต่างก็หอบตัวโยน เพราะการต่อสู้แบบนี้ มันกินพลังสมาธิ และพลังงานเป็น

    จำนวนมาก ทุกคนรู้สึกเหมือนได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาอีกระดับ และไม่อยากหยุดอยู่แค่นั้น จึง

    ทุ่มเททุกอย่าง เข้าใส่กันเต็มที่อย่างไม่มีใครยอมใคร







    "พอก่อน!! ฉันขอหยุดการต่อสู้ตอนนี้ละกัน" มิซากิ เก็นซุยขอใช้สิทธ์หยุดการแข่งขันของตัวเอง

    บ้าง แต่รอบนี้ไม่ใช่เพราะมีใครเสียเปรียบอะไร เพราะเขาแค่ นึกอยากทานน้ำชา กับขนมขึ้นมา







    "ฉันจะบอกอะไรให้นะ เจ้าขวด(ยองแจ) เนี่ย นอกจากจะมีความพยายามสูง และพัฒนาการด้าน

    การต่อสู้ดีแล้ว ยังชงชาได้อร่อยมาก  ถึงจะดื้อเงียบ ใจแข็ง แต่ก็เป็นเด็กขยัน และใจดี เหมาะ

    จะเป็นผู้สืบทอดของ คิโยฮาระ มาก
    " มิซากิ เก็นซุย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วเรียกยองแจมาหา







    "โธ่  ไม่อยากจะคุย  เจ้าแก้ว(แบมแบม)ของฉันสิ เป็นเด็กที่ละเอียดอ่อน มีน้ำใจ คิดถึงคนอื่น

    มากกว่าตัวเอง มีใจรักในสิ่งที่ทำ แล้วก็ ขี้อ้อนนิดๆ แถมยังรักความยุติธรรมอีก ให้สืบทอดวิชา

    ดาบของตระกูล อาริวาระ ของฉันก็ดีเหมือนกัน อืม อืม
    " เคนเก็นซุย รีบยกแบมแบมมาบลัพ แข่ง







    "หยุดเลย  พวกนาย  เจ้าถ้วยนี่ต่างหาก ดีที่สุด เด็กดีที่จิตใจบริสุทธิ์ใสซื่อ ไม่มารยา ถึงจะเก่ง

    อยู่แล้วก็ยังอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ละเลยคำสั่งของอาจารย์ และขยันขันแข็ง น่ารักเป็นที่สุดเว้ยย
     

    นี่แหละผู้สืบทอดของวิชาดาบตระกูลไทระ"  ทาคุยะเก็นซุย รีบพูดข่มขึ้นบ้าง คุณลุงหน้าโหดพูด

    ชมลูกศิษย์ตัวเองต่อหน้า ทำให้ตอนนี้ หน้าแดงหูแดง ทั้งอาจารย์ และลูกศิษย์ไปแล้ว







    ตอนนี้ ถ้วย ขวด แก้ว หยุด ต่อสู้กัน แล้วมองไปทางเหล่าเซนเซย์ เก็นซุย ที่เอาแต่เถียงกันเรื่อง

    ลูกศิษย์ใครจะ ดี น่ารัก กว่ากัน จนกระทั่ง มีการกระทบกระทั่ง ถึงขั้นลงไม้ลงมือ และชักดาบ

    ออกมาฟาดฟันกันในที่สุด







    "เข้าไปห้ามดีไหม ยองแจฮยอง" ยูคยอม กับ แบมแบม เก็บดาบเข้าฝัก แล้วเดินไปกระตุกชาย

    เสื้อ กิอิ ของยองแจ







    "เซนเซย์คงน้ำตาลต่ำหน่ะ เลยอารมณ์เสียพาลโมโหกัน  เราไปเตรียมของว่างกันดีกว่า คนแก่

    ทะเลาะกันสักพักเดี๋ยวก็หมดแรงแล้ว
    " ยองแจ ยิ้มสดใสให้น้องทั้งสอง ก่อนจะ เดินออกไปชง

    ชามาเสริฟ







    "'งั้นเดี๋ยว แบมแบม ไปเตรียมของว่างให้ครับ  เคนเซนเซย์แพ้แป้งสาลี ต้องทานขนมแบบ

    พิเศษเท่านั้น
    " แบมแบม พูดจบก็ วิ่งออกจากโรงฝึกไปอย่างรวดเร็ว







    เหลือ ยูคยอมที่ยืนยิ้ม ส่งรีแอกชั่น กระโดด ร้องเชียร์ ทาคุยะเซนเซย์ของตัวเอง ให้สู้กับ เซน

    เซย์อีกสองคน อย่างสนุกสนาน

     






    ผ่านไปเกือบชั่วโมง เหล่าเก็นซุยวัยชรา ก็หมดแรง ทุกคน ตัดสินใจวางดาบ แล้วก็ มานั่งรวมกัน

    หัวเราะเสียงดัง โดยมีลูกศิษย์ของแต่ละคนมาคอยประคอง
    ปรนนิบัติพัดวี ดูแล







    "ที่ผ่านมาพวกเราแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันแทบเป็นแทบตายเพื่ออะไรเนี่ย?!!" มิซากิ เก็นซุย เอ่ย

    ขึ้น ขณะรับถ้วยชาร้อน ที่ยองแจ ยกขึ้นเสริฟอย่างรู้ใจ







    "นั่นสิ  ตายยากตายเย็นกันจริงๆอ่ะ พวกแก ถ้าจะรู้ว่าหนังเหนียวกันขนาดนี้ฉันไม่มาตอแยแต่

    แรกหรอก
    " ทาคุยะ เก็นซุย รับถ้วยชาร้อน ที่ยองแจชงส่งผ่านมาทางยูคยอม ---เจ้าเด็กถ้วยทำ

    มันกระฉอกนิดหน่อย แล้วมองมาทางเขาอย่างรู้สึกผิด ถ้าเป็นสมัยก่อนนี่ คอขาดไปแล้ว แต่

    ตอนนี้ เจ้าถ้วยทำอะไร ทาคุยะ เก็นซุยก็มองว่าน่ารัก น่าเอ็นดูไปหมด (เป็นเอามากที่สุดใน

    บรรดา 3 เก็นซุยแระ)







    "ดีออกนะ ฝีมือพวกเราพัฒนาขึ้นมาก ก็เพราะแบบนี้  แล้วพอรู้สึกตัวอีกทีก็ผ่านมาเกือบ 30 ปี

    ได้  ตอนนี้ก็ไม่มีญาติสนิท หรือ คนรู้จักที่ไหนนอกจากพวกนาย 2 คนแล้วหล่ะ ฮ่า ฮ่า
    " เคน  

    เก็นซุย กล่าวสรุปความสัมพันธ์ของ พวกเขาตอนนี้







    เพราะมีเด็กๆ ที่มีความมุ่งมั่น และมีชีวิตชีวา มันทำให้เก็นซุย วัยชราที่กรำศึก ต่อสู้ฆ่าคนมาค่อน

    ชีวิต รู้สึกถึงชีวิตด้านอื่นที่พวกเขาขาดไป  เด็กแต่ละคนก็มีบางอย่างที่เข้ากันได้กับสิ่งที่พวก

    เขาไม่มี เด็กๆแต่ละคนจึงได้รับการยอมรับอย่างไม่ต้องสงสัย






    ตอนนี้ก็คงเหลือแต่ มาร์ค แจ๊กสัน และจินยอง ที่ยังไม่มีใครได้รู้ข่าว แต่พวกแบมแบมก็หวังว่า

    จะได้เจอทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตาในงานฉลองพิธี โมหงิ ของหลานสาว หัวหน้าแก๊งยากูซ่า

    แห่งโอซาก้าที่เป็นเจ้าของ คฤหาสน์ที่พวกเขาพักกันอยู่ตอนนี้  โดยพิธีจะจัดขึ้นตอนเย็น ของ

    วันนี้ แล้ว






    แบมแบม 
    ยองแจ  และ ยูคยอม มาภาวนารวมกัน ขอให้ได้เจอทุกคนอย่างปลอดภัย พร้อมหน้า

    พร้อมตาเร็วๆด้วย เถิ๊ดด.. เพี๊ยง !!!





    ................




    แก้คำผิดรอบที่ 2


    ขอให้อ่านฟิคกันอย่างมีความสุขนะคะ  (ฟิคที่มีแต่เลือดสาดอ่ะนะ!?)   



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×