คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 เด็กสาวที่เข้มแข็งและอ่อนโยน (100%)
บทที่ 3 เด็กสาวที่เข้มแข็งและอ่อนโยน
สวัสดีครับ นี่ผมโฮโรโฮโรเอง ^^ ตอนนี้ผมกำลังเดินเล่นอยู่ครับ ^O^ เดินที่ไหนน่ะหรอ ก็ในสวนนั่นละ =_=; ผมแค่อยากจะบอกว่าเมื่อวานเหนื่อยมว๊าก เพราะยัยแอนนาสั่งให้พวกเราจัดกระเป๋ากันตั้งแต่เช้า (ซึ่งไม่เข้าใจว่าจะทำอย่างนั้นไปทำไม) ไอ้เร็นก็กวนตีนอยู่นั่นแหละ เห็นผมสูงกว่าเลยหมั่นไส้อ่ะดิโด่!
ส่วนยัยมิยาเมะ เรียกได้เลยว่าผมเป็นไม้เบื่อไม้เมากับยัยนั่นก็ว่าได้ -_-; เจอแล้วต้องกัดกันทุกวัน จะยกตัวอย่างเมื่อสามวันหลังจากที่ยัยนั่นมาอาศัยที่นี่ให้ฟังนะครับ...
‘โฮโรโฮโร’
‘อะไร?’
‘นายเคยรู้สึกมั้ยว่าบางทีนายก็หนักโลกนะ -_-’
‘เฮ้ย! นี่เธอบ้าเรอะ!!? เป็นอะไรเนี่ย!!? ด่าฉันทำไม!’
‘นายกินปลาแซลมอนที่ฉันซื้อมาไปแล้วใช่มั้ย!!! ไปซื้อคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! ฉันกะจะแบ่งกับแอนนาคืนนี้นะ!!’
‘อะไรฟะ แค่ปลาแซลมอน!! เธอกับแอนนาเป็นอะไรมากป่ะเนี่ย กินแต่ไอ้ปลาบ้าเนี่ย!!’
‘จำไม่ได้หรือไงว่าวันนั้นนายแย่งปลาแซลมอนฉันไปจากซุปเปอร์นะ!!!! ไปซื้อมาเดี๋ยวนี้!!!!’
‘น่ารำคาญจริง!!! ไปก็ได้!!!!!!!!!!! ยัยบ้าเอ๊ยยยย!!!’
แล้วผมก็ต้องไปเพราะเถียงคุณเธอไม่ได้ เปล่าหรอก เป็นเพราะแอนนาต้องการกินด้วยล่ะ ผมไม่อยากถูกฆ่าตายน่ะ =_=; สรุปแล้ววันแรกที่ยัยมิยาเมะบอกว่าจะซื้อแซลมอนไปฝากเพื่อนก็คือแอนนานั่นเอง
เอาเถอะ เรื่องของเรื่องที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ยัยนี่เป็นเพื่อนโยกะแอนนาได้ยังไง ถ้าทุกท่านดูชาแมนคงจะงงว่าตอนเด็กๆโยถูกสั่งให้ฝึกๆๆ ส่วนแอนนาก็ถูกฝึกๆๆแล้วก็มาเป็นคู่หมั้นของไอ้หมอนั่น แค่นั้น? ไม่เห็นจะเคยพูดถึงเลยว่ามีเพื่อนสมัยเด็กเฮี้ยวแบบนี้ด้วย ผมล่ะงงแสนงงจริงๆ =_=
อ๊ะ พูดแล้วยัยมิยาเมะก็เดินมาพอดี O_O ตายยากจริงๆ กวนตีนเล่นหน่อยดีกว่า
“อ้าว มิยาเมะ หวัดดี จะไปหาแซลมอนกินเหรอ?” ผมมองไปที่มิยาเมะที่เดินออกมาจากบ้านอย่างกวนๆ
วินาทีนั้นเอง ที่ผมต้องตกใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอนั้นไม่ได้ทอประกายความสดใสอย่างที่เธอมักจะทำตลอดสามวันออกมา ดวงตาสีฟ้านั่นเหลือบมองผมเล็กน้อยก็จะหลุบต่ำลง และนั่นทำให้ผมใจไม่ดีเอาเสียเลย
“มิยาเมะ! เธอเป็นอะไรหรือเปล่า!?” ผมเดินไปถาม ถึงจะยังไงยัยนี่ก็เป็นเพื่อนผมอยู่ดีนั่นแหละ
เธอมองผมด้วยสายเศร้าก่อนจะปั้นรอยยิ้มออกมา ซึ่งดูยังไงผมก็ดูออกว่ามันคือการฝืนยิ้ม มิยาเมะจ้องหน้าผมสักครู่ก่อนจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา...
“ไม่เป็นไรหรอก...เดี๋ยวขอตัวก่อนนะ”
และแล้วยัยนั่นก็เดินจากไปทันที ผมได้แต่ยืนอึ้งไปเล็กน้อย ให้ตายเถอะ! ไม่ได้เป็นบ้าอะไรกัน! นี่มันเป็นชัดๆเลย! ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“มิยาเมะ!! หยุดก่อน!!” ผมวิ่งตามเธอออกไปทันที
ทว่า...
หมับ!
“เฮ้ย!” ผมรู้สึกตกใจเมื่อมีใครคนหนึ่งจับบ่าผมเอาไว้
“เข้ามาก่อนเถอะโฮโรโฮโร” โย...หรือก็คือคนที่จับบ่าผมไว้ยิ้มบางๆ แต่มองดูแว้บเดียวก็รู้แล้วว่ามันแฝงไปด้วยความกังวล
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!? ทำไมยัยนั่นเป็นแบบนั้น!!?” ผมถามอย่างงงๆ
“ถึงได้บอกให้เข้ามาก่อนไง เร็วเข้า แอนนากับทุกคนกำลังรออยู่”
ผมกับโยเดินเข้าไปในบ้าน และพบว่ามีมันตะ ริว เร็น และแอนนานั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาจริงๆ แอนนาทำหน้าเครียดแบบที่เจ้าหล่อนทำทุกครั้ง ใช่ มันไม่ใช่เรื่องแปลก ที่แปลกคือโยก็เป็นไปกับเขาด้วย
“ตกลง...เรียกพวกเรามาทำไมเหรอ” เร็นถามด้วยใบหน้ากวนประสาทเช่นเคย
“นั่นสิแอนนา เรียกฉันมาแต่เช้าขนาดนี้” มันตะว่าพลางหาวประกอบ “ว่าแต่เมื่อกี้มิยาเมะเค้าเป็นอะไรของเค้า ดูแปลกๆนะ”
“นั่นสินายหญิง นายท่าน เธอดูไม่ร่าเริงเลยนะครับ O.o” ริวเองก็ออกความคิดเห็นเช่นกัน
แอนนามองพวกเราทุกคนและถอนหายใจในขณะที่ผมได้แต่เงียบกริบ ดูเหมือนทุกๆคนเองจะรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับมิยาเมะ ซึ่งแน่ล่ะ มันคงเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ
“พวกนาย...ห้ามถามเรื่องสิ่งที่มิยาเมะอยากทำถ้าเป็นชาแมนคิงเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามทำให้เธอนึกถึงเรื่องความฝันของเธอ” แอนพูดพลางก้มมองต่ำลงที่พื้น
O_O หา!!?
“หา? เธอว่ายังไงนะ!?” ผมโพล่งขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“นั่นสินายหญิง ผมเองก็งงๆ เหมือนกัน” ริวเกาหัวอย่างงงๆ
“อยากเป็นชาแมนคิง แต่ไม่ให้ถามเรื่องสิ่งที่อยากทำ มันก็ยังไงๆอยู่นะ” เจ้าเร็นว่า
“นั่นสิ” มันตะมองเร็นและพยักหน้าเห็นด้วย
พวกเราทุกคนมองไปที่แอนนาอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ เอาจริงๆ ผมก็อยากรู้แหละว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มิยาเมะที่ผมเห็นเมื่อกี้นั้นแตกต่างจากมิยาเมะที่ผมรู้เมื่อสามวันแรกลิบลับ
“ฉันกับโยก็ไม่รู้เหมือนกัน” แอนนาว่า
“อ้าว”
เอาล่ะสิ เงิบกันทุกคน นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย =_=;
“คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้” โยพูดขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังทำหน้างง “คือว่าฉันเองก็ไม่เคยรู้เหมือนกันว่าทำไมยัยมิยาเมะถึงอยากเป็นชาแมนคิง เมื่อกี้ก็เลยถามไป แต่ก็ต้องตกใจเพราะยัยนั่นดันทำหน้าสลดไปแล้วก็บอกว่าไม่อยากพูด ฉันที่เห็นยัยนั่นร่าเริงมาตั้งแต่เด็กๆ ทำหน้าแบบนั้นถึงกับไม่กล้าถามอะไรต่อเลย”
“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ” แอนนาว่า “มันอาจจะฟังดูแปลกๆ สำหรับพวกนาย แต่ฉันรู้จักมิยาเมะมานานถ้าเธอทำสีหน้าแบบนั้นได้แสดงว่าเรื่องนั้นต้องเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ มันอาจจะเป็นปมสำหรับเค้าเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นอย่าได้ถามหรือทำให้เธอนึกถึงแล้วกัน”
“ฉันก็นึกว่าอะไร เข้าใจแล้วน่า” เร็นตอบรับพลางกระดกนมเข้าปาก
“ไม่พูดหรอกครับนายหญิง ผมเข้าใจ คนเราย่อมมีเรื่องที่ไม่อยากบอกอะเนาะ” ริวยิ้มอย่างเข้าใจ
“โอเค ฉันไม่ถามหรอกไม่ต้องห่วง” มันตะว่า
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายไปทำอะไรต่อ ผมมองไปที่ใบหน้าเครียดๆ ของโยและแอนนาก่อนจะมองออกไปนอกบ้าน...เฮ้อ ไม่รู้ป่านนี้ยัยมิยาเมะจะเป็นยังไงบ้าง
แต่พูดก็พูดเถอะ ผมเป็นไม้เบื่อไม้เมากับยัยนั่นนะ! เจอแบบนี้ขอตกใจแป๊บได้ป่ะ!? ปกติยัยนั่นเจอหน้าผมทีไรเป็นต้องอ้าปากด่าผมทุกที แต่วันนี้เจอสลดใส่แล้วมันแปลกมากนะบอกเลย แล้วโยกับแอนนานี่ยังไง พูดๆๆ เสร็จก็ไปซะงั้น ไอ้คนอื่นๆ ไม่สงสัยกันบ้างเหรอ? เป็นเพราะว่าผมที่ทะเลาะกับยัยนั่นทุกวันเจอยัยนั่นทำหน้าบูดแบบนั้นเลยอึ้งมากกว่าคนอื่นๆสินะเนี่ย
เอาล่ะ! ขอสืบหน่อยแล้วกัน
ผมรอจังหวะเหมาะๆ ที่ยัยแอนนาเดินหายเข้าไปแล้วก่อนจะรีบวิ่งไปขวางหน้าโย หมอนั่นทำหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามผมด้วยรอยยิ้มงงๆ
“อะไรของนายน่ะ โฮโรโฮโร”
“ฉันอยากรู้เรื่องของมิยาเมะ” ผมบอกออกไปตรงๆ
“ฉันก็บอกไปแล้วนี่ว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” โยตอบแบบซื่อๆ
โธ่โว้ยยย ไอ้ซื่อบื้อ! ไม่ใช่แบบนั้นดิฟระ!
“ไม่ใช่เฟ้ย -_- หมายถึงเรื่องราวสมัยเด็กว่ายัยนั่นเป็นใครมาจากไหนอะไรทำนองนั้นน่ะ” ผมชี้แจงและนั่นทำให้โยถึงบางอ้อทันที
“อ๋ออออ ได้สิ ว่าแต่...”
“อะไร?”
“ทำไมจู่ๆ ถึงอยากรู้ล่ะ?”
คำถามของโยทำเอาผมเงียบไปครู่หนึ่ง ก็แค่อยากรู้ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอเนี่ย แต่จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะว่าผมเป็นห่วงยัยนั่นนั่นแหละ เกิดมาเพิ่งจะเคยมีเพื่อนที่สนิทๆ เป็นผู้หญิงที่เป็นคู่กัดกันแบบนี้ก็ครั้งแรก เฮ้อ... นี่ไงล่ะเหตุผล
“ก็เพราะว่าฉันเพิ่งจะเคยมีเพื่อนผู้หญิงแบบนี้น่ะสิ การปฏิบัติตัวก็ไม่ต้องไม่เหมือนต่อเพื่อนผู้ชายอยู่แล้ว บอกตรงๆ ว่าฉันก็เป็นห่วงเค้าเหมือนที่นายกับแอนนาเป็นนั่นแหละ”
โยคลี่ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อผมพูดออกไปและนั่นทำให้ผมถึงกับหันหน้าหลีกไปอีกทางทันที ให้ตายเถอะ -_- น่าอายชะมัดยาดเลย ก็จริง บอกตรงๆ ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าการปฏิบัติตัวกับยัยนั่นแบบสามวันที่ผ่านมามันโอเคหรือเปล่า ผมน่ะคิดว่ามันอาจจะดีก็ได้นะถ้าได้รู้จักยัยนั่นให้มากกว่านี้ ยังไงผมก็คิดว่ายัยนั่นเป็นเพื่อนคนสำคัญของผมจริงๆ นั่นแหละ
“โอเค ฉันจะเล่า”
จากนั้นผมกับโยก็พากันไปนั่งที่ระเบียงที่สวนหน้าบ้าน และหนึ่งวินาทีแรกที่ก้นของผมแตะกับพื้นระเบียง โยก็อ้าปากเล่าทันทีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“มิยาเมะเป็นคนที่เข้มแข็งมาก”
“เข้มแข็งเหรอ?”
อะไรวะ เป็นการเริ่มบทสนทนาที่งงมากๆ
“ใช่ แต่ยัยนั่นก็เป็นคนที่อ่อนโยนมากเหมือนกัน”
ผมมองไปที่โยที่ยิ้มบางๆ เมื่อพูดถึงมิยาเมะ แปลกดีเหมือนกันที่เห็นหมอนี่ยิ้มแบบนี้ มันไม่ได้ยิ้มแบบแอบหลงรักหรืออะไรอย่างนี้หรอก (แหงล่ะ มันมีแต่ยัยแอนนาโหดนั่นเต็มหัวใจ -_- รักเข้าไปได้ไงก็ไม่รู้) แต่มันเป็นรอยยิ้มที่เห็นแล้วรู้เลยว่าหมอนี่กับยัยมิยาเมะคงมีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน และนั่นทำให้ผมเริ่มอยากรู้มากขึ้นกว่าเดิม
“นายหมายถึงอะไร?” ผมถามในสิ่งที่ผมอยากรู้ “อ่อนโยนกับเข้มแข็งที่นายพูดถึงอ่ะ”
โยทอดมองไปที่ท้องฟ้า ดวงตาหวนรำลึกไปถึงอดีต
“สมัยฉันยังเด็กๆ ตอนก่อนที่จะเจอแอนนาด้วยซ้ำ ประมาณเจ็ดขวบได้มั้ง ไม่มีเด็กคนไหนกล้าเล่นกับฉันเพราะชื่อเสียงของตระกูลฉันเนี่ยแหละ พวกเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันเรียกฉันว่า ลูกปิศาจ บางคนก็ปาหินใส่ฉันราวกับคิดว่าฉันรู้สึกไม่เป็น ใช่ ฉันไม่เพื่อนสักคน” โยเริ่มเล่าไปถึงอดีตวัยเด็กของตัวเอง แต่ดูมันไม่เศร้าเท่าไหร่แล้วล่ะ แหงล่ะ ตอนนี้ตัวของโยห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนตั้งหลายคน อดีตมันก็คืออดีตนั่นล่ะ
“ก็อย่างที่เราเป็นชาแมนนั่นแหละ” โยพูดต่อ “ทุกๆ วันมีแต่การฝึกซ้อมๆๆ เพื่อเป็นชาแมนที่ดี นายก็น่าจะเข้าใจว่าบางทีมันก็แอบน่าเบื่อไม่น้อยเลยล่ะ และที่ปฏิเสธไม่ได้คือ...ความเหงา”
อืม...ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ก็นะ สมัยก่อนผมก็เหมือนโยอ่ะนะ เพื่อนไม่คบเพราะกลัว -_-
“ทุกๆ วันผ่านไปอย่างน่าเบื่อ ฉันก็ได้แต่ฟังเพลงไปวันๆ ให้วันแต่ละวันมันผ่านไป แต่แล้ววันหนึ่ง...”
ผมจ้องไปที่โยตาไม่กะพริบ เอาจริงๆ เลยผมไม่เคยคุยกับโยซีเรียสขนาดนี้ ปกติเราจะมัวแต่พูดเรื่องบ้าๆ แล้วก็หัวเราะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมตั้งใจฟังในสิ่งที่มันพูดมาก
“แม่ของฉันบอกว่าจะมีเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันที่เป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทของพ่อและแม่มาอยู่ด้วยสักพัก อ้อ นั่นเป็นเพราะว่าครอบครัวของเด็กผู้หญิงคนนั้นต้องไปแคนาดาเพราะติดเรื่องธุรกิจทางบ้าน หากแต่ด้วยความที่เป็นครอบครัวชาแมนเช่นเดียวกับครอบครัวฉัน พ่อแม่ของยัยนั่นก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เหมือนกัน และด้วยความที่พลังของเด็กคนนั้นยังไม่แข็งแรงก็เลยไม่พาไปที่แคนาดาด้วยแต่ให้อยู่ที่บ้านฉันเพื่อฝึกพลังกับปู่ฉันไปก่อน เมื่อไหร่ที่ยัยนั่นมีพลังพอสมควรแล้วครอบครัวจะค่อยมารับไปอยู่ด้วย”
“และยัยเด็กนั่นก็คือมิยาเมะใช่มะ?” ผมถามทั้งๆ ที่มั่นใจในคำตอบ
“ใช่เลย” โยหัวเราะร่าตามสไตล์
“จริงๆ นายบอกมาเลยก็ได้นะ -_-”
“นั่นสินะ ฮ่าๆๆ อ่ะๆ ต่อนะ” โยยิ้ม “ฉันมองยัยนั่นที่เดินเข้าบ้านครั้งแรกก็คิดว่ายัยนี่คงไม่เป็นเพื่อนกับฉันหรอก แต่แล้วฉันก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ยัยนี่ดันวิ่งปรี่เข้ามาหาฉันแล้วก็ถามว่า...”
“ว่า?”
“ยัยนั่นถามว่า ‘หน้านายไปโดนอะไรมาน่ะ แผลเต็มไปหมดเลย!’”
“ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะ “เป็นบทสนทนาที่ตลกดีสำหรับการเจอกันครั้งแรก”
ก็จริงอ่ะ จู่ๆ เจอกันครั้งแรกมาทักแบบนี้ถ้าผมเป็นโยก็คงจะงงอ่ะนะ ฮะๆ
“ว่างั้นแหละ ส่วนไอ้แผลที่ว่าก็แผลที่ถูกเด็กคนอื่นๆ รุมแกล้งเอาน่ะ” โยเล่าต่อ “นายรู้ป่ะ? หลังจากนั้นยัยนั่นก็ลากฉันเข้าไปในห้องนั่งเล่นในบ้านฉันแล้วก็ทำให้ฉันตกใจมาก! ยัยนั่นสามารถหากล่องปฐมพยาบาลที่ขนาดฉันยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนภายในเวลาสองนาทีทั้งๆที่นั่นเป็นครั้งแรกที่ยัยนั่นเข้ามาในบ้านฉัน!!”
“เออแปลกดีนะ ฮ่าๆๆ แล้วหลังจากนั้นยังไงต่อ” ผมถาม มานั่งฟังหมอนี่เล่าเรื่องก็สนุกไปอีกแบบเหมือนกันนะ
“หลังจากนั้นยัยนั่นก็ทำแผลให้ฉันเสร็จสรรพ นับว่าเป็นการทำแผลที่ประณีตที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นกับฉันเลย -.,- หลังจากนั้นฉันก็ขอบคุณยัยนั่นแบบงงๆ ยัยนั่นเห็นแบบนั้นก็หัวเราะ เราก็เลยหัวเราะด้วยกัน หลังจากนั้นเราก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันเลย”
ผมมองไปที่ใบหน้าของโยที่กล่าวเล่าถึงเรื่องราวระหว่างตัวเองและมิยาเมะก็อดยิ้มตามไม่ได้ มันน่าตื้นตันใจอยู่นะ การที่ในที่สุดชาแมนเหงาๆ คนหนึ่งก็มีเพื่อนกับเขาสักคนสักที แหม ผมเข้าใจอยู่แล้วล่ะ ผมก็ผ่านมันมาเหมือนกันนะไอ้ความเหงานี่น่ะ
“เออ น่ารักดีนะเว่ย” ผมพูดก่อนจะนึกคำถามอีกข้อได้ “ว่าแต่ยัยนั่นรู้จักแอนนาได้ไงวะ!? ยัยนั่นดูสนิทกับแอนนาจนน่าแปลกใจเลยนะ”
น่าแปลกใจดิ ตลอดเวลาที่ยัยนั่นย้ายเข้ามาอยู่บ้านโย มิยาเมะไม่เคยโดนแอนนาด่า ทั้งคู่ดูรักกัน ถึงแอนนาจะไม่ได้แสดงออกจ๋าแบบมิยาเมะแต่ผมก็ดูออกว่าแอนนาดูสนิทกับยัยนั่นจริงๆ และนั่นมันเป็นเรื่องที่โคตรจะน่าตกใจ =_=
“อ๋อ คืองี้ หลังจากนั้นก็ผ่านไปจนถึงสองสามปีตอนพวกเราอายุสิบขวบ ฉันก็รู้จักแอนนาในฐานะคู่หมั้นเรียบร้อยแล้ว แอนนามาเยี่ยมบ้านฉันและก็เจอยัยมิยาเมะ ตอนแรกยัยนี่ก็ไม่ชอบมิยาเมะหรอก เอาเป็นว่าไม่ชอบมากกกก แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ายัยมิยาเมะไปทำอะไรไว้เพราะหลังจากนั้นแอนนาก็ดูโอเคกับเธอซะงั้น ฉันเห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ถามอะไร พวกเราสามคนมีเวลาอยู่ด้วยกันไม่มากนักเพราะหลังจากนั้นยัยมิยาเมะก็ถูกครอบครัวของเธอพาไปแคนาดาเมื่อเธอฝึกพลังชาแมนได้ดีแล้ว”
“แล้วหลังจากนั้นประมาณหกปีต่อมา นายก็เจอยัยนั่นอีกครั้งใช่มะ” ผมถามยิ้มๆ
“ใช่ เวลาเดียวกับที่นายเจอยัยนั่นนั่นแหละ” โยตอบ
“ฮ่าๆๆ เออๆ เล่าต่อเถอะ”
“เออได้ๆ นายนี่ดูอยากรู้จริงๆนะโฮโรโฮโร ในตอนนั้นพอยัยนั่นย้ายมาอยู่บ้านฉันได้สักพักก็เข้าโรงเรียนเดียวกับฉัน ทุกคนในห้องเรียนพยายามบอกมิยาเมะให้เลิกยุ่งกับฉันเพราะฉันเป็นลูกปิศาจ แต่ยัยนั่นดันทำสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ จะทำ...”
“ทำอะไร?” ผมถามอย่างสนใจ
“ยัยนั่น...” โยเริ่มหัวเราะอีกครั้ง “กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะในขณะที่ทุกคนกำลังรุมมิยาเมะและกดดันให้เธอเลิกเป็นเพื่อนฉัน แน่นอนล่ะว่าตอนนั้นทุกคนอ้าปากค้างเหวอไปเรียบร้อย รวมถึงฉันที่นั่งอยู่มุมห้องก็ด้วย และสิ่งที่ทำให้ทุกคนอึ้งมากกว่าเดิมก็คือตอนที่มิยาเมะตะโกนว่า…”
“ว่า?”
“ยัยนั่นพูดว่า ‘ถ้าโยเป็นลูกปิศาจฉันก็ลูกปิศาจเหมือนกันนั่นแหละ! ถ้าไม่อยากโดนเขมือบก็หุบปากซะ เจ้าพวกด๋อยเอ๊ย!’ ฮ่าๆๆๆ ยัยนั่นตลกป่ะล่ะ!!?”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำบ้าอะไรของยัยนั่นวะเนี่ย! ฮ่าๆๆๆ”
ผมถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่ายัยมิยาเมะตอนเด็กพูดอะไร โอ๊ยยย คนบ้าอะไรมันจะเฮี้ยวขนาดนี้วะ ฮ่าๆๆ เออ ไม่แปลกใจจริงๆ ที่ตอนนี้ก็ยังนิสัยบ้าๆ บอๆ แบบนี้ โอ๊ยยย อันนี้ฮาจริง ยิ่งนึกถึงหน้ายัยนั่นยิ่งฮากว่าเดิม ฮ่าๆ
“ยัยนั่นโคตรเจ๋งอ่ะ ฮ่าๆๆ” ผมที่ยังไม่สามารถหยุดหัวเราะได้
“ใช่ป่ะ หลังจากนั้นยัยนั่นก็โดนเหมือนที่ฉันโดนแกล้งทุกอย่าง ขนาดเป็นเด็กผู้หญิงยังโดนปาหินใส่ แต่พวกเรากลับหัวเราะแล้วก็แกล้งพวกนั้นกลับ หลังจากนั้นการทำแผลก็เป็นเรื่องสนุกไปเลยเพราะพวกเราเอาแต่หัวเราะสะใจที่แกล้งพวกนั้นกลับสำเร็จตอนที่ทำแผลกัน”
“เฮ้ย บอกตามตรง ฉันชอบว่ะ! โคตรตลก!” ผมยิ้มกว้างและตบบ่าโยสองสามที ผมชอบจริงๆ นะ ผมว่ามันตลกดีอ่ะ
“ฉันก็ชอบ นึกถึงทีไรก็ขำทุกทีเลย” โยยิ้ม “นี่แหละเหตุผลที่ฉันบอกนายว่ายัยนั่นทั้งเข้มแข็งแล้วก็อ่อนโยน ถึงยัยนั่นจะถูกแกล้งเหมือนกันก็ไม่ทิ้งฉันไปไหน”
ก็จริงนะ ยัยนั่นเข้มแข็งดีไม่เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป ถ้าลองเด็กผู้หญิงคนอื่นเจอแบบนี้คงร้องไห้เลิกยุ่งกับโยไปนานแล้ว ส่วนยัยมิยาเมะนี่คงเป็นข้อยกเว้น คนบ้าอะไรกระโดดขึ้นโต๊ะไปพูดอะไรเพี้ยนๆ แบบนั้น โอ๊ยยย ผมชอบจริงๆ นะซีนนี้อ่ะ
แต่ก็นะ... ด้านอ่อนโยนของยัยนี่ก็มีเหมือนกัน ทั้งการทำแผลให้โย ไม่ทอดทิ้งโยไปไหนทั้งๆ ที่ตัวเองก็ต้องเจ็บแผลที่ถูกแกล้ง ผมเชื่อว่านอกจากนี้คงมีอีกแน่ๆ แต่โยคงไม่ได้เล่าให้หมด ก็นะ ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่าโยกับมิยาเมะก็ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะพอสมควร
“มิยาเมะเป็นคนดีนะ”
“ใช่ แต่ทั้งๆ ที่ยัยนั่นเข้มแข็งมากขนาดนั้นตั้งแต่เด็กๆ ทำไมจู่ๆ ถึงได้กลายเป็นแบบนั้นไปได้นะ” โยพูดอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นั่นสิ สีหน้าของมิยาเมะเมื่อกี้ดูไม่ดีมากจริงๆ
“ฉันก็สงสัยเหมือนกัน แต่ว่านะ...ฉันเข้าใจว่าบางทีคนเราก็มีเรื่องไม่อยากจะพูด เค้าคงมีเรื่องให้คิดจริงๆ นั่นแหละ” ผมพูดออกไปตามที่คิด
โยหันมามองผมที่พูดประโยคดังกล่าวออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีก้อนเมฆสีขาวลอยละล่องช้าๆ ก่อนจะพูดว่า...
“คงจะดีนะ ถ้าเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่รุนแรงอะไร ฉันก็ได้แต่หวังว่ายัยนั่นจะโอเคขึ้นไวๆ นั่นแหละ”
--------------
ความคิดเห็น