ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    13 Guardians ตอน Pannamarine เสียงเพลงแห่งการเพรียกหา

    ลำดับตอนที่ #2 : บท 1 เงาร่างปริศนา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 54
      0
      12 ธ.ค. 55

     

    บท 1 เงาร่างปริศนา

     

    วันที่ 20เมษายนศ.ผ. 6017

    ประเทศเยอรมัน

    สตุดการ์ด (Stuttgart) เป็นเมืองค่อนข้างใหญ่ แต่เมื่อมองไปรอบๆ กลับแทบจะไม่เห็นตึกสูงเลย การจราจรเบาบาง ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงหัวค่ำของฤดูร้อน ผู้คน รถราที่ที่สัญจรอยู่ตามถนนเรียกได้ว่าแทบไม่มี ร้านรวงสองข้างทางก็เริ่มดับไฟ แสงจากไฟถนนดูหม่นไปเมื่อเทียบกับดวงดาวที่พราวอยู่บนฟากฟ้าไร้เมฆ

    ร่างอวบอัดของสาวน้อยร่างหนึ่งก้าวออกจากตัวบ้านที่อยู่ลึกเข้าไปในสนามหญ้าไร้รั้วล้อม เคลื่อนตัวออกมาถึงถนน ก้มมองนาฬิกาบนข้อมือขวาซึ่งบอกเวลาสองทุ่มก่อนจะเลี้ยวไปทางซ้ายพร้อมกับเร่งฝีเท้า

    เธอก้าวฉับๆ อย่างคนมั่นใจในตัวเองไปตามซอกซอยที่เงียบสงัดอย่างไร้ความระมัดระวัง เป็นเหตุให้เงาร่างที่ซ่อนตัวอยู่ในซอกมืดโผล่ออกมารวดตัวเธอได้ง่ายๆ ยังไม่ทันทีเด็กสาวจะส่งเสียงร้อง มืออีกข้างของคนที่รวบเอวเธออยู่ก็ถูกยกขึ้นปิดปากพร้อมกับออกแรงดึงจนเธอปลิวเข้ามาในซอกเล็กๆ หลังตึกแถวสองแถบที่หันหลังชิดกัน

    “ไว้ค่อยตื่นขึ้นมาที่บ้านตอนเช้าแล้วกัน” เสียงทุ้มๆ เย็นๆ กระซิบเบาๆ ร่างของเด็กสาวที่กำลังดิ้นรนก็หยุดนิ่ง อ่อนปวกเปียกอย่างไร้สติ มือซีดขาวข้างยื่นออกมาจากผ้าคลุมสีดำของคนพูด ปล่อยสารบางอย่างเป็นควันดำคลอบคลุมร่างของเด็กสาวไว้ เมื่อควันดำเหล่านั้นจางไป ร่างของเด็กสาวก็หายไปด้วย

    เงาร่างสีดำปลดผ้าคลุมที่คลุมอยู่ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าออก เผยให้เห็นสาวน้อยร่างอวบอัดคนหนึ่ง  ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา เสื้อผ้าการแต่งตัว และแม้แต่บิ๊กอายส์ที่ใส่ ต่างก็เหมือนกับร่างที่เพิ่งจะสลายหายไปไม่มีผิด เพียงแต่ในมือซ้ายเพิ่มซองสีน้ำตาลขนาดเอ สี่ ซองหนึ่ง

    ร่างนั้นก้าวเท้าออกจากซอกเล็กด้วยท่าเดินที่ถอดแบบมาได้อย่างแนบเนียน เดินตรงเข้าไปในประตูตึกแถวซึ่งภายในเป็นห้องของตึกแถวหลายห้องต่อเชื่อมติดกัน ดัดแปลงเป็นโรงเรียนดนตรีขนาดใหญ่ของอาจารย์สอนไวโอลินชื่อดัง

    ในห้องรับแขกหลักของโรงเรียนดนตรีดังกล่าว กำลังจัดปาร์ตี้วันเกิดให้กับเด็กหนุ่มชาวเอเชียคนหนึ่ง เป็นเด็กหนุ่มที่ได้รับความสนใจจากสาวๆ ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่เป็นวันแรก ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่ได้ต้องการ (เพราะอยากจะซ้อมไวโอลินมากกว่า)

    เขาเป็นคนหน้าตาดี คิ้วหนาสีน้ำตาลเช่นเดียวกับเส้นผมตัดสั้น ดวงตาสองชั้นสีน้ำตาลอ่อนสุกใส จมูกโด่ง และริมฝีปากได้รูปที่มักจะอมยิ้มอยู่ตลอดนั่นก็ทำให้สาวๆ ใจละลายได้ไม่ยาก และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ใครๆ หรือแม้แต่หนุ่มๆ บางคนชื่นชมและชอบเขาก็คือความสามารถที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะของเขาคนนั้น

    บอลคือชื่อของเด็กหนุ่มอัจฉริยะด้านดนตรีคนนี้ เขาเกิดในประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก ตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย และแม้ว่าตอนนี้จะเข้าสู่ยุคโลกาพิวัฒน์ไปแล้ว ตอนเขาไปสวิซเซอร์แลนด์เมื่อปีที่แล้วคนที่นั่นคิดว่าเขากินงูเห่าเป็นอาหารปกติ ตอนไปเยอรมันเมื่อเดือนก่อนพวกเขาคิดว่าบ้านเกิดเขาเป็นประเทศเดียวกับไต้หวัน ส่วนที่ประทับใจที่สุดก็คือตอนไปออสเตรเลียนี่แหละ คนที่นั่นคิดว่าประเทศเขาใช้ช้างเป็นพาหนะแทนรถมาจนถึงสมัยปัจจุบัน

    และแน่นอนว่าประเทศที่ว่านี้ก็คงจะหนีไม่พ้น...ประเทศไทยนั่นเอง

    คำว่าคนไทยสมัยนี้ ไม่ได้แปลว่าไทยแท้ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ และบอลก็เป็นคนหนึ่ง ที่เกิดมามีเลือดไทยเท่าๆ กับที่คนไทยส่วนใหญ่มี และมีเลือดจีนมากเท่าที่คนไทยส่วนใหญ่จะมีเช่นกัน

    สรุปง่ายๆ ก็คือเขาเป็นลูกผสมไทย จีน แต่ที่แปลกก็คือ... บอลเกิดมามีผมสีน้ำตาล ญาติๆ พากันลงความเห็นว่าอาจจะเป็นเพราะเชื้อต่างชาติในตัวเขา ทั้งๆ ที่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าเชื้อต่างชาติในตัวเด็กหนุ่มเพียงชาติเดียวก็คือจีน และคนจีนก็ไม่ได้ผมน้ำตาล

    นั่นเป็นความผิดปกติอย่างเดียวที่ทุกคนสังเกตเห็นได้เพียงแค่มองผ่านๆ โชคดีที่คนส่วนใหญ่จะคิดว่าไปย้อมสีมา แต่ความจริง บอลเกิดมามีความผิดปกติอีกอย่างที่จะรู้กันเฉพาะในกลุ่มคนสนิทเท่านั้น นั่นก็คือ กระดูกหน้าอก (sternum) ของเขาแตกต่างจากคนทั่วไป มันมีกระโดงแหลมขึ้นมาเล็กน้อยจนเพื่อนในกลุ่มล้อเขาว่า “อกไก่” (keel)

    บ้านของบอลค่อนข้างมีฐานะ พ่อเป็นทนายความของบริษัทยักษ์ใหญ่ ส่วนแม่เป็นเซลล์ขายยาและอาหารสัตว์ ทั้งสองอาชีพทำเงินได้ดีพอสมควร ซึ่งบอลก็รู้ดีว่าเขาต้องขอบคุณโชคชะตาที่เป็นไปเช่นนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้เรียนไวโอลิน เครื่องดนตรีที่ใครต่อใครต่างนิยามกันว่า "เครื่องดนตรีของลูกคนรวย"

    บอลเริ่มเรียนไวโอลินตั้งแต่สามขวบ จนตอนนี้ก็อายุสิบเจ็ดเข้าไปแล้ว สามปีมานี้ ทุกปิดเทอมใหญ่เขาจะตระเวนเข้าแคมป์ดนตรีตามประเทศต่างๆ เป็นเหตุให้ได้เข้าใจถึงทัศนคติของชาวต่างชาติต่อคนไทย (เช่นที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น) และได้พัฒนาฝีมือกับครูเก่งๆ หลายคนจนนักไวโอลินฝึกหัดด้วยกันต้องอิจฉา

     

    โดยไม่สนใจอะไรนัก บอลวางซองสีน้ำตาลจากเพื่อนสาวไว้กับกองของขวัญวันเกิดอื่นๆ พร้อมกับกล่าวขอบคุณและพยักหน้าตอบรอยยิ้มเคลิ้บเคลิ้มของอีกฝ่าย ก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนอีกคน ทำให้ไม่ทันได้มองคนที่เพิ่งจะทำ ตาเยิ้ม ใส่เขา เดินออกจากโรงเรียนดนตรีอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันร่ำลา

    เงาร่างปริศนาในร่างเด็กสาวปัดมือตัวเองสองสามทีเป็นนัยว่า ภารกิจเสร็จสิ้น ก่อนจะตลบผ้าคลุมยาวสีดำคลุมร่างพร้อมกับหรุบหมวกฮู๊ดลงปิดหน้า สาวเท้าเดินออกจากหน้าโรงเรียนดนตรี ตรงไปยังสวนสาธารณะที่ปิดแล้ว

    ท่ามกลางแสงสลัวของไฟถนน เงาร่างสีดำสายหนึ่งลอยวูบข้ามรั้วเตี้ยๆ ของสวนสาธารณะ ก่อนจะร่วงผลุบลงบนพื้น ก่อให้เกิดเสียงกรอบแกรบของใบไม้เบาๆ เบามากจนยามเพียงคนเดียวที่นั่งสัปหงกอยู่ในป้อมห่างออกไปไม่รู้สึกตัว เงาร่างนั้นเคลื่อนตัวอย่างเงียบๆ ตรงไปยังมานั่งที่ใกล้ที่สุดก่อนจะทรุดนั่งลง เลิกหมวกฮู๊ดไปทางด้านหลัง

    ใบหน้าของเด็กสาวชาวเยอรมันหายไปแล้ว เหลือเพียงใบหน้าของชายหนุ่มผมดำสนิท ผิวซีดผู้หนึ่งแทนที่ เจ้าของใบหน้านั้นล้วงมือเข้าไปใต้ผ้าคลุมสีดำของตน แล้วดึงเอากระดาษโน๊ตสีขาวแผ่นเล็กและปากกาขนนกออกมา

    หลังจากขีดเขียนบางอย่างขยุกขยิกอยู่สักพัก ชายหนุ่มผิวซีดก็ตวัดปลายปากกาเซ็นต์ชื่อเป็นการปิดท้าย ด้วยถ้อยสั้นๆ เพียงพยางค์เดียว... เชด

    ปากกาขนนกสีขาวดูมีมนต์ขลังถูกม้วนเก็บเข้าไปในมือของเชด และเมื่อเขาแบมือออกอีกครั้ง ปากกาด้ามนั้นก็ห้ามไปอย่างไร้ร่องรอย ชายหนุ่มยกมือข้างที่เคยกำปากกาขึ้นโบกไปมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับพึมพำบางอย่างยาวเหยียด ทันใด กระแสลมโดยรอบพลันถูกกระชากเข้ามาหามือนั้นก่อนจะเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว กลายเป็นช่องโพลงสีดำที่มีปลายทางอยู่ที่อีกมิติหนึ่ง

    เชดโยนกระดาษโน๊ตในมืออีกข้างเข้าไปในหลุมดำกลางอากาศ มองมันถูกม้วนหายลับไปอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ รอคอย

    ไม่ถึงนาทีถัดมา กระดาษแผ่นหนึ่งก็ปลิวออกมาจากหลุมดำนั้น ที่แปลกออกไปก็คือ กระดาษแผ่นนั้นเป็นสีเหลืองอ่อน เชดเอื้อมมือคว้ามันไว้ ไม่ปล่อยให้มันตกลงพื้นตกถึงพื้น

    โพรงสีดำกลางอากาศหายไปพร้อมกับการโบกมือของเชด เขาคลี่กระดาษสีเหลืองอ่อนในมือออกอ่าน

    ...ภารกิจเสร็จสิ้น สัญญาหกพันปียุติ นายเป็นอิสระแล้ว...

    ลงนาม... ทาเรดิเอเฟโอน่า เงาราตรี ตัวแทนผู้พิทักษ์ทั้งสิบสาม

    ปล. ทำไมไม่กลับมาให้เห็นหน้าบ้างเลย แค่ส่งจดหมายมาแค่นี้ใช้ได้ที่ไหน...

    “ก็ใครจะอยากกลับไปพบท่านล่ะครับ ท่านเร เล่นชอบจ้องข้าซะขนาดนั้นนี่” เชดพึมพำพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ มือเรียวสวยแต่ซีดเผือดพับกระดาษสีเหลืองแผ่นนั้นสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อพร้อมกับยืนขึ้นและเมื่อเหลียวมองรอบๆ จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครเห็น ร่างของชายหนุ่มผิวซีดนั้นก็สลายกลายเป็นควันสีดำจางๆ ก่อนจะถูกลมพัดจนฟุ้งกระจาย หายลับอย่างไร้ร่องรอย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×