คนไทยหรือเปล่าไอ่แสรดดดดดดดดดด ?

          หลังจากที่ผมหายไปเป็นเวลาเดือนเศษ ๆ และได้กลับมาเขียนใหม่อีกครั้งผมก็ได้พบว่า Blog ผมยังมีคนอ่านเพิ่มขึ้นอยู่ทุกครั้งที่เข้ามาเช็คยังไง  ผมก็ขอขอบคุณทุกคนที่ชอบและติดตามเรื่องเล่าของผมนะครับ  แต่ก่อนอื่นขอผมอธิบายสาเหตุที่หายตัวไปเป็นเวลานานขนาดนี้ก่อนดีกว่าเนอะ  อันดับแรกเลยคือผมต้องช่วยงานที่สนามแบดที่แม่ผมรับผิดชอบต่อจากป้าผู้รับผิดชอบคนก่อนที่แกเพิ่งเกษียณไปเมื่อต้นปีนี้นะครับ  ก็เลยทำให้ไม่มีเวลาเข้ามาเขียนเรื่องราวต่าง ๆ ในไอดีตัวเองซักเท่าไหร่ก็เลยทำให้มันดูเงียบเหงาไปอย่างที่เห็น  แต่ก็ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามผลงานผมอยู่นะจ๊ะตะเอง  ถึงแม้ว่าตอนนี้จะได้มีคนลืมเรื่องราวของข้าเจ้าไปแล้วก็ตามเหอ ๆ อันดับต่อมาของการหายไปเฉย ๆ ของผมนั่นก็คือ  กูคิดเรื่องที่จะเล่าไม่ออกครับพี่น้องครับเพราะช่วงนี้เรื่องที่น่าจะนำมาพูดในสภามันเยอะซะจริง ๆ เลยไม่รู้ว่าจะเอาเรื่องไหนขึ้นก่อนประกอบกับเหตุผลแรกอีกด้วย  ก็ทำให้มีหลาย ๆ เรื่องที่ผมอยากจะพูดมันเลยลืม ๆ ไปมั่งเป็นธรรมดาของผู้ที่ขาดการเขียนนานเกินไปอ่ะนะครับเหอ ๆ


          และทั้งหมดนี้ก็คือเหตุผลที่ผมหายไปจากการเขียนเรื่องราวในไอดีไปเป็นเวลานานอ่ะนะครับ  อาจจะนานหน่อยกว่าจะมีเรื่องใหม่ ๆ มาอัพให้ได้อ่านกันเพลิน ๆ ยังไงซะก็อย่าเพิ่งเบื่อหน้าผมหนีกันไปหมดก่อนละกันเน้อพี่น้องชาวเด็กดีทุกคน  เอาล่ะแก้ตัวกันไปได้น้ำใสพอสมควรและมาเข้าเรื่องของผมเรื่องนี้กันเลยดีกว่า  ขึ้นชื่อเรื่องมาอย่างนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าเฮ้ย ๆ ๆ ไอ้ห่าเอมึงมาชื่อเรื่องแบบนี้จะเป็นเรื่องที่แม่งกำลังร้อนอยู่ตอนนี้รึเปล่าวะ ( ขออนุญาตเซ็นเซอร์คำพูดครับเพราะเดี๋ยวกูจะไม่โดน Web Mas. ปิดเท่านั้น  แต่จะเสือกโดน ICT ปิดเว็บแทนซึ่งแม่งใหญ่กว่าโดน Web Mas. เยอะเลยแสด ) ผมก็จะตอบเลยว่าอย่าเพิ่งคิดไปไกลครับพี่น้องเอ้ย  ไม่ใช่เรื่องของกีฬาสีประจำชาติที่ยังแข่งกันไม่จบจนถึงวันนี้แน่นอนจ้า  แต่มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ " ภาษา " ครับพี่น้อง  ใช่แล้วครับ " ภาษาไทย " ที่เราใช้พูดกันอยู่ทุกวันนี้นี่แหละ  ซึ่งปัจจุบันนี้คงจะมี " ภาษาอังกฤษ " มาเป็นภาษาที่ 2 แล้วอย่างแน่นอนไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นคนชาติใดสกุลใด  แต่ที่ผมข้องใจและขัดใจรวมถึงไม่พอใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับภาษาบ้านเราในปัจจุบันนี้นั้น  มันคือภาษาที่ 3 ที่กำลังเป็นที่ฮอตฮิตในปัจจุบันทันด่วนของบ้านเรานี่สิครับ  มาถึงตรงนี้ทุกคนคงจะร้องอ๋อกันอีกแล้วล่ะสิชิมิล่าฮ่า ๆ ๆ ใช่แล้วครับภาษาที่ 3 ของบ้านเราในปัจจุบันนี้ไม่ใช่ภาษาจีนครับแน่นอน  แล้วมันก็ไม่ใช่ญี่ปุ่นด้วย (แล้วมันจะเป็นภาษาอะไรฟะไอ้ห่าสัด  เกาหลีเรอะไงเห็นช่วงนี้ม่างกำลังเป็นที่ฟีเว่อร์เลยสาด  ซึ่งมันก็ยังไม่ใช่อีกนั่นแหละครับ)  ภาษาที่ 3 ของบ้านเราที่ผมหมายถึงนี้มันคือ " ภาษาวิบัติ " ครับพี่น้อง  ซึ่งถ้าจะมีคนมาถามผมว่าอะไรคือภาษาวิบัติหรือวิบัติศาสตร์ในบ้านเราอย่างนั้นเหรอ  ผมก็จะตอบกลับไปแบบนักวิชาการเลยครับว่า


          " อันว่าภาษาวิบัตินั้นหรือคือรูปแบบภาษาชนิดหนึ่งที่เกิดจากการออกเสียงกันไปตามอารมณ์ของผู้พูด  ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาในยุดแรก ๆ คือจากการเริ่มเล่นแชทกันใน MSN เป็นก่อนที่จะตามมาด้วยการเล่นแชทใน Hi5 และ Facebook รวมถึงสังคมออนไลน์ต่าง ๆ นา ๆ ที่ได้เกิดขึ้นในยุคต่อ ๆ มาในภายหลัง  ซึ่งไม่สามารถมองเห็นหน้าบุคคลที่อยู่อีกด้านหนึ่งของวงสนทนา  ผู้พิมพ์ข้อความพูดคุยกันนั้นจึงต้องใช้การพิมพ์ที่แสดงออกถึงน้ำเสียงในตอนนั้นว่ากำลังออกเสียงแบบไหนอยู่ " อะไรประมาณนี้เป็นต้น  ซึ่งถ้าเป็นแรก ๆ มันก็พอทนแหละครับคิดซะว่าเป็นยุคบุกเบิกทางปัญญา ( อ่อน ) ของเหล่ามวลมนุษย์ในประเทศไทย  ที่คิดหาวิธีการพูดผ่านทางอินเตอร์เน็ตโดยให้ผู้รับสารอีกด้านหนึ่งรู้สึกถึงน้ำเสียงอันงุงิ ( หรือแอ็บแบ๊วนั่นเอง ) ของทางด้านผู้ส่งสารของฝั่งนี้  เพื่อบอกให้เค้ารู้ว่ากูน่ารักนะสาดมาคบกับกูดูมั้ยล่ะจ๊ะตะเองจ๋า  ซึ่งไอ้ตัวผมนี้ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันผู้ใดเป็นผู้บุกเบิกภาษานี้ออกมา  จนแม่งกลายเป็นที่แพร่หลายในหมู่ของชาวสังคมออนไลน์จนถึงปัจจุบันนี้  แม่งช่างน่าศรัทธาจริง ๆ กูขอยกย่องให้มึงเป็นศาสดาเอกของประเทศไทย  ผู้ซึ่งได้เผยแพร่วิชาวิบัติศาสตร์ให้กับลูกหลานของเหล่าบรรพบุรุษไทยอย่างเรา ๆ ได้สมบูรณ์แบบดีจริง ๆ เลยมึงเอ้ยให้ตายดิวะ  ท่านผู้นั้นแม่งน่าจะเป็นบิดาแห่งความวิบัติของภาษาจริง ๆ


          ถ้าทุกคนที่คิดว่าท่านบิดาแห่งความวิบัติ  ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่ลัทธินี้ให้กับเหล่าปวงชนชาวไทยจนประสบความสำเร็จผู้นี้นั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งแล้วล่ะก็  ผมขอให้พวกท่านคิดใหม่อีกครั้งเมื่อพบกับเหล่าผู้สืบทอดลัทธิวิบัติศาสตร์นี้ในรุ่นหลัง ๆ ต่อมา  ซึ่งถ้าจะให้ผมเทียบระหว่างรุ่นต้นตำรับกับรุ่นผู้สืบทอดแล้วล่ะก็  ผมฟันธงได้เลยว่าลัทธินี้ได้มีการวิวัฒนาการต่อ ๆ มาได้ดีเกินกว่าที่ผมคาดไว้  เพราะว่าในรุ่นของท่านบิดาแห่งความวิบัตินั้น  ผมยังสามารถใช้สมองที่มีอันน้อยนิดของผมเข้าใจกับภาษาของท่านผู้นั้นได้บ้างครับ  เพราะมันยังมีเค้าโครงของภาษาแม่ของบ้านเราอยู่พอสมควร  ผิดกับรุ่นผู้สืบทอดรุ่นต่อ ๆ มาอีกหลายชั่วอายุคน  ซึ่งภาษาแม่ของเรานั้นแทบจะไม่มีเค้าโครงเหลืออยู่เลยในแต่ละข้อความที่เหล่าผู้สืบทอดแต่ละรุ่น ๆ ได้บันทึกลงบนหน้าจอของ Hi5 และ Facebook ของน้องผมที่จะมีการอัพเดตอยู่ตลอดเวลาที่เรากดรีเฟรชหน้าเว็บเหล่านี้  ผมขอยกตัวอย่างคร่าว ๆ จากที่ผมเห็นมาบ้างเพียงเล็กน้อยข้อความมันมีอยู่ว่า

1. “เม๊ล ไห๊ น่าส์ !! คลสวย

มั๊ม ๆๆ ... ยั๊ง เนี๊ย __ เป๊นห่วง ณ๊ รุป่าว__))  และอีกข้อความนึงคือ

2. “ไม๊เม๊นเร่ยน๊ฮ๊า ท

ค๊ อดน๊อยไจ๋เร่ยหว๊ะ  ยังมีอีกครับ

3. “♥' อ้าจ้ะ *

อร่อยแต่ม่รู้จะไป่ซื้อธิ่ไน๋ดรี๊


          มันอะไรกันวะเนี่ยครับซึ่งเมื่อผมเห็นข้อความพวกนี้ผมก็เกิดคำถามแบบเป็นตัวเลือกขึ้นมาว่า (ก.) นี่น้องกูคุยอยู่กับเพื่อนร่วมชาติเดียวกันหรือว่ามันเป็นมนุษย์จากมิติคู่ขนานกันแน่วะเนี่ยและ (ข.) ถ้ามันเป็นมนุษย์จากโลกเดียวกับน้องกูทำไมกูถึงรู้สึกเหมือนกับว่าน้องกูกำลังคุยอยู่กับมนุษย์ต่างดาวเลยวะสาดและสุดท้าย (ค.) ภาษาที่พวกมึงคุยกันนั่นน่ะ  แน่ใจเหรอว่าเป็น "ภาษาไทย" ไม่ใช่ "พาสาทัย" นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในหัวผมตอนนั้น  หรือว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นผู้สืบทอดจากท่านบิดาแห่งความวิบัติผู้นั้นเหมือนกัน  โอ้วให้ตายสิเธอว์ ( อันนี้ไม่วิบัตินะเพียงแต่ว่าเป็นการเล่นคำเพื่อให้มันได้ฟิวเท่านั้นแหละ ) อะไรมันจะขนาดนั้นวะเฮ้ย  มันวิวัฒนาการไปกันขนาดนี้แล้วเหรอวะเนี่ยเฮ้ย  แบบนี้มันไม่ใช่ผู้สืบทอดธรรมดาแล้วแหละแต่ม่างเป็นผู้เผยแพร่ต่อซึ่งลัทธิเดิมแต่เป็นนิกายใหม่ตามแบบของศาสนาคริสต์กันเลยนะเนี่ยพี่น้องเอ้ยดีใจด้วยสาด...


          คือไอ้เรื่องเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเลยนะครับที่ผมเอามาเล่าให้ฟังเนี่ย  มันเป็นเรื่องน่าอายมากกว่าครับที่พวกมึงทั้งหลายซึ่งเป็นคนไทยกันแท้ ๆ แต่เอาภาษาไทยมาทำใหม่จนกลายเป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาไทยกันไปแล้ว  พวกมึงไม่ใช่พ่อขุนรามนะเฮ้ยจะได้มานั่งประดิษฐ์อักษรใหม่ ๆ กันอ่ะ  ขนาดตัวพ่อขุนรามเองท่านยังต้องใช้พระอัจฉริยะภาพของพระองค์  ในการที่จะเอาภาษาขอมจากประเทศเพื่อนบ้านมาดัดแปลงใหม่ให้เป็นภาษาของประเทศไทยเองเลยนะสาด  ถึงจะคิดค้นภาษาของบ้านเราให้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองไม่เหมือนใคร  อีกทั้งยังเป็นหน้าเป็นตาของชาวต่างชาติอีกด้วย  ที่จะได้มาชื่นชมเอกลักษณ์ของความเป็นไทยที่นอกจากวัฒนธรรมที่สวยงามแล้วยังมีตัวอักษรไทยที่สวยงามอีกด้วย  นี่ต่างหากครับเสน่ห์ของการใช้ภาษาที่ถูกต้อง  แต่พอกูเอาเรื่องพวกนี้ไปพูดให้กับไอ้พวกวิบัติศาสตร์พวกนั้นรับฟังมันว่ายังไงกันน่ะเหรอครับแบบนี้ครับ


          " แบบเนรี้ยเก๊าเรียกว่พาสาวัยรุ่นต่หากล่คลแก่ ๆ อย่างพวกพี่จะไปรุอะรัย " อ่ะจ้า ๆ กูไม่รู้เรื่องหรอกจ้ะคุณน้องจ๋า  ขนาดข้อความที่มึงเขียนให้กูตอนนี้กูยังอ่านไม่รู้เรื่องเลยอ่ะเธอว์  ก็เพราะว่ามันมีคนคิดแบบพวกมึง ๆ กันอย่างนี้ไง  ภาษาเหล่านี้แม่งถึงได้ออกมาเรื่อย ๆ จนมันจะเป็นภาษาที่ 3 ของประเทศไทยแทนภาษาจีนแล้วเนี่ยแสด  ที่พวกมึงได้เรียน ๆ มาในวิชาภาษาไทยที่ครูอาจารย์แม่งพร่ำสอนบอกพวกมึงอยู่ทุกวี่ทุกวันเวลาพวกมึงเข้าเรียนหนังสือจนปากเปียกปากแฉะเนี่ย  พวกมึงเคยคิดจะจำและรับมันเข้าสมองอันน้อยนิดของพวกมึงบ้างมั้ยไอ้ห่าสัด  หรือพอเรียนเสร็จกลับมาถึงบ้านแล้วมึงก็โยนที่เค้าสอนทิ้งไว้ในห้องเรียนนั่นแหละแล้วก็มาใช้วิบัติกันเหมือนเดิม  พอเจองานที่ให้เขียนพวกจดหมายเรียนเชิญจดหมายสมัครงาน  ที่เป็นงานที่อยู่ในหมวดของวิชาภาษาไทยเนี่ยพวกมึงคิดว่าจะเขียนถูกทุกตัวมั้ยสาด  ทั้ง ๆ ที่มันเป็นภาษาบ้านของพวกมึงเองแท้ ๆ เนี่ย  กูกล้าฟันธงเลยว่าพวกมึงไม่มีทางเขียนถูกทุกความหมายหรือถูกทุกตัวหรอก  ขนาดคำว่า " นะคะ " กับ " น่ะค่ะ " พวกมึงยังใช้กันผิด ๆ อยู่ทุกวันนี้เลยอีดวกอย่าให้กูพูดนะสาด  แล้วนับประสาอะไรกับการเขียนจดหมายสมัครงานเพื่อส่งครูเป็นการบ้าน


          บอร์ดแต่ละบอร์ดเว็บแต่ละเว็บม่างก็รณรงค์กันเข้าไปสิ "ร่วมต่อต้านภาษาวิบัติ" มั่งล่ะ "ลดความวิบัติเพื่อชาติ" กันบ้างล่ะแม่งมีกันทุกเว็บแหละครับ  ที่เป็นเว็บเกี่ยวกับการเขียนบอร์ดตั้งบอร์ดพวกนี้เนี่ย  แต่ไอ้พวกเหี้ยนี่มันเคยสนใจกันมั่งมั้ยอ่ะ  กูเห็นพอพวกแม่งโดนแบนกันไปไม่นานแม่งก็ไปหาที่สิงสถิตย์ในรังใหม่ต่ออีก  จนกว่าแม่งจะมีที่ให้สิงอย่างมั่นคงถาวรแล้วนั่นแหละ  และที่สิงสถิตย์อย่างถาวรตอนนี้ก็ไม่ใช่ที่ไหนเลยครับ Hi5 และ Facebook นี่ไงที่สิงสถิตย์อย่างดีของพวกมันตอนนี้เลย  เพราะเว็บพวกนี้มันเป็นเว็บที่ไร้การป้องกันใด ๆ ทั้งสิ้น  ทำให้พวกวิบัติศาสตร์เหล่านี้แม่งก็พากันไปสิงสถิตย์อยู่กันจนตั้งเป็นองค์กรใหญ่ ๆ กันเลยทีเดียวในจุดนั้น  และเชื่อผมเหอะว่าอีกไม่นานหรอก  ถ้าเว็บที่เป็นที่สิงสถิตย์ของพวกนี้ยังไม่เริ่มเอาจริงในเรื่องของการต่อต้านการใช้ภาษาวิบัติแบบที่เว็บอื่น ๆ เค้าทำกัน  เดี๋ยวไอ้พวกวิบัติศาสตร์เหล่านี้นี่แหละแม่งได้ขึ้นมาครองโลกออนไลน์จนหมดแน่ ๆ ก่อนที่มันจะพากันทะลักออกมาสู่โลกภายนอกและใช้ปฏิบัติกันในชีวิตจริงของพวกเราที่เป็น ๆ อยู่ในทุกวันนี้ในที่สุด  ระวังตัวเอาไว้ให้นี้เหล่าเว็บมาสเตอร์ทั้งหลาย...

ป.ล.เอรักทุกคนคร้าบอ่ะกิ้ว ๆ