ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Nanoha]Fate's Secret Heart

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 : วันหยุดที่แสนวุ่นวาย กับภัยอันตรายที่คืบคลานเข้ามา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.19K
      6
      13 ก.ย. 52

    " นับจากตอนนั้น กาลเวลาก็ได้ผ่านมา 2 ปี แล้วสินะ... "

     

    " ในค่ำคืนนั้น เราได้ปะทะกับเด็กผู้หญิงชุดขาวเป็นครั้งที่ 2 เพียงเพราะมีเป้าหมายเดียวกัน... "

     

    " แต่เหตุผลล่ะ... สำหรับเราเพียงแค่คุณแม่ของเราต้องการจูเวลซี๊ดเท่านั้น เราจึงต้องหามันมาให้แม่ให้ได้ อย่างอื่นไม่สำคัญหรอก... "

     

                " ส่วนเธอคนนั้น... ทำไมจึงต้องมุ่งมั่นที่จะครองครองจูเวลซี๊ดด้วยล่ะ? เหตุผลของเธอจะสำคัญพอๆ กับฉันหรือเปล่านะ? "

     

                " แต่ถึงรู้ไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา... เธอคนนั้นเป็นเพียงคู่แข่ง และฉันจะต้องเป็นผู้ชนะ!! "

     

                "= Put Out = , เสียงดีไวซ์ของเธอคนนั้นร้องขึ้นราวขอให้เราช่วยเมตตา... และในคืนนั้น ฉันก็สามารถแย่งจูเวลซี๊ดมาจากเธอได้ชิ้นหนึ่ง... แต่แทนที่เธอจะคับแค้นใจและเข้าโจมตีเรา กลับเป็นการร้องถามชื่อของฉัน "

     

                " เฟท เทสทารอสซ่า... ฉันเอ่ยไป เพราะมันคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป สุดท้ายก็ลงเอยด้วยชัยชนะของฉันอยู่ดี "

     

                " และอาจจะเป็นการไถ่โทษจากการกระทำของฉันส่วนหนึ่ง ที่เผลอแอบสูดรับกลิ่นกายอันหอมหวนราวดอกไม้ จากร่างน้อยๆ อันสั่นเทา ขณะที่ฉันเข้าใกล้เธอพร้อมคมเคียวของบาร์ดิซ "

     

                " คงเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จมาหมาดๆ สินะ... กลิ่นสบู่ติดกายจากบ่อน้ำแร่นั้น ได้สร้างความประทับใจประการหนึ่งให้ฉันไปเสียแล้ว... ขอโทษนะ นาโนฮะ "

     

     

     

     

    = Hika Zerora Project =

    Mahou Shoujo Lyrical Nanoha : Fanfiction

    Fate's Secret Heart - { 2 } วันหยุดที่แสนวุ่นวาย กับภัยอันตรายที่คืบคลานเข้ามา

     

     

     

     

                ภายในทางเดินของยานอาสร่า ซึ่งโดยปกติจะมีแสงสว่างจ้าจากหลอดไฟบนเพดาน ช่วยให้เหล่าเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ภายในยาน สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างถนัดถนี่ แต่ในช่วงเวลาที่หยุดพัก ก็จะปิดไฟไว้เพื่อประหยัดพลังงาน ซึ่งในขณะนี้ มีเพียงเสียงของลมพัดผ่านช่องระบายอากาศอันหวีดหวิว กับความมืดมิดอันวังเวง ที่มองเข้าไปแล้วราวจะดูดกลืนซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในความมืดนั้น

     

                บรรยากาศที่ชวนให้สยองขวัญเช่นนี้ ก็ทำให้ชายทั้งสองผู้เป็นเวรยามแทบไม่อยากก้าวเข้าไปในความมืดนั้น ทว่าพวกเขาจะต้องแกะรอย 'กลืนคาวเลือด' ปริศนาที่โชยออกมาจากภายในความมืดนั้น... สองเท้าค่อยๆ สืบตัวเข้าไปทีละนิดๆ อย่างไม่มั่นคงนัก เพราะยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่  ก็ยิ่งรู้สึกถึงความเย็นที่แผ่ซ่านผ่านสันหลังวาบจนแทบอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล... " หวังว่าคงเป็นแค่หนูตายนะ " คำพูดปลอบใจถูกเอ่ยออกมาเพื่อประโลมขวัญมิให้แตกกระเจิงไป

     

                เจ้าหน้าที่เวรยามชายผู้หนึ่งในสองคนนั้น ยกอุปกรณ์คล้ายกับไฟฉาย ส่องแสงเข้าไปยังห้องที่อยู่ปลายสุดของทางเดินอันมืดมิดนี้ ซึ่งก็คือห้องเก็บของกลาง อันเป็นหลักฐานในคดีต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่อาสร่ายึดไว้ หากมีวัสดุอันเป็นของกลาง หลังการตรวจสอบแล้วก็จะถูกเก็บไว้ในห้องนี้... ซึ่งในเวลาเช่นนี้ ห้องดังกล่าวควรที่จะต้องถูกปิดตาย แต่ภาพตรงหน้ากลับเป็นสิ่งที่ชวนสยองขวัญและสะอิดสะเอียน เมื่อแสงไฟสาดส่องให้เห็นรอยเลือดสีแดงสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ประตูกลที่ทำด้วยโลหะถูกบางสิ่งบางอย่างเปิดในลักษณะฉีกขาดราวถูกกระชากอย่างรุนแรง และเมื่อทั้งสองส่องไฟเข้าไปกลางห้อง ก็พบกับร่างคนร่างหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นสุภาพสตรี นั่งหันหลังให้กับพวกเขา ร่างน้อยๆ สั่นเทาพร้อมกับการผงกหัวขึ้นลงอย่างลึกลับและน่าหวาดเสียว เพราะดูเหมือนอาการเกร็งกระตุกอันผิดธรรมชาติ

     

                " คุณ... เป็นอะไรหรือเปล่าครับ แล้วคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง " เวรยามผู้หนึ่งตะโกนถามด้วยน้ำเสียงสั่นครือจากอาการกลัว ส่วนร่างหญิงสาวตรงหน้าเมื่อได้ยินเสียงเรียกทัก ก็ค่อยๆ หันเหลียวหลังมามอง... อย่างช้าๆ... ข้างแก้มสีแดงฉานจากเลือดเมื่อกระทบแสงไฟ... ดวงตากลมโตแดงดั่งปีศาจเบิกโพลงอยู่ใต้เส้นผมสีม่วงอ่อน จ้องมองทั้งสองปานจะกลืนกินเอาชีวิต และมีบางสิ่งร่วงจากริมฝีปากของเธอลงสู่พื้นดังตุบ... สภาพรูปร่างอันยับเยินจากการกัดแทะนั้น เดาว่ามันคือ 'ชิ้นส่วน' หนึ่งของร่างกายมนุษย์เป็นแน่แท้

     

                 ด้วยความกลัวจึงทำให้เวรยามทั้งสองแทบเสียสติ และหันหลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แต่ทว่าเมื่อหันกลับไป กลายเป็นว่าชายฉกรรจ์ผู้ถือดาบ และหญิงสาวอีกสองคน ได้ยืนขวางทางออกนั้นไว้...

     

                " ได้เหยื่ออีกแล้วสิ " เรนกัสเอ่ยออกมา ก่อนที่เหล่าหญิงสาวทั้งสามจะกระโดดขย่ำร่างของทั้งคู่ไว้ และกัดฉีกกินราวสัตว์ป่าที่หิวโหย โดยเหลือแต่เพียงเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และดวงวิญญาณของทั้งสองเท่านั้นที่ได้เล็ดรอดออกมา...

     

     

     

     

                ณ คอนโนมิเนียนสีขาวอันไม่ไกลจากถนนหลักของตัวเมืองนัก เด็กสาวผมทองทรงทวินเทลได้ไขเปิดประตู และก้าวเข้ามาภายในห้อง พลางร้องตะโกนคำ " กลับมาแล้วค่า~ " อย่างลืมตัว ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยในเวลานี้... เด็กสาวยิ้มให้กับความติ๊งต๊องของตนเอง ก่อนที่จะโยนกระเป๋าสะพายสีขาวที่บรรจุเสื้อผ้ากลิ่นหอมที่ซักแล้ว และหนังสือเรียน พร้อมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเล็กน้อยที่พกติดไประหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่มิดชิลด้า

     

                เฟทกระโดดขึ้นเตียงอันอ่อนนุ่มที่คิดถึง หลังจากต้องจากมันไปเกือบ 3 อาทิตย์เต็มๆ เพราะต้องไปช่วยเหล่าอัศวินว่าความในศาล เธอพลางนึกถึงประสบการณ์การขึ้นศาลในมิดชิลด้าในคดีเพรเซีย เทสทารอซซ่า ซึ่งสามารถใช้เป็นบทเรียนได้ดีในการให้คำปรึกษาแก่พวกของวีต้าในคดีหนังสือแห่งความมืด...

     

                " ไหนๆ เราก็กลับมาแล้ว หยุดคิดถึงเรื่องในมิดชิลด้าสักระยะดีกว่า " เฟทเอ่ยกับตนเอง สายตาเหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว แต่เธอยังไม่รู้สึกหิวสักเท่าไหร่ จึงคิดว่าควรจะนำหนังสือมาทบทวนบทเรียนต่อ ซึ่งหากสอบตกในชั้นเรียนก็อาจจะซ้ำชั้น และทำให้ไม่ได้พบกับพวกนาโนฮะก็เป็นได้

     

                เด็กสาวรื้อค้นอุปกรณ์การเรียนจากกระเป๋าสะพานขึ้นมา ในหัวนึกภาพของเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดง ผูกไว้เป็นปอยเล็กๆ ทั้งสองข้างศีรษะ และประดับไว้ด้วยริบบิ้นสีดำ ซึ่งเฟทเป็นผู้ให้กับมือ... แล้วคิดคำพูดทักทายไว้ในใจ เพื่อคุยกับนาโนฮะทางกระแสจิตนั่นเอง

     

                แต่ทว่าเมื่อส่งคำทักทายไปแล้ว กลับไร้ซึ่งซุ่มเสียงตอบกลับของนาโนฮะ " ( เอ หรือว่านาโนฮะจะหลับอยู่กันแน่นะ ) " เฟทสงสัย จึงหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และกดโทรเบอร์ของนาโนฮะทันที

     

                " *กรุณาเติมเงินค่ะ* " เสียงโอเปอร์เรเตอร์ดังขึ้น ซึ่งเนื้อหาของถ้อยคำได้ทำร้ายจิตใจเด็กสาวเป็นอย่างมาก เฟทก้มหน้าลงเล็กน้อย พลันนึกถึงเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนคนนั้น ที่ได้ยืมโทรศัพท์มือถือของเธอไปโทรหานาโนฮะจนตังค์หมดเมื่อวานซืน... " ยูโน... " เฟทถอนหายใจ พลางค่อยๆ วางโทรศัพท์มือถือลงข้างโต๊ะไว้ที่เดิม... ส่วนบาร์ดิชแอบสังเกตเห็นรอยเล็บจิกลงบนตัวเครื่องเป็นรอยลึกอยู่ไม่น้อย

     

                " แบบนี้คงต้องไปหานาโนฮะที่บ้านแล้วล่ะ " เฟทลุกขึ้นจากเตียงแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ... ไม่นานนักก็วิ่งกลับเข้ามา แล้วหยิบฉวยอุปกรณ์การเรียนที่เผลอลืมทิ้งไว้ และบาร์ดิซติดมือไปด้วย ก่อนที่จะล็อคห้องและรีบมุ่งตรงไปยังบ้านตระกูลทาคามะจิต่อไป

     

     

     

     

                ภายในยานอาสร่าที่ลอยลำอยู่ในห้วงมิติ โครโน่ รินดี้ และเอมี่ ต่างจับจ้องอยู่ที่หน้าจอมอนิเตอร์ ซึ่งกำลังประมวลผลและวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วง 2 วันก่อน โดยภาพส่วนใหญ่คือฉากการต่อสู้ระหว่างโครโน่ และเฟท กับพวกทีมเก็บกู้ที่เกิดคลั่งขึ้นมา โดยนำมาจากระบบบันทึกภาพของดีไวซ์ดูรัลดัลและบาร์ดิซ ถัดมาคือภาพของเจ้าหน้าที่แคสก้าที่ยังนอนไม่ได้สติในห้องพยาบาลของยานอาสร่า แทรกด้วยจอเล็กๆ ของห้องทดลองเทคโนโลยี ที่กำลังดำเนินการตรวจสอบหนังสือแห่งความมืด และในหน้าจอข้างๆ กันได้ปรากฏภาพของชายหนุ่มที่กำลังล่องลอยอยู่ในห้องกว้าง ภายในท่อทรงเหลี่ยมขดเกลียวสีขาวขนาดใหญ่ที่ตีพันตัวคล้ายทางเดินอันคดเคี้ยว อยู่โดยรอบตัวของเขา ข้างๆ กันนั้นมีสุนัขตัวเล็กๆ ขนสีแดงอยู่ข้างๆ คอยจับจ้องเนื้อหาของหนังสือที่ชายหนุ่มผู้นี้ถือเอาไว้อยู่

     

                " จากบันทึกของดูรัลดัล และบาร์ดิซ ผู้คนเหล่านี้เคลื่อนไหวได้ไวผิดมนุษย์มากๆ และดวงตาอันน่ากลัวเช่นนั้นอีก... " โครโน่เอ่ยถามกับยูโนที่กำลังเร่งค้นหาข้อมูลในหนังสือ " นายพอจะมีข้อมูลเหตุการณ์เหล่านี้อยู่บ้างหรือเปล่า "

     

                " ผมกับคุณอาล์ฟช่วยกันหาข้อมูลแล้ว แต่ก็ไม่พบข้อมูลของเหตุการณ์ลักษณะนี้เลย " เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน " แต่อย่างไรหอสมุดอนันต์ก็ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ผมยังศึกษาไม่หมด คงต้องใช้เวลา... อ๊ะ! " ยูโนขยับหน้าเข้าไปใกล้หน้าของหนังสือมากขึ้นเพื่อให้อ่านได้อย่างชัดเจน " ผมเจอบางอย่างเข้าแล้ว โดยหนังสือเล่มนี้กล่าวไว้ว่า ในสมัยโบราณ มีการสร้างอาวุธขึ้นมามากมาย ซึ่งทั้งเป็นวัตถุสิ่งของที่เป็นนามธรรม และรูปธรรมแล้ว ยังมีอาวุธที่มีชีวิตอีกด้วย " ยูโนหันหน้าตรงมาทางจอมอนิเตอร์ " นี่อาจจะสันนิฐานได้ว่า ลอสท์ โลเกียที่เราไม่รู้จักกันนั้น บางชิ้นอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตก็ได้นะครับ "

     

    " ลอสท์... โลเกียที่มีชีวิต... งั้นหรือ ? ฟังแล้วน่ากลัวจัง " เอมี่พูดด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น ส่วนทางยูโนก็ได้อธิบายตามคำในหนังสือต่อไป " ซึ่งอาวุธที่มีชีวิตนั้น หากไม่สามารถควบคุมได้แล้วล่ะก็ จะเกิดโศกนาฏกรรมเฉกเช่นเดียวกับดาวเรนเดอุส... " ยูโนค่อยๆ วางหนังสือเล่มนี้ลงบนหน้าตักของตนเอง เผยให้เห็นถึงร่องกลางหนังสือที่มีคราบเขม่าดำ และหน้าถัดไปของเนื้อหานั้นถูกเผาไปจนสิ้น " หน้าหนังสือถูกทำลายไป พวกเราคงเจอทางตันเข้าอีกครั้งแล้วล่ะครับ "

     

                " ข้อมูลที่มีในตอนนี้คือ ดาวเรนเดอุส งั้นหรือ " โครโน่ครุ่นคิด ส่วนริ้นดี้พูดเสริมในข้อมูลว่า " ตั้งแต่ทำงานมานี้ ก็ไม่เคยได้ยินชื่อดาวดังกล่าวเลย... เอมี่จ้ะ ช่วยตรวจสอบชื่อดาวดังกล่าวให้ด้วยนะ " รินดี้หันไปบอกกับหญิงสาว ซึ่งเธอก็ยกมือแบนิ้วเรียวเรียงชิดติดกันมาที่ข้างหางคิ้ว พร้อมเอ่ยคำ " รับทราบค่ะ "

     

                ทันใดนั้นจู่ๆ แสงไฟทั้งหมดของยานอาสร่าก็ดับพรืบลง ตามด้วยเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ร้องลั่นไปทั่วลำเรือ สร้างความตกใจให้ทั้งสาม ก่อนที่จะมีเสียงระเบิดขึ้นที่ประตู ทำให้โครโน่ต้องรีบสวมใส่แบเรีย แจ๊คเก็ต และกางวงแหวนเวทย์ป้องกันสะเก็ตของมันเอาไว้... " ไม่จริง... น่า !?! " โครโน่อุทานขึ้นด้วยความตกตะลึง เมื่อภาพตรงหน้าคือเหล่าทีมเก็บกู้ทั้งสี่ที่เข้าทำร้ายพวกเฟทและโครโน่ ค่อยๆ ก้าวเท้าเดินจากประตูที่ปกคลุมไปด้วยควันไฟนั้น ค่อยๆ เข้ามาใกล้... เกิดความโกลาหลขึ้นทันที เอมี่กรีดร้อง ส่วนเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่ละจากหน้าที่ของตนเข้ามาช่วยรินดี้ผู้เป็นกัปตัน ต่างโดนพลังเวทย์จากเหล่าสามสาวยิงใส่จนปลิวละลิ่วไปติดผนังของยานในทันใด

     

                " สวัสดี กัปตันของยานอาสร่า ผู้บังคับการรินดี้ ฮาร์ลาโอว์น และ... อ้า! เราเคยพบกันแล้วนี่ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์โครโน่ " เรนกัสพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น และไม่เพียงแต่เขาที่พัฒนาคำสนทนาได้เหมือน 'คน' เหล่าหญิงสาวทั้งสามก็ดูมีการอัพเกรดขึ้นด้วย โดยปรากฏรอยแสยะยิ้มให้เห็นจากมุมปากเปื้อนคราบเลือดสีแดงของพวกเธอ

     

                " พวกแกต้องการอะไร! " โครโน่ตะโกนถาม ในมือกำชับดูรัลดัลอยู่ในท่าเตรียมพร้อม

     

                " ความอยู่รอด... ของเผ่าพันธุ์ยังไงล่ะ " เรนกัสถือดาบซาซอร์ดชี้ตรงมายังโครโน่ เป็นสัญญาณให้พรีเมซ่า คาเรน และลูมิน่า บุกเข้าโจมตีเด็กหนุ่มตรงหน้าพร้อมๆ กัน

     

     

     

     

                เฟทวิ่งมาจนถึงหน้าบ้านของตระกูลทาคามะจิ ซึ่งชั้นล่างโดยปกติจะพบเจอคุณพ่อ คุณแม่ และเหล่าพี่ชาย พี่สาวของนาโนฮะ แต่บรรยากาศในวันนี้กลับต่างออกไป โดยภายในมีเงาสลัวปกคลุมไปทั่ว จากม่านที่รูดปิดเอาไว้ทุกหน้าต่างและบานประตู เฟทสันนิฐานในตอนแรกว่าอาจจะไม่มีใครอยู่ แต่เพื่อความแน่ใจ เธอจึงทดลองกดออดที่หน้าบ้านของนาโนฮะ

     

    " เชิญค่า~ อ้าว เฟทนี่นา " ผู้เปิดประตูออกมาต้อนรับกลับมิใช่นาโนฮะ แต่เป็นเด็กสาวผมทองยาวสลวยไม่ต่างจากเฟทนัก เธอคืออาริสะ เบิร์นนิ่ง แต่ทำไมเธอจึงอยู่ที่บ้านของนาโนฮะ? เฟทเกิดความสงสัยขึ้นภายในใจ

     

                " สวัสดีจ้ะ อาริสะ ไม่ได้พบกันเสียนานเลย สบายดีไหม " เฟทเอ่ยคำทักทายตามปกติ ในใจพลางคิดจะเลียบเคียงถามถึงนาโนฮะ แต่ทว่าคำตอบกลับได้เร็วกกว่าที่คิด

     

                " ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ไปห่วงนาโนฮะทางด้านบนกันดีกว่า " อาริสะรีบจูงมือเฟทและรีบดึงลากเธอขึ้นไปยังชั้น 2 อย่างรีบร้อน ซึ่งเป็นห้องนอนของนาโนฮะ " ไม่รู้ป่านนี้นาโนฮะจะเป็นอย่างไรบ้างแล้วเนี่ย "

     

                " นะ... นาโนฮะเป็นอะไรไปงั้นหรอ " เฟทรีบเอ่ยถามทันทีด้วยความตกใจ เกิดอะไรขึ้นกับนาโนฮะในช่วงที่เราอยู่ที่มิดชิลด้างั้นหรอ เฟทคิดในขณะที่ตนเองก็ต้องทรงตัวจากแรงฉุดรั้งของเด็กสาว

     

                " เธอไปดูด้วยตาตัวเองดีกว่า " อาริสะตัดความ เมื่อทั้งคู่เดินมาจนถึงหน้าห้องของนาโนฮะแล้ว อาริสะก็ได้เปิดประตูเข้าไป และร้องตะโกนเข้าไปทันที " เอ้า! นาโนะฮะ ดูสิ ใครมาหาแหน่ะ "

     

                เสียงเจือยแจ้วรีบร้องตอบกลับมาทันควัน " ว๊าย!! ใครอ่ะๆ อาริสะจังอย่าเพิ่งพาเขาเข้ามาสิ " ด้วยคำพูดจาอันคุ้นเคยอยู่ตรงหน้าของเฟท... ซึ่งบัดนี้นาโนฮะกำลังหันหลังให้ โดยอยู่ในชุดคล้ายแบเรีย แจ๊คเก็ตของเฟท แต่ทว่ายังอยู่ในสภาพที่แต่งองค์ทรงเครื่องยังไม่เสร็จสิ้น เพราะ 'กระโปรง' สีชมพูที่ควรจะต้องคาดอยู่บนเอวนั้น ยังถืออยู่ในมือของเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง โดยเธอมีผมสีน้ำตาล ผูกกิ๊บติดผมรูปกากบาทสีแดงไว้ที่ปอยด้านหน้าข้างหนึ่ง ในขณะที่ใกล้ๆ กัน ก็ปรากฏภาพของเด็กสาวผมสีม่วงอีกคนก็กำลังถือผ้าคลุมไหล่ และคทาคล้ายบาร์ดิซเอาไว้

     

                " อ้าว เฟทเองหรอ สวัสดีจ้า " ฮายาเตะเอ่ยทักทาย และเมื่อนาโนฮะทราบว่าเป็นเฟท เธอจึงทิ้งการแต่งคอสเพลย์ และรีบวิ่งตรงมาจับมือเฟทและทักทายด้วยเช่นกัน

     

                 " นะ.. นาโนฮะ ทะ... ทำไมแต่งชุดแบบนี้ล่ะ?!? " เฟทพูดตะกุกตะกักจากอาการใจเต้นรัวภายในอกอันมิอาจเอ่ยเป็นความรู้สึกได้ หลังจากที่จ้องมองบั้นท้ายได้รูปของเด็กสาวคอสเพลย์ชุดว่ายน้ำสีดำนั้น เลือดลมอันสูบฉีดผิดปรกติกับแรงปรารถนาแปลกๆ ในจิตใจผลักดันให้เฟทเกิดอาการ 'แฮงค์' ไป เมื่อนาโนฮะเดินเข้ามาใกล้และจับมือเธอ... เฟทหน้าแดง ใบหน้าร้อนผ่าว และในที่สุดก็หงายล้มตึง! ดวงตาปรากฏวงก้นหอยหมุนไปมาจนทั้งสามสาวต้องรีบปฐมพยาบาลเฟทโดยด่วน

     

     

     

     

                " อ๊าค~!!! " โครโน่พลาดท่าจากการถูกการโจมตีประสานของเหล่าสามสาว ความสามารถที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของพวกเธอ กับเหล่าดีไวซ์นั้นผสมผสานกันจนไร้ซึ่งช่องโหว่ แตกต่างจากภาพบันทึกของบาร์ดิชเป็นอย่างมาก " ( ในช่วงเวลาสั้นๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพียงนี้เชียวหรือ ) " โครโน่คิดพลางค่อยๆ ลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ข้างขมับมีเลือดไหลซึมออกมา

     

                " กลิ่นเลือดของแกหอมหวนเช่นนี้ มาเป็นอาหารให้กับชั้นเสียเถอะ " พรีเมซ่าสะบัดผมลองของตนเองไปทางด้านหลัง เพื่อที่จะได้แสดงคมเขี้ยวของเธอข่มขวัญคู่ต่อสู้ และกระโจนเข้าคร่อมร่างของโครโน่ ซึ่งในเสี้ยววินาทีนั้น เกิดเสียงปืนหนึ่งดังขึ้น!! พร้อมกับเลือดแดงคล้ำกระเซ็นจากไหล่ของพรีเมซ่า!! ผู้ลั่นไกช่วยโครโน่ไว้คือผู้บัญชาการรินดี้นั่นเอง

     

                " ถอยออกไปจากลูกชายของฉันเดี๋ยวนี้!! " รินดี้ตวาด และลั่นไกปืนพกในมือที่จับไว้อย่างมั่นคง ตรงไปยังพรีเมซ่า ซึ่งทำให้เธอต้องผละออกจากโครโน่ และกระสุนบางลูกถูกปัดป้องโดยเรนกัสด้วยดีไวซ์รูปดาบคาตานะยาวแบบญี่ปุ่นในมือ

     

    " ชั้นจัดการพิกัดแล้ว ไปกันเถอะ " คาเรนเอ่ยขึ้นหลังเธอกระทำบางอย่างกับเครื่องเคลื่อนย้ายฉับพลันด้านหลัง และเธอก็กดปุ่มเปิดระบบจนใช้การได้

     

                " โครโน่ พวกนั้นจะหนีไปแล้ว!! " เอมี่ร้องตะโกน เมื่อเห็นว่าเครื่องเคลื่อนย้ายฉับพลันเริ่มทำงาน และเปิดประตูมิติขึ้นเพื่อใช้วาร์ปไปยังที่หมายที่กำหนดไว้

     

                เรนกันหันมาบอกกับพวกของโครโน่ว่า " ขอโทษด้วยที่ไม่มีเวลาอยู่เล่นด้วยนานนัก แล้วพบกันใหม่ " จากนั้นจึงตามพวกพ้องของตนเข้าไปยังกระตูมิตินั้น... " ไม่ให้หนีไปหรอก " โครโน่ออกวิ่งตามไป และพยายามจะร่ายเวทย์ เพื่อพันธนาการพวกเขาไว้ แต่ทว่าเรนกัสได้ทิ้งท้ายด้วยการโยนระเบิดทำลายล้างสูง โดยถอดสลักเป็นที่เรียบร้อย พร้อมที่จะทำงานได้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ลอยตรงไปยังโครโน่ ทำให้เขาต้องหยุดชะงัก และรีบเปลี่ยนแปลงการร่ายเวทย์ในฉับพลัน

     

                "= Eternal Coffin =" ดูรัลดัลร้องกู่ก้อง พร้อมกับเกิดเสาน้ำแข็งพุ่งจากพื้น เข้าใส่ระเบิดลูกนั้นราวงูเหลือมที่ฉกกลืนเหยื่อเข้าไปในลำตัว และแช่แข็งระเบิดนั้นเอาไว้ด้วยความเย็นจัดจนกลไกการระเบิดนั้นหยุดทำงานไปในบันดล... ไม่เช่นนั้นคงเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่เป็นแน่แท้

     

     

     

     

                เมื่อเริ่มรู้สึกตัว เฟทก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แล้วค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นนั่ง พลางสำรวจโดยรอบก็พบว่า เธอเองนอนอยู่บนเตียงของนาโนฮะ ซึ่งอยู่ติดกับหน้าต่างและมีตุ๊กตาสัตว์ต่างๆ น้อยใหญ่เรียงรายอยู่โดยรอบ

     

                " คนป่วยอย่าเพิ่งรีบลุกขึ้นนะ มาให้ตรวจร่างกายก่อนซะดีๆ " เสียงอันคุ้นหูเอ่ยขึ้น เมื่อเฟทหันไป ก็พบกับนาโนฮะที่เดินมาพร้อมเครื่องมือแพทย์ พร้อมชุดคอสเพลย์นางพยาบาลสีชมพู และเริ่มดำเนินการ 'สำรวจ' ร่างกายเธอมากกว่าที่จะเป็นการตรวจตามปกติ จนทำให้เฟทปฏิบัติตัวไม่ถูก ทำเอาสามสาวทางด้านหลังส่งเสียงหัวเราะไปตามๆ กัน

     

                หลังจากอธิบายกับเฟทว่า ทั้งหมดกำลังเล่นเกมพระราชาอยู่ โดยในตอนแรกฮายาเตะนั้นได้สั่งให้นาโนฮะผู้แพ้แต่งชุดคล้ายแบเรีย แจ๊คเก็ตของเฟท และในรอบหลังสุด ฮายาเตะก็ยังดวงดีพอที่จะเป็นราชาอีกรอบ และสั่งให้นาโนฮะ คอสเพลย์เป็นนางพยาบาล และไปตรวจอาการคนป่วย ซึ่งก็คือเฟทนั่นเอง

     

                " ทีหลังจะเล่นอะไรก็บอกกันก่อนสิ " เฟทเอ่ยด้วยเสียงดุๆ ก่อนที่จะจิบน้ำชาเพื่อแก้ความขัดเขินที่โดนแกล้งถึงสองครั้งสองครา

     

                " ฮ่าๆ ขอโทษๆ แต่แกล้งเฟทแล้วสนุกดีอ่ะ เนอะๆ " ฮายาเตะยกมือทั้งสองขึ้นมาประนมขอโทษ พลางหันไปขอความเห็นกับทางอาริสะและชิซึกะ แต่ทางเฟทดูเหมือนอารมณ์จะยังขุ่นมัวอยู่ จึงเอ่ยพูดขึ้นว่า " งั้นเดี๋ยวให้นาโนฮะขอโทษเฟทด้วยละกัน ที่ทำให้เธอเป็นลมเป็นแล้งไป "

     

                " มะ.. มะเกี่ยวกันสักหน่อย " เฟทลุกพรวดขึ้นมาและพูดต่อไปหวังแก้ต่างให้ตนเอง " คะ... ใครจะขอโทษก็เหมือนกันนั่นแหละ "

     

     แต่เฟทก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงชายกระโปรงอยู่ จึงหันไปมอง ก็พบนาโนฮะในลักษณะอ้อนค้อน ดวงตาสีม่วงโตกลมบ้องแบ๊ว อยู่ในท่านั่งพับเพียบ พลางเอ่ยคำหวาน " เฟทจัง เราขอโทษนะ ยกโทษให้พวกเราเถอะ... น่านะ " ลักษณะดังกล่าวทำเอาเฟทความดันขึ้นอีกครั้งจนใบหน้าแดงก่ำ " อ๊ะ... จ้าๆ ยกโทษก็ได้ " เฟทหลับตาปี๋พร้อมผลักเบาๆ ที่ไหล่ของนาโนฮะให้ห่างออกจากตน

     

                " แหมๆ ภรรยาอ้อนนิดหน่อย คุณสามีก็ใจอ่อนซะละ " อาริสะบอกเชิงประชดกับภาพชวนหมั่นไส้ตรงหน้า " โอ้ย ร้อนๆๆ... อากาศมันร้อนจริงๆ เลย "

     

                " เห แต่นี้ฉันปรับแอร์ไว้สุดแล้วนะ " นาโนฮะยกรีโมท คอนโทรลขึ้นมาดูอย่างสงสัย ทำเอาฮายาเตะต้องรีบแก้ความเข้าใจผิดอย่างทันควัน " อ่า ที่จริงอาริสะเค้าไม่ได้หมายความว่าร้อนแบบนั้นหรอกนะ "

     

                แต่คาดว่ายังคงมีคนเข้าใจความหมายของอาริสะผิดไปอยู่ดีอย่างชิซึกะ ซึ่งเธอก็ได้คว้ากระดาษทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าบางอย่างออกมาจากกระเป๋า " นี่ๆ ทุกคน ไปว่ายน้ำคลายร้อนกันไหม ฉันมีตั๋วเข้าสวนน้ำฟรีด้วยล่ะ "

     

                " อ่า ที่จริงอาริสะเค้าไม่ได้หมายความว่าร้อนแบบนั้นหรอกนะ " ฮายาเตะยังไม่ละความพยายามในการรับมุข โดยรอบนี้เธอโบกข้อมือไปมาด้วย แต่สถานการณ์ได้นำพาไปแล้ว และทุกคนก็ได้ยกขบวนไปที่สวนน้ำในทันที

     

     

     

     

                " จากการตรวจสอบตำแหน่ง พบว่าเป้าหมายที่พวกนั้นเดินทางไป อยู่ที่โลกค่ะ " เอมี่ตรวจสอบพิกัดที่คาเรนตั้งค่าเอาไว้ และรายงานผลต่อรินดี้ ส่วนโครโน่นั้นกำลังวุ่นอยู่กับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในการขนย้ายระเบิดออกไปนอกยาน

     

                " บ้านเกิดของนาโนฮะจังหรอเนี่ย ดวงดาวดวงนี้มักเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้นเป็นประจำเลย ว่าไหม " รินดี้ถอนหายใจพลางดื่มชาเขียวร้อนที่เอมี่ชงให้ ส่วนเด็กหนุ่มในจอคอมพิวเตอร์ที่ยานอาสร่าเพิ่งเชื่อมต่อสัญญาณสนทนาได้อีกครั้ง ก็เอ่ยพูดขึ้นว่า " เราคงต้องรีบติดตามพวกนั้นไปโดยไว และควรบอกให้เฟทและนาโนฮะระมัดระวังเอาไว้ "

     

                โครโน่ที่เพิ่งเสร็จจากงานขนย้าย ได้เดินเข้ามาสมทบ พร้อมกับยกบันทึกในมือขึ้นมาอ่านให้กับทุกคนได้ฟัง " ผมมีข่าวร้ายมาแจ้ง ว่าเจ้าหน้าที่ภายในยานเสียชีวิตไป 4 ราย รวมถึงมีของกลางสูญหายไป 3 รายการ นั่นคือระเบิดมือพลังทำลายล้างแรงสูง 1 รายการ , อุปกรณ์ ชุดติดตั้ง ซีวีเค - 792 จำนวน 1 รายการ ... "

     

                " นั่นมัน... คาทริจ ซิสเต็ม!! " เอมี่ร้องขึ้นด้วยความตกตะลึง

     

                " และที่สำคัญคือรายการสุดท้าย... " โครโน่คลอเสียงไว้ในลำคอ ราวกับไม่อยากจะเอ่ยรายชื่อนี้ขึ้นมาให้ฟัง " ลอสท์ โลเกีย จูเวลซี๊ด จำนวน 12 ชิ้น จากคดีเพรเซีย เทสทารอสซ่า พวกมันได้เอาไปด้วย "

     

                " จากบันทึกเกี่ยวกับกล้องตรวจจับภายในยาน พบว่าพวกนั้นอาจจะมีความสามารถในการหายตัวในช่วงเวลาสั้นๆ จึงสามารถแฝงตัวเข้ามาสร้างความเสียหายได้เพียงนี้ " โครโน่ทุบกำปั้นใส่แป้นคอมพิวเตอร์ด้วยความแค้นเคือง ก่อนที่จะหันมาบอกกับเด็กหนุ่มในจอคอมพิวเตอร์  " คงต้องขอแรงนายด้วยนะ ท่าทางงานนี้จะหนักกว่าที่คิดไว้ " โครโน่พูดเชิงขอร้อง ซึ่งยูโนก็พยักหน้าให้ผ่านภาพฉายาจากหน้าจอ พร้อมกับพูดว่า " นอกจากผมและคุณอาล์ฟแล้ว ผมว่าพวกเราอาจจะต้องขอแรงจากทางการ หรือแม้กระทั่งเหล่าอัศวินโวลเคนริทเตอร์ด้วย เพราะพวกนั้นมีลอสท์ โลเกียอย่างจูเวลซี๊ดไว้ในครอบครอง ย่อมอาจก่อความรุนแรงได้ทุกเมื่อ " โครโน่ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ ก่อนที่จะพูดออกไปว่า " จะพยายามขอร้องกับทางการให้ละกัน โดยคาดว่าถ้าได้คุยกับ 'เธอ' ผู้นั้น อาจจะสามารถขอร้องให้ปล่อยตัวพวกเหล่าอัศวินได้ด้วยเลยทีเดียวล่ะ "

     

     

     

     

                เหล่าเด็กสาวก้าวเท้าเข้าสู่สวนน้ำแบบปิด ซึ่งมีการควบคุมอุณหภูมิภายใน และบรรยากาศให้เสมือนเป็นฤดูร้อนตลอดเวลา โดยอาริสะในชุดว่ายน้ำทูพีชสีเหลือง ได้พยายามเพ่งพินิจพิเคราะห์การแต่งกายของเพื่อนๆ เริ่มจากชิซึกะ ในชุดว่าน้ำวันพีชสีโทนม่วงลายสดใส ต่อมาก็นาโนฮะในชุดว่ายน้ำทูพีชสีชมพู ซึ่งผูกสายรัดบราไว้ที่ท้ายทอย และเฟทในชุดว่ายน้ำทูพีชสีดำแบบเรียบๆ แต่ดูเซ็กซี่ไม่หยอกจากสัดส่วนที่เริ่มแสดงถึงความเป็นสาวของเธอก่อนใครเพื่อน

     

                " อาล์ฟเลือกให้น่ะ " เฟทเอ่ยตอบคำถามที่ถูกเอ่ยถามมาทางสายตาที่จ้องมองโดยเพื่อนๆ ทั้งสาม

     

                อาริสะทำท่าครุ่นคิด " ที่จริงความเริ่ดพวกเราก็ใช่หยอกนะ คงมีคนมาเหลียวแลบ้างแหละ... " และพลันนึกอะไรขึ้นได้ จึงนำเสนอทันที " นี่ๆ พวกเราถ้าอยากให้พวกหนุ่มๆ มองล่ะก็ ต้องมี 'เรือน้อย' เสียก่อนถูกไหม " แล้วอ้อมไปด้านหลังของชิซึกะ " ชิซึกะไปเช่าเรือน้อยลอยแพกันด้วยเถอะ ส่วนพวกเธอสองคนรอฮายาเตะตรงนี้นะ เดี๋ยวพวกฉันกลับมา " ว่าเสร็จแล้วก็ผลักดันตัวชิซิกะจนหายลับตาไป

     

                " เฟทจัง ถ้าเกิดเราได้พบกับคนๆ นั้นที่อาจจะเป็นรักแรกของพวกเราที่นี่จริงๆ จะทำยังไงดีล่ะ? " นาโนฮะหันไปถามกับเฟทอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เพราะยังนึกถึงภาพจินตนาการจากนิยายที่ซิซึกะนำมาให้อ่านเมื่อวันก่อน  อันเป็นนิยายรักที่ชายหนุ่มหญิงสาวได้พบกันที่ริมทะเล และในวันนี้ก็มีสถานการณ์เกิดขึ้นคล้ายๆ กัน จึงทำให้นาโนฮะมีความคาดหวังเล็กๆ และเกิดประหม่าขึ้นมา ซึ่งเฟทเองก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในส่วนนี้ จึงได้แต่เพียงส่ายหน้าบอกไม่รู้เช่นกัน " แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะไม่ว่า อะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะอยู่ข้างๆ เธอเอง " เฟทพูดออกมาเบาๆ

     

                " บอกไม่รู้ได้อย่างไรกันจ้ะ เธอนี่นะน่าจะก้าวหน้ามากกว่าใครเพื่อนเลยตังหาก... น่าอิจฉา " เสียงเอ่ยขึ้นด้านหลังของเฟททำเอาเธอสะดุ้งโหยง ฮายาเตะที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จในชุดว่ายน้ำวันพีชสีขาว ได้ทำการเข้าถึงเนื้อถึงตัวเฟทจากด้านหลัง และสอดฝ่ามือลอดผ่านใต้วงแขนของเด็กสาวผมทอง ประทับลงตรงบราของเธอ " ดูสิ ขนาดตั้งเท่านี้แล้ว ไม่เจอกันแค่ 3 อาทิตย์เองนะ "

     

                 " ฮะ.. ฮายาเตะ!! " เฟทโพลงออกมาด้วยใบหน้าตื่นตกใจ พยายามใช้มือแกะนิ้วที่เกาะแน่นราวหนวดปลาหมึกของฮายาเตะออก " หยุดนะ ฮายาเตะ!! " เฟทขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ แต่เพื่อมิให้ 'เหยื่อ' หลุดมือไป ฮายาเตะจึงออกแรงขยำจับกำอย่างสนุกมือ

     

                 " ฮะ... ฮายาเตะ... หยุด... เดี๋ยวนี้นะ!! " เฟทพยายามขอร้อง แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เพราะฮายาเตะยิ่งทำให้ 'รู้สึก' มากกว่าเดิม จนร่างของเฟทเริ่มอ่อนแรง และมิอาจดิ้นหลุดจากการโจมตีอันแนบชิดของฮายาเตะได้อีกต่อไป

     

                 เฟทแก้มแดงและหายใจแรงขึ้น แล้วเมื่อสังเกตเห็นเด็กสาวจ้องมองอยู่ตรงหน้า ทำให้เธอต้องรีบยกมือแสดงความหมายห้ามไว้ " มะ.. ไม่นะ... นาโนฮะ อย่าดูนะ!! " พลางใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามสลัดจากมือฮายาเตะให้จงได้

     

                 " เธอเสร็จฉันแล้วล่ะ... เฟทจัง~ " ฮายาเตะขยับริมฝีปากมาเอ่ยใกล้ๆ เฟท ลมหายใจอันอบอุ่นที่ตกกระทบข้างใบหูนั้นทำให้จิตใจของหญิงสาวแตกกระเจิง พร้อมด้วยฝ่ามือที่ขยับอยู่อย่างต่อเนื่อง และสุดท้าย... " อย่า... อ้า~ !!! " เฟทร้องครางออกมาเสียงหลง และทรุดลงนั่ง แน่นิ่งไปกับพื้น

     

                 " ว้าว~ เยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ " ฮายาเตะยกนิ้วโป้งแสดงความยอดเยี่ยมของตนให้กับนาโนฮะ ที่ยืนดูอยู่นิ่งๆ ด้วยอาการตื่นเต้นแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก จากหัวใจที่เต้นตึกตักอยู่ภายในอก และหันมาฟังคำบรรยายของฮายาเตะต่อไปว่า " แจ๋วขนาดไหน ไม่เชื่อก็ลองฟังจากเสียงร้องของเฟทเมื่อสักครู่สิ "

     

                นาโนฮะค่อยๆ ก้มลงไปสอบถามกับเฟทที่ยังหายใจรวยระรินว่า " ทะ.. ทำแบบนี้แล้วจะรู้สึกดีหรอ "

     

                ฮายาเตะยืนยันทันควัน " อ๊ะ แน่นอน! นาโนฮะสนใจจะลองไหมล่ะ " พลางทำมือขยำๆ ให้ดูเป็นเชิงชักชวน

     

                เมื่อเฟทคืนสติ และได้ยินดังนั้นจึงรีบตะโกนห้าม " หยุดเดี๋ยวนี้นะฮายาเตะ!! ห้ามทำอะไรแบบนั้นกับนาโนฮะเด็ดขาดนะ!! " พลันหันมามองด้วยนัยน์ตาสีแดงพลอยทับทีม ที่มีน้ำตาคลอเบ้าอย่างเกรี้ยวกราด ทำให้ฮายาต้องถอยออกมาด้วยความเสียดาย เพราะรู้สึกได้ว่าตนเองคงก้าวล้ำเส้นไปเล่นกับนาโนฮะมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

     

     

     

     

                ในยามดึกของคืนนั้น หลังจากทุกคนได้ทานข้าวกันที่บ้านของฮายาเตะแล้ว อาริสะและชิซึกะก็ได้ขอลากลับไป ส่วนทางด้านฮายาเตะยังคงแซวเรื่อง 'ขนาด' ของเฟทให้นาโนฮะฟังอย่างต่อเนื่อง

     

                " อย่าพูดถึงมันได้ไหม ขนาดโครโน่เองก็ยัง... " เฟทเอ่ยความในใจออกมาอย่างสุดทน

     

                " ฮ่าๆ ก็เด็กสาววัยกำลังโตนี่จ้ะ " ฮายาเตะเอ่ย พลางทำมือขยำๆ ให้ดูอีกครั้ง แต่ก็หยุดไปหลังจากที่ได้เห็นบาร์ดิซในโหมดแซมเบอร์ฟอร์ม ซึ่งเป็นดาบขนาดยักษ์ กำลังจ่ออยู่เหนือหัวของเธอ

     

                " เฟทจังจ้ะใจเย็นๆ จ้ะ " นาโนฮะเอ่ยเสียงหวาน " ฉันเองวันนี้ลองแต่งชุดแบบเฟทจังแล้ว ก็รู้สึกว่ามันสั้นไปหน่อยนะ เฟทเองก็น่าจะลองเปลี่ยนดีไซน์แบเรีย แจ๊คเก็ตดูนะ "

     

                 " นาโนฮะพูดเหมือนคุณแม่เปี๊ยบเลยล่ะ " เฟทเผยออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของรินดี้ขึ้นมาได้ " ฉันควรจะเปลี่ยนไปเป็นแบบใดดีล่ะ... แต่ฉันจำได้ว่า แบเรีย แจ๊คเก็ตของนาโนฮะได้แบบมาจากชุดนักเรียนนี่ บางทีฉันอาจจะลองแบบคล้ายๆ กับเธอดูดีไหมนะ "

     

                 " เธอมาปรึกษาได้ถูกคนแล้วล่ะ เฟทจัง " ฮายาเตะลุกขึ้นกล่าวด้วยท่าทีมั่นใจเต็มเปี่ยม ซึ่งได้รับเสียงปรบมือจากนาโนฮะด้วย แต่เฟทรู้สึกลางสังหรณ์ใจไม่ดีตะหงิดๆ

     

                 " ฉันได้ยินเหล่าอัศวินบอกว่าฮายาเตะจังคือเจ้าแม่แห่งวงการคอสเพลย์ด้วยล่ะ " นาโนฮะนำเสนอเพื่อนได้อย่างภาคภูมิใจ แต่เฟทกลับรู้สึกว่าถูกบันทอนกำลังใจลงอีกครึ่งหนึ่ง... ซึ่งเมื่อฮายาเตะเอาอัลปั้มรูปและชุดมาให้ลองใส่ ก็พบว่าชุดทั้งหมดให้ความรู้สึกวาบหวิวและหวาบหวามมากกว่าเดิม ทำให้บาร์ดิชต้องแสดงกายในโหมดแซมเบอร์ฟอร์มเหนือหัวของฮายาเตะอีกครั้ง

     

    หลังจากการเลือกชุดอยู่นาน เฟทกลับได้โครงร่างแบเรีย แจ๊คเก็ตมาจากชุดเจ้าหน้าที่สืบสวนของมิดชิลด้า ที่เป็นชุดทางการของเจ้าหน้าที่หญิงในโทนสีดำ กระโปรงสั้น ถุงน่องสีดำยาวถึงต้นขา และประดับด้วยผ้าคลุมสีขาว ดูทะมัดทะแมงในความคล่องตัว และที่สำคัญ ดูไม่โป๊จนเกินไป

     

                "= Memory =" บาร์ดิชร้องขึ้นหลังทำการจดจำรูปแบบแบเรีย แจ๊คเก็ตแบบใหม่ของเฟท ซึ่งนาโนฮะเองก็อยากจะลองเปลี่ยนรูปแบบดูบ้าง แต่ก็ได้รับความเห็นจาก 'เรซิ่ง ฮาร์ท' ดีไวซ์ประจำตัวของนาโนฮะว่า " When that time comes, Let's me handle it. ( เมื่อเวลานั้นมาถึง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะค่ะ ) " ซึ่งนาโนฮะก็วางใจ เพราะเพื่อนรักอย่างเรซิ่ง ฮาร์ทนั้นไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลยสักครั้งเดียว

     

     

     

     

                ณ เกาะกลางทะเล อันเป็นสถานที่กักกันของนักโทษ แต่ภายในก็ได้แบ่งระดับโซนกักกันไว้หลายระดับ โดยความยากลำบากในการอยู่อาศัยจะแตกต่างกันไปตามความร้ายแรงของคดีที่พวกเขาก่อไว้... ส่วนเหล่าอัศวินโวลเคนริทเตอร์นั้น ได้ถูกกักสถานที่ไว้ในส่วนที่ไม่ร้ายแรงมากนัก บรรยากาศภายในจึงเสมือนห้องใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ไม่น้อย

     

                ในระหว่างที่วีต้าและซิกนั่มกำลังเล่นหมากรุกอยู่ โดยมีซาฟิร่าในร่างสุนัขป่านอนหมอบอยู่ข้างๆ และชามาลที่กำลังนวดคลึงไหล่ให้กับซิกนั่มอยู่นั้น จู่ๆ ทางด้านบนก็ปรากฎหน้าจอโฮโลแกรมขนาดใหญ่ขึ้นมา พร้อมกับเสียงของผู้คุมดังขึ้น " มีคนมาเยี่ยม " ก่อนที่จะปรากฎภาพของเด็กหนุ่มขึ้นมา ซึ่งพวกอัศวินก็รู้จักกันเป็นอย่างดี เขาคือยูโนนั่นเอง

     

                " สวัสดีครับคุณซิกนั่ม คุณชามาล คุณวีต้า และซาฟิร่า สบายดีไหมครับ " เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น ส่วนทางเหล่าอัศวินก็หันไปทักทายเช่นกัน " ยูโนหรอ ทางพวกเราสบายดี " ซิกนั่มตอบคำกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มจองอัศวินคนอื่นๆ

     

                " ที่ผมมาในวันนี้ คือผมอยากจะขอร้องพวกคุณครับ " ยูโนรีบเข้าเรื่องในทันที ก่อนที่หน้าจอจะตัดภาพจากเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อน กลายเป็นฉากต่อสู้อย่างดุเดือดของโครโน่ และเฟท ภายในถ้ำอันมืดมิดนั้น และเคล้าคลอด้วยเสียงบรรยายของยูโน ที่อธิบายสถานการณ์ภายนอกที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด

     

                " นี่มัน... " เหล่าอัศวินทั้ง 4 เบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง หลังเห็นภาพหนึ่งของซาก 'แมลง' ที่เฟทสังหารได้ตัวหนึ่ง

     

                " คุณซิกนั่ม และคนอื่นๆ รู้จักกับลอสท์ โลเกียชิ้นนี้หรอฮะ " ยูโนเอ่ยถามขึ้นมาทันควัน

     

                " ณ ดาวดวงนั้น... " ชามาลข่มตาลง และไม่กล้ามองภาพการต่อสู้นั้นอีกต่อไป

     

                " เรนเดอุส... ดวงดาวแห่งความวิปโยค... " ซิกนั่มเอ่ยน้ำเสียงสั่นครือซึ่งไม่เคยปรากฏให้ได้ยินมาก่อนด้วยท่าทีกัดริมฝีปากของเธอ

     

                " กับอาวุธชิ้นนั้น ซึ่งมิอาจควบคุมได้อีกต่อไป... " ซาฟิร่าคำรามขึ้นด้วยน้ำเสียงแห่งความเจ็บปวด

     

                " พวกมัน... โอมิท พาราซิเทน... พวกมันอยู่ที่ไหน!! ยูโน บอกมาเดี๋ยวนี้!! ชั้นจะทำลายพวกมันให้สาสมกับสิ่งที่พวกเราสูญเสียไป อ๊า~ !!! " วีต้าคำรามทั้งน้ำตา เมื่อนึกถึงภาพสุดท้ายในอดีต บนดวงดาวเรนเดอุส...

     

     

     

     

                ท้องฟ้าอัสดงที่เติมแต่งไปด้วยจุดแต้มสีดำ ราวกับภาพเขียนที่มีคนสลัดหยดหมึกใส่ไปทั่ว... กลิ่นคาวเลือดและควันไฟคละคลุ้งตามสายลมแรงอันเย็นยะเยือกที่พัดผ่านมา... สิ่งก่อสร้างพังทลายอยู่ในกองเพลิงมรณะสีแดงอันร้อนแรง...

     

                เด็กสาวในชุดราวบัณฑิตขาวอันเปรอะเปื้อนสกปรก นั่งฟุ่บลงอย่างอ่อนแรง และได้ยื่นมืออันสั่นเทา ค่อยๆ สวมกอดหนังสือคัมภีร์เวทย์แห่งรัตติกาล กับร่างอันสิ้นลมหายใจของอัศวินเด็กสาวในชุดสีแดงที่สะบัดสะบอม เข้าแนบพิงกับอกของเธอ... นอกจากนี้ยังมีร่างของอัศวินชายหญิงอีก 3 ร่างสิ้นชีวีพลีกายอยู่รอบๆ ข้างตัวเด็กสาวนั้น...

     

                ปีกสีดำทั้ง 6 ทางด้านหลังของเด็กสาวสยายออก รับกับสายน้ำตาที่ร่ำไห้ไหลออกมาอาบข้างแก้ม และเสียงหวีดร้องราวกับจะสิ้นใจไปเสียให้ได้... แต่ทว่าเสียงของเธอคงไม่มีใครได้ยินอีกแล้ว เพราะนั่นคือเสียงของชาวเรนเดอุสคนสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่บนดวงดาวแห่งนี้...

     

     

     

    To Be Continue...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×