ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic series | BREAD & BUTTER | bnyoung

    ลำดับตอนที่ #5 : #ฟิคพี่ปมคนโง่ | CRUSH ON YOU

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.1K
      76
      24 มิ.ย. 58




    #ฟิคพี่ปมคนโง่
    CRUSH ON YOU
    (Jaebum/Jinyoung)


    Apink - Mr. Chu

    ขอบคุณคำแปลเพลงค่ะ ^^
    submit : lilopop / lyric: kpoplyrics /hangul : Aug95x
    trans by : Leaderkiiz / timing-modify video : @HCO2x 

     

     

    CRUSH ON YOU
    #ฟิคพี่ปมคนโง่

     


     

    tumblr_nguougR1q51rk9zcyo4_400

    ::

                เช้าวันอาทิตย์ ท้องฟ้าสดใสอากาศดีจนจินยองตัดสินใจออกไปวิ่งที่สวนตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งโดยที่ปล่อยให้คนบางคนที่ทำงานเหนื่อยหนักทั้งอาทิตย์นอนอืดอยู่บนเตียงต่อ แต่เมื่อกลับมาถึงที่ห้องในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมาจินยองก็ยังเห็นภาพเดิม เสียงกรนเบาๆ จากร่างกายที่อ่อนล้าที่นอนม้วนอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่ทำให้จินยองอดไม่ได้ที่จะยกหมอนฟาดหน้าหนึ่งครั้งด้วยความหมั่นไส้(แน่นอนว่าแจบอมไม่รู้ตัว)ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ

    Mr. Chu~ 입술 위에 Chu~ 달콤하게 Chu~ 온몸에 난 힘이 풀려~

                หลังจากอาบเสร็จก็เดินออกมาพร้อมเช็ดผมที่เปียกหมาดของตัวเองด้วยผ้าขนหนู พบเตียงที่ว่างเปล่าแต่ที่นอนเก็บสะอาดเรียบร้อย พลางขมวดคิ้วเพราะเสียงเพลงที่ได้ยินจากข้างนอกดังผ่านเข้ามาทางประตูห้องนอนที่ไม่ได้ปิด

                “พี่แจบอม?”

                คนถูกเรียกที่ยังอยู่ในชุดนอนพร้อมผมยุ่งชี้โด่เด่สะดุ้งขึ้นน้อยๆ ก่อนจะหันไปยังต้นเสียงที่กำลังยืนขมวดคิ้วอยู่ไม่ห่าง เสียงเพลง Mr. Chu ที่ตอนแรกเปิดดังอยู่ถูกกดหยุดชั่วคราวพร้อมกับภาพของเกิร์ลกรุ้ปสาววงเอพิงค์ที่ค้างอยู่เช่นกัน

                รอยยิ้มโง่ๆ ที่ส่งไปได้รับคำตอบกลับมาเป็นคำถาม

                “ฟังแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่… นี่ จะเปิดดีดีไหม?”

                น้ำเสียงเรียบๆเปลี่ยนเป็นดุขึ้นมาให้แจบอมกลัวจนต้องคลายมือออกจากหน้าจอแลปทอปที่ตัวเองกำลังจะพับปิดปล่อยให้ผู้มีอำนาจเหนือกว่าได้กระทำตามใจชอบ

                เพลงที่หยุดไปชั่วคราวถูกกดให้เล่นต่อ

                “เอ่อ.. จินยอง คือพี่”

                “อะไร”

                “เปล่าๆ คือ”

                “…?”

                “คือ..”

                “เฮ้ยจะคือเคออะไรนักหนาอ่ะ”

                “…..”

                “จะดูก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แค่สงสัยเฉยๆ” (ชอบเหมือนกัน)

                แจบอมอมยิ้มนั่งมองใบหน้าน่ารักที่อยู่ใกล้ๆอย่างเพลินตา ดวงตากลมจ้องหน้าจอแลปทอปของเขาพร้อมกับเพลง Mr.Chu ที่กำลังถูกเล่น จินยองเพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วก็มานั่งบนโซฟาข้างๆเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ จากสบู่และแชมพูที่จินยองใช้เป็นสิ่งที่แจบอมแอบชอบมาหลายปี หยดน้ำไหลจากเส้นผมเปียกหมาดๆ ซึมลงบนเนื้อผ้าของเสื้อยืดสีชมพูอ่อนที่เข้ากับหน้าตาน่าหยิกของจินยองได้ดีมากจนแจบอมไม่รู้ว่าในชีวิตนี้มันจะมีอะไรที่เหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว
     

    It’s so lovely lovely 사랑스러워 
    น่ารักอ่ะ เธอน่ารักมาก และความน่ารักนั่น 

    난 네가 자꾸만 좋아져
    ฉันจึงชอบเธอ ชอบเธอมากขึ้น

     

                “ยิ้มหาอะไร?”

                เป็นอีกครั้งที่ต้องสะดุ้งเพราะเสียงที่ดุเกินความจำเป็นของอีกคนพร้อมกับหุบยิ้มที่บานไปทั่วหน้าทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตอบคำถามของจินยองได้ว่าเมื่อครู่นี้เขายิ้มหาอะไรกันแน่

                “ยิ้มเพราะจินยองนั่นแหล่ะ”

                “…………..”

                “ฟังเพลงนี้ แล้วคิดถึง…”

                “คิดถึง?”

                “ตอนแอบชอบจินยองใหม่ๆ..”

                

                ………………

                ……….

                ….

                

                “พวกคุณไม่ให้ความสำคัญกับมหาวิทยาลัย”

                “……………”

                “ทำไมล่ะ หรือเพราะพวกคุณมาอยู่ตรงนี้แค่เพื่อความสนุก ไม่สนใจอะไรเลย!”

                เสียงตะโกนดังลั่นเปลี่ยนให้บรรยากาศใต้อาคารเรียนที่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วทุกคนยังสนุกสนานกับกิจกรรมสันทนาการรวมของเด็กคณะอินเตอร์ในช่วงเดือนเปิดเทอมของการรับน้องตกอยู่ในความตึงเครียด หลังจากกลุ่มมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่าพี่ว้ากได้บุกเข้ามาเริ่มสงครามด้วยการให้น้องๆ ปีหนึ่งร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัย ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น

                “แค่เพลงยังร้องไม่ได้ พวกปีสองมันแย่มากใช่ไหม ถึงสอนพวกคุณร้องเพลงง่ายๆแค่นี้ไม่ได้!”

                ความจริง รู้สึกผิดเต็มหัวใจ

                แจบอมได้แต่นึกถึงเนื้อเพลงท่อนนี้อยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาตอกย้ำความรู้สึกตัวเองในขณะที่เขาต้องปั้นหน้านิ่งแหกปากด่าน้องๆ ตามสคริปต์ที่ถูกยัดเยียดให้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ยิ่งเห็นน้องๆ นั่งก้มหน้าก้มตาเรียงกันเป็นแถวก็ยิ่งรู้สึกเสียใจเพราะตัวแจบอมเองก็ยังจำเนื้อเพลงประจำมหาวิทยาลัยที่ว่าไม่ค่อยได้เลยด้วยซ้ำ

                ถ้าไม่ติดว่าไปเสียท่าพนันบ้าบออะไรกับเพื่อนอย่างแจ็คสันไว้ … แจบอมก็ไม่คิดจะมาเป็นพี่ว้ากสักครั้ง

                

                ‘อ่อ นั่นจินยอง จินยองสินกำปีหนึ่ง’

                ‘จินยอง..’

                ‘เรียนเร็ว เพิ่งจะสิบเจ็ดเองมั้ง’

                ‘……………’

                ‘กูซิ่วมาก็รู้สึกตัวเองแก่ชิบหายละมาเจอไอเด็กนี่ยิ่งรู้สึกแก่ แถมงานแม่งอย่างโหด’

                ‘……………’

                ‘เห็นว่าจะเข้าชมรมดนตรีด้วย กูว่าน่าจะตีสนิทง่าย’

                ‘……………’

                ‘หน้าตาแม่งน่ารักสัดๆ เรียนถ่ายรูปเมื่อไหร่กูจะยืมเป็นนายแบบ’

                ‘……………’

               

                จินยอง อายุสิบเจ็ด ศิลปกรรมปีหนึ่ง เล่นดนตรี เรียนเก่ง น่ารัก แบบสัดๆ ด้วย

                แจบอมรู้ดีว่าจินยองน่ารักและแม้แต่คำคุณศัพท์ว่า ‘สัดๆ’ ยังอธิบายได้ไม่พอกับสิ่งที่แจบอมได้พิสูจน์ด้วยตาตัวเองจากการที่ได้เห็นหน้าจินยองแค่ไม่กี่แวบ ไม่คิดมาก่อนว่าคนใกล้ตัวอย่างแจ็คสัน เพื่อนที่เพิ่งซิ่วจากเอกบริหารไปศิลปกรรมจะรู้จักน้องจินยองคนนี้

                และแน่นอนว่าแจบอมอยากจะรู้จักด้วย นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ตัวเขาเองต้องมาอยู่ในสถานการณ์นี้

                คอก็เจ็บ เสียใจก็เสียใจ แต่ว่า

                

                ‘สันรวมวันนี้มันจะมีว้าก มึงไปแทนมาร์คหน่อย แฟนกูขี้เกียจ แม่งตัวพีคด้วยอ่ะ’

                ‘ไปให้หน่อยดิ่ ไม่เป็นก็ฝึกได้ มึงทำเสียงดังได้อยู่แล้วๆ’

                ‘ช่วยกูหน่อยนะแล้วเดี๋ยวกูจะช่วยสานสัมพันธ์ให้ อิอิ’

               

                ด้วยความที่ไร้ความสามารถด้านนี้โดยสิ้นเชิง แจบอมจึงไม่มีทางเลือกใดนอกจาก…การตกลง แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้มีความสามารถด้านการว้ากด้วยเช่นกัน

                

                “พี่ยืนพูดอยู่แบบนี้..ยังมีคนนั่งหลับเลยนะ” เสียงของเพื่อนผู้หญิงจากเอกอะไรวิทย์ๆสักอย่างพูดขึ้นเรียบๆ ทำให้สายตาของรุ่นพี่พากันสังเกตไปทั่วกลุ่มน้องๆที่นั่งอยู่เพื่อมองหาต้นเหตุ แจบอมที่กำลังอินอยู่กับบทบาทไม่รอช้าที่จะใส่เต็มจนเกินค่าจ้าง

                “ไหน ใคร ใคร! ใครหลับ! ลุก! นั่งหลังตรงเดี๋ยวนี้!”

                พรึ่บ เด็กๆทุกคนทำตามคำสั่งโดยอัตโนมัติ นั่งหลังตรงขึ้นพร้อมกัน แต่นั่นก็ยังไม่พอใจแจบอมเพราะสายตาของเขาเห็นเด็กคนหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ห่างยกฮู้ดขึ้นปิดศีรษะแถมยังก้มหน้าก้มตาไม่ทำตามคำสั่งอีก แจบอมรีบสาวเท้าเข้าไปหาพร้อมกับตะโกนเรียกอีกซ้ำๆ

                แต่แล้ว… พอมือขาวๆ ยกขึ้นดึงฮู้ดออกเผยให้เห็นผมหน้าม้าสีดำยาวปิดคิ้วที่กำลังขมวดมุ่นมองมาที่เขา ใบหน้าที่คุ้นตาปรากฏขึ้น พร้อมป้ายชื่อที่ห้อยคออยู่ยืนยันว่าคนคนนี้เป็นใคร

                วิญญาณพี่ว้ากหลุดออกจากร่างพร้อมกับวิญญาณของอิมแจบอม

                

                ‘จินยอง..’

               

    한번 보면 두 번 더 보고 싶어

    มองเธอแค่ครั้งสองครั้งมันทำให้ฉันอยากพบอีก

    두번 세번 보면 너를 더 안고 싶어

    เมื่อฉันมองเธออีกสองสามครั้งฉันก็อยากจะกอดเธอ

    함께 이 길을 걷고 싶어 난

    ฉันอยากจะเดินไปกับเธอไปตลอด

                

                “ตอนนั้นโคตรเกลียดเลยอ่ะ” หลังจากได้ยินเรื่องราวเก่าๆที่ยังเด่นชัดในความคิดจินยองก็พูดขึ้นมาตามความรู้สึกในตอนนั้นจริงๆ ใบหน้าของแจบอมหงอยลงไปเล็กน้อยเพราะตัวเขาก็ไม่ได้เต็มใจที่จะสร้างภาพลักษณ์แบบนั้นออกไป ตอนตกปากรับคำว่าจะไปว้ากให้ก็ดันลืมคิดไปด้วยว่าจินยองก็อาจจะอยู่ที่กิจกรรมและอาจจะมองพี่แจบอมคนนี้ว่าเป็นรุ่นพี่ใจโหดใจร้ายใจดำ

                “พี่แจบอมแหกปากเหมือนเป็นบ้าเลย”

                “แต่ตอนนั้นจินยองน่ารักมากเลยนะ”

                “………….”

                “พี่ลืมไปหมดเลยว่าจะพูดอะไรตอนเห็นจินยองเงยหน้าขึ้นมา”

                แจบอมอธิบายออกมาด้วยความจริงใจที่แสดงผ่านทั้งทางน้ำเสียงและแววตา จินยองเงียบก่อนจะแกล้งมองไปทางอื่น หน้านิ่งเฉยทั้งที่ใจกำลังเต้นตึกตัก คำพูดของแจบอมเป็นแบบนี้ทุกครั้ง

                ไม่มีเจตนาจะหยอด หรือจะพูดคำหวานๆ ทุกอย่างมันออกมาแบบซื่อๆตรงๆ แต่ทำให้จินยองเขินแทบบ้า

                และนั่น… ก็เป็นสิ่งที่จินยองชอบมาตลอด

                ………………

                ……….

                ….

                เวลาเกือบสามทุ่มไม่ใช่เวลาปกติที่จินยองจะกลับบ้านเพราะรถเมล์สายประจำจะไม่ค่อยวิ่งตอนดึกๆแต่ในวันนี้ที่มีงานของชมรมดนตรีและจินยองเองก็ขึ้นโชว์เปียโนกับวงของเพื่อนๆ จากหลายเอกจินยองจึงอยู่ที่มหาลัยยาวด้วยความเพลิดเพลินจนกระทั่งรู้ตัวว่าถ้าดึกกว่านี้จะไม่ได้กลับจริงๆ จึงขอตัวออกมาก่อนทั้งที่งานยังคงดำเนินอยู่

                จินยองสวมหูฟังพร้อมเปิดเพลงในขณะที่กำลังยืนรอรถอยู่หน้าป้าย สายตามองตรงไปอย่างเรื่อยเปื่อยก่อนที่ใครบางคนจะวิ่งมาขวางทางอยู่ตรงหน้าเขา

                “……….”

                “……….”

                “วันนี้ .. เล่น.. เพราะมากเลย”

                เสียงที่หอบและสั่นแทรกผ่านหูฟังเข้ามาเพียงเบาๆแต่ก็ยืนยันความเหนื่อยของเหงื่อที่ที่เปียกซึมเสื้อของคนคนนี้ได้ดี จินยองขมวดคิ้วมองก่อนจะชักสีหน้าออกมาเมื่อนึกออกว่าเป็นใคร      ยกมือขึ้นเกี่ยวสายหูฟังออกเพื่อที่จะได้ถาม

                “พี่”

                “…………”

                “พูดเบาๆเป็นด้วยหรอ”

                รู้ว่ามันท้าทายไม่น้อยแต่หน้าประหลาดของไอ้รุ่นพี่คนนี้จินยองไม่ชอบใจอยู่แล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนอยู่ๆก็เอ๋อใส่จินยองหลังจากที่ตะโกนด่าเสียงดังโหวกเหวกจนเผลอเสียงหลงไปหลายประโยคในช่วงหลังๆแต่ก็ยังไม่ยอมลดความดัง

                จินยองรำคาญ และที่ถามกวนๆไปเมื่อกี้ก็ไม่รู้เลยด้วยว่าตัวเองจะเจอกับอะไร แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่ได้รับคำตอบใดใดเป็นคำพูดหรือคำต่อว่า … ใบหน้าของรุ่นพี่ตัวสูงมีเพียงรอยยิ้มแหยๆที่ส่งมาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีแดงยื่นให้จินยองอยู่ตรงหน้า

                “วันนี้ เล่นดีมากเลย”

                “………….”

                “พี่..เอ่อ.. พี่ให้”

                จินยองรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ ร่างบางมองหน้ารุ่นพี่คนนี้กับดอกกุหลาบที่อยู่ตรงหน้าสลับกันไปมา..

               

                “ไม่เอาเราไม่ชอบดอกไม้” ตอบออกมาตรงๆอย่างไม่สนใจก่อนจะยัดหูฟังกลับไปเหมือนเดิมและเดินผ่านไปแต่แล้วไม่กี่วินาทีต่อมาอีกคนก็ยังวิ่งมาดักหน้าแล้วยื่นดอกไม้ให้อีก ทว่าจินยองก็ยังยืนยันคำเดิม

                

                “เราไม่ชอบ”

                “ก็เอาไปก่อนได้ไหมอ่ะวันนี้มีแค่นี้”

                “ไม่เอาไม่อยากได้”

                “ก็พี่อยากให้”

                “ก็บอกว่าไม่ชอบ”

                

                ตื๊อจริงโว้ยยยย

                

                จินยองผลักช่อดอกไม้ที่ถูกยื่นมาให้ไม่หยุดออกนึกอยากจะให้รถมาไวๆ จะได้รีบกลับบ้านเสียที

                “ไม่ชอบก็เอาไปก่อนไม่ได้หรอ”

                “ไม่”

                “……….”

                เห็นร่างสูงถอนหายใจก็โล่งใจคิดว่าจะหมดเวรหมดกรรมกัน แต่จู่ โทรศัพท์เครื่องสวยก็ถูกยื่นให้ตรงหน้าพร้อมกับคำพูดที่ทำให้จินยองคิดอะไรไม่ออก

                “งั้นก็เอาเบอร์มาละกัน”

                “……!”

                “พี่จะได้โทรไปถามว่าชอบอะไร”

                จินยองไม่รู้ว่าคนคนนี้พูดเล่นพูดจริงคือคิดบ้าคิดบออะไรอยู่ แต่ตัวจินยองเองถึงกับอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แววตาจริงใจ ใบหน้าที่ดูเครียดกับคำพูดนั้นจริงๆ ยิ่งทำให้จินยองรู้สึกมึนงงไปหมด

                ………………

                ……….

                ….

                

                “ตอนแรกคิดว่าเป็นพวกเสี่ยวๆ”

                “พี่ก็คิดว่าตัวเองทำอะไรเสี่ยวๆไว้เยอะ แต่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ”

               “………..”

               “พี่ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นมุกด้วย ตอนขอเบอร์ พี่..พี่อยากรู้จริงๆว่าจินยองชอบอะไรอยากโทรไปคุยด้วยเลย คือพี่..”

                “รู้”

                “……….”

                “แบบพี่แจบอมเรียกว่า ซื่อบื้อตังหาก”

                

                แจบอมหัวเราะออกมาให้กับคำพูดนั้นเพราะเห็นด้วย พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่จินยองเพิ่งเล่า.. ตอนนั้น ..  เขาทั้งเสี่ยวทั้งซื่อบื้ออย่างที่จินยองว่าจริงๆ

                

                

                

                ………………

                ……….

                ….

                หลังจากที่เล่นดนตรีของวงเสร็จแจบอมก็รีบปลีกตัวมาที่หน้ามหาวิทยาลัยพร้อมกับของที่เพิ่งไปเอาจากที่รถมา วิ่งด้วยความรวดเร็วแข่งกับเวลาที่ตัวเองจำได้ดีว่ามีเหลือไม่มากก่อนจะเบรคตัวเองกับพื้นทันทีจนเกือบจะเซล้มเพราะทรงตัวไม่อยู่ เมื่อเห็นว่าที่หน้าป้ายรถเมล์ ใครบางคนได้ยืนอยู่ตรงนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามคาด

                เหงื่อที่ไหลเปียกเสื้อเชิร์ตสีขาวจากการตีกลองอย่างเต็มพลังไปในตอนนี้ซึมออกมาเยอะกว่าเดิม ลามไปถึงหน้า คอ และมือ

                หัวใจเต้นถี่จนได้ยินเสียงของมัน แจบอมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนที่จะก้าวขายาวๆ ไปยืนดักหน้าคนที่ตัวเองแอบเดินตามต้อยๆมาตลอดทั้งเทอมที่ผ่านมา

                “……….”

                “……….”

                

                จินยองในชุดเสื้อฮู้ดที่ดึงหมวกขึ้นมาปิดหัวตัวเองไว้เหมือนทุกครั้ง ใบหน้าน่ารักมองมาที่เขาอย่างงงๆ แต่นั่นก็ทำให้แจบอมเกือบจะหยุดหายใจ

                

                รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี บรรยากาศรอบตัวไม่มีใครนอกจากแจบอมและจินยองพอจะช่วยผ่อนคลายความเขินอายลงไปได้บ้าง..

                “วันนี้ .. เล่น.. เพราะมากเลย”

                งานโชว์เคสวันนี้จินยองเล่นเปียโนรวมกับวงของเด็กปีหนึ่ง แจบอมที่รู้มาก่อนอยู่แล้วก็จัดการสั่งดอกไม้มาตั้งใจจะเอาไปให้แต่พอสั่งมาเสร็จแล้วดันลืมคิดไปว่าตัวเองไม่มีหน้าจะกล้าเอาไปให้กลางเวทีจึงตัดสินใจเก็บไว้รอจนตัวเองแสดงเสร็จและตรงกับเวลาสองทุ่มสิบห้านาทีที่จินยองจะออกมายืนรอรถบัสกลับบ้านทุกวัน

                “……………”

                “……………”

                จินยองยังยืนนิ่งทำให้แจบอมใจเสีย … ก่อนที่มือบางจะยกขึ้นดึงสายหูฟังของตัวเองออก

                “พี่”

                “…………”

                “พูดเบาๆเป็นด้วยหรอ”

                

                ประโยคคำถามเรียบๆทำให้แจบอมอ้าปากค้าง บทบาทการเป็นพี่ว้ากชั่วคราวอยู่ๆก็ซ้อนทับเข้ามาแจบอมเกือบจะแกล้งตีหน้าขรึมใส่แต่ก็ลืมไปว่ากูมาจีบเขาอยู่นี่หน่าแล้วจะดึงหน้าทำไม แจบอมจึงรีบเรียกสติตัวเอง ประมวลผลความคิดให้หัวก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ที่เตรียมมาไว้ให้

                รู้ตัวว่าเสี่ยวสุดๆ ตอนคิดจะซื้อก็รู้ทั้งรู้ว่าเสี่ยว ยิ่งตอนที่ได้รับของมาก็ยิ่งรู้สึกเสี่ยว

                แต่ดอกไม้มันก็เหมาะกับโอกาสนี้ที่สุดแล้ว..มั้ง

                “วันนี้ เล่นดีมากเลย”

                “………….”

                “พี่..เอ่อ.. พี่ให้”

                กุหลาบสีแดงตรงหน้าจินยองยังไม่ถูกหยิบไปไหนแจบอมลุ้นกับการตอบรับของจินยองด้วยใจเต้นรัว

                ใบหน้าขาวก้มลงมองของในมือแจบอมสลับกับหน้าแจบอมอยู่สองสามครั้งก่อนจะพูดคำสั้นๆด้วยน้ำเสียงเรียบๆ…แต่แจบอมกลับรู้สึกเหมือนโดนกลองทั้งชุดทุ่มใส่หน้า

                “ไม่เอาเราไม่ชอบดอกไม้”

                จินยองพูดจบก็ยัดหูฟังกลับเข้าไปที่เดิมก่อนจะเดินผ่านหน้าไป แจบอมรีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว พูดอะไรไม่ออกนิ่งค้างกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

                หน้าแหกสุด

                อายโคตรๆ

                แต่อาย…. แล้วได้อะไร

                คิดได้ดังนั้นแจบอมก็เกิดแรงฮึดก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาจินยองแล้วก็หลับหูหลับตายื่นช่อดอกไม้ให้อีกครั้งทั้งที่หัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา

                “เราไม่ชอบ”

                “ก็เอาไปก่อนได้ไหมอ่ะวันนี้มีแค่นี้”

                “ไม่เอาไม่อยากได้”

                “ก็พี่อยากให้”

                “ก็บอกว่าไม่ชอบ”

                ช่อดอกกุหลาบถูกยื่นไปและผลักกลับมาอยู่หลายครั้งจนแจบอมเริ่มรู้สึกเสียหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนอยากวิ่งกลับเข้ามหาลับแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงพยายามจะหาทางออกจากเหตุการณ์นี้ให้ได้ พยายามจะต่อสู้กับสถานการณ์หน้าแตกนี้อย่างเต็มกำลัง

                จนลืมคิดไป…ว่าจะเผลอพูดจาโง่ๆไปขนาดไหน…

                “ไม่ชอบก็เอาไปก่อนไม่ได้หรอ”

                “ไม่”

                “……….”

                แจบอมถอนหายใจ ดึงดอกกุหลาบในมือลงก่อนจะใช้มืออีกข้างหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา

                “งั้นก็เอาเบอร์มาละกัน”

                “……!”

                “พี่จะได้โทรไปถามว่าชอบอะไร”

                

    매일 매일 봐도 난 더 좋아져

    ฉันชอบเธอมากขึ้นเมื่อฉันเจอเธอทุกวัน

    두번 세번 나의 볼을 꼬집어 봐도

    มองแล้วมองอีกจนอยากหยิกแก้มตัวเองซักสองสามที

    마치 dreaming dreaming 꿈을 꾸는 듯

    ราวกับความฝัน ความฝัน ราวกับอยู่ในความฝัน

    생각만 해도 난 미소가

    เพียงแค่คิดถึงเธอฉันก็ยิ้มออกมา

                

                “พี่คิดว่าจินยองเกลียดพี่มากๆมาตลอดเลย”

                หลังจากนึกจนจบแจบอมก็เปิดเผยความรู้สึกตัวเองออกมา จินยองตอบไปอ้อมๆแอ้มๆว่าไม่ได้เกลียดแต่ไม่กล้าพูดได้เต็มปากนัก เพราะว่าตอนนั้น… จินยองเองก็ไม่ได้ชอบขี้หน้ารุ่นพี่อิมแจบอมคนนี้สักเท่าไหร่

                “พี่แจบอมชอบมาอยู่ด้วยเวลาอยู่กับแจ็คสันอ่ะ” ว่าแล้วก็พูดถึงเพื่อนรุ่นพี่อีกคนที่สนิทสนมกันแบบเพื่อนมากกว่าเนื่องจากเรียนอยู่รุ่นเดียวกัน “พี่แจบอมชอบมานั่งด้วย ไปกินข้าวด้วย แต่ก็อยู่แบบเงียบๆ เอ๋อๆ คือตอนนั้นเราก็แบบ เอ่อะ มาทำอะไรวะ มานั่งเพื่อ รู้จักก็ไม่รู้จัก”

                แจบอมได้แต่หัวเราะกับความจริงทั้งหมด พี่แจบอมคนนี้ไม่เคยฉลาดและดูดีในสายตาของปาร์คจินยองอยู่แล้ว

                “แต่พอรู้จักกันแล้ว ก็ยังไม่ชอบหน้าพี่อยู่ดี”

                “ก็แค่ตอนนั้น”

                “พี่คิดว่าจินยองจะไม่มีวันชอบพี่ คนจีบจินยองเป็นหมื่นเป็นแสน”

                “เว่อร์ละ”

                “แต่พี่รู้สึกหมดหวังมากเลย”

                “ตอนนั้น จินยองก็ชอบพี่แจบอมที่สุดนะ”

                “……………..”

                “ก็แค่.. ไม่คิดว่าพี่แจบอมจะจริงจังอ่ะ”

                “พี่รู้”

                แต่จริงๆ แจบอมก็เพิ่งจะได้รู้หลังจากคบกันมาแล้วว่าทำไมจินยองถึงได้ใจแข็งนัก ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพราะตัวของเขาเองจริงๆ ที่ทำให้จินยองไม่อยากจะมาชอบ แต่พอจินยองมาเล่าให้ฟังถึงเหตุผลหลังจากที่คบกันมาสักพักแล้ว แจบอมก็ได้เข้าใจว่าสองปีที่เด็กคนนี้ใจแข็งกับเขาแบบสุดๆ เป็นเพราะอะไร

                “ยังรู้สึกผิดอยู่เลย ไม่ได้ตั้งใจจะให้รอเป็นปีสองปีแบบนั้น”

                “อื้ม”

                “แต่ก็นั่นแหล่ะ ถึงได้มั่นใจ”

                “………..”

                

                

                

                ………………

                ……….

                ….

                “เป็นยังไงบ้าง”

                จินยองเงยหน้าขึ้นจากจานเค้กบราวนี่ที่ตอนนี้เหลือแต่เศษขนมชิ้นเล็กๆให้ใช้ส้อมจิ้มเขี่ยเล่นขมวดคิ้วมองแจ็คสันที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความสงสัยว่าเพื่อนรุ่นพี่คนนี้หมายถึงอะไร แจ็คสันตอบด้วยการพยักเพยิดใบหน้าไปทางประตูร้านขนมหวานที่ใครบางคนที่ได้มานั่งกินบราวนี่เมื่อราวๆ ยี่สิบนาทีก่อนกับจินยองเพิ่งจะเดินออกไปเพราะมีเรียนต่อ

                เข้าใจในสิ่งที่อีกคนต้องการจะสื่อแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร จินยองก้มหน้าลงนั่งเล่นกับจานขนมต่อจนโดนแจ็คสันยื่นมือเข้ามาบิดแก้มยืดออกเท่านั้นแหล่ะถึงได้ส่งเสียงร้องโวยวายและยอมวางส้อมในมือเงยหน้าขึ้นมาคุยด้วยดีดี

                “เจ็บนะ!”

                “ถามไม่ตอบ”

                “ถามอะไรเล่า”

                “เป็นยังไงบ้าง”

                “บราวนี่อร่อยดี หวานไปหน่อย”

                “ไม่ใช่ขนมเว้ย”

                “…………….”

                เพียงเท่านี้จินยองก็เงียบ ตั้งท่าจะกลับไปเล่นปัญญาอ่อนกับจานขนมต่อแต่โดนแจ็คสันแย่งไปถือไว้ก่อนพร้อมใช้นิ้วรูดเศษขนมทั้งหมดที่ติดอยู่บนจานเลียเข้าปากจนเกลี้ยงจินยองถึงกับหน้าเหวอและสบถด่าว่าสกปรกดังลั่นร้านแต่แจ็คสันก็ไม่สนใจ วางจานในมือคืนลงตรงหน้าจินยองมือบางรีบผลักมันออกจากตัวด้วยความรวดเร็วและรังเกียจ

                “ทุเรศสัด!”

                “แล้วมัวแต่นั่งเล่นทำไมล่ะ”

                “……………….”

                “ถามก็ตอบดิ่ เรื่องไอ้แจบอมอ่ะ”

                “……………….”

                “เป็นไงบ้าง”

                “ก็.. ก็ โอเค”

                จินยองตอบเสียงเบา มองไปทางอื่น คำตอบอึกๆอักๆแต่ใบหน้ากำลังพยายามซ่อนยิ้มทำให้แจ็คสันเข้าใจอะไรได้ไม่ยาก

                “โอเคแปลว่าอะไร” แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามจะเค้นเอาคำตอบจริงๆ จากอีกคนให้ได้ จินยองก้มหน้านั่งเล่นชายเสื้อตัวเองอย่างสนุกสนานจนแจ็คสันต้องถามซ้ำ

                “โอเคแปลว่าอะไร”

                “ก็แปลว่าโอเคไง”

                “แล้วแปลว่าดีหรือไม่ดี”

                “………”

                “ตอบ”

                “เอออออออ”

                จินยองก็ไม่รู้ตัวเองว่าจะเขินอะไรนักหนา รู้สึกว่าข้างในมันกำลังปั่นป่วนยังไงก็ไม่รู้ ปากก็จะยิ้มอยู่ได้พยายามจะบังคับยังไงก็รู้สึกได้อยู่ดีว่าซ่อนอาการไว้ไม่มิด

                “แจบอมอ่ะ มันจริงใจนะ” พูดขึ้นมาด้วยความที่รู้จักเพื่อนตัวเองดี จินยองพยักหน้าขึ้นลงทั้งที่ไม่ยอมสบตา รู้ ข้อนี้จินยองรู้ดีอยู่แล้ว

                ตลอดสองปีที่ผ่านมาคำพูดซื่อๆ กับสายตาของอีกคนมันบอกทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งหมด

                “จำได้ปะเนี่ย ตัวเองเคยขออะไรไว้”

                “ห้ะ?”

                “ที่พระตีมูรติหน้าเซนทรัลเวิลด์ตอนไปเที่ยวประเทศไทยอ่ะ”

                :

                ‘จินยองใจเย็น มึงนับธูปหรือยัง ไม่ใช่ว่าจุดเกินนะ’

                ‘ไม่เกิน พี่ หลบไป’

                ‘นี่ แล้วมันต้องสวดอะ..’

                ‘ชู่วววว’

                ‘…………’

                ‘ปะ เสร็จละ’ นับหนึ่งยังไม่ทันถึงห้าคนข้างๆ ก็เดินไปปักธูปเสร็จเสร็จเรียบร้อย

                ‘เฮ้ย! เร็วไปปะ’

                ‘ก็ไม่ได้ขออะไรมากมายอ่ะ ไปเร็ว พี่มาร์ครอตายห่าแล้ว’

                :

                “ห้ะ? เราเคยบอกพี่อ่อ?”

                จินยองจำได้ ทริปการไปเที่ยวประเทศไทยช่วงวันหยุดตอนปีหนึ่งเทอมหนึ่งกับแจ็คสันและมาร์ค จำได้ว่าความแค้นจากความรักครั้งก่อนกับแฟนเก่าสารเลวมันยังสดใหม่และการที่ต้องไปเที่ยวตัวติดกันกับคู่นี้ยิ่งทำให้จินยองโกรธแค้นกับชีวิตรักตัวเองมากขึ้น ก่อนจะขึ้นเครื่องกลับจึงไปไหว้ขอพรเรื่องความรักที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยที่อยู่ใกล้ที่สุด แต่พอกลับมาถึงเกาหลีแล้ว เรื่องเรียนและเรื่องงานที่วุ่นวายทำให้จินยองลืมเรื่องความรักตัวเองไปเสียสนิท

               รวมไปถึงเรื่องที่ขอไว้ด้วย

                “เปล่า”

                “อ้าว แล้ว..”

                “ก็ถามเฉยๆ เผื่อว่ามึงขอแบบ..”

                “………….”

                “ขอผู้ชายซักคนไรงี้ เพราะตอนมึงกลับมาแล้วมึงก็ได้รู้จักกับไอ้แจบอมไม่ใช่หรอ”

                คราวนี้ใจเต้นแรงกับเรื่องบังเอิญที่เพิ่งได้รับรู้ จินยองทบทวนเหตุการณ์ในหัวก่อนจะร้องอ๋อในใจ.. ใช่..หลังจากกลับจากทริปนั้นก็ได้เจอกับหน้าเอ๋อๆ ของพี่ว้ากชั่วคราวคนนั้น..เรื่องราวต่างๆไหลเข้ามาในหัวก่อนที่จินยองจะต้องใจเต้นแรงกว่าเดิมเมื่อนึกถึงคำอธิษฐานของตัวเอง

                “ตกลงขออะไร ขอผู้ชายใช่ไหม”

                “บ้า! ไม่ใช่ละ!”

                “อ้าว แล้วขออะไร”

                “จำไม่ได้!”

                “จริงเหงออออออ”

                “……….”

                “พูดมาเหอะ”

                “ไม่รู้!”

                “แล้วมันเกี่ยวกับไอ้แจบอมปะ”

                บรรยากาศในร้านขนมหวานที่ไม่ค่อยมีคนอยู่แล้วยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่

                “คือตอนขอ..ไม่ได้นึกว่าจะแบบ” จินยองพยักหน้าขึ้นลงนิดๆแต่ก็ยังไม่ยอมมองหน้าแจ็คสัน อธิบายเสียงอ้อมแอ้ม “ไม่ได้นึกว่าจะมาแบบนี้อ่ะ”

                “มาแบบนี้?”

                “คือ ไอ้ที่ขออ่ะ โอ้ย พี่ อย่ามาจ้องอย่างนั้นนะ เกลียดหน้า”

                ตาเหลือกๆ ที่มองมาทำให้สติที่ไม่อยู่กับตัวอยู่แล้วยิ่งแตกกระเจิงกว่าเดิม

                “มึงก็พูดมาดีๆ สิวะ แค่ตอบมาว่าขอว่าอะไร กูตื่นเต้นมากเลยเนี่ย”

                “เสือกสัด เรื่องตัวเองก็ไม่ใช่”

                “เออ กูเสือก ตอบมา”

                คำตอบตรงๆ ทำให้จินยองเงิบไปเล็กน้อย แจ็คสันดูอยากรู้มากจริงๆจนจินยองยอมแพ้และต่อให้ด่าอีกยังไงคนตรงหน้าก็คงไม่สำนึก… คงต้องบอกไปจริงๆ

                จินยองถอนหายใจ ก่อนจะนึกถึงคำอธิษฐานของตัวเองเมื่อสองปีที่แล้ว..คำอธิษฐานที่ไม่คิด.. ว่ามันจะเป็นจริง

                เพราะที่ขอไว้.. จินยองก็ไม่คิดเหมือนกันว่า… มันจะมาในรูปแบบนี้

                “ขอ asl;fka;ddf’;afasf…”

                “ห้ะ? พูดดังๆดิ้!”

               

                จิ๊ปากด้วยความขัดใจเพราะกว่าจะรวบรวมความกล้าเปิดเผยมันออกมาได้ก็แทบตายแต่อีกคนดันหูตึง พอด่าออกไปอย่างที่คิดก็โดนตอกกลับมาอีกว่าจินยองพูดเบาเองเถียงกันไร้สาระจนอารมณ์เริ่มขึ้น ใช้เสียงดังลั่นร้านที่ไม่มีคนอยู่แล้วอย่างไม่เกรงใจ

                

                “ตอบมาดิวะ กูอยากรู้!”

                “พูดไปแล้ว! จบ!”

                “มึงพูดไม่รู้เรื่อง!”

                “อะไรทำให้พี่อยากรู้ขนาดนี้วะ!”

                “ก็กูขี้เสือกไง”

                “…………….”

                “ตกลงมึงขอว่าอะ..”

               

                “กูขอใครก็ได้ จะโง่จะเซ่อจะเอ๋อก็ช่างแม่ง ยังไงก็ได้ ใครก็ได้ที่รักกูคนเดียว!”

               

                “……………………”

               

                จบเสียงตะโกนอย่างเหลืออด เสียงปิดประตูร้านจากด้านหลังที่ตามมาก็ทำให้จินยองตัวชา..

               

                “อ้าว.. ไอ้แจบอม” เสียงของแจ็คสันพร้อมใบหน้ายิ้มๆที่มองข้ามไหล่ไปทำให้จินยองหลับตาลงด้วยความปลงชีวิต เหงื่อซึมที่มือที่กำแน่น หัวใจเต้นแรงที่สุดเท่าที่เคยรู้สึกมา

                จินยองไม่รู้ว่าแจบอมตอบอะไรบ้างเพราะไม่ได้ยินเสียงอีกคนพูดแล้วก็ไม่กล้าจะหันไปมอง เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เข้ามาใกล้ทำให้จินยองกลั้นหายใจหนักยิ่งกว่าตอนเล่นโยคะ

                “ไม่ไปเรียนหรอวะ”

                “จะไปแล้วแหล่ะ” แจบอมพูดขึ้นเบาๆ จินยองรู้สึกอื้ออึงไปหมด ไม่รู้ว่าแจบอมจำได้ยินอะไรมั้ย จะได้ยินสิ่งที่จินยองพูดไหม

                “พอดีลืมรีเทนเนอร์เลยกลับมาเอา”

                จินยองมองเห็นมือที่เอื้อมไปหยิบกล่องพลาสติกบนโต๊ะไปแล้วก็เกือบจะโล่งใจเพราะคิดว่าแจบอมไม่ได้ยินอะไรจริงๆ แต่แล้ว

                ในระดับสายตาของจินยองที่อยู่บนโต๊ะตอนนั้น โต๊ะที่มีจานบราวนี่เกลี้ยงๆ วางอยู่

                ภาพใบหน้าซื่อๆ ของแจบอมปรากฏขึ้น… เมื่อคนตัวสูงย่อตัวลงให้ตรงกับจินยองที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ร่างบางหลบสายตาแทบไม่ทัน แต่ว่าในเสี้ยววินาทีนั้นก็ได้เห็นรอยยิ้มจริงใจจากแจบอมที่ส่งมาให้บวกกับคำอธิษฐานของตัวเองที่ดังซ้ำไปมาในหัวยิ่งทำให้จินยองแทบสติแตก

                ก่อนที่สติ จะไม่ทันได้แตก แต่ลอยหายไปกับอากาศทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงจริงจังของชายหนุ่มผู้ลืมรีเทนเนอร์หลังจากกินบราวนี่เสร็จที่อยู่ตรงหน้า..
     

    ‘กูขอใครก็ได้..‘

                “พี่..”

    ‘จะโง่จะเซ่อจะเอ๋อก็ช่างแม่ง’

                “……….”

                “พี่น่ะ เอ่อ..”

    ‘ยังไงก็ได้’

                “…………”

    ‘ใครก็ได้’

                “พี่….”

    ‘ที่รักกูคนเดียว!”

                “…………”

               

                “รักจินยองคนเดียวจริงๆ นะ”

               

    내 맘 흔들 흔들어 날 흔들어놔요

    เธอเขย่าหัวใจของฉันจนสั่นไปหมดแล้ว

    I’m falling falling for your love ♥

                

                “ลืมรีเทนเนอร์ตลอดสมน้ำหน้าฟันไม่เลิกเหยินสักที”

                จินยองรีบลุกขึ้นเดินไปที่ห้องครัวหลังจากพูดจบ แจบอมนิ่งไปนิดนึงกับคำด่าทางอ้อม(ไม่อ้อมนะ)แต่ก็ยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าจริงๆจินยองน่ะเขินกับเรื่องที่เพิ่งคุยกัน

                และถึงเรื่องราวเก่าๆพวกนี้จะถูกเอามาพูดคุยกันหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่มันน่าเบื่อ เหมือนกับหนังเรื่องโปรดที่ดูซ้ำกี่รอบก็ยังน่าประทับใจ

                แจบอมมองภาพคนตัวเล็กที่กำลังเปิดตู้เย็นพยายามจะหาของกินอย่างจริงจังแล้วก็ยิ้มออกมา เสียงเพลง Mr. Chu จากคอมที่ถูกตั้งให้เล่นซ้ำก็ยังคงดังอยู่แบบนั้น ถึงการฟังเพลงแนวนี้จะดูไม่เข้ากับหน้าเขาเท่าไหร่นักแต่แจบอมก็ชอบ เพราะยิ่งฟังก็ยิ่งนึกถึง

               

    นึกถึงตอนที่เพิ่งเจอกัน เพิ่งได้รู้จักกับจินยอง



                “ไม่มีของกินแล้ว เหลือแต่ส้มลูกเดียว”

                “……..”

                “แบ่งกันคนละครึ่งนะ”


    และจนถึงวันนี้… ก็มีสิ่งเดียวเขาที่รู้สึกมาตลอด

                            

                “เดี๋ยวพี่ลงไปซื้ออะไรให้กะ..”

                “ไม่เอาเสียเวลา มีอะไรก็กินกินไปก่อนได้ไหมละ”

                “…………”

                “…………”

                “…………”

                “ตอนนี้อยากอยู่ด้วยมากๆเลย..”


     

    อิมแจบอม.. กำลังตกหลุมรักคนคนเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     


     

    영원한 사랑 이뤄주길

    ฉันอยากให้เธอรักฉันไปตลอด

    짜릿짜릿한 느낌 절대 맘 변하지 않기

    ความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นนี้ จะไม่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

                           


    Since the first day we met until now,
    I’m still having a crush on ‘YOU’ 



     

    FIN


     

    tumblr_nguxl6ICQT1u4cy9bo1_500           

    talk.
    มาแบบไร้สาระอีกแล้วพี่โง่ของเรา555555

    เห็นคอมเม้นนน มีคนอยากรู้ว่าพี่โง่เราจีบจินยองยังไง … สรุปคือเป็นเพราะจินยองและความศักดิ์สิทธิ์ของพระตีมูรตินั่นเอง 
    ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ  

    #ฟิคพี่ปมคนโง่ / #วนบน

    。SYDNEY♔
    อบคุณธีม <3
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×