ka-rab
ดู Blog ทั้งหมด

รับใบประกาศแล้วจ้า

เขียนโดย ka-rab


เอาละ  หลังจากซ้อมรับใบประกาศจนแทบอ้วกด้วยความเหนื่อย(ตอแหลสิ้นดี ไปซ้อมแค่วันเดียวแท้ๆ ถุย)



ในที่สึดก็ถึงวันจริงแล้วววววววว เราจะได้จับใบประกาศของจริงสักที



วันนี้ผมตื่นตั้งแต่8โมง ออกจากบ้าน8โมงครึ่ง โดยทางโรงเรียนนัดรวมพลตอนเที่ยง



สงสัยละสิว่าทำไมผมต้องไปตั้งแต่เช้า



ไม่ทราบว่าได้อ่านไดอะรี่เมื่อวานรึเปล่า  ผมต้องซื้อเสาธงขนาด2เมตร50ให้ทางโรงเรียน



ท่านคงไม่บ้าให้ผมแบกเสาขึ้นรถเมล์กลับบ้านตั้งแต่เมื่อวานหรอกนะ  ไม่งั้นกว่าผมจะเขยิบเอาเสาออกมาจากรถได้ กระเป๋ารถเมล์คงช่วยผมกัหเสธงเหลือ3ท่อนแล้วโยนออกไปนอกกระจกรถแล้วละ




เสาอันเท่าเปรต จะให้ผมแบกกลับมาบ้าน เสร็จแล้วตอนเช้าผมยังต้องแบกไปอีกรึ




โทษทีครับ ผมอยากเด่นเรื่องหน้าตา ไม่ได้ต้องการเด่นในเรื่องความบ้า(ถึงความจริงตัวคนเขียนมันบ้าอยู่แล้วก็เถอะ)




แต่แค่ผมแบกเสาจากแยกเกษตรไปจนถึงเมเจอร์แล้วใส่ชุดเครื่องแบบเต็มยศเหมือนเมื่อวาน คนผ่านมาเค้าคงคิดว่าผมจะไปคัดเลือกเป็นหนึ่งในนักแสดงนำเรื่อง เจด็จ แหงๆ



ผมแบกเสาตั้งแต่9โมง มาถึงโรงเรียนก็เกือบ9โมงครึ่ง พบว่าวันนี้มีผู้ปกครองของภาคปกติมากันเต็มไปหมด



ส่วนภาคสมทบมากันน่อยเดียว  อย่างว่าแหละ ภาคปกติมีเด็กต่างจังหวัดเยอะ แค่คนหนึ่งก็เหมาครอบครัวรวมญาติมาร่วมแสดงความยินดีแล้ว




แหม แล้วให้เดินถือเสาธงฝ่ากลางกลุ่มคนเนี่ยนะ  ให้ตายเถอะ







กระจอกเป็นบ้า




เรื่องแค่นี่ถ้าคิดว่าผมอาย กรุณารับรู้ไว้ว่า  คนๆนั้นไม่ใช่ผม เพราะหนังหน้าผมหนาเกินกว่าที่สายตาคนทั่วไปจะประเมินได้



ผมเอาเดินฝ่ากลุ่มคนนำธงไปหาอาจารย์เพิ่อฟังคำบอกว่า "ตอนนี้ครูไม่ว่างเพราะต้องรับพวกผู้ปกครองกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ไว้ค่อยให้ตอนเย็นแล้วกัน"



ซะงั้นละ แล้วผมจะเอาธงเก็บไว้ไหนละ




ไม่ยาก  เสาธงนี่ครับ ไม่ใช่เสาทอง  วางไว้ตรงที่มันไม่เกะกะสิ  ถ้าใครอยากขโมยแล้วทนสายตาชาวบ้านได้ก็เชิญหยิบเถอะครับ



ผมมองหาที่ว่างแถวๆโรงพละ ก่อนพิงเสาไว้แถวนั้นแหละ  



เสร็จจากเสาธงชวนวุ่นวาย ผมก็มองหาเพื่อน เพราะวันนี้มันบอกว่าจะรวมกันถ่ายรูป



ฉะนั้น ไหนๆระหว่างรอ ผมจะเล่าชีวประวัติกลุ่มเพื่อนของผมให้ฟังพอสังเขป


คนแรก เป็นชายผู้มีผิวขาวเหมือนผงขาวๆบนบะหมี่เหลืองที่ยังไม่ได้ต้ม หน้าใสตาตี่ ชอบอ้างประจำว่าไม่ได้ใส่เยล แต่ผมของมันงี้ตั้งเรียบแปล้เห็นมาแต่ไกลทั้งที่มรึงไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาโรงเรียน เอกลักษณ์ที่เห็นเป็นประจำคือ กระจกกับกระป๋องแป้ง หมอนี่อยู่ว่างเป็นไม่ได้ มักหยิบสองอย่างนี้ขึ้นมาเป็นประจำ แถมยังชอบล้างหน้าบ่อยมากๆ ประมาณว่าวันนึงล้างไม่ต่ำกว่า5รอบ ในกระเป๋าของมันมีทุกอย่างมี่พวกแต่งหน้ามี แต่มันก็ไม่ใช่ตุ้ดนะ   ฉายาของมันที่เพื่อนๆและผมตั้งให้สั้นๆคือ "ตี๋หมี่เกี๊ยว"  ส่วนชื่อเรียกเต็มๆก็คือ "เสริมสวยหมี่เกี๊ยว"  


เนื่องจากแต่ก่อนเคยมีโฆษณาของบริษัทประกันชีวิตเกี่ยวกับปู่คนหนึ่งคอยต้มน้ำซุปให้ภรรยาที่ตาย เราจึงเรียกเขาว่า "ปู่ชิว"ก่อนจะพัฒนาเป็น "ตี๋หมี่เกี๊ยว"  คำแซวที่เราใช้เป็นประจำเวลาไม่สบอารมณ์คือ "ไอหมี่ แต่งหน้าอยู่นั่นแหละ เอาเวลาไปคิดน้ำซุปสูตรใหม่ให้เมียมรึงกินดีกว่าว่ะ"   ตอนหลังค่อยพัฒนามาเป็น "ร้านเสริมสวยหมี่เกี๊ยวมรึง เมื่อไรจะเปิดสักทีวะ"   



คนสอง เป็นชายผู้มีสีผิวที่ยากจะมองเห็นได้  ถ้าหากเขาไม่ยิงฟัน เรามิอาจจะมองเห็นได้เลยว่าคนๆนี้ยืนอยู่ตรงไหน  นิสัยของมันชอบหลับเป็นประจำ โดยอ้างว่าเรียนไปก็ไม่ได้ประโยชน์ กรูรู้แล้ว แต่พอถามจริงๆมันก็ตอบไม่เคยถูกเลย  ผู้อ่านอาจจะเดาฉายาของเขาได้ หากยังจำโฆษณาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่มีเด็กคนหนึ่งเล่าเรื่องแปลกๆในเมืองไทยให้ฟัง   ใช่แล้วครับ  ฉายาของหมอนี่ที่ผมกับเพื่อนๆเรียกคือ "พระขี่ม้า"   เวลามันมาสาย เราก็แซวว่า "มัวแต่หาหญ้าให้ม้ามรึงกินรึไง ถึงมาสาย"  ถ้ามาเช้า แต่ผมมาสาย พวกผมก็แซว "ดีว่ะ ขี่ม้ามาเลยไม่ต้องเจอจราจรงี่เง่า แล้วมรึงเอาม้าไปเก็บไว้ไหนวะ ทำไมไม่เห็นเลย"   






คนสาม เป็นคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงตัวการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่พระเอกมักจะเอาสีเมจิกมาเขียนกระเจี๊ยวเล่น เพื่อนๆจึงเรียกันว่า "ชินโนะสุเกะ" แต่เนื่องจากฉายานี้ค่อนข้างโหลเกินไป เพื่อนๆจึงเรียกใหม่ด้วยสำเนียงไทยๆว่า "ไอ้เด๋อ" หมอนี่เป็นคนเดียวในห้องที่ไรท์แผ่นเอ็มพี3ขายโดยไม่เคยลดราคาแม้แต่ครั้งเดียว เราจึงเพิ่มฉายาอีกตามเอกลักษณ์อีกอย่างของหมอนี่คือคิ้วโก่งเหมือนตัวร้ายหนังจีนโดยเรียกมันว่า  "ตัวโกง"

    

คนสี่ ในอดีต เคยไปประกวดดัชชี่บอยโดยไม่ยอมส่องกระจกก่อนออกประกวด ผลคือตกรอบแรกกลับมาอย่างไม่น่าประหลาดใจ แม้จะไม่ได้รางวัล แต่เพื่อนๆก็พร้อมใจเรียกมันว่า "ดัชชี่"     หมอนี่เป็นเด็กขยันมากๆ มาโรงเรียนทุกครั้งแต่น่าแปลกที่เกรดมันกลับต่ำกว่าผมที่โดดเรียนเป็นประจำ ขาดได้เป็นขาด ถ้าหลบได้ก็ไม่ต้องหวังว่าผมจะอยู่ให้อาจารย์เห็นหน้า  โน่น นัดเจอกันที่เก่า โต๊ะสนุ้กเชวงฯนู่น หมอนี่ตรงกับสัจธรรมที่ว่า "โง่แล้วขยัน" ชนิดที่ในห้องไม่มีใครแย่งชิงตำแหน่งนี้ได้เลย ฉะนั้น "ดัชชี่" จึงเป็นคนที่มักโดนเพื่อนแกล้งมากที่สุดด้วยความหมั่นไส้


เมื่อก่อน ตอนปี2 "ดัชชี่" เคยมาโรงเรียนในสภาพฟันหน้าหัก2ซี่ แหว่งอีก2ซี่  เบี้ยวอีก1ซี่ ซึ่ง "ดัชชี่" มาบอกทางโรงเรียนว่า"รถล้ม" แต่ที่สร้างความหมั่นไส้แก่เพื่อนๆสุดๆก็คือ เวลาที่นมาบอกทางโรงเรียนคือเวลาบ่าย3โมงเย็น แล้วอีกแค่1ชั่วโมง โรงเรียนจะเลิกแล้ว ซึ่งไม่ทราบว่ามันจะมาทำด๋อยอะไร   แทนที่จะหยุดไปเลยก็ไม่มีใครว่า กะอีแค่เสียสิทธิ์วันเดียว มันก็ไม่ยอม  ขนาดครูยังถามเลยว่ามรึงจะมาทำไม เค้าจะเลิกเรียนอยู่แล้ว จะหยุดก็หยุดไปเลย เพราะว่าครูส่งชื่อผู้ขาดเรียนรายวิชาไป
แล้ว "ดัชชี่"ก็ไม่ยอม ตื๊ออยู่นั่นแหละ จนครูรำคาญ ยอม วอ  เรียกคนเดินรายชื่อให้เอาใบเซ็นชื่อกลับมาแก้ ซึ่งจากเหตุการณ์นี้จึงทำให้เพื่อนหลายคนเชื่อว่า มันไม่ได้รถล้มหรอก แต่ไปกวนตีนเขาแล้วโดนต่อยมามากกว่า วีรกรรมหมอนี่มีเยอ เอาไว้ว่างๆจะเล่าให้ฟัง


คนห้า และคนอื่นๆกับเหตุการณ์ต่างๆจะเป็นเช่นไร ติดตามได้ในวันพรุ่งนี้ครับ



ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น