ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชายาอ๋องไร้ใจ (ZiYu)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 - (1/2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.59K
      1.17K
      29 ก.ค. 64

     บทที่ 2

    จุดโคมแดงหน้าจวนบ่าว-สาวกราบไหว้ฟ้าดิน

    หมิ่งหลานขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงมงคลประดับลายหงส์มังกรสีทองสง่างดงามตามบรรดาศักดิ์ เกี้ยวหลังใหญ่เคลื่อนไปตามท้องถนน ที่ประดับโคมไฟสีแดงมงคลขบวนเจ้าสาวยาวเป็นลี้ ถึงขนาดว่าหัวขบวนถึงจวนจิ้นอ๋องแล้วท้ายขบวนพึ่งออกจากประตูจวนท่านเสนาบดีกรมโยธา บรรยากาศงานมงคลวันนี้ชื่นมื่น ชาวบ้านแห่มาร่วมแสดงความยินดีตลอดทาง ทหารหลายพันนายคอยอารักขาสินเดิมเจ้าสาวและสินสอดของหมั้นที่บ้านเจ้าสาวให้ติดขบวนมา ทหารองครักษ์หลวงคอยอำนวยความสะดวกตลอดทาง

    ตามถนนหนทางมีโคมแดงมงคลประดับประดาตลอดทาง มีดอกไม้โปรยมาจากบนชั้นสองของโรงเตี๊ยมในเมือง ประชาชนออกมาโห่ร้องแสดงความยินดีตามท้องถนน ที่แม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินได้แต่งงาน จะได้มีผู้สืบทอดสายเลือดนักรบที่แข็งแกร่ง ผู้ปกป้องบ้านเมืองด้วยจิตวิญญาณ ผู้มีฉายาแม่ทัพทมิฬคนต่อไป ชาวบ้านทุกคนต่างมาชื่นชมบารมีว่าที่พระชายาที่นั่งอยู่ในเกี้ยวหลังงาม บุตรีขุนนางหลานคนต่างหัวใจสลาย ยิ่งสาวน้อยสาวใหญ่ในเมืองหลวงด้วยแล้ว ทำเอาน้ำตาซึมไปหลายวัน ด้วยอำนาจของจิ้นอ๋องแล้วว่ากันว่ามีขุนนางอยากมีความก้าวหน้าชอบใช้ทางลัดอยากให้บุตรหลานใช้เต้าไต่ ยามที่ท่านอ๋องกลับมาพักที่เมืองหลวง ขุนนางพวกนั้นก็จะส่งบุตรหลานไปปีนเตียงแม่ทัพในช่วงที่พระองค์มาเมืองหลวง พอรุ่งเช้าก็จะมีทหาร นำเอาศพหญิงสาวถูกปาดคอตายภายในดาบเดียวมาส่งถึงหน้าประตูจวนขุนนางผู้นั้น พร้อมข้อหาทำลอบทำร้ายเชื้อพระวงศ์ในยามวิกาล แม้แต่หญิงงามที่ฮ่องเต้ประทานมาให้ในงานเลี้ยง หรือประทานให้อย่างลับๆ ก็ตาม มักจะมีจุดจบที่เหมือนกันคือตายในดาบเดียว ทำให้ขุนนางต่างไม่กล้าที่จะส่งบุตรีคนไหนไปอุ่นเตียงจิ้นอ๋องอีกเลย

    แต่นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮ่องเต้ออกราชโองการแต่งงานให้จิ้นอ๋อง นอกจากจะไม่รับราชโองการแล้วยังเอามาคืนถึงตำหนัก บ้างก็โยนทิ้งหน้าท้องพระโรง บางครั้งไม่พอใจมากก็ฝากฮองเฮามาคืนบ้าง ส่วนฮองเฮาก็ตามใจจิ้นอ๋องมาตั้งแต่วัยเยาว์ มีหรือจะกล้าขัดใจ ฮ่องเต้ในยามที่เห็นใบหน้าฮองเฮาที่ถือม้วนแพรไหมสีทองมาคืนยามใด ก็ได้แต่ถอนหายใจทุกที แต่ราชโองการครั้งนี้ไม่เพียงไม่ปฏิเสธ แต่กลับรับราชโองการไว้และให้สินน้ำใจขันทีอีก อาจเป็นเพราะถึงวัยแล้ว หรือเพราะฮองเฮาขอร้อง แต่ไม่ว่าเพราะอะไรชาวบ้านล้วนยินดี ส่วนฮ่องเต้เมื่อเห็นว่าโอรสหัวดื้อยอมแต่งงานแล้ว ก็เบาใจมากโข

    “บ่าวสาวคำนับครั้งที่หนึ่ง ไหว้ฟ้าดิน”

    “บ่าวสาวคำนับครั้งที่สอง ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์”

    “บ่าวสาวคำนับครั้งที่สาม ไหว้บรรพบุรุษ”

    “บ่าวสาวคำนับซึ่งและกัน”

    หมิ่งหลานเดินทางจากจวนสกุลจาง มาถึงจวนจิ้นอ๋องก็ใช้เวลามากพอสมควร มาถึงก็พิธีรับเจ้าสาว จิ้นอ๋องใช้เท้าแตะเกี้ยวสามครั้ง เพื่อเป็นการข่มเจ้าสาวให้เชื่อฟังเป็นธรรมเนียมโบราณมือหยาบกระด้างที่ผ่านการจับดาบสู้รบยื่นมาจับมือหมิ่งหลานดึงให้ลุกออกจากเกี้ยว โดยที่หมิ่งหลานพยายามอย่างมาก เพราะเครื่องประดับบนหัวและเสื้อผ้าที่หนักอึ้ง ดีที่จิ้นอ๋องช่วยดึงนางให้ลุกยืนขึ้นได้หมิ่งหลานมองมือตนเองผ่านผ้าคลุมสีแดง เทียบกันแล้วมือหมิ่งหลานมือเล็กกว่ามือจิ้นอ๋องมาก แต่ก็ได้เห็นแค่มือ เพราะผ้าคลุมเป็นแบบหนามองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเท้าตนเอง ในความทรงจำของหมิ่งหลานจิ้นอ๋องคนนี้แทบจะไม่ได้อยู่ในสายตา หรือเรียกว่าแค่ผ่านตาเท่านั้น ทำให้นางพลางนึกภาพจิ้นอ๋องไม่ออกเช่นเดียวกัน เคยได้ยินถิงถิงบอกว่าเป็นบุรุษรูปงาม

    หลังพิธีกราบไหว้ ยกน้ำชาเสร็จก็ถึงเวลาส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอรอฤกษ์ที่จะร่วมหอกับเจ้าบ่าว แต่เจ้าสาวก็ต้องเข้าไปรอจนกว่าจะค่ำ ตอนนี้พึ่งยามอู๋ (11:00 - 12:59 น.) ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วยาม ส่วนเจ้าบ่าวก็ออกไปต้อนรับแขก และรับของแสดงความยินดี

    “พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเพคะ ให้หม่อมฉันหาของกินมาให้ไหมเพคะ” ถิงถิงเดินตามพระชายาเข้ามาในห้องหอ รอปรนนิบัติรับให้หลังจากที่อู๋หม่าหม่า นางกำนัลชั้นผู้ใหญ่ในวังมาส่งที่ห้องหอ ให้หมิ่งหลานพักผ่อนรอถึงยามเซิน นางจะมาอบรมการปฏิบัติตัวเวลาปรนนิบัติจิ้นอ๋อง

    “ก็ดี กว่าจะถึงเวลาอู๋หม่าหม่ามาอบรม ข้าคงเป็นลมตายก่อน”

    “พระชายาเหตุใดพูดไม่เป็นมงคล เดี๋ยวหม่อมฉันจะรีบนำอาหารมาให้นะ เพคะ” หลังจากถิงถิงนำขนมมาให้กินหลายอย่าง ก็ถึงเวลาที่อู๋หม่าหม่าจะมาอบรมสั่งสอนพระชายาคนใหม่ให้รู้จักแนวปฏิบัติยามอยู่ต่อหน้าจิ้นอ๋อง

    “ถวายพระพรเพคะ พระชายา หม่อมฉันอู๋หนิง” อู๋หม่าหม่าย่อกายทำความเคารพชายาของจิ้นอ๋องผู้ที่จะมาเป็นนายใหม่อีกคนของจวนพยัคฆ์ทมิฬนางเป็นคนของฮองเฮา ได้รับพระเสาวนีย์ให้ดูแลพระชายา และงานมงคลนี้ จนกว่าพระชายาจะเข้าหอกับจิ้นอ๋องให้สำเร็จ

    “ลุกขึ้นเถิด อู๋หม่าหม่า” หมิ่งหลานนั่งรออู๋หม่าหม่าอยู่บนเตียงอย่างเรียบร้อยสมกับเป็นหวางเฟย โดยไม่ได้เปิดผ้าคลุมหน้า จึงไม่เห็นว่าหน้าตาของอู๋หม่าหม่านั้นเป็นเช่นไร

    “เรื่องเข้าหอท่านพอจะทราบถึงขั้นไหนแล้วเจ้าคะ” อู๋หม่าหม่าเอยถามถึง นางรู้ดีแม้ไม่เคยลิ้มลองมากับตัว แต่ก็เคยเห็นกับตามาไม่น้อย

    “ข้าเคยเห็นในหนังสือมาบ้างแล้ว” หมิ่งหลานก็ไม่กล้าที่จะตอบว่าเคยเห็นจนชินตาเหลือแต่ปฏิบัติจริงนี้แหละ

    “เช่นนั้นข้าจะอธิบายให้ท่านฟัง การร่วมเตียงกับจิ้นอ๋องนั้น พระชายาต้องอยู่ข้างล่าง นอนนิ่งให้ท่านอ๋องจัดการทุกอย่าง”

    “ห้ามแตะต้องศีรษะและผมของจิ้นอ๋องเป็นอันขาด”

    “เป็นกุลสตรีห้ามร้องเสียงดังเช่นนางโลม”

    “ส่วนท่าทางก็แล้วแต่ท่านอ๋องจะทรงโปรด”

    “พรุ่งนี้ยกน้ำชายามเช้าที่วังหลวง และนี้คือผ้าขาวโปรดนำมันติดตัวไว้”

    อู๋หม่าหม่าช่างพูดจาดูถูกสมาชิกพรีเมียมของพรคลับเสียจริง ให้นางอยู่เฉยๆ นี้นะ ให้นอนนิ่งเป็นปลาตาย และการเกิดใหม่มันจะคุ้มค่าอะไร หมิ่งหลานจะต้องเป็นยอดภรรยาไม่ว่าจะบนเตียง หรือบนโต๊ะ แม้แต่ในอ่างน้ำก็ตามล้วนต้องปรนนิบัติสามีให้ดี จนไปหากินที่อื่นไม่ได้

    “ขอบใจท่านอู๋หม่าหม่าข้าจะจำไว้” รับปากว่าจะจำแต่ไม่ได้รับปากว่าจะปฏิบัติตามนิ นางให้ข้าอยู่ล่าง ข้าจะอยู่บน นางให้ท่านอ๋องเป็นผู้จัดการทุกอย่าง ข้านี้แหละจะเริ่มทุกอย่างเอง จะจัดการจิ้นอ๋องไม่ให้เหลือรอดนางมิให้แตะต้องผม ข้านี้แหละจะทั้งจับ ทั้งลูบ ทั้งดึง ส่วนเรื่องเสียงคงต้องดูว่าท่านอ๋องจะร้อนแรงเพียงใดกัน

    “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องกำลังเสด็จมาทางนี้เพคะ” ถิงถิงรายงานความคืบหน้า หลังจากจิ้นอ๋องดื่มสุรา ส่งแขกหมด ก็เสร็จมาเรื่องหอทันที

    “อืมเจ้าไปเตรียมน้ำให้ข้ากับท่านอ๋อง”

    “ทราบแล้วเพคะ”

    หมิ่งหลานอยากจะอาบน้ำชำระร่างกายเต็มที แต่ต้องรอดื่มเหล้ามงคลก่อน

    ประตูห้องหอเปิดเข้ามา เสียงเท้าหนักๆ กำลังเดินมาที่เตียง หมิ่งหลานก็ทราบในทันทีว่าคงเป็นท่านอ๋อง

    “จิ้นอ๋องหรือเพคะ” ถึงนางจะรู้ว่าต้องเป็นจิ้นอ๋องแน่ๆ แต่ก็ถามเผื่อว่าไม่ใช่ จะได้ไม่หน้าแตกทีหลัง

    “อืม ข้าเอง” จิ้นอ๋อง จงเจิ้นหย่งจื่อ เป็นพระโอสถองค์รองของฮ่องเต้ เกิดจากฮองเฮา มีพี่น้องร่วมมารดาคือไท่จื่อ จงเจิ้นหย่งเหวิน พระองค์เป็นแม่ทัพใหญ่ของต้าจิน และทรงเป็นโอรสที่ทรงโปรดที่สุด ทรงมีพระพักตร์เหมือนฮ่องเต้ถึงแปดส่วน ทุกคนที่เห็นพระพักตร์ก็มักจะบอกว่าจิ้นอ๋องมีใบหน้าคล้ายฮ่องเต้สมัยหนุ่มๆ

    “เช่นนั้นดื่มเหล้ามงคลกันเถิดเพคะ”

    “อื้ม” จากนั้นจิ้นอ๋องก็เดินไปหยิบลูกธนูในถาดมาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก

    ตึง!!!

    หมิ่งหลานตื่นตะลึงบุรุษเพศในชุดแดงช่างรูปงามนัก พอกับดาราจีนในชาติก่อน งานดีเหมือนจ้านเกอแต่รูปร่างออกจะใหญ่บึกบึนไปหน่อย สมกับเป็นนักรบคู่บัลลังก์เสียจริง ทำเอาหัวใจหมิ่งหลานสั่นระรั่วสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

    จิ้นอ๋องเดินไปที่โต๊ะกลมหยิบจอกเหล้าสีแดง แล้วหยิบขวดสุรารินใส่จอก หมิ่งหลานรับจอกสุรามงคลแล้วคล้องแขนดื่ม ความใกล้ชิดเพียงเสี้ยวเดียวทำนั้น กลิ่นหอมของสุราไม่ได้มากลบเกลื่อนกลิ่นบุรุษเพศของจิ้นอ๋องเลย มันทำให้เลือดในกายนางวิ่งพล่าน จากนั้นจิ้นอ๋องก็ลุกขึ้นเดินไปที่ฉากกั้น สำหรับอาบน้ำ พระองค์กำลังจะถอดชุด ซึ่งเป็นโอกาสดีของการปรนนิบัติสามี หมิ่งหลานจะพลาดได้อย่างไร หมิ่งหลานลุกเดินตามจิ้นอ๋องไป โดยไม่ลืมที่จะถอดมงกุฎบนหัววางไว้ที่หน้ากระจกทองเหลือง เหลือเพียงปิ่นดอกเหมยกุ้ยมังกรทมิฬเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น

    “ท่านอ๋องให้หม่อมฉันปรนนิบัติพระองค์นะเพคะ” หมิ่งหลานไม่ได้พูดเปล่ามือนางเลื่อนไปปลดผ้าคาดเอว โดยหมิ่งหลานยืนอยู่ตรงหน้า ส่วนแขนอ้อมไปปลดเชือกข้างหลัง ใบหน้าก็แนบชิดกับอกแข็งแกร่ง

    “อื้ม”

     

    ห่วง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×