ลำดับตอนที่ #24
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : เฒ่าเก็บของป่า
"ไอ้โชค! ตื่นได้แล้วโว้ยจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนกันหา!"
พี่ชายตัวแสบถือวิสาสะเดินเข้าห้องนอนผมเพื่อมาปลุกให้ไปช่วยงานอีกแล้ว ผมขานรับแบบหงอย ๆ ก่อนจะกลิ้งตัวนอนต่อแบบไม่สนใจโลก กระทั่งแม่ต้องเดินเอาตะหลิวมาเคาะหัวเพื่อเรียกสติกลับเข้าร่าง เลยต้องสะดุ้งตื่นมาร้องจ๊ากเสียงดังลั่นบ้าน พี่ชายยืนส่ายหัวนิดนึงก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง
"สมน้ำหน้า! วันหน้าวันหลังก็หัดตื่นเช้ามาช่วยงานชาวบ้านกันบ้างนะ ไม่ได้ไปเรียนแล้วยังมาขี้เกียจอีก"
โธ่วันอาทิตย์ทั้งทีก็อยากนอนตื่นสายบ้างไรบ้างนี่หว่า แล้วงานของพี่ชายเนี่ยก็โคตรน่าเบื่อเลย มีแต่ถูพื้นล้างห้องน้ำช่วยเช็ดจานชามก่อนเปิดร้าน ค่าจ้างก็ไม่มีให้ได้แต่กับข้าวที่เหลือจากในครัว แบบนี้ไปโรงเรียนยังสนุกกว่าอีกบอกตามตรง
"แกเองปีนี้ก็สิบเจ็ดแล้วนะ อย่ามัวแต่กินเที่ยวเล่นไปวัน ๆ หัดคิดถึงอนาคตซะบ้าง ถ้าไม่ช่วยพี่ชายทำร้านอาหารก็ไปหาลู่ทางของตัวเองได้แล้ว!"
แล้วแม่ก็เริ่มต้นร่ายมหากาพย์อีกล่ะ มีเอาผมไปเปรียบเทียบกับลูกชายบ้านนู้นบ้านนี้ เปรียบกับพี่ชายตัวเอง เปรียบกับญาติ ๆ ที่เขาได้ดิบได้ดี พูดเหมือนกับว่าชาตินี้ผมคงจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างแน่ ๆ ถ้าไม่รีบตื่นมาช่วยงานพี่ชายตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย เฮ้ออ...
"รู้แล้วน่าแม่! ผมก็มีคิดของผมไว้เหมือนกันล่ะน่า!"
"ไหน? แกคิดจะทำอะไรลองอธิบายให้แม่ฟังหน่อยซิ?"
สุดท้ายก็มาจบตรงนี้ ก่อนหน้านั้นไอ้เราก็พล่ามอธิบายว่าอยากจะเปิดร้านกาแฟ ก่อนหน้านั้นอีกก็เคยสาธยายเรื่องขายส่งสินค้ามือสอง เก่ากว่านั้นก็เรื่องอะไรนะ? อ้อ! เปิดร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ และทุกครั้งผู้เป็นแม่ก็จะสรรหาสารพัดเหตุผลมาขัดขวางว่ามึงไม่มีทางทำขึ้นหรอก มึงไม่มีเงินทุน มึงไม่มีประสบการณ์ มึงไม่มีนั่น มึงไม่มีนี่ บลา ๆ เอาง่าย ๆ แกปักธงไว้ในใจเรียบร้อยแล้วว่าตรูจะต้องล้มเหลวกับชีวิตแน่นอน ไม่มีอนาคตหรือตัวเลือกอื่นใดอีก เพราะฉะนั้นคำถามนี้มีไว้เพื่อเก็บมาเยาะเย้ยถางถางผมเท่านั้นแหละ ในเมื่อใจจริงไม่ได้อยากรู้ความคิดจินตนาการของทางนี้ตั้งแต่แรกแล้วนี่นะ...
@@@@@@@@@@@@
"โอย ปวดหัวจัง..."
ผมลุกขึ้นสะบัดหัวเพื่อคลายอาการงัวเงียหลังงีบหลับไป ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเมื่อคืนแอบปีนขึ้นมานอนบนยอดไม้ในป่าละเมาะบนเนินเขาแถบชานเมือง เจ้าพวกสำนักมังกรทองตามล่าตัวผมแทบพลิกแผ่นดินแต่คงนึกไม่ถึงว่าจะหนีมาถึงในป่านี้แน่ ๆ
"เอ้าพ่อหนุ่มขึ้นไปทำอะไรบนนั้น!"
เสียงเรียกจากตาแก่หลังโกงที่ด้านล่าง ดูจากลักษณะท่าทางแล้วแกคงเป็นพวกเก็บของป่าขายแน่ ๆ ถ้าในหนังหรือนิยายต้องระวังไว้ให้ดีเพราะอาชีพพวกนี้สงวนไว้ให้ยอดฝีมือมาเก็บตัวหลีกหนีความวุ่นวายในยุทธภพมาอยู่เงียบ ๆ ปลีกวิเวก แต่ดูยังไงตาแก่นี่ก็ไม่น่าจะใช่ โหงวเฮงมันบอกว่าเป็นคนชราธรรมดา ๆ นี่แหละ
"เอ่อ... ข้าหลงป่าน่ะพ่อเฒ่า เดินเวียนในป่าทั้งคืนยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย"
ผมเริ่มคุ้นเคยกับการสนทนาแบบจีน ๆ โบราณขึ้นมาบ้างแล้ว เลยพูดสำเนียงคนปกติได้อย่างไม่ขัดเขิน ที่น่าแปลกคือนอกจากความทรงจำของชาติก่อนยังมีเรื่องภาษาจีนนี่อีกที่ผมเชี่ยวชาญไม่แพ้มืออาชีพทางด้านนี้เลย ไม่รู้ว่ายัยอาธีน่านั่นเสกอะไรให้ผมเป็นพิเศษหรือเปล่า? แต่จะว่าไปยัยนั่นบอกให้ผมมาเกิดเป็นหมาไม่ใช่เรอะ!
"อ้าวงั้นหรือ... งั้นมาแวะที่บ้านข้าก่อนก็ได้เดี๋ยวจะบอกทางลงเขาให้นะ"
ตาแก่ยิ้มยิงฟันครบทุกซี่ และจัดแจงเดินนำทางผมไปยังกระท่อมหลังเล็ก ๆ ภายในป่า แกปลดสายรั้งที่ผูกตะกร้าใบใหญ่ไว้บนหลังเพื่อเอาสัมภาระลงวางบนพื้น ในนั้นมีทั้งพืชสมุนไพรและเห็ดแปลก ๆ หลายชนิด มีซากกระดูกสัตว์ที่ตายและเศษชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่ดูไม่ออกว่าเป็นอะไรอีกจำนวนหนึ่ง ท่าทางดีใจเพราะวันนี้เก็บของได้เยอะเลยเชียว ตาแก่คุยฟุ้งว่าเดี๋ยวจะแบกของไปขายในเมืองพร้อมกับนำทางผมไปส่งถึงที่ด้วย
"พ่อหนุ่มรอตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวข้าเอาข้าวต้มร้อน ๆ มาให้ วันก่อนเจ้าพวกพรรคมารเล่นถางป่าที่ฟากกระโน้นเสียราบไปทั้งแถบ เลยทำให้พวกสัตว์ป่าหนีมาทางนี้หมด ข้าเลยได้อานิสงค์ไปด้วยเลยฮี่ ๆ"
ในกระท่อมตาแก่มีซากสัตว์ที่ตายแล้วแขวนอยู่ตามผนังเต็มไปหมด ส่วนมากเป็นกระต่ายไม่ก็งูดินหรือนก เลยทำให้เหม็นฉุนแปลก ๆ พอได้ยินาแก่พูดถึงพวกเทียนซานทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าเจ้าหมาบ้านั่นจะเป็นยังไงบ้างนะ? แต่ช่างเถอะเพราะมันแท้ ๆ เลยทำให้ผมเจอเรื่องซวยไม่รู้จักหยุดจักหย่อน
"เอ้านี่รีบกินตอนที่ยังร้อน ๆ นะ"
ตาแก่ใจดีตักข้าวต้มให้ผมเต็มชาม เสิร์ฟพร้อมด้วยขากระต่ายย่างที่เย็นชืดเพราะน่าจะทำทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อน แต่ด้วยความหิวผมก็จัดการสวาปามโดยไม่บ่นสักคำ หลังจากซัดของบนโต๊ะอาหารจนหมดแล้วก็กล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจของแก
"ไม่ต้องขอบอกขอบใจอะไรนักหรอก ไปขอบคุณเจ้าพวกเทียนซานโน่นเพราะมันช่วยถางพื้นที่จนราบ ทำให้ข้าเก็บของป่าได้เยอะเลยทีเดียว นี่ไงดูสิ..."
แกชี้ไปทางซากสัตว์ที่แขวนห้อยไว้ข้างกำแพง เจ้าพวกนั้นคงจะถางป่าเพื่อจัดเตรียมพิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณในครั้งต่อไปแน่ ๆ ที่สำคัญไหนว่าต้องไปจัดพิธีบนยอดเขาสูงไม่ใช่รึ? แล้วทำไมถึงเปลี่ยนมาจัดบนเนินเขาเตี้ย ๆ แบบนี้กันล่ะ แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่ดีล่ะนะเพราะเมื่อหนีมาได้แล้วก็จะหนีไปให้สุดหล้าฟ้าเขียวเลยคอยดูสิ จะได้ไม่ต้องเจอพิธีย้ายวิญญาณไปอยู่ในร่างน้องหมาน่าอนาถนั่น
"จะว่าไปผู้เฒ่าไม่นึกรังเกียจหรือเกรงกลัวพวกมารเลยหรือ?"
ผมเอ่ยถาม เพราะก่อนหน้านี้รู้สึกว่าชุดความคิดของคนทั่วไปจะต้องรังเกียจรำคาญพวกเทียนซานและยกย่องเชิดชูพวกห้าสำนักใหญ่นี่นะ? ตาแก่ได้ยินก็หัวเราะเบา ๆ แล้วตอบว่าแกเป็นแค่คนด้อยปัญญาหาของในป่าประทังชีวิตไปวัน ๆ ไม่สนใจกับเรื่องราวในโลกนักหรอก ซึ่งผมก็คิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันอยู่แบบเรียบ ๆ สงบสุขไม่มีเรื่องมีราวกับใครคือสุดยอดของการใช้ชีวิตล่ะ
"ผู้เฒ่านี่ดีเหลือเกิน ข้าเองก็อยากจะหาทางสงบให้กับชีวิตเหมือนกัน"
"ฮ่า ๆ อย่างเจ้าน่ะคงจะมีชะตาผูกพันกับพรหมลิขิตที่ยิ่งใหญ่กว่านี้แน่ ให้มาเดินเก็บของป่าเหมือนข้าน่ะคงไม่ไหวหรอก!"
ตาแก่หัวเราะยิงฟันครบทุกซี่อีกแล้ว ถึงจะดูเหมือนพูดแบบถ่อมตัวแต่ผมกลับรู้สึกว่าคำพูดของตาแก่นี่มันฟังดูมีเค้าโครงเรื่องจริงแอบซ่อนอยู่ตรงไหนสักแห่ง? อืมม... ไม่ล่ะผมคงคิดไปเองมากกว่ามั้ง
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น