คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : _ C H A P T E R 1 9 : รั ก แ ก > > ฉั น ก็ รั ก แ ก ( 1 0 0 % )
“ทงเฮ~”ในช่วงพักเที่ยงของวันต่อมาคุณประธานคนสวยก็ได้มาหาทงเฮที่ห้องอย่างที่ได้นัดเอาไว้เมื่อวาน ร่างเล็กที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋า เมื่อได้ยินเสียงเรียกของฮีชอลก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆไปให้
“”ป่ะ..ไปห้องคณะสีกัน”
“ฮะ...”พอคนตัวเล็กรับคำเสร็จฮีชอลก็คว้าข้อมือของคนตัวเล็กมาจับไว้แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่ก็มีมือใหญ่ของใครบางคนมาขว้าข้อมืออีกข้างของคนตัวเล็กไว้ก่อน
“นี่...แล้วจะไม่กินข้าวก่อนรึไง- -?” คนตัวสูงถามเพราะรู้สึกเป็นห่วง แม้สีหน้าและน้ำเสียงที่พูดจะดูขัดจากความรู้สึกไปเล็กน้อยก็ตาม
“อ่า...” คนประธานคนสวยหลับตานึกชื่อของคนหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้า เหมือนจำได้ตงิดๆว่าเป็นนักบาสเพราะเคยเห็นสาวๆที่ห้องตามไปกรี๊ดที่ข้างสนามอยู่บ่อยๆ
“คิบอม- -”
“เอ้อ คิบอม...คือที่ห้องของคณะสีเค้ามีข้าวกล่องให้กินทุกวันน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก”
“งั้นหรอ...อืม ฝากด้วยล่ะ- -“ พูดเสร็จคิบอมก็ปล่อยมือของคนตัวเล็กลง
“อือ เดี๋ยวชั้นดูนายตัวเล็กให้เอง...ไปละนะ^^” คุณประธานคนสวยพูดเสร็จแล้วก็ส่งยิ้มไปให้คิบอม รวมถึงคนอีก2คนที่กำลังนั่งทำหน้านิ่งไม่ยอมพูดจากันอยู่ที่โต๊ะ เสร็จแล้วจึงเดินออกจากห้องไป
ก่อนพ้นประตูห้องร่างเล็กไม่ยืมที่จะหันกลับมาส่งยิ้มหวานๆให้คิบอมอีกหนึ่งครั้ง และรอยยิ้มนั่นก็สามารถทำให้คนตัวสูงยิ้มออกมาได้เช่นกัน...
พอทงเฮและฮีชอลเดินออกไปจากห้องบรรยากาศในห้องก็เงียบสนิท เนื่องจากคน2คนที่ปกติทุกวันเป็นคนสนุกสนาน คอยชวนพูดชวนคุยอยู่ตลอด แต่ตอนนี้กลับนิ่งเงียบ ชวนให้บรรยากาศดูอึดอัด...แม้คิบอมจะรู้ถึงปัญหาของทั้งสองฝ่ายแต่ก็ไม่รู้จะช่วยแก้ปัญหายังไงดี
“เห้! จะนั่งกันอีกนานมั้ย ไม่ลงไปกินข้าวรึไง?” คิบอมทนความอึดอัดที่เกิดขึ้นต่อไปไม่ไหวจึงยอมเป็นฝ่ายพูดก่อน พร้อมสะกิดเข้าที่ไหล่บางของฮยอกแจ
“หะ..ห้ะ?”
“ไม่ไปกินข้าวกันรึไง- -?”
“อ่า...เดี๋ยวฉันไปกินกับที่ชมรมดีกว่า นายไปกินกันสองคนเถอะ” พูดเสร็จร่างเล็กก็ขว้ากระเป๋าแล้วรีบเดินออกไปจากห้องทันที
“หึ...แล้วนี่แกเป็นอะไรวะไอ้เกิง?”คิบอมลงไปนั่งเกาอี้ของฮยอกแจที่อยู่ข้างๆฮันคยอง พร้อมกับเอ่ยถามออกมา ทั้งๆที่ในใจก็รู้คำตอบอยู่แล้วว่าเพื่อนเป็นอะไร เพราะที่ถามไปก็แค่ต้องการชวนคุยเท่านั้น
“ป่าว...ไปกินข้าวกันเถอะ” ฮันคยองไม่ตอบคำถามของคิบอม หนำซ้ำยังคว้ากระเป๋าของตัวเองและเดินออกไปจากห้องโดยที่ไม่รอคิบอมอีก ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงคิบอมคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้อง
“- -???” ไม่บ่อยนักที่คิบอมจะเป็นฝ่ายชวนคนอื่นคุยก่อน แล้วก็ไม่บ่อยนักที่เค้าชวนคุยแล้วจะมีคนทำท่าไม่อยากคุยกับเค้า แบบที่ฮันคยองทำเมื่อกี้
‘เชี่ยฮัน- -’
.
.
.
.
ทงเฮเดินออกมากับฮีชอลได้สักพักแล้วเพื่อที่จะไปห้องคณะสี ระหว่างทางได้มีผู้คนมากมายที่ทงเฮมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักมากลับส่งยิ้มและโบกมือทักทายให้ ทงเฮที่ยังวางตัวไม่ถูกก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากส่งยิ้มแบบโง่ๆกลับไปให้ แต่มันก็ยังดูน่ารักสำหรับคนที่ได้พบเห็น
หลังจากที่ทงเฮและฮีชอลได้เดินข้ามตึกมาทางฝั่งม.ต้น ฮีชอลได้พาทงเฮขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น13 และมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องห้องหนึ่ง ซึ่งหน้าประตูห้องได้แขวนป้ายสีน้ำเงินและมีตัวอักษรสีขาวเด่น อ่านได้ว่า Sapphire Blue
“ นี่..ถ้าเข้าไปในห้องก็พยายามอยู่ข้างๆฉันตลอดนะ แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจเสียงแซวของไอ้พวกปากหมาล่ะ” ฮีชอลหันมาบอกทงเฮ ทงเฮที่ได้ยินก็พยัยกหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ ฮีชอลเห็นแบบนั้นจึงยอมเปิดประตูห้องเข้าไป
ทันทีที่สองร่างก้าวเข้ามาในห้อง คนในห้องที่ก่อนหน้านี้ต่างทำกิจกรรมของตัวเองอยู่ เมื่อเห็นคนที่เดินตามฮีชอลเข้ามาต่างก็หยุดกิจกรรมของตัวเองเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวเล็กน่ารักอย่างสนใจ
“เห้! วันนี้ฉันมีเพื่อนใหม่มาแนะนำ.. นี่ลีทงเฮ คิดว่าหลายๆคนคงจะรู้จักกันดี” ฮีชอลกล่าวแนะนำพอเป็นพิธีเสร็จร่างเล็กที่ก่อนหน้านี้ไปหลบอยู่ข้างหลังฮีชอลก็เดินก็ค่อยๆเดินออกมาพร้อมกับกล่าวทักทายบ้าง
“สวัสดีฮะ^^” ทงเฮกล่าวแล้วยิ้มออกไปอย่างเขินๆ ยังไงเขาก็ยังรู้สึกไม่ชินกับการที่มีคนมาจ้องมองมากมายขนาดนี้
“สวัสดี นายน่ารักจัง^^!”
“ขอเบอร์ได้มั้ยครับ?”
“ฮยองอา~ มีแฟนรึยังครับ><”
“นายตัวเล็กจังเลย”
“เอ่อ..ฮยองน่ารักกว่าแฟนผมอีก- -“
“เย็นนี้กลับบ้านด้วยกันมั้ยทงเฮ^^”
“ฮยอง ~ เป็นแฟนกับผมเถอะนะ”
เพียงแค่ทงเฮกล่าวทักทายแค่สั้นๆ แต่หลังจากนั้นกลับมีอีกหลายเสียงพูดแข่งกันขึ้นมาจนทงเฮแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง
“เห้ๆ...พอเลยพวกนายน่ะ”เมื่อเห็นว่าทงเฮได้แต่หันซ้ายขวามองคนนู้นทีคนนี้ทีอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก ฮีชอลจึงเป็นฝ่ายพูดห้ามผู้ชายพวกนั้นแทน แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่ผิดจริงๆว่าพอพาทงเฮเข้ามาจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแน่ๆ หึ...นี่ถ้านายคนที่ชื่อคิบอมรู้เว่าคนน่ารักเข้ามาอยู่ได้ไม่นานก็ป๊อปปูล่าร์ขนาดนี้ล่ะก็คงจะหึงน่าดู...
พอพวกผู้ชายกลุ่มเมื่อกี้ได้เห็นสายตาดุๆของฮีชอลที่กวาดมองไปรอบห้องก็พากันเงียบทันทีและหันไปทำกิจกรรมของตัวเองเหมือนเดิม ฮีชอลเห็นแบบนั้นก็เข้าไปหยิบเข้ากล่องให้ตัวเอง1กล่องและให้ทงเฮอีก1กล่อง เสร็จแล้วก็พากันไปนั่งกินตรงกลุ่มกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของฮีชอล
“ฮงกิ กินข้าวไม่รอฉันเลยนะ” เมื่อฮ๊ชอลนั่งลงก็พูดขึ้นพร้อมกับใช้มือดันหัวคนที่ชื่อฮงกิซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเบาๆ
“ก็ฉันหิวอ่ะ แหม่ แล้วนายก็พาทงเฮมาจนได้นะ” พูดแล้วฮงกิก็พยัดเพยิดหน้าไปทางร่างเล็กซึ่งตอนนี้กำลังเปิดกล่องข้าวด้วยท่าทางเงอะๆงะๆ
“แน่นอน...ฉันคิมฮีชอลซะอย่าง” พูดแล้วคนสวยก็ยกยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตักข้าวคำโตเข้าปากแล้วหันไปมองคนตัวเล็กกว่าที่นั่งอยู่ข้างๆ ท่าทางเหมือนเด็กใสซื่อไร้เดียงสาน่ารักขนาดนี้ เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไมนายคนที่ชื่อคิบอมนั่นถึงได้หวงนักหวงหนา
“ทงเฮโอปป้า~ ทงเฮโอปป้า” เสียงเด็กผู้หญิงที่เอ่ยเรียกทงเฮทำให้ทงเฮต้องเลยหน้าแล้วหันซ้ายขวามองหาเสียงของคนที่เรียกชื่อเขา แล้วก็ได้พบเด็กสองคนโบกมือให้ในบริเวณที่ห่างจากที่ที่เขานั่งไม่ไกลนัก
“ซอลลี่ แอมเบอร์” ทงเฮพูดแล้วอมยิ้มเล็กน้อยในขณะที่ยังอมข้าวอยู่ในปาก
“อุ๊ย โอปป้าจำพวกเราได้ด้วย ดีใจจังเนอะแอมเบอร์><”
“จำได้สิฮะ พึ่งจะเจอกันเมื่อวานเอง^^”
“นี่รู้จักกันหรอ?” ฮ๊ชอลพูดกับทงเฮแล้วพยักเพยิดหน้าใส่เด็กหญิงน่ารักและเด็กหญิงหน้าหล่อทั้งสองคน
“อ่าฮะ..พึ่งรู้จักกันเอง”
“ดีแล้วแหละ เพราะเดี๋ยวยังไงก็ต้องทำงานด้วยกัน” เมื่อฮีชอลพูดเสร็จร่างเล็กก็อมยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะกินข้าวต่อไป
“นี่ แล้วคอนเซปต์ปีนี้จะเอาเป็นอะไรดีอะฮงกิ” ฮีชอลหันหน้าไปขอความเห็นจากฮงกิซึ่งตอนนี้กำลังว่างงานนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่
“ทะเลมั้ยล่ะ?” ฮงกิพูดตอบแต่ก็ยังคงไม่ละสายยตาไปจากโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งขยับลูกอมในปากไปมา
“ไม่เอาอ่ะ ปีที่แล้วก็ทะเล...ซ้ำซาก”
“เออเนอะฉันลืม ที่ปีที่แล้วแกถูกจับแต่งเป็นนางเงือก55555 5” เมื่อนึกถึงปีที่แล้วฮงกิก็ระเบิดขำออกมาทันที ภาพของฮีชอลที่แต่งเป็นเงือกเมื่อปีที่แล้วยังคงติดตาเขาอยู่
“เออ อย่าพูดได้มั้ยเนี่ย...น่าอายชะมัด” ฮีชอลยังคงจำได้ดี เมื่อปีที่แล้วเค้าก็คงมีสภาพไม่ต่างจากทงเฮเท่าไหร่ ก่อนวันกีฬาสีเพียงสองหรือสามวันเท่านั้น เขาก็ถูกรุ่นพี่ประธานคณะสีปีที่แล้วคะยั้นคะยอให้ไปช่วยแต่งเป็นนางเงือกในขบวนพาเหรดให้ ตอนแรกฮีชอลก็ปฏิเสธท่าเดียว แต่ท้ายสุดก็ใจอ่อนยอมไปช่วยจนได้
“นี่รู้แล้ว ทำเป็นแบบว่าเทพนิยายมั้ยล่ะ”
“อืม..ก็น่าสนใจดีนะ ทงเฮ ..นายมีความเห็นอะไรมั้ย?”
“หือ?...ผมยังไงก็ได้ฮะ”
“งั้นตกลง....เอาคอนเซปต์นี้แหละ”
.
.
.
.
.
ทางด้านชมรมว่ายน้ำ ร่างเล็กกำลังซ้อมว่ายน้ำอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแข่งกับเวลา แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ผลก็ดูจะยิ่งแย่ลง ...
“แฮ่ก...เป็นยังไงบ้างแทมิน” ร่างเล็กโผล่พ้นน้ำขึ้นมาก็ถอดแว่นขึ้นมาข้างไว้ที่ศีรษะ แล้วเงยหน้าถามแทมินที่นั่งจับเวลาให้อยู่บนขอบสระด้วยเสียงที่เหนื่อยหอบ
“เวลาแย่ลงอีกแล้วอ่าฮยอก วันนี้นายเป็นอะไรรึเปล่า ดูจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย?”
“ป..ป่าวหรอก” ฮยอกแจตอบแล้วหลุบตาลงต่ำเมื่อแทมินไปถามแทงใจดำเข้าเต็มๆ
“แต่ดูเหมือนว่านายกำลังคิดอะไรอยู่เลยนะ...” แทมินถามแล้วมองหน้าฮยอกแจอย่างจับพิรุธ เพราะวันนี้ฮยอกแจดูแปลกไปจริงๆ จากที่ทุกวันเคยเป็นคนร่าเริงและชอบชวนพูดชวนคุยไม่หยุด แต่ในเวลานี้กลับดูซึมๆ เวลาถามคำก็ตอบคำ..
“ป...ป่าว ไม่ได้คิด ฉันขอต่ออีกรอบนึงแล้วกันนะ นายจะได้ซ้อมบ้าง”
“อ่าโอเคๆ” แทมินพูดเสร็จฮยอกแจก็ดันตัวเองขึ้นไปนั่งบนขอบสระก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วจะก้าวไปยืนบนสแตน ดึงแว่นลงมาสวม และเตรียมพร้อมอยู่ในท่าที่จะกระโดดลงมา
“1...2...3”
ตูม ม!..
พอแทมินนับสามเสร็จฮยอกแจก็พุ่งตัวลงสู่ผิวน้ำทันที...
ที่แทมินพูดมาเมื่อกี้ถูกทั้งหมด ตั้งแต่เดินออกมาจากห้องฮยอกแจก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของฮันคยอง ยิ่งได้คุยกับคิบอมเมื่อคืนแล้วก็ยิ่งคิดหนัก เมื่อรู้ตัวเองแล้วว่าก็ชอบฮันคยองเหมือนกัน แต่พอวันนี้เจอหน้ากันแล้วกลับไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง ไม่คุยกัน มันเลยกลายเป็นความอึดอัด
ทั้งๆที่สิ่งที่กั้นกลางอยู่ระหว่างเขาทั้งสองคนตอนนี้เป็นเพียงแค่เส้นใยบางๆ...
...แต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะก้าวข้ามมันไป...
ในขณะที่ฮยอกแจกำลังจะหมุนตัวกลับสายฝนก็ได้เทกระหน่ำลงมาซะก่อน ทั้งๆที่เมื่อครู่ท้องฟ้าก็ดูแจ่มใส ไม่ได้มีท่าทีว่าฝนจะตกลงมาสักนิด
ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะหันหลังกลับไปมองแทมิน ซึ่งแทมินก็พูดอะไรบางอย่างแต่ด้วยเสียงของฝนที่ตกลงกระทบผิวน้ำมันดังจนกลบเสียงของแทมินไปหมด แต่ฮยอกแจก็พอจะอ่านปากออกได้ว่า ‘ฉันไปก่อนนะ’ ฮยอกแจก็พยักหน้าน้อยๆแทมินจึงเดินกลับเข้าไปในตึกของชมรม
ฮยอกแจรีบพาตัวเองเข้าไปในฝั่งที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะยันตัวเองขึ้นแล้วรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมตัวเองไว้ แต่ผ้าเช็ดตัวที่เปียกชุ่มมันกลับทำให้ฮยอกแจรู้สึกหนาวกว่าเดิม จึงรีบพาตัวเองเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด เพื่อเปลี่ยนชุดของตัวเองกลับมาเป็นชุดนักเรียนทันที
“แทมินนายจะไปไหนต่อหรอ?” ฮยอกแจถามขึ้นหลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เผื่อว่าเขาจะได้ตามไปด้วย เพราะฝนตกแบบนี้เค้าก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเหมือนกัน จะให้อยู่คนเดียวก็ไม่กล้า เพราะว่ากลัวเสียงฟ้าร้อง..
“ไปหาเพื่อนที่สนามวิ่งแหละมั้ง”
“อ่อ..งั้นนายไปเถอะ”เนื่องจากสนามวิ่งอยู่ฝั่งม.ต้นฮยอกแจเลยตัดสินใจไม่ไปดีกว่า เพราะฝนตกหนักขนาดนี้จึงขี้เกียจเดินไปไหนไกลๆ
“อ่า บ๊ายบาย”
“บาย” พอแทมินเดินออกไปแล้วฮยอกแจก็นั่งอยู่บริเวณหน้าชมรมคนเดียวพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ...
ทันใดนั้นสายตาก็พลันไปเห็นตึกของชมรมบาสที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
“จริงสิ... ไปหาคิบอมดีกว่า”...
.
.
.
.
.
.
.
.
เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมาที่ฮันคยองทำเป็นเมินหนีคิบอมทำให้คิบอมเสียเซล์ฟและแอบเคืองฮันคยองเล็กน้อย จึงตัดสินใจไม่ชวนฮันคยองคุยก่อนแม้บรรกาศตอนนี้มันจะเงียบแค่ไหนก็ตาม
“นี่ไอ้บอม..” ผิดคาด ที่จู่ๆฮันคยองก็เป็นฝ่ายที่พูดขึ้นมาก่อนซะเอง
“อะไร- -“
“ฮยอกมันอยู่ที่ชมรมว่ายน้ำใช่มั้ย”
“คงงั้นแหละ..ทำไมอะ?”
“มันกลัวเสียงฟ้าร้อง...ฉันจะไปหามัน” พูดจบฮันคยองก็รีบเดินออกไปข้างนอกตึกทันที คิบอมกระตุกยิ้มเล็กน้อยหวังว่าทั้งสองคนคงได้คุยกันให้รู้เรื่องในวันนี้
มือหนายื่นไปเปิดล๊อกเกอร์ของตัวเองออกเพื่อที่จะหยิบนาฬิกาของตนเองที่ด้ถอดทิ้งไว้ก่อนจะออกไปเล่นบาส แต่พอเปิดออก ก็ได้เห็นกระดาษแผ่นหน่งแปะไว้ด้านในสุดของล็อกเกอร์....
‘ไอ้โง่คิบอม....
ลีทงเฮไม่ใช่ของนาย...
จำไว้...
จากนี้ไปเขาจะเป็นของฉัน...
ไม่ว่าร่างกาย...
หรือว่าหัวใจ’
คิบอมอ่านข้อความเสร็จก็ดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมา มือข้างหนึ่งขยำกระดาษจนยัยยู่ยี่ก่อนจะโยนมันลงถังขยะด้านข้างด้วยสีหน้ารังเกียจ...
“หึ...ไอ้สวะ ฉันรู้ว่าแกคงอยู่แถวนี้ แกคิดว่าที่แกทำอยู่เค้าเรียกว่าฉลาดแล้วหรอ?...หึ สมเพชว่ะ แกมันก็ไม่ต่างอะไรจากพวกหมาลอบกัด แล้วถ้าแกกล้าทำอะไรทงเฮ...ก็ลองดู” คิบอมพูดด้วยระดับเสียงปกติ เพราะคิดว่ายังไงเจ้าของกระดาษแผ่นนั้นก็คงจะได้ยิน ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มอีกครั้งอย่างสมเพช ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วรีบเดินออกจากตึก แล้วเดินฝ่าฝนไปที่ห้องคณะสีทันที
เพราะเอาเข้าจริงๆแล้วจะให้ปฏิเสธก็ไม่ได้ ว่าข้อความเมื่อกี้มันก็ทำให้เขาเป็นห่วงทงเฮเหมือนกัน...
..พอคิบอมเดินออกไปคนที่ซ่อนตัวอยู่ในตู้เก็บของเดินออกมาช้าๆ แล้วมองตามทางที่คิบอมเดินออกไป
“คิดว่าฉันคงไม่กล้าทำอะไรทงเฮสินะ หึ...คอยดูดีๆแล้วกันล่ะ”
“คิมคิบอมผู้น่สงสาร...”
.
.
.
.
ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน คนสองคนกำลังเดินเข้าหากันอย่างช้าๆโดยที่ไม่กลัวว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่จะเปียกเลยแม้แต่น้อย แม้ฝนจะตกหนักมากจนเห็นภาพข้างหน้าเลือนลาง แต่ทั้งสองก็มั่นใจว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าตอนนี้คือคนที่กำลังอยากคุยด้วยมากที่สุด
เกิง/ฮยอก....” สองเสียงเอ่ยขึ้นพร้อมกันแต่ก็เบาจนแทบจะไม่ได้ยินเพราะถูกเสียงฝนที่กำลังตกกลบหมด
“เอ่อ ...จะไปไหนหรอ” คนตัวสูงเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก มือหนายกขึ้นปัดปอยผมของตัวเองที่ชุ่มด้วยน้ำฝน
ใบหน้าหวานเงยขึ้นไปมองเพื่อนตัวสูงด้วยแววตาสงสัย เพราะไม่คิดว่าเพื่อนตัวสูงจะยอมเป็นฝ่ายที่ยอมพูดออกมาก่อน แต่มันก็ยังคงรู้สึกแปลกๆอยู่ดี นึกไม่ถึงเลยว่าไม่ได้คุยกันเพียงแค่วันเดียวความรู้สึกจะเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้
“ป..ไปชมรมบาส แกล่ะ?” ได้คุยกันแล้วฮยอกแจก็ไม่อยากให้บทสนทนาจบลงแบบสั้นๆ จึงเป็นฝ่ายย้อนถามกลับไปบ้าง
“ไปชมรมว่ายน้ำ...ไปหาแก” ฮันคยองพูดแล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาของเพื่อนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างหน้า ซึ่งเพื่อนตัวเล็กก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด เพียงแต่จ้องกลับไปด้วยความประหม่า
“ม..มีอะไรรึเปล่า?”
“มีสิ..”
“.....”
“...เรื่องที่แกก็รู้”
“.....”
“หึ...” เห็นเพื่อนตัวเล็กก้มหน้านิ่งไม่ยอมพูดอะไรร่างสูงจึงพ่นลมออกมาทางจมูกเบาๆ พอจะรับรู้ได้ว่าเพื่อนตัวเล็กรู้สึกอย่างไรถึงได้มีท่าทีแบบนั้น เขาใช้เท้าเตะแอ่งน้ำใกล้ๆอย่างแรงด้วยความหงุดหงิดตัวเอง ที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกทำไมก็ไม่รู้ ทั้งๆท่ควรจะปล่อยให้เรื่องมันเงียบลงไปเอง...
ฮยอกแจที่ก้มหน้าอยู่เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่จมูก น้ำใสๆรื้นอยู่ที่ขอบตาพร้อมจะไหลลงมาทุกเมื่อ มือขวากำร่มที่อยู่ในมือไว้แน่น รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ที่บางครั้งอยากจะพูดอะไรออกไป ...แต่มันกลับพูดไม่ออก
ไม่ได้นะ...
...จะร้องไห้ต่อหน้าเกิงไม่ได้
เปรี้ยง งงงงง!!!!!
“อ๊าก กกกกกกกกก><!”
จู่ๆเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้น ฮยอกแจรีบปล่อยมือจากร่มที่ยืมมาจากชมรมด้วยความตกใจจนร่มปลิวออกไปตามแรงลม จากนั้นก็เข้าสวมกอดคนตรงหน้าไว้แน่นแล้วหลับตาปี๋ทันที ใบหน้าหวานซุกลงกับแผ่นอกกว้างที่ตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน จากตอนแรกที่ตัวเขาเองก็เปียกฝนเพียงเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับเปียกชุ่มไปทั้งตัว
ทุกครั้งที่ฟ้าร้องเสียงดังแบบนี้ ถ้าเขาอยู่ด้วยเจ้าเพื่อนตัวเล็กก็มักจะเข้ามาสวมกอดแบบนี้อยู่เสมอ แต่ครั้งนี้พอเพื่อนตัวเล็กเข้ามากอดฮันคยองกลับรู้สึกแปลกไป รู้สึกว่าหัวใจเขาเองจะเต้นแรงกว่าทุกครั้ง
รวมถึงของฮยอกแจก็ด้วย...
เพื่อนตัวสูงค่อยๆยกแขนขึ้นแอบโอบกอดเจ้าเพื่อนตัวเล็กเอาไว้ มือหนาดันหัวของฮยอกแจให้แนบกับอกแกร่งของตัวเองมากยิ่งขึ้น ก่อนจะเผยยิ้มบางๆออกมา
“อื้อ...เกิง ปล่อยนะ ย...ยืนตากฝนนานเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” เมื่อรู้สึกว่าเพื่อนตัวโตโอบกอดแน่นขึ้นเรื่อยๆจึงหาข้ออ้างเพื่อที่จะได้หลุดจากอ้อมกอดพร้อมใช้กำปั้นเล็กๆทุบเบาๆที่แผ่นหลังกว้าง
อย่าทำแบบนี้สิเกิง...
“เดี๋ยวก่อนสิ...ฉันมีอะไรจะบอก” ฮันคยองพูดพร้อมกับโน้มใบหน้าของตัวเองไปใกล้ๆหูของฮยอกแจ ใบหน้าหล่อวางอยู่บนไหล่บางๆของฮยอกแจ แม้อากาศจะหนาวแต่ฮยอกแจก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ระต้นคอเขาอยู่ตอนนี้
“อ...อะไร” ได้ยินเพื่อนตัวสูงพูดแบบนี้ใจก็เต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ เสียงสั่น...ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เพื่อนตัวสูงจะบอกคืออะไร
“ตั้งใจฟังนะ” ฮันคยองพูดพร้อมสูดหายใจเข้าลึกๆ ...
เขาคิดว่าเขาตัดสินใจดีแล้ว เพราะสถานการณ์ระหว่างเขาและฮยอกแจตอนนี้ดูอึดอัดจนเกินไปจริงๆ ...
ถ้าลองพูดบางอย่างออกไป....
สถานการณ์ก็อาจจะดีขึ้น...
หรือถ้าพูดไปแล้วมันแย่ลง...
ก็คงต้องทำใจยอมรับมัน...
“อ..อื้อ”
“ฉันรักแก....”
“....???!!”
“รักแกนะเว้ย”
“...ฮึก” ในที่สุดเขาก็ได้ยินคำที่อยากได้ยินมานาน ได้ยินจากปากของฮันคยองที่กระซิบอยู่ข้างๆหูตอนนี้ แม้เสียงของฝนที่ตกอยู่จะดังสักแค่ไหน แต่เขาก็มั่นใจว่าฟังไม่ผิดแน่
...รู้สึกดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลย...
“แล้วฉันไม่ได้รักแกแบบที่เพื่อนรักเพื่อน”
“ฮึก..เกิง...”
“รักแกจริงๆนะ”
“ฮือ อ”
“รักแก”
“.....”
“รักแก”
“....”
“รักแก”
“ฮึก เกิง...ฉันก็รักแก!!!”
“ห..หา???” ทันทีที่ได้ยินเสียงของเพื่อนตัวเล็กฮันคยองดันไหล่บางให้ออกห่างจากตัวเองก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตาแล้วถามซ้ำอีกครั้ง ...
“เมื่อกี้แกว่าไงนะ?”
“ฉัน! รัก! แก! ลีฮยอกแจรักหานเกิง ได้ยินชัดมั้ย!!” ฮยอกแจตะโกนอกมาทั้งน้ำตา ความรู้สึกอึดอัดที่เก็บเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน มันหายไปพร้อมกับน้ำตาหมดแล้วตั้งแต่ที่ได้บอกรักเพื่อนตัวโตไปเมื่อกี้
เมื่อได้ยินชัดจนแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดไปฮันคยองก็ยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนจะยื่นมือไปประคองใบหน้าของเพื่อนเอาไว้แล้วโน้มใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ๆ ....
ยอมรับว่าตอนที่บอกไปในใจก็แอบหวังเอาไว้เล็กๆเหมือนกันว่าเจ้าเพื่อนตัวเล็กจะรู้สึกแบบเดียวกับเขา แต่ในเวลาเดียวกันก็เผื่อใจเอาไว้ด้วย ว่าถ้าบอกออกไปแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร ความรู้สึกที่มีให้กันจะเหมือนเดิมรึเปล่า....
“ดีใจจังเลยว่ะ 55” พูดเสร็จแล้วก็ใช้ปากของตัวเองแตะเข้าที่ริมฝีปากบางของเจ้าเพื่อนตัวเล็กเบาๆ ก่อนจะผละออกมาแล้วสวมกอดเอาไว้แทน
“ไอ้บ้า!....แกทำอะไรห้ะ!” เจ้าเพื่อนตัวเล็กรีบโวยวายตามปกติพร้อมกับใช้กำปั้นทุบที่อกแกร่งเบาๆ ใบหน้าหวานขึ้นสีชมพูจางๆ ถึงเมื่อกี้ฮันคยองแค่ใช้ปากสัมผัสปากเท่านั้น ไม่ได้จูบแบบลึกซึ้ง แต่ก็สามารถทำให้ฮยอกแจเขินได้ไม่น้อยเหมือนกัน
“ก็จุ๊บไง...นิดเดียวเอง”
“จุ๊บ!.แล้วชั้นไปอนุญาติแกตอนไหนห้ะ!”
“ไม่รู้สิ...แต่แกรู้มั้ยว่าตอนนี้ใจแกเต้นแรงมากเลย”
“-////-“
“เอ๊ะไม่สิ...มันเต้นแรงตั้งแต่ตอนที่แกกระโดดเข้ามากอดฉันแล้วต่างหาก5 5555”
“ก...ก็ตอนนั้นฟ้ามันร้องเสียดังเลยตกใจเฉยๆ!”
“ห้ะ ฮ่าๆ...ต้องช่างต่อปากต่อคำแบบนี้สิถึงสมเป็นแกหน่อย” ฮันคยองกล่าวขำๆก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาขยี้ผมของฮญอกแจด้วยความมันเขี้ยว.. ก
“กลับบ้านกันเถอะฮยอก...”
“อื้ม..."
สองคนเดินจับมือกันแล้วเดินออกไปหน้าโรงเรียนท่ามกลางสายฝน ...
ดีใจที่ได้พูดคุย หัวเราะ และกลับบ้านด้วยกันตามปกติ
ตอนนี้คงจะมีเพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป.....
________________________
ฮัลโล่ว! รีดเดอร์ที่น่ารักทุกท่าน 555 5
หายไปเกือบอาทิตย์นึงแน่ะ
คิดถึงต้ากันมั้ย-3- 555 5
คิดว่าหลายๆคนคงกำลังแอบสาบแช่งต้าอยู่
ประมาณว่าอีนี่มันไม่เคยลงครบ100%ซักที
5555 5 แต่ไม่ใช่ว่าอยากให้ค้างหรือว่าเล่ตัวนะครับผม
แต่มันแบบการบ้านเยอะจริงๆและต้าต้องแอบแม่เล่น
เลยอัพได้ทีละจึ๋งๆๆ-..-
พออัพเสร็จก็จะเอามาลงให้ ( โดยไม่แคร์ว่ามันจะค้างรึไม่) 555 5
และตอนที่เอามาลงให้เห็นสั้นขนาดนี้แต่เค้านั่งแต่งนานอยู่นะจะบอกให้TT
และสำหรับคนที่ยังงุ้งงิ้ง(?) อยู่กับฮันฮยอกก็อยากจะบอกว่า"น่าจะ"เคลียในตอนนี้แหละจ้า^^
หิหิ...
ไปดีกว่า ไว้ดึกๆ(ตี3-ตี4)ถ้าไม่หลับไปก่อนต้าจะแอบย่องลงมาอัพเพิ่มนะคะ
อย่าลืมเม้นล่ะ^^!!!
ปล. อากาศแอบหนาวก่อนนอนอย่าลืมห่มผ้าด้วยนะคะ : ))
update : 220110
__________________________
ขณะนี้เป็นเวลาสี่นาฬิกา สิบนาที สิบสามวินาที เย้เฮ~
ตายังสว่างอยู่เลย= =
ตอนนี้แฟนฟิคก็คงหลับฝันดีกันอยู่อะดิ 555 5
เดี๋ยวต้าคงจะไปนอนมั่งละ พรุ่งนี้ต้องไปซ้อมเต้นที่โรงเรียน
สำหรับเปอร์เซ็นที่จะอัพต่อไปเป็นตอนของใครคงไม่ต้องบอกนะคะ
ขอบอกว่าเคลียค่ะ : )
และหวานด้วย -3-
โห๊ะๆ
ต้าไปนอนดีกว่า
ฝันดีนะ.... (พูดกับตัวเอง- -)
update : 230110
_______________________
เย่~
เน็ตที่บ้านใช้ได้แล้ว วู้วๆๆ
แก้ไขตัวอักษรและแก้ไขอะไรเล็กๆน้อยๆให้แล้วนะคะ^^
สำหรับตอนนต่อไปอาจต้องรอกันหน่อยเพราะต้ายังไม่ได้คิดอะไรไว้เลย
ที่สำคัญการบ้านค้างเติ่งมาก= =
สำหรับอีตาผู้ชายที่จ้องจะกินปลาเป็นใครก็ต้องลุ้นกันไป 555 (เชื่อว่ามีหลายคนที่รู้นะ)
อ่า เหมือนมีอะไรจะพูดแต่นึกไม่ออก งั้นต้าไปละ 555
บ๊ายบายค่ะ อย่าลืมเม้นกันนะ^^!! (ยิ้มอย่างเฉือดเฉอนเหมือนทุกครั้ง)
ปล. ไม่ได้เล่นคอม5วันตามเซฟรูปคอนไม่ทันเลยค่ะ= =!!!!!!!!!!!!!!!
ความคิดเห็น