ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #24 : เฒ่าเก็บของป่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.81K
      71
      2 ต.ค. 60


         "ไอ้โชค! ตื่นได้แล้วโว้ยจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนกันหา!"

         พี่ชายตัวแสบถือวิสาสะเดินเข้าห้องนอนผมเพื่อมาปลุกให้ไปช่วยงานอีกแล้ว  ผมขานรับแบบหงอย ๆ ก่อนจะกลิ้งตัวนอนต่อแบบไม่สนใจโลก  กระทั่งแม่ต้องเดินเอาตะหลิวมาเคาะหัวเพื่อเรียกสติกลับเข้าร่าง  เลยต้องสะดุ้งตื่นมาร้องจ๊ากเสียงดังลั่นบ้าน  พี่ชายยืนส่ายหัวนิดนึงก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง

         "สมน้ำหน้า! วันหน้าวันหลังก็หัดตื่นเช้ามาช่วยงานชาวบ้านกันบ้างนะ  ไม่ได้ไปเรียนแล้วยังมาขี้เกียจอีก"

         โธ่วันอาทิตย์ทั้งทีก็อยากนอนตื่นสายบ้างไรบ้างนี่หว่า  แล้วงานของพี่ชายเนี่ยก็โคตรน่าเบื่อเลย  มีแต่ถูพื้นล้างห้องน้ำช่วยเช็ดจานชามก่อนเปิดร้าน  ค่าจ้างก็ไม่มีให้ได้แต่กับข้าวที่เหลือจากในครัว  แบบนี้ไปโรงเรียนยังสนุกกว่าอีกบอกตามตรง

         "แกเองปีนี้ก็สิบเจ็ดแล้วนะ  อย่ามัวแต่กินเที่ยวเล่นไปวัน ๆ หัดคิดถึงอนาคตซะบ้าง  ถ้าไม่ช่วยพี่ชายทำร้านอาหารก็ไปหาลู่ทางของตัวเองได้แล้ว!"

         แล้วแม่ก็เริ่มต้นร่ายมหากาพย์อีกล่ะ  มีเอาผมไปเปรียบเทียบกับลูกชายบ้านนู้นบ้านนี้  เปรียบกับพี่ชายตัวเอง  เปรียบกับญาติ ๆ ที่เขาได้ดิบได้ดี  พูดเหมือนกับว่าชาตินี้ผมคงจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างแน่ ๆ ถ้าไม่รีบตื่นมาช่วยงานพี่ชายตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย เฮ้ออ...

         "รู้แล้วน่าแม่!  ผมก็มีคิดของผมไว้เหมือนกันล่ะน่า!"

         "ไหน? แกคิดจะทำอะไรลองอธิบายให้แม่ฟังหน่อยซิ?"

         สุดท้ายก็มาจบตรงนี้  ก่อนหน้านั้นไอ้เราก็พล่ามอธิบายว่าอยากจะเปิดร้านกาแฟ  ก่อนหน้านั้นอีกก็เคยสาธยายเรื่องขายส่งสินค้ามือสอง  เก่ากว่านั้นก็เรื่องอะไรนะ? อ้อ! เปิดร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่  และทุกครั้งผู้เป็นแม่ก็จะสรรหาสารพัดเหตุผลมาขัดขวางว่ามึงไม่มีทางทำขึ้นหรอก  มึงไม่มีเงินทุน  มึงไม่มีประสบการณ์  มึงไม่มีนั่น มึงไม่มีนี่ บลา ๆ  เอาง่าย ๆ แกปักธงไว้ในใจเรียบร้อยแล้วว่าตรูจะต้องล้มเหลวกับชีวิตแน่นอน  ไม่มีอนาคตหรือตัวเลือกอื่นใดอีก  เพราะฉะนั้นคำถามนี้มีไว้เพื่อเก็บมาเยาะเย้ยถางถางผมเท่านั้นแหละ  ในเมื่อใจจริงไม่ได้อยากรู้ความคิดจินตนาการของทางนี้ตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ...


    @@@@@@@@@@@@


         "โอย  ปวดหัวจัง..."

         ผมลุกขึ้นสะบัดหัวเพื่อคลายอาการงัวเงียหลังงีบหลับไป  ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเมื่อคืนแอบปีนขึ้นมานอนบนยอดไม้ในป่าละเมาะบนเนินเขาแถบชานเมือง  เจ้าพวกสำนักมังกรทองตามล่าตัวผมแทบพลิกแผ่นดินแต่คงนึกไม่ถึงว่าจะหนีมาถึงในป่านี้แน่ ๆ

         "เอ้าพ่อหนุ่มขึ้นไปทำอะไรบนนั้น!"

         เสียงเรียกจากตาแก่หลังโกงที่ด้านล่าง  ดูจากลักษณะท่าทางแล้วแกคงเป็นพวกเก็บของป่าขายแน่ ๆ  ถ้าในหนังหรือนิยายต้องระวังไว้ให้ดีเพราะอาชีพพวกนี้สงวนไว้ให้ยอดฝีมือมาเก็บตัวหลีกหนีความวุ่นวายในยุทธภพมาอยู่เงียบ ๆ ปลีกวิเวก  แต่ดูยังไงตาแก่นี่ก็ไม่น่าจะใช่  โหงวเฮงมันบอกว่าเป็นคนชราธรรมดา ๆ นี่แหละ

         "เอ่อ... ข้าหลงป่าน่ะพ่อเฒ่า  เดินเวียนในป่าทั้งคืนยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย"

         ผมเริ่มคุ้นเคยกับการสนทนาแบบจีน ๆ โบราณขึ้นมาบ้างแล้ว  เลยพูดสำเนียงคนปกติได้อย่างไม่ขัดเขิน  ที่น่าแปลกคือนอกจากความทรงจำของชาติก่อนยังมีเรื่องภาษาจีนนี่อีกที่ผมเชี่ยวชาญไม่แพ้มืออาชีพทางด้านนี้เลย  ไม่รู้ว่ายัยอาธีน่านั่นเสกอะไรให้ผมเป็นพิเศษหรือเปล่า?  แต่จะว่าไปยัยนั่นบอกให้ผมมาเกิดเป็นหมาไม่ใช่เรอะ! 

         "อ้าวงั้นหรือ... งั้นมาแวะที่บ้านข้าก่อนก็ได้เดี๋ยวจะบอกทางลงเขาให้นะ"

         ตาแก่ยิ้มยิงฟันครบทุกซี่  และจัดแจงเดินนำทางผมไปยังกระท่อมหลังเล็ก ๆ ภายในป่า  แกปลดสายรั้งที่ผูกตะกร้าใบใหญ่ไว้บนหลังเพื่อเอาสัมภาระลงวางบนพื้น  ในนั้นมีทั้งพืชสมุนไพรและเห็ดแปลก ๆ หลายชนิด  มีซากกระดูกสัตว์ที่ตายและเศษชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่ดูไม่ออกว่าเป็นอะไรอีกจำนวนหนึ่ง  ท่าทางดีใจเพราะวันนี้เก็บของได้เยอะเลยเชียว  ตาแก่คุยฟุ้งว่าเดี๋ยวจะแบกของไปขายในเมืองพร้อมกับนำทางผมไปส่งถึงที่ด้วย

         "พ่อหนุ่มรอตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวข้าเอาข้าวต้มร้อน ๆ มาให้  วันก่อนเจ้าพวกพรรคมารเล่นถางป่าที่ฟากกระโน้นเสียราบไปทั้งแถบ  เลยทำให้พวกสัตว์ป่าหนีมาทางนี้หมด  ข้าเลยได้อานิสงค์ไปด้วยเลยฮี่ ๆ" 

         ในกระท่อมตาแก่มีซากสัตว์ที่ตายแล้วแขวนอยู่ตามผนังเต็มไปหมด  ส่วนมากเป็นกระต่ายไม่ก็งูดินหรือนก  เลยทำให้เหม็นฉุนแปลก ๆ พอได้ยินาแก่พูดถึงพวกเทียนซานทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าเจ้าหมาบ้านั่นจะเป็นยังไงบ้างนะ?  แต่ช่างเถอะเพราะมันแท้ ๆ เลยทำให้ผมเจอเรื่องซวยไม่รู้จักหยุดจักหย่อน 

         "เอ้านี่รีบกินตอนที่ยังร้อน ๆ นะ"

         ตาแก่ใจดีตักข้าวต้มให้ผมเต็มชาม  เสิร์ฟพร้อมด้วยขากระต่ายย่างที่เย็นชืดเพราะน่าจะทำทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อน  แต่ด้วยความหิวผมก็จัดการสวาปามโดยไม่บ่นสักคำ  หลังจากซัดของบนโต๊ะอาหารจนหมดแล้วก็กล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจของแก 

         "ไม่ต้องขอบอกขอบใจอะไรนักหรอก  ไปขอบคุณเจ้าพวกเทียนซานโน่นเพราะมันช่วยถางพื้นที่จนราบ  ทำให้ข้าเก็บของป่าได้เยอะเลยทีเดียว  นี่ไงดูสิ..."

         แกชี้ไปทางซากสัตว์ที่แขวนห้อยไว้ข้างกำแพง  เจ้าพวกนั้นคงจะถางป่าเพื่อจัดเตรียมพิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณในครั้งต่อไปแน่ ๆ ที่สำคัญไหนว่าต้องไปจัดพิธีบนยอดเขาสูงไม่ใช่รึ?  แล้วทำไมถึงเปลี่ยนมาจัดบนเนินเขาเตี้ย ๆ แบบนี้กันล่ะ  แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่ดีล่ะนะเพราะเมื่อหนีมาได้แล้วก็จะหนีไปให้สุดหล้าฟ้าเขียวเลยคอยดูสิ  จะได้ไม่ต้องเจอพิธีย้ายวิญญาณไปอยู่ในร่างน้องหมาน่าอนาถนั่น

         "จะว่าไปผู้เฒ่าไม่นึกรังเกียจหรือเกรงกลัวพวกมารเลยหรือ?"

         ผมเอ่ยถาม  เพราะก่อนหน้านี้รู้สึกว่าชุดความคิดของคนทั่วไปจะต้องรังเกียจรำคาญพวกเทียนซานและยกย่องเชิดชูพวกห้าสำนักใหญ่นี่นะ?  ตาแก่ได้ยินก็หัวเราะเบา ๆ แล้วตอบว่าแกเป็นแค่คนด้อยปัญญาหาของในป่าประทังชีวิตไปวัน ๆ ไม่สนใจกับเรื่องราวในโลกนักหรอก  ซึ่งผมก็คิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันอยู่แบบเรียบ ๆ สงบสุขไม่มีเรื่องมีราวกับใครคือสุดยอดของการใช้ชีวิตล่ะ

         "ผู้เฒ่านี่ดีเหลือเกิน  ข้าเองก็อยากจะหาทางสงบให้กับชีวิตเหมือนกัน"

         "ฮ่า ๆ อย่างเจ้าน่ะคงจะมีชะตาผูกพันกับพรหมลิขิตที่ยิ่งใหญ่กว่านี้แน่  ให้มาเดินเก็บของป่าเหมือนข้าน่ะคงไม่ไหวหรอก!"

         ตาแก่หัวเราะยิงฟันครบทุกซี่อีกแล้ว  ถึงจะดูเหมือนพูดแบบถ่อมตัวแต่ผมกลับรู้สึกว่าคำพูดของตาแก่นี่มันฟังดูมีเค้าโครงเรื่องจริงแอบซ่อนอยู่ตรงไหนสักแห่ง?  อืมม... ไม่ล่ะผมคงคิดไปเองมากกว่ามั้ง


    จบตอน


        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×