ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WIN] Oh! Cupid Falls to My House {B.I.xTaehyun}

    ลำดับตอนที่ #2 : ☜ 02 : Song Minho ➹ ☞ < 100% >

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 171
      0
      11 เม.ย. 57

     



    “2”

    Song Minho

     

     

     

     

    คิวปิดมีหน้าที่แผลงศรรัก บทเรียนแรกของคิวปิดคือ... ห้ามตกหลุมรัก

    และห้ามทำศรรักปักอกตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะไม่เหลือพลังอำนาจใดๆ แม้แต่ความทรงจำ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปัง!

     

     

    “บีไอ!!” บ๊อบบี้ตะโกนลั่นพร้อมกับลุกพรวด สีหน้าหวาดหวั่นและสมองเริ่มคิดอะไรไม่ออกนอกจากต้องรีบไปช่วยอีกคนให้ทัน เพราะเเบบนั้นถึงยังไม่ทันได้พรางตัวเอง ออกตัววิ่งทะลุกระจกสำหรับชมวิวบนยอดตึกจากในร้านอาหารหรูซะอย่างนั้น

     

     

     

    เพล้ง!!

     

     

     

    บริกรที่ยืนแถวนั้นตกใจจนเผลอทำถาดแก้วน้ำหลุดมือ ตัวนิ่งเย็นเฉียบกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า พอรวบรวมสติได้ก็ตะโกนร้องดังลั่นร้าน

     

     

    “คะ... คนโดดตึ๊กกกกกกกกก!!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    บีไอ ยืนตะลึงงัน ไม่รู้เมื่อไหร่ที่บ๊อบบี้วิ่งมาอยู่ข้างกายเขา สรรพเสียงที่ได้ยินเริ่มอู้อี้ๆ ภาพที่เห็นก็เริ่มเบลอ ผู้ชายคนที่เป็นเป้าหมายของเขายังยืนชะเง้อคอมองหาใครบางคน ไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนของเขายกเว้นพวกเดียวกันอย่างบ๊อบบี้ ร่างสมส่วนเริ่มทรุดตัวลงไปนอนกองกับพื้น สมองมึนงงไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เห็นเพียงบ๊อบบี้ขมวดคิ้วสีหน้าตื่นตระหนกแล้วพยายามจะดึงเอาลูกศรสีเงินที่ปกอยู่กลางอกของเขาออกเท่านั้น

     

     

    “บีไอ อดทนไว้ๆ อย่าหลับนะ!” มือของบ๊อบบี้พยายามจะดึงต้านแรงลูกศรที่จมลึกเข้าไปในอกเรื่อยๆ แต่ยิ่งออกแรงดึง ลูกศรก็ยิ่งจมลงไปด้วยอัตราเร็วที่มากขึ้น จนกระทั่งดวงตาคมกลอกกลิ้งไปมาอย่างมึนงงเป็นครั้งสุดท้าย ลูกธนูสีเงินก็จมหายเข้าไปในอกทันที

     

     

    “ชิบหายแล้ว” บ๊อบบี้อดอุทานออกมาอย่างตกใจไม่ได้ คิวปิดโดนยิงศรรัก แถมยังเป็นศรรักของมนุษย์ด้วย บีไอสลบเหมือดตามอาการทั่วๆไปอย่างที่มนุษย์เป็นเวลาโดนยิงศรรัก ความคิดให้หัวของเขาเริ่มตีกันพันยุ่งเหยิง แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดว่าควรจะทำอะไรต่อ ผู้ชายที่เป็นเป้าหมายของบีไอก็อุทานออกมาดังลั่นแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆร่างสมส่วนของเพื่อนเขา

     

     

    “เฮ้ย! คุณ! คุณ!” ผู้ชายคนนี้มองเห็นบีไอ!! บ๊อบบี้อดทำหน้าเหวอไม่ได้ ก็ในเมื่อไอ้บีไอมันพรางตัวจากสายตามนุษย์แล้วนี่นา เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลยที่มนุษย์จะมองเห็นมัน แต่แล้วไอ้การที่ผู้ชายเอเชียผิวออกเข้มกว่าผิวคนเอเชียปกติคนนี้ทำหน้านิ่วแล้วเอาแต่ตบแก้มเพื่อนของเขาไม่หยุดแบบนี้มันหมายความว่าไง?

     

     

    ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเพียงแค่หยุดดูคนนอนกลางถนนแป้บเดียวแล้วก็เดินผ่านไป ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมองเห็นบ๊อบบี้อย่างที่มองเห็นบีไอ

     

     

    ความคิดหนึ่งแล่นเข้าหัวเขา หรือว่า...หรือว่าอำนาจของคิวปิดจะเสื่อมแล้ว คิวปิดอย่างพวกเขามีหน้าที่ยิงศร เคยเรียนมาเหมือนกันตอนฝึกหัดว่าห้ามใช้ศรกับตนเองเพราะจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น มันน่าโทษตัวเองที่บ๊อบบี้เอาแต่หลับในชั่วโมงเรียนก็เลยจำไม่ได้ว่า...ไอ้ผลที่ไม่ดีที่ว่านั่นน่ะ...มันผลอะไรเล่า โถ่เว้ย!!

     

     

    “เฮ้! คุณ! คุณเป็นอะไรมากรึเปล่า?” บ๊อบบี้ได้ยินผู้ชายคนนั้นสบถอย่างหัวเสียออกมาเป็นภาษาเกาหลี อย่าถามว่ารู้ได้ไงว่าภาษาไหนเป็นภาษาไหน โธ่...คิวปิดดูซีรี่ย์เกาหลีบ้างไม่ได้ไง? เออ...ก็ได้ เอาจริงๆแล้วคือ คิวปิดก็พูดได้ทุกภาษาบนโลกใบนี้นั่นแหละ เพราะพวกเขาพิเศษไง

     

     

    ผู้ชายที่เป็นเป้าหมายตัวจริงของศรรักที่ปักอยู่ในอกบีไอแลดูวิตกกังวลมากขึ้น เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาเหมือนกำลังกลัวสาย แล้วก็มองสลับกับร่างสมส่วนที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้า สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างหัวเสียแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์อะไรซักอย่างก่อนจะกรอกเสียงลงไป

     

     

    “ฮัลโหล มีคนเกิดอุบัติเหตุกลางถนน คุณจะช่วยมารับหน่อยได้มั้ย ที่ถนน xxx ย่าน xxx ไม่ใช่... ผมไม่ใช่ญาติของเขา อยู่ๆเขา... อยู่ๆเขาก็มาล้มลงตรงหน้า ผมไปกับคุณไม่ได้หรอก ผมมีนัด... อะไรนะ! ก็ผมบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ญาติ นี่ใจคอพวกคุณจะปล่อยให้มีคนตายอยู่กลางเมืองหนาวๆอย่างนี้รึไง! เออๆ ไปด้วยก็ได้ รีบๆมาเหอะ!!” สุดท้ายคนโทรก็กรอกเสียงกระแทกกระทั้นลงไปอย่างหงุดหงิดในสาย บ๊อบบี้ทันเห็นว่ามันคือเบอร์ฉุกเฉินของโรงพยาบาลชื่อดังของนิวยอร์ค

     

     

    ผู้ชายคนเดิมนั่งแหมะลงข้างๆบีไอแล้วจับฮู้ดเสื้อโค้ทขึ้นมาสวมเพราะหิมะเริ่มลงหนัก บ๊อบบี้เลยทิ้งตัวนั่งแหมะลงข้างๆผู้ชายคนนั้น แล้วเริ่มต้นบทสนทนา

     

     

    “ชื่อไรอ่ะเรา?” เงียบ... ผู้ชายเกาหลีผิวเข้มนิดหน่อยที่บีไอบอกนั่งมองผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างไม่อายสายตาใคร บ๊อบบี้เลยเริ่มต้นการสนทนาใหม่

     

     

    “มารอใครหรอ? เห็นดูนาฬิกาหลายครั้งละ” เงียบ...

     

     

    “เป็นคนเกาหลีแล้วทำไมผิวเข้ม อันที่จริงไม่ต้องพามันไปโรงบาลก็ได้นะไอ้นี่อ่ะ มันเป็นคิวปิด เออ...เราก็เป็นคิวปิดนะ” บ๊อบบี้ยังพยายามจะสนทนากับอีกคนให้ไดทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าต่อให้พูดอะไรไป อีกคนก็ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นเขาอยู่ดี ก็คิวปิดเค้าห้ามเปิดเผยตัวตนต่อหน้าคนนะ ยกเว้นแต่ว่ามันจำเป็นก็ต้องทำ แต่โดยปกติแล้ว เทพก็ส่วนเทพ มนุษย์ก็ส่วนมนุษย์

     

     

    เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมต่อบทสนทนากับเขา แบบนั้นบ๊อบบี้ถึงได้ยอมเงียบแล้วนั่งเป็นเพื่อนมนุษย์เกาหลีคนนี้เงียบๆ ในใจก็พยายามคิดหาสาเหตุด้วยว่าทำไมอยู่ๆมนต์พรางตัวถึงได้คลายลง

     

     

    เพียงไม่นานเสียงหวอก็ดังมาจากหัวมุมถนน ผู้ชายเกาหลีใจดีคนเดิมลุกขึ้นยืนเมื่อรถมาจอดตรงหน้าพอดี เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินยื่นกระดาษกรอกข้อมูลบางอย่างมาให้ผู้ชายผิวเข้ม บ๊อบบี้ชะเง้อชะแง้หน้าเข้าไปถึงได้เห็นว่าผู้ชายใจดีที่อุตส่าห์โทรเรียกรถพยาบาลมารับคิวปิดไปคนนั้นชื่อว่า

     

     

    “ซง มินโฮ...?”

     

     

     

    ทุกอย่างถูกจัดการอย่างถูกต้องเรียบร้อยภายในเวลาอันรวดเร็ว ตอนนี้บ๊อบบี้ถึงได้มีเวลาส่วนตัวมานั่งรอให้บีไอมันตื่น ส่วนซงมินโฮอะไรนั่นได้ข่าวว่าโทรบอกนัดสำคัญให้มาหาที่โรงพยาบาลแล้วเพราะเหตุฉุกเฉินเรื่องนี้ด้วย แบบนั้นบ๊อบบี้ถึงได้นอนเอกเขนกสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟาห้องพักพิเศษ จริงๆคนแปลกหน้าอย่างบีไอควรจะได้พักที่ห้องพักรวมนะ แต่เพราะบ๊อบบี้เล่นทริคอะไรนิดๆหน่อยๆ ตอนนี้อะไรๆมันถึงได้เข้าที่เข้าทาง สบายใจบ๊อบบี้อย่างนี้นี่ไง อย่าถามเลยว่าทริคไหน มันเป็นความลับของคิวปิดน่ะ เออ

     

     

    อีกอย่างที่ต้องเป็นห้องพิเศษก็เพราะ... บ๊อบบี้ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าถ้าบีไอตื่นขึ้นมาแล้ว อะไรๆมันจะเหมือนเดิม อย่างน้อยก็... ไอ้เรื่องที่ศรปักอกนั่นน่ะ ยังไงก็คงจะไม่เหมือนเดิมแหง๋ เพราะแบบนั้นเขาถึงอยากได้ที่ๆเป็นส่วนตัวหน่อยสำหรับการคุยกัน จะได้ไม่มีใครคิดว่าบีไอมันบ้าที่นั่งพึมพำอะไรอยู่คนเดียว

     

     

    มันยังไม่ใช่เวลา แม้แต่ตอนนี้ บ๊อบบี้ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าบีไอคนที่จะฟื้นขึ้นมา...จะใช่คนเดิมรึเปล่า

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผวั๊วะ!

     

     

    “ฮยอง ผมได้ข่าวว่ามีคน...” น้ำเสียงตกอกตกใจพร้อมๆกับหน้าตาตื่นๆของคนมาใหม่ที่วิ่งตังตึงเข้ามาเรียกสายตาและความสนใจจากบ๊อบบี้ได้ไม่ยาก ดวงตาเรียวมองเลยไปยังร่างสมส่วนที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงแล้วทำตาโตก่อนจะพูดลอดริมฝีปากออกมาเบาๆอย่างไม่อยากจะเชื่อ “...ตาย”  

     

     

     

    เจ้าของร่างโปร่งติดจะอ้อนแอ้น แถมใบหน้ายังหวานซะจนคิวปิดที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาอดขมวดคิ้วมองได้ บ๊อบบี้ลุกขึ้นนั่งแล้วมองคนมาใหม่จากโซฟา ร่างโปร่งนั่นค่อยๆเดินเข้าไปหาร่างบนเตียงสีขาวสะอาดนั่นช้าๆ เหมือนไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่าข่าวที่ได้รับมาจะถูกรึเปล่า หรือไม่ก็คงไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันกับที่ทำให้ตนเองรีบรุดออกมาจากที่พักรึเปล่า

     

     

    เขามองไม่เห็นบ๊อบบี้ นั่นเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของคิวปิด แบบนั้นตาหยีๆของคิวปิดขี้เล่นถึงได้มองอีกคนได้อย่างโจ่งแจ้งไม่ต้องปิดบังอะไร

     

     

    ร่างโปร่งนั่นเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียง ดวงตาเรียวเพ่งพิจารณาใบหน้าซีดๆของคนป่วยอยู่นานแล้วพึมพำออกมาเบาๆ

     

     

    “ยังไม่ตายนี่นา...”

     

     

    บ๊อบบี้เดินเข้ามายืนอยู่ข้างเตียงอีกฝั่งแล้วเอาแต่มองหน้าคนมาใหม่อยู่อย่างนั้น ไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่านี่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ถ้าดูจากรูปร่างน่าจะเป็นผู้ชายถ้าไม่ติดว่าบางไปหน่อยจนคล้ายผู้หญิง แต่หน้านี่หวานจริงๆ อย่างกับผู้หญิงแน่ะ!!

     

     

    “แม่งน่ารักอ่ะ” เขาพูดออกมาอย่างเคลิ้มๆ เอาแต่จ้องหน้าอีกคนไม่วางตา นี่ถ้ามนุษย์คนนี้มองเห็นบ๊อบบี้ได้ล่ะก็น่ะ ...เรื่องไม่ง่ายอย่างนี้แน่ๆอ่ะ

     

     

    เขาไม่รู้ว่าคนที่มายืนจ้องคิวปิดตกสวรรค์อย่างบีไอตาไม่กระพริบนี่ไว้ใจได้แค่ไหน แต่ในเมื่อไม่มีสัญญาณว่าอีกคนจะทำอะไร แบบนั้นบ๊อบบี้ถึงได้ไม่คิดจะทำอะไรผลีผลามไปด้วย

     

     

    “ทำไมต้องมาเป็นวันนี้ด้วยนะ ให้ตายสิ!” แล้วอยู่ๆอีกคนก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ใบหน้าตื่นตกใจเมื่อกี้กลายเป็นไม่พอใจ คิ้วตกๆนั่นขมวดมุ่นแถมริมฝีปากก็แบะออกหน่อยๆ เจ้าตัวถอนหายใจออกมาก่อนจะกลับหลังหันแล้วเดินปึงปังไปกระแทกตัวลงนั่งที่โซฟา “รู้เอาไว้เลยนะว่านายน่ะมันตัวมารชัดๆ คนเค้ากำลังจะไปกันได้สวยอยู่แล้วเชียว บ้าเอ้ย!

     

     

    “อ้าว?” บ๊อบบี้ได้แต่มองตามมนุษย์ที่อารมณ์เปลี่ยนเร็วอย่างกับอะไรดีคนนั้นอย่างงงๆ ตกลงนี่มันยังไง เมื่อตอนเข้ามาก็เหมือนจะห่วงคนอื่นเขาดีอยู่หรอก แต่ไหงพอเห็นว่าไม่ตายกลับโดนต่อว่าซะอย่างนั้น อันที่จริงบ๊อบบี้เองก็อยากจะรู้หรอกนะว่าทำไมกะเทย(?)คนนี้ถึงได้เปลี่ยนอารมณ์ไวนัก จริงๆก็แอบเคืองหน่อยๆด้วยที่มาต่อว่าเพื่อนของเขาแบบนั้น บีไอมันกำลังเจ็บหนักนะ อยู่ๆจะมาต่อว่าคนป่วยได้ไง ผิดก็ไม่ได้ผิดอะไรซักหน่อย หนอยแน่ะ!

     

     

    ในขณะที่กำลังตั้งใจจะปรากฏตัวให้คนที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดอยู่บนโซฟาได้เห็นนั่นเอง สายตาตี่ๆของคิวปิดบ๊อบบี้ก็ดั๊นไปป๊ะกันเข้ากับ...กับ... กับ... ดวงตาคมๆที่ปรือเปิดมองไปที่เพดานอย่างงงๆเบลอๆเหมือนคนเพิ่งพ้นจากฤทธิ์ยาสลบ อาการเหมือนพวกมนุษย์เวลาฟื้นจากโดนยิงศรรักเป๊ะเลย! แบบนั้นย๊อยยี้เลยรีบปราดเข้าไปเกาะที่ขอบเตียงคนป่วยทันทีแล้วเรียกชื่ออีกคนอย่างตื่นเต้น

     

     

    “บีไอ! บีไอ!” แต่พอมือใหญ่ๆของคิวปิดขี้เล่นตั้งใจจะแตะเขนยาวเพื่อยกขั้นมาเขย่าด้วยความดีใจอยู่นั่นเอง มือทั้งสองข้างของเจ้าตัวกลับทะลุผ่านร่างเพื่อนรักไปได้ง่ายๆ ดวงตาตี่ๆเบิกกว้าง ปากอ้าค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ยิ่งพอได้เห้นแววตาที่ดูเหมือนจะมองทะลุผ่นร่างเขาไปด้านหลังราวกับว่าไม่มีเขายืนอยู่ตรงนี้ บ๊อบบี้ยิ่งไม่อยากเชื่อ ไม่จริง มันไม่จริ๊ง!!

     

     

    บีไอไม่มีทางเป็นมนุษย์หรอกน่า

     

     

    คิวปิดจะกลายเป็นมนุษย์ได้ไง

     

     

    ถ้าเกิดคิวปิดหัวกะทิอย่างบีไอกลายเป็นมนุษย์แล้วมาปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้จริงๆ ...บ๊อบบี้นี่แหละ แย่แน่ๆ

     

     

    What the f*ck!!

     

     

    ร่างโปร่งๆบองคิวปิดบ๊อบบี้เริ่มค่อยๆเลือนจางไปเรื่อยๆตามอัตราความตื่นเต้นที่เพิ่มมากขึ้น จนสุดท้ายคิวปิดที่ไม่คิดอยากจะรับผิดชอบกับทัณน์บนของตัวเองเท่าไหร่ก็หายออกไปจากห้องทันที ไม่มีใครรู้ว่าเวลาคิวปิดคิดมากจนตัวโปร่งหายไปกลางอาการสุดท้ายแล้วจะไปโผล่ไหน บางทีอาจจะเป็นลมสลบไปหรือบางทีอาจจะกลับขึ้นำปอยู่บนสวรรค์เหมือนเดิมชั่วคราวก็ได้ ไม่ว่าอย่างไหนก็ไม่มีใครเดาคำตอบได้ทั้งนั้น เพราะคิวปิดที่เหลืออยู่หนึ่งตน ณ ตอนนี้บนพื้นโลกก็ได้กลายไปเป็นมนุษย์เสียแล้ว

     

     

    มนุษย์...ที่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกลืมตาเสียด้วยสิ

     

     

    ทันทีที่ดวงตาคมสบประสานกันกับดวงตาเรียวปนแววตระหนกที่เจ้าของกระเด้งตัวนั่งตัวตรงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้อยู่บนโซฟา กระแสไฟฟ้าอ่อนๆก็แล่นปราดเข้าเร่งอัตราการเต้นของหัวใจทันที

     

     

    กระแสไฟฟ้าอ่อนๆไหลวนไปทั่วร่างจนเจ้าของร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงกระทั่งต้องนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงทำได้เพียงแค่กระพริบตาปริบๆ ไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ชื่ออะไร และเคยเป็นอะไรมาก่อน คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น นอกจากใบหน้าขาวๆคิ้วตกๆที่เด่นหราอยู่ต่อหน้าและในห้วงคิดเท่านั้น

     

     

    “เอา... เอาน้ำมั้ย?” แม้กระทั่งน้ำ เขาก็ยังไม่ทันได้คิดซะด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แต่หน้าก็ดันไปพยักหงึกหงักให้เจ้าของใบหน้าขาวๆไปเสียแล้ว เสียง... ทำไมเสียงเพราะจัง รูปร่างอรชรที่ว่าผอมบางแล้วยิ่งน่าดูเข้าไปใหญ่เวลาที่เจ้าตัวยืดตัวเต็มความสูงแล้วเดินเก้ๆกังๆไปรินน้ำเอามาให้ ร่างโปร่งๆใบหร้าขาวๆคิ้วตกๆกับแววตระหนกระคนหวาดๆแบบนั้น เจ้าของสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดกังถือน้ำเดินเข้ามาใกล้คนป่วยที่เอาแต่จ้องคนอื่นเขาไม่วางตาช้าๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งหลอดสีขาวถูกยื่นมาจ่อที่ปาก ตอนนั้นเองที่คนเพิ่งได้เป็นมนุษย์หมาดๆกับเขาครั้งแรกเริ่มรู้สึกตัว รีบก้มหน้างุดซ่อนอาการร้อนๆที่คิดว่าคงไม่เป็นผลดีต่อตัวเองเท่าไหร่ถ้าจะยังดันทุรังให้คนที่ยื่นแก้วน้ำมาให้เห็นก็รีบก้มหน้าลงอ้าปากงับหลอดแล้วดูดน้ำเข้าไปอึกใหญ่ทันที

     

     

    ไม่รู้เพราะรีบเกินไปหรือตื่นเต้นเกินไป เขาถึงได้สำลักจนไอค่อกแค่กออกมา แล้วก็พอดิบพอดีกันกับที่ประตูห้องคนป่วยเปิดขึ้นทันทีพร้อมกับอีกบุคคลหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

     

     

     

     

     

     

     

    TBC.

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×