คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 : Day 1 คำทำนายของสาววาย Rewrite
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ พอเขียนเรื่องนี้แล้วนึกถึงฟิคยุ่นที่เคยอ่านขึ้นมาได้ เรื่องนั้นคนเขียนบอกว่า "ชอบคู่นี้จนรู้สึกว่าตัวเองจะป่วยแล้ว(หัวเราะ)"
ตอนนี้ไรท์เตอร์กำลังจะเป็นแบบนั้นแล้วค่ะ กร๊ากกก
Day 1 – คำทำนายของสาววาย
“...อ...โออิคาวะซัง....”
ชื่อของอีกฝ่ายหลุดลอดผ่านริมฝีปากออกมาอย่างยากลำบาก นัยน์ตาสีน้ำเงินเบิกกว้าง จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความช็อคสุดขีด
“โทบิโอะจัง?!”
โออิคาวะสวมเพียงผ้าเช็ดตัวพันไว้ที่เอว ส่วนผ้าอีกผืนพาดเอาไว้ที่ลำคอ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มเปียกชุ่ม จนหยดน้ำไหลหยดลงมากระทบแผงอกและหน้าท้องเปลือยเปล่า
คำบรรยายเหล่านี้อาจดูอีโรติค หากไม่ใช่ในสถานการณ์แปลกประหลาดอย่างที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า รุ่นน้องยืนตัวตรงขาชิดเรียบร้อยแต่ตาเบิกโตเท่าไข่ห่าน ส่วนรุ่นพี่ที่เพิ่งออกจากห้องน้ำก็ทำสีหน้าราวกับเห็นผีทั้งที่สวมเพียงผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียว ดูเผินๆแล้วดูเหมือนคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แล้วเปิดประตูออกมาเจอผีเด็กหนุ่มในโรงแรมเก่าแก่เสียมากกว่า
“ทำไมมาอยู่ที่นี่!!”
“ผมต่างหากที่ต้องถาม...คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ...เรียนอยู่ที่โตเกียวไม่ใช่เหรอ?” คาเงยามะถามพลางกระพริบตาปริบ
“ตอนนี้ปิดเทอมหน้าร้อน...ก็เลยมาเข้าค่ายกับรุ่นน้องที่อาโอบะโจไซน่ะสิ...” พอเริ่มคุมสติกลับมาได้แล้ว โออิคาวะก็ถอนใจยาว ก่อนเดินตรงเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย
“เฮ้อ...ทำไมถึงเป็นโทบิโอะจังไปได้น้า...”
น้ำเสียงของเจ้าตัวแฝงความรู้สึกผิดหวังอยู่หน่อยๆ และนั่นทำให้คาเงยามะหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าทำไม
“แล้วอยากให้เป็นใครล่ะครับ”
“ฉันคิดว่าเป็นพวกรุ่นน้องจากเซย์โจวน่ะสิ เรานัดเจอกันที่นี่ แต่ก็นะ...เฮ้อ...กลายเป็นแบบนี้ไปได้” ชายหนุ่มเท้าสะเอว เงยหน้าขึ้นมองเพดานแล้วถอนใจยาว
“อย่าคิดว่าตัวเองเซ็งอยู่คนเดียวสิครับ” ใบหน้าอ่อนเยาว์ขมวดคิ้วมุ่น พอเห็นแบบนั้นโออิคาวะก็หัวเราะเบา
“นั่นสิน้า เราต่างคนต่างก็ไม่อยากอยู่ห้องเดียวกันสินะ...ช่วยไม่ได้แฮะ” อดีตกัปตันชมรมวอลเลย์ยักไหล่ พลางคว้าข้อมือของรุ่นน้องตรงหน้าเอาไว้แล้วทำท่าจะพาเดินออกจากห้อง
“ดะ...เดี๋ยวสิครับ! จะไปไหนน่ะ?!”
“ก็ไปติดต่อขอเปลี่ยนห้องน่ะสิ อีกไม่นานพวกอิวะจังก็จะมาแล้ว จะได้มาอยู่ห้องเดียวกับฉันแทน”
“...หยุดก่อนครับ โออิคาวะซัง” เด็กหนุ่มพูดพลางชะงักฝีเท้า ทำให้ร่างสูงกว่าตรงหน้าชะงักไปด้วย
“อะไรล่ะ...”
“คือว่า....”
“อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจอยากอยู่ห้องเดียวกับฉันแล้ว?” ชายหนุ่มระบายยิ้มเย้า แต่รุ่นน้องที่น่ารักของตนเองกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“เปล่าครับ...คือว่า...” เนตรสีน้ำทะเลลึกเหลือบลงมองผ้าขนหนูผืนเดียวของอีกฝ่าย
“ออกไปในสภาพนี้ มันอุจาดไปมั้ยครับ?”
“....”
ได้ยินแบบนั้นเนตรสีน้ำตาลก็กระพริบปริบ คงเพราะมัวแต่ตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยลืมไปสนิทว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
โออิคาวะรีบปล่อยข้อมือที่จับอยู่แล้วเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อทันที พอเห็นแบบนั้นคาเงยามะก็มองตามไปพลางถอนใจโล่งอก นึกว่าจะต้องเดินออกไปในสภาพล่อแหลมจนคนเข้าใจผิดเสียแล้ว
แล้วไม่นานร่างก็แข็งทื่ออีกครั้ง เมื่อจู่ๆอีกฝ่ายตวัดสายตามาทางนี้
“อะ...อะไรครับ?!” เด็กหนุ่มถามพลางทำท่าระแวงสุดขีด แต่อีกฝ่ายกลับขมวดคิ้วทำสีหน้าจริงจัง
“อย่าแอบมองฉันนะ เจ้าเด็กบ้า”
“ใครจะแอบมองคุณกันครับ!!”
คาเงยามะตะโกนลั่นพลางรีบหันไปอีกทางแล้วจ้องประตูทางออกอย่างเอาเป็นเอาตาย
เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่...ต้องรีบเปลี่ยนห้องให้ได้!
“ไม่มีห้องว่างแล้วเหรอครับ ลองเช็คดูอีกทีได้ไหม”
น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่ออกหวานถูกเอ่ยผ่านริมฝีปากคู่สวย ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มชวนให้เพศตรงข้ามหลงใหล เจ้าตัวสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบสบายๆแต่กลับดูสะดุดตา ก่อนเขยิบเข้าไปใกล้พนักงานต้อนรับตรงเคาท์เตอร์อีกนิด ทำเอาเด็กสาวหน้าแดงเรื่อขึ้นมา
“นี่ๆ ดูสิ...คนนั้นหล่อจังเลย”
“ตัวก็สูงด้วย...เป็นดาราหรือเปล่านะ”
“หรือว่าจะเป็นนักกีฬา...น่ารักจังเลย เนอะ!”
เสียงวี้ดว้ายของสาวๆที่แอบมองอยู่ในล็อบบี้ดังหึ่งๆราวกับแมลงวัน คาเงยามะยืนอยู่ด้านหลังรุ่นพี่(ที่เขาว่ากันว่าเป็น)สุดหล่อของตนเองด้วยด้วยสีหน้าเอือมระอา
ภาพฉากเช่นนี้เขาเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเบื่อหน่ายตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้ว
ไม่ใช่เพราะอิจฉาที่อีกฝ่ายมีสาวมารุมชอบ แต่มันเป็นเพราะ...อะไรเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“คือว่า อย่างที่เรียนให้ทราบเมื่อครู่ว่าเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นเลยต้องปิดห้องไปไม่มีกำหนดน่ะค่ะ”
พนักงานต้อนรับสาวเหลือบมองไปอีกทาง ไม่กล้าสบนัยน์ตาตรงหน้าด้วยความเขิน เห็นแบบนั้นโออิคาวะก็ยิ้มหวานอีกครั้ง
“แต่ว่า...จะให้ผมอยู่ห้องเดียวกับเจ้ารุ่นน้องคนนี้ คงไม่ไหวมั้งครับ”
ชายหนุ่มพูดพลางรวบข้อมือของรุ่นน้องคนที่ว่าแล้วดึงเข้ามาใกล้ๆ ราวกับอยากให้อีกฝ่ายเห็นให้ชัดๆว่าเป็นรุ่นน้องที่น่าหมั่นไส้แค่ไหน
“ทำไมล่ะคะ...คุณคนนี้ก็น่ารักดีออก” หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ
“แต่ว่า....”
ป้าบ!
คำพูดหยุดชะงักไป เมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนฟาดร่มลงมาที่หัวของเขาอย่างแรงจนแทบล้มคะมำ
“อย่าเรื่องมาก! นอนห้องนั้นไปแหละ โออิคาวะ!”
“โอ๊ย...เจ็บนะ...อิวะจัง...มาตั้งแต่เมื่อไร...”
โออิคาวะลูบหัวป้อยๆพลางหันกลับไปมองด้านหลัง เมื่อเลื่อนสายตาตามไปเนตรสีน้ำทะเลลึกก็เบิกกว้างเล็กน้อย เหล่านักเรียนชมรมวอลเลย์ในชุดวอร์มของอาโอบะโจไซยืนเรียงรายอยู่แน่นล็อบบี้ ทั้งคินดะอิจิ คุนิมิ แถมข้างๆยังมีฮินาตะ ทานากะ สึกะวาระ และไดจิยืนอยู่ด้วย
“ก็เพิ่งมาเนี่ยแหละ พวกคาราสึโนะเล่าทุกอย่างให้ฟังหมดแล้ว” อิวะอิซึมิถอนใจเหนื่อยหน่าย พลางลดร่มพิฆาตในมือลง
“ในเมื่อมันมีเหตุสุดวิสัย ทางโรงแรมเขาลำบาก นายก็นอนกับคาเงยามะไปก่อนแล้วกันนะ แค่สองอาทิตย์เอง”
“งั้นอิวะจังก็มาแลกห้องกับฉันสิ!” ชายหนุ่มร้องประท้วง
“จะอะไรนักหนาหา! เลิกทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้แล้ว ไม่อายรุ่นน้องรึไง!” อิวะอิซึมิพูดพลางฟาดร่มใส่เพื่อนรักตรงหน้าอีกสองสามที
“อ..โอ๊ย เข้าใจแล้ว...โหดร้ายชะมัด..อิวะจัง...”
ทีมคาราสึโนะต่างมองการทำร้ายร่างกายตรงหน้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า ก่อนที่ไดจิจะเดินเข้ามาแล้วตบบ่าให้กำลังใจคาเงยามะเป็นคนแรก
“อดทนหน่อยแล้วกัน คาเงยามะ”
“ฉันจะไว้อาลัยให้นายเองนะ ฮืออ” ทานากะปาดน้ำตาพลางตบหลังให้กำลังใจอีกสองสามที
“สู้ๆนะ คาเงยามะ” ฮินาตะทำหน้าเห็นใจเขาราวกับเพื่อนรักกำลังป่วยเป็นโรคร้ายใกล้ตาย
“......”
“ใช่ค่ะ พยายามเข้านะคะ" คราวนี้พนักงานสาวหันมาพูดเชียร์ด้วย เจ้าหล่อนยิ้มหวาน พลางหัวเราะแบบฟินๆ
“ผู้ชายหน้าตาดีสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน น่ารักดีออกค่ะ อาจจะพบรักกันก็ได้”
คำพูดของเธอทำให้สายตาทุกคู่ของ “ผู้ชายหน้าตาดี” ชมรมวอลเลย์ทั้งสองโรงเรียนหันมามองด้วยตาโตเท่าไข่ห่าน โดยเฉพาะคู่รุ่นพี่รุ่นน้องจอมสร้างปัญหาที่บัดนี้อ้าปากค้าง
“พนันได้เลย เธอต้องเป็นสาววายแน่ๆ” ทานากะหันไปซุบซิบกับฮินาตะ
“หรือว่า...มันจะเป็นอย่างที่เธอพูด...” คราวนี้ฮินาตะเริ่มหน้าซีด
“ไม่หรอก...” สึกะวาระพูดพลางเหลือบมองจำเลย ที่บัดนี้พูดจาหาเรื่องกันตลอดเวลาจนอิวะอิซึมิต้องหันมาใช้ร่มพิฆาตอีกครั้ง
“คงไม่....มั้งนะ...”
เขาเองก็คิดว่าคงไม่เป็นอย่างที่พนักงานสาวคนนั้นพูด...แต่ว่า
“ไหนๆก็ต้องอยู่ห้องเดียวกันตั้งสองอาทิตย์ มาญาติดีกันเถอะนะ โทบิโอะจัง”
เนตรสีน้ำทะเลลึกฉายแววเหนื่อยหน่ายจ้องมองอีกฝ่ายนั่งเซ็ตลูกวอลเลย์เล่นอยู่ใกล้ๆ ระหว่างที่พวกเขานั่งอยู่หน้าโต๊ะน้ำชาด้วยกัน
แม้คำพูดจะดูเป็นมิตร แต่น้ำเสียงและรอยยิ้มที่เห็นมันตั้งใจกวนประสาทกันชัดๆ
หวังว่าในสิบสี่วันนี้...เขาจะยังอยู่ครบสามสิบสอง
“นั่นควรจะเป็นคำพูดของผมมากกว่านะครับ” คาเงยามะเอ่ยเสียงเรียบ
“พูดอะไรน่ะ ฉันใจดีและมีเมตตากับรุ่นน้องที่น่ารักของฉันตลอดเวลาอยู่แล้วล่ะ~”
โออิคาวะยิ้มละไม ก่อนหยุดเซ็ตลูกแล้วส่งเข้าไปหา “รุ่นน้องที่น่ารัก” ของตนเองอย่างแรงโดยไม่เหลือเค้าความเป็นมิตร คาเงยามะจึงรีบยกมือขึ้นมารับก่อนที่ลูกจะพุ่งเข้ามากระแทกหน้าตนเองได้อย่างเฉียดฉิว คิ้วเรียวจึงขมวดมุ่นอย่างขัดใจ แล้วส่งลูกวอลเลย์กลับไปหาอีกฝ่ายอย่างเต็มแรงไม่แพ้กัน
“ผมว่านิสัยเสียกับรุ่นน้องมากกว่าครับ!”
โออิคาวะรับลูกของอีกฝ่ายได้อย่างสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม
“หึ กล้าย้อนรุ่นพี่งั้นเหรอ เป็นเด็กอวดดีจริงๆ”
ชายหนุ่มเขวี้ยงลูกกลับไปหาเด็กหนุ่มตรงหน้าแรงยิ่งกว่าเก่า คราวนี้ถึงจะรับได้แต่เล่นเอามือชาไปเลยเหมือนกัน คาเงยามะจึงขมวดคิ้วมุ่น ความรู้สึกไม่อยากยอมแพ้ชายตรงหน้าพลันพลุ้งพล่านขึ้นมาในใจ
“คิดว่าผมจะยอมแพ้คุณง่ายๆเหรอ!”
เด็กหนุ่มพูดพลางตั้งท่าเตรียมตัวเขวี้ยงลูกใส่อีกฝ่ายให้แรงกว่าเดิมเป็นการเอาคืน แต่วินาทีที่ลูกวอลเลย์จะถูกเขวี้ยงออกไปนั้น กลับถูกมือใหญ่ของอีกฝ่ายเอื้อมเข้ามารวบข้อมือเอาไว้ แล้วกระชากเช้าไปหาอย่างแรงจนลูกที่ถืออยู่ร่วงหล่นลงบนพื้น
เนตรสีน้ำทะเลลึกเบิกกว้าง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มและนัยน์ตาเย้ยหยันของชายตรงหน้าอยู่ห่างเพียงไม่ถึงคืบ มือข้างหนึ่งยึดแขนเสื้อยือดของอีกฝ่ายเอาไว้กันไม่ให้ตนเองล้มลงไปแนบชิดกันยิ่งกว่านี้
“อ...โออิคาวะซัง...ปล่อย...”
คาเงยามะพยายามสะบัดให้หลุดจากมือของอีกฝ่าย แต่โออิคาวะกลับกุมข้อมือของเขาแน่นขึ้นจนไม่สามารถหนีไปไหนได้
“รู้ไหม โทบิโอะ...ถึงเรื่องส่งลูกนายจะเป็นอันดับหนึ่งของประเทศก็จริงแต่ว่า”
ชายหนุ่มหัวเราะเบา พลางโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด
“เรื่องอื่นฉันไม่มีวันแพ้นายหรอกนะ ไม่ว่าเรื่องวอลเลย์ หรือ“เรื่องใดๆ” ก็ตาม”
เขารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายได้ชัด แม้จะเคยอยู่ทีมเดียวกันมาตลอดหนึ่งปีก็ไม่เคยใกล้ชิดกันแบบนี้มาก่อน ใบหน้าพลันร้อนวูบขึ้นมา หัวใจเต้นแรงขึ้นจนรู้สึกได้ที่อกข้างซ้าย
“ปะ...ปล่อยเถอะครับ!”
คาเงยามะตะโกนพลางยันอกของชายตรงหน้าให้ออกห่าง พอเห็นปฏิกิริยาและใบหน้าแดงซ่านของรุ่นน้องตรงหน้า โออิคาวะก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาพลางหัวเราะเบา
“น่ารักจริงๆเลยน้า~โทบิโอะจังเนี่ย...”
พูดพลางเลื่อนมือที่ดันอกของตนเองอยู่ออกไป แล้วดึงร่างของอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้อีกหน่อย
“ถ้าไม่เชื่อล่ะก็...เรามาลองแข่งกันดูไหม”
“แข่ง...?” เนตรสีน้ำทะเลลึกฉายแววสงสัย
“ถ้าในสิบสี่วันนี้...ฉันทำให้โทบิโอะจังเปลี่ยนมาชอบฉันได้ล่ะก็...ถือว่าฉันชนะยังไงล่ะ”
คาเงยามะนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ภายในใจรู้สึกไหววูบอย่างประหลาด แต่กระนั้นก็เอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ครับ ทำไมผมต้องแข่งอะไรแบบนั้นด้วย”
“นายจะเล่นด้วยหรือไม่ก็ช่าง...สนใจที่ไหน”
โออิคาวะกระตุกยิ้ม พลางจ้องมองไปยังใบหน้าแดงเรื่อและสายตาฉายแววสับสนของรุ่นน้องตรงหน้าอย่างรู้สึกสนุก ก่อนเอื้อมมือขึ้นมา แล้วจิ้มนิ้วชี้ลงที่ปลายจมูกตรงหน้าเบาๆ
“สิบสี่วันนี้ ฉันจะทำให้นายชอบฉันให้ได้ เตรียมใจไว้เลย...โทบิโอะจัง”
เนตรสีน้ำทะเลลึกเบิกกว้าง ใบหน้าที่แดงเรื่อพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดขึ้นมาทันที
“ผู้ชายหน้าตาดีสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน น่ารักดีออกค่ะ อาจจะพบรักกันก็ได้”
คำพูดของพนักงานสาวดังก้องในโสตประสาทซ้ำไปซ้ำมาราวกับกดรีเพลย์
คำทำนายของสาววายคงไม่เป็นจริงหรอกนะ...ใช่ไหม?
TBC
ความคิดเห็น