NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BaBY_LoVe : แรกรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #41 : ความโกลาหล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.94K
      113
      5 มิ.ย. 66

     

    EP 45: ความโกลาหล
    MIN’S TALK

              

    ผมยืนอึ้งที่จู่ๆซอลก็หันไปคว้าแก้วน้ำส้มขึ้นมาสาดใส่มิ้นต์จนเปื้อนไปหมด ฮะ เฮ้ยย มันเกิดอะไรขึ้นวะ!!
              

    “ซอล หนูทำอะไรคะ!” ผมหันไปคว้าแขนกุญแจซอลตาโต  ดวงตาคู่สวยที่มีรอยวูบไหวแปลกๆตั้งแต่เมื่อครู่ฉายแววเจ็บปวด ตัดพ้อ และเต็มไปด้วยความเสียใจชัด!
              

    “ทำสิ่งที่ควรทำค่ะ”  


    อื้อหือมมม  ยิ่งถามยิ่งเหมือนเติมฟืนให้เชื้อไฟ  เพราะนอกจากซอลจะไม่บอกเหตุผลแล้วดวงหน้าหวานยังเต็มไปด้วยน้ำตาไหลพรากๆอีก คือ..หนูเพิ่งสาดน้ำส้มพร้อมน้ำแข็งทั้งแก้วใส่มิ้นต์  แล้วหนูร้องไห้ทำไมคะ??  


    ผมงงหนักและอึ้งยิ่งกว่าที่มิ้นต์โดนซอลเอาน้ำส้มสาดคือกุญแจซอลยืนกัดปากพยายามสะกัดกลั้นอารมณ์พร้อมกับน้ำตาไหลพรากๆเนี่ยแหล่ะ!!  เชี่ยยยย เมียผมร้องไห้ทำไมวะ
              

    “ซอลคะมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!” 


    ผมคว้าท่อนแขนซอลไว้แล้วหันไปมองมิ้นต์ที่ยืนกระพริบตาปริบๆอย่างอึ้งๆ  เออ ผมก็อึ้งไม่แพ้กัน!  มิ้นต์ตอนนี้เปียกไปด้วยน้ำส้มจนชุดเดรสสีสวยเละไปหมด  ผมเห็นชิ้นผลส้มที่ปนมากับน้ำเกาะติดอยู่ที่ไหลมิ้นต์ด้วย   คนรอบข้างเริ่มฮือฮากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
              

    “ซอลไม่มีอะไรจะคุยค่ะ มันสมควรแล้ว”  กุญแจซอลหันมามองสบตากับผมด้วยนัยตาแดงก่ำดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตา “นี่ยังน้อยนะคะ..” 
              

    แล้วตกลงมันเรื่องอะไรล่ะ ผมงงไปหมดแล้วเนี่ย ผมหันไปมองมิ้นต์ที่ชุ่มไปด้วยน้ำส้มและมองมาที่ผมกับซอลอย่างงงๆ เห้ยย ตกลงมันเรื่องอะไรกันวะ??
             

    “พูดให้รู้เรื่องหน่อย  ซอลคะ!”
             

    “ปล่อยค่ะ.. ซอลจะกลับเข้าไปช่วยเฮียกรรับแขกในงาน” กุญแจซอลใช้แรงทั้งหมดสะบัดท่อนแขนออกจากการเกาะกุมของผมก่อนจะวางแก้วน้ำส้มกระแทกลงกับโต๊ะที่อยู่บริเวณใกล้ๆแล้วเดินสะบัดออกไปจากที่ตรงนั้น
              

    “หนูทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ!!” 


    ผมตะโกนไล่หลัง ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกนะรู้แต่ว่าคนที่ซวยคือมิ้นต์!  เพราะหลังจากที่โดนซอลเอาน้ำส้มสาดมิ้นต์ก็ดูยังงงอยู่และไม่พูดว่าอะไรซอลสักคำ  กุญแจซอลที่กำลังเดินกระแทกเท้าออกไปชะงัก  ไหล่บอบบางสั่นทันทีที่ได้ยินเสียงผม  ผมรู้ว่าซอลกำลังโกรธแต่การที่ซอลทำแบบนี้ผมว่ามันไม่มีเหตุผลเกินไป  ผมอยากรู้ว่าซอลเป็นอะไรและผมอยากให้เราหันหน้าคุยกัน
              

    “พี่ก็ไม่เคยรักกันอยู่แล้วนี่คะ..” เสียงสั่นๆและหยาดน้ำตาที่ไหลรินของซอลที่หันมาแม่งเหมือนเครื่องทำให้ตัวชาสต๊าฟผมให้ยืนอึ้งแดกอยู่กับที่  หัวใจผมเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม  ผมเนี่ยนะไม่รักซอล?  


    โอ้ยย นี่หนูเอาอะไรมาพูดคะ!!
              

    “ซอลคะ!!” แล้วโดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆจากผมกุญแจซอลเลือกที่จะกัดฟันวิ่งหนีไป  ผมนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ซอลวิ่งหนีจากผมไปเมื่อหลายปีก่อนและผมก็จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นซ้ำ  ไม่เคยรักกัน ?  ให้ตาย! เมียเอาที่ไหนมาพูดดดด  ผมรีบสับขาวิ่งตามซอลไปติดๆ  
              

    “เดี๋ยว มิณทร์!!” 


    ผมได้ยินเสียงมิ้นต์ตะโกนตามหลังพร้อมกับไอ้ฉัตรที่ยืนอยู่ข้างๆ  มิ้นต์ทำท่าจะวิ่งตามมาแต่ก็โดนไอ้ฉัตรที่ไม่รู้ไปทำความรู้จักกันตอนไหนโผล่มาจับแขนมิ้นต์ไว้  ผมพยายามวิ่งตามซอลไปแต่กุญแตซอลก็วิ่งลัดเลาะหลบเข้าไปด้านในซะก่อน  


    ผมยืนเลิกลักทำอะไรไม่ถูกในขณะที่งานด้านในผู้คนเริ่มหนาขึ้นพอดีกับเสียงพิธีกรประกาศและแสงไฟสปอร์ตไลท์ในงานเริ่มมืดลง  เขร้.. งานเริ่มพร้อมๆกับผมที่ทะเลาะกับเมียเลยว่ะ!
              

    “ค่ะ ได้เวลาแล้วนะคะตอนนี้เวลา๘นาฬิกา๕๗ นาทีขอเชิญเจ้าบ่าวของเราคุณกร มานพสกุลขึ้นมาบนเวทีด้วยค่ะ”  


    เสียงปรบมือก้องดังพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าบ่าวที่เดินมาพร้อมกับหัวเรือใหญ่ของกลุ่มธุรกิจมานพสกุล  ผมมองไปที่ไอ้กรที่กำลังเดินเข้างานมากับอาเจต เยดเข้~ ยังง้อเมียไม่เร็จ  เมียก็ยังงอนตุ๊บป่องๆอยู่ ทำไมงานเริ่มเร็วจังวะ! 
              

    ผมได้แต่ยืนบื้ออยู่แบบนั้นมองงานหมั้นที่กำลังจะเริ่มขึ้นอย่างยิ่งใหญ่โดยทำอะไรไม่ได้  ตอนนี้ซอลวิ่งหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้  คนทั้งงานพร้อมใจกันมองตามไอ้กรที่เดินแหวกฝ่าผู้คนเข้ามา ไอ้กรมองไปรอบๆและกวาดสายตาผ่านๆก่อนจะพยักหน้าให้ผมแวบนึง  


    เหยดด~เพื่อนกูนี่แม่งทำไมตาดีจังวะ ขนาดผมยืนตะคุ่มๆอยู่นะแม่งยังเห็นเฉยเลย  ผมโบกมือทักทายไอ้กรก่อนจะสังเกตเห็นกุญแจซอลค่อยๆเดินก้มหน้าตามหลังมาพร้อมกับอาเปียโน  เยดเข้ร~ มานพสกุลฟูลทีม!! แล้วงี้ผมจะล็อคคอเมียมาปรับความเข้าใจยังไงวะ
              

    ผมค่อยๆเดินถอยมาด้านหลังขณะที่งานหมั้นระดับชาติกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ผู้หลักผู้ใหญ่ของมานพสกุลนั่งกันเกลื่อนเต็มเวทีโดยที่มีเจ้าสัวเพชร มานพสกุลเสาหลักรุ่นใหญ่นั่งเป็นองค์ประธานในงาน  ตามด้วยคุณหญิงพวงหยก มานพสกุลสตรีหมายเลขหนึ่งซึ่งถึงแม้ตอนนี้จะอายุอานามมากแล้วแต่ก็ยังมีรัศมีออร่าของนางพญาจับอยู่  


    ผมมองถัดไปก็เห็นอาเจตกับน้าเปียโนก่อนจะปิดท้ายด้วยทายาทรุ่นเล็กอย่างกุญแจซอล ผมยืนมองประเมิณ สถานการณ์จากทางด้านหลังอยู่ไกลๆ  กว่าจะเข้าถึงเมียได้นี่ผมต้องผ่านม่านบาเรียกี่จุดวะ.. 
              

    “เป็นไงบ้างวะ” 


    และระหว่างที่ผมกำลังยืนเซ็งอยู่นั้นจู่ๆไอ้ฉัตรก็โผล่มายืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้างๆ  ตามมาด้วยมิ้นต์ที่ยืนถลึงตาทำท่าจะแดกหัวไอ้ฉัตรอยู่
              

    ฉิบหายย 
              

    ผมลืมเรื่องที่โดนมิ้นต์โดยซอลเอาน้ำส้มสาดไปซะสนิทเลย  แล้วทำไมมิ้นต์ถึงเดินมาพร้อมกับไอ้ฉัตรได้วะ?


    “ไม่เจอกันแค่แปปเดียว มึงดูโง่ขึ้นนะ”
              

    “ห้ะ?” ผมยังไม่ทันได้ขอโทษมิ้นต์ก็เจอไอ้ฉัตรเบรคหัวทิ่มซะก่อน เดี๋ยวนะเห้ยยนี่มันเรื่องอะไรกันวะ?? “นี่มึงพูดเชี่ยไรวะ”
              

    “มิณทร์ เรากลับก่อนนะ!” 


    มิ้นต์กระแทกเสียงใส่ผมแต่กลับจ้องไอ้ฉัตรตาเขียว เดี๋ยว! ทำไมผมรู้สึกเหมือนมิ้นต์กับไอ้ฉัตรด่าฝากกันไปด่าฝากกันมาวะ
              

    “เฮ้ย มิ้นต์เดี๋ยวดิวะ” ผมอยากขอโทษมิ้นต์เรื่องซอลแต่ก็โดนไอ้ฉัตรเดินมาขวางเอาไว้ “โอ้ยย อะไรของมึงเนี่ยย” ประโยคหลังผมหันไปมุ่ยหน้าใส่ไอ้ฉัตร 
              

    “อ่อนว่ะ..” 
              

    “ห้ะ??” แม่งยิ่งพูดผมยิ่งไม่เข้าใจ  ผมไม่รู้ว่าไอ้ฉัตรต้องการจะสื่ออะไรแต่ที่รู้ๆมันกำลังตีกับมิ้นต์ชัวส์  คือ..ระหว่างที่ผมวิ่งไปง้อเมีย สองคนนี้ไปทำความรู้จักกันตอนไหนและไปทะเลาะกันได้ยังไง  นี่เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้วว่ะ
              

    “โดนผู้หญิงตามจับแต่เสือกไม่รู้ตัวแบบนี้ไม่สมกับเป็นมึงเลยว่ะ”
              

    “หาาา??” คราวนี้ไอ้ฉัตรจงใจหันไปมองมิ้นต์แบบกวนๆ  เยดเข้~ ผมลากให้มาจีบกันไม่ได้ลากมาให้จะฆ่ากันนะ!
    “นี่มึงพูดเหี้ยไรวะ”
              

    “ก็เนี่ย..” ไอ้ฉัตรชี้สายตาไปที่มิ้นต์แล้วไล่มองแต่หัวจรดเท้า “ไม่เรียกอ่อยให้เรียกว่าไงวะ” 
              

    “นี่นายย จะปากหมาไปแล้วนะ!!” คราวนี้มิ้นต์เดินมาคั่นอยู่ตรงหน้าผมแล้วยืนจ้องกับไอ้ฉัตรซะเอง  แต่ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันลิบและมิ้นต์ก็สูงแค่คางของไอ้ฉัตรมันเลยดูเหมือนเด็กทะเลาะกับผู้ใหญ่ซะงั้น “ไหนพูดอีกทีดิ๊ไอ้หน้าตี๋  นายว่าใครอ่อยห้ะ!”               
              

    “มองใครก็หมายความว่าคนนั้น..” 
              

    “เฮ้ยย เดี๋ยววว ใจเย็นกันหน่อยดิวะ” ผมพยายามห้ามมิ้นต์กับไอ้ฉัตรที่กำลังเปิดศึกกันย่อมๆกลางงานหมั้นระดับบิ๊ก  เห้ยยยย  ทำไมจู่ๆจะตีกันวะ
              

    “เราเนี่ยนะอ่อยมิณทร์??”  มิ้นต์หันไปตีกับไอ้ฉัตรต่อ
              

    “แล้วที่เกาะแขนอ้อนต่อหน้าเมียไอ้มิณทร์เขาเรียกว่าไรล่ะ?”
              

    “เราไม่ได้ตั้งใจ  เราเจ็บขามะ???”  มิ้นต์ชี้ลงไปที่เท้าที่โดนรองเท้ากัดซะพรุน แต่ไอ้ฉัตรก็แค่เหล่ตาลงไปมองแล้วแสยะยิ้มเท่านั้น
              

    “อ้างว่ะ”
              

    “ก็มีแต่คนที่คิดชั่วเท่านั้นแหล่ะที่คิดแบบนี้” มิ้นต์ดูโกรธจนน็อตหลุด “ปากหมาอย่างเดียวไม่ได้ต้องใจหมาด้วยนะ”
              
     

    แรงงงงงงงงงงส์อ่ะ  แต่นี่มันกลางงานหมั้นไอ้กรนะใจเย็นๆกันหน่อยทุกโคนน นี่ไอ้ฉัตรกับมิ้นต์ไปโกรธเกลียดกันมาแต่ชาติปางไหนวะ
              

    “ปากหมาก็ดีกว่าพวกคิดไม่ซื่ออย่างเธอป่ะ” โอ้โหววว  ไอ้ห่าฉัตรก็พอกัน! แค่เมียงอนก็เครียดพอแล้วนะ  นี่เพื่อนสนิทสองคนจะมาตีกันกลางงานหมั้นอีกกกก
              

    “เรากับมิณทร์เป็นแค่เพื่อนกัน”
              

    “เธอคิดจะจับไอ้มิณทร์ก็บอกมาเหอะน่ะ” เยดดดเข้  ไอ้ฉัตรเอาสมมุติฐานอะไรมาคิดเนี่ยยยว่าผมมีซัมติงกับมิ้นต์  เห็นแบบนี้นุ้งมิณทร์รักเดียวใจเดียวนะ!  
                

    “เฮ้ย ฉัตร กูกับมิ้นต์เป็นแค่เพื่อนกัน” ผมช่วยมิ้นต์ยืนยันกับไอ้ฉัตรอีกแรง ไอ้ฉัตรเหล่ตามองผมก่อนจะชี้สายตาไปยังกุญแจซอลที่ยืนก้มหน้าทำเหมือนจะร้องไห้อยู่บนเวที
              

    “กูว่าเด็กมึงก็คงไม่คิดแบบนั้นเหมือนกันว่ะ”
              

    ยังไงนะ?
              

    หรือว่า.. นี่เป็นเหตุผลที่ซอลเล่นเล่นสงกรานต์กับมิ้นต์ด้วยน้ำส้ม ผมพยายามประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมด  
    เหยดดดด  ปริศนาทุกอย่างไขกระจ่างแล้วครับ!  


    แต่ก่อนซอลเคยถามเรื่องมิ้นต์หลายครั้งและซอลก็จะอารมณ์ดีทุกครั้งเวลาที่มิ้นต์ไม่อยู่ หรือจะคิดให้ง่ายๆก็ได้ว่า
    ซอลหึงมิ้นต์.. ใช่แน่ๆ ผมว่าต้องใช่แน่ๆว่ะ!!  
                

    “มึงจะบอกว่าซอลหึงกูกับมิ้นต์เนี่ยนะ?”
              

    “ใครมองก็ว่ามึงควงแฟนมาป่ะสภาพแบบนี้” คำพูดของไอ้ฉัตรทำให้ผมฉุกคิด “เกาะแขนกันแน่นขนาดนี้ไม่ใช่เมียเลยมั้งง” 
              

    เขร้.. กูนี่โง่แท้ว่ะ


    เพราะผมไม่เคยคิดอะไรกับมิ้นต์แบบนั้นเลยสักครั้งและมิ้นต์ก็ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นกับผม  ผมเลยไม่เคยคิดว่าใครจะมองเราในเรื่องทำนองนี้เลย มิน่าล่ะ..อยู่ๆผมก็ทะเลาะกับซอลแบบไม่มีเหตุผลหลายครั้งตอนอยู่ลำพูน  เรามักทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ซอลชอบพูดเหมือนว่าผมมีคนใหม่แต่ซอลก็ไม่เคยปริปากพูดอะไรให้ผมฉุกใจเกี่ยวมิ้นต์เลยสักครั้ง  
              

    ผมว่าสิ่งที่เข้าใจยากที่สุดในโลกก็คือหัวใจของผู้หญิงว่ะ
              

    แค่ซอลบอกผมมาคำเดียวว่าหึงผมกับมิ้นต์นะ  ผมจะพยายามทำทุกอย่างและจะอธิบายทุกทางเพื่อให้ซอลเข้าใจ  ผมจะไม่ปล่อยให้ซอลไม่สบายใจยืดเยื้อแบบนี้  แถวบ้านเรียกเส้นผมบังภูเขาชัดๆ!
               

    “กูยืนยันว่ากูกับมิ้นต์เป็นเพื่อนกัน”
              

    “อันนี้มึงต้องไปบอกกับเมียมึงไม่ใช่มาบอกกู” ไอ้ฉัตรบุ้ยหน้าไปยังกุญแจซอลที่ยืนซึมอยู่บนเวที “ทีเรื่องอื่นน่ะฉลาด ทีเรื่องแบบนี้คิดน้อยสัส”
              

    “มิ้นต์ เราขอโทษแทนซอลด้วยนะ” ผมหันไปยกมือขอโทษมิ้นต์ที่สภาพตอนนี้เละด้วยน้ำส้มเต็มไปหมด  มิ้นต์พยักหน้านอยด์ๆอย่างเข้าใจ
              

    “ไม่เป็นไร เราไม่ได้โกรธน้องหรอกแต่เราโกรธคนที่คิดกับเราเลวๆมากกว่าอ่ะ”ประโยคหลังมิ้นต์ปรายตาไปทางไอ้ฉัตร  เป๊งง!  ยกที่สองเริ่มอีกครั้ง  คราวนี้มิ้นต์กับไอ้ฉัตรหันไปยืนจ้องตากันต่อ คือถ้าเป็นปลาหมอคู่นี้มีท้องแล้วนะ
              

    “มิณทร์ นายไปง้อเมียเถอะเราดูแลตัวเองได้ไว้ทำอะไรเสร็จแล้วค่อยโทรมาแล้วกัน”
              

    “ถ้าดูแลตัวเองได้แล้วจะโทรหาไอ้มิณทร์ทำไมล่ะ”
              

    “เห้ยย พูดแบบนี้ชกกันเลยมะ!”
              

    “ดูยังไงก็เรียกร้องความสนใจชัดๆ”
              

    “อะ..ไอ้บ้า นายว่าใครเรียกร้องความสนใจยะ!” มิ้นต์ยืนเท้าเอวแยกเขี้ยวแทบจะน้ำลายฟูมปากใส่ไอ้ฉัตร  ได้ข่าววางแผนจับคู่ให้มาจีบกันไม่ใช่ให้มาเท้าเอวด่ากันไฟแล่บแบบเน้ ท่าทางมิ้นต์ตอนนี้เหมือนอยากกระโดดกัดคอไอ้ฉัตร
              

    “ไอ้ฉัตร  ยังไงนี่ก็งานหมั้นก้อยกูขอนะ..” 
              

    “อืม” ไอ้ฉัตรรับคำผมโดยที่สายตายังปะฉะดะอยู่กับมิ้นต์  “งานมงคลแบบนี้กูไม่ปล่อยให้มีเรื่องอะไรมาทำให้เสียหรอกน่ะ” 
               

    “โอเคเด็กๆอย่าเพิ่งตีกันนะ” 
               

    พอผมเริ่มเห็นเค้ารางความปรองดองของคนในชาติปั๊ป.. ผมก็รีบแว๊บเดินแทรกผู้คนไปง้อเมียทันที  สาเหตุที่เมียงอนก็เพิ่งกระจ่างเมื่อกี้  สาบายเลยว่านุ้งมิณทร์จะรีบกอบกู้กรุงศรีขึ้นมาอีกครั้ง!


    (LOADING 100%)



    TALK 2
    ดูเหมือนคู่นี้จะสร้างมาให้เป็นคู่กัดมากกว่าจะมาจีบกันนะ
    ก่อนเขียนเค้าตั้งโจทย์กับตัวเองไว้ค่ะ
    ว่าถ้าพระรองจากเรื่องที่แล้วอย่าง "ฉัตร"
    ถ้าจะมีความรัก ผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นแบบไหน
    โจทย์ที่ตั้งไว้คือต้องต่างจาก "เกี่ยวก้อย" อย่างสิ้นเชิง
    เน้นว่าต่างกันเกือบทุกอย่างนะคะ
    เลยเป็นที่มาของคาแร็คเตอร์มิ้นต์ค่ะ

    เค้าชอบมิ้นต์คนนี้นะ แต่ไม่ชอบมิ้นท์คนโน้น 555+
     


    TALK 1
    บางครั้งเราก็ต้องยอมรับว่า บางทีผู้ชายก็ง่าวแบบนี้จริงๆ
    คิดน้อยจนเหมือนผู้หญิงอย่างเราคิดเยอะ
    พี่ไม่คิดไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะไม่คิดนะคะพรี่~
    งานนี้อัญเชิญพี่ฉัตรมากระทุ้งสติค่ะ!
    แต่คราวนี้พี่ฉัตรควงกันมากับมิ้นต์นะ เอ๊ะ ยังไง?
    งานจับคู่จะสำเร็จหรือไม่ รอดู~


    ::I AM PLATINUM COMMENT::
    ส่วนตัวเค้าชอบความละมุนของพี่มิณทร์อ่ะ
    เพราะถึงแม้ซอลจะอาละวาดจัดหนัด
    แต่พี่มิณทร์ก็ไม่มีความคิดที่จะโกรธซอลเลยสักนิด
    พี่มิณทร์ไม่ได้ดุซอลที่เกเรสาดน้ำส้มใส่มิ้นต์
    แต่พี่มิณทร์ดุซอลเพราะซอลไม่ยอมหันหน้ามาคุยกันดีๆต่างหาก
    หลงเมียหนักมาก แต่เจือกทำเมียเสียใจหนักมากเพราะความคิดน้อยของตัวเอง

    จ๋ม!!
     

    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ


    คือถ้าเรียงลำดับความละมุน
    ถ้าตัดรุ่นบุกเบิกอย่างเจตทิ้งไปแล้ว
    เค้าว่าเผลอๆมิณทร์ละมุนกว่ากรอีกนะ
    จัด RANK ความละมุนของพระเอกที่เขียนมาจะได้ดังนี้
    1.เจต
    2.มิณทร์
    3.กร
    4.แอม
    5.พอร์ช
    6.บัดดี้

    รักส์
     

     


     


     


     


     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×