ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love story รักร้ายนายแวมไพร์ตัวป่วน

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 4.2 ดูดเลือดฉันเถอะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.45K
      19
      17 เม.ย. 66

            “ไปหาอะไรกินกันเถอะ” ยืนหน้านิ่งอยู่ด้านข้างไม่แม้แต่จะคิดแก้คำว่าแฟนที่เพื่อนฉันว่าเมื่อกี้สักนิด

            “กันเถอะ? พูดเหมือนเราสองคนกินอะไรเหมือนกัน หรือที่พูดนี่คือจะลากฉันไปดูดเลือด” อยากจะถอยหนีให้ห่างเขาแต่ถึงหนียังไงก็คงหนีไม่พ้นเลยได้แต่นั่งอยู่กับที่เหมือนเดิม

            “ฉันไม่ดูดเลือดเธอหลอกน่า ยกเว้นเธอทำให้ฉันไม่พอใจเท่านั้นล่ะ” 

            “แล้วเมื่อวานนี่ฉันทำให้นายไม่พอใจเรอะ -*-”ฉันพูดเสียงเบาเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน แม้เพื่อนในห้องจะออกไปหมดแล้วก็ตาม แต่บางทีอาจจะมีคนยืนอยู่แถวนี้ก็ได้ 

            “ก็มันนอนมานานนี่น่า ก็ต้องหิวกระหายเป็นธรรมดา ถึงยังไงฉันก็ไม่คิดจะดูดเลือดเธอจนหมดตัวหลอกน่า ไม่ก็อาจ...จะมีเผลอไปบ้าง” กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์

           “เผลอไปบ้าง? แบบเผลอดูดจนหมดตัวอย่างนั้นเรอะ O.O”

           “พูดเล่นน่า~ ถึงจะหิวขนาดไหนก็ไม่ทำถึงขนาดนั้นหลอก กระเพาะฉันไม่พอจะใส่เลือดของมนุษย์คนหนึ่งลงไปได้หลอกน่ะ”เอามือขาวๆ ลูบท้องตัวเองให้ดูว่ามันเล็กขนาดไหน

            มันก็เล็กจริงๆ นั้นล่ะ ตัวเขาก็ไม่ได้ใหญ่มากต่อให้อ้วนขนาดไหนก็คงดูดเลือดมนุษย์จนหมดตัวไม่ได้แน่ ที่คนโดดดูดเลือดจะตายก็ คงจะตายเพราะไม่ได้รักษาบาดแผลแล้วเลือดไหลออกจากตัวมากกว่า

            “ก็เคยเห็นในหนังคนตัวแห้งอย่างกับมัมมี่แนะ”

            “หึ” เขาไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่ยิ้มบางๆ ให้เท่านั้น

            ฉันเห็นปากเขาแล้วก็ยังเสียวคออยู่เลย พอนึกได้ก็เอามือจับคอตรงที่โดนเจาะเขี้ยวลงไปไว้ก่อนจะรีบเดินหนีมาโดยไม่ลืมกระเป๋ากับกระบอกใส่รูปที่ข้างโต๊ะเขียนแบบมาด้วย

            “นี่! ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่ดูดเลือดเธอหลอกน่า” ลุกเดินตามมาเดินข้างๆ

            “แค่ตอนนี้ละม้าง ฉันไม่เชื่อนายหลอกน่า แล้วก็เงียบๆ หน่อยซี่” ฉันหันไปมองทางด้านหลังทางเดินพอไม่เห็นคนก็ค่อยโล่งใจหน่อย “เดียวคนอื่นได้ยินทำไงเล้า~”

            “...” เขาไหวไหล่แบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

            เฮ้อออ เหนื่อยใจที่ต้องคอยเตือนจริงๆ เลย

     

            หลังจากกินข้าวเสร็จฉันก็ไปหานั่งเล่นแถวๆ หลังโรงเรียน

            กึก ฉันหยุดเดินกะทันหันจนร่างสูงที่เดินตามมาเกือบจะชนฉันเข้า

            “เธอหยุดทำไมเนี่ย หยุดแบบไม่คิดฉันเลยไม่รู้ว่าเธอจะหยุดเดินเกือบชนเข้าให้แล้วไหมล่ะ” บ่นก่อนจะเดินมายืนข้างฉัน

           “ฉันเกือบผีเสื้อนะสิ” ก้มมองด้วงที่อยู่ใกล้ๆ รองเท้าฉัน “มันขาเจ็บด้วยอ่ะ” นั่งลงก่อนจะจับมันขึ้นมาวางในมืออย่างระวัง 

          “เธอหยุดเดินจนฉันเกือบจะชนเธอเพราะผีเสื้อเนี่ยน่ะ” ร่างสูงนั่งย่อลงตาม

          “ปีกมันเหมือนจะหักด้วยล่ะ -*- มันเป็นสัตว์เล็กเลยไม่รู้จะช่วยยังไงถ้าเป็นหมาเป็นแมวขาหักก็ยังพอว่ายังพอจะพาไปรักษาได้บ้าง” ฉันยังคงบ่นไม่หยุด

          “...” ตาแวมไพร์ยืนมือออกมาเหมือนจะทำอะไรผีเสื้อในมือฉัน

          “นี่ จะทำอะไรน่ะ” ฉันก็เลยร้องห้ามออกไป พร้อมคว้าข้อมือเย็นไว้       เขาหยุมือดลงก่อนจะถึงตัวผีเสื้อมือแล้วก็แบมือออก  ฉันหันหน้ามองเจ้าของข้อมือเย็นที่กำลังนั่งขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ พอเห็นเขาไม่พูดอะไรและไม่ทำอะไรก็ได้แต่งง 

          พึบๆ

          ทว่าไม่ถึงนาทีฉันก็ได้ยินเสียงของปีกผีเสื้อขยับและแรงลมที่สัมผัสโดนมือของฉันจากการขยับปีกของมัน 
          ฉันหันไปมองผีเสื้อสีฟ้าเข้มในมือที่กำลังขยับปีกแล้วบินออกไปบนท้องฟ้า

          “มันหายแล้วล่ะ ^^” หันไปยิ้มให้ตาแวมไพร์ที่กำลังมองฉันอยู่

          “ใช่ เลิกกังวลได้รึยัง”

          “ขอโทษที” ฉันยิ้มแห้งส่งไปให้อย่างรู้สึกผิดที่สงสัยเขา

          “เธอคิดอะไรฉันจะได้ยิน ยิ่งเธอกังวลยิ่งส่งมันมาถึงฉัน”

          “ขอโทษที” ฉันปล่อยมือออกจากข้อมือของเขา

          “เลิกพูดขอโทษสักทีเถอะน่า”

          “ขอบใจที่ช่วยผีเสื้อตัวนั้น”

          “ช่างเถอะ ว่าแต่เธอจะไปสนมันทำไม เดียวมันอยู่ไม่กี่วันมันก็ตายแล้ว”

          “ใช่ไง เดียวมันก็ตาย ให้มันได้ใช้ชีวิตหน่อยสิ”

          “เฮอะ” เขายิ้มเยาะ แต่ฉันก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพราะถึงเขาจะทำท่าทางเหมือนไม่สนแต่ก็ยังช่วยผีเสื้อนั้นไว้ “อื้ม” จู่ๆเขาก็ส่งเสียงเหมือนเจ็บปวดแต่พยายมมข่มไว้ออกมา ดวงตาคู่สวยปิดลงและขมวดคิ้วนิดๆ  

          “เป็นอะไรไหม” ฉันจับไปที่ต้นแขนของเขาเบาๆ อย่างเป็นกังวล

          “ไม่เป็นหลอก แค่รู้สึกเวียนๆ หัว สงสัยเพราะพลังยังไม่เข้าทีแล้วดันไปใช้เวทที่ต้องใช้พลังมากอย่างนั้นอีก” ดวงตาสีแดงลืมตาขึ้นมาสบตาเข้ากับดวงตาของฉันที่กำลังมองเขาอยู่พอดี

          ตุบ หัวใจของฉันกระตุกวูบขึ้นมาพอโดนเขาจ้องอย่างนี้ ฉันพยายามไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเพราะกำลังเป็นห่วงตาแวมไพร์ตรงหน้ามากกว่า

          “ฉันคิดว่านายโดนแดดหรือไม่ก็ขาดเลือดซะอีก -*-” 
          ถ้าอ่อนแรงเพราะใช้พลังไปเยอะถ้าได้เลือดจะดีขึ้นใช่ไหม ถ้าฉันให้เลือดเขา เขาจะดีขึ้นใช่ไหม

          “ฉันโดนแดดได้ ขอแค่ไม่ร้อนเกินไปก็ไม่เป็นไร” ร่างสูงยืนขึ้น ฉันก็ยืนขึ้นตามเขา

          “แล้วนายต้องการเลือดไหม”

          “เธอยังไม่หยุดกลัวเรื่องที่ฉันจะดูดเลือดเธออีกรึไง”

          “เปล่า ไม่ใช่ ก็นายบอกนายใช้พลังไปเยอะ ถ้าได้กินเลือดอาจจะดีขึ้นไม่ใช่เรอะ” ฉันว่าพรางปัดผมไปด้านหลังจะได้ให้เขาดูดเลือดได้สะดวก ถ้าไม่เป็นเพราะฉันเขาคงไม่ต้องเสียพลังจนเป็นแบบนี้ ตอนนี้เขา ดูเหมือนแวมไพร์ป่วยๆ หน้าที่ขาวสีดอยู่แล้วยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ 

          “หึ ^^ ฉันคิดว่าฉันได้ยินสิ่งที่เธอคิดผิดไปซะอีก ก็เลยแกล้งถามเธอว่ายังกลัวฉันดูดเลือดเธออีกรึไง แล้วเธอก็มาปัดผมให้เห็นต้นคอเพื่อให้ฉันดูดเลือดเธอได้สะดวก แสดงว่าฉันไม่ได้ยินสิ่งที่เธอคิดผิดไป"

           “ก็มันเป็นเพราะฉันกังวล นายเลยรำคาญจนใช้พลังช่วยผีเสื้อตัวนั้น นายก็เลยเป็นอย่างนี้เพราะฉัน”

           “งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ” ว่าจบก็สอดมือมาที่เอวของฉันแล้วดึงฉันให้เข้าไปใกล้กับตัวเอง ฉันเอามือทาบไว้ที่หน้าอกของเขาด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะดึงฉันเขาไปจนตัวเราติดกันขนาดนี้

           ฉันหลับตาแน่น กลั้นหายใจด้วยความกลัวเจ็บ ความรู้สึกเจ็บตอนนั้นยังจำได้ดี ยามที่เลือดไหลออกจากตัว ความเจ็บและร่างที่เกร็งและโดนดูดเลือดไป ฉันพยายามทำใจไม่ให้คิดถึงเรื่องนั้นเพราะมันรั้งแต่จะทำให้ฉันกลัวยิ่งกว่าเก่า

           ฉันรับรู้ได้ถึงไอ้เย็นจากใบหน้าของเขาที่กำลังก้มลงมา ปรายจมูกเย็นที่สัมผัสต้นคอของฉัน ริมฝีปากนุ่มเย็นที่สัมผัสต้นขอของฉัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×