ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yaoi ; SJ]>_ Hot ! Guy~...ผมชอบคนยั่ว!

    ลำดับตอนที่ #23 : _ C H A P T E R 1 9 : รั ก แ ก > > ฉั น ก็ รั ก แ ก ( 1 0 0 % )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.3K
      18
      1 ก.พ. 53

                “ทงเฮ~”ในช่วงพักเที่ยงของวันต่อมาคุณประธานคนสวยก็ได้มาหาทงเฮที่ห้องอย่างที่ได้นัดเอาไว้เมื่อวาน ร่างเล็กที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋า เมื่อได้ยินเสียงเรียกของฮีชอลก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆไปให้

     

    “”ป่ะ..ไปห้องคณะสีกัน”

     

    “ฮะ...”พอคนตัวเล็กรับคำเสร็จฮีชอลก็คว้าข้อมือของคนตัวเล็กมาจับไว้แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่ก็มีมือใหญ่ของใครบางคนมาขว้าข้อมืออีกข้างของคนตัวเล็กไว้ก่อน

     

    “นี่...แล้วจะไม่กินข้าวก่อนรึไง-  -?” คนตัวสูงถามเพราะรู้สึกเป็นห่วง แม้สีหน้าและน้ำเสียงที่พูดจะดูขัดจากความรู้สึกไปเล็กน้อยก็ตาม

     

    “อ่า...” คนประธานคนสวยหลับตานึกชื่อของคนหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้า เหมือนจำได้ตงิดๆว่าเป็นนักบาสเพราะเคยเห็นสาวๆที่ห้องตามไปกรี๊ดที่ข้างสนามอยู่บ่อยๆ

     

    “คิบอม-  -”

     

    “เอ้อ คิบอม...คือที่ห้องของคณะสีเค้ามีข้าวกล่องให้กินทุกวันน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก”

     

    “งั้นหรอ...อืม ฝากด้วยล่ะ-  -“ พูดเสร็จคิบอมก็ปล่อยมือของคนตัวเล็กลง

     

    “อือ เดี๋ยวชั้นดูนายตัวเล็กให้เอง...ไปละนะ^^” คุณประธานคนสวยพูดเสร็จแล้วก็ส่งยิ้มไปให้คิบอม รวมถึงคนอีก2คนที่กำลังนั่งทำหน้านิ่งไม่ยอมพูดจากันอยู่ที่โต๊ะ เสร็จแล้วจึงเดินออกจากห้องไป

     

    ก่อนพ้นประตูห้องร่างเล็กไม่ยืมที่จะหันกลับมาส่งยิ้มหวานๆให้คิบอมอีกหนึ่งครั้ง และรอยยิ้มนั่นก็สามารถทำให้คนตัวสูงยิ้มออกมาได้เช่นกัน...

     

    พอทงเฮและฮีชอลเดินออกไปจากห้องบรรยากาศในห้องก็เงียบสนิท  เนื่องจากคน2คนที่ปกติทุกวันเป็นคนสนุกสนาน คอยชวนพูดชวนคุยอยู่ตลอด แต่ตอนนี้กลับนิ่งเงียบ ชวนให้บรรยากาศดูอึดอัด...แม้คิบอมจะรู้ถึงปัญหาของทั้งสองฝ่ายแต่ก็ไม่รู้จะช่วยแก้ปัญหายังไงดี

     

    “เห้! จะนั่งกันอีกนานมั้ย ไม่ลงไปกินข้าวรึไง?” คิบอมทนความอึดอัดที่เกิดขึ้นต่อไปไม่ไหวจึงยอมเป็นฝ่ายพูดก่อน พร้อมสะกิดเข้าที่ไหล่บางของฮยอกแจ

     

    “หะ..ห้ะ?”

     

    “ไม่ไปกินข้าวกันรึไง-  -?”

     

    “อ่า...เดี๋ยวฉันไปกินกับที่ชมรมดีกว่า นายไปกินกันสองคนเถอะ” พูดเสร็จร่างเล็กก็ขว้ากระเป๋าแล้วรีบเดินออกไปจากห้องทันที

     

    “หึ...แล้วนี่แกเป็นอะไรวะไอ้เกิง?”คิบอมลงไปนั่งเกาอี้ของฮยอกแจที่อยู่ข้างๆฮันคยอง พร้อมกับเอ่ยถามออกมา ทั้งๆที่ในใจก็รู้คำตอบอยู่แล้วว่าเพื่อนเป็นอะไร เพราะที่ถามไปก็แค่ต้องการชวนคุยเท่านั้น

     

    “ป่าว...ไปกินข้าวกันเถอะ” ฮันคยองไม่ตอบคำถามของคิบอม หนำซ้ำยังคว้ากระเป๋าของตัวเองและเดินออกไปจากห้องโดยที่ไม่รอคิบอมอีก ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงคิบอมคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้อง

     

    “-   -???” ไม่บ่อยนักที่คิบอมจะเป็นฝ่ายชวนคนอื่นคุยก่อน แล้วก็ไม่บ่อยนักที่เค้าชวนคุยแล้วจะมีคนทำท่าไม่อยากคุยกับเค้า แบบที่ฮันคยองทำเมื่อกี้

     

    เชี่ยฮัน-   -

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

    ทงเฮเดินออกมากับฮีชอลได้สักพักแล้วเพื่อที่จะไปห้องคณะสี ระหว่างทางได้มีผู้คนมากมายที่ทงเฮมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักมากลับส่งยิ้มและโบกมือทักทายให้ ทงเฮที่ยังวางตัวไม่ถูกก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากส่งยิ้มแบบโง่ๆกลับไปให้ แต่มันก็ยังดูน่ารักสำหรับคนที่ได้พบเห็น

     

    หลังจากที่ทงเฮและฮีชอลได้เดินข้ามตึกมาทางฝั่งม.ต้น ฮีชอลได้พาทงเฮขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น13 และมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องห้องหนึ่ง ซึ่งหน้าประตูห้องได้แขวนป้ายสีน้ำเงินและมีตัวอักษรสีขาวเด่น อ่านได้ว่า Sapphire Blue

     

    “ นี่..ถ้าเข้าไปในห้องก็พยายามอยู่ข้างๆฉันตลอดนะ แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจเสียงแซวของไอ้พวกปากหมาล่ะ”  ฮีชอลหันมาบอกทงเฮ ทงเฮที่ได้ยินก็พยัยกหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ ฮีชอลเห็นแบบนั้นจึงยอมเปิดประตูห้องเข้าไป

     

    ทันทีที่สองร่างก้าวเข้ามาในห้อง คนในห้องที่ก่อนหน้านี้ต่างทำกิจกรรมของตัวเองอยู่ เมื่อเห็นคนที่เดินตามฮีชอลเข้ามาต่างก็หยุดกิจกรรมของตัวเองเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวเล็กน่ารักอย่างสนใจ

     

    “เห้! วันนี้ฉันมีเพื่อนใหม่มาแนะนำ.. นี่ลีทงเฮ คิดว่าหลายๆคนคงจะรู้จักกันดี”  ฮีชอลกล่าวแนะนำพอเป็นพิธีเสร็จร่างเล็กที่ก่อนหน้านี้ไปหลบอยู่ข้างหลังฮีชอลก็เดินก็ค่อยๆเดินออกมาพร้อมกับกล่าวทักทายบ้าง

     

    “สวัสดีฮะ^^” ทงเฮกล่าวแล้วยิ้มออกไปอย่างเขินๆ  ยังไงเขาก็ยังรู้สึกไม่ชินกับการที่มีคนมาจ้องมองมากมายขนาดนี้

     

    “สวัสดี นายน่ารักจัง^^!

     

    “ขอเบอร์ได้มั้ยครับ?”

     

    “ฮยองอา~ มีแฟนรึยังครับ><

     

    “นายตัวเล็กจังเลย”

     

    “เอ่อ..ฮยองน่ารักกว่าแฟนผมอีก-  -“

     

    “เย็นนี้กลับบ้านด้วยกันมั้ยทงเฮ^^

     

    “ฮยอง ~ เป็นแฟนกับผมเถอะนะ”

     

    เพียงแค่ทงเฮกล่าวทักทายแค่สั้นๆ แต่หลังจากนั้นกลับมีอีกหลายเสียงพูดแข่งกันขึ้นมาจนทงเฮแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง

     

    “เห้ๆ...พอเลยพวกนายน่ะ”เมื่อเห็นว่าทงเฮได้แต่หันซ้ายขวามองคนนู้นทีคนนี้ทีอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก ฮีชอลจึงเป็นฝ่ายพูดห้ามผู้ชายพวกนั้นแทน แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่ผิดจริงๆว่าพอพาทงเฮเข้ามาจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแน่ๆ  หึ...นี่ถ้านายคนที่ชื่อคิบอมรู้เว่าคนน่ารักเข้ามาอยู่ได้ไม่นานก็ป๊อปปูล่าร์ขนาดนี้ล่ะก็คงจะหึงน่าดู...

     

    พอพวกผู้ชายกลุ่มเมื่อกี้ได้เห็นสายตาดุๆของฮีชอลที่กวาดมองไปรอบห้องก็พากันเงียบทันทีและหันไปทำกิจกรรมของตัวเองเหมือนเดิม ฮีชอลเห็นแบบนั้นก็เข้าไปหยิบเข้ากล่องให้ตัวเอง1กล่องและให้ทงเฮอีก1กล่อง เสร็จแล้วก็พากันไปนั่งกินตรงกลุ่มกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของฮีชอล

     

    “ฮงกิ กินข้าวไม่รอฉันเลยนะ”  เมื่อฮ๊ชอลนั่งลงก็พูดขึ้นพร้อมกับใช้มือดันหัวคนที่ชื่อฮงกิซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเบาๆ

     

    “ก็ฉันหิวอ่ะ แหม่ แล้วนายก็พาทงเฮมาจนได้นะ” พูดแล้วฮงกิก็พยัดเพยิดหน้าไปทางร่างเล็กซึ่งตอนนี้กำลังเปิดกล่องข้าวด้วยท่าทางเงอะๆงะๆ

     

    “แน่นอน...ฉันคิมฮีชอลซะอย่าง” พูดแล้วคนสวยก็ยกยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตักข้าวคำโตเข้าปากแล้วหันไปมองคนตัวเล็กกว่าที่นั่งอยู่ข้างๆ  ท่าทางเหมือนเด็กใสซื่อไร้เดียงสาน่ารักขนาดนี้ เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไมนายคนที่ชื่อคิบอมนั่นถึงได้หวงนักหวงหนา

     

    “ทงเฮโอปป้า~  ทงเฮโอปป้า”  เสียงเด็กผู้หญิงที่เอ่ยเรียกทงเฮทำให้ทงเฮต้องเลยหน้าแล้วหันซ้ายขวามองหาเสียงของคนที่เรียกชื่อเขา แล้วก็ได้พบเด็กสองคนโบกมือให้ในบริเวณที่ห่างจากที่ที่เขานั่งไม่ไกลนัก

     

    “ซอลลี่ แอมเบอร์”  ทงเฮพูดแล้วอมยิ้มเล็กน้อยในขณะที่ยังอมข้าวอยู่ในปาก

     

    “อุ๊ย โอปป้าจำพวกเราได้ด้วย ดีใจจังเนอะแอมเบอร์><

     

    “จำได้สิฮะ   พึ่งจะเจอกันเมื่อวานเอง^^

     

    “นี่รู้จักกันหรอ?”  ฮ๊ชอลพูดกับทงเฮแล้วพยักเพยิดหน้าใส่เด็กหญิงน่ารักและเด็กหญิงหน้าหล่อทั้งสองคน

     

    “อ่าฮะ..พึ่งรู้จักกันเอง”

     

    “ดีแล้วแหละ เพราะเดี๋ยวยังไงก็ต้องทำงานด้วยกัน” เมื่อฮีชอลพูดเสร็จร่างเล็กก็อมยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะกินข้าวต่อไป

     

    “นี่ แล้วคอนเซปต์ปีนี้จะเอาเป็นอะไรดีอะฮงกิ” ฮีชอลหันหน้าไปขอความเห็นจากฮงกิซึ่งตอนนี้กำลังว่างงานนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่

     

    “ทะเลมั้ยล่ะ?”  ฮงกิพูดตอบแต่ก็ยังคงไม่ละสายยตาไปจากโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งขยับลูกอมในปากไปมา

     

    “ไม่เอาอ่ะ ปีที่แล้วก็ทะเล...ซ้ำซาก”

     

    “เออเนอะฉันลืม ที่ปีที่แล้วแกถูกจับแต่งเป็นนางเงือก55555 5” เมื่อนึกถึงปีที่แล้วฮงกิก็ระเบิดขำออกมาทันที ภาพของฮีชอลที่แต่งเป็นเงือกเมื่อปีที่แล้วยังคงติดตาเขาอยู่

     

    “เออ อย่าพูดได้มั้ยเนี่ย...น่าอายชะมัด”  ฮีชอลยังคงจำได้ดี เมื่อปีที่แล้วเค้าก็คงมีสภาพไม่ต่างจากทงเฮเท่าไหร่ ก่อนวันกีฬาสีเพียงสองหรือสามวันเท่านั้น เขาก็ถูกรุ่นพี่ประธานคณะสีปีที่แล้วคะยั้นคะยอให้ไปช่วยแต่งเป็นนางเงือกในขบวนพาเหรดให้ ตอนแรกฮีชอลก็ปฏิเสธท่าเดียว แต่ท้ายสุดก็ใจอ่อนยอมไปช่วยจนได้

     

    “นี่รู้แล้ว ทำเป็นแบบว่าเทพนิยายมั้ยล่ะ”

     

    “อืม..ก็น่าสนใจดีนะ ทงเฮ ..นายมีความเห็นอะไรมั้ย?”

     

    “หือ?...ผมยังไงก็ได้ฮะ”

     

    “งั้นตกลง....เอาคอนเซปต์นี้แหละ”


    .

    .

    .

    .

    .

     

    ทางด้านชมรมว่ายน้ำ ร่างเล็กกำลังซ้อมว่ายน้ำอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแข่งกับเวลา แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ผลก็ดูจะยิ่งแย่ลง ...

     

    “แฮ่ก...เป็นยังไงบ้างแทมิน”  ร่างเล็กโผล่พ้นน้ำขึ้นมาก็ถอดแว่นขึ้นมาข้างไว้ที่ศีรษะ แล้วเงยหน้าถามแทมินที่นั่งจับเวลาให้อยู่บนขอบสระด้วยเสียงที่เหนื่อยหอบ

     

    “เวลาแย่ลงอีกแล้วอ่าฮยอก วันนี้นายเป็นอะไรรึเปล่า ดูจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย?”

     

    “ป..ป่าวหรอก” ฮยอกแจตอบแล้วหลุบตาลงต่ำเมื่อแทมินไปถามแทงใจดำเข้าเต็มๆ

     

    “แต่ดูเหมือนว่านายกำลังคิดอะไรอยู่เลยนะ...” แทมินถามแล้วมองหน้าฮยอกแจอย่างจับพิรุธ เพราะวันนี้ฮยอกแจดูแปลกไปจริงๆ  จากที่ทุกวันเคยเป็นคนร่าเริงและชอบชวนพูดชวนคุยไม่หยุด แต่ในเวลานี้กลับดูซึมๆ เวลาถามคำก็ตอบคำ..

     

    “ป...ป่าว ไม่ได้คิด  ฉันขอต่ออีกรอบนึงแล้วกันนะ นายจะได้ซ้อมบ้าง”

     

    “อ่าโอเคๆ”  แทมินพูดเสร็จฮยอกแจก็ดันตัวเองขึ้นไปนั่งบนขอบสระก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วจะก้าวไปยืนบนสแตน ดึงแว่นลงมาสวม และเตรียมพร้อมอยู่ในท่าที่จะกระโดดลงมา

     

    “1...2...3”

     

     

    ตูม ม!..

     

     

    พอแทมินนับสามเสร็จฮยอกแจก็พุ่งตัวลงสู่ผิวน้ำทันที...

     

    ที่แทมินพูดมาเมื่อกี้ถูกทั้งหมด ตั้งแต่เดินออกมาจากห้องฮยอกแจก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของฮันคยอง  ยิ่งได้คุยกับคิบอมเมื่อคืนแล้วก็ยิ่งคิดหนัก เมื่อรู้ตัวเองแล้วว่าก็ชอบฮันคยองเหมือนกัน แต่พอวันนี้เจอหน้ากันแล้วกลับไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง ไม่คุยกัน มันเลยกลายเป็นความอึดอัด

     

     

     

    ทั้งๆที่สิ่งที่กั้นกลางอยู่ระหว่างเขาทั้งสองคนตอนนี้เป็นเพียงแค่เส้นใยบางๆ...

     

    ...แต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะก้าวข้ามมันไป...

     

     

     

    ในขณะที่ฮยอกแจกำลังจะหมุนตัวกลับสายฝนก็ได้เทกระหน่ำลงมาซะก่อน  ทั้งๆที่เมื่อครู่ท้องฟ้าก็ดูแจ่มใส ไม่ได้มีท่าทีว่าฝนจะตกลงมาสักนิด

     

    ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะหันหลังกลับไปมองแทมิน ซึ่งแทมินก็พูดอะไรบางอย่างแต่ด้วยเสียงของฝนที่ตกลงกระทบผิวน้ำมันดังจนกลบเสียงของแทมินไปหมด แต่ฮยอกแจก็พอจะอ่านปากออกได้ว่า ฉันไปก่อนนะ ฮยอกแจก็พยักหน้าน้อยๆแทมินจึงเดินกลับเข้าไปในตึกของชมรม

     

    ฮยอกแจรีบพาตัวเองเข้าไปในฝั่งที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะยันตัวเองขึ้นแล้วรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมตัวเองไว้  แต่ผ้าเช็ดตัวที่เปียกชุ่มมันกลับทำให้ฮยอกแจรู้สึกหนาวกว่าเดิม จึงรีบพาตัวเองเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด เพื่อเปลี่ยนชุดของตัวเองกลับมาเป็นชุดนักเรียนทันที

     

    “แทมินนายจะไปไหนต่อหรอ?” ฮยอกแจถามขึ้นหลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เผื่อว่าเขาจะได้ตามไปด้วย เพราะฝนตกแบบนี้เค้าก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเหมือนกัน จะให้อยู่คนเดียวก็ไม่กล้า เพราะว่ากลัวเสียงฟ้าร้อง..

     

    “ไปหาเพื่อนที่สนามวิ่งแหละมั้ง”

     

    “อ่อ..งั้นนายไปเถอะ”เนื่องจากสนามวิ่งอยู่ฝั่งม.ต้นฮยอกแจเลยตัดสินใจไม่ไปดีกว่า เพราะฝนตกหนักขนาดนี้จึงขี้เกียจเดินไปไหนไกลๆ

     

    “อ่า บ๊ายบาย”

     

    “บาย” พอแทมินเดินออกไปแล้วฮยอกแจก็นั่งอยู่บริเวณหน้าชมรมคนเดียวพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ...

     

    ทันใดนั้นสายตาก็พลันไปเห็นตึกของชมรมบาสที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

     

    “จริงสิ... ไปหาคิบอมดีกว่า”...
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมาที่ฮันคยองทำเป็นเมินหนีคิบอมทำให้คิบอมเสียเซล์ฟและแอบเคืองฮันคยองเล็กน้อย จึงตัดสินใจไม่ชวนฮันคยองคุยก่อนแม้บรรกาศตอนนี้มันจะเงียบแค่ไหนก็ตาม

     

    “นี่ไอ้บอม..” ผิดคาด ที่จู่ๆฮันคยองก็เป็นฝ่ายที่พูดขึ้นมาก่อนซะเอง

     

    “อะไร-  -“

     

    “ฮยอกมันอยู่ที่ชมรมว่ายน้ำใช่มั้ย”

     

    “คงงั้นแหละ..ทำไมอะ?”

     

    “มันกลัวเสียงฟ้าร้อง...ฉันจะไปหามัน”  พูดจบฮันคยองก็รีบเดินออกไปข้างนอกตึกทันที คิบอมกระตุกยิ้มเล็กน้อยหวังว่าทั้งสองคนคงได้คุยกันให้รู้เรื่องในวันนี้

     

    มือหนายื่นไปเปิดล๊อกเกอร์ของตัวเองออกเพื่อที่จะหยิบนาฬิกาของตนเองที่ด้ถอดทิ้งไว้ก่อนจะออกไปเล่นบาส แต่พอเปิดออก ก็ได้เห็นกระดาษแผ่นหน่งแปะไว้ด้านในสุดของล็อกเกอร์....

     

     

    ไอ้โง่คิบอม....

    ลีทงเฮไม่ใช่ของนาย...

    จำไว้...

    จากนี้ไปเขาจะเป็นของฉัน...

    ไม่ว่าร่างกาย...

    หรือว่าหัวใจ

     

    คิบอมอ่านข้อความเสร็จก็ดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมา มือข้างหนึ่งขยำกระดาษจนยัยยู่ยี่ก่อนจะโยนมันลงถังขยะด้านข้างด้วยสีหน้ารังเกียจ...

     

    “หึ...ไอ้สวะ ฉันรู้ว่าแกคงอยู่แถวนี้  แกคิดว่าที่แกทำอยู่เค้าเรียกว่าฉลาดแล้วหรอ?...หึ สมเพชว่ะ แกมันก็ไม่ต่างอะไรจากพวกหมาลอบกัด  แล้วถ้าแกกล้าทำอะไรทงเฮ...ก็ลองดู”  คิบอมพูดด้วยระดับเสียงปกติ เพราะคิดว่ายังไงเจ้าของกระดาษแผ่นนั้นก็คงจะได้ยิน  ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มอีกครั้งอย่างสมเพช ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วรีบเดินออกจากตึก แล้วเดินฝ่าฝนไปที่ห้องคณะสีทันที

     

     

    เพราะเอาเข้าจริงๆแล้วจะให้ปฏิเสธก็ไม่ได้ ว่าข้อความเมื่อกี้มันก็ทำให้เขาเป็นห่วงทงเฮเหมือนกัน...

     

     

    ..พอคิบอมเดินออกไปคนที่ซ่อนตัวอยู่ในตู้เก็บของเดินออกมาช้าๆ แล้วมองตามทางที่คิบอมเดินออกไป

     

     

     

     

     

     

    “คิดว่าฉันคงไม่กล้าทำอะไรทงเฮสินะ  หึ...คอยดูดีๆแล้วกันล่ะ”

     

    “คิมคิบอมผู้น่สงสาร...”
    .
    .
    .
    .
      

    ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน คนสองคนกำลังเดินเข้าหากันอย่างช้าๆโดยที่ไม่กลัวว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่จะเปียกเลยแม้แต่น้อย แม้ฝนจะตกหนักมากจนเห็นภาพข้างหน้าเลือนลาง แต่ทั้งสองก็มั่นใจว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าตอนนี้คือคนที่กำลังอยากคุยด้วยมากที่สุด

    เกิง/ฮยอก....” สองเสียงเอ่ยขึ้นพร้อมกันแต่ก็เบาจนแทบจะไม่ได้ยินเพราะถูกเสียงฝนที่กำลังตกกลบหมด

    เอ่อ ...จะไปไหนหรอคนตัวสูงเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก มือหนายกขึ้นปัดปอยผมของตัวเองที่ชุ่มด้วยน้ำฝน

    ใบหน้าหวานเงยขึ้นไปมองเพื่อนตัวสูงด้วยแววตาสงสัย เพราะไม่คิดว่าเพื่อนตัวสูงจะยอมเป็นฝ่ายที่ยอมพูดออกมาก่อน แต่มันก็ยังคงรู้สึกแปลกๆอยู่ดี นึกไม่ถึงเลยว่าไม่ได้คุยกันเพียงแค่วันเดียวความรู้สึกจะเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้

    ..ไปชมรมบาส แกล่ะ?” ได้คุยกันแล้วฮยอกแจก็ไม่อยากให้บทสนทนาจบลงแบบสั้นๆ จึงเป็นฝ่ายย้อนถามกลับไปบ้าง

    ไปชมรมว่ายน้ำ...ไปหาแกฮันคยองพูดแล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาของเพื่อนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างหน้า ซึ่งเพื่อนตัวเล็กก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด เพียงแต่จ้องกลับไปด้วยความประหม่า

    ..มีอะไรรึเปล่า?”

    มีสิ..”

    “.....”

    “...เรื่องที่แกก็รู้

    “.....”

    หึ...” เห็นเพื่อนตัวเล็กก้มหน้านิ่งไม่ยอมพูดอะไรร่างสูงจึงพ่นลมออกมาทางจมูกเบาๆ พอจะรับรู้ได้ว่าเพื่อนตัวเล็กรู้สึกอย่างไรถึงได้มีท่าทีแบบนั้น เขาใช้เท้าเตะแอ่งน้ำใกล้ๆอย่างแรงด้วยความหงุดหงิดตัวเอง ที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกทำไมก็ไม่รู้ ทั้งๆท่ควรจะปล่อยให้เรื่องมันเงียบลงไปเอง...

    ฮยอกแจที่ก้มหน้าอยู่เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่จมูก  น้ำใสๆรื้นอยู่ที่ขอบตาพร้อมจะไหลลงมาทุกเมื่อ มือขวากำร่มที่อยู่ในมือไว้แน่น รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ที่บางครั้งอยากจะพูดอะไรออกไป ...แต่มันกลับพูดไม่ออก

     

     

    ไม่ได้นะ...

    ...จะร้องไห้ต่อหน้าเกิงไม่ได้

     

     

    เปรี้ยง งงงงง!!!!!

     

     

    อ๊าก กกกกกกกกก><!”

    จู่ๆเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้น ฮยอกแจรีบปล่อยมือจากร่มที่ยืมมาจากชมรมด้วยความตกใจจนร่มปลิวออกไปตามแรงลม จากนั้นก็เข้าสวมกอดคนตรงหน้าไว้แน่นแล้วหลับตาปี๋ทันที ใบหน้าหวานซุกลงกับแผ่นอกกว้างที่ตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน จากตอนแรกที่ตัวเขาเองก็เปียกฝนเพียงเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับเปียกชุ่มไปทั้งตัว

    ทุกครั้งที่ฟ้าร้องเสียงดังแบบนี้ ถ้าเขาอยู่ด้วยเจ้าเพื่อนตัวเล็กก็มักจะเข้ามาสวมกอดแบบนี้อยู่เสมอ แต่ครั้งนี้พอเพื่อนตัวเล็กเข้ามากอดฮันคยองกลับรู้สึกแปลกไป  รู้สึกว่าหัวใจเขาเองจะเต้นแรงกว่าทุกครั้ง

    รวมถึงของฮยอกแจก็ด้วย...

    เพื่อนตัวสูงค่อยๆยกแขนขึ้นแอบโอบกอดเจ้าเพื่อนตัวเล็กเอาไว้ มือหนาดันหัวของฮยอกแจให้แนบกับอกแกร่งของตัวเองมากยิ่งขึ้น ก่อนจะเผยยิ้มบางๆออกมา

    อื้อ...เกิง ปล่อยนะ ย...ยืนตากฝนนานเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกเมื่อรู้สึกว่าเพื่อนตัวโตโอบกอดแน่นขึ้นเรื่อยๆจึงหาข้ออ้างเพื่อที่จะได้หลุดจากอ้อมกอดพร้อมใช้กำปั้นเล็กๆทุบเบาๆที่แผ่นหลังกว้าง

    อย่าทำแบบนี้สิเกิง...

    เดี๋ยวก่อนสิ...ฉันมีอะไรจะบอกฮันคยองพูดพร้อมกับโน้มใบหน้าของตัวเองไปใกล้ๆหูของฮยอกแจ ใบหน้าหล่อวางอยู่บนไหล่บางๆของฮยอกแจ แม้อากาศจะหนาวแต่ฮยอกแจก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ระต้นคอเขาอยู่ตอนนี้

    ...อะไรได้ยินเพื่อนตัวสูงพูดแบบนี้ใจก็เต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ เสียงสั่น...ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เพื่อนตัวสูงจะบอกคืออะไร

    ตั้งใจฟังนะฮันคยองพูดพร้อมสูดหายใจเข้าลึกๆ ...

    เขาคิดว่าเขาตัดสินใจดีแล้ว เพราะสถานการณ์ระหว่างเขาและฮยอกแจตอนนี้ดูอึดอัดจนเกินไปจริงๆ ...

    ถ้าลองพูดบางอย่างออกไป....

    สถานการณ์ก็อาจจะดีขึ้น...

    หรือถ้าพูดไปแล้วมันแย่ลง...

    ก็คงต้องทำใจยอมรับมัน...

    ..อื้อ

    ฉันรักแก....”

    “....???!!”

    รักแกนะเว้ย

    “...ฮึกในที่สุดเขาก็ได้ยินคำที่อยากได้ยินมานาน ได้ยินจากปากของฮันคยองที่กระซิบอยู่ข้างๆหูตอนนี้ แม้เสียงของฝนที่ตกอยู่จะดังสักแค่ไหน แต่เขาก็มั่นใจว่าฟังไม่ผิดแน่

    ...รู้สึกดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลย...

    แล้วฉันไม่ได้รักแกแบบที่เพื่อนรักเพื่อน

    ฮึก..เกิง...”

    รักแกจริงๆนะ

    ฮือ อ

    รักแก

    “.....”

    รักแก

    “....”

    รักแก

    ฮึก เกิง...ฉันก็รักแก!!!”

    ..หา???” ทันทีที่ได้ยินเสียงของเพื่อนตัวเล็กฮันคยองดันไหล่บางให้ออกห่างจากตัวเองก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตาแล้วถามซ้ำอีกครั้ง ...

    เมื่อกี้แกว่าไงนะ?”

    ฉัน! รัก! แก! ลีฮยอกแจรักหานเกิง ได้ยินชัดมั้ย!!” ฮยอกแจตะโกนอกมาทั้งน้ำตา ความรู้สึกอึดอัดที่เก็บเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน มันหายไปพร้อมกับน้ำตาหมดแล้วตั้งแต่ที่ได้บอกรักเพื่อนตัวโตไปเมื่อกี้

    เมื่อได้ยินชัดจนแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดไปฮันคยองก็ยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนจะยื่นมือไปประคองใบหน้าของเพื่อนเอาไว้แล้วโน้มใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ๆ ....

     

    ยอมรับว่าตอนที่บอกไปในใจก็แอบหวังเอาไว้เล็กๆเหมือนกันว่าเจ้าเพื่อนตัวเล็กจะรู้สึกแบบเดียวกับเขา แต่ในเวลาเดียวกันก็เผื่อใจเอาไว้ด้วย  ว่าถ้าบอกออกไปแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร ความรู้สึกที่มีให้กันจะเหมือนเดิมรึเปล่า....

     

    ดีใจจังเลยว่ะ 55” พูดเสร็จแล้วก็ใช้ปากของตัวเองแตะเข้าที่ริมฝีปากบางของเจ้าเพื่อนตัวเล็กเบาๆ ก่อนจะผละออกมาแล้วสวมกอดเอาไว้แทน

    ไอ้บ้า!....แกทำอะไรห้ะ!” เจ้าเพื่อนตัวเล็กรีบโวยวายตามปกติพร้อมกับใช้กำปั้นทุบที่อกแกร่งเบาๆ ใบหน้าหวานขึ้นสีชมพูจางๆ ถึงเมื่อกี้ฮันคยองแค่ใช้ปากสัมผัสปากเท่านั้น ไม่ได้จูบแบบลึกซึ้ง แต่ก็สามารถทำให้ฮยอกแจเขินได้ไม่น้อยเหมือนกัน

    ก็จุ๊บไง...นิดเดียวเอง

    จุ๊บ!.แล้วชั้นไปอนุญาติแกตอนไหนห้ะ!”

    ไม่รู้สิ...แต่แกรู้มั้ยว่าตอนนี้ใจแกเต้นแรงมากเลย

    “-////-“

    เอ๊ะไม่สิ...มันเต้นแรงตั้งแต่ตอนที่แกกระโดดเข้ามากอดฉันแล้วต่างหาก5 5555”

    ...ก็ตอนนั้นฟ้ามันร้องเสียดังเลยตกใจเฉยๆ!”

    ห้ะ ฮ่าๆ...ต้องช่างต่อปากต่อคำแบบนี้สิถึงสมเป็นแกหน่อยฮันคยองกล่าวขำๆก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาขยี้ผมของฮญอกแจด้วยความมันเขี้ยว..

    กลับบ้านกันเถอะฮยอก...”

    อื้ม..."  

            สองคนเดินจับมือกันแล้วเดินออกไปหน้าโรงเรียนท่ามกลางสายฝน ...

    ดีใจที่ได้พูดคุย หัวเราะ และกลับบ้านด้วยกันตามปกติ

    ตอนนี้คงจะมีเพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป.....



    ________________________

    ฮัลโล่ว! รีดเดอร์ที่น่ารักทุกท่าน 555 5

    หายไปเกือบอาทิตย์นึงแน่ะ

    คิดถึงต้ากันมั้ย-3- 555 5

    คิดว่าหลายๆคนคงกำลังแอบสาบแช่งต้าอยู่ 

    ประมาณว่าอีนี่มันไม่เคยลงครบ100%ซักที

    5555 5  แต่ไม่ใช่ว่าอยากให้ค้างหรือว่าเล่ตัวนะครับผม

    แต่มันแบบการบ้านเยอะจริงๆและต้าต้องแอบแม่เล่น

    เลยอัพได้ทีละจึ๋งๆๆ-..-

    พออัพเสร็จก็จะเอามาลงให้ ( โดยไม่แคร์ว่ามันจะค้างรึไม่) 555 5

    และตอนที่เอามาลงให้เห็นสั้นขนาดนี้แต่เค้านั่งแต่งนานอยู่นะจะบอกให้TT

    และสำหรับคนที่ยังงุ้งงิ้ง(?) อยู่กับฮันฮยอกก็อยากจะบอกว่า"น่าจะ"เคลียในตอนนี้แหละจ้า^^

    หิหิ...

    ไปดีกว่า ไว้ดึกๆ(ตี3-ตี4)ถ้าไม่หลับไปก่อนต้าจะแอบย่องลงมาอัพเพิ่มนะคะ

    อย่าลืมเม้นล่ะ^^!!!





    ปล. อากาศแอบหนาวก่อนนอนอย่าลืมห่มผ้าด้วยนะคะ : ))

    update : 220110

    __________________________

    ขณะนี้เป็นเวลาสี่นาฬิกา สิบนาที สิบสามวินาที  เย้เฮ~

    ตายังสว่างอยู่เลย=  =

    ตอนนี้แฟนฟิคก็คงหลับฝันดีกันอยู่อะดิ 555 5

    เดี๋ยวต้าคงจะไปนอนมั่งละ พรุ่งนี้ต้องไปซ้อมเต้นที่โรงเรียน

    สำหรับเปอร์เซ็นที่จะอัพต่อไปเป็นตอนของใครคงไม่ต้องบอกนะคะ

    ขอบอกว่าเคลียค่ะ : )

    และหวานด้วย -3-

    โห๊ะๆ

    ต้าไปนอนดีกว่า

    ฝันดีนะ....   (พูดกับตัวเอง-  -)

    update : 230110

    _______________________

    เย่~

    เน็ตที่บ้านใช้ได้แล้ว วู้วๆๆ

    แก้ไขตัวอักษรและแก้ไขอะไรเล็กๆน้อยๆให้แล้วนะคะ^^

    สำหรับตอนนต่อไปอาจต้องรอกันหน่อยเพราะต้ายังไม่ได้คิดอะไรไว้เลย

    ที่สำคัญการบ้านค้างเติ่งมาก=  =

    สำหรับอีตาผู้ชายที่จ้องจะกินปลาเป็นใครก็ต้องลุ้นกันไป 555 (เชื่อว่ามีหลายคนที่รู้นะ)

    อ่า เหมือนมีอะไรจะพูดแต่นึกไม่ออก งั้นต้าไปละ 555

    บ๊ายบายค่ะ  อย่าลืมเม้นกันนะ^^!! (ยิ้มอย่างเฉือดเฉอนเหมือนทุกครั้ง)





    ปล. ไม่ได้เล่นคอม5วันตามเซฟรูปคอนไม่ทันเลยค่ะ=  =!!!!!!!!!!!!!!!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×