คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : ความโกลาหล
EP 45: ความโกลาหล
MIN’S TALK
ผมยืนอึ้งที่จู่ๆซอลก็หันไปคว้าแก้วน้ำส้มขึ้นมาสาดใส่มิ้นต์จนเปื้อนไปหมด ฮะ เฮ้ยย มันเกิดอะไรขึ้นวะ!!
“ซอล หนูทำอะไรคะ!” ผมหันไปคว้าแขนกุญแจซอลตาโต ดวงตาคู่สวยที่มีรอยวูบไหวแปลกๆตั้งแต่เมื่อครู่ฉายแววเจ็บปวด ตัดพ้อ และเต็มไปด้วยความเสียใจชัด!
“ทำสิ่งที่ควรทำค่ะ”
อื้อหือมมม ยิ่งถามยิ่งเหมือนเติมฟืนให้เชื้อไฟ เพราะนอกจากซอลจะไม่บอกเหตุผลแล้วดวงหน้าหวานยังเต็มไปด้วยน้ำตาไหลพรากๆอีก คือ..หนูเพิ่งสาดน้ำส้มพร้อมน้ำแข็งทั้งแก้วใส่มิ้นต์ แล้วหนูร้องไห้ทำไมคะ??
ผมงงหนักและอึ้งยิ่งกว่าที่มิ้นต์โดนซอลเอาน้ำส้มสาดคือกุญแจซอลยืนกัดปากพยายามสะกัดกลั้นอารมณ์พร้อมกับน้ำตาไหลพรากๆเนี่ยแหล่ะ!! เชี่ยยยย เมียผมร้องไห้ทำไมวะ
“ซอลคะมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!”
ผมคว้าท่อนแขนซอลไว้แล้วหันไปมองมิ้นต์ที่ยืนกระพริบตาปริบๆอย่างอึ้งๆ เออ ผมก็อึ้งไม่แพ้กัน! มิ้นต์ตอนนี้เปียกไปด้วยน้ำส้มจนชุดเดรสสีสวยเละไปหมด ผมเห็นชิ้นผลส้มที่ปนมากับน้ำเกาะติดอยู่ที่ไหลมิ้นต์ด้วย คนรอบข้างเริ่มฮือฮากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ซอลไม่มีอะไรจะคุยค่ะ มันสมควรแล้ว” กุญแจซอลหันมามองสบตากับผมด้วยนัยตาแดงก่ำดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตา “นี่ยังน้อยนะคะ..”
แล้วตกลงมันเรื่องอะไรล่ะ ผมงงไปหมดแล้วเนี่ย ผมหันไปมองมิ้นต์ที่ชุ่มไปด้วยน้ำส้มและมองมาที่ผมกับซอลอย่างงงๆ เห้ยย ตกลงมันเรื่องอะไรกันวะ??
“พูดให้รู้เรื่องหน่อย ซอลคะ!”
“ปล่อยค่ะ.. ซอลจะกลับเข้าไปช่วยเฮียกรรับแขกในงาน” กุญแจซอลใช้แรงทั้งหมดสะบัดท่อนแขนออกจากการเกาะกุมของผมก่อนจะวางแก้วน้ำส้มกระแทกลงกับโต๊ะที่อยู่บริเวณใกล้ๆแล้วเดินสะบัดออกไปจากที่ตรงนั้น
“หนูทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ!!”
ผมตะโกนไล่หลัง ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกนะรู้แต่ว่าคนที่ซวยคือมิ้นต์! เพราะหลังจากที่โดนซอลเอาน้ำส้มสาดมิ้นต์ก็ดูยังงงอยู่และไม่พูดว่าอะไรซอลสักคำ กุญแจซอลที่กำลังเดินกระแทกเท้าออกไปชะงัก ไหล่บอบบางสั่นทันทีที่ได้ยินเสียงผม ผมรู้ว่าซอลกำลังโกรธแต่การที่ซอลทำแบบนี้ผมว่ามันไม่มีเหตุผลเกินไป ผมอยากรู้ว่าซอลเป็นอะไรและผมอยากให้เราหันหน้าคุยกัน
“พี่ก็ไม่เคยรักกันอยู่แล้วนี่คะ..” เสียงสั่นๆและหยาดน้ำตาที่ไหลรินของซอลที่หันมาแม่งเหมือนเครื่องทำให้ตัวชาสต๊าฟผมให้ยืนอึ้งแดกอยู่กับที่ หัวใจผมเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ผมเนี่ยนะไม่รักซอล?
โอ้ยย นี่หนูเอาอะไรมาพูดคะ!!
“ซอลคะ!!” แล้วโดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆจากผมกุญแจซอลเลือกที่จะกัดฟันวิ่งหนีไป ผมนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ซอลวิ่งหนีจากผมไปเมื่อหลายปีก่อนและผมก็จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นซ้ำ ไม่เคยรักกัน ? ให้ตาย! เมียเอาที่ไหนมาพูดดดด ผมรีบสับขาวิ่งตามซอลไปติดๆ
“เดี๋ยว มิณทร์!!”
ผมได้ยินเสียงมิ้นต์ตะโกนตามหลังพร้อมกับไอ้ฉัตรที่ยืนอยู่ข้างๆ มิ้นต์ทำท่าจะวิ่งตามมาแต่ก็โดนไอ้ฉัตรที่ไม่รู้ไปทำความรู้จักกันตอนไหนโผล่มาจับแขนมิ้นต์ไว้ ผมพยายามวิ่งตามซอลไปแต่กุญแตซอลก็วิ่งลัดเลาะหลบเข้าไปด้านในซะก่อน
ผมยืนเลิกลักทำอะไรไม่ถูกในขณะที่งานด้านในผู้คนเริ่มหนาขึ้นพอดีกับเสียงพิธีกรประกาศและแสงไฟสปอร์ตไลท์ในงานเริ่มมืดลง เขร้.. งานเริ่มพร้อมๆกับผมที่ทะเลาะกับเมียเลยว่ะ!
“ค่ะ ได้เวลาแล้วนะคะตอนนี้เวลา๘นาฬิกา๕๗ นาทีขอเชิญเจ้าบ่าวของเราคุณกร มานพสกุลขึ้นมาบนเวทีด้วยค่ะ”
เสียงปรบมือก้องดังพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าบ่าวที่เดินมาพร้อมกับหัวเรือใหญ่ของกลุ่มธุรกิจมานพสกุล ผมมองไปที่ไอ้กรที่กำลังเดินเข้างานมากับอาเจต เยดเข้~ ยังง้อเมียไม่เร็จ เมียก็ยังงอนตุ๊บป่องๆอยู่ ทำไมงานเริ่มเร็วจังวะ!
ผมได้แต่ยืนบื้ออยู่แบบนั้นมองงานหมั้นที่กำลังจะเริ่มขึ้นอย่างยิ่งใหญ่โดยทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ซอลวิ่งหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ คนทั้งงานพร้อมใจกันมองตามไอ้กรที่เดินแหวกฝ่าผู้คนเข้ามา ไอ้กรมองไปรอบๆและกวาดสายตาผ่านๆก่อนจะพยักหน้าให้ผมแวบนึง
เหยดด~เพื่อนกูนี่แม่งทำไมตาดีจังวะ ขนาดผมยืนตะคุ่มๆอยู่นะแม่งยังเห็นเฉยเลย ผมโบกมือทักทายไอ้กรก่อนจะสังเกตเห็นกุญแจซอลค่อยๆเดินก้มหน้าตามหลังมาพร้อมกับอาเปียโน เยดเข้ร~ มานพสกุลฟูลทีม!! แล้วงี้ผมจะล็อคคอเมียมาปรับความเข้าใจยังไงวะ
ผมค่อยๆเดินถอยมาด้านหลังขณะที่งานหมั้นระดับชาติกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ผู้หลักผู้ใหญ่ของมานพสกุลนั่งกันเกลื่อนเต็มเวทีโดยที่มีเจ้าสัวเพชร มานพสกุลเสาหลักรุ่นใหญ่นั่งเป็นองค์ประธานในงาน ตามด้วยคุณหญิงพวงหยก มานพสกุลสตรีหมายเลขหนึ่งซึ่งถึงแม้ตอนนี้จะอายุอานามมากแล้วแต่ก็ยังมีรัศมีออร่าของนางพญาจับอยู่
ผมมองถัดไปก็เห็นอาเจตกับน้าเปียโนก่อนจะปิดท้ายด้วยทายาทรุ่นเล็กอย่างกุญแจซอล ผมยืนมองประเมิณ สถานการณ์จากทางด้านหลังอยู่ไกลๆ กว่าจะเข้าถึงเมียได้นี่ผมต้องผ่านม่านบาเรียกี่จุดวะ..
“เป็นไงบ้างวะ”
และระหว่างที่ผมกำลังยืนเซ็งอยู่นั้นจู่ๆไอ้ฉัตรก็โผล่มายืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้างๆ ตามมาด้วยมิ้นต์ที่ยืนถลึงตาทำท่าจะแดกหัวไอ้ฉัตรอยู่
ฉิบหายย
ผมลืมเรื่องที่โดนมิ้นต์โดยซอลเอาน้ำส้มสาดไปซะสนิทเลย แล้วทำไมมิ้นต์ถึงเดินมาพร้อมกับไอ้ฉัตรได้วะ?
“ไม่เจอกันแค่แปปเดียว มึงดูโง่ขึ้นนะ”
“ห้ะ?” ผมยังไม่ทันได้ขอโทษมิ้นต์ก็เจอไอ้ฉัตรเบรคหัวทิ่มซะก่อน เดี๋ยวนะเห้ยยนี่มันเรื่องอะไรกันวะ?? “นี่มึงพูดเชี่ยไรวะ”
“มิณทร์ เรากลับก่อนนะ!”
มิ้นต์กระแทกเสียงใส่ผมแต่กลับจ้องไอ้ฉัตรตาเขียว เดี๋ยว! ทำไมผมรู้สึกเหมือนมิ้นต์กับไอ้ฉัตรด่าฝากกันไปด่าฝากกันมาวะ
“เฮ้ย มิ้นต์เดี๋ยวดิวะ” ผมอยากขอโทษมิ้นต์เรื่องซอลแต่ก็โดนไอ้ฉัตรเดินมาขวางเอาไว้ “โอ้ยย อะไรของมึงเนี่ยย” ประโยคหลังผมหันไปมุ่ยหน้าใส่ไอ้ฉัตร
“อ่อนว่ะ..”
“ห้ะ??” แม่งยิ่งพูดผมยิ่งไม่เข้าใจ ผมไม่รู้ว่าไอ้ฉัตรต้องการจะสื่ออะไรแต่ที่รู้ๆมันกำลังตีกับมิ้นต์ชัวส์ คือ..ระหว่างที่ผมวิ่งไปง้อเมีย สองคนนี้ไปทำความรู้จักกันตอนไหนและไปทะเลาะกันได้ยังไง นี่เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้วว่ะ
“โดนผู้หญิงตามจับแต่เสือกไม่รู้ตัวแบบนี้ไม่สมกับเป็นมึงเลยว่ะ”
“หาาา??” คราวนี้ไอ้ฉัตรจงใจหันไปมองมิ้นต์แบบกวนๆ เยดเข้~ ผมลากให้มาจีบกันไม่ได้ลากมาให้จะฆ่ากันนะ!
“นี่มึงพูดเหี้ยไรวะ”
“ก็เนี่ย..” ไอ้ฉัตรชี้สายตาไปที่มิ้นต์แล้วไล่มองแต่หัวจรดเท้า “ไม่เรียกอ่อยให้เรียกว่าไงวะ”
“นี่นายย จะปากหมาไปแล้วนะ!!” คราวนี้มิ้นต์เดินมาคั่นอยู่ตรงหน้าผมแล้วยืนจ้องกับไอ้ฉัตรซะเอง แต่ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันลิบและมิ้นต์ก็สูงแค่คางของไอ้ฉัตรมันเลยดูเหมือนเด็กทะเลาะกับผู้ใหญ่ซะงั้น “ไหนพูดอีกทีดิ๊ไอ้หน้าตี๋ นายว่าใครอ่อยห้ะ!”
“มองใครก็หมายความว่าคนนั้น..”
“เฮ้ยย เดี๋ยววว ใจเย็นกันหน่อยดิวะ” ผมพยายามห้ามมิ้นต์กับไอ้ฉัตรที่กำลังเปิดศึกกันย่อมๆกลางงานหมั้นระดับบิ๊ก เห้ยยยย ทำไมจู่ๆจะตีกันวะ
“เราเนี่ยนะอ่อยมิณทร์??” มิ้นต์หันไปตีกับไอ้ฉัตรต่อ
“แล้วที่เกาะแขนอ้อนต่อหน้าเมียไอ้มิณทร์เขาเรียกว่าไรล่ะ?”
“เราไม่ได้ตั้งใจ เราเจ็บขามะ???” มิ้นต์ชี้ลงไปที่เท้าที่โดนรองเท้ากัดซะพรุน แต่ไอ้ฉัตรก็แค่เหล่ตาลงไปมองแล้วแสยะยิ้มเท่านั้น
“อ้างว่ะ”
“ก็มีแต่คนที่คิดชั่วเท่านั้นแหล่ะที่คิดแบบนี้” มิ้นต์ดูโกรธจนน็อตหลุด “ปากหมาอย่างเดียวไม่ได้ต้องใจหมาด้วยนะ”
แรงงงงงงงงงงส์อ่ะ แต่นี่มันกลางงานหมั้นไอ้กรนะใจเย็นๆกันหน่อยทุกโคนน นี่ไอ้ฉัตรกับมิ้นต์ไปโกรธเกลียดกันมาแต่ชาติปางไหนวะ
“ปากหมาก็ดีกว่าพวกคิดไม่ซื่ออย่างเธอป่ะ” โอ้โหววว ไอ้ห่าฉัตรก็พอกัน! แค่เมียงอนก็เครียดพอแล้วนะ นี่เพื่อนสนิทสองคนจะมาตีกันกลางงานหมั้นอีกกกก
“เรากับมิณทร์เป็นแค่เพื่อนกัน”
“เธอคิดจะจับไอ้มิณทร์ก็บอกมาเหอะน่ะ” เยดดดเข้ ไอ้ฉัตรเอาสมมุติฐานอะไรมาคิดเนี่ยยยว่าผมมีซัมติงกับมิ้นต์ เห็นแบบนี้นุ้งมิณทร์รักเดียวใจเดียวนะ!
“เฮ้ย ฉัตร กูกับมิ้นต์เป็นแค่เพื่อนกัน” ผมช่วยมิ้นต์ยืนยันกับไอ้ฉัตรอีกแรง ไอ้ฉัตรเหล่ตามองผมก่อนจะชี้สายตาไปยังกุญแจซอลที่ยืนก้มหน้าทำเหมือนจะร้องไห้อยู่บนเวที
“กูว่าเด็กมึงก็คงไม่คิดแบบนั้นเหมือนกันว่ะ”
ยังไงนะ?
หรือว่า.. นี่เป็นเหตุผลที่ซอลเล่นเล่นสงกรานต์กับมิ้นต์ด้วยน้ำส้ม ผมพยายามประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมด
เหยดดดด ปริศนาทุกอย่างไขกระจ่างแล้วครับ!
แต่ก่อนซอลเคยถามเรื่องมิ้นต์หลายครั้งและซอลก็จะอารมณ์ดีทุกครั้งเวลาที่มิ้นต์ไม่อยู่ หรือจะคิดให้ง่ายๆก็ได้ว่า
ซอลหึงมิ้นต์.. ใช่แน่ๆ ผมว่าต้องใช่แน่ๆว่ะ!!
“มึงจะบอกว่าซอลหึงกูกับมิ้นต์เนี่ยนะ?”
“ใครมองก็ว่ามึงควงแฟนมาป่ะสภาพแบบนี้” คำพูดของไอ้ฉัตรทำให้ผมฉุกคิด “เกาะแขนกันแน่นขนาดนี้ไม่ใช่เมียเลยมั้งง”
เขร้.. กูนี่โง่แท้ว่ะ
เพราะผมไม่เคยคิดอะไรกับมิ้นต์แบบนั้นเลยสักครั้งและมิ้นต์ก็ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นกับผม ผมเลยไม่เคยคิดว่าใครจะมองเราในเรื่องทำนองนี้เลย มิน่าล่ะ..อยู่ๆผมก็ทะเลาะกับซอลแบบไม่มีเหตุผลหลายครั้งตอนอยู่ลำพูน เรามักทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ซอลชอบพูดเหมือนว่าผมมีคนใหม่แต่ซอลก็ไม่เคยปริปากพูดอะไรให้ผมฉุกใจเกี่ยวมิ้นต์เลยสักครั้ง
ผมว่าสิ่งที่เข้าใจยากที่สุดในโลกก็คือหัวใจของผู้หญิงว่ะ
แค่ซอลบอกผมมาคำเดียวว่าหึงผมกับมิ้นต์นะ ผมจะพยายามทำทุกอย่างและจะอธิบายทุกทางเพื่อให้ซอลเข้าใจ ผมจะไม่ปล่อยให้ซอลไม่สบายใจยืดเยื้อแบบนี้ แถวบ้านเรียกเส้นผมบังภูเขาชัดๆ!
“กูยืนยันว่ากูกับมิ้นต์เป็นเพื่อนกัน”
“อันนี้มึงต้องไปบอกกับเมียมึงไม่ใช่มาบอกกู” ไอ้ฉัตรบุ้ยหน้าไปยังกุญแจซอลที่ยืนซึมอยู่บนเวที “ทีเรื่องอื่นน่ะฉลาด ทีเรื่องแบบนี้คิดน้อยสัส”
“มิ้นต์ เราขอโทษแทนซอลด้วยนะ” ผมหันไปยกมือขอโทษมิ้นต์ที่สภาพตอนนี้เละด้วยน้ำส้มเต็มไปหมด มิ้นต์พยักหน้านอยด์ๆอย่างเข้าใจ
“ไม่เป็นไร เราไม่ได้โกรธน้องหรอกแต่เราโกรธคนที่คิดกับเราเลวๆมากกว่าอ่ะ”ประโยคหลังมิ้นต์ปรายตาไปทางไอ้ฉัตร เป๊งง! ยกที่สองเริ่มอีกครั้ง คราวนี้มิ้นต์กับไอ้ฉัตรหันไปยืนจ้องตากันต่อ คือถ้าเป็นปลาหมอคู่นี้มีท้องแล้วนะ
“มิณทร์ นายไปง้อเมียเถอะเราดูแลตัวเองได้ไว้ทำอะไรเสร็จแล้วค่อยโทรมาแล้วกัน”
“ถ้าดูแลตัวเองได้แล้วจะโทรหาไอ้มิณทร์ทำไมล่ะ”
“เห้ยย พูดแบบนี้ชกกันเลยมะ!”
“ดูยังไงก็เรียกร้องความสนใจชัดๆ”
“อะ..ไอ้บ้า นายว่าใครเรียกร้องความสนใจยะ!” มิ้นต์ยืนเท้าเอวแยกเขี้ยวแทบจะน้ำลายฟูมปากใส่ไอ้ฉัตร ได้ข่าววางแผนจับคู่ให้มาจีบกันไม่ใช่ให้มาเท้าเอวด่ากันไฟแล่บแบบเน้ ท่าทางมิ้นต์ตอนนี้เหมือนอยากกระโดดกัดคอไอ้ฉัตร
“ไอ้ฉัตร ยังไงนี่ก็งานหมั้นก้อยกูขอนะ..”
“อืม” ไอ้ฉัตรรับคำผมโดยที่สายตายังปะฉะดะอยู่กับมิ้นต์ “งานมงคลแบบนี้กูไม่ปล่อยให้มีเรื่องอะไรมาทำให้เสียหรอกน่ะ”
“โอเคเด็กๆอย่าเพิ่งตีกันนะ”
พอผมเริ่มเห็นเค้ารางความปรองดองของคนในชาติปั๊ป.. ผมก็รีบแว๊บเดินแทรกผู้คนไปง้อเมียทันที สาเหตุที่เมียงอนก็เพิ่งกระจ่างเมื่อกี้ สาบายเลยว่านุ้งมิณทร์จะรีบกอบกู้กรุงศรีขึ้นมาอีกครั้ง!
(LOADING 100%)
❤
TALK 2
ดูเหมือนคู่นี้จะสร้างมาให้เป็นคู่กัดมากกว่าจะมาจีบกันนะ
ก่อนเขียนเค้าตั้งโจทย์กับตัวเองไว้ค่ะ
ว่าถ้าพระรองจากเรื่องที่แล้วอย่าง "ฉัตร"
ถ้าจะมีความรัก ผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นแบบไหน
โจทย์ที่ตั้งไว้คือต้องต่างจาก "เกี่ยวก้อย" อย่างสิ้นเชิง
เน้นว่าต่างกันเกือบทุกอย่างนะคะ
เลยเป็นที่มาของคาแร็คเตอร์มิ้นต์ค่ะ
เค้าชอบมิ้นต์คนนี้นะ แต่ไม่ชอบมิ้นท์คนโน้น 555+
❤
TALK 1
บางครั้งเราก็ต้องยอมรับว่า บางทีผู้ชายก็ง่าวแบบนี้จริงๆ
คิดน้อยจนเหมือนผู้หญิงอย่างเราคิดเยอะ
พี่ไม่คิดไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะไม่คิดนะคะพรี่~
งานนี้อัญเชิญพี่ฉัตรมากระทุ้งสติค่ะ!
แต่คราวนี้พี่ฉัตรควงกันมากับมิ้นต์นะ เอ๊ะ ยังไง?
งานจับคู่จะสำเร็จหรือไม่ รอดู~
::I AM PLATINUM COMMENT::
ส่วนตัวเค้าชอบความละมุนของพี่มิณทร์อ่ะ
เพราะถึงแม้ซอลจะอาละวาดจัดหนัด
แต่พี่มิณทร์ก็ไม่มีความคิดที่จะโกรธซอลเลยสักนิด
พี่มิณทร์ไม่ได้ดุซอลที่เกเรสาดน้ำส้มใส่มิ้นต์
แต่พี่มิณทร์ดุซอลเพราะซอลไม่ยอมหันหน้ามาคุยกันดีๆต่างหาก
หลงเมียหนักมาก แต่เจือกทำเมียเสียใจหนักมากเพราะความคิดน้อยของตัวเอง
จ๋ม!!
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
คือถ้าเรียงลำดับความละมุน
ถ้าตัดรุ่นบุกเบิกอย่างเจตทิ้งไปแล้ว
เค้าว่าเผลอๆมิณทร์ละมุนกว่ากรอีกนะ
จัด RANK ความละมุนของพระเอกที่เขียนมาจะได้ดังนี้
1.เจต
2.มิณทร์
3.กร
4.แอม
5.พอร์ช
6.บัดดี้
รักส์
ความคิดเห็น