ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หากจะรัก (นิยายชุดเพียงแสงส่องใจ)

    ลำดับตอนที่ #13 : คืนแรก 70% (รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.66K
      32
      25 ม.ค. 62


    หลังจากจัดของรวมทั้งปูที่นอนทั้งห้องของเขาและห้องของเธอเรียบร้อย เบญจาก็เอาเสื้อผ้าของเขาที่เตรียมใส่กระเป๋าใบใหญ่มาจัดเข้าตู้ ซึ่งตัวไหนยับเธอก็รีดให้ก่อนแขวน โดยมีคนเป็นเจ้าของบ้านเดินอุ้มแมวตามดูเธอตลอดเวลา

    เพราะถ้าอยู่ลำพังทีไรเขาอดรู้สึกเสียวหลังวูบวาบไม่ได้ทุกที บางทีก็ทำเป็นช่วยหยิบโน่นจับนี่เมื่อเห็นว่าเธอทำคนเดียวไม่ไหว จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย การกระทำดังกล่าวทำให้หญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่าเจ้านายของเธอมีน้ำใจเหลือเกิน แต่หารู้ไม่ว่าคนเป็นเจ้าของบ้านไม่กล้าอยู่คนเดียว จึงคอยมาอยู่ใกล้ ๆ ไม่ให้คลาดสายตา ยิ่งเวลาใกล้ค่ำเท่าไหร่เขาก็เริ่มใจสั่น

    เมื่อจัดการเรื่องที่หลับที่นอนให้เขาเสร็จ เธอจึงไปทำอาหารให้เขารับประทาน ก่อนขอตัวกลับเข้าบ้านเพราะอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเต็มทนแล้ว จะได้กลับไปทำอาหารกินเองที่บ้านด้วย

    “อาหารเสร็จแล้ว คุณกินไปก่อนนะคะ เดี๋ยวเบญขอตัวกลับบ้านแป๊บนึงแล้วค่ำ ๆ จะเข้ามาอีกทีค่ะ” ชายหนุ่มมองมือเรียวที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัวก่อนจะมองโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวหน้าตาน่ารับประทานสามอย่างวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ หนึ่งจาน

    “อ้าว แล้วคุณเบญไม่กินข้าวด้วยกันหรือครับ”

    “เอ่อ...เบญไปทำอะไรง่าย ๆ กินที่บ้านก็ได้ค่ะ” เธอเอ่ยตะกุกตะกักเพราะคิดว่าตัวเองเป็นเพียงแม่บ้านเท่านั้น จะมานั่งร่วมโต๊ะกับคนเป็นเจ้านายได้อย่างไร

    “ทำไมต้องยุ่งยากด้วยครับ นะครับ กินด้วยกัน ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว แล้วคุณเบญก็เหนื่อยมากแล้วด้วย ถ้าปล่อยให้กลับไปทำกับข้าวกินเองที่บ้านอีก ผมคงเป็นเจ้านายที่แย่มาก” เขาคะยั้นคะยอ

    “งั้น...ก็ได้ค่ะ” ชายหนุ่มยิ้มรับ เธอเดินไปตักข้าวใส่จานเพิ่มอีกหนึ่งจานแล้วเอามาวางที่โต๊ะอาหาร

    “รอแป๊บนะครับ พาเจ้านิลไปกินข้าวก่อน เขาจะได้ไม่กวนเรา” ว่าแล้วก็พาเจ้านิลออกไปข้างนอกเอาชามใส่อาหารเม็ดให้กิน ก่อนจะกลับเข้ามานั่งกินข้าวกับเธอที่โต๊ะอาหาร ซึ่งเธอก็นั่งรับประทานอย่างสุภาพเรียบร้อยอย่างเคย

    “ต่อไปคุณเบญไม่ต้องทำอาหารแยกกันหรอกนะครับ คุณเบญกินด้วยผมก็คงไม่เปลืองสักเท่าไหร่” เขาว่าอย่างนั้น เธอเงยมองหน้าคนพูด ซึ่งทั้งถ้อยคำและแววตาของเขาไม่ได้มีท่าทีว่าจะคิดอะไรมากไปกว่าห่วงใยตามประสาคนที่ต้องพึ่งพากัน เธอจึงรับคำ

    “ค่ะ ถ้าคุณดลต้องการอย่างนั้น”

    “ขอบคุณครับ” เขายิ้มให้ก่อนจะรับประทานอาหารต่อจนกระทั่งอิ่ม หญิงสาวเก็บจานชามล้างก่อนจะบอกเขาอีกครั้ง

    “เบญกลับบ้านแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวจะกลับมาค่ะ”

    “กลับ...กลับไปทำไมครับ” คนถามมองไปรอบ ๆ ซึ่งตอนนี้ด้านนอกมืดสนิทแล้ว เขายอมรับว่าเริ่มกังวลกับการต้องอยู่คนเดียวในสถานที่ไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะในบ้านหลังใหญ่ที่ความกลัวยังเป็นเงาซ่อนอยู่ในใจมานาน จะให้สลัดมันทิ้งไปเพียงเวลาชั่ววันคงเป็นไปไม่ได้ แม้การที่มีคนมาอยู่ด้วยทำให้ลืมความกลัวไปบ้างก็ตาม

    “เอ่อ เบญจะกลับไปอาบน้ำ แล้วเอาเสื้อผ้าบางส่วนมาไว้ที่นี่บ้างค่ะ วันนี้เบญยังไม่ได้เอาอะไรมาเลย” ชายหนุ่มยิ้มออกมาได้

    “โอเคครับ แต่มันมืดแล้ว เดี๋ยวผมเดินไปเป็นเพื่อนคุณเบญก็แล้วกัน” อ้างว่าจะเดินไปเป็นเพื่อนได้หน้าตาเฉยทั้งที่ตัวเองต่างหากที่ต้องการเพื่อน

    เบญจาส่ายหน้าปฏิเสธ “อย่าเลยค่ะ ลำบากคุณดลเปล่า ๆ แถวนี้เบญอยู่มาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่มีอันตรายอะไรหรอกค่ะ คุณดลพักผ่อนอยู่ในบ้านดีกว่านะคะ” เธอเอ่ยอย่างปรารถนาดี ซึ่งเป็นความปรารถนาดีที่เขาไม่ได้ต้องการสักนิด จึงกวาดมองไปทั่วห้องโถงเพื่อหาตัวช่วย แล้วสะดุดอยู่ที่เจ้าแมวน้อยที่กินอาหารอิ่มก็มานั่งเลียมือเลียเท้าทำความสะอาดเนื้อตัวอยู่ตรงมุมห้องโดยไม่สนใจใครตามประสาแมวเจ้าสำอาง ชายหนุ่มผุดยิ้มออกมา

    “อ้าว เจ้านิลอยู่นี่เอง เดี๋ยวป๊าจะพาออกไปเดินเล่นนอกบ้านกัน อยู่ในบ้านทั้งวันคงอึดอัดแย่แล้ว ไปเถอะครับคุณเบญ ผมจะได้เอาเจ้านิลออกไปเดินเล่นนอกบ้านด้วย มันจะได้เป็นแมวที่มีความสุข” ว่าแล้วก็อุ้มแมวเดินนำออกไป หญิงสาวขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะคลายออก เพราะเคยเห็นแต่คนจูงหมาไปเดินเล่นนอกบ้าน เพิ่งรู้ว่าต้องพาแมวออกไปเดินเล่นแก้เบื่อนอกบ้านด้วยเหมือนกัน

    หญิงสาวเลิกคิดเรื่องหมาแมวแล้วเดินตามเขาออกไป ชายหนุ่มที่ทำใจกล้าเดินออกจากบ้านมาก่อนชลอฝีเท้าลงให้เธอเดินมาคู่กันเมื่อเดินออกมาแล้วเห็นว่าความมืดห้อมล้อมอยู่รอบบ้าน

    “พรุ่งนี้ผมจะให้ช่างไฟมาจัดระบบไฟรอบบริเวณบ้านใหม่”

    “ทำไมหรือคะ เบญว่ามันก็ดีอยู่แล้วนี่คะ” เธอกวาดตามองรอบบ้าน ก็เห็นว่ามีไฟอยู่ในจุดสำคัญ ๆ อยู่แล้ว แม้บางจุดจะมืดไปบ้าง แต่ก็คงไม่มีใครไปทำอะไรตรงนั้นตอนดึก ๆ เธอคิดอย่างนั้น

    “ผมว่าเราควรจะเพิ่มไฟหลาย ๆ ดวง จะได้สว่างทั่วถึง คือ...บ้านมืด ๆ อันตรายนะครับ” ตอบเสร็จก็ถอนหายใจเบา ๆ ที่หาข้ออ้างได้ทันเวลา

    “อ้อ คุณคงกลัวโจรผู้ร้ายสินะคะ”

    “ครับ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี โจรผู้ร้ายชุกชุม เราต้องเปิดไฟให้สว่าง ๆ เข้าไว้” ทำเสียงจริงจัง

    “ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแม้จะมีความไม่แน่ใจปนมาด้วยว่าเปิดไฟให้สว่างกันโจรได้จริงหรือไม่ เพราะเคยเห็นว่ากลางวันแสก ๆ โจรยังงัดบ้านจนออกข่าวกันได้แทบทุกวัน

    ธนดลออกจากประตูรั้วเสร็จก็หันมองคนที่ออกมาทีหลัง เขาปิดประตูรั้วแล้วเดินตามเธอไปยังหน้าบ้านหลังเล็ก ในมือก็ยังอุ้มเจ้านิลไม่ยอมปล่อย

    “นิลดูบ้านม๊าสิ น่าอยู่ไหม นิลอยากไปเที่ยวบ้านม๊าไหมครับ” ทำทีเป็นพูดกับแมว จนหญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ แค่อยากจะขอเข้าบ้านยังต้องเอาแมวมาเป็นข้ออ้าง เธอไขกุญแจเปิดประตูรั้วแล้วเชิญเขาเข้ามา

    “นิลรอม๊าที่ซุ้มนั่งเล่นก่อนนะ เดี๋ยวม๊าออกมา” สุดท้ายเธอก็ต้องแทนตัวเองกับแมวอย่างที่เขาเรียก ทำทีเป็นบอกกับแมวแต่จริง ๆ ก็คือเชิญให้เขานั่งรออยู่หน้าบ้าน เพราะยังไม่สะดวกใจที่จะให้เข้าไปในบ้านขณะที่เธอจะต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หญิงสาวเปิดไฟที่ซุ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

    “ให้อยู่ตรงนี้ก็ยังดีเนอะเจ้านิล ดีกว่าอยู่ที่โน่น” พึมพำกับแมวแล้วนั่งลง ปล่อยเจ้านิลให้เล่นอย่างอิสระ ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็ไม่ได้เล่นห่างจากเขานัก คอยตะกุยขากางเกงบ้าง บางทีก็ปีนขึ้นไปเกาะตามตัวราวกับตัวเองเป็นกระรอกไม่ใช่แมว

    ---------------------------------------------------

    มีบางคนบอกว่าเป็นทาสแมวขอฉากเจ้านิลเยอะ ๆ เจ้านิลเลยบอกว่าเข้าทางล่ะคราวนี้ เพราะตั้งใจจะแย่งซีนพระเอกอยู่แล้ว 555 ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ ขอบคุณสำหรับการตอบรับที่ดี ทุกคอมเมนต์เป็นกำลังให้คนเขียนมาก ๆ ค่ะ...ทิพย์ทิวา 26/2/2016 20.19




















































    หลังจากจัดของรวมทั้งปูที่นอนทั้งห้องของเขาและห้องของเธอเรียบร้อย เบญจาก็เอาเสื้อผ้าของเขาที่เตรียมใส่กระเป๋าใบใหญ่มาจัดเข้าตู้ ซึ่งตัวไหนยับเธอก็รีดให้ก่อนแขวน โดยมีคนเป็นเจ้าของบ้านเดินอุ้มแมวตามดูเธอตลอดเวลา

    เพราะถ้าอยู่ลำพังทีไรเขาอดรู้สึกเสียวหลังวูบวาบไม่ได้ทุกที บางทีก็ทำเป็นช่วยหยิบโน่นจับนี่เมื่อเห็นว่าเธอทำคนเดียวไม่ไหว จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย การกระทำดังกล่าวทำให้หญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่าเจ้านายของเธอมีน้ำใจเหลือเกิน แต่หารู้ไม่ว่าคนเป็นเจ้าของบ้านไม่กล้าอยู่คนเดียว จึงคอยมาอยู่ใกล้ ๆ ไม่ให้คลาดสายตา ยิ่งเวลาใกล้ค่ำเท่าไหร่เขาก็เริ่มใจสั่น

    เมื่อจัดการเรื่องที่หลับที่นอนให้เขาเสร็จ เธอจึงไปทำอาหารให้เขารับประทาน ก่อนขอตัวกลับเข้าบ้านเพราะอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเต็มทนแล้ว จะได้กลับไปทำอาหารกินเองที่บ้านด้วย

    “อาหารเสร็จแล้ว คุณกินไปก่อนนะคะ เดี๋ยวเบญขอตัวกลับบ้านแป๊บนึงแล้วค่ำ ๆ จะเข้ามาอีกทีค่ะ” ชายหนุ่มมองมือเรียวที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัวก่อนจะมองโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวหน้าตาน่ารับประทานสามอย่างวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ หนึ่งจาน

    “อ้าว แล้วคุณเบญไม่กินข้าวด้วยกันหรือครับ”

    “เอ่อ...เบญไปทำอะไรง่าย ๆ กินที่บ้านก็ได้ค่ะ” เธอเอ่ยตะกุกตะกักเพราะคิดว่าตัวเองเป็นเพียงแม่บ้านเท่านั้น จะมานั่งร่วมโต๊ะกับคนเป็นเจ้านายได้อย่างไร

    “ทำไมต้องยุ่งยากด้วยครับ นะครับ กินด้วยกัน ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว แล้วคุณเบญก็เหนื่อยมากแล้วด้วย ถ้าปล่อยให้กลับไปทำกับข้าวกินเองที่บ้านอีก ผมคงเป็นเจ้านายที่แย่มาก” เขาคะยั้นคะยอ

    “งั้น...ก็ได้ค่ะ” ชายหนุ่มยิ้มรับ เธอเดินไปตักข้าวใส่จานเพิ่มอีกหนึ่งจานแล้วเอามาวางที่โต๊ะอาหาร

    “รอแป๊บนะครับ พาเจ้านิลไปกินข้าวก่อน เขาจะได้ไม่กวนเรา” ว่าแล้วก็พาเจ้านิลออกไปข้างนอกเอาชามใส่อาหารเม็ดให้กิน ก่อนจะกลับเข้ามานั่งกินข้าวกับเธอที่โต๊ะอาหาร ซึ่งเธอก็นั่งรับประทานอย่างสุภาพเรียบร้อยอย่างเคย

    “ต่อไปคุณเบญไม่ต้องทำอาหารแยกกันหรอกนะครับ คุณเบญกินด้วยผมก็คงไม่เปลืองสักเท่าไหร่” เขาว่าอย่างนั้น เธอเงยมองหน้าคนพูด ซึ่งทั้งถ้อยคำและแววตาของเขาไม่ได้มีท่าทีว่าจะคิดอะไรมากไปกว่าห่วงใยตามประสาคนที่ต้องพึ่งพากัน เธอจึงรับคำ

    “ค่ะ ถ้าคุณดลต้องการอย่างนั้น”

    “ขอบคุณครับ” เขายิ้มให้ก่อนจะรับประทานอาหารต่อจนกระทั่งอิ่ม หญิงสาวเก็บจานชามล้างก่อนจะบอกเขาอีกครั้ง

    “เบญกลับบ้านแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวจะกลับมาค่ะ”

    “กลับ...กลับไปทำไมครับ” คนถามมองไปรอบ ๆ ซึ่งตอนนี้ด้านนอกมืดสนิทแล้ว เขายอมรับว่าเริ่มกังวลกับการต้องอยู่คนเดียวในสถานที่ไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะในบ้านหลังใหญ่ที่ความกลัวยังเป็นเงาซ่อนอยู่ในใจมานาน จะให้สลัดมันทิ้งไปเพียงเวลาชั่ววันคงเป็นไปไม่ได้ แม้การที่มีคนมาอยู่ด้วยทำให้ลืมความกลัวไปบ้างก็ตาม

    “เอ่อ เบญจะกลับไปอาบน้ำ แล้วเอาเสื้อผ้าบางส่วนมาไว้ที่นี่บ้างค่ะ วันนี้เบญยังไม่ได้เอาอะไรมาเลย” ชายหนุ่มยิ้มออกมาได้

    “โอเคครับ แต่มันมืดแล้ว เดี๋ยวผมเดินไปเป็นเพื่อนคุณเบญก็แล้วกัน” อ้างว่าจะเดินไปเป็นเพื่อนได้หน้าตาเฉยทั้งที่ตัวเองต่างหากที่ต้องการเพื่อน

    เบญจาส่ายหน้าปฏิเสธ “อย่าเลยค่ะ ลำบากคุณดลเปล่า ๆ แถวนี้เบญอยู่มาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่มีอันตรายอะไรหรอกค่ะ คุณดลพักผ่อนอยู่ในบ้านดีกว่านะคะ” เธอเอ่ยอย่างปรารถนาดี ซึ่งเป็นความปรารถนาดีที่เขาไม่ได้ต้องการสักนิด จึงกวาดมองไปทั่วห้องโถงเพื่อหาตัวช่วย แล้วสะดุดอยู่ที่เจ้าแมวน้อยที่กินอาหารอิ่มก็มานั่งเลียมือเลียเท้าทำความสะอาดเนื้อตัวอยู่ตรงมุมห้องโดยไม่สนใจใครตามประสาแมวเจ้าสำอาง ชายหนุ่มผุดยิ้มออกมา

    “อ้าว เจ้านิลอยู่นี่เอง เดี๋ยวป๊าจะพาออกไปเดินเล่นนอกบ้านกัน อยู่ในบ้านทั้งวันคงอึดอัดแย่แล้ว ไปเถอะครับคุณเบญ ผมจะได้เอาเจ้านิลออกไปเดินเล่นนอกบ้านด้วย มันจะได้เป็นแมวที่มีความสุข” ว่าแล้วก็อุ้มแมวเดินนำออกไป หญิงสาวขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะคลายออก เพราะเคยเห็นแต่คนจูงหมาไปเดินเล่นนอกบ้าน เพิ่งรู้ว่าต้องพาแมวออกไปเดินเล่นแก้เบื่อนอกบ้านด้วยเหมือนกัน

    หญิงสาวเลิกคิดเรื่องหมาแมวแล้วเดินตามเขาออกไป ชายหนุ่มที่ทำใจกล้าเดินออกจากบ้านมาก่อนชลอฝีเท้าลงให้เธอเดินมาคู่กันเมื่อเดินออกมาแล้วเห็นว่าความมืดห้อมล้อมอยู่รอบบ้าน

    “พรุ่งนี้ผมจะให้ช่างไฟมาจัดระบบไฟรอบบริเวณบ้านใหม่”

    “ทำไมหรือคะ เบญว่ามันก็ดีอยู่แล้วนี่คะ” เธอกวาดตามองรอบบ้าน ก็เห็นว่ามีไฟอยู่ในจุดสำคัญ ๆ อยู่แล้ว แม้บางจุดจะมืดไปบ้าง แต่ก็คงไม่มีใครไปทำอะไรตรงนั้นตอนดึก ๆ เธอคิดอย่างนั้น

    “ผมว่าเราควรจะเพิ่มไฟหลาย ๆ ดวง จะได้สว่างทั่วถึง คือ...บ้านมืด ๆ อันตรายนะครับ” ตอบเสร็จก็ถอนหายใจเบา ๆ ที่หาข้ออ้างได้ทันเวลา

    “อ้อ คุณคงกลัวโจรผู้ร้ายสินะคะ”

    “ครับ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี โจรผู้ร้ายชุกชุม เราต้องเปิดไฟให้สว่าง ๆ เข้าไว้” ทำเสียงจริงจัง

    “ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแม้จะมีความไม่แน่ใจปนมาด้วยว่าเปิดไฟให้สว่างกันโจรได้จริงหรือไม่ เพราะเคยเห็นว่ากลางวันแสก ๆ โจรยังงัดบ้านจนออกข่าวกันได้แทบทุกวัน

    ธนดลออกจากประตูรั้วเสร็จก็หันมองคนที่ออกมาทีหลัง เขาปิดประตูรั้วแล้วเดินตามเธอไปยังหน้าบ้านหลังเล็ก ในมือก็ยังอุ้มเจ้านิลไม่ยอมปล่อย

    “นิลดูบ้านม๊าสิ น่าอยู่ไหม นิลอยากไปเที่ยวบ้านม๊าไหมครับ” ทำทีเป็นพูดกับแมว จนหญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ แค่อยากจะขอเข้าบ้านยังต้องเอาแมวมาเป็นข้ออ้าง เธอไขกุญแจเปิดประตูรั้วแล้วเชิญเขาเข้ามา

    “นิลรอม๊าที่ซุ้มนั่งเล่นก่อนนะ เดี๋ยวม๊าออกมา” สุดท้ายเธอก็ต้องแทนตัวเองกับแมวอย่างที่เขาเรียก ทำทีเป็นบอกกับแมวแต่จริง ๆ ก็คือเชิญให้เขานั่งรออยู่หน้าบ้าน เพราะยังไม่สะดวกใจที่จะให้เข้าไปในบ้านขณะที่เธอจะต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หญิงสาวเปิดไฟที่ซุ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

    “ให้อยู่ตรงนี้ก็ยังดีเนอะเจ้านิล ดีกว่าอยู่ที่โน่น” พึมพำกับแมวแล้วนั่งลง ปล่อยเจ้านิลให้เล่นอย่างอิสระ ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็ไม่ได้เล่นห่างจากเขานัก คอยตะกุยขากางเกงบ้าง บางทีก็ปีนขึ้นไปเกาะตามตัวราวกับตัวเองเป็นกระรอกไม่ใช่แมว

    ---------------------------------------------------

    มีบางคนบอกว่าเป็นทาสแมวขอฉากเจ้านิลเยอะ ๆ เจ้านิลเลยบอกว่าเข้าทางล่ะคราวนี้ เพราะตั้งใจจะแย่งซีนพระเอกอยู่แล้ว 555 ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ ขอบคุณสำหรับการตอบรับที่ดี ทุกคอมเมนต์เป็นกำลังให้คนเขียนมาก ๆ ค่ะ...ทิพย์ทิวา 26/2/2016 20.19

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×