ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บททดสอบรักของฉันและนาย

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ มีแฟนยางงง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 66
      1
      17 พ.ค. 58

    บทนำ
            “ได้ยินว่านักเรียนเข้ามาใหม่ล่ะเธอ  ( ^[]^ )” 
    เด็กนักเรียนหญิงที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ในห้องพากันส่งเสียงเจี้ยวจ้าวน่ารำคาญ ฉันที่กำลังฟุบหลับอยู่รีบยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างด้วยความรำคาญ -*-
            “เธอรู้มาแค่นั้นเรอะยะ” น้ำเสียงบอกได้เลยว่าเยาะเย้ยมาก ขนาดฉันไม่ใช่คนที่หล่อนพูดด้วยยังรู้สึกหมั่นไส้แทนเลย
            “ว่าแต่คนอื่น ทำอย่างกับว่าตัวเองรู้อะไร”
            จร้า เอาเข้าไป -*- คุยกันออกรสออกชาติเชียว เกรงใจกันบ้างไหมเนี่ย อุตส่าห์ว่าวิชาแรกวันนี้ว่างจะนอนให้เต็มที่สักหน่อย ยังต้องมานอนทนฟังเสียงยัยพวกนี้อีก
            “ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็เขานะดังจะตายซอไงล่ะ”
            “กรีดดด จริงเรอะ ซอ นักเรียนชายโรงเรียนชายล้วนนะเรอะ ทำไมเขาถึงย้ายมาล่ะเนี่ย ( > < ) กรีดดดดด” 
    พอได้ยินว่านักเรียนใหม่เป็นใคร เหล่านักเรียนหญิงในห้องฉันที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ก็ส่งเสียงกรีดกราดอย่างชอบใจออกมา 
    จะทนไม่ไหวแล้วนะ -*- 
           “ใช่ ซอ ที่ไม่ถูกกับซัน นักเรียนโรงเรียนชายลวนอีกโรงเรียนหนึ่งไง ใครไม่รู้จักคู่กัดสุดหล่อสองคนนี่นะ เช้ย เชยยยย ถึงจะชอบมีเรื่องกับคนอื่นไปเลื่อยแต่ฉันก็ช้อบชอบบบเขาทั้งคู่เลย” ทำน้ำเสียงน่าหมั่นไส้มาก
           ฉันละคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก แล้วเมื่อไหร่จะเงียบสักทีละเนี่ย น่ารำคาญจริงๆ เลย 
           ปรอดความอดทนของฉันเริ่มพุ่งสูงปรีดดดด นักเรียนหญิงกลุ่มนี้บ้ากันไปแล้วดูท่าพวกเธอคงชอบคนทำตัวเป็นนักเลง เป็นพวกอันธพาล ยังไม่จบแค่นั้นยังมีถามต่ออีก
          “จริงเรอะๆ” น้ำเสียงตื่นเต้นจนปิดไม่มิด
          “กรีดดดด แล้วเขาจะมาตอนนะ...”
          ตุบ
          ฉันลุกยืนขึ้นพรวดด้วยความรำคาญเป็นผลให้เก้าอี้ที่นั่งอยู่เมื่อครู่ล้มลงไปที่พื้นจนเกิดเสียงดัง นักเรียนทั้งชายทั้งหญิงที่อยู่ในห้องพากันหันมามองฉันเป็นตาเดียว ฉันมองเด็กนักเรียนหญิงกลุ่มใหญ่ที่พากันคุยเสียงดังด้วยสายตางัวเงียแต่พวกเธอกลับทำเหมือนฉันเอามีดไปจอคอพวกเธอแต่ล่ะคนไว้ 
          “ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวอยู่ได้ ( - - )” พูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียเพราะความง่วง
          “ขอโทษที เซียร์ เดียวพวกเราจะเงียบเสียงลงก็ได้” 
    คนพูดดูเหมือนกำลังแสดงความกล้าออกมาอย่างเต็มที่ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยสักหน่อย ดูทำท่าทางเข้าสิ น่าโมโหชะมัด อย่างกับฉันกำลังบีบคอเธออยู่แนะ
           “( - - )” 
           ฉันยังคงมองด้วยดวงตางัวเงียเหมือนเดิมและไม่ได้ตอบอะไร นั้นยิ่งทำให้พวกเธอลนเข้าไปใหญ่ เอ้า เอาเข้าไป
           “งั้น-เดียว-เราออกไป-คุยกันข้างนอก-ก็ได้” 
    อีกคนเสนอแนะด้วยท่าทางกลัวๆ พูดแทบฟังไม่รู้เรื่อง ถ้ากลัวฉันขนาดนี้ทำไมไม่เงียบเสียงตั้งแต่ทีแรกล่ะ จะตื่นเต้นดีใจอะไรกันขนาดนั้น ทำอย่างกับพระเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์
           “ช่างเถอะ ฉันไปเอง( - - ) ” 
           ฉันคว้ากระเป๋านักเรียนที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาสะพายแล้วเดินออกไป ยังไม่พ้นธรณีประตูห้องก็ได้ยินเสียงนักเรียนหญิงกลุ่มนั้นถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กัน เหตุผลที่พวกเธอกลัวฉันนั้นฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องของฉันออกไป 
    เรื่องที่ว่านั้น มันมีอยู่ว่า.... 
           เมื่อเทอมที่แล้วฉันเพิ่งย้ายมาโรงเรียนนี้แบบกลางคัน (กลางเทอม) ซึ่งหลายๆ คนก็คงเข้าใจว่าคนที่ย้ายกลางคันมีแค่ไม่กี่เหตุผล
           หนึ่ง ย้ายตามพ่อกับแม่ที่ต้องย้ายที่ทำงาน
           สอง โดนย้ายหรือโดนไล่ออก
           ซึ่งของฉันคืออย่างที่สอง พอฉันย้ายมาปับก็มีข่าวลือออกมาปุบ (ไวกว่าเจ้าตัวได้เข้าห้องเรียนซะอีก) ว่าที่ฉันย้ายมากลางเทอมเพราะฉันไปก่อเรื่องแย่ๆ ไว้มากมาย ทั้งต่อยกับเพื่อนผู้ชาย ต่อยอาจารย์พละบ้างล่ะ เผากระเป๋าเพื่อนนักเรียนบ้างล่ะ
           ที่แย่สุดๆ ก็คงจะเป็นเรื่องฉันไปขังเพื่อนนักเรียนหญิงไว้ในห้องน้ำตั้งแต่วันศุกร์ ซึ่งกว่าจะมีคนมาพบอีกทีก็วันจันทร์ด้วยสภาพอิดโรย แถมยังเอาโทรศัพท์ของเด็กผู้หญิงคนนั้นมากระทืบจนแตกละเอียดแล้วโยนลงชักโครกเพื่อให้โทรตามคนมาช่วยไม่ได้ (เรื่องนี้โดนพูดถึงอยู่นานพอสมควร)
            และก็มีอีกหลายๆ เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็ยังมีคนปล่อยข่าวออกมาจนเด็กนักเรียนโรงเรียนนี้พากันเชื่อไปตามกัน ยิ่งเห็นฉันนิ่งเงียบไม่ยอมแก้ข่าวยิ่งเชื่อกันเป็นตุเป็นตะ 
           แล้วดูเมื่อกี้สิ ฉันแค่ลุกขึ้นเร็วไปเท่านั้นเก้าอี้ก็เลยล้มลงไปจนเกิดเสียงดัง และฉันก็แค่งัวเงียไม่ได้ทำตาดุแบบจะกลิ่นเลือดกินเนื้อพวกเธอสักหน่อย
          “ฮู้ เกือบไปแล้ว ฉันคิดว่า เธอจะเดินมาบีบคอฉันซะอีก น่ากลัวเป็นบ้าเลย”
          “นั้นสิ สายตาที่เธอใช้มองอย่างกับมีดแนะ เมื่อกี้ฉันกลั้นหายใจไว้เลยนะ ( T[]T ) ”
           เสียงเด็กนักเรียนกลุ่มนั้นยังคงดังตามหลังมา เล่นคุยกันซะดังขนาดนี้ มายืนคุยกันข้างหูฉันไม่ดีกว่ารึไง นินทาแบบกลัวเจ้าของหัวข้อสนทนาไม่ได้ยินรึไง -*-
     
            ฉันเดินมาจนถึงห้องสมุด พอมาถึงก็นั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วฟุบหน้าลงนอนกับโต๊ะทันทีทั้งที่ยังไม่วางกระเป๋าด้วยซ้ำ
            “กรีดดดดด”
           โอ้ยย ให้ตายเถอะ ส่งเสียงอะไรกันอีกเนี่ย รีบยกมือขึ้นปิดหูอย่างรวดเร็ว
            ถึงแม้ในห้องสมุดจะเงียบเพราะแทบไม่มีคนแต่ทางเดินระเบียงด้านหน้ากลับมีเสียงสาวๆ พากันส่งเสียงกรีดกราดอีกแล้ว 
            “ตุ๊บตับๆ”
            แต่การยกมือขึ้นปิดหูก็ได้แค่ช่วยกันเสียงแหลมๆ ของนักเรียนหญิงกลุ่มนี้ได้บางส่วนเท่านั้น ทว่าการสั้นสะเทือนและเสียงที่ตามมาจากการวิ่งของพวกเธอที่เหมือนกำลังวิ่งไปหนีอะไรบางอย่าง ดังและรุนแรงมากจนทำให้โต๊ะที่ฉันนอนอยู่รับรู้ได้ถึงการสั่นสะเทือน ดูท่าจะเกินยี่สิบคนขึ้นไป มีสัตว์ป่าหลงเข้ามาในโรงเรียนแล้วพากันวิ่งหนีรึไง เสียงดังเป็นบ้า
            ฉันว่าฉันคงต้องไปหาที่ที่ห่างไกลกว่านี้หน่อย พวกเธอคงไม่ลดเสียงลงง่ายๆ แน่ และดูเหมือนจะอยู่ตรงนี้อีกนานแหงมๆ ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นอย่างเซ็งๆ คราวนี้เก้าอี้ไม่ได้ล้มลงมาเพราะฉันค่อยๆ ลุกขึ้น
            “( - - )” 
            ฉันเดินออกมาที่หน้าห้องสมุดและพบว่าประตูของห้องสมุดซึ่งมีบานเดียวในการเข้า-ออก มีนักเรียนหญิงกลุ่มใหญ่กำลังยืนออกันอยู่ พอมองตามทางที่พวกเธอพากันเบียดกันไปก็พบว่ายังมีนักเรียนหญิงอีกหลายร้อยคนอยู่ด้านหน้าดูราวกับมดไม่มีผิด 
            เสียงตุ๊บตับๆ จากรองเท้าของพวกเธอและการสั่นสะเทือนหยุดลงแล้วเพราะไม่มีใครสามารถวิ่งได้ในตอนนี้ ที่ยืนก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว ที่แย่ก็คือเสียงกรีดกราดยังคงดังอยู่ โชคดีที่ฉันเอากระดาษทิชชู้อุดหูไว้แล้ว ไม่งั้นคงทนไม่ไหว
            เกิดอะไรขึ้นเนี่ย มีคนมาขายเสื้อผ้าแบรนเนิมแบบกระหน่ำซัมเมอร์เซลรึไง แบบว่าลดจากพันห้าเหลือห้าสิบอะไรเงี้ยเรอะ นักเรียนหญิงโรงเรียนนี้ถึงได้แห่กันมาออจนหาทางเดินไม่ได้เลย
            “นี่ฉันอุตส่าห์ออกมาจากห้อง พวกเธอยังมาส่งเสียงดังอยู่ที่นี้อีกเรอะ -*-”  
            นักเรียนหญิงในห้องของฉันที่ฉันเพิ่งจากมาแล้วปล่อยให้พวกเธอคุยกันก็ดันมากับเขาด้วย เออ เอ้าเข้าไป แห่กันมาทั้งโรงเรียนเลยไหมเนี่ย นักเรียนหญิงห้องฉัน ฉันก็พอจะเข้าใจเพราะพวกเธอว่างคาบนี้ แต่ห้องอื่นนี่พากันว่างหมดเลยรึไงถึงได้ไม่เรียนกันแล้วมายืนตันทางคนอื่นเนี่ย ( - - ) <<< ยังคงงัวเงียอยู่
            “อุ้ย เซียร์” นักเรียนหญิงที่เห็นฉันพากันอุทานออกมาเหมือนกันอย่างกับนัดกันไว้ พวกเธอหยุดส่งเสียงกรีดกราดเลยทำให้บริเวณที่ฉันยืนอยู่เงียบลงบ้าง
            “อื้ม ฉันเอง ขอทางหน่อยได้ไหม ( - - )” ดึงทิชชู้ออกจากหูแล้วใส่กระเอาเสื้อคืน
            “ดะ-ได้” 
            แล้วก็พากันแหวกทางให้ฉัน ฉันเดินไปตามทางที่พวกเธอเบี่ยงตัวหลบให้อย่างสบายๆ ไม่ต้องไปเบียดหรือขุดหลุมออกไปให้เหนื่อย เหล่านักเรียนหญิงด้านหลังที่ตอนแรกไม่รู้ว่าใครกำลังเดินไปพอเห็นว่าเป็นฉันก็พากันหยุดส่งเสียงกรีดกราดแล้วแหวกทางเดินให้ตามคนที่อยู่ข้างหน้าของตนเอง
            ดีจังเป็นคนที่คนอื่นกลัวเนี่ย ถึงแม้จะไม่มีเพื่อนแต่ก็ดีในหลายๆ เรื่องอยู่เหมือนกัน คิดในแง่ดีไว้ก็แล้วกัน
            “เธอก็มาดูซอเหมือนกันเรอะ” หนึ่งในเด็กนักเรียนหญิงถามฉัน 
    ฉันมองหน้าคนถามและจำเธอได้ทันทีว่าเธอเป็นใคร ได้ยินว่าก่อนฉันจะมาที่นี้เธอคนนี้เป็นที่หนึ่งในเรื่องชอบหาเรื่องเพื่อนคนอื่นหรือเรียกกันว่าอันธพาลของโรงเรียนนั้นล่ะ เธอเป็นที่หนึ่งเลยนะ 
            แต่ว่าพอฉันมาเธอก็ตกอันดับไป ทั้งที่ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ นักเรียนทั้งโรงเรียนกลับยกอันดับที่ฉันไม่ได้ต้องการมาให้ ฉันเลยได้เป็นอันธพาลอันดับหนึ่งของโรงเรียนแห่งนี้ไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนเธอคนนี้ก็ได้ที่สองไป ดูท่าเธอคงจะไม่พอใจอยู่บ้าง ไม่เห็นเข้าใจว่ามันน่าอยากได้ตรงไหน ไอ้ตำแหน่งบ้าๆ เนี่ย
           “เปล่า เธอเห็นว่าฉันกำลังเดินไปกับพวกเธอด้วยรึไง -*- ”
           ก็เห็นๆ อยู่ว่าคนกำลังเดินย้อนศร ถามมาได้ หน้าตาก็ออกสวย 
    ฉันตั้งท่าจะเดินต่อแต่คำพูดของยัยที่สอง (ตั้งฉายาให้เองเพราะไม่รู้จักชื่อเธอ) ดักไว้ก่อน
           “ก็แค่คิดว่าเธอจะมาดูหน้าคนที่กำลังจะมาแย่งตำแหน่งเธอซะอีก”
            “ตำแหน่งอะไร อันธพาลอันดับหนึ่งของโรงเรียนเรอะ ฉันไม่ใช่เธอนะที่อยากได้ตำแหน่งนั้นนะ อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเองสิ”
            “นี่!” ขึ้นเสียงใส่ฉันด้วยความไม่พอใจแล้วเข้ามาขวางทางฉันไว้   ดวงตาคมสวยจ้องจิกฉัน 
            อุ้ยตาย เนื้อจะขาดแล้วเนี่ย จ้องได้จ้องไป~ 
            “รับไม่ได้ที่เธอจะตกไปเป็นที่สามรึไง” ฉันหายง่วงทันทีเพราะมีคนมาหาเรื่อง อย่างมีเรื่องมากรึไงยัยนี่ เห็นเงียบมานานสงสัยคิดว่าจะมีคนมาดึงฉันลงจากตำแหน่งได้ก็เลยกล้าซ่าขึ้นมางั้นสิ แต่ฉันไม่สนหลอกนะเรื่องตำแหน่ง ทว่าตอนนี้ชักอยากมีเรื่องขึ้นมาแล้วสิ
           “คิดว่าตัวเองแน่มากรึไง ฮะ!” ขึ้นเสียงใส่ฉันอีกแล้ว เหล่านักเรียนหญิงที่อยู่บริเวณนี้พากันเงียบแล้วมองมายังฉันสองคน ส่วนพวกที่อยู่ถัดไปด้านหลังฉันที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนี้ก็ยังพากันส่งเสียงเจี้ยวจ้าวไม่หยุด
           “หึ” ฉันหยักยิ้มขึ้นที่มุมปาก สงสัยยัยนี่อยากมีเรื่องจริงๆ ฉันกระชับเป้ให้แน่นขึ้นเตรียมหาเรื่องเต็มที 
           “นี่! เธอคนนั้นนะ คนที่หันหลังอยู่” 
           เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นท่ามกลางเสียงกรีดกราดด้านหลัง 
           “เอาแล้วไง เธอเสร็จแน่ หึ” 
           “หวังมากละสิ กลัวฉันจะไม่ตกอันดับใช่ไหม” ฉันผลักคู่สนทนาออกไปจากรัศมีทางเดินของตัวเอง ยัยที่สองล้มลงไปทันทีแม้คนจะเยอะแต่ทุกคนพากันหลบให้เธอล้มลงไปที่พื้นโดยไม่มีใครสนใจจะช่วย คงเพราะเธอทำเรื่องแย่ๆ ไว้เยอะมาก สมควรโดนแล้วล่ะ  
            ตอนแรกก็กะว่าอยากจะมีเรื่อง แต่พอนึกถึงคำพูดอาจารย์ที่ปรึกษาขึ้นมาก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะถ้าฉันมีเรื่องอีกฉันจะโดนย้ายทันที ทั้งที่ฉันยังไม่ได้ก่อเรื่องที่โรงเรียนนี้สักครั้งเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าฉันก่อเรื่องเพียงครั้งเดียวฉันโดนย้ายแน่ๆ  
            “ถ้าเธอกล้าเดินอีกก้าวหนึ่งเธอไม่รู้แน่ว่าเธอจะเจออะไร”
    ขณะที่ฉันกำลังจะเดินต่อเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกจากทางด้านหลังของฉัน และครั้งนี้มันใกล้กว่าเดิมเยอะมาก
            ฉันกรอกตาไปมาด้วยความเซ็ง ใครสนล่ะ ใช่ว่าฉันจะแคร์ มีฉันคนเดียวหรือไงที่หันหลังอยู่ เอ๋! หรือว่าใช่? 
            ฉันกวาดตามองไปรอบๆ และพบว่าทุกคนมองผ่านทางไปด้านหลังของฉันแล้วก็พากันเบนสายตามามองฉัน เหมือนกับว่าคนที่โดนเรียกคือฉันจริงๆ 
            ก็...คงใช่ม้าง~ เพราะเท่าที่เห็นไม่มีใครหันหลังอยู่เลย
            “เอาซี่~ เดินเลย เธอกล้าไหมล่ะ” 
           ยัยคนที่โดนฉันผลักลุกขึ้นมาส่งเสียงท้าทายฉัน ฉันหันมองคนพูดก่อนจะกระตุกยิ้มแล้วเดินต่อโดนไม่สนใจเสียงโวยวายด้านหลัง
           “นี่เธอ!” ประโยคนี้ทำให้ฉันรู้ว่าเจ้าของเสียงทุ่มนุ่มคนนั้นกำลังยืนอยู่ด้านหลังฉันแบบระยะประชิดจนฉันรู้สึกได้เลยล่ะว่าถ้าหันไปอาจจะชนเขาเข้าก็ได้ นี่เขาผ่าฝูงชนมาได้ไว้ขนาดนี้เชียว สงสัยเหล่านักเรียนหญิงที่ยืนมุมอยู่คงจะหลีกทางให้ อยากดูฉันมีเรื่องกับเขางั้นสิ 
           “มีคนชื่อแปลกขนาดนี้ด้วยเรอะ ชื่อเธอเนี่ยนะ” ฉันยังคงไม่หันไปแต่ก็เดินต่อไปไม่ได้เพราะพวกสาวๆ พากันมายืนขวางทางฉันไว้ พวกเธอถึงจะกลัวฉันขนาดไหนแต่ก็ยังคงอยากเห็นฉันย่อยยับเหมือนกันและคงทำไปเพราะอยากได้หน้า ดูได้สายตาของพวกเธอมองไปที่คนด้านหลังฉันหยาดเยิ้มเชียว แหวะ เลี่ยนจริงๆ เลย
            “ฉันเตือนเธอแล้วนะว่าอย่าเดิน”
            เสียงสาวๆ ที่กำลังกรีดกราดวี้ดว้ายกระตู้วู้อยู่เงียบลงทันที ปากปิดแต่หูกำลังเปิด เงี่ยหูฟังกันทุกราย ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นจริงๆ คนพวกนี้ 
            “แล้วไง” ฉันหันมาเผชิญหน้าเพราะไม่งั้นเรื่องจะยืดเยื้อยิ่งกว่าเดิม  ฉันไม่ได้ถอยไปด้านหลังแม้เราจะยืนชิดกันมาก แต่ในสถานการณือย่างนี้ ถอยไม่ได๋~ ไม่ด้าย ไม่ได้
            แหมะ! สมกับที่สาวๆ แห่กันมาจริงๆ หมอนี่หล่อไม่ใช่เล่น แถมตัวสูงอีกต่างหาก ฉันเคยคิดว่าฉันคงหาแฟนยากเพราะตัวเองเกิดมาตัวสูงแต่ตอนนี้เริ่มมีหวังแล้วล่ะว่ายังมีผู้ชายตัวสูงอยู่ในประเทศนี้บ้าง 
           “ฮ่ะ เป็นเธอจริงๆ ด้วย” เขายิ้มฉีกยิ้มออกมาเล็กๆ แวบนึ่ง
           ยิ่งทำก็ยิ่งหล่อแฮะหมอนี่ 
           โอ้ว แม่เจ้า พวกสาวๆ ที่เห็นพากันละลายไปหมดแล้ว ขณะแค่ยิ้มแปบเดียวนะเนี่ย ถ้าเขาเดินยิ้มทั้งวันไปทั่วโรงเรียนฉันว่าคงได้พาสาวๆ พวกนี้ไปโรงบาลแน่ๆ โชคดีนะที่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับรอยยิ้มนั้น คงเพราะฉันไม่ค่อยสนเรื่องความรักหรือเรื่องหน้าตาเท่าไหร่ ก็เลยทำให้ไม่เป็นไปตามสาวๆ กลุ่มนี้ โชคดีจริงๆ
           “ฉันทำไม? -*- อ้ออออ หรือว่าฉันเคยไปขโมยลูกนายจากโรงพยาบาล นายก็เลยมาขอคืนงั้นสิ?” 
           ว่าไปนั้นฉัน พูดไปเลื่อยเปื่อย ฉันไม่เคยเจอเขาสักหน่อย ทำหน้าอย่างกับว่าเราเคยเจอกัน หรือว่าเขาจะเป็นคนรักชาติที่แล้วของฉันรึไง ฮ่าๆ คิดแล้วก็ขำเองในใจ
           “ฉันยังไม่มีลูก” ดวงตาเขากำลังยิ้มอยู่ใช่ไหม นี่ฉันมองผิดไปรึเปล่า แถมมุมปากก็เหมือนกำลังอมยิ้มอยู่ด้วย
           “งั้นเอาไข่เน่าไปปาบ้านนายงั้นสิ ” ฉันยังคงกวนไม่เลิก
           “ฉันอยู่คอนโด” ยังคงตอบอย่างใจเย็น
           “งั้นเรื่องนี่แน่เลย รับรองว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมากเลยล่ะ เจาะล้อรถรถจักรยานนาย”
            ฮ่าๆ แอบขำอยู่ในใจ ส่วนตอนนี้กำลังทำหน้านิ่งอยู่คร้า~
            “ฉันมีที่ไหนเล้า เลิกเดาส่งเดชสักทีเถอะน่า นี่เธอจำฉันไม่ได้รึไง -*- ” เอามือหนึ่งล้วงกระเป๋าอีกมือชี้หน้าตัวเองทำเท่ ท่าทางของเขาแทบทำให้สาวๆ ละลาย ทว่าฉันเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างสงสัยกับท่าทางที่เขาทำก่อนจะตอบออกไป
            “ฉันไม่เคยเห็นนาย จบไหม ฉันคิดว่านายจะมาหาเรื่องฉันซะอีก”
            “ทำไมฉันจะต้องหาเรื่องเธอด้วย? -*-” 
            “ช่างเถอะ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม” ฉันเตรียมท่าจะหมุนตัวเพื่อจะเดินไป แต่เขาเอามือมาจับไหลฉันไม่ให้หันไปทางไหนได้ไว้ซะก่อนที่ฉันจะทันได้หมุนตัวกลับไปด้วยซ้ำ
            “เดียวก่อน... -*- ” 
            “อะไรอีก” ฉันสะบัดไหล่ไปมาเพื่อให้มือเขาหลุดออกแต่ก็ไม่เป็นผล คงเพราะฉันออกแรงน้อยไป
            “เธอ...ไม่เคยเห็นฉันจริงๆ น่ะเรอะ”
            “นายจะเอาอะไรนักหนา ฉันก็บอกไปแล้วไง” อะไรของเขากันคะยั้นคะยอฉันอยู่นั้นล่ะ อยากให้ฉันจำได้ก็บอกมาสิว่าเคยเจอกันที่ไหน พูดเป็นปริศนาอยู่ได้ -*-
            “แต่ฉันว่าใช่เธอแน่ๆ” ทำหน้ามั่นใจเต็มประดา “งั้นเอางี้ดีกว่า เธอมีแฟนรึยัง?” 
            “(O[]O)” <<<<<<<<<ฉัน / นักเรียนหญิงทุกคนที่ได้ยิน ซึ่งน่าจะได้ยินกันหมด 


            ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านน่ะค่ะ มีอีกเรื่องที่ลงจบไปแล้วชื่อเรื่อง Love story รักร้ายนายแวมไพร์ตัวป่วน ช่วยแวะไปอ่านด้วยน่ะค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×