ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : [SF] Coming Home [BNior] 100%
[SF] Coming Home [BNior]
ต้องเลิกรากันไปทั้งๆที่ยังมีเรื่องค้างคาในใจอยู่ ... จะเรียกว่าเลิกกันได้ไหมนะ แค่ห่างๆกันงั้นหรือ..?
...ก็ไม่ใช่ ....เพราะพวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันตั้งแต่ตอนแรกไง...
แล้วสภาพที่ต้องกลับมาเจอกันในที่แบบนี้หลังจากผ่านมาหลายปี...
ในสถานที่ที่อบอวลไปด้วยความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนพวกนั้น...
แค่ได้เห็นตัวเป็นๆของเขามายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง...
น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว....
วันนี้คือวันสุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2017 อยู่ในช่วงฤดูร้อนที่มีตัวเลขอุณหภูมิพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี ของประเทศเกาหลี คล้ายกับวันนั้นเมื่อปี 2012 ก่อนหน้า ซึ่งเป็นหน้าร้อนครั้งสุดท้ายของชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายของพวกเราสองคน...
"สวัสดีครับรุ่นพี่จินยอง ผมดีใจมากเลยที่พี่ตอบตกลงมาเข้าร่วมการแข่งขันเบสบอลศิษย์เก่า ปะทะสมาคมผู้ปกครองการกุศลฉลองครบรอบ 60 ปี โรงเรียนมัธยม JYP นะครับ ..แล้วคือ..ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนแอบขอลายเซนต์ของพี่ไว้แจกน้องๆในชมรมของเราสักจำนวนหนึ่งจะได้ไหม นี่กระดาษกับปากกาเคมีครับ" เด็กผู้ชายรุ่นน้องนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในชุดวอร์มสีเหลืองเปื้อนฝุ่น ตัดผมสั้นเกรียนติดหนังศีรษะท่าทางกระตือรือร้นยิ้มให้เขาอย่างนอบน้อมระคนชื่นชม เนื้อตัวของเด็กหนุ่มขะมุกขะมอมจากการซ้อมกีฬาอย่างหนักมาก่อนหน้า ร่างสมส่วนแบบนักกีฬาสวมปลอกแขนกัปตันชมรมเบสบอล JYP สีดำเก่าๆที่ตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยที่จินยองยังเคยอยู่ในชมรมได้ใช้ และคิดว่าอายุไขของมันคงเก่ากว่านั้น ปลอกแขนที่เต็มไปด้วยความทรงจำ หยาดเหงื่อและน้ำตาของชีวิตเด็กวัยรุ่นสมัยมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งที่ส่งต่อๆกันมา เห็นแล้วก็คิดถึงสมัยก่อนจัง
"พี่จินยองเป็นผู้เล่นคนสำคัญในเมเจอร์ลีค เป็นนักกีฬาเบสบอลมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในตำแหน่งแบตเตอร์ (ผู้ตีลูก) ตั้งแต่จบมัธยมศึกษาตอนปลาย ก็มีแมวมองมารุ่มแย่งตัวทาบทามพี่เขาเข้าเป็นนักกีฬาระดับมืออาชีพทันที แล้วพี่เขายังสามารถนำทีมสโมสรคว้าแชมป์ประจำปีได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ยิ่งกว่านั้นพี่เขายังได้รับฉายาว่า "เทพบุตรโฮมรัน" อีกต่างหาก ซึ่งมาจากที่พี่เขามีหน้าตาหล่อเกินมาตรฐานนักกีฬาอาชีพทั่วไป แถมยังดูดีทั้งในสนามและนอกสนามอย่างกับดาราจนได้ฉายา เทพบุตร ประกอบกับทุกครั้งที่พี่เขาลงแข่งยังสามารถตีโฮมรันทำคะแนนให้ทีมได้ทุกครั้งไม่เคยขาด พี่จินยองนี่เป็นสมบัติของชาติโดยแท้จริงเลยน๊า" ปาร์ค จีมิน อดีตผู้จัดการชมรมเบสบอล ศิษย์เก่าของโรงเรียนมัธยม JYP อีกคนกำลังนำสแตนดี้ขนาดเท่าคนจริงมาเรียงตกแต่ง เต็นท์ลงทะเบียน และจำหน่ายบัตรเข้างานเบสบอลศิษย์เก่าที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เธอกำลังกล่าวโฆษณาแสตนดี้ในมือกับรุ่นน้องนักเรียนที่มาช่วยงานกันอย่างขะมักเขม้น อย่างออกรส
เพราะปาร์ค จินยองได้ไปเล่นลีคเบสบอลอาชีพที่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมปลายจบ จึงเป็นที่รู้จักน้อยกว่าศิษย์เก่าคนอื่นที่มาร่วมงาน โดยศิษย์เก่าคนอื่นๆนั้นมีทั้งผู้มีชื่อเสียงที่เป็นนักการเมืองบ้าง ดาราบ้าง นักข่าวบ้าง ซึ่งทำงานในเกาหลีอยู่แล้ว แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตา พอจีมินนำแสตนดี้ขึ้นมาอวด รุ่นน้องสาวๆก็รุมถามกันเกรียวว่ารุ่นพี่สุดหล่อคนนี้เป็นใคร มีความเป็นมาอย่างไร ก็ตอนเมื่อก่อนที่จินยองยังเป็นนักกีฬาโรงเรียนสมัยมัธยมปลายนั้นหน่ะ ต้องไถผมรองทรงสั้นกุดกันนี่น๊า จะมาหล่อบอยแบนด์แบบตอนนี้ได้ที่ไหน ใครๆจะจำหน้าตาสมัยยังเรียนอยู่ของจินยองเทียบกับตอนนี้ไม่ได้นี่ก็ไม่แปลก จีมินจึงสาธยายรายละเอียดของอดีตเพื่อนร่วมทีมอวดน้องๆอย่างเต็มใจ
"แล้วพี่จินยองเค้ามีแฟนหรือยังคะ?" รุ่นน้องคนหนึ่งถามขึ้นระหว่างที่มือก็ช่วยกันจัดเรียงแสตนดี้ของรุ่นพี่คนอื่นไปเรื่อยๆ
"...เอ ตอนนี้พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ได้ข่าวว่าสาวๆที่ญี่ปุ่นก็กรี๊ดเจ้าหมอนี่น่าดูเหมือนกัน หล่อ ไนซ์ นิสัยดี การวางตัวไม่มีที่ติ เจ้าชายคลื่นลูกใหม่แห่งวงการเบสบอล มีหรือจะยังโสดอยู่ แค่ยังไม่เปิดตัวออกสื่อเท่านั้นหล่ะมั้ง .... ใครเป็นผู้ประสานงานที่นี่นะ เดี๋ยวพี่จะฝากป้ายสตาฟไปหะ.."
"กรี๊ดดดดดด!!!"
อยู่ๆเด็กๆที่กำลังช่วยงานจีมินก็กรี๊ดขึ้นมาแทรก ระหว่างที่หญิงสาวร่างอวบกำลังพูดสั่งงานยังไม่ทันจบ และสาเหตุก็มิใช่ใดอื่น นอกจากคนที่หน้าตาเหมือนยังกับสแตนดี้ที่กำลังอยู่ในหัวข้อสนทนาของพวกเธอได้เดินแจกจ่ายยิ้มหวานเข้ามาหา
(พี่จินยอง พี่จินยองตัวจริงหล่ะ พี่จินยองขาวมาก พี่จินยองตัวจริงหล่อออร่ามาก พี่จินยองดูดีสุดๆ กรี๊ดด พี่จินยอง พี่จินยองยิ้มให้ชั้น พี่จินยองยิ้มสวยจัง พี่จินยองผิวดิ๊ดี พี่จินยองหล่อมากก พี่จินยองโคตรแอ๊ทแทค พี่จินย๊องงง -บลาๆๆ อีกมากมายเป็นเสียงเอฟเฟค แบล๊กกราวน์)
"ไงครับ คุณผู้จัดการ" จินยองทักทายจีมินอย่างสนิทสนมด้วยการโอบไหล่ เมื่อก่อนพวกเขาอยู่ด้วยกันในชมรมเบสบอลของโรงเรียนนาน 3 ปีโดยไม่แบ่งแยกชายหญิง ใช้ชีวิตรองจากที่บ้าน โรงเรียนก็คงเป็นการซ้อมกีฬาของชมรมนี่แหละ เพราะประเทศเกาหลีมีลีคเบสบอลอาชีพ นักกีฬาดังจึงเป็นหนึ่งในอาชีพที่ทำรายได้ได้อย่างมากมายมหาศาล ชมรมกีฬา โดยเฉพาะชมรมเบสบอลของแต่ละโรงเรียนตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมศึกษาจึงมีการปลูกฝัง สนับสนุนให้มีการเล่นกีฬาชนิดนี้อย่างจริงจัง แพร่หลาย และโรงเรียนมัธยม JYP ก็ไม่เคยขาดดาวดังในกีฬาประเภทนี้เลย
สังเวียนเบสบอล ชั้นมอ ปลาย ระดับประเทศ เป็นสิ่งที่นักเรียนชาย มัธยมปลายชาวเกาหลี ไม่สิ น่าจะกล่าวว่าเป็นสิ่งที่ชายชาวเกาหลีทุกคนให้ความสนใจ แม้จะเรียนจบ ไปจนถึงวัยทำงานก็แล้ว ทุกคนยังใส่ใจติดตามดูการแข่งขันกีฬาเบสบอลทั้งลีคสมัครเล่น และลีคอาชีพ ซึ่งความนิยมของกีฬาเบสบอลในเกาหลีนั้นจัดเป็นอันดับหนึ่งในกีฬาที่มีคนติดตามมากที่สุดนำหน้ากีฬาฟุตบอลเสียด้วยซ้ำ
"นายเปลี่ยนไปเยอะเลยนะจินยอง แต่ยิ้มทีก็ยังมีหนวดแมวขึ้นใต้ตาเหมือนเดิมเลย" หญิงสาวกอดคอตอบอดีตเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งแต่ เรียนจบชั้น มอ ปลายเห็นจะได้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"เธอก็ไม่ค่อยเปลี่ยนไปเลยนะจีมิน เตี้ยยังไงก็ยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือตัวกลมขึ้นนะ" รอยขีดใต้ตายับประดับบนใบหน้าหล่อละมุน ดูสบายตาถูกส่งมาพร้อมคำหยอกล้อเข้าให้ เป็นหญิงสาวทั่วไปคงระทวยกันเป็นทิวแถว แต่ไม้นี้ไม่ใช่ผลกับอดีตผู้จัดการทีมคนนี้หรอกนะ
"นั่นปากเหรอยะ!! ถ้าไม่พูดอะไรออกมาก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอก ชั้นอุส่าห์เสียสละเวลามาช่วยงาน เพราะรุ่นเราเป็นเฮดรับผิดชอบปีนี้ ยังไงก็ฝากนายช่วยโปรโมทช่องทางอื่นๆดีๆด้วยหล่ะ ตอนนี้เป็นคนดังใหญ่แล้วนี่ รู้ไหม รุ่นน้องในชมรมเบสบอลของเรานะนะดีใจกันใหญ่เลยที่นายมาร่วมงานได้หน่ะ ไม่ได้กลับเกาหลีมากี่ปีแล้วเนี่ย?"
"ก็นี่กลับมาเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีเลย ว่างพอดี ที่โน่นอะไรหลายๆอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว พาทีมคว้าแชมป์เปี้ยนมา 3 ปีซ้อน เขาเลยปล่อยให้พักบ้างแหละ อีกอย่างตอนนี้เป็นหน้าร้อนด้วยไง ที่ญี่ปุ่นกำลังมีการแข่งเบสบอล มอ ปลาย ประจำปีเหมือนกัน พวกลีคอาชีพก็จบฤดูกาลพอดี ... โคชิเอ็งหล่ะ ชั้นไปดูด้วยตาตัวเองมาแล้วนะ"
"อืม ดีแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีนายคนหนึ่งที่ได้ทำตามความฝันเป็นนักเบสบอลมืออาชีพอยู่นะ คนอื่นๆในชมรมเท่าที่ได้ข่าว ตอนนี้ก็เรียนจบทำงานทำการกันหมดละ บางคนมีลูกมีเต้ากันแล้วด้วยซ้ำ มันก็ผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้วนี่เนอะ"
"นี่เธอยังติดต่อกับเพื่อนๆในชมรมอยู่เหรอ ... ติดต่อได้ทุกคนเลยใช่ไหม?"
"ก็มีไลน์กลุ่ม เฟสกลุ่มเกือบครบทุกคนแหละ ยกเว้นของนาย มาๆ ADD ชั้นมา เดี๋ยวเอาเข้ากลุ่มให้ ไปอยู่ญี่ปุ่นนี่มีเพื่อนมีฝูงกับเขาไหมนั่น เมื่อก่อนนายก็ไม่ค่อยจะสนิทกับใครง่ายๆนี่นะ"
"แรกๆก็ลำบากอยู่เหมือนกัน ทั้งภาษา อาหารการกิน ประเพณี ผู้คน ทำเอา คลัลเจอร์ช๊อคไปเลย เคยท้อแท้ คิดถึงบ้านจนอยากเลิกทำตามความฝันเลยหล่ะ แต่จะทิ้งทุกอย่างแล้วกลับมาเกาหลีที่ไม่มีอะไรรออยู่เลย ก็ไม่ใช่ทำได้อีก ความฝันในการเป็นนักเบสบอลมืออาชีพมันไม่ใช่ของชั้นเพียงคนเดียวนี่ ชั้นต้องพยายามมากกว่านี้ เพื่อเป็นตัวแทนคนที่ไม่มีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้ด้วย บอกตัวเองให้อ่อมน้อม ถ่อมตน อดทน ไม่ยอมแพ้ พอรู้ตัวอีกทีก็ได้รับการยอมรับในทีม และมีโอกาสลงเป็นตัวจริงทำผลงาน จนมีทุกอย่างอย่างวันนี้ไง"
"ฮรึกก...โธ่เอ๊ย...นายเล่าเรื่องพวกนี้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มได้ยังไง ที่นั่นการแข่งขันสูงขนาดนั้น คงไม่ใช่จะมีอะไรๆที่ได้มาง่ายๆสินะ ต้องไปเริ่มต้นใหม่ ในที่ใหม่ด้วยตัวคนเดียว แค่ฟังนายเล่า ชั้นก็จะร้องไห้ตามไปด้วยแล้ว...ฮืออ"
"วี๊ดดด ว้ายย!!"
ระหว่างที่จีมินกะลังคุยซึ้งกับจินยองอยู่ เด็กๆที่กำลังจัดแสตนดี้ศิษย์เก่าคนดังที่เหลืออีกหลายสิบคนก็ส่งเสียงฮือฮา แทรกขึ้นมาอีกระลอก
"พี่จีมินคะ สแตนดี้อันนี้เป็นรุ่นพี่เราเหมือนกันเหรอคะ หล่อออออออ มากเลยยยค่า พี่เขาเป็นใครกันๆๆๆ!!??" เด็กสาวหลายคนดูกระตือรือร้นขึ้นมากว่าปรกติ
"หล่อกว่าพี่จินยองอีก!!" เด็กผู้หญิงอีกคนโพลงขึ้นมา ทำเอาหางคิ้วของแบ๊ตเตอร์สุดหล่อที่ถูกพาดพิงกระตุกเล็กน้อยก่อนจะแอบใช้หางตาเหลือบไปมอง สแตนดี้ของคนที่น้องๆเคลมว่าหล่อกว่าเขาอย่างไม่สบอารมณ์นิดๆ
จีมินอมยิ้มเดินไปหยิบสแตนดี้เท่าตัวจริงของบุคคลที่น้องๆกล่าวถึงขึ้นมาแล้ววางมันเทียบกับตัวจริงของจินยอง ที่แกล้งทำเป็นยืนเก็กหน้าหล่อขรึมอยู่ ใกล้ๆ
"เอ้า นี่อิม แจบอมของนายไง เจ้านั่นก็จะมางานนี้เหมือนกัน แต่เป็นพิชเชอร์(นักขว้างลูก) ของสมาคมผู้ปกครองนะ พรุ่งนี้พวกนายต้องอยู่คนละฝ่ายกัน แล้วดูแสตนดี้แจบอมดิ มันยังทำหน้าตาชิคๆ กวนๆไม่เปลี่ยนเลย พอเอามาวางใกล้ๆนายแบบนี้ ยังกับย้อนเวลากลับไปสมัยก่อนเลยเนาะ เมื่อตอนนั้นพวกนายมันบ้าเบสบอสขึ้นสมองกันมาก ตัวติดกันยิ่งกว่าเงาเสียอีก"
"...."
"เอ้า !!?? ทำหน้างอ เบะปากใส่ชั้นทำไม ไม่ดีใจเหรอที่พรุ่งนี้นายจะได้เจอกับแจบอมแล้ว เมื่อก่อนพวกนายสนิทกันมากเลยนี่นา นายเพิ่งกลับจากญี่ปุ่นมาคงยังไม่ได้เจอกันเลยใช่ไหมหล่ะ"
"...."
"นี่... งั้นชั้นมีอะไรดีๆจะบอกนายหล่ะจินยอง ....เอซคนเก่ง พิชเชอร์ที่เป็นกัปตันของชมรมเบสบอลสมัยที่ชั้นเคยเป็นผู้จัดการอยู่ตอน มอ ปลายหน่ะ ชอบมาหาข้อมูลคู่แข่งที่สนามจริง ก่อนวันแข่งวันนึงเสมอเลยน๊า แล้วพรุ่งนี้เขาจะมีแข่งที่โรงเรียนนี้เสียด้วยสิ ดังนั้น...การจะหาตัวเขาในตอนนี้ วันนี้ คงไม่ยากหรอกนะ นายว่ามั้ย?"
"..."
"ขอบใจนะจีมิน ชั้นอยากจะบอกเธอมานานแล้ว ขอบใจสำหรับทุกอย่างตั้งแต่เมื่อก่อน จนถึงตอนนี้ชั้นนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตนักกีฬา มอ ปลายของพวกเราจะเป็นยังไง ถ้าไม่มีผู้จัดการทีมที่รู้ใจอย่างเธอ" จินยองเงยหน้า สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดด้วยดวงตาเป็นประกาย ในอดีตมันมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเขากับแจบอมจนทำให้ความสนิทสนมที่ว่ามันขาดหายไปโดยที่เพื่อนๆในทีมเบสบอลสมัย มอ ปลายยังไม่มีใครรู้ เขาจึงแอบตกใจ สับสน กระวนกระวายในตอนแรกที่จีมินเอ่ยถึงอดีตกัปตันทีมคนนี้
จินยองกล่าวขอตัวจากกลุ่มจีมินและเด็กๆที่กำลังทำงานออกมา พอคล้อยหลังเสียงหวีดก็ดังขึ้นอีกละลอก
"พี่จีมินคะ พี่จินยองกับพี่แจบอมเขาเป็นอะไรกันเหรอคะ!? พี่จีมินคะพี่สองคนนี้เค้ายังไงกัน!? พี่จีมินคะ เอาแสตนดี้พี่สองคนนนี้มาวางคู่กันได้ไหมคะ!? พี่จีมินคะทำไมพี่เขาดูเหมาะสมกันมากเลยคะ!? พี่จีมินคะ เล่าเรื่องพี่สองคนนี้อีกได้ไหมคะ พี่จีมินคะ บาลๆๆ - คราวนี้เสียงคำถามระงมพร้อมแววตาวิบวับของเหล่ารุ่นน้องจ้องมาราวกับลูกหมาน้อยออดอ้อนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พร้อมคำถามที่จีมินต้องคอยตอบเรื่องของสองคนนั้นมาตั้งแต่สมัยก่อน ซ้อนทับกับที่น้องๆกำลังถามเธอเหมือนในตอนนี้เลย -เจ้าพวกขี้ชิบนี่ มีอยู่ทุกยุคทุกสมัยจริงๆ
*
*
*
*
*
ในเวลาบ่ายสอง ของวันที่ร้อนที่สุด ณ ลูกกรงซี่ลวดรูปรังผึ้งด้านหนึ่งของสนามเบสบอล ตรงหลังป้ายสกอร์บอร์ดที่ทำด้วยไม้อัดขนาดใหญ่ มีเงาดำตกทอดยาวพอดีกับให้คนนอนหลบแดดได้สบายๆ ประมาณ 2-3 ตารางเมตร และใกล้ๆยังมีต้นไม้ร่มรื่นจากริมสระว่ายน้ำของโรงเรียนที่ขึ้นอยู่คนละฝั่งรั้ว แผ่ไอเย็นมายังร่างกำยำที่นอนเอกเขนก สวมหมวกบักเก็ตสีดำที่เหมือนกับหมวกตกปลา เหม่อมองเมฆบนท้องฟ้าอย่างสบายใจเฉิบอยู่
อิม แจบอม อดีตกัปตันทีมเบสบอลของโรงเรียนมัธยม JYP เอซ (ผู้เล่นที่เก่งที่สุด) ของทีมในขณะนั้น พิชเชอร์ ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะ เป็นที่จับตามองและต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่งในวงการเมื่อ 5 ปีก่อน เขาได้รับบาดเจ็บสะสมจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเบสบอลมัธยมปลายระดับประเทศในปีสุดท้ายก่อนจบการศึกษา แม้จะพาทีมรักษาตำแหน่งแชมป์ 3 สมัยซ้อนเอาไว้ได้ แต่ตัวเองก็ต้องพลาดจากการเซนต์สัญญากับ ทีมระดับอาชีพ ทำให้ข้อตกลง ผลประโยชน์ทั้งหลาย โอกาสก้าวหน้าในอนาคตตกไปอยู่กับ แบตเตอร์ ของทีม ปาร์ค จินยอง รองกัปตัน ซึ่งเป็นตัวเลือกอันดับสองแทน
ผู้คนต่างโจษขานว่าเป็น รองกัปตันที่คอยวางแผน ฉวยโอกาส แย่งอนาคตดาวรุ่งของ อิมแจบอมไป จากเพื่อนที่รักกันมาก ไม่มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจ ทางบ้านของ ปาร์ค จินยองเองก็ สนับสนุนให้ลูกชายเล่นกีฬานี้มาตั้งแต่เด็ก เห็นสบช่องก็รีบคว้าโอกาสใหญ่ราวถูกล๊อตเตอรรี่รางวัลที่หนึ่งไว้ สัญญาที่ดีที่สุด ด้วยข้อเสนอที่ดีที่สุด จากทีมที่ดีที่สุด ได้ทั้งทุนการศึกษา และตำแหน่งผู้เล่นตัวจริงในทีมอันดับต้นๆของเมเจอร์ลีค จากสโมสรใหญ่ชั้นนำของญี่ปุ่น แม้กาลเวลาจะพิสูจน์แล้วว่า ปาร์ค จินยองนั้นมีความสามารถจริงๆ สามารถพาทีมรั้งตำแหน่งแชมป์เปี้ยนมาได้หลายสมัย แต่ความไม่สนิทใจในเรื่องพวกนี้ก็ตามหลอกหลอน สร้างความเคลือบแคลงแก่ตัวปาร์ค จินยองเอง และผู้คนทั่วไปมาตลอด
ขายาวในกางเกงสแล๊กสีครีมเนื้อดี สวมรองเท้าคัชชูใส่สบายโชว์ข้อเท้าและตาตุ่ม พาร่างลีนสมส่วนของตัวเองมายังสนามเบสบอลกลางแจ้งของโรงเรียนอย่างเอื่อยเฉื่อย ช่วงเวลาอย่างบ่ายสอง บ่ายสามของวันเสาร์แบบนี้ ในสนามนี้ไม่มีใครใช้อยู่เลยสักคนเดียว พวกน้องๆในชมรมหยุดซ้อมไปตั้งแต่ช่วงเช้า รอบๆก็ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้ มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า แสงแดดเจิดจ้า และสายลมที่พัดมาเบาๆ อาจเป็นเพราะพรุ่งนี้จะมีแข่งครั้งใหญ่ สนามนี้จึงปิดเตรียมความพร้อมไม่ให้ใครเข้ามาใช้ต่อ และด้วยมันเป็นช่วงที่ยังแดดร้อนอยู่ จึงไม่มีใครสนใจมาทำอะไรในสนามตอนนี้ โซนที่พอมีคนมาทำนู่นทำนี่เกี่ยวกับงานในวันรุ่งขึ้นจะเป็นสนามหญ้าด้านหน้าโรงเรียนเสียมากกว่า
แดดกำลังร้อนได้ที่ดีทีเดียว อุณหภูมิตอนนี้น่าจะอยู่ที่ 35-38 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของวันนี่นะ แต่สำหรับนักกีฬาที่ใช้ชีวิตท่ามกลางแดดจ้าอย่างจินยองมาตั้งแต่เด็กแบบนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรู้สึกไม่ดีอะไรกับมันนัก เพราะมีอยู่บ่อยครั้งที่เขาต้องแข่งขันกีฬาที่เขารักท่ามกลางสภาพอากาศเหมือนอย่างตอนนี้ หรือบางทีก็แย่กว่า ร้อนดีจริงๆเล๊ย ว่าแล้วก็พาลนึกถึง คาบวิทยาศาสตร์ตอนชั้นเรียนมัธยมปลาย อาจารย์เคยสอนว่าในวันที่ร้อนจัดๆ เรามักจะเห็นภาพลวงตา ที่เรียกว่ามิราจ เวลามองไปไกลๆท่ามกลางไอแดดในสภาพแบบนี้ เราจะเห็นแอ่งน้ำ ที่คล้ายๆกับน้ำขังเป็นบ่อเล็กๆ อยู่ทั่วไป ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ได้มีอยู่จริง แล้วความร้อนอย่างตอนนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้จินยองมองเห็นมิราจ เพียงแต่มันไม่ได้มาในรูปของบ่อน้ำลวงตาเท่านั้นเอง...
.....จินยองกำลังมองเห็นตัวเองในสมัยก่อนกำลังเล่น แคชบอลกับเพื่อนตาตี่ที่มีรูปร่างใกล้เคียงกันตั้งแต่สมัยประถม ต่อมา เพื่อนคนนั้นก็หัดขว้างลูกเข้าหากำแพงบ้าน จนคอนโทรลลูกได้เก่งขึ้น ก็มาจับคู่ขว้างลูกให้เขาตอนชั้นมัธยมต้นซ้อมตี ตัวเขาที่ยังตัวเล็กในตอนนั้นไปไหนมาไหนกับเพื่อนคนนั้นด้วยกันทุกวัน ยกเว้นเวลานอน พวกเขาตื่น กินข้าว เข้าเรียน ซ้อมกีฬาด้วยกัน บ้านอยู่ใกล้กัน มีความฝันจะเป็นนักเบสบอลมืออาชีพเหมือนกัน ได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายที่มีชื่อเสียงด้านกีฬาเหมือนกัน ได้ทำทีม และพาทีมชนะเลิศระดับประเทศมาด้วยกัน
ที่เนินเล็กๆกลางสนามนั่น เคยมี พิชเชอร์ หมายเลข 7 ที่ชื่อ อิม แจบอมเป็นเจ้าของครอบครองมาตลอด ส่วนตำแหน่งแบตเตอร์หมายเลข 4 ประจำแท่นอีกฝั่งนั้น ก็เป็นของเขาเสมอมาเช่นกันตั้งแต่จำความได้ ทั้งที่เคยคิดว่าเราสองคนคงจะได้เล่นเบสบอลด้วยกันต่อไปเรื่อยๆจนวิ่งไม่ไหว อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป ...ช่างเป็นความฝันที่ไร้เดียงสาของเด็กน้อยเสียจริง จนตอนนี้ทั้งๆที่รู้ความแล้ว....แต่เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่ยังมีฝันแบบนั้น ปาร์ค จินยองก็พลันรู้สึกมีความสุข ความทรงจำแสนสำคัญอันมีค่ายิ่งที่ช่วยให้เขาอดทน ฝ่าฟัน ล้มลุกคลุกคลานอยู่ต่างแดนได้จนถึงตอนนี้
ไม้เบสบอล เก่าๆถูกทิ้งไว้ใกล้ๆกับแท่นตีดึงดูดสายตาของผู้ที่มารำลึกความหลัง ไม้เบสบอลอันนี้เขาเคยใช้มันสมัยเป็นนักเรียนนี่นา ทำไมน้องๆไม่เก็บลงตะกร้ารวมกับไม้เบสบอลอันอื่นๆหล่ะ ด้วยความสงสัยว่ามันพังหรืออย่างไรทำไมถูกทิ้ง จินยองจึงหยิบมันขึ้นมา พร้อมกับเหวี่ยงแขนทดสอบหวดลมไปมาอยู่หลายที เหมือนตอนวอร์มก่อนขึ้นตีที่เขาเคยทำอยู่ประจำ ...น้ำหนักยังดีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมันเก่ามากจนขึ้นสนิม สีก็ลอก กริฟที่จับก็ยุ่ยเปื่อย ไม่เหมาะกับการใช้งานเสียแล้วจริงๆ
"ตุบ..!!"
มีลูกบอลหนังแข็งๆเย็บด้วยเชือกด้านข้างเป็นตะเข็บเอกลักษณ์สีฝุ่นมอซอกลิ้งมายังปลายเท้าที่จินยองยืนอยู่อย่างเหมาะเจาะ มาจากทางไหนกัน...เจ้าของร่างลีนสมส่วนก้มลงเก็บมันขึ้นมาดู
แต่คงจะเพราะอยู่กลางแดดมากเกินไปแล้วก้มเงยอย่างรวดเร็วทำให้จินยองรู้สึกหน้ามืด ร่างกายโอนเอนเซ แถดๆเหมือนจะล้ม แต่ก็แค่เกือบ ยังไม่ล้มเสียทีเดียวเพราะมีคนมาประครองไว้ทัน
"อ๊ะ ขอบคุณครับ" เอ่ยคำขอบคุณออกไปโดยอัตโนมัติ ทั้งที่ยังไม่ได้มองว่าใครเป็นคนเข้ามาช่วย
"ไม่เป็นอะไรตรงไหนนะ..." มือหนาช่วยปัดฝุ่นสำรวจเนื้อตัวหน้าหลังให้เสร็จสรรพพร้อมรอยยิ้ม
"....แจบอม!!!" แม้จะใส่หมวกบักเก็ทสีดำปิดหน้าปิดตา แต่จินยองก็จำคนตรงหน้าจากรูปร่างและเสียงได้ทันที
ร่างเล็กรีบโผเข้าหาคนตรงหน้าราวกลับจะกลัวว่าทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตา แล้วร่างหนาจะหายไปกับไอแดด
"แจบอม แจบอม ...แจบอม นายจริงๆใช่ไหม"
"....."
ต้องเลิกรากันไปทั้งๆที่ยังมีเรื่องค้างคาในใจอยู่ ... จะเรียกว่าเลิกกันได้ไหมนะ แค่ห่างๆกันงั้นหรือ..?
...ก็ไม่ใช่ ....เพราะพวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันตั้งแต่ตอนแรกไง...
แล้วสภาพที่ต้องกลับมาเจอกันในที่แบบนี้หลังจากผ่านมาหลายปี...
ในสถานที่ที่อบอวลไปด้วยความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนพวกนั้น...
แค่ได้เห็นตัวเป็นๆของเขามายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง...
น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว....
"แจบอม จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ พูดอะไรก็ได้...นะ.....ฮรึก...."
"....."
"เราขอโทษในเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดนะแจบอม ทุกอย่างเป็นความผิดของเราเอง...ได้โปรดยกโทษให้เราได้ไหม..."
"......"
"เราคิดถึงแจบอมทุกวันมาตลอด 5 ปีเลยนะ ..ฮืออ ..นายเกลียดเรามากจนถึงขนาดไม่ยอมพูดด้วยเลยเหรอ.. ฮรึก.."
"....."
"....."
"ชูว์ ชู่ว์ ไม่ร้องนะคนดี ฉันว่าเราไปหาที่ร่มๆคุยกันดีกว่าไหม?"
ไม่ใช่แจบอมไม่อยากพูดคุยหรือตอบโต้อะไร เพียงแต่เขาติดสตั้นตกใจทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นน้ำตาของจินยอง ก็เจ้าหมวก บักเก็ทที่ใส่อยู่ มัน บดบังวิสัยทัศน์ไปเกือบหมด ตอนได้ยินเสียงคนถือไม้เบสบอลหวดลม เขาก็อยู่ตั้งไกลหลังสกอร์บอร์ดนู่นยังไม่ทันเห็นหน้าว่าเป็นใครหรอก พอลุกจะเดินเข้ามาหา เงยหน้าก็เห็นพระอาทิตย์แสบตาย้อนแสง เลยเดินมาแบบเห็นแค่ปลายเท้าของคนบนแท่นตีแค่นั้น จริงๆจะแค่มาถามหาเก็บข้อมูลผู้เล่นทีมฝั่งตรงข้ามที่ต้องแข่งกันในวันพรุ่งนี้ ไม่นึกว่าจะเจอกับคนที่มีความหลังฝังใจต่อกันเอาดื้อๆ
ทั้งแจบอม และจินยองพากันมานั่งในคอกม้านั่งสำหรับผู้เล่นสำรองระหว่างรอการแข่งขันข้างสนาม ตรงนี้มันร่มและลมพัดโชยเย็นดี จินยองยังสะอึกสะอื้นอยู่นิดหน่อย ดวงตากลมโตฉ่ำแวววาวไปด้วยหยาดน้ำใส ปลายจมูกเล็กเชิดขึ้นสีแดง สูดขี้มูกฟุตฟิต ริมฝีปากแบะบึน เบ้ลง ดูงอแง
"แจบอมหายไปไหนมา แจบอมทำไมไม่ตอบจดหมายเราเลย ตอนไปอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ เราเขียนทั้งจดหมายทั้งส่งไปรษณียบัตรไปหาแจบอมทุกเดือนเลยนะ ที่ไม่เคยตอบมาเพราะยังโกรธเราใช่ไหม เราไม่ได้ตั้งใจแย่งโควต้านักกีฬาของแจบอมเลยนะ ไม่เคยคิดเลยจริงๆ" ร่างเล็กพูดเสียงสั่นไป ก็คอยฮึบเสียง ฮึกฮักไป
"อ่ะ. ..เอ่อ ขอโทษนะ พอดีฉันตกใจอยู่ ก็หมดหวังไปนานแล้วว่าจะได้เจอนายอีก ก็มันตั้ง 5 ปีมาแล้วนี่ที่นายไปญี่ปุ่น แล้วดูซิ ตอนนี้นายก็เปลี่ยนไปเยอะเลยนะจินยอง ล่ำขึ้น หล่อขึ้น น่ารักขึ้น แต่ก็ยังขี้แยเหมือนเดิมเลย" แจบอมจับศีรษะคนที่นั่งอยู่ข้างๆให้เอนมาซบบ่ากว้างของตัวเอง พร้อมกับลูบผมปลอบขวัญ
"เราไม่ได้พูดกันดีๆเลยก่อนนายจะไป นายก็ยุ่งกับการเตรียมตัว ส่วนตอนนั้นฉันก็ยุ่งกับการไปหาหมอรักษาอาการบาดเจ็บที่ไหล่ นายไม่ควรต้องรู้สึกผิดอะไรเลยนะ"
"เรื่องของเรื่องก็คือ ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทางทีมนั้นไม่สนใจรับแบตเตอร์(ผู้เล่นตำแหน่งตีลูก) ตอนนั้นเขาอยากได้แต่พิชเชอร์ (ผู้เล่นตำแหน่งขว้างบอล) ฉันจึงทำทุกวิถีทางให้เข้าตาแมวมองของเค้าในการแข่งทั่วประเทศรอบนั้น ซึ่งรวมถึงการฝืนข้ามขีดจำกัดของร่างกายจนมันทะลุกำแพง และพังทลายลงมา การขว้างบอลด้วยความเร็ว 160 km/hr ทำทรีสไตร์ท โนฮิท โนรัน ตลอดแทบทุกรอบการแข่งขันในทัวนาเมนต์ 3 เดือนนั่น ด้วยร่างกายของเด็ก มอ ปลายธรรมดาๆ มันเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย ทำลายตัวเองอยู่แล้ว แต่ฉันก็ขอ ปาติหาริย์แค่นั้น แค่เบนสายตาของพวกเขาให้มองมา แล้วจับนายใส่เข้าไป และนั่นก็หมดหน้าที่ของฉันแล้ว ด้วยความพยายามของตัวนายเอง ฉันเชื่อเสมอว่าหากมีเวลาให้นายเตรียมตัวมากพอ จินยองจะต้องก้าวขึ้นไปเหนือกว่าฉัน ทำให้พวกเขายอมรับ และประสบความสำเร็จในเส้นทางสายนี้ได้อย่างแน่นอน แล้วฉันก็คิดไม่ผิด ไม่ใช่เหรอ?"
"บ้าระห่ำชะมัด ไม่เถียงว่าเป็นเพราะนายที่ทำให้สโมสรใหญ่หันมามองเรา แต่พิชเชอร์ กับแบตเตอร์ มันก็เหมือนกองหน้า กับผู้รักษาประตูในฟุตบอลไหม มันแทนกันได้ที่ไหนหล่ะ ต่อให้ได้ตั๋วไป เขาก็ใช่จะให้ลงเล่นร่วมทีมเลย เราไปอยู่ญี่ปุ่นตัวคนเดียวเนี่ย ลำบากมากนะ กว่าจะเป็นที่ยอมรับและชิงตำแหน่งตัวจริงมาได้ ...แต่ก็ใช่ไง แจบอมคิดไม่ผิดสักนิดเลย ...บ้าจริง" จินยองทำท่าโมโห หัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อรู้เหตุผลที่ แต่สุดท้ายก็ยิ้มและหัวเราะออกมาได้อย่างกับคนบ้า เหมือนกับว่าได้รับการปลดล๊อคอะไรสักอย่าง เขาไม่ต้องรู้สึกผิดกับแจบอมอีกต่อไปแล้ว และก็รู้สึกขอบคุณแจบอมมากๆที่เดิมพันด้วยทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมอบโอกาสนี้ให้แก่เขา
อิม แจบอม คือชื่อของคนที่เป็นทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของจินยอง ความขุ่นข้องหมองใจถูกคำว่ากาลเวลา และประสบการณ์ชีวิต หล่อหลอมให้เข้าใจเหตุการณ์ที่ผ่านมามากขึ้น ไม่มีความอาลัยเสียใจใดๆในสิ่งที่ล่วงเลยมาแล้ว เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตได้ พวกเราล้วนต้องเติบโตขึ้น และสามารถกำหนดอนาคตอย่างที่เราต้องการให้เป็นได้ด้วยมือของเราเอง
"แล้วแจบอมหล่ะชีวิตเป็นยังไงบ้าง อยู่ยังไง กินยังไง ตอนนี้ทำอะไรอยู่"
"พูดแล้วห้ามหัวเราะนะ..... ฉันก็ทำกิจการต่อจากพ่อแม่นั่นแหละ เป็นชาวประมง"
"หือออ ไม่จริงอ่ะ แจบอมไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเหรอ ออกเรือหาปลาดูไม่เข้ากับนายเลยนะ"
"ก็จะให้ทำยังไงได้หล่ะ ตอนนั้นพ่อของฉันดันมาป่วยด้วยพอดี ตัวฉันพอรักษาร่างกายหาย บ้านก็จำเป็นต้องใช้เงิน เลยไม่ได้เรียนต่อ ต้องออกมาทำงานเลย ฉันต้องเรียนรู้การออกเรือเอง จดจำจากแผนที่และเส้นทางจากบันทึกที่พ่อทำไว้ ได้ปลาก็เอามาให้แม่ขายในตลาด ทำไปทำมาก็สนุกดี รู้จักคนมากขึ้น ได้ทำอย่างอื่นนอกจากเบสบอลบ้าง ฉันไม่กล้าดูข่าวหรือกลับไปเล่นมันอีกเลย เพราะกลัวคิดถึงนาย ปีหนึ่งออกทะเล 8 เดือน อยู่บ้าน 4 เดือน ช่วงว่างก็ทำเรือนำเที่ยว พานักท่องเที่ยวไปตกปลาในวันที่อากาศดี"
"ดูมีความสุขจัง ไม่เหมือนเราเลย ไปที่นั่นเราต้องคร่ำเคร่งกับการฝึกซ้อมแข่งขัน เอาจริงเอาจังจนเลือดตาแทบกระเด็นอยู่ทุกวี่ทุกวัน"
"ฉันไม่ได้มีความสุขอย่างนั้นมาตั้งแต่แรกเสียหน่อย ก็ค่อยๆปรับตัวไป แล้วนายหล่ะ ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ได้มีความสุขดีอยู่หรอกเหรอ"
"ก็เพิ่งจะมีความสุขเหมือนคนอื่นเขาเมื่อกี้เลย เมื่อตอนที่ได้เห็นหน้าแจบอมอีกครั้ง และได้ฟังว่าเราไม่ได้ทำผิดต่อนาย ตอนนี้เรารู้สึกดีมากจริงๆ แต่ก็ยังมีเรื่องคาใจอีกนิดหน่อย"
"...คือทำไมแจบอมไปอยู่ทีมสมาคมผู้ปกครองหล่ะ นายแต่งงานมีลูกแล้วเหรอ?"
"เปล่านะ แค่เคยมาส่งหลานครั้งเดียว พวกรุ่นพี่นั่นก็เอาชื่อมาเข้าทีมเลย ประธานสมาคมผู้ปกครองก็พี่แท๊คยอนไง รุ่นพี่ชมรมเก่าเรา 1 ปีนั่นแหละ"
"อ้อแล้วไป แล้วแจบอมมีใครในใจหรือยัง"
"...มีมานานแล้ว ตั้งแต่ยังเด็กเลยด้วยมั้ง สมัยก่อนก็อยู่ด้วยกันทุกวัน เป็นเด็กน่ารักตัวขาวๆที่อยู่ข้างบ้านฉันไง นายพอจะคุ้นบ้างไหมหล่ะ"
"......"
"อ่อ..แล้วที่ฉันไม่ได้ตอบจดหมายของนายเลยก็เพราะฉันย้ายบ้านด้วย บ้านหลังเก่าที่เคยอยู่ข้างบ้านนายต้องขายเพื่อนำเงินมารักษาพ่อ แล้วไปซื้อบ้านหลังเล็กกว่าอยู่กันอีกทีหน่ะ"
"แจบอมลำบากมากเลยนี่นา ตอนนั้นเราไม่ได้ช่วยอะไรแจบอมเลยสักนิดทั้งที่แจบอมทำเพื่อเราจนถึงกับต้องทิ้งอนาคตของตัวเอง"
"ใครว่าหล่ะ ฉันไม่ได้ทิ้งอนาคตอะไรไปเสียหน่อย ก็จินยองหน่ะคืออนาคตของฉันนี่ รันเนอร์ที่ออกวิ่งไปตามเบสแล้วหน่ะ สุดท้ายก็ต้องกลับมาเข้าโฮมไม่ใช่เหรอ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะจินยอง"
"โอ้ยยย พูดอะไรของนายเนี่ยยยย พูดเรื่องน่าอายแต่ทำหน้าตายอย่างนี้ได้ยังไง เราเขิลนะ"
"ก็เขินไป หรือว่าฉันไม่ใช่บ้านของนาย นี่ห่างกันมาตั้ง 5 ปี นายไม่รู้สึกอะไรกับฉันคนนี้จริงๆเหรอ"
"งื้อออออออออออออออออออ บ้า ยังจะต้องถามอีกเหรอ ดีใจจนหัวใจออกมาเต้นระบำแล้วเนี่ย"
"แต่เราก็มีเรื่องอยากจะบอกแจบอมนะ คราวนี้ขอให้จินยองเป็นคนช่วยส่งเสริมแจบอมบ้างได้ไหม ร่างกายแจบอมหายป่วยแล้วใช่ไหมหล่ะ หลังจากนี้ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยกันนะ"
"ไม่เอาอ่ะ นายก็เป็นลูกคนเดียว ฉันก็เป็นลูกคนเดียว ตอนนายไม่อยู่พ่อแม่ของนายแก่ลงเยอะเลยนะ พวกท่านไม่ได้บ่นคิดถึงนายต่อหน้านาย ก็ไม่ได้แปลว่าพวกท่านไม่คิดถึง ขนาดแม่ฉันขายปลายในตลาดยังรู้เลยว่าคุณนายปาร์คเธอคิดถึงลูกชายคนเดียวขนาดไหน ส่วนฉันเองก็ต้องดูแลที่บ้านเหมือนกัน แต่ถ้าทีมนาย แข่งชนะทีมฉันในวันพรุ่งนี้ละก็จะยอมเก็บไปคิดดูนะ แต่ถ้าแพ้จินยองจะต้องกลับมาอยู่ที่เกาหลีตกลงไหมหล่ะ? ที่นี่ก็มีลีคอาชีพที่ใหญ่โตไม่แพ้ทางญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน"
"ก็เคยคิดอยากกลับมาเล่นที่เกาหลีเหมือนกันแหละ แต่ตอนนั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรให้กลับมานี่นา"
"ตอนนี้มีแล้วไง กลับมาหาฉันนะ แจบอมรอจินยองมาตั้ง 5 ปีแล้ว และบอกก่อนเลยว่า เกมวันพรุ่งนี้ทีมสมาคมผู้ปกครองต้องชนะแน่ๆ"
"อะไรทำให้แจบอมมั่นใจขนาดนั้น?"
"ก็ค่อนทีมของสมาคมผู้ปกครองเนี่ยเป็นทีมเบสบอลแชมป์เก่ารุ่นของเรานี่นา พวกนั้นมีลูกโตจนส่งเข้าโรงเรียนกันแล้ว จินยองเตรียมกลับไปเก็บของที่ญี่ปุ่นได้เลย"
"โอยยยย.....อย่างนี้มันขี้โกงกันแล่ววววววว.... "
ถึงจะบ่นงุ้งงิ้ง กุ้งกิ้งไปอย่างนั้น แต่ตั้งแต่ที่ทั้งสองคนมานั่งที่เก้าอี้ม้านั่ง ศีรษะกลมทุยของจินยองก็ยังไม่ได้เคลื่อนออกจากไหล่หนาของแจบอมสักนิดเลย.
End.
*****************************
100%
ฮิ้ววววว ดูจากชื่อตอนหลายคนคงพอจะเดาออก ไรท์เขียนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ JJP คัมแบคค่ะ ค้างไว้ที่ 70% มา 3ชาติเศษ 555
ในที่สุดก็เข็นออกมาจนจบได้ ไม่รู้จะงง งง กันบ้างไหม นะคะ อิอิ พอได้ลงแล้วก็เสร็จสมอารมณ์หมาย รู้สึกร่างกายเบาหวิว
555 จริงๆ มี SF/OS อีกหลายสิบเรื่องที่เขียนค้างไว้ไม่ได้ไปต่อ ถ้ายังไม่เบื่อกันก็จะเอามาลงให้อ่านกันอีกนะคะ เริ่มด้วยอันที่
เคยรับปากไว้จะมาก่อน ตอนจบของ At your service 3/3 กับ ตอนต่อของ Shall we return
*ยังไงก็รบกวนคอมเม้นกันมาได้นะคะ อยากอ่านแนวไหน หรืออยากแนะนำอะไรไรท์บ้าง ก็บอกกันน๊า รักรีดเดอร์ทุกคนนน
**ใครยังไม่ได้อ่านคัทของตอนที่แล้ว ไรท์ลงให้แล้วน๊า ที่เดิมๆๆ 5555
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น