ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนทายาท 3 แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #28 : ปราสาทองค์คาเรน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.24K
      1
      26 ก.ย. 49

    24

    ปราสาทองค์คาเรน

     

                    ดอกเกล็ดหิมะหล่นมาช้าๆเบื้องพระพักตร์ เจ้าชายคาเรนที่เบือนสายพระเนตรละจากพระขนิษฐาและพระสหาย หันกลับมาจับจ้องสิ่งที่เกิดขึ้นจากเวทมนตร์นิ่ง ก่อนจะทรงแบหัตถ์รองดอกเกล็ดหิมะที่กำลังจะร่วงลง

                แล้วหัตถ์เรียวยาว ทว่าหยาบกร้านตามวิสัยผู้ใช้ดาบเป็นนิจ ก็ร่อนดอกเกล็ดหิมะออกไป

                ดอกเกล็ดหิมะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า โดยมีคมดาบสีเงินสะท้อนแสงวิบวับ รองรับไว้อย่างนุ่มนวล

                แต่เกล็ดหิมะก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆไปในพริบตานั้นเอง

                ดาบดี....ต่อให้สัมผัสแผ่วเบาก็มีพลังทำลายสูง

                เพราะเหตุนี้จึงไม่ค่อยชอบดึงดาบออกจากฝักนัก

                อากาศรอบด้านหนาวเย็น พระปัสสาสะกลายเป็นไอสีขาว ลอยปนไปในอากาศ ดวงเนตรสีน้ำตาลดูอ่อนหวาน ลึกซึ้ง โดยเฉพาะยามช้อนมองหิมะที่พร่างพรมลงมา ดูราวกับนาทีนี้ทรงเป็นเจ้าหญิงผู้ทรงสิริโฉมจริงๆ

                เนตรคู่นั้นคล้ายอ่อนแสงลง...หากทรงจำไม่ผิด เสด็จแม่นั่นเองเคยตรัสเปรยว่า

     

                คาเรน เวลาลูกเหม่อลอยน่ะ รู้ไหม ตาลูกจะเปลี่ยนสี

     

            หรือกระหม่อมแน่ล่ะ คาเรนไม่ทรงเหม่อลอยให้เห็นบ่อยนัก แต่สำหรับพระมารดา ได้ทรงเห็นทุกพระอารมณ์ของพระธิดาองค์โตดี มันเปลี่ยนจากสีน้ำตาลเป็นสีอะไรล่ะกระหม่อม

     

            ตอนนั้น รอยสรวลของควีนแห่งคาโนวาลมีรอยเอ็นดูนัก ก่อนทรงตอบสั้นๆเพียงว่า

     

                สีน้ำผึ้ง

     

            และบัดนี้แก้วสีน้ำผึ้งคู่นั้นกำลังมีแววประหลาด เป็นแววตาแห่งความหมองเศร้า เกือบจะเรียกได้ว่า.....อาลัย           

                ไม่ใช่เรื่องดี ที่พระองค์ใหญ่จะทรงมีแววเนตรเช่นนี้

                เพราะนั่นหมายความว่า....พระองค์จะทรงสูญเสีย

                สูญเสียอะไรก็ทรงอาลัยเสมอ.....กระทั่งเสียศัตรู

                ถนนที่ว่างโล่งเพราะเกือบทุกชีวิตแห่กันไปดูหิมะแรกแห่งปี ทอดยาวออกไปสู่นอกเมือง วรองค์สูงโปร่ง บอบบาง และแข็งแรงในคราวเดียวกันเสด็จอย่างช้าๆ สง่างาม มั่นคง และน่ากลัวผสมผสานจนบรรยายไม่ถูก ดาบประจำพระองค์ซึ่งเปลือยคมจนสิ้นกุมอยู่ในหัตถ์ขวา และทรงปล่อยคมดาบลง ปลายดาบจึงชี้ลงจรดพื้นดิน ทั้งยังลากยาวไปตลอดทางที่พระองค์ใหญ่เสด็จ

                คมดาบสว่างในความมืดราวกับอาบด้วยแสงสีเงิน เสียงกรีดของปลายดาบที่ครูดไปกับพื้น แหลมสูง ราวเสียงกรีดโหยหวน ราวเสียงสาปส่งจากนรก

                และเสียงอวยพรชัยชนะแด่เจ้าชายแห่งคาโนวาล

                ยามเนตรงามกลายเป็นสีน้ำผึ้ง เจ้าชายในร่างเจ้าหญิงองค์นี้ จะงดงามราวภาพวาดจินตนาการของจิตรกรชั้นเอก พักตร์เรียบตึงดูเหมาะสมไปทุกส่วนราวกับเป็นฝีมือเสกสรรจากหัตถ์แห่งพระเจ้า ความเย็นชาที่ผ่านทางหางเนตร เป็นความงามท่ามกลางความเยือกเย็นเหมือนหิมะในยามนี้ ทั้งน่ายำเกรงและน่าหมายปองในคราวเดียวอย่างแยกแยะออกจากกันไม่ได้

    เพราะฉะนั้นตอนงามที่สุด จึงเป็นตอนที่น่ากลัวที่สุดด้วย

    วรองค์สูงเสด็จหายไปท่ามกลางความมืดแล้ว

    แต่ทว่าหากมีใครได้เห็นพักตร์เจ้าชายคาเรนในยามนี้ ย่อมสะดุ้งได้ไม่มากก็น้อย

    คิดดู............พักตร์เรียบตึงราวโกรธขึ้งเรื่องใดมา แต่แววเนตรกลับฉายรอยอาลัยราวกับเสียใจในอะไรสักอย่าง แล้วกลับมีรอยสรวลกว้างอย่างพอพระทัยอะไรก็ไม่อาจล่วงรู้

    เป็นรอยสรวลกว้าง ทว่าเหมือนแสยะออกจนเผยเห็นพระฑาฐะที่วาววามเหมือนดาบในพระหัตถ์

    ปีศาจแห่งคาโนวาล....มีลักษณะเช่นนี้นี่เอง

     

    เบื้องพักตร์ คฤหาสน์ใหญ่โตล้อมรอบด้วยรั้วหินหนาหนัก มองดูแข็งแรงราวป้อมปราการ บ่งบอกถึงฐานะอันร่ำรวยและความระแวดระวังของเจ้าของ ซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางหิมะแรกแห่งปี ที่โปรยปรายลงมาเป็นม่านบางๆ สามลมยามดึกพัดพาความหนาวเย็นมากระทบจนสั่นสะท้าน ทว่าวรองค์บางกลับต้านทานลมแรง ยืนหยัดมั่นคง ดาบในพระหัตถ์ขวายาวจรดพื้นดินที่มีหิมะขาวฟ่องคุลมหนาราวกับพรมเนื้อดี

    เนตรงดงามลึกซึ้ง มองคฤหาสน์หลังนั้นอย่างประเมิน

    รอยสรวลเปี่ยมไปด้วยเล่ห์กลขยับกว้าง เหยียดหยันมากขึ้น

    ซาฟา อิมรีอา ลูกชายคนเดียวของท่านเสนาฯเซต.....มีความเป็นทหารอยู่เหมือนกัน

    ไม่สิ  เป็นทหารเต็มตัวเลยต่างหาก

    น่าเสียดาย ตรงที่เป็นได้แค่ทหาร แต่ไม่อาจเป็นนักรบได้.....โดยเฉพาะนักรบคู่บัลลังก์

    เพราะไม่เคย.....ภักดี กับราชวงศ์วาเนบลีโดยแท้จริง

    สาเหตุ มีมาตั้งแต่ก่อนที่พระองค์ใหญ่จะเสด็จไปเข้าเรียนที่เอดินเบิร์ก ตอนนั้นพระชนมายุคงประมาณสิบสองสิบสาม คาโนวาลมีปัญหากับเวนอลรุนแรง เนื่องเพราะการเข้าไปลงทุนทำเหมืองแร่ในเวนอลมีปัญหา สัญญาแห่งกษัตริย์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจึงพังครืน การประชุมหารือ แทนที่จะได้ข้อตกลง กลับได้ข้อขัดแย้งมากขึ้น จนมองดูคล้ายว่า คาโนวาลจะได้รับกับเวนอลก็คราวนั้นเอง

    เพราะในคราวแรก องค์จักรพรรดินีวิเวียนน่านีย่าทรงปฎิเสธ ไมตรีที่ทางแอเรียสยื่นให้อย่างเด็ดขาด โดยการขอพึ่งพิงคาโนวาล และยอมให้พ่อค้าชาวคาโนวาลเข้าไปลงทุนทำเหมืองแร่ แต่หลังรวมแผ่นดินกับเจมิไนแล้ว เวนอลก็แข็งแกร่งขึ้นทันตา และเริ่มตุกติกโดยการอ้างคำสั่ง มหาราชในการกันเขตแดนไม่ให้เข้าไปทำเหมือง และเวนคืนแผ่นดินที่ได้ให้คาโนวาลทำสัญญาจับจองไว้แล้วกลับคืน พ่อค้าวานิชที่ได้รับความเดือดร้อนจึงมาเรียกร้องเอากับ คิงของเขาอย่างหวังให้ทรงช่วยเหลือ

    คาโล วาเนบลี เดอะคิง ออฟคาโนวาล.....ทรงมีวิเทโศบายให้รอมชอมกันไว้

    แต่ฝ่ายทหาร นำโดย ท่านเสนาเซต อิมรีอา กลับสร้างข่าวจริงปนข่าวเท็จ และกระพือไฟร้อนแรงนี้ไปทุกทิศทุกทาง โดยหวังให้เกิดการปะทะกันจริงๆระหว่างสองแคว้นที่เป็นเมืองเกรดหนึ่งด้วยกันทั้งคู่ ปัญหาจึงยิ่งบานปลายมากขึ้น  และเมื่อเจ้าชายคาเรนทรงปลอมองค์ปนเปไปกับชาวบ้านเพื่อสืบข่าว หลายคนก็มีความคิดว่าคิงคาโลนั้นประทัยอ่อนและขลาดเกินไป จึงไม่สามารถตัดสินปัญหาต่างๆให้เฉียบขาดได้

    เท่ากับทำลายความจงรักที่ประชาชนมีต่อกษัตริย์ของเขาได้ดีทีเดียว

    ทหารผู้นั้น.....กระหายสงครามยิ่งนัก

    เพราะสงคราม ทำให้อำนาจ....หวนกลับสู่มือผู้บัญชาการสูงสุดทางกองทัพ

    อำนาจ....ใครเคยมีแล้วไม่อยากได้ไว้อีกบ้าง

     

     

    แต่ด้วยข้อเสนออันเด็ดเดี่ยวของเจ้าชายรัชทายาทแห่งคาโนวาล ก็ทำให้ฝ่ายการทูตของเวนอลยินยอมแทบจะในทันที

    ข้อเสนอนั้นคือ.....ให้เวลาคาโนวาลหนึ่งเดือน

    แล้วคนของคาโนวาลจะถอยออกมาจากเขตเหมืองแร่ของเวนอลทันที.......โดยไม่มีเงื่อนไข!

    แล้วหลังจากนั้น การขุดแร่เหล็กก็เป็นไปอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อให้คุ้มค่าแก่เวลาที่ให้ไว้ถึงหนึ่งเดือนอย่างชาญฉลาดที่สุด ส่วนข้ออ้างนั้นหรือ พระองค์ใหญ่ก็ทรงคิดได้อีกนั่นแหละ

    คาโนวาลมีกำหนดการสร้าง.....จะสร้างอะไร ถ้าไม่ใช่ปราสาทโลหะหลังนั้น ปราสาทที่องค์คาเรนทรงออกแบบ และควบคุมการก่อสร้างเอง ทุกขั้นตอนจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว และใช้แร่เหล็กอย่างมหาศาลที่สุด เวลาหนึ่งเดือนที่ใช้ไปกับการ ขุดวัสดุทำให้ต้องมีคลังขนาดใหญ่ไว้เก็บแร่ที่ถลุงแล้วเสียหลายแห่ง

    ทูตจากเวนอลที่หลงกลเจ้าชายสามแผ่นดินคนดีเข้าไปเต็มๆ ต้องลาออกจากตำแหน่งอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อทางเวนอลได้ประเมินมูลค่าแร่เหล็กที่คาโนวาลขุดได้ไป แล้วก็สรุปออกมาได้ว่า

    ....มากเท่ากับที่เวนอลขุดได้เองเป็นเวลาสิบปีเชียว....

     

     

    แล้วหนึ่งปีหลังจากนั้น ปราสาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ก็สร้างเสร็จโดยสมบูรณ์

    เวลาเพียงปีเดียว....ด้วยฤทธิ์ของเจ้าชายคาเรนที่ใช้พระกระแสรับสั่งอันเป็นประกาศิต กับฤทธิ์ของเจ้าหญิงคลาเอน่าที่ใช้เวทมนตร์อันเป็นความสามารถพิเศษ....ปราสาทโลหะก็ตั้งตระหง่านอยู่ ณ เขตชายแดนทางเหนืออย่างสง่างามจนได้

    ตอนนั้นคลังของคาโนวาลร่อยหรอลงมาก ท่านเสนาบดีเมนิสถึงกับ แล่นมากราบทูลร้องขออย่างให้เห็นแก่บ้านเมือง เจ้าชายคาเรนจึงตรัสเพียงแค่ว่า

     

    ขอให้ท่านลองดูไป ท่านเสนาฯ

     

    แล้วเวลาที่ให้ลองดูก็เพียงหลังจากนั้นไม่นานนั่นเอง ความงดงามของปราสาทโลหะหลังนั้นเป็นที่ล่ำรือทั่วเอเดนอย่างรวดเร็ว เนื่องเพราะสาเหตุหลายประการเชียว อย่างน้อยก็....

    หนึ่ง....ปราสาทหลังนั้นสร้างโดยองค์ทายาทสามแผ่นดินที่ถูกกล่าวถึงตั้งแต่ทรงมีพระประสูติกาล ทั้งยังเป็นที่จับตามองของคนทั่วไปแต่เดิม และการทำเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ได้ทั้งที่พระชนมายุยังน้อยนั้น ก็เป็นคำตอบที่ดีเกินพอสำหรับความสงสัยถึง น้ำยาของทั้งสองพระองค์

    เมื่อครั้งทรงออกควบคุมการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง....เจ้าชายวรองค์ผอมบางยืนบัญชาการเหนือแท่นหินขนาดใหญ่ คู่กับเจ้าหญิงวัยแปดพรรษาที่ดูจะสนใจทุกอย่างรอบองค์ราวกับนกน้อยที่เพิ่งบินออกจากกรงทอง....ช่างเป็นภาพที่น่าขำแท้

    และก็เป็นภาพที่ชาวคาโนวาลภูมิใจเป็นอย่างยิ่งด้วย

    สอง....เพราะปราสาทหลังนี้สร้างขึ้นจากความผิดพลาดครั้งมหันต์ของจักรพรรดินีวิเวียนนานีย่า แล้วกระทบไปจนถึงพระสวามี

    โรเวน ฮาเวิร์ด มหาราชของเอเดนองค์นั้น น้อยครั้งเหลือเกินที่จะมีเรื่องผิดพลาด

    แต่กลับมาเสียท่าเจ้าชายองค์เดียวแห่งคาโนวาล...ที่พระชนมายุห่างกันราวพ่อกับลูก

    ส่วนด้านความสวยงามนั้น เป็นเหตุผลรองลงมาเป็นประการที่สามที่สี่ ซึ่งทำให้ใครๆต่างก็แห่กันมาเยี่ยมชมปราสาทหลังนี้อย่างมากมาย ชายแดนคาโนวาลที่เงียบเหงา ปลูกพืชพรรณขึ้นมั่งไม่ขั้นมั่ง จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเอเดน ความโดดเดี่ยวที่เคยมีกลายเป็นกำเนิดเมืองชายแดนขึ้น ท้ายสุดก็มีงานเทศกาลชมหิมะแรกแห่งปี ผู้คนหลั่งไหลจากทั่วทุกสารทิศมาไม่ขาดสายทีเดียว

    และด้วยเหตุฉะนี้ ท่านเมนิสจึงลืมพูดเรื่องนี้เสียสนิท....เพราะคลังคาโนวาลเต็มล้นขึ้นมาได้ทันตาอย่างน่ามหัศจรรย์ก็คราวนั้นเอง

    คนเดียวที่ยังยืนกรานไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้นจนจบก็คือ

    ท่านเซต อิมรีอา เสนาบดีกระทรวงกลาโหมคนนั้น

     

     

    แหงล่ะ....การแก้ปัญหาความเสียเปรียบของคาโนวาลจากพระปรีชาแห่งเจ้าชายคาเรน ทำให้แผนที่วางไว้ดิบดีพังทลายไม่เหลือแม้ธุลี

    อุตส่าห์ปลุกระดมให้ชาวบ้านแถบชายแดนของเวนอลเห็นข้อดีของการเลิกสัญญากับคาโนวาล แล้วปล่อยให้ความคิดนั้นกระจายไปตามสภาวะโดยใช้ความจงรักภักดีต่อแผ่นดินของชาวเวนอลเป็นตัวกระตุ้น

    เพราะใครบ้างไม่ทราบว่า.....การทำสัญญาเรื่องแร่เหล็กกับคาโนวาล เวนอลเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

    เมื่อก่อนนั่นไม่เป็นไร เพราะตอนนั้นเวนอลเพิ่งมีจักรพรรดินีองค์แรกขึ้นครองราชย์ การทหารยังอ่อนแอพอๆกับความวุ่นวายในอำนาจที่ยังคุกรุ่น การให้คาโนวาลได้กำไร แล้วแลกกับความคุ้มครองทางทหารและการเมือง ถือว่าคุ้มค่าอยู่

    แต่บัดนี้ เวนอลรวมแผ่นดินกับเจมิไน แทบไม่ต้องพึ่งคาโนวาลอีก จะปล่อยให้เกิดการเสียเปรียบไปทำไม

    และท่าทางเจ้าชายอายุน้อย ทว่าสมองปราดเปรื่อง ก็น่าจะระแคะระคายเรื่องนี้มาบ้างจึงทรงตรัสข้อเสนอในที่ประชุมขึ้น แล้วก็ได้ผลชะงัดอย่างที่เห็น

    ชะงัดจริงๆ.....

    แม้แต่เรื่องงานเทศกาลก็มีเหตุผลอยู่เบื้องหลังที่ใครๆไม่รู้

    คาเรนทรงมอบหมายให้พระขนิษฐาเสด็จมาประทานหิมะทุกปี เพราะต้องการให้ประชาชนรวมทั้งนักเดินทางทั้งใกล้ไกลได้เห็น เจ้าหญิงสามแผ่นดินให้บ่อยเข้าไว้ ทั้งนี้เพื่อย้ำให้ประชาชนรู้ถึงความจงรักภักดี และศักดาของพระองค์เล็กที่จะไม่มีใครมีมากกว่า

    กระทั่งคฤหาสน์ท่านเสนาฯที่สร้างอยู่ใกล้ๆนี่ก็ไม่มีผลอันใด

    อำนาจที่พอมีอยู่.....ใช้ไม่ได้เลยกับเมืองที่องค์คาเรนสร้างขึ้นเองนี้

    เจ้าชายซึ่งความจริงเป็นเจ้าหญิงพระองค์นั้น....พิษสงรอบตัวเสียจริง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×