สวัสดีค่ะ ได้มีโอกาสอ่านเรื่องนี้ จึงขออนุญาตวิจารณ์หน่อยนะคะ
เราได้อ่านทุกตอนแล้ว ขอไล่เรียงไปตามที่นึกออกแล้วกันนะคะ
*SPOILER*
นิยายเรื่อง HUMANUS เป็นเรื่องเกี่ยวกับยูริลล์ สาวน้อยซึ่งเติบโตในเมืองใต้ดินนามว่ายูโทเปีย เพราะผลพวงมาจากสงครามนิวเคลียร์ที่คร่ามนุษย์ไปแทบหมด เมื่อเวลาผ่านไป โลกจริง ๆ ข้างบนได้กลายมาเป็นนิทานแทน แต่มียูริลล์ที่เชื่อและหวังว่าจะได้ขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง
1.โครงเรื่อง
มีหลายอย่างที่ยังไม่สมเหตุสมผลค่ะ เช่น ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องท็อปซีเคร็ทแต่พ่อนางเอกยังทิ้งเอกสารไว้บนโต๊ะอาหารได้
การที่นางเอกลงไปยังที่ประชุมได้อีก แม้กระทั่งโดนเจอตัวก็ยังไม่โดนโยนกลับขึ้นไปเพราะพ่อนางเอกดันจะไปด้วยหากนางเอกโดนไล่
ที่สำคัญคือตอนที่เฉลยจุดประสงค์ที่แท้จริงของทีมนักวิทยาศาสตร์...ต่อหน้าเด็ก เราว่ามันไม่ make sense จริง ๆ ค่ะ
อย่างน้อยควรจะถูกแยกตัวไป ซึ่งเราเข้าใจว่าอีกทีมต้องการจะพาตัวนางเอกขึ้นไปบนแชทเทอร์ก็จริง แต่ฉากมันเร็วเกินไปค่ะ
ตอนให้นางเอกขึ้นจรวด ไม่มีการเปลี่ยนชุดหรือเพิ่มการป้องกันอะไรเลยทั้ง ๆ ที่คิดว่าข้างบนยังมีสารกัมมันตรังสีอยู่
แถมตอนโผล่ขึ้นไปข้างบนแล้ว ดันมีระบบเปิดประตูที่เหมือนจะทำเพื่อคนในยูโทเปียเปิดเสียงั้น เราว่าคนน่าจะไปตายตรงนี้แทนจรวดระเบิดน่ะค่ะ
นางเอกตั้งคำถามเกี่ยวกับสังคมตัวเองตั้งแต่ตอนต้น ๆ แต่เมื่อไปอ่านเรื่องย่อและย้อนกลับมาอ่านตัวนิยายอีกครั้ง ไม่รู้สึกถึงนิยายดิสโทเปียเลยค่ะ
ถึงแม้เรื่องจะใช้คำว่ายูโทเปียและการใช้คำเปรียบเปรยว่าเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีการแบ่งแยก ฯลฯ
หากจะเขียนให้ดิสโทเปีย เราว่าควรจะเริ่มจากแสดงให้เห็นสภาพบ้านเมือง/สังคมว่ามันเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่นางเอกอธิบายไม่กี่ย่อหน้า ให้เห็นสิ่งที่มันเกิดขึ้น ประชาชนนึกคิดอย่างไง ผลกระทบต่อชีวิตนางเอก จากนั้นจึงให้นางเอกตั้งคำถามซึ่งน่าจะทำให้คนอ่านคล้อยตามง่ายกว่านะคะ
ที่อ่าน ดูเหมือนนางเอกคิดว่าเมืองยูโทเปียน่าเบื่อ ไม่ชอบสภาพสังคมดังกล่าว แต่ไม่สามารถหาเหตุผลจริง ๆ ได้ แค่เพราะอ่านเจอเรื่องแชทเทอร์หรือ?
พอนางเอกขึ้นไปยังโลกข้างบน กลายเป็นว่ามีประเด็นเพิ่มเข้ามาอีกซะงั้น น่าจะเป็นเมืองดิสโทเปียที่มีสภาพขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัดกับยูโทเปียข้างล่างค่ะ
ขอเสริมตรงบทนำนะคะ จริง ๆ เราโอเคกับสงครามโลกครั้งที่สามที่ยิงนิวเคลียร์ เข้าใจว่าเป็นนิยายไซไฟ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราคิดว่าสงครามไม่น่าจะยืดเยื้อขนาดนั้นค่ะ ยิ่งบอกว่าประชาชนตายไป 3/4 คนจะเหลืออยู่เท่าไร? รัฐบาลไม่ล่มสลายหมดแล้วหรือ? เราว่าสันติน่าจะมาเร็วกว่าที่คิดเสียอีกค่ะ
ส่วนโลกข้างบนนะคะ แบ่งเขตตามทวีปเลยใช่ไหมคะ เราว่าค่อนข้างเป็นไปไม่ได้ค่ะที่จะไม่มีประเทศ เพราะความจริงคนมันขัดแย้งกันเยอะมาก ไม่ว่าจะศาสนา วัฒนธรรม ฉันไม่กินวัวแต่เธอกิน ฯลฯ ถ้าเมืองที่นางเอกขึ้นไปย่อสเกลลงมาหน่อย ประมาณประเทศนึงแล้วแบ่งเขตน่าจะโอเคกว่าค่ะ
แล้วก็นิวเอจมีทัศนคติเหยียดมนุษย์พันธุ์เดิมใช่ไหมคะ ซึ่งน่าจะตีความได้ว่าไม่ชอบหลาย ๆ อย่างของมนุษย์สี่หมื่นปีก่อน แต่การแบ่งแยกชนนั้นดันให้คนที่คล้ายโฮโมเซเปี้ยนที่สุดอยู่บนยอดปิรามิดซะงั้น มันแย้งกับตัวเองไปหน่อยค่ะ
(อยากให้ก่อนขึ้นไปแชทเทอร์ มีการพูดถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์เพิ่มมากกว่านี้ค่ะ ดูจะเป็นประเด็นหลัก ๆ ของนิยาย พออยู่ ๆ มาพูดหลังนางเอกโดนพาขึ้นมาแชทเทอร์แล้ว กลายเป็นว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญนักค่ะ)
ส่วนเรื่องโรแมนซ์ (เกือบจูบ) ใส่เร็วไปค่ะ เราว่ามันเป็นคลิเช่กลาย ๆ นะคะที่นางเอกจะมีเพื่อนชายคนสนิทที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยมาก แต่อีกฝ่ายดันห่วงใย คอยดูแล ฯลฯ แค่เปิดตัวคาร์ก็ถึงบางอ้อแล้วค่ะ ว่ามีโอกาสโดนเฟรนด์โซนเต็ม ๆ
2.ตัวละคร
ยังไม่ค่อยได้เห็นเกี่ยวกับนางเอกมากนักค่ะ เรารู้ว่าเธอขี้สงสัย ดูฉลาด ออกจะกล้า ๆ ตั้งแต่ที่ไม่ตอบอาจารย์ยันแอบลับลอดลงไปยังที่ประชุมลับ
แต่ว่านิสัยทั้งหลายยังไม่ลงที่ลงรอยค่ะ แถมบทที่ให้ก็ยังไม่ทำให้คนอ่านเข้าถึงตัวเธอนัก ยิ่งตอนอยู่กับคาร์ ดันเข้าถึงอารมณ์คาร์มากกว่าอีก
(ตอนแรกที่ออกจากบ้านสายแล้วมีขนมปังติดมาด้วยน่ะค่ะ เปลี่ยนได้ก็ดีนะคะ เป็นฉากเริ่มที่ซ้ำบ่อยมาก)
ส่วนตัวละครพ่อนางเอก ไม่ค่อยสมกับเป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวท็อปเท่าไร เพราะค่อนข้างสะเพร่าเรื่องวางเอกสารและการแก้ปัญหากับตัวนางเอกค่ะ
ที่โรงเรียนโอเค แต่ที่ห้องประชุมไม่โอเคอย่างแรง มันทำให้เหมือนเขาวางความสำคัญผิดประเด็นค่ะ กลายเป็นว่าที่แทบคลั่งตอนลูกโดนพาตัวไปขึ้นจรวด เป็นเพราะตัวเองนี่แหละที่ดันไม่ให้ลูกโดนไล่กลับขึ้นไปข้างบนเอง
สำหรับคนอื่น อยากให้ใส่ความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ค่ะ เรื่องอุปนิสัยคงไม่ได้เห็นชัดนักนอกจากอาจารย์นางเอกที่ดูจะไม่ชอบพ่อนางเอกแปลก ๆ และดร.บนแชทเทอร์ที่มาเจอจรวดอีกค่ะ ทั้ง ๆ ที่จรวดจะโดนล็อค (เพราะระบบไม่ยอมรับรอยนิ้วมือกับตา) แล้วก็ยังตะบี้ตะบันแสกนนิ้ว แสกนตาให้ได้ ถ้าเกิดมันดันล็อคไปเลยละคะ? ถ้าเกิดเปิดไม่ได้ไปประมาณสัปดาห์นึง นางเอกซวยแย่เลยค่ะ (แต่สงสัยระบบคงจะเปิดให้เมื่อนางเอกรู้สึกตัว)
3.การใช้ภาษา
การบรรยายแบบมุมมองพระเจ้าเฉลยเรื่องที่มาของโลกข้างล่างกับโลกข้างบนเร็วไปหน่อยสำหรับเราค่ะ
หากนำไปเฉลยช่วงหลัง ๆ น่าจะบิ๊วอารมณ์ได้ดีกว่า แต่ก็ต้องดูต่อค่ะเพราะคิดว่าผู้เขียนคงมีปมเก็บไว้เฉลยเพิ่มอีก
การบรรยายยังเผลอใช้คำซ้ำบ้างนะคะ อาจจะทำให้สะดุดนิดหน่อยเวลาอ่าน แต่โดยรวมแล้วถือว่าโอเคค่ะ
การใส่เชิงอรรถ เพลา ๆ ลงหน่อยก็ดีค่ะ เดาว่าเรื่องนี้คงออกแนวซอฟท์ไซไฟ ฉะนั้นอยากให้อธิบายแค่เฉพาะส่วนที่สำคัญเท่านั้น
พวกทรายดูด ป้ายบิลบอร์ด ศาสตร์ต่าง ๆ ริกเตอร์ ฯลฯ มันเป็นสิ่งที่คนอ่านรู้จักพอสมควรค่ะ
ยกเว้นแต่เป็นศาสตร์แปลก ๆ จริง ๆ ไม่ได้ถูกกล่าวถึงบ่อยมากในโลกจริง ค่อยเขียนเชิงอรรถค่ะ
4.แก่นเรื่อง
นิยายเพิ่งดำเนินได้แค่ช่วงต้น ๆ เท่านั้น คงวิจารณ์ส่วนนี้ไม่ได้ค่ะ ต้องรอดูต่อไป แต่ที่เราเร่งมาเขียนวิจารณ์เพราะเราเห็นว่าแม้จะเป็นช่วงต้นของนิยาย มันก็สำคัญพอที่จะดึงดูดให้คนอยู่ต่อหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่เราวิจารณ์มาก็อยากให้ผู้เขียนนำไปพิจารณาค่ะ พวกโครงสร้างสังคม ความเป็นไปมาของเมือง ฯลฯ เราว่ามันเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างโลกนิยายเลย
อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้ผู้เขียนอย่าเพิ่งหมดกำลังใจ จงสู้ต่อไปนะคะ และหากเรามีการเขียนข้อมูลผิดพลาดประการใด ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ สามารถแย้งหรือ (ถ้ามี) downvote ได้เลยค่ะ
เราค่อนข้างดีใจที่ได้เห็นคนมาเขียนนิยาย Young Adult แนวดิสโทเปีย ไซไฟ (มีโรแมนซ์ของชอบ) อะไรพวกนี้เพิ่ม
หากมันบูมขึ้นมาได้ก็คงดีไม่ใช่น้อย เพราะเชื่อว่าเป็นนิยายที่คนเขียนต้องทำการบ้านหนักเลย
ขอชื่นชมผู้เขียนนะคะเรื่องการหาข้อมูล และความพยายามต่าง ๆ ที่ปั้นนิยายเรื่องนี้ออกมา
เราเองก็จะพยายามตามอ่านแนวพวกนี้ไปเรื่อย ๆ ค่ะ เจอก็อ่าน ก็ขอให้เขียนจนปิดต้นฉบับได้ (รวมถึงตีพิมพ์นะคะ ^^)
โชคดีค่ะ
ความคิดเห็นที่ 1
ต้องยอมรับจริงๆ ว่านิยายเรื่องนี้มีข้อผิดพลาดเยอะ เพราะตอนแต่งแรกๆ แต่งแบบรีบๆ ตอนนี้เลยพักไปเขียนงานอื่นก่อน หาเวลาได้แล้วจะต้องกลับมารื้อโครงเรื่องใหม่ทั้งหมด มาอ่านเองแล้วก็ปวดหัวเหมือนกันค่ะ เขียนไปได้ไง ฮาาา เรื่องนี้คิดว่ากว่าจะกลับมาเขียนอีกทีก็คงจะช่วงกลางๆ ปี คนเขียนยังทำการบ้านมาน้อย ขอกลับไปตั้งสติแป๊บ XD
By •หนูแดง• อัพเดท 2015-02-06 01:08