เฮียจ๋าจะมีมาทำไมจ๊ะเนี่ย ?
เขียนโดย
KerberoS
สวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาวเด็ก ดี ดี่ ดี้ ดี๊ ดี๋ หลังจากที่ผมไม่ได้เขียนเรื่องใหม่ไปนาน มีใครคิดถึงผมมั่งมั้ยเนี่ยจ๊ะ ( ใครเค้าจะคิดถึงมึงวะไอ้สาดไม่อยู่ก็ดีแล้วมึงกลับมาทำไมเนี่ย -*- ) เอาล่ะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาอันมีค่าในการอ่าน Blog ผมของพวกท่านเหล่านักอ่านนิรนามทั้งหลาย วันนี้ผมมีเร่องอะไรมาบ่นให้ฟังนะเหรอ มันต้องมีแน่นอนอยู่แล้วพี่น้องเพราะเรื่องนี้ถ้าผมไม่บ่นมันก็ไม่ใช่อนาคตของผมน่ะสิถูกมั้ยล่ะ ? เรื่องในวันนี้ก็คือเรื่องของคดีฆาตกรรมสองแม่ลูกที่เกี่ยวกับคดีเพชรซาอุ ฯ ของ พ.ต.ท. ชะลอ ( นามสกุลอะไรกูจำไม่ได้เฟ้ยช่างม่างเหอะจอร์จ ) นั่นเองครับพี่น้องงงงงงง
ก็เป็นคดีที่ต่อสู้กันมายาวนานถึง 15 ปีกันเลยทีเดียวนะครับ กับการตัดสินคดีความของ พ.ต.ท. ชะลอ จำเลยในคดีนี้ที่ศาลได้อ่านคำพิพากษาไปไม่นานมานี้เองนะครับ ผลสรุปออกมาก็ปรากฏต่อสื่อกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับว่า ฆาตกรใจโหดผู้นี้ต้องโทษถึงประหารชีวิตกันเลยทีเดียว ซึ่งผมเองก็ว่าเหมาะสมแล้วน่ะนะจากการกระทำทั้งหลายทั้งมวลที่ปรากฏในคำพิพากษาไปในครั้งนั้น ทั้งฆ่าสองแม่ลูกอย่างโหดเหี้ยมแถมยังมีเหตุเข้าไปพัวพันกับต่างประเทศอีกด้วย นับว่าเป็นการกระทำผิดที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยภายในประเทศเลยนะครับเนี่ย ผมก็เห้นด้วยกับคำพิพากษาศาลนั่นแหละครับที่ให้ประหารชีวิตไป แต่ที่ทำให้ผมเคืองที่สุดมันไม่ใช่ตรงนี้ครับพี่น้องชาวเด็กดีทั้งหลาย สิ่งที่ทำให้ผมได้ยินแล้วแทบจะลมจับจนถึงขั้นเป็นบ้าไปเลยนั่น มันอยู่ตรงการให้สัมภาษณ์ของทนายความของ พ.ต.ท. ชะลอ ผู้นี้ต่างหากครับที่บอกว่าจะขอถวายพระราชทานอภัยโทษให้แก่ลูกความของตนตรงนี้ต่างหากครับพี่น้องทั้งหลาย...
ผมเชื่อว่าทุกท่านคงจะเคยได้ยินคำว่า การทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษกันมาบ้างอ่ะนะครับ นี่แหละครับสาเหตุที่ทำให้ผมต้องออกมาประกาศต่อหน้าประชาชนชาว Blog ที่ผมรักมาก ๆ แห่งนี้ ( ไม่ต้องทำเป็นพูดดีเลยมึงเตรียมพร้อมออกตัวล้อฟรีแล้วสิไอ้สาด เข้าเรื่องเลยเยดเข้ว ) ผมเองในฐานะที่เป็นนักศึกษากฎหมายคนหนึ่งในอีกหลาย ๆ หมื่นคนทั่วประเทศนี้ที่ต่างก็เรียนสายนี้เช่นเดียวกัน ผมเองเป็นพวกที่ค่อนข้างต่อต้านการพระราชทานอภัยโทษในคดีอาญามาเป็นเวลาได้สักพักแล้วครับ ตั้งแต่ที่ผมได้เริ่มเรียนกฎหมายมาเป็นเวลาสามปีมานี้ในรั้วของมหาวิทยาลัย ผมไม่เข้าใจครับว่า แม่งจะบัญญัติหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับการขอพระราชทานอภัยโทษกับไอ่พวกโจรปล้น ฆ่า ข่มขืน พวกนี้ไปทำเพื่ออะไร พวกม่างจะใจดีเกินไปมั้ยที่ยอมยกโทษให้กับพวกฆาตกรเหล่านี้ทั้ง ๆ ที่พวกม่างไปฆ่าคนมาโดยไม่รู้สึกผิดซักนิดในตอนที่พวกมันทำกัน ผมขอยกตัวอย่างของผมให้ทุกท่านดูง่าย ๆ ละกันนะครับ ไม่ต้องไปคิดอะไรให้มันมากมาย
เรื่องมันมีอยู่ว่า...อาจารย์สอนกฎหมายของผมท่านหนึ่ง ท่านเคยเล่าให้ผมฟังในขณะบรรยายในห้องเรียนนะครับว่า เมื่อสมัยที่ท่านทำงานเป็นทนายความจบมาใหม่ ๆ ตอนนั้นท่านเป็นทนายรับจ้างให้กับศาลครับไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง เพราะรายได้ของการเป็นทนายรับจ้างให้กับศาลนั้นได้ค่าจ้างน้อยมากครับ ซึ่งไม่คุ้มกับการว่าความของแต่ละคดีเลย เพราะได้เพียงแค่สองพันกว่า ๆ เท่านั้นเองครับต่อคดี ๆ หนึ่งซึ่งเป็นเงินจำนวนน้อยมาก ๆ ผมทำงานร้านอาหารยังได้เงินเยอะกว่าทนายรับจ้างในศาลเลยครับพี่น้อง ( ใครที่คิดว่าเรียนกฎหมายแล้วได้งานสบายน่ะคิดผิดเต็ม ๆ เลยนะจ๊ะขอบอกจากใจของรุ่นพี่คนหนึ่ง ) มีอยู่วันหนึ่งอาจารย์ของผมก็ได้รับแจ้งจากศาลให้มาว่าคดีเพื่อหาทางช่วยจำเลยผู้หนึ่ง ที่ตกเป็นผู้ต้องคำพิพากษาคดีฆ่าคนตายและถูกฝากขังอยู่ในศาลรอลงอาญาในขณะนี้ อาจารย์ของผมก็ไปทำหน้าที่ตามสาขาอาชีพของเขานั่นแหละครับ และพอไปถึงพนักงานอัยการก็ปล่อยตัวจำเลยคนนั้นให้ออกมานั่งคุยกับท่านอาจารย์ของผมคนนี้ในห้องสอบสวนที่ได้ถูกจัดไว้ อาจารย์ผมท่านก็สอบถามจำเลยคนนี้ตามวิชาชีพของตัวเองอ่ะนะครับว่า รูปความเป็นยังไง ทำผิดจริงมั้ย เจตนาหรือเปล่า อะไรก็ว่ากันไปตามหน้าที่ของทนายทุกคนล่ะนะครับ ในการรับว่าความให้กับลูกความของตน และคำตอบที่ได้ก็คืออย่างนี้ครับ จำเลยคนนี้ทำผิดจริงแถมมีเจตนาซะด้วย ทุกคนอาจจะงงว่าคำว่าเจตนามันหมายความว่าอะไรในทางกฎหมาย งั้นผมจะบอกให้คร่าว ๆ ละกันนะครับอ่านดี ๆ นะ
การกระทำโดยมีเจตนาในทางกฎหมายเนี่ยมันคือการกระทำที่ประสงค์ต่อผลที่จะเกิดขึ้น หรือย่อมเล็งเห็นผลนั่นเองจ้า แบบการต้องการยิงคนเนี่ยเจตนาก็คือการฆ่าโดยต้องการให้ผู้ที่จะถูกฆ่าเนี่ยตาย เป็นต้น นี่แหละครับคือเจตนาทางกฎหมาย ถามว่าถ้าฆ่าโดยไม่มีเจตนาล่ะ ? อันนี้ก็ตอบได้เลยครับว่า ถ้าไม่มีเจตนาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความผิดนะจ๊ะตัวเธอ ในการฆ่าเนี่ยถ้าไม่มีเจตนาฆ่าทางกฏหมายเนี่ยถือว่าเป็นการฆ่าคนตายโดยประมาทนะจ๊ะ ไม่ใช่การฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาอย่างที่พวกท่านเคยได้ยินกันนะจ๊ะพี่น้อง มีความผิดนะครับแต่ผิดเบาลงหน่อยนึงเท่านั้นเอง
เอาล่ะกลับมาที่จำเลยผู้นี้ต่อหลังจากที่ท่านอาจารย์ของผมได้รับทราบข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ยังถามต่อนะครับว่า ที่ทำไปเนี่ยเป็นการป้องกันตัวจากการกระทำความผิดของผู้ตายรึเปล่าหรือเปล่า ? หรือว่าทำเพราะเกิดการขาดสติ ? หรือทางกฎหมายเรียกว่าการบันดาลโทสะนั่นเองครับ จำเลยคนนี้ก็ตอบว่าไม่มีเหตุเหล่านี้ทั้งสิ้น สรุปก็คือม่างตั้งใจฆ่าไอ้ผู้ตายคนนี้นี่แหละง่าย ๆ แต่มันมาบอกกับอาจารย์ของผมครับว่า ขอพระราชทานอภัยโทษได้มั้ย ? เพราะที่ศาลตัดสินไปเนี่ยมันไม่รอดแน่ ๆ คือยังไง ๆ แม่งก็ต้องโดนประหารนั่นแหละ แต่แม่งยังเสือกหน้าด้านมาขออภัยโทษเพื่อให้อาจารย์ผมช่วยให้มันรอดไงครับพี่น้อง และการขอพระราชทานอภัยโทษเนี่ยมันไม่ได้ขอกันง่าย ๆ ด้วยนะที่ม่างขอกันเนี่ย มันต้องผ่านหน่วยงานตั้งหลายหน่วยงานก่อนจะไปถึงมือในหลวงท่าน และยิ่งพวกที่ต้องคดีต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิตพวกนี้เนี่ยต้องใช้เวลาอีกนานเลยครับกว่าจะทำเรื่องเสร็จ พอเสร็จแล้วก็ต้องเลื่อนวันประหารไปอีก 60 วันเพื่อรอคำตัดสินจากคณะรัฐมนตรีและยังมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้อนุญาตอีก คิดว่ามันจะได้มั้ยล่ะพี่น้อง แต่แม่งเสือกได้ไงครับ เพราะคนไทยม่างใจดีจนได้เรื่องไง เพราะตั้งแต่เปลี่ยนกฎหมายเรื่องการประหารชีวิตโดยการฉีดยามาเนี่ยกูเห็นแม่งถูกฉีดยาไปสองตัวเองทั้ง ๆ ที่คดีฆ่าคนตายแม่งมีให้เห็นในข่าวทุกวัน คดีอาชญากรรมมันเลยเกลื่อนเมืองไปหมด เพราะม่างมีไอ้การขอพระราชทานอภัยโทษเนี่ยแหละ อาจารย์ของผมท่านก็เลยปฏิเสธไม่รับทำคดีนี้ไปในทันทีเลยครับเมื่อได้ยินแบบนี้จากปากของไอ้นักฆ่าหน้าด้านผู้นี้ ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับพี่น้อง ผมถามทุกคนเลยที่พอรู้กฎหมายกันบ้างไม่มากก็น้อยล่ะนะ ถ้าพวกคุณเป็นทนายมาเจอลูกความให้เราแก้ต่างการฆ่าคนตายโดยเจตนาแบบไอ่จำเลยคนนี้ พวกคุณจะยอมรับทำมั้ยครับ ?
นี่แหละครับ ก็เป็นที่มาของการที่ผมต่อต้านการขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพวกนักโทษรอประหารในคดีฆ่าคนตายเหล่านี้ คือกูไม่เข้าใจอ่ะว่ามึงจะบัญญัติการขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพวกนักฆ่าเหล่านี้มาเพื่ออะไร ถึงแม่งจะขอได้แค่ครั้งเดียวก็เหอะ ถ้าเป็นพวกคดีที่ไม่ใช่คดีประหารชีวิตผมจะไม่ต่อต้านเลยเรื่องการพระราชทานอภัยโทษเนี่ย แต่นี่มันคดีฆ่าคนอ่ะชีวิตคนทั้งชีวิตนะครับ เสียไปแล้วมันเอากลับมาไม่ได้ต้องกรวดน้ำให้แม่งอย่างเดียว ไม่เหมือนพวกคดีชิงทรัพย์ หรือคดีปล้นทรัพย์พวกนี้ ที่มันยังมีโอกาสได้ของคืนนี่แม่งคนตายทั้งคนมึงแค่ยื่นเรื่องขออภัยโทษ แล้วจบปล่อยให้ไอ้ห่านั่นมันออกมาฆ่าคนต่ออย่างนั้นเหรอ พวกมึงต้องการอย่างนี้กันใช่มั้ยพี่น้อง หลายคนอาจจะค้านผมว่าที่มันมีแบบนี้ก็เพราะว่า เอาไว้เพื่อคุ้มครองพวกที่ฆ่าคนแล้วสำนึกผิดในภายหลัง เพราะกลัวบาปที่ได้ไปทำกับเค้าเอาไว้แล้วเค้าจะกลับมาเอาคืน เลยรีบเข้ามอบตัวกับตำรวจเพื่อหวังจะได้รับการลดโทษลงบ้าง ผมก็อยากจะถามไอ้ที่แม่งไปมอบตัวเพราะกลัวบาปนั่นน่ะว่า ทำไมตอนที่มึงทำเค้าตอนนั้นมึงไม่คิดว่าครอบครัวเค้าจะรู้สึกยังไง ที่คนในครอบครัวของเค้าต้องมาตายไปเนี่ย แล้วถ้าคนที่ตายไปมันดันเป็นเสาหลักของครอบครัวนั้นล่ะ มึงจะเอาเค้ากลับมาจากหลุมศพได้มั้ยสาด ? มันไม่ช่วยอ่ะครับ ต่อให้แม่งมอบตัวมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอ่ะ ครอบครัวเค้าก็ยังสาปแช่งมันอยู่ดีเพราะแม่งไปทำคนในบ้านเค้าตายแล้วอ่ะ มึงจะมามอบตัวเพื่อแสดงคำขอโทษเค้าก็ไม่ยกโทษให้มึงหรอก กูคนนึงแหละที่เป็นแบบนั้น ที่มึงเห็นเค้ายอมยกโทษอโหสิให้กับมึง ตอนที่ไปก้มกราบตีนจนแทบจะเช็ดรองเท้าเค้าให้เนี่ย มึงเคยคิดมั้ยว่าในใจเค้าอยากจะยกโทษให้มึงรึเปล่า ? เค้าอาจจะสาปแช่งมึงอยู่ในใจก็ได้ทั้ง ๆ ที่ดูจากภายนอกพวกนั้นเค้ายกโทษให้มึงไปแล้ว แต่ตราบาปที่มึงทำไว้กับพวกเค้ามันไม่ยอมหายไปง่าย ๆ หรอกนะสาด และนี่ก็เป็นตัวอย่างเพียงคร่าว ๆ ที่ผมยกมาให้ทุกคนได้ดูกันนะจ๊ะ
กลับมาที่คดีของ พ.ต.ท. ชะลอ กันต่อดีกว่านะครับ หลังจากที่ทุกคนได้เห็นแนวคิดแง่มุมหนึ่งของนักศึกษากฎหมายคนหนึ่งไปแล้ว พวกคุณล่ะ
1. มีใครคิดแบบผมมั่งมั้ย ?
2. ยังอยากให้มันได้ขอพระราชทานอภัยโทษสำเร็จอีกรึเปล่า ?
3. แล้วคิดว่าการขอพระราชทานอภัยโทษในขณะที่ในหลวงท่านยังทรงพระประชวรอยู่ในขณะนี้ คิดว่าเหล่าคณะรัฐมนตรีจะยอมให้การขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ของ พ.ต.ท.ชะลอ ผ่านการลงมติหรือไม่ ?
ผมเชื่อว่าหลายคนก็อาจจะคิดเหมือนผม แต่อีกหลายคนก็อาจจะคิดอีกอย่างนึงซึ่งตรงกันข้ามกับฝั่งผมหรืออีกกลุ่มนึงก็อาจจะเป็นกลางไม่เข้าข้างไหนทั้งสิ้น อาจจะด้วยเหตุที่ว่า (1) คือหนูยังเรียนมัธยมอยู่เลยอ่ะค่ะเลยยังไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้เท่ากับพวกระดับอุดมศึกษาแบบพี่ ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะ (2) กูขี้เกียจรับฟังเรื่องพวกนี้เฟ้ยมึงจะมาพูดเรื่องเครียด ๆ ใน Blog ทำไมฟะเนี่ยว่างมากนักเรอะ ? ซึ่งผมคิดว่าข้อหลังน่าจะเยอะกว่าข้อแรกอ่ะนะครับ ก็จริงดังว่าแหละครับ เพราะที่นี่เป็นบอร์ดเด็กดีที่เด็กจะเยอะไปซะหน่อยแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เรื่องของความสนุกมันก็น่าจะมีสาระแฝงกันอยู่บ้างสิไม่มากก็น้อยล่ะน่าจริงมั้ยวัยรุ่น ?
ป.ล. อ้อใช่ !! ความคิดของผมอาจจะผิดก็ได้นะครับไม่มีใครรู้ได้หรอก เพราะมันเป็นความคิดของคน ๆ หนึ่งเพียงคนเดียวที่เอียงซ้ายไปหน่อยก็เท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าจะเอียงจนสุดโต่งขนาดนั้นเพราะมันก็ยังมีความเป็นกลางแฝงอยู่ในแต่ละข้อความเหมือนกัน
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
19 ต.ค. 52
569
0
ความคิดเห็น