คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ◆ how to 17: happy that you're back to be the same
เจย์ลิน : อาร์ตี้ : น้องเก่ง
JAYLYN.
< ตี้ๆ มาหาเจย์หน่อย เจอกันที่อมรินทร์น้า <3
นี่คือข้อความที่เจย์ลินส่งมาหาผมตอนพักกลางวัน มันก็เป็นปกติอยู่แล้ว ว่ายังไงเราก็ต้องเจอกันทุกวันหลังเลิกเรียน หลังจากผมหมดภาระในการรับผิดชอบกีฬาสีอะไรทั้งหลายแหล่ ตอนนี้ก็เหลือแค่งานที่มีโรงเรียนสอนดนตรีมาเป็นสปอร์นเซอร์จัดคอนเสิร์ตในโรงเรียน แต่ก็อีกนานเลยกว่าจะถึง
ระหว่างที่ผมนั่งร่างแบบห้องนอน ที่พี่ต้อม(พี่สุดโหดที่สอนวาดรูป)สั่งไว้ว่าต้องส่งพรุ่งนี้เย็นอยู่เท่านั้น ห้ามช้า ห้ามเลท ไม่งั้นตาย ตายจริงๆครับถ้าไม่ส่ง และแล้วผมก็เห็น อุ้งเท้าของตัวอะไรซักอย่างเดินขึ้นมาบนงานผม
น้องอาลิน
“ เหี้ยยยยยย ” ผมตกใจอุทานออกมาเสียงดัง โดยไม่ลืมจะลากงานอันสวยงามของผมออกมาด้วย
“ ไม่ใช่เหี้ย กระต่ายต่างหาก ” เจย์ลินทำแก้มป่องอย่างงอนๆ เมื่อผมอุทานเรียกเจ้ากระต่ายตัวนี้เป็นสัตว์เงินๆทองๆอย่างอื่นไป
“ อ้าว ของเจย์หรอ ตี้ก็ตกใจหมด นึกว่าตัวอะไร ” ผมเกาหัวแก้เก้อ โห่ จะไม่ให้ตกใจได้ไงละครับ อยู่ดีก็มีตัวอะไรไม่รู้มาเดินบทงานที่ผมวาดเสร็จแล้วและต้องส่งพรุ่งนี้
“ ไม่ใช่ของเจย์ แต่เป็นของเราต่างหาก นี่น้องอาลิน ลูกเรา น่ารักไหมม ” เจย์ลินคว้าเจ้าขนปุยที่เธอบอกว่าเป็นลูกของเราขึ้นมากอดอย่างแสนรัก นี่ผมเป็นกระต่ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“ อ่าห๊ะ น่ารักครับ น่ารัก ” ผมตอบเรียบๆ ก็ไม่รู้จะดีใจอะไร ผมอ่ะรักสัตว์นะ แต่แพ้ขนสัตว์เท่านั้นเอง
“ ตี้ทำหน้าเหมือนไม่อยากได้ ” เจย์ลินงอน จนผมต้องรับเจ้าขนปุยมาจากมือเธอ แล้วมันก็พยศผมทันที ด้วยความที่กระต่ายเป็นสัตว์ตกใจง่าย มันเลยกางเล็บข่วนผมซะแขนเป็นรอยเลือดซิบไปหมด อ่าว ไหนว่าลูกกูไง ทำไมทำกะพ่อแบบนี้ล่ะ
“ ว๊าย อาลินทำไมทำคุณพ่อแบบนี้ล่ะ โอยตี้เจ็บไหมเนี่ย ” เจย์ลินรีบมาอุ้มเจ้าตัวดีออกไป ก่อนจะวางมันไว้ในตะกร้าแล้วมาดูแผลที่แขนผม ไม่เจ็บก็แย่ละครับ
“ เดี๋ยวเจย์ล้างให้นะ ” ว่าแล้วเธอก็ล้วงขวดน้ำแร่เอเวียงในกระเป๋ามาเทใส่แขนผมเพื่อล้างรอยเลือดซิบให้ออกไปก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูประดับลูกไม้ - - (ชมพูอย่างเดียวก็ไม่โอเคแล้ว) มาเช็ดตรงแผลให้
“ ขอโทษนะตี้ เจย์ลืมไปว่ากระต่ายมันขี้ตื่นอ่ะ ” เจย์ลินพูดอย่างหงอยๆ ส่วนไอ้ตัวปัญหาก็เอาขาหน้าเกาะขอบตะกร้าโผล่ขึ้นมาฟัง เดี๋ยวเหอะมึง จับลาบกินแม่งงง
“ ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ช่วนเจย์ก็ดีแล้ว ” ผมยิ้มเพื่อให้เจย์คลายความกังวล แล้วก็รู้สึกได้ว่า ไม่น่าพูดประโยคนี้มาเลย
“ งั้นเจย์ให้น้องอาลินไปอยู่กะตี้นะ มันจะได้ชิน ” เจย์ลินพูดออกมาทำเอาผมแทบหงายหลัง อยู่กะไอ้ตัวนี้เนี่ยนะ เหมือนอยู่เจย์ลินเวอร์ชั่นโหดเลยอ่ะ ตายละ จะเอาไปให้ใครเลี้ยงให้ดี ต้องเป็นผู้หญิง ไอ่กิ๊ฟก็ไม่ได้ ขืนกิ๊ฟรู้ว่านี่เป็นกระต่ายของเจย์ เธอคงได้เอาลูกผมไปทำแพนงแบบไม่ต้องสงสัย
เราพากันเดินเล่นจากสกายวอร์คชิดลมไปสยาม ต่อด้วยมาบุญครอง แล้วก็เดินกลับมาพารากอนอีกรอบ เพื่อพาเจย์ลินไปหาของกิน ทีแรกบอกว่าอยากกินชีสเค้กของ mandarin oriental แล้ว เจย์ก็บอกว่า ไม่กินดีกว่า อ้วน แถมคุณแฟนที่น่ารักของผมยังถามคำถามโลกแตกอีกว่า ตอนนี้เธออ้วนอยู่รึเปล่า ผมเลยเฉไฉประเด็นชวนเธอไปเลือกเสื้อเชิ๊ตตัวใหม่ให้หน่อย เพราะไอ้คำถามเมื่อกี้ ขืนตอบไม่เหมือนที่เธออยากได้ยินมีหวังตายแบบไม่เหลือศพไว้เผาเลยทีเดียว
“ แต่เจย์ว่ามันก็สวยดีนะตี้ ไม่เห็นสั้นเลยยย ” แฟนคนสวยของผมงอแง หลังจากทำสงครามกันไปแล้วที่ร้านเสื้อผ้าผู้หญิงร้านนึงในสยามเซ็นเตอร์ โห่ จะไม่ให้ห้ามได้ไงครับ กางเกงขาสั้นบ้าบออะไร ยาวลงมาจากเป้าแค่คืบเดียว
“ มันสั้นครับเจย์ ” ผมพูดเสียงเย็น เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้ หวงแฟนครับ จะมาให้ใครเห็นขาอ่อนพร่ำเพื่อไม่ได้
“ โห่ ตี้อ้ะ ” เจย์ลินงอแง แต่ก็เดินตามผมออกจากร้านมาโดยดี เราเดินมาจนถึงzone ของพวก pop-up store ที่มีเสื้อผ้าฝีมือดีไซน์เนอร์ไทยเต็มไปหมด เอาจริงๆแล้ว ผมว่าดีไซน์เนอร์ไทยมีความสามารถไม่น้อยกว่าพวกชาติต่างชาติเลยจริงๆ
หลังจากผมได้เสื้อเชิ๊ตมาแบบงงๆโดยไม่ตั้งใจแล้ว เจย์ลินก็ลากผมไปดูหมวกปานามาจากร้านสินค้านำเข้าที่ฝั่งสยาม แทบไม่อยากเสื้อว่าเจย์ลินจะยอมเสียเงิน 3500 เพื่อซื้อเจ้าหมวกปานามาที่ดูแล้วไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยถ้าเทียบกับราคามัน
“ ตี้ เจย์ไม่ได้ฟุ่มเฟือยนะ ก็ซื้อมารอใส่ตอนไปทะเลกะตี้ไง แถมตอนนี้กลางวันแดดร้อนมากด้วย เจย์โดนแดดมากต้องดำแน่ๆเลย ตี้อยากมีแฟนดำรึไงเล่า ” นี่คือคำแก้ตัวหลังจากเราเดินออกมาจากร้าน
“ ดำไม่ดำก็รักครับ ” ผมตอบยิ้มๆ ถึงจะโกรธที่เธอใช้เงินฟุ่มเฟือยก็เหอะ
“ น้องอาลินนนน ” เจย์ลินว่าก่อนจะล้วงลงมาในตะกร้ากระต่ายที่ผมถืออยู่ เมื่อเจ้าตัวเล็กนี่มันขุดตะกร้าเสียงดังกุกกักๆอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่เธอจะชักมือกลับออกมา แล้วยกนาฬิกาข้อมือเรือนสีทองบนข้อมือเรียวนั่นดู
“ โห จะสองทุ่มแล้วหรอเนี่ย วันนี้คุณแม่อยู่บ้านด้วย ตี้ไปส่งเจย์ที่บีทีเอสหน่อยสิคะ ” ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปส่งเจย์ลินที่บีทีเอส อากาศก็ร้อนซะจนเราเหงื่อแตกทั้งคู่ และทำเอาผมเหงื่อแตกกว่าเดิมเมื่อก่อนเข้าตรงที่แสกนบัตร เจอกู๊ดไนท์คิสล่วงหน้าจากเจย์ลิน
ผมยืนถือตะกร้าและไอ้สิ่งที่อยู่ในตะกร้ายืนอยู่ตรงหน้าประตูเชื่อเข้าสยามเซน จะสองทุ่มแล้ว แต่รู้สึกว่ายังไม่อยากกลับบ้านเท่าไหร่ แถมป่านนี้เพื่อนๆผมก็แยกทิศทางกันไปหมดแล้ว เอาว่ะ เดินเล่นคนเดียวซะหน่อยเป็นไร
จุดที่ผมชอบมาเดินอยู่มากที่สุดก็คือโซนเครื่องเขียน แม้เครื่องเขียนที่นี่จะไม่ได้ถูกเลย แต่มันก็มีของหลายอย่างให้เลือก แถมเป็นพื้นที่ที่เหมาะกะการค่าเวลามาก และการเรียนศิลปะก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกโอเคกะโซนนี้มากเป็นพิเศษด้วย
“ กิ๊ฟ ” ผมเรียกเด็กผู้หญิงคนนึงที่กำลังเลือกดูกระดานรองเขียนรูปอยู่ ผมจำได้ว่าเป็นเธอแม้จะมองเห็นจากด้านหลัง
“ อ้าวตี้ มาทำอะไรเนี่ย ” กิ๊ฟยิ้มให้แล้วเดินเข้ามาทักผม
“ มาเดินเล่นอ่ะดิ แล้วมึงอ่ะ มาทำอะไร ” ผมถามกลับ
“ มาซื้อบอร์ด อันเก่ากูปาทิ้งไปละ วันนั้นดรออิ้งละมันดันไปตกร่องตรงรอยแหว่ง รูปเสียเลยโมโห ทิ้งเลย อิอิ ” กิ๊ฟตอบ มันเป็นคนใจร้อนแบบนี้แหละครับ ผู้หญิงโรงเรียนนี้เป็นแบบนี้ทุกคนรึเปล่าน้อ
“ แล้วมึงเป็นไงบ้าง ” ผู้หญิงข้างๆเอ่ยถามผมระหว่างมันเดินไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์ คำว่าเป็นไง ของมันตีความได้กว้างมาก เพราะหลังจากวันนั้นที่กิ๊ฟทะเลาะกะเจย์ลินวันนั้น กิ๊ฟแทบไม่คุยกะผมอีกเลย
“ ก็ดี สบายดี งานห้องนอนกะห้องรับแขกกูเสร็จละนะ มึงอ่ะเสร็จยัง เดี๋ยวพี่ต้อมก็ฆ่าตายกันพอดีถ้าไม่เสร็จ ” ผมเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่ออยากให้บรรยากาศตึงเครียดลดลง
“ เสร็จแล้วย่ะ ล้างตารอดูพรุ่งนี้ได้เลย ” กิ๊ฟหันมาตอบผมด้วยสีหน้าภูมิใจสุดๆ และการยักคิ้วสุดกวนตีนของมัน ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเขกหัวมันไปทีนึง
“ สาวเยอะดีหนิพี่ ไหนว่ารักแฟนมากไง ” เสียงกวนๆดังขึ้นเมื่อผมส่งไอ้กิ๊ฟขึ้นบีทีเอสกลับบ้านไปแล้ว ทีแรกมันชวนผมดูหนังรอบดึก แต่ผมบังคับมันกลับบ้าน ด้วยเหตุผลสุดสุภาพชนว่าเป็นผู้หญิงกลับดึกไม่ดี อันตราย
“ ทำไมล่ะ มึงจะขอแบ่งกูหรอ ” ผมหันไปตอบไอ้เก่ง
“ เปล๊า ผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้วแหละ ” มันพูดเสียงนิ่ง
“ แล้วมึงมาทำไรเนี่ย ยังไม่กลับบ้านอีกไง ” ผมเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุย แอบดีใจอยู่ไม่น้อยที่ในที่สุดมันก็ยอมคุยกับผม หลังจากทำเหมือนผมเป็นอากาศมาได้เป็นอาทิตย์
“ ถ้ากลับแล้วจะยืนอยู่ตรงนี้ป่ะล่ะ แล้วพี่อ่ะ รอกิ๊กคนที่สามอยู่รึไง ” อ่าว พอดีด้วยละเอาใหญ่ เดี๋ยวมึงโดน
“ กิ๊กพ่อง กูมีแฟนคนเดียว เมื่อกี้อ่ะเพื่อนกู ทีแรกกูก็ว่าจะยังไม่กลับ แต่พอเจอมึงกูว่ากูกลับดีกว่า ” ผมกวนมันคืน รู้สึกผิดอยู่นิดๆเมื่อเห็นหน้าทะเล้นของมันสลดลงไป
“ เออ งั้นพี่กลับเหอะ บาย ” มันโบกมือให้ผมก่อนจะเดินคอตกออกไป
“ เห้ย กูพูดเล่น ” ทำไมผมต้องง้อมันวะ ชีวิตผมมีมันมาสร้างสีสันตลอด เวลามันตึงหรือหายไปผมก็เหงาเหมือนกันนะยอมรับ ไอ้เด็กลูกลิงหันมายิ้ม รู้สึกเสียฟอร์มแบบบอกไม่ถูกแฮะ
“ แต่กลับเหอะพี่ ดึกแล้ว เดี๋ยวผมไปส่ง วันนี้เอารถมา ” ผมพยักหน้ารับ เอาจริงๆก็ง่วงแล้วเหมือนกันอ่ะ แถมหนักไอ้กระต่ายบ้านี่ชิบ ผมหาเหตุผลว่าทำไมไอ้เก่งถึงได้ดีและเป็นห่วงผมนัก ทั้งๆที่ผมพูดจาไม่แคร์มัน ชอบพูดแรงๆใส่ หรือบางทีก็ด่าไปโดยไม่คิดต่อว่ามันจะรู้สึกยังไง แต่เด็กคนนี้ไม่เคยโกรธ หรือต่อปากต่อคำกับผมจริงๆจังแม้แต่ครั้งเดียว
“ ถุงไรอ่ะพี่ตี้ มา เดี๋ยวช่วยถือ ” มันไม่รอให้ผมตอบตกลงแต่คว้าถุงใส่ตะกร้ากระต่ายไปถือไว้เองเลย
“ เห้ย กระต่ายยย ” ไอ้เก่งร้องเสียงหลงเมื่อมันชะโงกหน้าเข้าไปดูในถุงก่อนจะควักไอ้ตัวป่วนขึ้นมา ผมกำลังจะอ้าปากห้ามเพราะเดี๋ยวพ่อลูกน้อยของผมจะประทุษร้ายไอ้เก่งเข้า แต่ผิดคาดครับ มันนิ่งสนิทแถมทำจมูกฟุดฟิดใส่ไอ้เก่งอีกต่างหาก
“ น่ารักว่ะพี่ เอามาจากไหนเนี่ย ” ไอ้เก่งว่าพลางก้มลมเอาจมูกมันไปถูกะจมูกกระต่าย น่ารักมากเลยดิสัด
“ เจย์ให้ ” ผมตอบ
“ หรอ ” มันพูดเบาๆเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า ระหว่างทางเดินจากบีทีเอสไปจนถึงลานจอดรถสยามกิตติ์ เจ้าตัวป่วนนอนอยู่ในอ้อมแขนไอ้เก่งนิ่งไม่ก่อปัญหาเลยครับ นี่กระต่ายมันเกลียดอะไรผมรึเปล่าเนี่ย
“ สงสัยมันคงชอบมึง เมื่อกี้กูแตะนิดเดียวมันข่วนแขนกูชิบหายหมดเลยดูดิ ” ผมเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนจะยื่นแขนที่มีรอยเล็บกระต่ายเต็มไปหมดให้เก่งดู
“ เชี่ยยยย พี่เป็นเสือป่ะเนี่ย มันได้กลิ่นถึงข่วนขนาดนี้ ” ไอ้เก่งตาโต ก่อนจะจับเจ้าอาลินไว้หลังรถแล้วหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาจากใต้เบาะ
“ ไม่รู้ว่ะ มันคงกลัวกูมั้ง ” ผมตอบระหว่างที่ไอ้ลูกลิงเอาสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดแผลให้ มันมือเบาเหลือเชื่อแฮะ
“ อย่าว่าแต่กระต่าย ผมยังกลัว อ่ะ เสร็จแล้ว ” ล้างแผลเสร็จมันก็ไม่วายกวนประสาทผม
“ แล้วมึงเป็นไรเนี่ย หลายวันมานี้ไม่พูดไม่จา อกหักรึไง ” ผมเป็นคนพูดทำลายความเงียบระหว่างทางที่ไอ้เก่งขับรถมันไปส่งผม
“ คงงั้นมั้งพี่ ชอบคนที่มีเจ้าของแล้วก็งี้แหละ ทำยังไงเค้าก็ไม่รัก เหี้ยกว่าคือเค้ารำคาญด้วยไง หึหึ ” ไอ้เก่งตอบ ก่อนจะแค่นหัวเราะหึหึออกมา
“ เห้ยเอาน่า เดี๋ยวมึงก็เจอคนใหม่ หน้าด้านแบบนี้หาไม่ยากหรอก ” ผมไม่รู้จะหาคำปลอบใจอะไรให้มัน เลยพูดคำนี้ไป เริ่มไม่แน่ใจนี่ผมปลอบน้องมัน หรือซ้ำเดิมก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ หาคนใหม่มันไม่ยาก แต่ไม่ได้อยากได้คนใหม่อ่ะดิ อยากได้คนนี้ ” มันพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้เศร้าน้อยไปกว่าเดิม
“ ความรักมันก็เป็นงี้แหละมึง ไม่แน่นะ รอๆเค้าไปเผื่อวันนึงเค้าเลิกกัน มึงอาจจะได้แดกก็ได้ ” ผมหันไปยิ้มให้ก่อนตบไหล่มันเขาทีนึง ซึ่งผมก็สบายใจขึ้นเมื่อเห็นหน้าทะเล้นนั่นส่งยิ้มกลับมา อย่างงี้สิวะถึงสมเป็นไอ้เก่ง
“ หอกๆๆๆๆ ” ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ดีๆก็มีอุ้มเท้าของตัวอะไรไม่รู้ ปีนขึ้นมาบนแขนผมที่วางอยู่บนพนักวางแขน
“ สงสัยเจ้าหนูอยู่คนเดียวเหงา อยากออกมามีส่วนร่วม ” ไอ้เก่งพูดติดตลก เมื่อหันมาเห็นไอ้กระต่ายน้อยลูกชายผมปีนขึ้นมาก่อนจะตะกายๆลงมานั่งตรงตักผมพอดี
“ หรออออ เมื่อกี้แม่งข่วนกูซะเลือดซิบ ไม่อยากจับเลยอ่ะ อีกอย่างกลัวแม่งตกใจตาย ถ้ามันตายกูคงได้ตายตามมันไปอ่ะ ” ผมว่า ถึงปากจะบอกว่าไม่อยากได้แต่ก็อดเอามือไปลูบหัวเล็กๆนั่นไม่ได้อยู่ดี
“ บ้าพี่ก็พูดไปนั่น เลี้ยงกระต่ายยากก็จริง แต่มันก็มีทริค พี่ต้องเลี้ยงเหมือนเลี้ยงลูกอ่ะ เพราะเค้าเป็นสัตว์ที่ต้องการความใจใจมากๆ ห้ามดุด้วยนะ ถ้าดุมันจะกลัว ” ไอ้เก่งอธิบาย แทบไม่เชื่อหูว่านี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากไอ้ลูกลิงที่ดูท่าทางมันแล้วไม่น่าจะสนใจเรื่องเล็กๆแบบนี้
“ เห็นกูมีเวลามากเลยดิ ” ผมบ่น ขนาดตัวเองยังจะเอาไม่รอด แล้วให้มาดูสัตว์ที่ต้องระเอียดอ่อนขนาดนี้เนี่ยนะ เจย์ลินคิดได้ไง
“ อันนี้ผมว่าพี่ต้องไปถามคนให้นะ ” มันพูดยิ้มๆ ก่อนจะจอดอย่างนุ่มนวลที่หน้าบ้านผม
“ ขอบใจมากนะที่มาส่งกู กลับดีๆล่ะ ” ผมพูดขณะกำลังปลดเข็มขัดนิรภัยและคว้าตะกร้ากระต่ายเพื่อเดินเข้าบ้าน
“ พี่ตี้ ” เสียงทะเล้นนั่นเรียกผมไว้ ทำให้ผมหันไปมองมันเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรอ
“ ฝันดีนะพี่ ” มันยิ้มให้ก่อนจะเคลื่อนรถออกไป ไม่รู้ผมคิดไปเองหรืออะไร แต่ผมไม่อยากเชื่อเลยว่ารู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในอกซ้ายมันเต้นเร็วแปลกๆแบบบอกไม่ถูกกับการราตรีสวัสดิ์ของมัน
TBC.
น้องคิม : ไม่มีใครคิดถึงพวกผมกันบ้างเลยหร๊อ :(
ความคิดเห็น