ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Got7] JJ Factors - เจเจแฟ๊กเตอร์ [SF/OS][Bnior][BNyoung]

    ลำดับตอนที่ #17 : [SF] Coming Home [BNior] 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.22K
      21
      6 พ.ย. 60



    [SF] Coming Home [BNior]








              ต้องเลิกรากันไปทั้งๆที่ยังมีเรื่องค้างคาในใจอยู่ ...  จะเรียกว่าเลิกกันได้ไหมนะ  แค่ห่างๆกันงั้นหรือ..? 

              ...ก็ไม่ใช่  ....เพราะพวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันตั้งแต่ตอนแรกไง... 

              แล้วสภาพที่ต้องกลับมาเจอกันในที่แบบนี้หลังจากผ่านมาหลายปี... 

              ในสถานที่ที่อบอวลไปด้วยความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนพวกนั้น...

              แค่ได้เห็นตัวเป็นๆของเขามายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง...  

              น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว....




    วันนี้คือวันสุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2017 อยู่ในช่วงฤดูร้อนที่มีตัวเลขอุณหภูมิพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี ของประเทศเกาหลี  คล้ายกับวันนั้นเมื่อปี 2012 ก่อนหน้า ซึ่งเป็นหน้าร้อนครั้งสุดท้ายของชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายของพวกเราสองคน...


    "สวัสดีครับรุ่นพี่จินยอง  ผมดีใจมากเลยที่พี่ตอบตกลงมาเข้าร่วมการแข่งขันเบสบอลศิษย์เก่า ปะทะสมาคมผู้ปกครองการกุศลฉลองครบรอบ 60 ปี โรงเรียนมัธยม JYP นะครับ  ..แล้วคือ..ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนแอบขอลายเซนต์ของพี่ไว้แจกน้องๆในชมรมของเราสักจำนวนหนึ่งจะได้ไหม  นี่กระดาษกับปากกาเคมีครับ" เด็กผู้ชายรุ่นน้องนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในชุดวอร์มสีเหลืองเปื้อนฝุ่น ตัดผมสั้นเกรียนติดหนังศีรษะท่าทางกระตือรือร้นยิ้มให้เขาอย่างนอบน้อมระคนชื่นชม  เนื้อตัวของเด็กหนุ่มขะมุกขะมอมจากการซ้อมกีฬาอย่างหนักมาก่อนหน้า  ร่างสมส่วนแบบนักกีฬาสวมปลอกแขนกัปตันชมรมเบสบอล JYP สีดำเก่าๆที่ตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยที่จินยองยังเคยอยู่ในชมรมได้ใช้ และคิดว่าอายุไขของมันคงเก่ากว่านั้น  ปลอกแขนที่เต็มไปด้วยความทรงจำ หยาดเหงื่อและน้ำตาของชีวิตเด็กวัยรุ่นสมัยมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งที่ส่งต่อๆกันมา  เห็นแล้วก็คิดถึงสมัยก่อนจัง


    "พี่จินยองเป็นผู้เล่นคนสำคัญในเมเจอร์ลีค  เป็นนักกีฬาเบสบอลมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในตำแหน่งแบตเตอร์ (ผู้ตีลูก) ตั้งแต่จบมัธยมศึกษาตอนปลาย ก็มีแมวมองมารุ่มแย่งตัวทาบทามพี่เขาเข้าเป็นนักกีฬาระดับมืออาชีพทันที  แล้วพี่เขายังสามารถนำทีมสโมสรคว้าแชมป์ประจำปีได้ตั้งแต่อายุยังน้อย  ยิ่งกว่านั้นพี่เขายังได้รับฉายาว่า "เทพบุตรโฮมรัน" อีกต่างหาก  ซึ่งมาจากที่พี่เขามีหน้าตาหล่อเกินมาตรฐานนักกีฬาอาชีพทั่วไป แถมยังดูดีทั้งในสนามและนอกสนามอย่างกับดาราจนได้ฉายา เทพบุตร  ประกอบกับทุกครั้งที่พี่เขาลงแข่งยังสามารถตีโฮมรันทำคะแนนให้ทีมได้ทุกครั้งไม่เคยขาด  พี่จินยองนี่เป็นสมบัติของชาติโดยแท้จริงเลยน๊า"  ปาร์ค จีมิน อดีตผู้จัดการชมรมเบสบอล  ศิษย์เก่าของโรงเรียนมัธยม JYP อีกคนกำลังนำสแตนดี้ขนาดเท่าคนจริงมาเรียงตกแต่ง เต็นท์ลงทะเบียน และจำหน่ายบัตรเข้างานเบสบอลศิษย์เก่าที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้  เธอกำลังกล่าวโฆษณาแสตนดี้ในมือกับรุ่นน้องนักเรียนที่มาช่วยงานกันอย่างขะมักเขม้น อย่างออกรส


    เพราะปาร์ค จินยองได้ไปเล่นลีคเบสบอลอาชีพที่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมปลายจบ จึงเป็นที่รู้จักน้อยกว่าศิษย์เก่าคนอื่นที่มาร่วมงาน โดยศิษย์เก่าคนอื่นๆนั้นมีทั้งผู้มีชื่อเสียงที่เป็นนักการเมืองบ้าง ดาราบ้าง นักข่าวบ้าง ซึ่งทำงานในเกาหลีอยู่แล้ว  แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตา พอจีมินนำแสตนดี้ขึ้นมาอวด รุ่นน้องสาวๆก็รุมถามกันเกรียวว่ารุ่นพี่สุดหล่อคนนี้เป็นใคร มีความเป็นมาอย่างไร ก็ตอนเมื่อก่อนที่จินยองยังเป็นนักกีฬาโรงเรียนสมัยมัธยมปลายนั้นหน่ะ ต้องไถผมรองทรงสั้นกุดกันนี่น๊า จะมาหล่อบอยแบนด์แบบตอนนี้ได้ที่ไหน  ใครๆจะจำหน้าตาสมัยยังเรียนอยู่ของจินยองเทียบกับตอนนี้ไม่ได้นี่ก็ไม่แปลก  จีมินจึงสาธยายรายละเอียดของอดีตเพื่อนร่วมทีมอวดน้องๆอย่างเต็มใจ


    "แล้วพี่จินยองเค้ามีแฟนหรือยังคะ?" รุ่นน้องคนหนึ่งถามขึ้นระหว่างที่มือก็ช่วยกันจัดเรียงแสตนดี้ของรุ่นพี่คนอื่นไปเรื่อยๆ 


    "...เอ  ตอนนี้พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ  ได้ข่าวว่าสาวๆที่ญี่ปุ่นก็กรี๊ดเจ้าหมอนี่น่าดูเหมือนกัน  หล่อ ไนซ์ นิสัยดี การวางตัวไม่มีที่ติ  เจ้าชายคลื่นลูกใหม่แห่งวงการเบสบอล  มีหรือจะยังโสดอยู่  แค่ยังไม่เปิดตัวออกสื่อเท่านั้นหล่ะมั้ง  .... ใครเป็นผู้ประสานงานที่นี่นะ  เดี๋ยวพี่จะฝากป้ายสตาฟไปหะ.." 


    "กรี๊ดดดดดด!!!" 


    อยู่ๆเด็กๆที่กำลังช่วยงานจีมินก็กรี๊ดขึ้นมาแทรก ระหว่างที่หญิงสาวร่างอวบกำลังพูดสั่งงานยังไม่ทันจบ  และสาเหตุก็มิใช่ใดอื่น นอกจากคนที่หน้าตาเหมือนยังกับสแตนดี้ที่กำลังอยู่ในหัวข้อสนทนาของพวกเธอได้เดินแจกจ่ายยิ้มหวานเข้ามาหา


    (พี่จินยอง  พี่จินยองตัวจริงหล่ะ  พี่จินยองขาวมาก  พี่จินยองตัวจริงหล่อออร่ามาก  พี่จินยองดูดีสุดๆ กรี๊ดด พี่จินยอง  พี่จินยองยิ้มให้ชั้น  พี่จินยองยิ้มสวยจัง พี่จินยองผิวดิ๊ดี  พี่จินยองหล่อมากก พี่จินยองโคตรแอ๊ทแทค พี่จินย๊องงง -บลาๆๆ อีกมากมายเป็นเสียงเอฟเฟค แบล๊กกราวน์)


    "ไงครับ คุณผู้จัดการ" จินยองทักทายจีมินอย่างสนิทสนมด้วยการโอบไหล่  เมื่อก่อนพวกเขาอยู่ด้วยกันในชมรมเบสบอลของโรงเรียนนาน 3 ปีโดยไม่แบ่งแยกชายหญิง  ใช้ชีวิตรองจากที่บ้าน โรงเรียนก็คงเป็นการซ้อมกีฬาของชมรมนี่แหละ  เพราะประเทศเกาหลีมีลีคเบสบอลอาชีพ นักกีฬาดังจึงเป็นหนึ่งในอาชีพที่ทำรายได้ได้อย่างมากมายมหาศาล ชมรมกีฬา โดยเฉพาะชมรมเบสบอลของแต่ละโรงเรียนตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมศึกษาจึงมีการปลูกฝัง สนับสนุนให้มีการเล่นกีฬาชนิดนี้อย่างจริงจัง แพร่หลาย  และโรงเรียนมัธยม JYP ก็ไม่เคยขาดดาวดังในกีฬาประเภทนี้เลย


    สังเวียนเบสบอล ชั้นมอ ปลาย ระดับประเทศ เป็นสิ่งที่นักเรียนชาย มัธยมปลายชาวเกาหลี ไม่สิ น่าจะกล่าวว่าเป็นสิ่งที่ชายชาวเกาหลีทุกคนให้ความสนใจ  แม้จะเรียนจบ ไปจนถึงวัยทำงานก็แล้ว  ทุกคนยังใส่ใจติดตามดูการแข่งขันกีฬาเบสบอลทั้งลีคสมัครเล่น และลีคอาชีพ  ซึ่งความนิยมของกีฬาเบสบอลในเกาหลีนั้นจัดเป็นอันดับหนึ่งในกีฬาที่มีคนติดตามมากที่สุดนำหน้ากีฬาฟุตบอลเสียด้วยซ้ำ


    "นายเปลี่ยนไปเยอะเลยนะจินยอง  แต่ยิ้มทีก็ยังมีหนวดแมวขึ้นใต้ตาเหมือนเดิมเลย" หญิงสาวกอดคอตอบอดีตเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งแต่ เรียนจบชั้น มอ ปลายเห็นจะได้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


    "เธอก็ไม่ค่อยเปลี่ยนไปเลยนะจีมิน  เตี้ยยังไงก็ยังเหมือนเดิม  เพิ่มเติมคือตัวกลมขึ้นนะ" รอยขีดใต้ตายับประดับบนใบหน้าหล่อละมุน ดูสบายตาถูกส่งมาพร้อมคำหยอกล้อเข้าให้  เป็นหญิงสาวทั่วไปคงระทวยกันเป็นทิวแถว แต่ไม้นี้ไม่ใช่ผลกับอดีตผู้จัดการทีมคนนี้หรอกนะ


    "นั่นปากเหรอยะ!!  ถ้าไม่พูดอะไรออกมาก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอก  ชั้นอุส่าห์เสียสละเวลามาช่วยงาน  เพราะรุ่นเราเป็นเฮดรับผิดชอบปีนี้  ยังไงก็ฝากนายช่วยโปรโมทช่องทางอื่นๆดีๆด้วยหล่ะ ตอนนี้เป็นคนดังใหญ่แล้วนี่   รู้ไหม รุ่นน้องในชมรมเบสบอลของเรานะนะดีใจกันใหญ่เลยที่นายมาร่วมงานได้หน่ะ  ไม่ได้กลับเกาหลีมากี่ปีแล้วเนี่ย?"


    "ก็นี่กลับมาเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีเลย  ว่างพอดี ที่โน่นอะไรหลายๆอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว  พาทีมคว้าแชมป์เปี้ยนมา 3 ปีซ้อน เขาเลยปล่อยให้พักบ้างแหละ อีกอย่างตอนนี้เป็นหน้าร้อนด้วยไง ที่ญี่ปุ่นกำลังมีการแข่งเบสบอล มอ ปลาย ประจำปีเหมือนกัน  พวกลีคอาชีพก็จบฤดูกาลพอดี  ... โคชิเอ็งหล่ะ  ชั้นไปดูด้วยตาตัวเองมาแล้วนะ" 


    "อืม  ดีแล้ว  อย่างน้อยก็ยังมีนายคนหนึ่งที่ได้ทำตามความฝันเป็นนักเบสบอลมืออาชีพอยู่นะ  คนอื่นๆในชมรมเท่าที่ได้ข่าว ตอนนี้ก็เรียนจบทำงานทำการกันหมดละ  บางคนมีลูกมีเต้ากันแล้วด้วยซ้ำ มันก็ผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้วนี่เนอะ"


    "นี่เธอยังติดต่อกับเพื่อนๆในชมรมอยู่เหรอ  ... ติดต่อได้ทุกคนเลยใช่ไหม?"


    "ก็มีไลน์กลุ่ม เฟสกลุ่มเกือบครบทุกคนแหละ  ยกเว้นของนาย  มาๆ ADD ชั้นมา เดี๋ยวเอาเข้ากลุ่มให้  ไปอยู่ญี่ปุ่นนี่มีเพื่อนมีฝูงกับเขาไหมนั่น  เมื่อก่อนนายก็ไม่ค่อยจะสนิทกับใครง่ายๆนี่นะ"


    "แรกๆก็ลำบากอยู่เหมือนกัน  ทั้งภาษา อาหารการกิน ประเพณี ผู้คน ทำเอา คลัลเจอร์ช๊อคไปเลย  เคยท้อแท้ คิดถึงบ้านจนอยากเลิกทำตามความฝันเลยหล่ะ  แต่จะทิ้งทุกอย่างแล้วกลับมาเกาหลีที่ไม่มีอะไรรออยู่เลย  ก็ไม่ใช่ทำได้อีก  ความฝันในการเป็นนักเบสบอลมืออาชีพมันไม่ใช่ของชั้นเพียงคนเดียวนี่  ชั้นต้องพยายามมากกว่านี้ เพื่อเป็นตัวแทนคนที่ไม่มีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้ด้วย  บอกตัวเองให้อ่อมน้อม ถ่อมตน  อดทน ไม่ยอมแพ้  พอรู้ตัวอีกทีก็ได้รับการยอมรับในทีม และมีโอกาสลงเป็นตัวจริงทำผลงาน  จนมีทุกอย่างอย่างวันนี้ไง" 


    "ฮรึกก...โธ่เอ๊ย...นายเล่าเรื่องพวกนี้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มได้ยังไง ที่นั่นการแข่งขันสูงขนาดนั้น  คงไม่ใช่จะมีอะไรๆที่ได้มาง่ายๆสินะ ต้องไปเริ่มต้นใหม่ ในที่ใหม่ด้วยตัวคนเดียว แค่ฟังนายเล่า  ชั้นก็จะร้องไห้ตามไปด้วยแล้ว...ฮืออ"


    "วี๊ดดด ว้ายย!!"


    ระหว่างที่จีมินกะลังคุยซึ้งกับจินยองอยู่  เด็กๆที่กำลังจัดแสตนดี้ศิษย์เก่าคนดังที่เหลืออีกหลายสิบคนก็ส่งเสียงฮือฮา แทรกขึ้นมาอีกระลอก


    "พี่จีมินคะ  สแตนดี้อันนี้เป็นรุ่นพี่เราเหมือนกันเหรอคะ  หล่อออออออ  มากเลยยยค่า พี่เขาเป็นใครกันๆๆๆ!!??" เด็กสาวหลายคนดูกระตือรือร้นขึ้นมากว่าปรกติ


    "หล่อกว่าพี่จินยองอีก!!" เด็กผู้หญิงอีกคนโพลงขึ้นมา ทำเอาหางคิ้วของแบ๊ตเตอร์สุดหล่อที่ถูกพาดพิงกระตุกเล็กน้อยก่อนจะแอบใช้หางตาเหลือบไปมอง สแตนดี้ของคนที่น้องๆเคลมว่าหล่อกว่าเขาอย่างไม่สบอารมณ์นิดๆ


    จีมินอมยิ้มเดินไปหยิบสแตนดี้เท่าตัวจริงของบุคคลที่น้องๆกล่าวถึงขึ้นมาแล้ววางมันเทียบกับตัวจริงของจินยอง ที่แกล้งทำเป็นยืนเก็กหน้าหล่อขรึมอยู่ ใกล้ๆ


    "เอ้า  นี่อิม แจบอมของนายไง  เจ้านั่นก็จะมางานนี้เหมือนกัน แต่เป็นพิชเชอร์(นักขว้างลูก) ของสมาคมผู้ปกครองนะ  พรุ่งนี้พวกนายต้องอยู่คนละฝ่ายกัน   แล้วดูแสตนดี้แจบอมดิ มันยังทำหน้าตาชิคๆ กวนๆไม่เปลี่ยนเลย  พอเอามาวางใกล้ๆนายแบบนี้  ยังกับย้อนเวลากลับไปสมัยก่อนเลยเนาะ  เมื่อตอนนั้นพวกนายมันบ้าเบสบอสขึ้นสมองกันมาก  ตัวติดกันยิ่งกว่าเงาเสียอีก"


    "...."


    "เอ้า !!?? ทำหน้างอ เบะปากใส่ชั้นทำไม  ไม่ดีใจเหรอที่พรุ่งนี้นายจะได้เจอกับแจบอมแล้ว  เมื่อก่อนพวกนายสนิทกันมากเลยนี่นา  นายเพิ่งกลับจากญี่ปุ่นมาคงยังไม่ได้เจอกันเลยใช่ไหมหล่ะ" 


    "...."


    "นี่... งั้นชั้นมีอะไรดีๆจะบอกนายหล่ะจินยอง  ....เอซคนเก่ง พิชเชอร์ที่เป็นกัปตันของชมรมเบสบอลสมัยที่ชั้นเคยเป็นผู้จัดการอยู่ตอน มอ ปลายหน่ะ  ชอบมาหาข้อมูลคู่แข่งที่สนามจริง ก่อนวันแข่งวันนึงเสมอเลยน๊า  แล้วพรุ่งนี้เขาจะมีแข่งที่โรงเรียนนี้เสียด้วยสิ  ดังนั้น...การจะหาตัวเขาในตอนนี้ วันนี้ คงไม่ยากหรอกนะ  นายว่ามั้ย?"

    "..."


    "ขอบใจนะจีมิน  ชั้นอยากจะบอกเธอมานานแล้ว  ขอบใจสำหรับทุกอย่างตั้งแต่เมื่อก่อน  จนถึงตอนนี้ชั้นนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตนักกีฬา มอ ปลายของพวกเราจะเป็นยังไง ถ้าไม่มีผู้จัดการทีมที่รู้ใจอย่างเธอ"  จินยองเงยหน้า สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดด้วยดวงตาเป็นประกาย  ในอดีตมันมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเขากับแจบอมจนทำให้ความสนิทสนมที่ว่ามันขาดหายไปโดยที่เพื่อนๆในทีมเบสบอลสมัย มอ ปลายยังไม่มีใครรู้  เขาจึงแอบตกใจ สับสน กระวนกระวายในตอนแรกที่จีมินเอ่ยถึงอดีตกัปตันทีมคนนี้


    จินยองกล่าวขอตัวจากกลุ่มจีมินและเด็กๆที่กำลังทำงานออกมา  พอคล้อยหลังเสียงหวีดก็ดังขึ้นอีกละลอก 


    "พี่จีมินคะ  พี่จินยองกับพี่แจบอมเขาเป็นอะไรกันเหรอคะ!?  พี่จีมินคะพี่สองคนนี้เค้ายังไงกัน!? พี่จีมินคะ เอาแสตนดี้พี่สองคนนนี้มาวางคู่กันได้ไหมคะ!?  พี่จีมินคะทำไมพี่เขาดูเหมาะสมกันมากเลยคะ!? พี่จีมินคะ เล่าเรื่องพี่สองคนนี้อีกได้ไหมคะ พี่จีมินคะ บาลๆๆ - คราวนี้เสียงคำถามระงมพร้อมแววตาวิบวับของเหล่ารุ่นน้องจ้องมาราวกับลูกหมาน้อยออดอ้อนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พร้อมคำถามที่จีมินต้องคอยตอบเรื่องของสองคนนั้นมาตั้งแต่สมัยก่อน  ซ้อนทับกับที่น้องๆกำลังถามเธอเหมือนในตอนนี้เลย -เจ้าพวกขี้ชิบนี่ มีอยู่ทุกยุคทุกสมัยจริงๆ 


    *

    *

    *

    *

    *



    ในเวลาบ่ายสอง ของวันที่ร้อนที่สุด  ณ ลูกกรงซี่ลวดรูปรังผึ้งด้านหนึ่งของสนามเบสบอล ตรงหลังป้ายสกอร์บอร์ดที่ทำด้วยไม้อัดขนาดใหญ่  มีเงาดำตกทอดยาวพอดีกับให้คนนอนหลบแดดได้สบายๆ ประมาณ 2-3 ตารางเมตร  และใกล้ๆยังมีต้นไม้ร่มรื่นจากริมสระว่ายน้ำของโรงเรียนที่ขึ้นอยู่คนละฝั่งรั้ว แผ่ไอเย็นมายังร่างกำยำที่นอนเอกเขนก สวมหมวกบักเก็ตสีดำที่เหมือนกับหมวกตกปลา เหม่อมองเมฆบนท้องฟ้าอย่างสบายใจเฉิบอยู่


    อิม แจบอม อดีตกัปตันทีมเบสบอลของโรงเรียนมัธยม JYP เอซ (ผู้เล่นที่เก่งที่สุด) ของทีมในขณะนั้น พิชเชอร์ ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะ เป็นที่จับตามองและต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่งในวงการเมื่อ 5 ปีก่อน  เขาได้รับบาดเจ็บสะสมจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเบสบอลมัธยมปลายระดับประเทศในปีสุดท้ายก่อนจบการศึกษา  แม้จะพาทีมรักษาตำแหน่งแชมป์ 3 สมัยซ้อนเอาไว้ได้ แต่ตัวเองก็ต้องพลาดจากการเซนต์สัญญากับ ทีมระดับอาชีพ  ทำให้ข้อตกลง ผลประโยชน์ทั้งหลาย โอกาสก้าวหน้าในอนาคตตกไปอยู่กับ แบตเตอร์ ของทีม ปาร์ค จินยอง รองกัปตัน ซึ่งเป็นตัวเลือกอันดับสองแทน


    ผู้คนต่างโจษขานว่าเป็น รองกัปตันที่คอยวางแผน ฉวยโอกาส แย่งอนาคตดาวรุ่งของ อิมแจบอมไป จากเพื่อนที่รักกันมาก ไม่มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจ  ทางบ้านของ ปาร์ค จินยองเองก็ สนับสนุนให้ลูกชายเล่นกีฬานี้มาตั้งแต่เด็ก เห็นสบช่องก็รีบคว้าโอกาสใหญ่ราวถูกล๊อตเตอรรี่รางวัลที่หนึ่งไว้  สัญญาที่ดีที่สุด ด้วยข้อเสนอที่ดีที่สุด จากทีมที่ดีที่สุด ได้ทั้งทุนการศึกษา และตำแหน่งผู้เล่นตัวจริงในทีมอันดับต้นๆของเมเจอร์ลีค จากสโมสรใหญ่ชั้นนำของญี่ปุ่น  แม้กาลเวลาจะพิสูจน์แล้วว่า ปาร์ค จินยองนั้นมีความสามารถจริงๆ สามารถพาทีมรั้งตำแหน่งแชมป์เปี้ยนมาได้หลายสมัย  แต่ความไม่สนิทใจในเรื่องพวกนี้ก็ตามหลอกหลอน สร้างความเคลือบแคลงแก่ตัวปาร์ค จินยองเอง และผู้คนทั่วไปมาตลอด


    ขายาวในกางเกงสแล๊กสีครีมเนื้อดี สวมรองเท้าคัชชูใส่สบายโชว์ข้อเท้าและตาตุ่ม พาร่างลีนสมส่วนของตัวเองมายังสนามเบสบอลกลางแจ้งของโรงเรียนอย่างเอื่อยเฉื่อย  ช่วงเวลาอย่างบ่ายสอง บ่ายสามของวันเสาร์แบบนี้  ในสนามนี้ไม่มีใครใช้อยู่เลยสักคนเดียว  พวกน้องๆในชมรมหยุดซ้อมไปตั้งแต่ช่วงเช้า  รอบๆก็ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้ มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า แสงแดดเจิดจ้า และสายลมที่พัดมาเบาๆ  อาจเป็นเพราะพรุ่งนี้จะมีแข่งครั้งใหญ่  สนามนี้จึงปิดเตรียมความพร้อมไม่ให้ใครเข้ามาใช้ต่อ  และด้วยมันเป็นช่วงที่ยังแดดร้อนอยู่  จึงไม่มีใครสนใจมาทำอะไรในสนามตอนนี้  โซนที่พอมีคนมาทำนู่นทำนี่เกี่ยวกับงานในวันรุ่งขึ้นจะเป็นสนามหญ้าด้านหน้าโรงเรียนเสียมากกว่า


    แดดกำลังร้อนได้ที่ดีทีเดียว อุณหภูมิตอนนี้น่าจะอยู่ที่ 35-38 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของวันนี่นะ แต่สำหรับนักกีฬาที่ใช้ชีวิตท่ามกลางแดดจ้าอย่างจินยองมาตั้งแต่เด็กแบบนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรู้สึกไม่ดีอะไรกับมันนัก เพราะมีอยู่บ่อยครั้งที่เขาต้องแข่งขันกีฬาที่เขารักท่ามกลางสภาพอากาศเหมือนอย่างตอนนี้  หรือบางทีก็แย่กว่า  ร้อนดีจริงๆเล๊ย  ว่าแล้วก็พาลนึกถึง คาบวิทยาศาสตร์ตอนชั้นเรียนมัธยมปลาย อาจารย์เคยสอนว่าในวันที่ร้อนจัดๆ  เรามักจะเห็นภาพลวงตา ที่เรียกว่ามิราจ  เวลามองไปไกลๆท่ามกลางไอแดดในสภาพแบบนี้ เราจะเห็นแอ่งน้ำ ที่คล้ายๆกับน้ำขังเป็นบ่อเล็กๆ อยู่ทั่วไป ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ได้มีอยู่จริง แล้วความร้อนอย่างตอนนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้จินยองมองเห็นมิราจ  เพียงแต่มันไม่ได้มาในรูปของบ่อน้ำลวงตาเท่านั้นเอง...


    .....จินยองกำลังมองเห็นตัวเองในสมัยก่อนกำลังเล่น แคชบอลกับเพื่อนตาตี่ที่มีรูปร่างใกล้เคียงกันตั้งแต่สมัยประถม  ต่อมา เพื่อนคนนั้นก็หัดขว้างลูกเข้าหากำแพงบ้าน จนคอนโทรลลูกได้เก่งขึ้น ก็มาจับคู่ขว้างลูกให้เขาตอนชั้นมัธยมต้นซ้อมตี  ตัวเขาที่ยังตัวเล็กในตอนนั้นไปไหนมาไหนกับเพื่อนคนนั้นด้วยกันทุกวัน ยกเว้นเวลานอน  พวกเขาตื่น กินข้าว เข้าเรียน ซ้อมกีฬาด้วยกัน บ้านอยู่ใกล้กัน มีความฝันจะเป็นนักเบสบอลมืออาชีพเหมือนกัน ได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายที่มีชื่อเสียงด้านกีฬาเหมือนกัน ได้ทำทีม และพาทีมชนะเลิศระดับประเทศมาด้วยกัน   


    ที่เนินเล็กๆกลางสนามนั่น เคยมี พิชเชอร์ หมายเลข 7 ที่ชื่อ อิม แจบอมเป็นเจ้าของครอบครองมาตลอด  ส่วนตำแหน่งแบตเตอร์หมายเลข 4 ประจำแท่นอีกฝั่งนั้น ก็เป็นของเขาเสมอมาเช่นกันตั้งแต่จำความได้  ทั้งที่เคยคิดว่าเราสองคนคงจะได้เล่นเบสบอลด้วยกันต่อไปเรื่อยๆจนวิ่งไม่ไหว  อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป ...ช่างเป็นความฝันที่ไร้เดียงสาของเด็กน้อยเสียจริง  จนตอนนี้ทั้งๆที่รู้ความแล้ว....แต่เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่ยังมีฝันแบบนั้น  ปาร์ค จินยองก็พลันรู้สึกมีความสุข  ความทรงจำแสนสำคัญอันมีค่ายิ่งที่ช่วยให้เขาอดทน ฝ่าฟัน ล้มลุกคลุกคลานอยู่ต่างแดนได้จนถึงตอนนี้  


    ไม้เบสบอล เก่าๆถูกทิ้งไว้ใกล้ๆกับแท่นตีดึงดูดสายตาของผู้ที่มารำลึกความหลัง  ไม้เบสบอลอันนี้เขาเคยใช้มันสมัยเป็นนักเรียนนี่นา  ทำไมน้องๆไม่เก็บลงตะกร้ารวมกับไม้เบสบอลอันอื่นๆหล่ะ  ด้วยความสงสัยว่ามันพังหรืออย่างไรทำไมถูกทิ้ง จินยองจึงหยิบมันขึ้นมา  พร้อมกับเหวี่ยงแขนทดสอบหวดลมไปมาอยู่หลายที เหมือนตอนวอร์มก่อนขึ้นตีที่เขาเคยทำอยู่ประจำ  ...น้ำหนักยังดีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมันเก่ามากจนขึ้นสนิม สีก็ลอก กริฟที่จับก็ยุ่ยเปื่อย  ไม่เหมาะกับการใช้งานเสียแล้วจริงๆ


    "ตุบ..!!"


    มีลูกบอลหนังแข็งๆเย็บด้วยเชือกด้านข้างเป็นตะเข็บเอกลักษณ์สีฝุ่นมอซอกลิ้งมายังปลายเท้าที่จินยองยืนอยู่อย่างเหมาะเจาะ  มาจากทางไหนกัน...เจ้าของร่างลีนสมส่วนก้มลงเก็บมันขึ้นมาดู 


    แต่คงจะเพราะอยู่กลางแดดมากเกินไปแล้วก้มเงยอย่างรวดเร็วทำให้จินยองรู้สึกหน้ามืด ร่างกายโอนเอนเซ แถดๆเหมือนจะล้ม  แต่ก็แค่เกือบ  ยังไม่ล้มเสียทีเดียวเพราะมีคนมาประครองไว้ทัน


    "อ๊ะ ขอบคุณครับ" เอ่ยคำขอบคุณออกไปโดยอัตโนมัติ ทั้งที่ยังไม่ได้มองว่าใครเป็นคนเข้ามาช่วย


    "ไม่เป็นอะไรตรงไหนนะ..." มือหนาช่วยปัดฝุ่นสำรวจเนื้อตัวหน้าหลังให้เสร็จสรรพพร้อมรอยยิ้ม


    "....แจบอม!!!" แม้จะใส่หมวกบักเก็ทสีดำปิดหน้าปิดตา แต่จินยองก็จำคนตรงหน้าจากรูปร่างและเสียงได้ทันที


    ร่างเล็กรีบโผเข้าหาคนตรงหน้าราวกลับจะกลัวว่าทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตา แล้วร่างหนาจะหายไปกับไอแดด


    "แจบอม แจบอม  ...แจบอม  นายจริงๆใช่ไหม" 


    "....."


    ต้องเลิกรากันไปทั้งๆที่ยังมีเรื่องค้างคาในใจอยู่ ...  จะเรียกว่าเลิกกันได้ไหมนะ  แค่ห่างๆกันงั้นหรือ..? 

    ...ก็ไม่ใช่  ....เพราะพวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันตั้งแต่ตอนแรกไง... 

    แล้วสภาพที่ต้องกลับมาเจอกันในที่แบบนี้หลังจากผ่านมาหลายปี... 

    ในสถานที่ที่อบอวลไปด้วยความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนพวกนั้น...

    แค่ได้เห็นตัวเป็นๆของเขามายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง...  

    น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว....


    "แจบอม  จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ  พูดอะไรก็ได้...นะ.....ฮรึก...."  


    "....."


    "เราขอโทษในเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดนะแจบอม  ทุกอย่างเป็นความผิดของเราเอง...ได้โปรดยกโทษให้เราได้ไหม..."


    "......"


    "เราคิดถึงแจบอมทุกวันมาตลอด 5 ปีเลยนะ  ..ฮืออ  ..นายเกลียดเรามากจนถึงขนาดไม่ยอมพูดด้วยเลยเหรอ.. ฮรึก.."

    "....."


    "....."


    "ชูว์  ชู่ว์   ไม่ร้องนะคนดี   ฉันว่าเราไปหาที่ร่มๆคุยกันดีกว่าไหม?" 


    ไม่ใช่แจบอมไม่อยากพูดคุยหรือตอบโต้อะไร เพียงแต่เขาติดสตั้นตกใจทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นน้ำตาของจินยอง  ก็เจ้าหมวก    บักเก็ทที่ใส่อยู่  มัน บดบังวิสัยทัศน์ไปเกือบหมด ตอนได้ยินเสียงคนถือไม้เบสบอลหวดลม เขาก็อยู่ตั้งไกลหลังสกอร์บอร์ดนู่นยังไม่ทันเห็นหน้าว่าเป็นใครหรอก  พอลุกจะเดินเข้ามาหา เงยหน้าก็เห็นพระอาทิตย์แสบตาย้อนแสง เลยเดินมาแบบเห็นแค่ปลายเท้าของคนบนแท่นตีแค่นั้น  จริงๆจะแค่มาถามหาเก็บข้อมูลผู้เล่นทีมฝั่งตรงข้ามที่ต้องแข่งกันในวันพรุ่งนี้  ไม่นึกว่าจะเจอกับคนที่มีความหลังฝังใจต่อกันเอาดื้อๆ


    ทั้งแจบอม และจินยองพากันมานั่งในคอกม้านั่งสำหรับผู้เล่นสำรองระหว่างรอการแข่งขันข้างสนาม ตรงนี้มันร่มและลมพัดโชยเย็นดี  จินยองยังสะอึกสะอื้นอยู่นิดหน่อย  ดวงตากลมโตฉ่ำแวววาวไปด้วยหยาดน้ำใส ปลายจมูกเล็กเชิดขึ้นสีแดง สูดขี้มูกฟุตฟิต ริมฝีปากแบะบึน เบ้ลง ดูงอแง


    "แจบอมหายไปไหนมา  แจบอมทำไมไม่ตอบจดหมายเราเลย  ตอนไปอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ เราเขียนทั้งจดหมายทั้งส่งไปรษณียบัตรไปหาแจบอมทุกเดือนเลยนะ  ที่ไม่เคยตอบมาเพราะยังโกรธเราใช่ไหม  เราไม่ได้ตั้งใจแย่งโควต้านักกีฬาของแจบอมเลยนะ ไม่เคยคิดเลยจริงๆ" ร่างเล็กพูดเสียงสั่นไป ก็คอยฮึบเสียง ฮึกฮักไป


    "อ่ะ. ..เอ่อ  ขอโทษนะ  พอดีฉันตกใจอยู่  ก็หมดหวังไปนานแล้วว่าจะได้เจอนายอีก  ก็มันตั้ง 5 ปีมาแล้วนี่ที่นายไปญี่ปุ่น  แล้วดูซิ ตอนนี้นายก็เปลี่ยนไปเยอะเลยนะจินยอง  ล่ำขึ้น  หล่อขึ้น  น่ารักขึ้น  แต่ก็ยังขี้แยเหมือนเดิมเลย" แจบอมจับศีรษะคนที่นั่งอยู่ข้างๆให้เอนมาซบบ่ากว้างของตัวเอง พร้อมกับลูบผมปลอบขวัญ


    "เราไม่ได้พูดกันดีๆเลยก่อนนายจะไป  นายก็ยุ่งกับการเตรียมตัว ส่วนตอนนั้นฉันก็ยุ่งกับการไปหาหมอรักษาอาการบาดเจ็บที่ไหล่  นายไม่ควรต้องรู้สึกผิดอะไรเลยนะ"


    "เรื่องของเรื่องก็คือ ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทางทีมนั้นไม่สนใจรับแบตเตอร์(ผู้เล่นตำแหน่งตีลูก) ตอนนั้นเขาอยากได้แต่พิชเชอร์ (ผู้เล่นตำแหน่งขว้างบอล) ฉันจึงทำทุกวิถีทางให้เข้าตาแมวมองของเค้าในการแข่งทั่วประเทศรอบนั้น  ซึ่งรวมถึงการฝืนข้ามขีดจำกัดของร่างกายจนมันทะลุกำแพง และพังทลายลงมา  การขว้างบอลด้วยความเร็ว 160 km/hr ทำทรีสไตร์ท โนฮิท โนรัน ตลอดแทบทุกรอบการแข่งขันในทัวนาเมนต์ 3 เดือนนั่น ด้วยร่างกายของเด็ก มอ ปลายธรรมดาๆ มันเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย ทำลายตัวเองอยู่แล้ว  แต่ฉันก็ขอ ปาติหาริย์แค่นั้น แค่เบนสายตาของพวกเขาให้มองมา  แล้วจับนายใส่เข้าไป  และนั่นก็หมดหน้าที่ของฉันแล้ว   ด้วยความพยายามของตัวนายเอง  ฉันเชื่อเสมอว่าหากมีเวลาให้นายเตรียมตัวมากพอ จินยองจะต้องก้าวขึ้นไปเหนือกว่าฉัน ทำให้พวกเขายอมรับ และประสบความสำเร็จในเส้นทางสายนี้ได้อย่างแน่นอน  แล้วฉันก็คิดไม่ผิด  ไม่ใช่เหรอ?"


    "บ้าระห่ำชะมัด ไม่เถียงว่าเป็นเพราะนายที่ทำให้สโมสรใหญ่หันมามองเรา  แต่พิชเชอร์ กับแบตเตอร์ มันก็เหมือนกองหน้า กับผู้รักษาประตูในฟุตบอลไหม มันแทนกันได้ที่ไหนหล่ะ  ต่อให้ได้ตั๋วไป เขาก็ใช่จะให้ลงเล่นร่วมทีมเลย  เราไปอยู่ญี่ปุ่นตัวคนเดียวเนี่ย ลำบากมากนะ กว่าจะเป็นที่ยอมรับและชิงตำแหน่งตัวจริงมาได้  ...แต่ก็ใช่ไง  แจบอมคิดไม่ผิดสักนิดเลย  ...บ้าจริง"  จินยองทำท่าโมโห หัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อรู้เหตุผลที่  แต่สุดท้ายก็ยิ้มและหัวเราะออกมาได้อย่างกับคนบ้า เหมือนกับว่าได้รับการปลดล๊อคอะไรสักอย่าง  เขาไม่ต้องรู้สึกผิดกับแจบอมอีกต่อไปแล้ว  และก็รู้สึกขอบคุณแจบอมมากๆที่เดิมพันด้วยทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมอบโอกาสนี้ให้แก่เขา


    อิม แจบอม คือชื่อของคนที่เป็นทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของจินยอง  ความขุ่นข้องหมองใจถูกคำว่ากาลเวลา และประสบการณ์ชีวิต หล่อหลอมให้เข้าใจเหตุการณ์ที่ผ่านมามากขึ้น  ไม่มีความอาลัยเสียใจใดๆในสิ่งที่ล่วงเลยมาแล้ว เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตได้ พวกเราล้วนต้องเติบโตขึ้น  และสามารถกำหนดอนาคตอย่างที่เราต้องการให้เป็นได้ด้วยมือของเราเอง


    "แล้วแจบอมหล่ะชีวิตเป็นยังไงบ้าง  อยู่ยังไง กินยังไง ตอนนี้ทำอะไรอยู่"


    "พูดแล้วห้ามหัวเราะนะ..... ฉันก็ทำกิจการต่อจากพ่อแม่นั่นแหละ  เป็นชาวประมง"


    "หือออ ไม่จริงอ่ะ  แจบอมไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเหรอ  ออกเรือหาปลาดูไม่เข้ากับนายเลยนะ"


    "ก็จะให้ทำยังไงได้หล่ะ  ตอนนั้นพ่อของฉันดันมาป่วยด้วยพอดี  ตัวฉันพอรักษาร่างกายหาย บ้านก็จำเป็นต้องใช้เงิน  เลยไม่ได้เรียนต่อ ต้องออกมาทำงานเลย  ฉันต้องเรียนรู้การออกเรือเอง จดจำจากแผนที่และเส้นทางจากบันทึกที่พ่อทำไว้  ได้ปลาก็เอามาให้แม่ขายในตลาด  ทำไปทำมาก็สนุกดี  รู้จักคนมากขึ้น ได้ทำอย่างอื่นนอกจากเบสบอลบ้าง  ฉันไม่กล้าดูข่าวหรือกลับไปเล่นมันอีกเลย เพราะกลัวคิดถึงนาย  ปีหนึ่งออกทะเล 8 เดือน อยู่บ้าน 4 เดือน ช่วงว่างก็ทำเรือนำเที่ยว พานักท่องเที่ยวไปตกปลาในวันที่อากาศดี"   

    "ดูมีความสุขจัง  ไม่เหมือนเราเลย ไปที่นั่นเราต้องคร่ำเคร่งกับการฝึกซ้อมแข่งขัน เอาจริงเอาจังจนเลือดตาแทบกระเด็นอยู่ทุกวี่ทุกวัน"


    "ฉันไม่ได้มีความสุขอย่างนั้นมาตั้งแต่แรกเสียหน่อย ก็ค่อยๆปรับตัวไป แล้วนายหล่ะ ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ได้มีความสุขดีอยู่หรอกเหรอ"


    "ก็เพิ่งจะมีความสุขเหมือนคนอื่นเขาเมื่อกี้เลย  เมื่อตอนที่ได้เห็นหน้าแจบอมอีกครั้ง และได้ฟังว่าเราไม่ได้ทำผิดต่อนาย  ตอนนี้เรารู้สึกดีมากจริงๆ  แต่ก็ยังมีเรื่องคาใจอีกนิดหน่อย"


    "...คือทำไมแจบอมไปอยู่ทีมสมาคมผู้ปกครองหล่ะ  นายแต่งงานมีลูกแล้วเหรอ?"


    "เปล่านะ  แค่เคยมาส่งหลานครั้งเดียว พวกรุ่นพี่นั่นก็เอาชื่อมาเข้าทีมเลย  ประธานสมาคมผู้ปกครองก็พี่แท๊คยอนไง รุ่นพี่ชมรมเก่าเรา 1 ปีนั่นแหละ"


    "อ้อแล้วไป แล้วแจบอมมีใครในใจหรือยัง"


    "...มีมานานแล้ว  ตั้งแต่ยังเด็กเลยด้วยมั้ง  สมัยก่อนก็อยู่ด้วยกันทุกวัน  เป็นเด็กน่ารักตัวขาวๆที่อยู่ข้างบ้านฉันไง  นายพอจะคุ้นบ้างไหมหล่ะ"


    "......"


    "อ่อ..แล้วที่ฉันไม่ได้ตอบจดหมายของนายเลยก็เพราะฉันย้ายบ้านด้วย  บ้านหลังเก่าที่เคยอยู่ข้างบ้านนายต้องขายเพื่อนำเงินมารักษาพ่อ แล้วไปซื้อบ้านหลังเล็กกว่าอยู่กันอีกทีหน่ะ"


    "แจบอมลำบากมากเลยนี่นา ตอนนั้นเราไม่ได้ช่วยอะไรแจบอมเลยสักนิดทั้งที่แจบอมทำเพื่อเราจนถึงกับต้องทิ้งอนาคตของตัวเอง"


    "ใครว่าหล่ะ  ฉันไม่ได้ทิ้งอนาคตอะไรไปเสียหน่อย  ก็จินยองหน่ะคืออนาคตของฉันนี่  รันเนอร์ที่ออกวิ่งไปตามเบสแล้วหน่ะ  สุดท้ายก็ต้องกลับมาเข้าโฮมไม่ใช่เหรอ  ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะจินยอง"


    "โอ้ยยย  พูดอะไรของนายเนี่ยยยย  พูดเรื่องน่าอายแต่ทำหน้าตายอย่างนี้ได้ยังไง เราเขิลนะ"


    "ก็เขินไป  หรือว่าฉันไม่ใช่บ้านของนาย  นี่ห่างกันมาตั้ง 5 ปี นายไม่รู้สึกอะไรกับฉันคนนี้จริงๆเหรอ"


    "งื้อออออออออออออออออออ  บ้า  ยังจะต้องถามอีกเหรอ  ดีใจจนหัวใจออกมาเต้นระบำแล้วเนี่ย"


    "แต่เราก็มีเรื่องอยากจะบอกแจบอมนะ คราวนี้ขอให้จินยองเป็นคนช่วยส่งเสริมแจบอมบ้างได้ไหม  ร่างกายแจบอมหายป่วยแล้วใช่ไหมหล่ะ  หลังจากนี้ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยกันนะ"


    "ไม่เอาอ่ะ  นายก็เป็นลูกคนเดียว  ฉันก็เป็นลูกคนเดียว  ตอนนายไม่อยู่พ่อแม่ของนายแก่ลงเยอะเลยนะ พวกท่านไม่ได้บ่นคิดถึงนายต่อหน้านาย ก็ไม่ได้แปลว่าพวกท่านไม่คิดถึง ขนาดแม่ฉันขายปลายในตลาดยังรู้เลยว่าคุณนายปาร์คเธอคิดถึงลูกชายคนเดียวขนาดไหน  ส่วนฉันเองก็ต้องดูแลที่บ้านเหมือนกัน  แต่ถ้าทีมนาย แข่งชนะทีมฉันในวันพรุ่งนี้ละก็จะยอมเก็บไปคิดดูนะ  แต่ถ้าแพ้จินยองจะต้องกลับมาอยู่ที่เกาหลีตกลงไหมหล่ะ?  ที่นี่ก็มีลีคอาชีพที่ใหญ่โตไม่แพ้ทางญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน"


    "ก็เคยคิดอยากกลับมาเล่นที่เกาหลีเหมือนกันแหละ แต่ตอนนั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรให้กลับมานี่นา"


    "ตอนนี้มีแล้วไง  กลับมาหาฉันนะ  แจบอมรอจินยองมาตั้ง 5 ปีแล้ว  และบอกก่อนเลยว่า เกมวันพรุ่งนี้ทีมสมาคมผู้ปกครองต้องชนะแน่ๆ"


    "อะไรทำให้แจบอมมั่นใจขนาดนั้น?"


    "ก็ค่อนทีมของสมาคมผู้ปกครองเนี่ยเป็นทีมเบสบอลแชมป์เก่ารุ่นของเรานี่นา  พวกนั้นมีลูกโตจนส่งเข้าโรงเรียนกันแล้ว  จินยองเตรียมกลับไปเก็บของที่ญี่ปุ่นได้เลย"


    "โอยยยย.....อย่างนี้มันขี้โกงกันแล่ววววววว.... "  


    ถึงจะบ่นงุ้งงิ้ง กุ้งกิ้งไปอย่างนั้น แต่ตั้งแต่ที่ทั้งสองคนมานั่งที่เก้าอี้ม้านั่ง ศีรษะกลมทุยของจินยองก็ยังไม่ได้เคลื่อนออกจากไหล่หนาของแจบอมสักนิดเลย.



    End.
    *****************************





    100%  


    ฮิ้ววววว  ดูจากชื่อตอนหลายคนคงพอจะเดาออก  ไรท์เขียนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่  JJP คัมแบคค่ะ  ค้างไว้ที่ 70% มา 3ชาติเศษ 555

    ในที่สุดก็เข็นออกมาจนจบได้  ไม่รู้จะงง งง กันบ้างไหม  นะคะ อิอิ  พอได้ลงแล้วก็เสร็จสมอารมณ์หมาย  รู้สึกร่างกายเบาหวิว

    555 จริงๆ มี SF/OS อีกหลายสิบเรื่องที่เขียนค้างไว้ไม่ได้ไปต่อ  ถ้ายังไม่เบื่อกันก็จะเอามาลงให้อ่านกันอีกนะคะ  เริ่มด้วยอันที่

    เคยรับปากไว้จะมาก่อน ตอนจบของ At your service 3/3 กับ ตอนต่อของ Shall we return  



    *ยังไงก็รบกวนคอมเม้นกันมาได้นะคะ  อยากอ่านแนวไหน หรืออยากแนะนำอะไรไรท์บ้าง ก็บอกกันน๊า  รักรีดเดอร์ทุกคนนน

    **ใครยังไม่ได้อ่านคัทของตอนที่แล้ว ไรท์ลงให้แล้วน๊า  ที่เดิมๆๆ  5555
     
    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×