สวัสดีขอรับพ่อแม่พี่น้องมิตรรักแฟนเพลงของบอร์ดกระผมไอ้เอผู้นี้ หลังจากที่ผมได้หายไปเป็นเวลานานตั้งแต่คริสมาสต์ของปีที่แล้วจนถึงบัดนี้ ผมก็ได้กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้อง หรือการจุดธูปอันเชิญ หรืออะไรก็ตามของเหล่าแฟน ๆ กันแล้วนะแจ๊ะ และการกลับมาครั้งนี้ก็เป็นการกลับมาในช่วงของเดือนแห่งความร๊ากกกกกกกกกกกกปีนี้กันเลยทีเดียวเชียว และก็เพื่อให้เป็นการเข้ากลับบรรยากาศของเดือนแห่งความสุขที่เต็มไปด้วยความรักแบบนี้ ก็แน่นอนแหละครับว่าเรื่องที่ผมจะมาพูดให้ฟังในวันนี้ก็ต้องหนีไม่พ้นเรื่องของความรักระหว่างบุคคลสองคนอย่างแน่นอน ซึ่งก็เป็นความต้องการของกลุ่มคนบางกลุ่มที่ยังเป็นผู้ไร้รักหรือพวก Loveless อะไรประมาณนั้นอยู่ในขณะนี้รวมถึงไอ้ตัวผู้เขียนเรื่องนี้ด้วยแหละนะตัวเธอ ( เอ้าแล้วมึงที่ไม่เคยมีประสบการณ์พวกนี้ มึงจะมาพูดให้พวกกูฟังได้ยังไงฟะเฮ้ยนี่มึงจะแหกตาพวกกูหรองายสาด ) แต่เอาเถอะครับ ถึงผมจะไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้โดยตรง แต่ผมก็มีประสบการณ์เหล่านี้จากเพื่อน ๆ ผมมาเล่าให้ฟังอยู่ดีไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมการประชุมสภาเพื่อนสนิท หรือว่าจะเป็นการโต้วาทีกับฝ่ายค้านผมก็เคยประสบมาแล้วทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นวางใจได้นะตัวเธอว่าเรื่องที่ผมมาเล่าให้ฟังนี้เป็นเรื่องของความคิดของกลุ่มคนฝ่ายเดียวที่ไม่มีฝ่ายค้าน จึงขอให้มิตรรักแฟน ๆ ที่เข้ามาอ่านแต่ละเรื่องของผม โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังด้วยใจเป็นกลางเอาไว้ดีกว่านะขอรับมิฉะนั้นมันจะดูเอียงข้างเกินไป อย่างที่ผมบอกให้ฟังทุกครั้งก่อนเริ่มเรื่องแต่ละเรื่องของตัวเองนะจ๊ะเอาล่ะครับเข้าเรื่องเลยละกันนะเออ
ช่วงนี้ก็เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์หรือเดือนแห่งความรักของใคร ๆ ในบางคู่กันไปบ้างแล้วนะครับ ใครที่เป็นโสดอยู่ก็ไม่ต้องเศร้าสร้อยหงอยเหงาจนถึงขนาดที่ว่า กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะขาดความอบอุ่นกันขนาดนั้นหรอกนะครับ คงไม่มีบุคคลจำพวกนี้อยู่ในเด็กดีของเราหรอกนะครับผมมั่นใจ ใครที่ยังไม่มีแฟนในเดือนแห่งความรักแบบนี้ ผมอยากให้คิดว่าเนื้อคู่ของเรายังไม่มาดีกว่านะครับ ถ้าหากว่าคนเราจะเป็นคู่กันจริง ๆ มันจะต้องเข้ามาถูกที่ถูกเวลาอยู่แล้วแหละผมเชื่ออย่างนั้น เพราะผมเองก็ยังโสดอยู่เช่นเดียวกับพวกท่านนั่นแหละขอรับพี่น้อง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นของเรื่องนี้ครับไอ้เรามันเป็นพวกคนโสดไร้รักหรือเนื้อคู่ยังไม่เกิดอะไรประมาณนั้น เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต้องไปสนใจเรื่องพวกนี้มันปล่อยแม่งไป
ประเด็นของเนื้อเรื่องผมวันนี้จะเป็นเรื่องของคนที่มีคู่อยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นการรักกันปานจะกลืนกินหรือน้ำตาลเรียกพ่อน้ำหวานเรียกแม่น้ำผึ้งเรียกปู่แค่ไหนก็ตาม พวกคุณมั่นใจได้อย่างไรว่าคนที่เราคบอยู่ในตอนนี้เป็นคู่แท้ของเราจริง ๆ หรือว่ามันจะเป็นแค่พรหมลิขิตที่มันขีดเขียนให้เห้... ( ขอละไว้ในฐานเข้าใจนะจ๊ะ ) เดินเข้ามาในชีวิตเรากันแน่ เพราะว่าจากที่ผมพบเห็นมาในแต่ละปี ๆ มานี้ผมเห็นว่าทุก ๆ เดือนกุมภาพันธ์ของแต่ละปีนั้น แม่งมีแต่เรื่องราวที่ว่าเพศแม่เราไม่โดนข่มขืนก็โดนรุมโทรม ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องการจดทะเบียนสมรสของเหล่าคู่รักอย่างเดียวกันซะที่ไหนล่ะจริงมั้ย และสาเหตุของการถูกข่มขืนหรือถูกรุมโทรมที่เกิดมีขึ้นมาในกลุ่มคู่รักเหล่านี้นั้น ก็ไม่ได้มาจากหมาแมวที่ไหนเลยนะขอรับพี่น้อง แม่งมาจากไอ้คนที่พวกหล่อน ๆ แม่งควงอยู่ด้วยทั้งนั้นแหละ และส่วนมากสัตว์จำพวกนี้นะครับมันมักจะมามุกเดิม ๆ ประมาณว่า " เธอรักเรามั้ยอ่ะตัวเอง ? " พอฝ่ายตรงข้ามเค้าตอบกลับมาว่า " อื้อรักสิ ยังไงเค้าก็ร๊ากกกตะเองอยู่แล้วแหละ " แอร๊ย อ่ะกริ้วกร้าว งุงิ โน่น นี่ นั่น อะไรก็ว่ากันไปมันก็จะถามต่ออีกประมาณว่า " เจง~ป๊ะ ถ้าเธอรักเราเธอจะยอมให้เราทุกอย่างเลยรึเปล่าอ่ะ ? " ประมาณนี้ซึ่งตรงนี้ผมอยากจะขอเตือนเหล่าคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายหรือไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็ตามแต่ ที่กำลังมีความรักอยู่กับคู่ของตัวเองมา ณ ที่นี้เลยนะครับว่าถ้าฝ่ายโน่นม่างมามุกคล้าย ๆ แบบนี้ผมบอกเลยว่า พวกคุณมึงที่ไร้เดียงสาทั้งหลายกำลังจะเสียเอกราชแล้วแหละเพราะว่า ถ้าคุณตอบตกลงไปแบบไว้ใจมันเต็มที่เพราะไอ้เชี่ยนี่กูรักมันมากไม่ว่ามันจะขออะไรกูให้หมด นั่นแหละมึงไม่เสียตัวก็หมดตูดแน่ ๆ ล่ะวะพี่น้องครับเอาเป็นว่าผมจะยกตัวอย่างให้ทุกคนดูจากประสบการณ์ของผมกับเหล่าเพื่อนสนิทในแก๊งของผมคร่าว ๆ นะครับนั่นก็คือ
ถ้าท่านเป็นผู้หญิงและโดนคำถามแนวนี้ หลังจากที่คู่รักของเราพาเราไปเที่ยวมาครบหมดทุกทีและกำลังจะส่งคุณกลับบ้าน เช่น " วันนี้สนุกมั้ย ? ถ้ายังไม่พอใจเดี๋ยวเราพาไปเที่ยวต่อให้ได้นะเรายังมีที่เที่ยวอีกเยอะเลย " หรือจะเป็นว่าก่อนจะพาเรากลับบ้านมันแอบแว่บไปคุยโทรศัพท์ไกล ๆ จากที่เราสามารถมองเห็นสักครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับมาพูดกับเราเช่น " อยากไปต่อมั้ยว่าไง ? " หรือว่า " นี่ตะเองเค้ามีที่ ๆ นึงแหละที่อยากจะพาไปตะเองอย่าเพิ่งกลับนะ " อะไรประมาณนี้เป็นต้นให้คุณเตรียมป้องกันตัวไว้ก่อนเลยครับ ทางที่ดีควรบอกปฏิเสธไปหรือไม่ก็พาเพื่อนไปด้วยหลาย ๆ คนจะเป็นการปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลายนะตัวเธอ จะหาเหตุผลซากอ้อย ส้นตึก หรือว่าจะเป็นตรรกกะวิบัติห่าเหวอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องให้เราไปกับเค้าคนนั้น เช่น ง่วงนอนแล้ว หรือจะเป็นประโยคแบบไหนก็ว่ากันไปนะเออ ถ้าท่านยังมีความเป็นกุลสตรีในสายเลือดเหลืออยู่และไม่ใช่พวกหน้าเงินที่หวังจะฮุบสมบัติของฝ่ายนั้นอย่างตัวอิจฉาในละครดังหลังข่าวอะไรประมาณนั้น เพื่อแรกกับการยอมนอนกับพวกนี้อ่ะนะครับ ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังอย่างที่ผมว่าจริง ๆ ผมก็ขอให้ท่านโชคดีเจอแต่คนที่คิดเหมือนคุณละกันนะครับ แล้วคุณเองก็จะไม่มีวันพบรักแท้ในชีวิตนี้ของคุณอย่างแน่นอน เพราะคนที่เข้ามาหาคุณแต่ละคนแม่งก็จะเชี่ยเหมือนคุณนั่นแหละ คงจะดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันไปอีกแบบอ่ะนะ หน้าส้นตีนจริง ๆ คนแบบพวกมึงเนี่ย กูอยากจะล้างตับสลับขั้วไตควักไส้แม่งออกมามัดแล้วยัดกลับเข้าไปใหม่ ให้พวกเชี่ยนี้มันขี้เยี่ยวกันไปถูกกันเลยมึง ให้ตายสิวะไอ้คนพรรค์นี้
ต่อไปมาดูตัวอย่างทางฝ่ายชายกันบ้างของฝ่ายชายจะแปลกไปหน่อยเหตุเพราะว่า ฝ่ายหญิงนั้นจะไม่ค่อยหลอกเราเพื่อไปทำอะไรแบบเหตุการณ์ข้างบนนั้น แต่ทว่ามันจะมาแนวนี้ครับพี่น้องมันจะมาประมาณว่า หลังจากที่เราทั้งคู่เที่ยวกันเสร็จแล้วและกำลังจะพาฝ่ายหญิงไปส่งบ้าน เพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษเช่นเดียวกัน แต่ปรากฏว่าฝ่ายนั้นแม่งไม่ยอมกลับไงพี่น้องอยากจะอยู่ต่ออะไรประมาณนี้เป็นต้น และซึ่งก็ตรงกับเราที่วันนี้เสือกวางมาดเป็นเสี่ยเต็มที่กันไปเลยประมาณว่า มึงจะเอาอะไรเชิญชี้นิ้วสั่งเดี๋ยวกูจัดให้ จะไปไหนบอกเดี๋ยวป๋าพาไปเอง หรือว่าพวกท่านจะคิดสัปดนประมาณว่าวันนี้กูต้องเอามึงมาเป็นเมียกูให้ได้ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหนยังไง ๆ พวกคุณมึงก็ต้องเลี้ยงข้าวเลี้ยงหนัง นังคนนี้อยู่ดีนั่นแหละ หลังจากนั้นคุณก็พาไอ้คุณเธอคนนี้ไปแล่นต่อจนมันพอใจ แต่ไม่เท่านั้นครับมาถึงตอนนี้ซึ่งเป็นฉาก Climax ของเรื่องหรือว่าจุดสำคัญของเรื่องนี้ หลังจากเราพากเจ้าหล่อนเที่ยวเสร็จแล้ว คราวนี้เจ้าหล่อนจะเป็นฝ่ายเสนอตัวทันทีล่ะครับพี่น้องประมาณว่า กูพร้อม ( จะปล้น ) แล้วนะมึงล่ะพร้อม ( จะโดนกูปล้น ) หรือยัง โดยเธอจะใช้เทคนิกชั้นเซียนที่ได้ไปฝึกฝนมากับเหล่าแม่เล้าเป็นเวลาหลายปีมาใช้ทดสอบวิทยายุทธกับเรา ซึ่งขณะนี้ได้กลายเป็นชายหนุ่มผู้โง่เขลาเบาปัญญา เพราะความรักมันบังตาหรือความหื่นมันขึ้นตาอะไรก็ตามแต่โดยการเสนอตัวของเธอเองให้เราอย่างไม่มีข้อแม้ในคืนของวันวาเลนไทน์ อาจจะเป็นเพราะช่วงนั้นเธอไข่สุกพอดีหรือความอยาก ( ได้ของ ๆ เรา ) มันครอบงำหรืออย่างไรก็ตาม เราที่มีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว ( แต่ช่วงนี้กูว่าแม่งคงไม่มีแล้วแหละบุคคลจำพวกนี้เนี่ย ) ทางที่ดีควรปฏิเสธเธอไปก่อนดีกว่าครับ แม้ว่าในวันนั้นจะเป็นวันที่เธอพร้อมที่จะมอบทั้งกายและใจของเธอให้เราแล้วก็ตาม แต่เราก็ควรกันไว้ก่อนดีที่สุดเพราะความหวังดีเหล่านี้อาจจะมีความประสงค์ร้ายแอบแฝงอยู่ก็ได้ เพราะเราเห็นแค่รูปลักษณ์ภายนอกแต่เราไม่รู้ว่าใจเธอคิดดีหรือร้ายอย่างไร แต่เพื่อเป็นการรักษาน้ำใจของฝ่ายหญิง เราก็ควรจะคิดหาคำพูดดี ๆ ซักคำหนึ่งมาบอกกับเธอประมาณว่า
" ขอบคุณนะแต่เราว่ารออีกสักหน่อยดีกว่าเพราะเราเพิ่งคบกันได้ไม่เท่าไหร่เอง " ประมาณนี้เป็นต้นในกรณีที่เราเพิ่งเริ่มคบกันจริง ๆ ในขณะนั้นแค่นี้ก็ทำให้กราฟความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่เพิ่มขึ้นอีกเพียบเลยแหละครับพี่น้องเอ้ย แต่ของอย่างนี้มันคงจะมีได้ยากหรือแทบจะไม่มีเลยล่ะมั้งครับสมัยนี้เนี่ย จะเป็นคำพูดที่สวยหรูขนาดไหนมันก็ไม่ได้เพิ่มความสัมพันธ์ของคู่รักอยู่ดีในปัจจุบันนี้อ่ะ มีแต่จะโดนด่าว่าเป็น " ไอ้ไก่อ่อน " หรือไม่ก็เป็น " ไอ้ลูกแหง่ติดแม่ " อย่างนี้เป็นต้น จากความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ๆ อาจจะลดลงจนไม่เหลือเลยก็ได้แหละนะ คู่รักสมัยนี้เนี่ยแม่งไวไฟกันทั้งนั้นแสดดดด ใช่เซ่กูมันพวกหัวโบราณจะไปทันอะไรเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ล่ะฟะไอ้ขวย
นี่คือกรณีที่ฝ่ายนั้นยินยอมเราแล้วเรามีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้วอ่ะนะครับ ซึ่งสมัยนี้คนแบบนี้หายากมากกกกกกกกกกจริง ๆ นะตอนนี้ไอ้ตัวกูเองก็ยังหาไม่เจอเลยแสด แต่ถ้าเป็นกรณีของพวกหื่นขึ้นตาอยู่แล้วล่ะ พวกนี้ไม่ต้องอธิบายก็รู้ครับเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าไปไม่ว่าบุรุษเพศคนไหน ๆ ม่างก็เอาหมดแหละ ประมาณว่าแจ๊กพอตล่ะเว้ยกูเจอของดีเข้าให้แล้วแสด ถูกครับคุณเจอของดีจริง ๆ แต่ภายในนั้นดีหรือเปล่าก็คงไม่สามารถทราบได้ แต่ต่อให้เป็นคนที่อยากได้ของ ๆ แต่ละฝ่ายเหมือนกันทั้งคู่มันก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะพวกเสี่ย ๆ สมัยนี้ก็เที่ยวผู้หญิงกันเยอะแยะเพื่อระบายความเครียดจากการทำงานของแต่ละคน หรืออาจจะเที่ยวเพราะความสนุกหรือคึกคะนองอะไรก็ตาม ซึ่งในข้อหลังนี้จะเยอะกว่าข้อแรกนะผมว่า แต่ก็อย่างว่าแหละครับคนเรามันมีกิเลศอ่ะ อยากได้ของเค้าก็ต้องยอมเสียของเราไปแต่อยู่ที่ว่า เราจะเสียมากหรือเสียน้อยเท่านั้นเอง ถ้าคุณอยากเสียมากก็ตามสบายครับใส่ไปเหอะ สร้อย ( ทอง ) แหวน ( เพชร ) นาฬิกาข้อมือ ( โรเล็ค ) โทรศัพท์มือถือ ( BB ) หนูช๊อบชอบ อะไรนั่นน่ะเอาเลยครับตามสบาย เพราะผมไม่มีสิทธิจะไปห้ามคุณอยู่แล้วของ ๆ คุณจะใช้ยังไงก็ตามสะดวก ไอ้ตัวผมนั้นอย่างดีก็แค่เขียน Blog บอกกล่าวเล่าเตือนให้ชาวบ้านฟังขำ ๆ กันไปก็เท่านั้น แต่ถ้าอยากเสียน้อยก็พกไปแต่น้อยครับก็เตือนกันได้แค่นี้ ไม่ใช่ว่าใส่ม่างไปเด่ะของมีค่าตั้งแต่ปลายเส้นผมบนหัวยันปลายนิ้วโป้งตีน พอโดนเค้ารูดไปหมดในชั่วข้ามคืนหลังเสร็จจากเที่ยววันวาเลนไทน์มาเหลือไว้แต่เสื้อกับกางเกง ( ยังดีนะที่แม่งยังเหลือเสื้อผ้าไว้ให้ ไม่ได้ปล่อยให้มึงหนาวตูดเดินกลับบ้านล่อนจ้อนอ่ะ ) แล้วก็มาแจ้งความจับเค้าเพราะโดนปล้น ก็มึงอยากได้ของเค้าเองไม่ใช่หรองายมันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันไปเป็นธรรมดา แต่อยู่ที่ว่าที่มึงได้ไปอ่ะมันคุ้มค่ากับที่มึงเสียไปรึเปล่าก็เท่านั้น นี่แหละเค้าถึงเรียกว่าความเท่าเทียมไงพี่น้อง
และนี่ก็เป็นตัวอย่างเพียงเล็กน้อยที่พวกผมได้ไปประสบมาอ่ะนะครับ ไม่ว่าจะเป็นจากเพื่อนฝูงหรือจากสื่อต่าง ๆ ที่ไปเจอมาก็อยากจะเตือนคนมีคู่ทุกคนไว้เลยนะครับ ในเดือนแห่งความรักอย่างนี้ ว่าคู่รักของคุณหรือ Soulmate ที่แปลว่า " บุคคลที่เป็นทั้งคู่ชีวิตและส่วนหนึ่งของวิญญาณของเรา " ตามหัวข้อหรือนิยามของผมเนี่ย เป็นคู่แท้ปาฏิหาริย์ของคุณหรือว่าเป็นแค่เพียงคู่ควงชั่วข้ามคืนของใครหลาย ๆ คนกันแน่ ก็อยากให้ผู้ที่มีความรักกับใครที่ไม่ใช่คนในครอบครัวของตัวเองเนี่ย ลองเอากลับไปทบทวนกันให้ดี ๆ นะครับว่าเขาหรือเธอคนนี้จะใช่คู่แท้ของคุณจริง ๆ หรือว่า พรหมลิขิตมันขีดเขียนเอาไว้แล้วแต่เราดันให้ตัวเห้...มันเดินเข้ามาแทนที่เขาหรือเธอคนนั้นที่รอเราอยู่อีกฝากหนึ่งของเส้นที่ได้ขีดเอาไว้ โดยที่เราไม่คิดจะไล่มันออกไปจากเส้นทางที่เราเดินอยู่ตอนนี้ ปล่อยให้มันแลบลิ้นยาว ๆ ของมันเยาะเย้ยเรา แถมแม่งยังเดินไปกินไก่ที่เราเลี้ยงเอาไว้อีกต่างหากด้วย ( อันนี้เกี่ยวมั้ยวะเนี่ย ) แล้วผมก็อยากให้คนโสดทุกคนเชื่อเหมือนผมนะครับว่า เนื้อคู่ที่แท้จริงของเราเนี่ยถ้าเป็นคู่กันจริง ๆ ไม่ว่ายังไงเค้าก็จะเข้ามาหาเราได้ถูกที่ถูกเวลาที่สุด เพียงแค่ว่าเรารอให้ถึงวันนั้นให้ได้ก็พอ เพราะถ้าถึงวันนั้นแล้วเนี่ยเราก็จะรู้ได้เองว่าเค้าคนนั้นใช่คนที่เราตามหาอยู่จริงหรือไม่ และนั่นแหละครับคือคู่ชีวิตที่แท้จริงของคุณหรือ " Soulmate " ตามคำนิยามของผม
เลิฟยอลลลลลลลลลลลลลลลจ้าอ่ะกริ้ว ๆ
ความคิดเห็น