ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Haikyuu!!]14 days Before...(Oikage)

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 : Day 1 – คำทำนายของสาววาย Rewrite

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.07K
      133
      9 ก.ย. 57

           


           ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ พอเขียนเรื่องนี้แล้วนึกถึงฟิคยุ่นที่เคยอ่านขึ้นมาได้ เรื่องนั้นคนเขียนบอกว่า "ชอบคู่นี้จนรู้สึกว่าตัวเองจะป่วยแล้ว(หัวเราะ)"

           ตอนนี้ไรท์เตอร์กำลังจะเป็นแบบนั้นแล้วค่ะ กร๊ากกก


     


    Day 1 – คำทำนายของสาววาย

     

                “...อ...โออิคาวะซัง....”

                ชื่อของอีกฝ่ายหลุดลอดผ่านริมฝีปากออกมาอย่างยากลำบาก นัยน์ตาสีน้ำเงินเบิกกว้าง จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความช็อคสุดขีด

                “โทบิโอะจัง?!

                โออิคาวะสวมเพียงผ้าเช็ดตัวพันไว้ที่เอว  ส่วนผ้าอีกผืนพาดเอาไว้ที่ลำคอ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มเปียกชุ่ม จนหยดน้ำไหลหยดลงมากระทบแผงอกและหน้าท้องเปลือยเปล่า

                คำบรรยายเหล่านี้อาจดูอีโรติค หากไม่ใช่ในสถานการณ์แปลกประหลาดอย่างที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า รุ่นน้องยืนตัวตรงขาชิดเรียบร้อยแต่ตาเบิกโตเท่าไข่ห่าน ส่วนรุ่นพี่ที่เพิ่งออกจากห้องน้ำก็ทำสีหน้าราวกับเห็นผีทั้งที่สวมเพียงผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียว ดูเผินๆแล้วดูเหมือนคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แล้วเปิดประตูออกมาเจอผีเด็กหนุ่มในโรงแรมเก่าแก่เสียมากกว่า

                “ทำไมมาอยู่ที่นี่!!

                “ผมต่างหากที่ต้องถาม...คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ...เรียนอยู่ที่โตเกียวไม่ใช่เหรอ?” คาเงยามะถามพลางกระพริบตาปริบ

                “ตอนนี้ปิดเทอมหน้าร้อน...ก็เลยมาเข้าค่ายกับรุ่นน้องที่อาโอบะโจไซน่ะสิ...” พอเริ่มคุมสติกลับมาได้แล้ว โออิคาวะก็ถอนใจยาว ก่อนเดินตรงเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย

                “เฮ้อ...ทำไมถึงเป็นโทบิโอะจังไปได้น้า...”

                น้ำเสียงของเจ้าตัวแฝงความรู้สึกผิดหวังอยู่หน่อยๆ และนั่นทำให้คาเงยามะหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าทำไม

                “แล้วอยากให้เป็นใครล่ะครับ”

                “ฉันคิดว่าเป็นพวกรุ่นน้องจากเซย์โจวน่ะสิ เรานัดเจอกันที่นี่ แต่ก็นะ...เฮ้อ...กลายเป็นแบบนี้ไปได้” ชายหนุ่มเท้าสะเอว เงยหน้าขึ้นมองเพดานแล้วถอนใจยาว

                “อย่าคิดว่าตัวเองเซ็งอยู่คนเดียวสิครับ” ใบหน้าอ่อนเยาว์ขมวดคิ้วมุ่น พอเห็นแบบนั้นโออิคาวะก็หัวเราะเบา

                “นั่นสิน้า เราต่างคนต่างก็ไม่อยากอยู่ห้องเดียวกันสินะ...ช่วยไม่ได้แฮะ” อดีตกัปตันชมรมวอลเลย์ยักไหล่ พลางคว้าข้อมือของรุ่นน้องตรงหน้าเอาไว้แล้วทำท่าจะพาเดินออกจากห้อง

                “ดะ...เดี๋ยวสิครับ! จะไปไหนน่ะ?!

                “ก็ไปติดต่อขอเปลี่ยนห้องน่ะสิ อีกไม่นานพวกอิวะจังก็จะมาแล้ว จะได้มาอยู่ห้องเดียวกับฉันแทน”

                “...หยุดก่อนครับ โออิคาวะซัง” เด็กหนุ่มพูดพลางชะงักฝีเท้า ทำให้ร่างสูงกว่าตรงหน้าชะงักไปด้วย

                “อะไรล่ะ...”

                “คือว่า....”

                “อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจอยากอยู่ห้องเดียวกับฉันแล้ว?” ชายหนุ่มระบายยิ้มเย้า แต่รุ่นน้องที่น่ารักของตนเองกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

                “เปล่าครับ...คือว่า...” เนตรสีน้ำทะเลลึกเหลือบลงมองผ้าขนหนูผืนเดียวของอีกฝ่าย

                “ออกไปในสภาพนี้ มันอุจาดไปมั้ยครับ?

                “....”

                ได้ยินแบบนั้นเนตรสีน้ำตาลก็กระพริบปริบ คงเพราะมัวแต่ตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยลืมไปสนิทว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ

                โออิคาวะรีบปล่อยข้อมือที่จับอยู่แล้วเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อทันที พอเห็นแบบนั้นคาเงยามะก็มองตามไปพลางถอนใจโล่งอก นึกว่าจะต้องเดินออกไปในสภาพล่อแหลมจนคนเข้าใจผิดเสียแล้ว 

                แล้วไม่นานร่างก็แข็งทื่ออีกครั้ง เมื่อจู่ๆอีกฝ่ายตวัดสายตามาทางนี้

                “อะ...อะไรครับ?!” เด็กหนุ่มถามพลางทำท่าระแวงสุดขีด แต่อีกฝ่ายกลับขมวดคิ้วทำสีหน้าจริงจัง

                “อย่าแอบมองฉันนะ เจ้าเด็กบ้า”

                “ใครจะแอบมองคุณกันครับ!!

                คาเงยามะตะโกนลั่นพลางรีบหันไปอีกทางแล้วจ้องประตูทางออกอย่างเอาเป็นเอาตาย

                เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่...ต้องรีบเปลี่ยนห้องให้ได้!

     

                “ไม่มีห้องว่างแล้วเหรอครับ ลองเช็คดูอีกทีได้ไหม”

                น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่ออกหวานถูกเอ่ยผ่านริมฝีปากคู่สวย ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มชวนให้เพศตรงข้ามหลงใหล เจ้าตัวสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบสบายๆแต่กลับดูสะดุดตา ก่อนเขยิบเข้าไปใกล้พนักงานต้อนรับตรงเคาท์เตอร์อีกนิด ทำเอาเด็กสาวหน้าแดงเรื่อขึ้นมา

                “นี่ๆ ดูสิ...คนนั้นหล่อจังเลย”

                “ตัวก็สูงด้วย...เป็นดาราหรือเปล่านะ”

                “หรือว่าจะเป็นนักกีฬา...น่ารักจังเลย เนอะ!

                เสียงวี้ดว้ายของสาวๆที่แอบมองอยู่ในล็อบบี้ดังหึ่งๆราวกับแมลงวัน คาเงยามะยืนอยู่ด้านหลังรุ่นพี่(ที่เขาว่ากันว่าเป็น)สุดหล่อของตนเองด้วยด้วยสีหน้าเอือมระอา

                ภาพฉากเช่นนี้เขาเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเบื่อหน่ายตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้ว

                ไม่ใช่เพราะอิจฉาที่อีกฝ่ายมีสาวมารุมชอบ แต่มันเป็นเพราะ...อะไรเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

                “คือว่า อย่างที่เรียนให้ทราบเมื่อครู่ว่าเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นเลยต้องปิดห้องไปไม่มีกำหนดน่ะค่ะ”

                พนักงานต้อนรับสาวเหลือบมองไปอีกทาง ไม่กล้าสบนัยน์ตาตรงหน้าด้วยความเขิน เห็นแบบนั้นโออิคาวะก็ยิ้มหวานอีกครั้ง

                “แต่ว่า...จะให้ผมอยู่ห้องเดียวกับเจ้ารุ่นน้องคนนี้ คงไม่ไหวมั้งครับ”

                ชายหนุ่มพูดพลางรวบข้อมือของรุ่นน้องคนที่ว่าแล้วดึงเข้ามาใกล้ๆ ราวกับอยากให้อีกฝ่ายเห็นให้ชัดๆว่าเป็นรุ่นน้องที่น่าหมั่นไส้แค่ไหน

                “ทำไมล่ะคะ...คุณคนนี้ก็น่ารักดีออก” หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ

                “แต่ว่า....”

                ป้าบ!

                คำพูดหยุดชะงักไป เมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนฟาดร่มลงมาที่หัวของเขาอย่างแรงจนแทบล้มคะมำ

                “อย่าเรื่องมาก! นอนห้องนั้นไปแหละ โออิคาวะ!

                “โอ๊ย...เจ็บนะ...อิวะจัง...มาตั้งแต่เมื่อไร...”

                โออิคาวะลูบหัวป้อยๆพลางหันกลับไปมองด้านหลัง เมื่อเลื่อนสายตาตามไปเนตรสีน้ำทะเลลึกก็เบิกกว้างเล็กน้อย เหล่านักเรียนชมรมวอลเลย์ในชุดวอร์มของอาโอบะโจไซยืนเรียงรายอยู่แน่นล็อบบี้ ทั้งคินดะอิจิ คุนิมิ แถมข้างๆยังมีฮินาตะ ทานากะ สึกะวาระ และไดจิยืนอยู่ด้วย

                “ก็เพิ่งมาเนี่ยแหละ พวกคาราสึโนะเล่าทุกอย่างให้ฟังหมดแล้ว” อิวะอิซึมิถอนใจเหนื่อยหน่าย พลางลดร่มพิฆาตในมือลง

                 “ในเมื่อมันมีเหตุสุดวิสัย ทางโรงแรมเขาลำบาก นายก็นอนกับคาเงยามะไปก่อนแล้วกันนะ แค่สองอาทิตย์เอง”

                “งั้นอิวะจังก็มาแลกห้องกับฉันสิ!” ชายหนุ่มร้องประท้วง

                “จะอะไรนักหนาหา! เลิกทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้แล้ว ไม่อายรุ่นน้องรึไง!” อิวะอิซึมิพูดพลางฟาดร่มใส่เพื่อนรักตรงหน้าอีกสองสามที

                “อ..โอ๊ย เข้าใจแล้ว...โหดร้ายชะมัด..อิวะจัง...”

                ทีมคาราสึโนะต่างมองการทำร้ายร่างกายตรงหน้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า ก่อนที่ไดจิจะเดินเข้ามาแล้วตบบ่าให้กำลังใจคาเงยามะเป็นคนแรก

                “อดทนหน่อยแล้วกัน คาเงยามะ”

                “ฉันจะไว้อาลัยให้นายเองนะ ฮืออ” ทานากะปาดน้ำตาพลางตบหลังให้กำลังใจอีกสองสามที

                “สู้ๆนะ คาเงยามะ” ฮินาตะทำหน้าเห็นใจเขาราวกับเพื่อนรักกำลังป่วยเป็นโรคร้ายใกล้ตาย

                “......”

                “ใช่ค่ะ พยายามเข้านะคะ" คราวนี้พนักงานสาวหันมาพูดเชียร์ด้วย เจ้าหล่อนยิ้มหวาน พลางหัวเราะแบบฟินๆ

                “ผู้ชายหน้าตาดีสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน น่ารักดีออกค่ะ อาจจะพบรักกันก็ได้”

                คำพูดของเธอทำให้สายตาทุกคู่ของ “ผู้ชายหน้าตาดี” ชมรมวอลเลย์ทั้งสองโรงเรียนหันมามองด้วยตาโตเท่าไข่ห่าน โดยเฉพาะคู่รุ่นพี่รุ่นน้องจอมสร้างปัญหาที่บัดนี้อ้าปากค้าง

                “พนันได้เลย เธอต้องเป็นสาววายแน่ๆ” ทานากะหันไปซุบซิบกับฮินาตะ

                “หรือว่า...มันจะเป็นอย่างที่เธอพูด...” คราวนี้ฮินาตะเริ่มหน้าซีด

                “ไม่หรอก...” สึกะวาระพูดพลางเหลือบมองจำเลย ที่บัดนี้พูดจาหาเรื่องกันตลอดเวลาจนอิวะอิซึมิต้องหันมาใช้ร่มพิฆาตอีกครั้ง

                “คงไม่....มั้งนะ...”

     

                เขาเองก็คิดว่าคงไม่เป็นอย่างที่พนักงานสาวคนนั้นพูด...แต่ว่า

                “ไหนๆก็ต้องอยู่ห้องเดียวกันตั้งสองอาทิตย์ มาญาติดีกันเถอะนะ โทบิโอะจัง”

                เนตรสีน้ำทะเลลึกฉายแววเหนื่อยหน่ายจ้องมองอีกฝ่ายนั่งเซ็ตลูกวอลเลย์เล่นอยู่ใกล้ๆ ระหว่างที่พวกเขานั่งอยู่หน้าโต๊ะน้ำชาด้วยกัน

                 แม้คำพูดจะดูเป็นมิตร แต่น้ำเสียงและรอยยิ้มที่เห็นมันตั้งใจกวนประสาทกันชัดๆ

                หวังว่าในสิบสี่วันนี้...เขาจะยังอยู่ครบสามสิบสอง

                “นั่นควรจะเป็นคำพูดของผมมากกว่านะครับ” คาเงยามะเอ่ยเสียงเรียบ

                “พูดอะไรน่ะ ฉันใจดีและมีเมตตากับรุ่นน้องที่น่ารักของฉันตลอดเวลาอยู่แล้วล่ะ~

                โออิคาวะยิ้มละไม ก่อนหยุดเซ็ตลูกแล้วส่งเข้าไปหา “รุ่นน้องที่น่ารัก” ของตนเองอย่างแรงโดยไม่เหลือเค้าความเป็นมิตร คาเงยามะจึงรีบยกมือขึ้นมารับก่อนที่ลูกจะพุ่งเข้ามากระแทกหน้าตนเองได้อย่างเฉียดฉิว คิ้วเรียวจึงขมวดมุ่นอย่างขัดใจ แล้วส่งลูกวอลเลย์กลับไปหาอีกฝ่ายอย่างเต็มแรงไม่แพ้กัน

                “ผมว่านิสัยเสียกับรุ่นน้องมากกว่าครับ!

                โออิคาวะรับลูกของอีกฝ่ายได้อย่างสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม

                “หึ กล้าย้อนรุ่นพี่งั้นเหรอ เป็นเด็กอวดดีจริงๆ”

                ชายหนุ่มเขวี้ยงลูกกลับไปหาเด็กหนุ่มตรงหน้าแรงยิ่งกว่าเก่า คราวนี้ถึงจะรับได้แต่เล่นเอามือชาไปเลยเหมือนกัน คาเงยามะจึงขมวดคิ้วมุ่น ความรู้สึกไม่อยากยอมแพ้ชายตรงหน้าพลันพลุ้งพล่านขึ้นมาในใจ

                “คิดว่าผมจะยอมแพ้คุณง่ายๆเหรอ!

                เด็กหนุ่มพูดพลางตั้งท่าเตรียมตัวเขวี้ยงลูกใส่อีกฝ่ายให้แรงกว่าเดิมเป็นการเอาคืน แต่วินาทีที่ลูกวอลเลย์จะถูกเขวี้ยงออกไปนั้น กลับถูกมือใหญ่ของอีกฝ่ายเอื้อมเข้ามารวบข้อมือเอาไว้ แล้วกระชากเช้าไปหาอย่างแรงจนลูกที่ถืออยู่ร่วงหล่นลงบนพื้น

                เนตรสีน้ำทะเลลึกเบิกกว้าง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มและนัยน์ตาเย้ยหยันของชายตรงหน้าอยู่ห่างเพียงไม่ถึงคืบ มือข้างหนึ่งยึดแขนเสื้อยือดของอีกฝ่ายเอาไว้กันไม่ให้ตนเองล้มลงไปแนบชิดกันยิ่งกว่านี้

                “อ...โออิคาวะซัง...ปล่อย...”

                คาเงยามะพยายามสะบัดให้หลุดจากมือของอีกฝ่าย แต่โออิคาวะกลับกุมข้อมือของเขาแน่นขึ้นจนไม่สามารถหนีไปไหนได้

                “รู้ไหม โทบิโอะ...ถึงเรื่องส่งลูกนายจะเป็นอันดับหนึ่งของประเทศก็จริงแต่ว่า”

                ชายหนุ่มหัวเราะเบา พลางโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด

                “เรื่องอื่นฉันไม่มีวันแพ้นายหรอกนะ ไม่ว่าเรื่องวอลเลย์ หรือ“เรื่องใดๆ” ก็ตาม”

                เขารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายได้ชัด แม้จะเคยอยู่ทีมเดียวกันมาตลอดหนึ่งปีก็ไม่เคยใกล้ชิดกันแบบนี้มาก่อน ใบหน้าพลันร้อนวูบขึ้นมา หัวใจเต้นแรงขึ้นจนรู้สึกได้ที่อกข้างซ้าย

                “ปะ...ปล่อยเถอะครับ!

                คาเงยามะตะโกนพลางยันอกของชายตรงหน้าให้ออกห่าง พอเห็นปฏิกิริยาและใบหน้าแดงซ่านของรุ่นน้องตรงหน้า โออิคาวะก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาพลางหัวเราะเบา

                “น่ารักจริงๆเลยน้า~โทบิโอะจังเนี่ย...”

                พูดพลางเลื่อนมือที่ดันอกของตนเองอยู่ออกไป แล้วดึงร่างของอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้อีกหน่อย

                “ถ้าไม่เชื่อล่ะก็...เรามาลองแข่งกันดูไหม”

                “แข่ง...?” เนตรสีน้ำทะเลลึกฉายแววสงสัย

                “ถ้าในสิบสี่วันนี้...ฉันทำให้โทบิโอะจังเปลี่ยนมาชอบฉันได้ล่ะก็...ถือว่าฉันชนะยังไงล่ะ”

                คาเงยามะนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ภายในใจรู้สึกไหววูบอย่างประหลาด แต่กระนั้นก็เอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง

                “ไม่ครับ ทำไมผมต้องแข่งอะไรแบบนั้นด้วย”

                “นายจะเล่นด้วยหรือไม่ก็ช่าง...สนใจที่ไหน”

                โออิคาวะกระตุกยิ้ม พลางจ้องมองไปยังใบหน้าแดงเรื่อและสายตาฉายแววสับสนของรุ่นน้องตรงหน้าอย่างรู้สึกสนุก ก่อนเอื้อมมือขึ้นมา แล้วจิ้มนิ้วชี้ลงที่ปลายจมูกตรงหน้าเบาๆ

                “สิบสี่วันนี้ ฉันจะทำให้นายชอบฉันให้ได้ เตรียมใจไว้เลย...โทบิโอะจัง”

                เนตรสีน้ำทะเลลึกเบิกกว้าง ใบหน้าที่แดงเรื่อพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดขึ้นมาทันที

                “ผู้ชายหน้าตาดีสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน น่ารักดีออกค่ะ อาจจะพบรักกันก็ได้”

                คำพูดของพนักงานสาวดังก้องในโสตประสาทซ้ำไปซ้ำมาราวกับกดรีเพลย์

                คำทำนายของสาววายคงไม่เป็นจริงหรอกนะ...ใช่ไหม?

     


           

    TBC 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×